พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้ได้รับรูปหล่อลอยองค์พระยามัจจุราชแล้ว ได้ถวายน้ำสะอาดใส่น้ำแข็งเย็นจัด ขณะสวดคาถาบูชาเกิดความเย็นยะเยือกขึ้นมาที่แขนทั้ง ๒ ข้างที่ยกพนมอยู่..

    คาถาพญายม ( พระยามัจจุราช )<O:p</O:p

    นะโม ๓ จบ<O:p</O:p

    ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ฝากคุณน้องนู๋ครับ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สามเณรน้องเดียวไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ติดตามอ่านเรื่องราวดีได้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ฮือฮา!! หมอเทวดา รักษามะเร็ง นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ
    [​IMG]
    ฮือฮา!! หมอเทวดา รักษามะเร็ง นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ
    เป็นข่าวฮือฮา หลังกิตติศัพท์ของ นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ หรือที่ชาวบ้านหลายคนเรียก หมอเทวดา ในความสามารถวินิจฉัยและวิธีการรักษาโรคมะเร็งมากว่า 30 ปี จนผู้ป่วยหลายรายหายป่วย บางรายอาการดีขึ้น เมื่อข่าวเผยแพร่ออกไปทั้งทางหนังสือพิมพ์ และรายการข่าว3มิติ ทำให้คนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งแห่มารักษาแน่นคลีนิค บางรายมารอคลีนิกเปิดตั้งแต่ตี 2
    นายแพทย์สมหมาย กล่าวว่า อย่าเรียกตนว่าเป็นหมอเทวดาเลย เพราะตนเป็นเพียงแค่ หมอธรรมดา เท่านั้น โดยตนได้เริ่มทดลองใช้สมุนไพรรักษาโรคมะเร็งมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2512 จนประสบความสำเร็จในปี พ.ศ.2520 และได้ลาออกจากราชการมาเพื่อรักษามะเร็งโดยเฉพาะ
    นายแพทย์สมหมาย ยังเปิดเผยว่า การรักษาเป็นแบบผสมผสาน ระหว่างยาสมุนไพรที่ทดลองศึกษามานาน ควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน ซึ่งตัวยาประกอบด้วยสมุนไพร 8 อย่าง อาทิ แพงพวย ยอดพุทธรักษา เป็นต้น
    “ผม ดีใจที่อีกหน่อยสูตรยา ของผม องค์การเภสัชจะนำไปผลิตและจำหน่ายให้คนไทย เพราะผมยกสูตรยานี้ให้องค์การเภสัชไปแล้ว แทนที่สูตรยาจะตายไปกับผม แต่ไม่แล้ว สมุนไพรนี้จะยังอยู่ จะมีคนรับไปต่อยอดจากผมอีกที” นายแพทย์สมหมาย กล่าว
    ซึ่ง การรักษาจะเริ่มตั้งแต่การพูดคุย สอบถามอาการ โดยนายแพทย์สมหมาย ยอมรับว่า หากเป็นระยะเริ่มต้นก็มีโอกาสรักษาหาย บางรายอาการหนักจนเดินไม่ได้ ท้องบวม ก็คงหมดทางช่วยให้หาย อาจจะได้แค่ยืดเวลาชีวิตออกไป
    สำหรับค่ารักษา พยาบาลที่ ผ่านมานั้น หากเป็นการรักษาในโรงพยาบาลมีชื่อทั่วไป ค่ารักษาคงไม่น้อยกว่าหลักหมื่นหรือหลักแสน แต่สำหรับ นพ.สมหมาย กล่าวติดตลกไว้ว่า “ใครนั่งรถเบนซ์มา ก็แพงหน่อย ใครไม่มีตังค์มา ก็ให้ฟรี (ยิ้ม)”
    ก่อนจะขยายความเสริมว่า “รักษามาเกือบ 40 ปี มีพอกินพอใช้ แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้น มันอยู่ที่ใจ ได้น้ำใจ ได้ทางความรู้สึก แค่นั้นพอแล้ว”
    สถานที่ตั้งคลีนิก : บ้านเลขที่ 931 ต.บางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี
    ————————————————-
    [​IMG]
    นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ เป็นคนจังหวัดสิงห์บุรี เกิดเมื่อ ๒๗ ธันวาคม ๒๔๖๔ จบการศึกษาเภสัชศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลง กรณ์มหาวิทยาลัย และจบแพทยศาสตรบัณฑิตเหรียญทอง จากโรงพยาบาลศิริราช ในระหว่างศึกษาได้ทำงานในร้านขายยาเพื่อส่งเสียตัวเอง กระทั่งสำเร็จการศึกษาในปี 2494 เคยเป็นแพทย์ประตำตัว จอมพล ป.พิบูลสงคราม
    ประวัติการทำงาน ของ นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ
    - ปีแรกที่สำเร็จเภสัชศาสตร์บัณฑิต รับราชการเป็นอาจารย์อยู่คณะเภสัชศาสตร์ ๑ ปี แล้วกลับมาเรียนแพทย์ต่อที่ศิริราช
    - ทำงานที่สถานเสาวภา สภาชาดไทย ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับ วัคซีน, เซรุ่ม 1 ปี
    - กลับมาเป็นแพทย์ประจำอยู่โรงพยาบาลศิริราชอีก ๓ ปี
    - รับราชการที่โรงพยาบาลตำรวจได้ ๘ เดือน
    - รับราชการในกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
    - พ.ศ. ๒๕๑๘ เลื่อนขึ้นเป็นนายแพทย์ใหญ่จังหวัดสิงห์บุรี
    - เปิดคลินิกรักษาโรงมะเร็ง จ.สิงห์บุรี (เชี่ยวชาญการใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง)
    ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์,กรุงเทพธุรกิจ
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><IFRAME height=undefined marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?format=nanxnan&output=html&ea=0&flash=10.1.53.64&dt=1283113798656&shv=r20100818&jsv=r20100825&correlator=1283113798656&frm=1&adk=3258867418&ga_vid=1973136488.1283113712&ga_sid=1283113712&ga_hid=1107095336&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=4&u_java=1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1004&bih=565&ifk=798987300&fu=4&ifi=1&dtd=297" frameBorder=0 width=undefined allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
    <SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    จะไปนิพพานต้องฝึกตัดห่วงทั้งหมด,บุญเป็นพาหนะนำเราไปนิพพาน<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    Artist: พระครูสังฆรักษ์สุรจิต วัดท่าซุง
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0><TBODY><TR><TD width=20><INPUT id=play_56686 onclick=document.all.music.url=document.all.play_56686.value; value=attachment.php?attachmentid=56686 type=radio name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>19-09-52(7)จะไปนิพพานต้องฝึกตัดห่วงทั้ง (2.23 MB, 1291 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>
    <!-- google_ad_section_start -->
    [​IMG]
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอแก้ความเข้าใจผิด เรื่องของคณะพระวังหน้าครับ

    สำหรับคณะพระวังหน้า ที่ผมเอ่ยถึงบ่อยๆ ก็คือ บุคคลที่ได้ร่วมทำบุญกับ สนส.บ่อเงินบ่อทอง , สนส.ผาผึ้ง และงานบุญอื่นๆ ซึ่งได้เคยร่วมกิจกรรมกับผมที่บ้านท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร บุคคลในคณะพระวังหน้า ผมจะมีการส่งเรื่องของงานบุญและกิจกรรมต่างๆ ให้ทาง Email อยู่เสมอๆ

    ส่วนท่านใดที่สมัครสมาชิก กลุ่ม/ชมรมพระวังหน้า ในเว็บพลังจิต

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD></TD><TD width="100%">PaLungJit.com > กลุ่มชมรม > พระเครื่อง-วัตถุมงคล </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] พระวังหน้า

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    PaLungJit.com - พระวังหน้า

    จะไม่ใช่กลุ่มเดียวกันกับ คณะพระวังหน้า ครับ

    กลุ่ม/ชมรมรักษ์พระวังหน้า ในเว็บพลังจิต จะเป็นสมาชิกของเว็บพลังจิต ที่เข้าไปสมัคร เพื่อโพสความเห็นของตนเองในกระทู้ที่ตั้งขึ้นเท่านั้นครับ

    .



    .



    .



    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อย่าลืมนำพวงมาลัย ดอกดาวเรือง ถวายท่านด้วยครับ

    เมื่อวานนี้ ช่วงประมาณ 3-4 โมงเย็น ก็คุยกันในเรื่องนี้ ท่านก็มาฟังที่ผมได้คุยกับพี่ท่านนึงเช่นกัน

    ไว้ผมจะแนะนำ(ที่ผมได้คุยกับพี่ท่านนึง)ในเรื่องของการกรวดน้ำให้อีกครั้งทาง Email ครับ

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่วนเรื่องของการอยู่ไกล ไม่สดวกในการติดต่อกับคณะ นั่นไม่ใช่ประเด็นปัญหา

    สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า ที่อยู่ไกล และมาร่วมกิจกรรมในงานบุญ มีอยู่หลายๆท่าน
    เช่น คุณpsombat อยู่ที่แม่สอด , คุณtawatd อยู่ที่จังหวัดน่าน , คุณพรสว่าง_2008 อยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ,คุณณฑนน อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ยังมาร่วมในงานบุญอยู่อย่างสม่ำเสมอ

    ซึ่งผมเอง ยอมรับในน้ำใจที่ใฝ่ร่วมในงานบุญของ ชมรมรักษ์พระวังหน้า , คณะพระวังหน้า และ คณะกองทุนหาพระถวายวัด อยู่โดยตลอด ผมยอมรับในน้ำใจมากกว่าท่านที่อยู่ในกรุงเทพฯหรือปริมณฑล

    ลองคิดดูครับว่า หากเป็นท่านอยู่ในต่างจังหวัด แล้วท่านจะมาร่วมในงานบุญบ่อยๆ สม่ำเสมอขนาดนี้หรือไม่

    ผมเองได้เตรียมเรื่องของวัตถุมงคลที่จะมอบให้สำหรับ 4 ท่านนี้ แต่ยังไม่บอกว่าเป็นอะไร ผมตั้งใจจะมอบให้ในวันงานใหญ่ปลายปีนี้แน่นอน

    ส่วนงานใหญ่ปลายปีนี้ ผมจะสอบถามในเรื่องของวันงานอีกครั้ง รบกวนช่วยตอบผมกลับมาด้วย ผมจะแจ้งให้ทุกๆท่านทราบทาง Email ครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    “โพวฟู่ฉางจู” : "ผ่าท้องซ่อนมุก"

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    18 สิงหาคม 2553 09:52 น.


    《剖腹藏珠》

    剖 (pōu) อ่านว่า โพว แปลว่า ผ่า
    腹 (fù) อ่านว่า ฟู่ แปลว่า ท้อง
    藏 (cáng) อ่านว่า ฉาง แปลว่า เก็บงำ/ ซ่อน
    珠 (zhū) อ่านว่า จู แปลว่า ไข่มุก



    ภาพจาก

    ครั้งหนึ่งในรัชสมัยของฮ่องเต้ถังไท่จง แห่งราชวงศ์ถัง ขณะที่องค์ฮ่องเต้กำลังสนทนาปราศรัยอยู่กับเหล่าข้าราชสำนัก ถังไท่จงฮ่องเต้ ได้กล่าวถึงเรื่องราวหนึ่งว่า

    "ณ ดินแดนตะวันตกอันไกลโพ้น มีพ่อค้าวานิชย์ผู้หนึ่ง ด้วยความบังเอิญได้มีโอกาสครอบครองไข่มุกล้ำค่ามากชนิดที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน ทำให้เขาตื่นเต้นยินดีเป็นอันมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีความกังวลว่ามุกเลอค่านั้นจะโดนขโมยไป ไม่ว่าจะเก็บรักษาไว้ที่ใดก็ไม่ทำให้เขารู้สึกวางใจได้ สุดท้ายจึงได้คิดวิธีการหนึ่งขึ้นมา คือคิดที่จะผ่าท้องของตัวเองแล้วนำไข่มุกไปซ่อนเอาไว้ในนั้น เพราะมีแต่ทำเช่นนี้จึงจะแน่ใจว่ามุกจะไม่ถูกมือดีโจรกรรมไปเป็นแน่ ทว่าเมื่อลงมือผ่าท้องตัวเอง ชายผู้นั้นก็สิ้นใจทันที"

    เมื่อเล่าจบ ถังไท่จงจึงกล่าวต่อไปว่า "เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องที่เราเคยได้ยินมา พวกท่านเล่า คิดว่าโลกนี้ยังมีคนเช่นนี้อยู่จริงหรือ?"

    เหล่าข้าราชบริพารต่างพากันตอบว่า "น่ากลัวมี"

    ถังไท่จงจึงกล่าวอีกว่า "ทุกคนต่างทราบดีว่า เหตุการณ์ที่พ่อค้าวานิชย์รักถนอมไข่มุกมากกว่ารักถนอมชีวิตตนเองนั้น เป็นเรื่องชวนหัว น่าสมเพช แต่กลับมีขุนนางบางรายเนื่องเพราะกินสินบาท คาดสินบนจนทำร้ายทำลายถึงชีวิตของตัวเอง มีจักรพรรดิ์ที่เสพสุขอย่างไร้ขีดจำกัดจนกระทั่งต้องสูญเสียประเทศชาติ เช่นนี้มิใช่เรื่องน่าขันเช่นเดียวกับเรื่องของพ่อค้าผู้นี้หรอกหรือ?"

    ในตอนนั้น เว่ยเจิง ขุนนางและที่ปรึกษาคู่ใจขององค์ฮ่องเต้ถังไท่จง ได้กล่าวว่า "เนื่องเพราะผู้ที่ถูกอำนาจเงินตราบังตา ละโมบโลภมาก จนกระทั่งลืมแม้แต่ชีวิตของตนเองนั้นมีอยู่จริง ในสมัยที่ขงจื๊อเป็นขุนนางอาวุโสแห่งแคว้นหลู่นั้น หลู่อายกง เจ้าครองแคว้นได้กล่าวกับขงจื๊อว่า "มีคนป่วยเป็นโรคขี้ลืมบางจำพวก ย้ายบ้านไปแต่กลับลืมเลือนภรรยา" ขงจื๊อตอบว่า "นั่นไม่นับว่าแปลก ยังมีคนที่เป็นโรคขี้ลืมหนักว่านั้น "เจี๋ย, โจ้ว กระทั่งลืมเลือนแม้แต่ตัวตนของตนเอง" (เจี๋ย หมายถึง กษัตริย์ทรราชย์สมัยราชวงศ์เซี่ย ส่วน โจ้ว หมายถึง กษัตริย์ทรราชย์สมัยราชวงศ์ซาง ซึ่งทั้งสองต่างก็เป็นกษัตริย์องค์สุดท้าย ก่อนที่ราชวงศ์ของตนเองจะโดนล้มล้าง)

    “โพวฟู่ฉางจู” หรือ "ผ่าท้องซ่อนมุก" ใช้เพื่อเปรียบเปรยกับการเห็นแก่ทรัพย์สมบัติจนทำลายตนเอง หรือการเรียงลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ กลับตาลปัตร

    ที่มา
    http://baike.baidu.com

    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000113968
    .


    .



    .



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2010
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 19 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 13 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, chantasakuldecha+, nongnooo+, psombat+, แหน่ง+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ๊ะ สวัสดีครับทุกท่าน

    .
     
  11. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 19 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 15 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, :::เพชร:::, nongnooo, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีครับ ท่านเลขาฯ และท่านรองประธานทั้งสองครับ

    หายเหนื่อยกันหรือยังครับ

    แต่ผมว่าทุกๆคนที่มาร่วมทำบุญ เมื่อเห็นยอดเงินที่ได้จากการทำบุญและจำนวนคนที่มาร่วมทำบุญ

    ผมว่าแค่นี้ก็คงหายเหนื่อยแล้วครับ

    โมทนาสาธุ กับทุกท่านที่มาร่วมทำบุญ และอีกหลายๆ ท่านที่ตั้งใจอยากจะมาแต่ติดธุระไม่สามารถมาร่วมได้ครับ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับงานใหญ่ปลายปีนี้ ผมได้จัดส่งรายละเอียดและสอบถามความเห็นของท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า , สมาชิกคณะพระวังหน้า และ สมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด ไปให้ทุกๆท่านทาง Email แล้ว

    ผมรบกวนตอบกลับมาด้วยว่า ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร ในเรื่องของวันที่จะจัดงาน

    หากคณะพี่แอ๊ว ไม่สามารถมาร่วมงานได้
    และหรือคณะพี่ชนิดา ไม่สามารถมาร่วมงานได้

    ทางชมรมรักษ์พระวังหน้า ต้องจัดเตรียมในเรื่องของอาหาร และ เครื่องดื่ม กันเอง และต้องดูจำนวนของท่านที่มาร่วมงานว่า จะมีประมาณกี่ท่าน

    อย่างไรก็ตาม สำหรับงานใหญ่ปลายปีนี้ ต้องจัดขึ้นมาตามธรรมเนียมที่ชมรมรักษ์พระวังหน้าจัดกันมา 2 ปีแล้ว

    งานสรงน้ำพระบรมฯและแสดงมุฑิตาจิตท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร เป็นงานประจำปีของชมรมรักษ์พระวังหน้า ไม่ว่าจะมีผู้มาร่วมงานมากหรือน้อย ก็ต้องจัดขึ้นแน่นอนครับ

    โมทนาสาธุครับ


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอความกรุณาไม่ต้องนำลงในกระทู้พระวังหน้าฯ เว็บพลังจิตนะครับ

    เป็นงานภายในของชมรมรักษ์พระวังหน้าครับ

    .
     
  14. Phocharoen

    Phocharoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +225
    เรียนท่านเลขาฯ และสมาชิกทุกท่าน
    ผู้มีจิตศรัทธา รวมทั้งตัวผมเองได้ขอ ทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง เพิ่มอีก 3500 บาทครับตามเอกสารที่แนบมาด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0002.pdf
      ขนาดไฟล์:
      278.5 KB
      เปิดดู:
      81
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เมื่อวานได้รับ DVD พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯจากคุณ katicat ซึ่งได้ฝากน้องอุ้มมามอบให้ผม ซึ่งได้พบกันในงานบุญผ้าป่าปิดพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ บางเขน ก็ได้เปิดดูด้วยความระลึกถึงพระพี่นางเธอฯ ประมวลภาพเหตุการณ์ได้ครบถ้วนทั้งหมดด้วยความอาลัย อาดูร คิดถึงพระพี่นางเธอเป็นอย่างยิ่ง ดูไปน้ำตาไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ด้วยพระราชกรณียกิจที่ทรงดำเนินตลอดชั่วชีวิตนี้เพื่อคนไทยตามรอยเบื้องยุคลบาทของสมเด็จย่าฯของปวงชนชาวไทย พระจริยวัตรงดงามจริงๆ

    เช้านี้ได้รับทราบข่าวคราวของบุคคลผู้หนึ่ง ความตอนหนึ่งไปตรงกับเรื่องราวใน DVD ที่ชมเมื่อคืน เกี่ยวกับ"โกศไม้จันทน์หอม" เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง

    Subject: FW: มหาเศรษฐีไทยใจบุญ เปิดรพ.รักษาฟรี - บอกต่อด้วย

    [​IMG]

    มหาเศรษฐีไทยใจบุญ เปิดรพ.รักษาฟรี - บอกต่อด้วย

    เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2551
    รายการเจาะใจ ได้เชิญ บุคคลที่น่าทึ่งท่านหนึ่งมาสัมภาษณ์

    เค้าคือ คุณ ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ

    เรื่องย่อ......

    ออกจากมหาลัยตอนเรียนได้แค่ 9 หน่วยกิจ มาทำธุรกิจติดต่อกับญี่ปุ่นครั้งแรก ตอนนั้นไม่มีตังค์ซักเท่าไหร่ เมื่อวันที่นักธุรกิจญี่ปุ่นคนแรกที่ดิวด้วยจะต้องกลับประเทศ ก็ดันตกเครื่อง เค้าโดนขอตังค์ค่าเครื่องบินใบใหม่แต่ไม่มีให้
    จึงนำรถปิกอัพตนเองไปขาย

    วันรุ่งเค้านั่งแท๊กซี่ ไปรับนักธุรกิจคนเดิมที่โรงแรมเพื่อไปสนามบิน พร้อมตั๋วเครื่องบินใบใหม่ นักธุรกิจญี่ปุ่นถึงกับพูดไม่ออกเมื่อทราบวิธีได้เงินมาซื้อตั๋วให้ แถมเค้ายังให้ตังค์ไปอีก 1 หมื่นบาทติดตัว ตังค์ก็ไม่มี แต่ช่วยคนกันแบบโคตรจริงใจสุดตัว

    หลังจากนั้นไม่กี่วัน ภรรยาของนักธุรกิจญี่ปุ่นคนเดิม
    โทรมาถามบัญชีธนาคาร เค้าได้รับเงินโอนมา 1 ล้านบาท
    ย้ำว่า 1,000,000 บาทเข้าบัญชี

    เค้านำเงินไปซื้อรถบรรทุกคันใหม่
    แล้วชีวิตการทำธุรกิจจากการช่วยเหลือเพื่อน นักธุรกิจคนนั้นก็เกิดขึ้น

    กำไรครั้งละ 30 ล้านบาทต่อการขนลงเรือ 1 ครั้ง
    วันนึงหลายลำ ทำมาหลายปี จนน่าจะถูกเรียกว่า รวย(ด้วยการซื้อขาย รถมอไซค์เก่าจาก ญี่ปุ่นจากการเพื่อนนักธุรกิจญี่ปุ่นคนเดิม เพื่อนำๆไปขายให้คนจน ที่ไม่มีโอกาสขับรถใหม่ ทั้งในไทยลาวเขมรเวียตนาม ในราคาถูกสุดๆเพียง คันละ 600 บาท ไปขายต่อในราคา 16,000 บาท / คัน กำไรหลังหัก คชจ. เหลือ 11,000 บาท ทั้งหมด 3,000 คันต่อลงเรือ 1 ลำ ขายมาตั้งแต่เรียนราม)

    ปัจจุบัน อายุมากแล้ว เลิกทำทุกอย่าง รับค่าเช่าจากธุรกิจเพียงเท่านั้น

    เมื่อไม่นานมานี้ ต้องการหันหน้ามาทำบุญอย่างจริงจัง ตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้
    จึงได้เริ่มจากการบริจาคที่ดิน ซอยสุขุมวิท 24 จำนวน 3 ไร่ 130 ตรว.
    ( มูลค่าที่คนมาขอซื้อ 700,000 บาท ต่อ ตรว. หรือ 6,000 ล้านบาท )

    เพื่อตั้ง บริษัททาสของแผ่นดิน จำกัด
    เพื่อดำเนินการโรงพยาบาล เพื่อคนจน มารักษาผ่าตัดตา และฟอกไต

    ฟรี!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ใครจขอซื้อที่แปลงนี้ก็ไม่ขาย
    จะให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน อึ้ง!!!!!

    เค้ารักในหลวงมาก
    อยากให้คนจนสุขภาพดี
    ทุกวันนี ้ ทำเพราะอยากได้บุญ (ก็ไม่รู้ว่าถูกต้องรึเปล่านะ)
    แต่ก็ช่วยคนจนคนป่วยให้หายจากการเจ็บป่วยมามากมายหลายปีแล้ว

    ลอง search ชื่อเค้าดู
    น่าทึ่งและเลื่อมใสมาก มีคำนึง เค้าตอบคำถามพิธีกร

    จากคำถามว่า ถ้ามีตังค์น้อย เราจะช่วยอะไรใครได้บ้าง
    เค้าบอกว่า คนจนช่วยเหลือกันได้มากกว่า คนรวย

    เพราะคนจนลงแรง แต่คนรวยเอาเงินซื้ออำนาจ

    การช่วยเหลือเลยไปไม่ถึงคนเดือดร้อนตัวจริง
    ลงแรงซะก่อนคือสิ่งที่ต้องทำแล้วค่อยลงทุน.

    ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ทาสของแผ่นดิน
    ผู้ถวายไม้จันทน์หอมสร้างพระโกศพระพี่นางฯ

    เปิดใจครั้งแรก กับ...ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ผู้ถวายท่อนไม้จันทน์หอม สร้างพระโกศสมเด็จย่า และสมเด็จพระพี่นางฯ พร้อมเจริญรอยตามในหลวง ด้วยการเปิดบริษัท ทาสของแผ่นดิน รักษาต้อกระจกฟรีให้กับคนจน

    ความจงรักภักดี แปลว่า " ความยอมสละตนเพื่อประโยชน์แห่งท่าน "
    คือถึงแม้ว่าตนจะต้องได้รับความเดือดร้อนรำคาญ ตกระกำลำบากหรือจนถึงต้องสิ้นชีวิตเป็นที่สุด ก็ยอมได้ทั้งสิ้น เพื่อมุ่งประโยชน์อันแท้จริงให้มีแก่ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ....

    ความจงรักภักดีแท้จริง นี้เอง
    คือ ความรักชาติซึ่งคนไทยสมัยใหม่พอใจพูดอยู่จนติดปาก
    แต่จะมีสักกี่คนที่จะทำได้อย่างแท้จริง …

    วันนี้ WhO? จะพาไปรู้จัก ธานินทร์ พันธ์ประภากิจ
    ประธานกรรมการบริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด

    ผู้ประกาศความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
    และหวังที่จะเดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง

    เข้าเฝ้าในหลวง คือที่สุดในชีวิต

    จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตของคนธรรมดาสามัญ ที่จะมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด

    แต่สำหรับคุณธานินทร์นั้นไม่เพียงการได้เข้าเฝ้าที่สร้างความประทับใจ แต่พระราชดำรัส " ขอบใจ " ยิ่งทำให้เขามีความสุขจนไม่อาจลืม...

    สีหน้าและแววตาแห่งความปลื้มปีติปรากฏบนใบหน้าชายวั ย 51 ปี ขณะเดียวกันเขาพลางชี้ไปยังจดหมายที่ใส่กรอบอย่างดีซึ่งติดบนผนังห้องทำงานอันมีใจความว่า

    " ตามหมายแจ้ง ความประสงค์ถวายท่อนไม้จันทน์หอม เพื่อใช้ในงานพระราชพิธี ถวายพระเพลิงสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สำนักพระราชวังได้นำถวาย ความกราบบังคมทูล พระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงขอบใจ หจก.เอ็ม.เอ.ที. อิมปอร์ต-เอ็กซปอร์ต …"

    คุณธานินทร์ เล่าถึงที่มาของไม้จันทน์หอมดังกล่าวว่า
    เกิดจากเมื่อครั้งไปทำธุรกิจในประเทพม่า

    จึงได้ซื้อท่อนไม้จันทน์นี้กลับมาเพื่อน้อมเกล้า ถวายในหลวง จนเมื่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จสวรรคต เขาจึงน้อมเกล้าฯ ถวายท่อนไม้จันทน์หอมอีกครั้ง พร้อมเป็นผู้อัญเชิญท่อนไม้จันทน์หอมมาสร้างพระโกศถวายสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ดังใจความในจดหมายอีกฉบับที่สร้างความภาคภูมิใจให้เจ้าตัวไม่น้อย

    ตามที่จังหวัดประจวบ ได้มอบหมายให้อ.กุยบุรีรับผิดชอบดำเนินการนำ ไม้จันทน์หอม จากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี นำส่งสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร วันจันทร์ 11 ก.พ. 51 เพื่อนำไปสร้างพระโกศในพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ การทำพิธีสักการะไม้จันทน์หอม เพื่อนำไปใช้สร้างพระโกศในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ

    ตามหนังสือที่อ้างถึง บ.ทาสของแผ่นดิน ได้เสนอเรื่องการนำช้าง 12 เชือก เป็นพระราชพาหนะในเคลื่อนพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ ไปเพื่อสำนักงานปลัด สำนักนายกรั ฐมนตรี พิจารณาคณะกรรมการฝ่ายจัดการ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ

    เมื่อวันที่ 20 มี.ค. มีมติเห็นสมควรให้ดำเนินการจัดงานพระราชพิธี โดยอัญเชิญพระศพสมเด็จ พระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตามแบบโบราณราชประเพณี

    " แค่ผมได้หนังสือของพระองค์ท่านที่ทรงขอบใจมา กระดาษ 1 แผ่นนี้ ผมว่ายิ่งกว่าได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ เป็นกระดาษที่มีคุณค่ามากกว่าเงินตราเสียอีก

    ถึงมีเงินเป็นแสน เป็นล้านก็ไม่สามารถมีหนังสือฉบับนี้ได้

    แล้วก็เป็นหนังสือที่ประทับอยู่ในหัวใจ ในชีวิตของ

    ผมจะปิดทองใต้ฐานองค์พระปฏิมา
    แม้คนอื่นจะมองไม่เห็นก็ตาม

    เพียงแค่ให้พระองค์ท่าน หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้ก็พอแล้ว

    " รางวัลชีวิตอันยิ่งใหญ่ของคุณธานินทร์ที่น้อยคนนักจะได้รู้

    ธานินทร์ ทาสของแผ่นดิน

    แม้เจ้าตัวจะไม่อยากเปิดเผยเรื่องราวแห่งความดีที่เคยทำ
    แต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่หลายคนควรรู้ โดยเฉพาะช่วงชีวิตกว่าจะเป็นธานินทร์

    ผู้เป็นเจ้าของบริษัท ทาสของแผ่นดิน และผู้ก่อตั้งศูนย์ผ่าตัดต้อกระจก-ต้อเนื้อ ฟรีแก่ประชาชนในเวลานี้

    คุณธานินทร์ เรียนจบจาก ปวช.พาณิชย์วิทยาลัย สีลม จากนั้นได้เข้าไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะรัฐศาสตร์ แต่เรียนได้เพียง 9 หน่วยกิต ก็เลิกเรียน

    เพราะรู้สึกว่าการเรียนก็ได้แค่เรียนรู้เท่านั้น สู้ทำงานเองจะดีกว่า เขาจึงตัดสินใจออกมาทำธุรกิจกับเพื่อน จำหน่ายสินค้าประเ ภทรถยนต์ มอเตอร์ไซด์ หนังสัตว์ กระดูกสัตว์ เสื้อผ้า และเครื่องใช้ต่างๆ กับต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น อเมริกา ลาว เขมร เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน ในนาม หจก.เอ็ม.เอ.ที อิมปอร์ต-เอ็กซปอร์ต

    จวบจน กระทั่งได้มาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา บริษัท เพรสซิเดนท์ ปาร์ค ( President Park ) พร้อมกับเป็นผู้ควบคุมดูแลอาคารทั้งหมด

    จากนั้นจึงก่อตั้งบริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว เพื่อจัดตั้งศูนย์ผ่าตัดต้อกระจก-ต้อเนื้อแก่ประชาชน โดยเขาเล่าถึงที่มาของชื่อบริษัทว่า ต้องการให้เห็นอุดมการณ์อันแน่วแน่ที่จะแก้ไขในสิ่งผิด

    " ในอดีตชาติ หรือปัจจุบันเราทำผิดมาก็มากทำถูกมาก็มาก อยากให้มองว่าระหว่างที่ เรามีชีวิตอยู่ไม่ควรมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ หรือแบ่งเชื้อชาติศาสนา แต่ให้ยึดมั่นในองค์ พระมหากษัตริย์ ประเทศไทยเป็นเมืองที่น่าอยู่และเป็นแผ่นดินที่ร่มเย็นมาก

    " พ่อแม่ผมอยู่ในประเทศไทย แล้วผมก็เกิดในแผ่นดินนี้
    ทุกคนอาจเห็นผมตัวดำ
    สีผิวผมที่ดำนี้คือสีดิน
    แล้วถ้าตัวผมไม่ดำ ผมจะเป็นทาสของแผ่นดินได้ยังไง

    เคยมีอุทาหรณ์สอนใจผมว่า ผมน่าจะเกิดเป็นลูกของคุณทักษิณ เพราะผมจะได้เป็นคนรวย มีเงินเยอะๆ ผมจะเดินทางไปหาประชาชน เดินตามรอยพระยุคลบาทของในหลวง พ่อผมจะเป็นอะไรก็เป็นไปไม่เกี่ยวกับผม แต่ผมจะเดินออกไปหาคนจนในถิ่นทุรกันดาร คิดว่าน่าจะเป็นความสุขใจในชีวิต วันนี้ผมจึงกล่าวขานขนานนามต่างๆในชีวิตของผมว่า

    ขอถวายชีวิตเป็นราชพลีแด่พระองค์วงศ์จักรี
    ธานินทร์ทาสของแผ่นดิน "

    ศูนย์ผ่าตัดต้อเกิดจากลมหายใจสุดท้าย

    ศูนย์ผ่าตัดต้อกระจก-ต้อเนื้อ ฟรี ดังกล่าว เกิดขึ้นจากพลังแห่งศรัทธา ในบุญและบาป

    โดยครั้งหนึ่งคุณธานินทร์เคยถูกลอบยิงเกือบเอาชีวิตไม่รอด สาเหตุเกิดจากสองสามีภรรยาซึ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในแวดวงสังคม เอาภาพถ่ายของตัวเองขณะยืนอยู่หน้าทัชมาฮาลวางติดไว้ด้านบนผนังด้านบนและเอารูปเจ้าแม่อุมาเทวีวัดแขกไว้ด้านล่าง เมื่อคุณธานินทร์เห็นเข้าจึงรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่สมควร พร้อมกับเขียนเรื่องนี้ลงในหนังสือของตัวเองเพื่อบอให้ประชาชนได้รับรู้

    ประเด็นนี้เองอาจสร้างความโกรธแค้นและกลายเป็นชนวนลอบสังหาร โดยเขาถูกมือปืนยิงบริเวณหน้าบ้านย่านสีลม ลูกปืนเข้าที่ศรีษะทำให้ต้องรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.กรุงเทพคริสเตียน ในห้องไอซีย ู นานถึง 45 วัน และต้องทำการผ่าตัดถึง 6 ครั้ง "

    เป็นช่วงเวลาที่ได้เห็นคนเสียชีวิตมากมายมหาศาล สัจธรรมเกิดขึ้นมาทันทีว่า ภาพที่เห็นคนตาย คิดในทาบวกถือเป็นความสุข เพราะไม่ได้นอนกับคนที่ักเราอย่างเดียว แต่ได้นอนกับคนที่ต้องตายทุกวัน คิดว่าน้อยคนนักที่จะได้มานอนกับคนตายแบบนี้

    ระหว่างที่อยู่ไอซียูยังได้ยินเสียงทุกคนพูดตรงกัน คงอยู่ไม่เกินครึ่งชั่วโมง แต่ครึ่งชั่วโมงนั้นทำให้รอดตายมาได้ นับว่าโชคดีและเป็นบุญอย่างหนึ่ง ถามว่าสะทกสะท้าน กับความตายไหม บอกได้เลยว่าไม่มี เลยได้คารมเด็ดๆในชีวิตว่า ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา ไม่เสียดายเวลาถ้าสิ้นไป เพราะว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว "

    เหตุนี้ ชีวิตที่เหลืออยู่ เขาจึงขอแทนคุณแผ่นดินด้วยการตั้งศูนย์ผ่าตัดต้อกระจกขึ้น เพื่อรักษาผู้ยากไร้

    " วันนั้นคิดว่า ถ้าผมกลับมาได้จะตอบแทนบุญคุณให้กับ แผ่นดินที่เราอาศัยอยู่ได้ยังไง ถ้าไปกิน-นอนอยู่กับใครสักคนโดยไม่ทำอะไรให้ แต่อยู่อย่างสุขสบายไม่ช่วยเหลือและเกื้อกูล ไม่ทำอะไรให้เลย เขาจะเรียกว่าเนรคุณไหม และถ้าผมอยู่ในแผ่นดินนี้ ไม่ช่วยเหลือแล้ว ยังกอบโกยโกงกินผืนแผ่นดิน เขาจะเรียกผมว่าทรราชของแผ่นดินหรือเปล่า "

    ชีวิตเฉียด ตายทำให้เข้าใจในความเป็นมนุษย์และบุญคุณที่ต้องทดแทนแผ่นดิน

    เมื่อแนวคิดในการเปิดศูนย์ผ่าตัดต้อกระจกทำท่าว่าจะเป็นจริง คุณธานินทร์

    จึงปรึกษากับ นพ.วิทิต อรรณเวชกุล ผอ.โรงพยาบาลบ้านแพ้วในขณะนั้นทันที แม้คุณหมอจะถามย้ำถึงความเชื่อมั่นว่าทำแน่หรือ เพราะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล แต่เขากลับมั่นใจว่าต้องทำได้

    " เมื่อปรึกษาหารือกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงสั่งซื้ออุปกรณ์การผ่าตัดดวงตา จากต่างประเทศ และสั่งซื้อรถห้องผ่าตัดเคลื่อนที่หลายสิบล้านบาท โดยเงินทั้งหมดในการซื้อ อุปกรณ์เป็นเงินส่วนตัวของผมที่ได้เก็บสะสมตลอดทั้งชีวิต ผมต้องการช่วยเหลือชาวบ้านผู้ยาก ไร้คนไทยในแผ่นดินด้วยกัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "

    จากนั้นเขาได้จัดทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ลงพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยครั้งนั้นมีผู้ป่วยถึง 200 ราย หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดต้อกระจก และสามารถมองเห็น อีกครั้ง ทุกคนต่างร้องไห้ดีใจ วิ่งเข้ามากอดเขาด้วยความซาบซึ้ง

    ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ศูนย์แห่งนี้สามารถทำให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นได้ประมาณ 600,000 ราย และในปี 2549 พบผู้ป่วยตกค้างสะสมกว่า 100,000 ราย ณ วันนี้หากถามว่าเหนื่อยไหม คุณธานินทร์ ตอบกลับทันทีว่า " ไม่เหนื่อยเลย " เพราะแม้กำลังกายจะสู้คนอื่นไม่ได้ หรือกำลังเงินอาจสู้ประชาชนคนรวยไม่พอ แต่เขาเชื่อว่ากำลังใจของเขาใหญ่กว่าคนรวยในแผ่นดินไทยมากมายมหาศาล

    " ผมมาช่วยเหลือชาวบ้าน เพราะผมแบกความจนเอาไว้ การแบกความจนจะทำให้รู้ว่า เกิดเป็นคนอย่าลืมตัว เกิดเป็นวัวอย่าลืมตีน ดังนั้น ถ้าเราแบกความจนเอาไว้จะไม่ลืมความจนเลย วันนี้เราแบกความจนเอาไว้ก็จะพาประชาชนพ้นทุกข์ได้ และหากเราแบกความรวยเอาไว้เมื่อไร เราจะกลายเป็นคนลืมตัว ถ้าตายไปแล้วขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันก็ยังมีคนยากจนอยู่ในแผ่นนี! ้ ขอกลับลงมาเกิดในแผ่นนี้ดีกว่า ผมไม่ได้คิดที่จะเปิดศูนย์นี้เท่านั้น แต่มีความตั้งใจจะสร้าง ร.ร.อนุบาลเรารักในหลวง เพื่อต้องการปลูกรากแก้วให้กับเด็กๆ " เขาเล่าถึงสิ่งที่ได้ช่วยเหลือชาว บ้านให้หมดทุกข์ด้วยแววตาที่มุ่งมั่นเช่นเดิม

    ชีวิตที่เหลืออยู่ของ ธานินทร์ พันธ์ประภากิต เขาขอเดินรอยตามพระยุคลบาทองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะสิ่งที่ผู้ชายคนนี้แบกไว้ ไม่ใช่ความรวย ไม่ใช่ความดี แต่คือ " ความจน " ที่เขาจะแบกไปตลอดชีวิต...

    ผู้ที่ประสงค์ผ่าต้อกระจกฟรี! ติดต่อไปยังโรงพยาบาลบ้านแพ้ว และนายชูศักดิ์ แก้วสุริยอร่าม บริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด อาคารพระมหากรุณาธิคุณ เลขที่ 98 ซอยสุขุมวิท 24 ถ.สุขุมวิท แขวงคลองตัน เขต คลองเตย กทม. 10110 สอบถามรายระเอียดได้ที่ 02-2629454-5,02-2618213-7 เวลาทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ 08.00-17.00 น. ( ติดตามเรื่องราวดี ๆ ใน WhO? Magazine ฮู แมกกาซีน ได้ทุกวันอังคารของเดือนครับ )

    [​IMG]

    [​IMG]

    ++ รักษาตาฟรี !! ผ่าตัดต้อกระจก , ต้อเนื้อ นำมาบอกต่อ ++

    รักษาตา ฟรี! ถวายในหลวง
    ( บอกต่อ ๆ กันไปเผื่อจะได้ช่วยคนที่เค้าเดือดร้อนค่ะ)

    โครงการคืนแสงสว่างให้ผู้ป่วยต้อกระจกและต้อเนื้อ
    ขอเรียนเชิญผู้ป่วยทุกท่านมารับ บริการผ่าตัดต้อต้อกระจกและต้อเนื้อ

    ฟรี โดยมิต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ! ทั้งสิ้น

    โดยมีแพทย์ของโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ( องค์การมหาชน)
    สาขาสุขุมวิท ซอย 24 ติดต่อได้ที่

    บริษัททาสของแผ่นดิน จำกัด
    (02-2629454-5, 02-2618213-7)
    เวลาทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ 8.00-17.00 น.
    เลขที่ 99/359-360 ซอยสุขุมวิท 24 ( เกษม) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
    โทร 02 262 9454-5 แฟ็กซ์ 02 262 9454

    **** เอกสารที่ต้องนำมาด้วย ****

    ถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรทอง อย่างละ 2 ใบ
    แพทย์จะทำการตรวจคนไข้ใหม่เฉพาะวันพุธและวันศุกร์ กรุณาโทรแจ้งล่วงหน้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2010
  16. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    วันนี้กระผมได้โอนเงินทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง 6,000 บาท
    วันที่โอน 30/08/10 เวลา 15:32 บัญชีที่โอน 1890131288
    จำนวนเงินที่โอน 6,000 โอนทางatm ครับผม
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 22 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 17 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, Dragonbollz, psombat+, พรสว่าง_2008+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 21 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 16 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, chantasakuldecha+, jirautes, newcomer+, nongnooo+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีตอนเย็นครับ

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ค้นพบ กะเพราศักดิ์สิทธิ์ พืชชนิดใหม่ของโลก

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    คณะสำรวจพรรณไม้ค้นพบ พรรณพืชชนิดใหม่ 4 ชนิด หนึ่งในนั้นคือ กะเพราศักดิ์สิทธิ์

    วันนี้ (30 สิงหาคม) มีการแถลงข่าวการค้นพบพรรณพืชชนิดใหม่ของโลก 4 ชนิด โดนนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คณะสำรวจพันธุ์พืช ของกรมอุทยานฯ ที่นำโดย ดร.สมราน สุดดี ผู้เชี่ยวชาญพรรณไม้วงศ์กะเพราของไทย ได้ค้นพบ พรรณไม้สกุลโมก 3 ชนิด คือ โมกการะเกตุ , โมกพะวอ , โมกนเรศวร และ กะเพรา 1 ชนิด ที่บริเวณเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว จ.หนองคาย

    โดย กะเพรา ที่ถูกค้นพบในครั้งนี้ เป็นกะเพรา ชนิด Labiatae ซึ่งจะขึ้นอยู่ตามดินตื้น ๆ บนภูเขาหินทรายตามป่าเต็งรัง ลักษณะเป็นดังนี้

    มีลำต้นเป็น สี่เหลี่ยม

    สูงประมาณ 50-60 เซ็นติเมตร

    กิ่งมีขนสั้น ๆ นุ่ม ๆ

    ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวมีขนสาก ๆ ด้านบน เรียงตรงสลับตั้งฉาก ยาว 0.4 – 1 เซ็นติเมตร

    กลิ่นไม่ฉุนเหมือนใบกะเพราทั่วไป

    ออกดอกผล ตอนช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม

    ยังไม่ทราบว่ารับประทานได้หรือไม่

    ซึ่งในขณะกำลังตีพิมพ์ประกาศเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก ในวารสาร Thai Forest Bulletin ( Botany )เล่มที่ 38 ภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ผ่านการตรวจค้นข้อมูลแล้ว ไม่พบว่ากะเพราชนิดใหม่ที่พบเจอนี้ ไปซ้ำหรือใกล้กับกะเพราของชาติอื่น จึงสามารถเรียกได้ว่า เป็นกะเพราะชนิดใหม่ของโลก ที่จัดเป็นพืชหายากและใกล้สูญพันธุ์

    ส่วนชื่อเรียกสำหรับกะเพราชนิดใหม่นี้ อธิบดีกรมอุทยานฯ ตั้งให้ว่า กะเพราศักดิ์สิทธิ์ (Platostoma tridechii Suddee ) เพื่อเป็นการระลึกถึง ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช อธิบดีกรมอุทยาน ที่เพิ่งเสียชีวิตไปจากการประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่ จ.น่าน ที่ทำหน้าที่ในการปกป้องดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างเต็มความสามารถ จนกระทั่งจบชีวิตลงขณะปฏิบัติหน้าที่

    อย่างไรก็ตาม นายจตุพร อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า ที่ตั้งชื่อว่า กะเพราศักดิ์สิทธิ์ นั้นเป็นเพราะคุณศักดิ์สิทธิ์ ท่านชอบกินกะเพรามาก อีกทั้งสถานที่ที่ค้นพบกะเพราชนิดนี้ก็คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เป็นบ้านเกิดของท่านศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก คมชัดลึก

     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ภัยเงียบจากพาราเซตามอล (Health Magazine)

    พาราเซตามอล เป็นยาสามัญประจำบ้านที่เรียกได้ว่าแทบจะมีติดบ้านกันเกือบทุกหลังคาเรือน และดูเหมือนว่าเราจะใช้ยาชนิดนี้ตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ ให้กับลูก ๆ หลาน ๆ ให้กับตัวเอง ใช้เรื่อยไปตั้งแต่ปวดหัว เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดประจำเดือน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดฟัน ฯลฯ เป็นยาสามัญที่สามารถซื้อหาได้อย่างสะดวก และเราจะพบยาตัวนี้ ทั้งที่เป็นยาเดี่ยว เช่น ไทลีนอล, พานาดอล, เทมปร้า, คาลปอล, ซาร่า หรือเป็นยาผสมในยาตัวอื่น เช่น ทิฟฟี่, ดีคอลเจน ฯลฯ

    อย่างไรก็ตาม การใช้ยานี้อย่างพร่ำเพรื่อ และใช้ติดต่อกันนานเกินไป อาจก่อนปัญหาภาวะพิษต่อตับได้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา เราอาจจะรู้สึกแปลกใจที่ทราบว่าสาเหตุลำดับต้น ๆ ของการเกิดตับวาย ไม่ใช่มาจากแอลกอฮอล์ หรือมาจากไวรัสตับอักเสบ แต่สาเหตุอันดับหนึ่งกลับมาจากยาโดยเฉพาะพาราเซตามอล เพื่อนคู่บ้านนั่นเอง

    มีผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาใโรงพยาบาลเนื่องจากพิษของพาราเซตามอล เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเกิดตับวายในประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากตับวาย จากพาราเซตามอลต่อปีในปัจจุบันยังสูงกว่าตัวยารักษาเบาหวานRezulin (troglitazone) ซึ่งถูกถอดทะเบียนออกไปแล้วเนื่องจากพิษต่อตับเสียอีก

    กลไกการทำลายตับของยา Acetaminophen หรือพาราเซตามอลนี้ พบว่ายาชนิดนี้เมื่อใช้ในร่างกาย การจะขับออกไปจากร่างกายได้ต้องผ่านขบวนการขับพิษที่ตับสองขั้นตอน ขั้นตอนที่หนึ่งก่อให้เกิดสารผลิตผลที่เป็นพิษ (Toxic metabolite) ชื่อ NAPQI ซึ่งต้องเข้าสู่ขั้นตอนที่สองซึ่งใช้สารกลูต้าไธโอนในตับลดลง หากใช้นานติดต่อกันหรือใช้เกินขนาด ก็จะทำให้ระดับสารผลิตผลที่เป็นพิษนี้เพิ่มมากขึ้นส่งผลเป็นพิษต่อตับรุนแรงในที่สุด ดังนั้น ถ้าหากสามารถผลิตยาที่มีส่วนผสมของพาราเซตามอล และ N-acetyl cysteine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยเพิ่มระดับของสารกลูต้าไธโอนในเซลล์ได้ วิธีการนี้อาจจะสามารถกำจัด หรือช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากพาราเซตามอลได้ (ซีสเทอีนเป็นส่วนประกอบในยาขับเสมหะ เป็นกรดอะมิโนซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตกลูต้าไธโอน หากต้องการให้ระดับกลูต้าไธโอนในเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเซลล์ตับสูงขึ้นจะใช้ N-acetyl Cysteine เพราะการรับประทานกลูต้าไธโอนโดยตรง อาจไม่ได้ผลเช่นนั้นมากนัก เนื่องจากกลูต้าไธโอนมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงถูกใช้ไปในการต้านอนุมูลอิสระในระบบทางเดินอาหาร หากดูดซึมเข้าไปบ้างก็จะถูกใช้ไปในการต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในกระแสโลหิต)

    เนื่องจากว่าพาราเซตามอล เและอเซทิลซีสเทอิน N-acetyl cysteine มีจำหน่ายทั่วไป เราอาจจะคิดว่าการออกสูตรยาพาราเซตามอลซึ่งปลอดภัยไม่น่ายก แต่ที่จริงแล้วมันเป็นปัญหาใหญ่เพราะ FDA สหรัฐอเมริกาไม่อนุญาตให้ใส่ตัวยาทั้งสองเข้าด้วยกันจนกว่าการจดทะเบียนเป็นยาตำรับใหม่จะได้รับการอนุมัติ คือต้องผ่านการศึกษาวิจัยทางคลินิก และต้องผ่านการอนุมัติจาก FDA จึงจะสามารถผลิตออกมาจำหน่ายได้ ขวบนการทั้งหลายเหล่านี้ต้องใช้เงินนับร้อยล้านเหรียญ และใช้เวลานับทศวรรษถึงจะสำเร็จลงได้ ด้วยเหตุนี้ยาสูตรใหม่ พาราเซตามอลที่ปลอดภัยจึงไม่เคยออกสู่ท้องตลาดเลย

    พาราเซตามอล อันตรายอย่างไร?

    ในแต่ละปี สหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยที่ได้รับรายงาน ความเป็นพิษจากยาพาราเซตามอลประมาณ 100,000 ราย ถูกนำส่งห้องฉุกเฉิน 56,000 ราย ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 26,000 ราย การใช้พาราเซตามอลเป็นประจำจะทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นมะเร็งไตเพิ่มขึ้นเท่าตัว ซึ่งโรคนี้คร่าชีวิตคนอเมริกัน 12,000 ราย ต่อปี อุบัติการณ์ในการเกิดมะเร็งไตในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึง 126% นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา การก้าวกระโดดของการเกิดโรคนี้อาจจะเกี่ยวโยงกับการใช้ยาที่ผสมพาราเซตามอลเพิ่มขึ้น เนื่องจากอนุมูลอิสระจาก toxic metabolite ของพราราเซตามอลกระจายไปทั่วร่างกาย เพราะฉะนั้นก็สามาารถทำให้เพิ่มความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับความแก่ชราอย่างอื่นได้อีก นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองในสัตว์พบว่าพาราเซตามอลทำให้เกิดต้อกระจกในสัตว์ทดลองได้

    สาเหตุของภาวะพิษจากพาราเซตามอล

    ภาวะพิษจากพาราเซตามอลเกิดขึ้นได้จากเหตุโดยตั้งใจ คือการรับประทานยาเกินขนาดเพื่ออัตวินิบาตกรรม และโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเกิดได้จากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
    1.รับประทานยาชนิดอื่นที่มีส่วนผสมของราราเซตามอลโาดยไม่ทราบ แล้วรับประทานพาราเซตามอลเข้าไปอีก เนื่องจากปัจจุบันยาหลายชนิดมีส่วนผสมของพาราเซตามอล เช่น ยาบรรเทาหวัดลดไข้ ยาบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ยาคลายกล้ามเนื้อหลายชนิด
    2. ปัจจัยเฉพาะบุคคลที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อตับได้ง่าย เช่นในผู้ที่ดื่มสุรา ผู้ป่วยโรคตับภาวะขาดสารอาหารซึ่งส่งผลให้ระดับกลูต้าไธโอนลดลง ในกลุ่มนี้ก่อให้เกิดพิษจากพาราเซตามอลได้ง่าย แม้ว่าจะรับประทานในขนาดปกติก็ตาม
    3. การใช้ยาร่วมกัน โดยเฉพาะยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นเอนไซม์ในระบบขับสารพิษชื่อ CYP450 2E1 ในตับเช่นยา phenytoin, carbamazepine, rifampin เป็นต้น

    แนวทางป้องกันและแก้ไข

    ควรหลีกเลี่ยงการใช้พาราเซตามอล ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับเรื้อรัง พิษสุรา ภาวะขาดสารอาหาร และในผู้ที่กำลังรับประทานยาที่กระตุ้นเหนี่ยวนำเอนไซม์ cytochrome P450 2E1 ...ห้ามทานพาราเซตามอลแล้วดื่มสุรา หากกำลังใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาบรรเทาหวัด ให้อ่านฉลากให้ดีว่ามีส่วนผสมของพาราเซตามอลหรือไม่ และไม่รับประทานซ้ำซ้อนข้าไปอีก...

    ไม่ควรใช้ยานี้เกินวันละ 2,600 มิลลิกรัม (ประมาณ 5 เม็ด ในขนาด 500 mg, จำนวน 8 เม็ดในขนาด 325 มิลลิกรัม) ขนาดรับประทานคือ 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม สูงสุดไม่เกินครั้งละ 650 มิลลิกรัม การใช้ยาในเด็กเล็กให้ดูฉลาก และคำนวณความต้องการให้ถูกต้องก่อนเสมอ เพราะยาน้ำนี้ในประเทศไทยมีหลายขนาด ปริมาณมิลลิกรัมต่อหนึ่งช้อนชาแตกต่างกันไป

    ใช้พาราเซตามอลติดต่อกันไม่เกิน 3 วัน ควรปรึกษาแพทย์หากอาการต่าง ๆ ไม่ดีขึ้น เพื่อค้นหาสาเหตุโรคที่แท้จริง และแก้ไขตรงจุดต่อไป

    การใช้ยาทางเลือก สามารถเลือกได้หลายขนาน เช่น ยาเขียวแก้ไข้ ยาจันทลีลา ยาฟ้าทะลายโจร ยาขมชนิดต่างๆ ล้วนมีฤทธิ์ลดไข้

    หากจะต้องการใช้พาราเซตามอลให้ปลอดภัย คือ รับประทาน N-Actyl Cysteine ร่วมไปด้วย ก็จะเพิ่มปริมาณกลูต้าไธโอนในตับ ทำให้สารพิษ toxic metabolite ชื่อ NAPQI ที่เกิดจากขบวนการดีท๊อกพาราเซตามอลที่ตับมีจำนวนลดลง โดยถูกกลูต้าไธโอนจับเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่ไม่อันตรายขับออกจากร่างกายได้


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    Health Magazine

    วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2553

    ภัยเงียบจากพาราเซตามอล
     

แชร์หน้านี้

Loading...