ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    น้องอ๊อฟเล่าเรื่องมณีดำให้ฟังบ้างซิคะ

    -----------------------------------

    รู้สึกเห็นใจ ขรก กรมศิลปากรที่ถูกคำสั่งปลด 107 ตำแหน่ง

    ประวัติศาสตร์ของชาติถูกคลาดเคลื่อนไปมาก ถ้าหน่วยงานนี้ได้ทำงานอย่างเข้มแข็งจริงๆ ชาติไทยเราจะได้รับทราบประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องมากกว่านี้ แม้แต่เรื่องวัดป่าแก้วของกรุงศรีอยุธยาก็ยังถูกกระทบไปด้วย

    อย่างกรณี วัดวรเชษฐาราม(ในเกาะ) ที่บริษัทมอน....เข้าไปบูรณะให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แล้วด้วยงบประมาณของภาคเอกชนเองจำนวน 2 ล้านบาท หลังจากนั้นไม่นานทางกรม...ได้อนุมัติงบประมาณ 2 ล้านบาทให้ไปบูรณะวัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) แต่ไม่ได้นำเงินนั้นไปทำตามจุดประสงค์ดังกล่าว กลับเขียนรายงานว่าได้นำเงินนั้นไปบูรณะวัดวรเชษฐาราม(ในเกาะ)แล้ว (ซึ่่งบริษัทมอน....บูรณะไว้ก่อนหน้านั้นจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว) แสดงว่าเงินได้หายไปจากระบบ 2 ล้านบาท และ ขรก ที่ทำเรื่องนี้ยังได้บิดเบือนว่าวัดวรเชษฐาราม(ในเกาะ) คือวัดวรเชษฐ์ที่สมเด็จพระเอกาทศรถสร้างถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช..... เล่าให้ฟังจากคำบอกเล่าของพระอาจารย์

    ทางสายธาตุไม่มีอำนาจจึงไม่สามารถจะเคลื่อนไหวอะไรได้มาก นอกจากการรณรงค์ไปตามกำลังศรัทธาเช่นนี้

    ขอความจริงในเรื่องของประวัติศาสตร์ชาติได้กลับมาถูกต้องจริงๆในเร็ววัน โดยเฉพาะเรื่องวัดป่าแก้วแห่งราชอาณาจักรเก่าอันสำคัญของชาติไทย วัดป่าแก้วที่ศักดิ์สิทธิ์ จะบอกข้อมูลคลาดเคลื่อนไปอย่างไรก็ตาม ทางสายธาตุคิดว่ามหาเทพบนสวรรค์นั้นจะไม่ทรงปล่อยให้ความผิดเป็นความถูกอีกต่อไปค่ะ
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เพื่อระลึกถึงอ. ตาที่สาม (อ. อาชวิน จิรจินดา)

    <TABLE border=1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" bgColor=white align=center><TBODY><TR><TD bgColor=white>
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]พวกเราชาวพลังจิตที่ ดี ได้พากันไปร่วมงานบุญ ที่ วัดวรเชษฐ เกาะนอก อยุธยา เมื่อ วันที่ 28-29 ตค. 2550... [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]จำนวนคนที่ไป นับหลายร้อย.มาในชุดขาว ซึ่งหมายถึงความบริสุทธิ์..และต้องการ ทำสมาธิปฏิบัติธรรม เพื่อแผ่กุศลให้แก่ บรรพบัรุษ ของ ไทย [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ในยุค การกู้ชาติ อันรวม ถึง องค์ดำ องค์ ขาว พระพี่นาง สุพรรณกัลยา และ พระ มหาเถระ คันฉ่อง แห่งยุคเมื่อกว่า 400 ปี มาแล้ว [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]เป้าหมายของการดำเนินการ เป็นสิ่งที่ดี ที่สุด ที่พวกเราจะให้ได้ แก่ มหาบรรพบุรุษในใจของพวกเรา [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]แต่ก้ต้อง ทำให้ หลายคนที่ไปในงานต้องรู้สึกปวดใจ กับ ข่าวที่ นักข่าวลง มาเพื่อ ขาย ข่าวเพียงอย่างเดียว..และส่งต่อให้ รายการ"ข่าวเช้านี้" ขยายความ.. [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ไปในทำนองว่า มีการบุกรุก สถานที่กรมศิลปกรดูแล และ ทำพิธีกรม ปลุกวิญญาณ ของ องค์พระนเรศวร มหาราช..เป็นการจาบจ้วง และ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ.. [/FONT]
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed].ข่าวนั้นได้กระจายไปทั่วประเทศ โดยการที่ ระบบการข่าวไม่ได้ มีการ กรองแต่อย่างใด [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ด้วยการบิดเบือนของ นักข่าวและผู้ที่ไม่หวังดี..ซึ่งก็ เห้นกันอยู่ว่า มี ใครบ้าง [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]กลุ่มคนที่ไปร่วมในงาน..ก็คงประจักษ์ ชัดแล้วว่า..ของจริง นั้นเป้นอย่างไร...ของที่กระจายไปอย่างผิดๆๆ นั้นเป้นอย่างไร [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ที่ น่า สงสารและ เห็นใจมากที่สุด คือ พระสงฆ์ ดร. สิงห์ทน คำซาว เจ้าอาวาสวัดไทย ในอเมริกา ..ผู้ ที่ อุตส่าห์ กลับเข้ามประเทศไทย เป็นการชั่วคราว [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]และพยายามฟื้นฟู วัด วรเชษฐ ให้กลับคืนมาเพื่อ ให้คนไทย ได้รู้ข้อเท็จจริง..และประกาศนาม ของ องค์พระนเรศวรให้คนไทยได้รับรู้ในความเป็นมหาราช..ได้อย่างไม่ลืม. [/FONT]

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed].ท่านคงจะท้อใจไม่น้อย ที่ พยายามทำดี..แต่ก็ ได้ รับผลกระทบ อย่างแรง ของการข่าวที่ไม่ดี และบิดเบือน ด้วยเพียง ต้องการให้เป็น ข่าว ต้องการขายข่าว[/FONT]
    </TD></TR><TR><TD>[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]โดย สามตา (สามตา) [​IMG][​IMG] [31 ต.ค. 2550 , 04:32:37 น.] ( IP = 58.9.156.159 : : ) [/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=pimonracha&topic=448
     
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    วันที่ 26 สิงหาคมเวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี คุณโมเยได้น้อมจิตกตัญญูแต่งเพลงถวายพระองค์ท่านเพื่อเทิดพระเกียรติ ขออนุโมทนาค่ะ


    [​IMG]



    ไหว้สาแทบบาทบาทา พระราชชายา เจ้าดารารัศมี



    ในนามของกระทู้ "ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ขออนุโมทนาและขอบคุณ คุณโมเย มากครับ
     
  4. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    ในเรื่องมณีดำ นี้ อ็อฟไม่มีข้อมูลครับ เพียงมีความรู้สึกว่า จะมีอีก 1 เม็ดครับ และมีผู้เฝ้าดูแลอยู่
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    วันนี้ทางสายธาตุไม่เอาโน๊ตบุ๊คกลับบ้านค่ะ เพราะต่อโมเด็มไว้เพื่อส่งเอกสารแฟ็กซ์ทั้งคืน

    ตอนนี้รอบตัวมีแต่สายไฟ ตั้งแต่สายไปโน๊ตบุ๊ค สายไฟโมเด็ม สายโทรศัพท์ที่เชื่อมจากตู้ สายโทรศัพท์ที่โยงเข้าโมเด็ม สายที่โยงเข้าเครื่องโน๊ตบุ๊ค

    ยังไม่รวมสาย pseudo iPhone ทั้งสาย USB ที่ไว้ชาร์ตไฟเครื่อง สายหูฟังจากเครื่อง p iPhone

    ยังไม่หมดค่ะ วันนี้ทางด่วนกรุงเทพมาขายบัตร Easy Pass และบัตรสมาร์ทการ์ด ถอยมาหนึ่งเซต ยังไม่ได้แตะเพราะจะใช้งานได้พรุ่งนี้เที่ยง ค่อยอ่านคู่มือการใช้พรุ่งนี้ แต่คงติดที่หลังกระจกส่องหลังไม่ได้เพราะติดฟิล์มชนิดฉาบปรอท มันไม่สามารถส่งสัญญาณออกทะลุปรอทที่ฉาบได้ เจ้าหน้าที่ทางด่วนกรุงเทพบอกว่าต้องยืนมือถือเจ้าเครื่องนี้ยื่นออกนอกรถตอนผ่านด่านเก็บเงินแทน หรือต้องกรีดฟิล์มช่วงหนึ่งหลังกระจกส่องหลังออก อื่มเลือกยืนมือเอาeasy passส่งหาตัวอ่านสัญญานดีกว่า

    อีกนิดเกี่ยวกับวังน้ำวนที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆวัดชุมพลฯนะคะมีแสดงไว้เป็นหลักฐานพงศาวดารดังนี้ด้วยค่ะ จะเป็นที่เดียวกับที่คุณเอกอิสโรกล่าวถึง หรือจะคนละที่กันก็ไม่ทราบนะคะ ยังไม่เคยไปสำรวจโลเกชั่นเรื่องวังน้ำวนค่ะ

    อ้างอิง
     
  6. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    พระพุทธรูปทองคำ ประจำพระนมวารสมเด็จพระนเรศ เป็นพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ ปางห้ามญาติ ด้านหลังพระพุทธรูปทองคำนี้สลักพระนาม "เจ้าฟ้านเรศ" เป็นภาษาล้านนาโบราณ สูงประมาณ 5 นิ้ว น้ำหนกทอง 7 บาท เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ์ ศิลปะอยุธยา อยู่ที่ วัด ป่าดาราภิรมณ์ จ.เชียงใหม่ ครับ
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    นั่นซิค่ะ ทรงพระราชสมภพวันใดกันแน่หนอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2010
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE border=0 width="100%" height="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>แม่ยั่วเมือง
    โดย จุลลดา ภักดีภูมินทร์


    </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom>ฉบับที่ 2552 ปีที่ 49 ประจำวัน อังคาร ที่ 16 กันยายน 2546</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="95%" align=center><TBODY><TR><TD height=20 vAlign=top width="10%">[​IMG]</TD><TD vAlign=top width="90%">[​IMG]</TD></TR><TR><TD height=135 vAlign=top></TD><TD vAlign=top>
    <TABLE border=0 width="20%" align=right><TBODY><TR><TD>[​IMG]


    </TD><TD>[​IMG]


    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>พระนางเธอ (ลูกหลวง) และ พระราชโอรสกินเมืองเอก สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ระยะนี้มีคำถามเข้ามาหลายเรื่อง เรื่องที่ตั้งใจจะเขียน คือ เรื่องของขุนนางจตุสดมภ์ (เวียงวัง คลังนา) แต่สมัยโบราณจึงขอเก็บไว้ก่อน เนื่องด้วยยังหารูปประกอบไม่ได้
    เรื่องที่ผู้อ่านถามมา เรื่องหนึ่ง คือเรื่อง ‘แม่ยั่วเมือง’
    ผู้ถามซึ่งบอกมาตามสายโทรศัพท์ ว่าเป็นสาวน้อยวัยรุ่นกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ถามว่า ทำไมถึงเรียกท้าวศรีสุดาจันทร์กันว่า ‘แม่ยั่วเมือง’ ฟังน่าเกลียดจัง

    จริงๆแล้ว ไม่ใช่ ‘แม่ยั่วเมือง’ หากแต่เป็น แม่อยั่วเมือง อ่านว่า ‘หยั่ว’ เช่นเดียวกับคำว่า ‘อยาก’ ‘อยู่’
    คำนี้สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงสันนิษฐานด้วยสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า เห็นจะมาจากคำว่า ‘แม่อยู่เมือง’ ซึ่งเป็นคำไทยเก่าเข้าใจว่าจะใช้กันมาก่อนตั้งกฎมณเฑียรบาล ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ รัชกาลที่ ๘ แห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.๑๙๖๑-๑๙๗๗)

    ‘แม่อยู่เมือง’ เป็นยศพระมเหสีรองลงมาจากพระอัครมเหสี ซึ่งเรียกว่า ‘แม่อยู่หัว’

    ท้าวศรีสุดาจันทร์นั้น เดิมเป็นพระสนมเอก ซึ่งตั้งแต่สมัยสุโขทัย เรียกว่า ‘ท้าวพระสนม’ ตำแหน่งท้าวพระสนมมีอยู่ ๔ ตำแหน่ง คือ
    ๑. ท้าวอินทรสุเรนทร
    ๒. ท้าวศรีสุดาจันทร์
    ๓. ท้าวอินทรเทวี
    ๔. ท้าวศรีจุฬาลักษณ์


    <TABLE border=0 width="20%" align=right><TBODY><TR><TD>[​IMG]


    </TD><TD rowSpan=2>[​IMG]


    </TD></TR><TR><TD>พระอัครมเหสี และ สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า


    </TD></TR><TR><TD>[​IMG]


    </TD><TD rowSpan=2>[​IMG]


    </TD></TR><TR><TD>พระนางเธอ (ลูกหลวง) และพระราชโอรสกินเมืองเอก สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ต่อมาเมื่อท้าวศรีสุดาจันทร์ มีพระราชโอรสจึงเลื่อนเป็น ‘แม่อยั่วเมือง’ ในตำแหน่งมเหสีรอง
    และเมื่อพระราชโอรสได้ขึ้นครองราชย์ จึงเป็น ‘แม่อยู่หัว’ ในฐานะพระพันปีหลวงของพระเจ้าแผ่นดิน
    ไหนๆกล่าวถึง ‘แม่อยู่หัว’ และ ‘แม่อยู่เมือง’ แล้ว น่าจะกล่าวถึงการกำหนดศักดินาของพระกุมารพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดินไว้ด้วย
    สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โปรดฯให้ตรากฎมณเฑียรบาลขึ้น กำหนดศักดินาพระกุมารไว้ดังนี้


    ชั้นที่ ๑. พระราชกุมารอันเกิดด้วย พระมเหสีซ้ายขวา ทรงศักดิ์เป็น ‘สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า’ หรือในพระราชพงศาวดาร บางทีก็เสียกว่า ‘สมเด็จหน่อพุทธางกูร’ ซึ่งหมายความอย่างเดียวกัน จึงเมื่อออกพระนามพระเจ้าอยู่หัวพระองค์หนึ่งว่า ‘พระเจ้าอยู่หัวหน่อพุทธางกูร’ หรือ ‘พระบรมราชา มหาพุทธางกูร’ หมายความว่า เมื่อยังเป็นพระราชโอรสอยู่ในแผ่นดินก่อน ทรงเป็น ‘สมเด็จหน่อพุทธางกูร’
    (‘สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า’ หรือ ‘สมเด็จหน่อพุทธางกูร’ นี้ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ ทรงสันนิษฐานว่า พระนามดังนี้ใช้กับ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระมเหสี แต่เพียงพระองค์เดียว องค์รองๆลงไป มิได้เรียกว่า ‘หน่อพุทธางกูร’)

    ชั้นที่ ๒. พระราชกุมาร อันเกิดด้วยพระราชเทวี หรือพระอัครชายา (แม่อยั่วเมือง หรือแม่อยู่เมือง) ทรงศักดิ์เป็น ‘พระมหาอุปราช’

    ชั้นที่ ๓. พระราชกุมารอันเกิดด้วยลูกหลวง (พระราชธิดาในพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อนๆ) กินเมืองเอก

    ชั้นที่ ๔. พระราชกุมารอันเกิดด้วยหลานหลวง (พระราชนัดดา ในพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อนๆ) กินเมืองโท

    ชั้นที่ ๕. พระราชกุมารอันเกิดด้วยพระสนม เป็น ‘พระเยาวราช’

    ท่านอธิบายคำว่า ‘กินเมือง’ ไว้ด้วยว่าแต่ในสมัยโบราณ ‘กินเมือง’ และ ‘ครองเมือง’ หมายความต่างกัน ‘กินเมือง’ หมายถึงได้รับส่วยเมืองนั้นเป็นผลประโยชน์ แต่ ‘ครองเมือง’ หมายถึงไปบังคับบัญชาการอยู่ที่เมืองนั้น ดังเช่นสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จออกไปครองเมืองพิษณุโลก เมื่อพระมหาธรรมราชาขึ้นครองราชย์ ณ กรุงศรีอยุธยา

    ในรัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระมเหสี ทั้งที่เป็นลูกหลวง และหลานหลวง และยังทรงมีพระอัครมเหสี ซึ่งโปรดเกล้าฯ สถาปนา ขึ้นเป็นพระบรมราชเทวี (ตำแหน่งเอกอัครมเหสี ในสมัยก่อนทรงสถาปนาสมเด็จพระบรมราชินีนาถ)

    เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๔
    สมเด็จพระอัครมเหสีซึ่งทรงเป็น ‘ลูกหลวง’ ด้วยคือสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระบรมราชเทวี ดังนั้น สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระราชกุมารพระองค์ใหญ่ จึงทรงศักดิ์ ‘สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า’ หรือ ‘สมเด็จหน่อพุทธางกูร’
    พระราชกุมารพระองค์อื่นๆที่ประสูติแต่ ‘ลูกหลวง’ กินเมืองเอก ดังเช่น พิษณุโลก นครราชสีมา นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช สงขลา
    พระราชกุมารที่ประสูติแต่ ‘หลานหลวง’ มีเพียงพระองค์เดียว กินเมืองโท คือเมืองลพบุรี อันเคยเป็นเมืองสำคัญในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
    ส่วนพระราชกุมารพระองค์อื่นๆประสูติแต่พระสนมกินเมืองต่างๆ ซึ่งจะเรียกว่าหัวเมืองชั้นตรี ก็คงจะได้เช่น จันทบุรี นครชัยศรี ราชบุรี ชุมพร ปราจิณ ชัยนาท สิงห์บุรี สวรรค์บุรี กำแพงเพชร พิไชย
    ทว่า คำว่า ‘กินเมือง’ มิได้หมายความตามแบบโบราณที่ว่าได้รับส่วยเป็นผลประโยชน์ เป็นเพียงพระเกียรติยศเท่านั้น


    <TABLE border=0 width="71%" align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]



    </TD><TD>[​IMG]



    </TD></TR><TR><TD>พระราชโอรส ๓ พระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง

    ๑. ทรงกอดพระศอ - สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า (สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ) พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระอัครมเหสี


    ๒. ประทับในอ้อมพระกร -พระราชโอรสประสูติแต่ ‘ลูกหลวง’ กินเมืองเอก สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ


    ๓. ทรงหมอบบนพระเพลา - พระราชโอรสประสูติแต่ ‘หลานหลวง’ กินเมืองโท สมเด็จฯ เจ้าฟ้า กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์



    </TD><TD>พระอัครชายาเธอ (หลานหลวง) และพระราชโอรสกินเมืองโท สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    การเฉลิมพระยศเจ้านาย - วิกิพีเดีย

    อิสริยยศ


    อิสริยยศ คือ ยศที่พระเจ้าแผ่นดินทรงสถาปนาเจ้านายให้มีศักดิ์สูงขึ้น อิสริยยศชั้นสูงสุด คือ พระราชกุมารที่จะรับราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์สืบต่อไป โดยในกฎมณเฑียรบาลซึ่งตั้งในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อปี พ.ศ. 2001 บัญญัติไว้ว่า พระราชกุมารอันเกิดด้วยพระอัครมเหสี (มียศ) เป็นสมเด็จหน่อพุทธเจ้า พระราชกุมารอันเกิดแต่พระแม่หยั่วเมืองเป็นพระมหาอุปราช

    อิสริยยศสำหรับราชตระกูลรองแต่พระมหาอุปราชลงมา พระเจ้าแผ่นดินทรงสถาปนาให้มีพระนามขึ้นต้นด้วยคำว่า "พระ" ซึ่งสันนิษฐานว่าจะนำแบบของขอมมาอนุโลมใช้เป็นราชประเพณีมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัย เช่น พระราเมศวร พระนเรศวร พระมหินทร์ พระเอกาทศรถ พระอาทิตยวงศ์ พระศรีศีลป์ เป็นต้น

    ประเพณีเรียกพระนามเจ้านายเป็นกรมต่างๆ อย่างในทุกวันนี้ ปรากฏขึ้นในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตั้งแต่ทรงสถาปนาพระน้องนางเธอ เจ้าฟ้าศรีสุพรรณ เป็นเจ้ากรมหลวงโยธาทิพ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงสุดาวดี เป็นเจ้ากรมหลวงโยธาเทพ นับเป็นครั้งแรกที่เรียกการพระนามอิสริยยศเจ้านายตามกรมใช้เป็นแบบแผนนับแต่นั้นมา สาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงการสถาปนาอิสริยยศเจ้านายขึ้นเป็น "พระ" ตามประเพณีเดิมนั้น เนื่องจากในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ทรงเป็นอริกับเจ้าฟ้าชายหลายพระองค์ที่มีมาตั้งแต่ยุคสมเด็จพระเจ้าประสาททอง จึงมิได้ทรงยกย่องเจ้าฟ้าผู้ใดให้มียศสูงขึ้นตลอดรัชกาล จากจดหมายเหตุของมองสิเออร์ลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศส กล่าวว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงยกย่องพระราชธิดาให้มีข้าคนบริวารและมีเมืองส่วยขึ้นเท่ากับพระอัครมเหสี ดังนั้น การสถาปนาเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์นี้ ในแต่เดิม ไม่ได้เป็นการสถาปนาพระอิสริยยศ แต่เป็นการรวบรวมกำลังคนในระบบไพร่ ตั้งกรมใหม่ขึ้นสองกรม คือ กรมที่มีหลวงโยธาทิพ และหลวงโยธาเทพ เป็นเจ้ากรม และโปรดให้ไปขึ้นกับ เจ้าฟ้าหญิงทั้งสองพระองค์นั้น และคนไทยโบราณ ไม่นิยมเรียกชื่อ เจ้านาย ตรงๆ จึงเรียกเป็น กรมหลวงโยธาทิพ หรือ กรมหลวงโยธาเทพเป็นต้น การทรงกรม จึงเทียบได้กับ การกินเมือง (การกินเมือง คือ การมีเมืองส่วยขึ้นในพระองค์เจ้านาย ประชาชนในอาณาเขตของเมืองนั้นๆ ต้องส่งส่วยแก่เจ้านาย) ในสมัยโบราณ คือแทนที่จะส่งเจ้านายไปปกครองหัวเมืองต่างๆ ก็ทรงให้อยู่ในพระนคร และให้มีกรมขึ้นเพื่อเป็นรายได้ ของเจ้านายนั้นๆ

    พระอิสริยศในสมัยกรุงศรีอยุธยา และกรุงธนบุรี มี 4 ชั้นคือ
    1. ชั้นที่ 1 กรมพระ เป็นอิสริยยศสำหรับ พระพันปีหลวง (พระราชมารดา) พระมหาอุปราช และวังหลัง
    2. ชั้นที่ 2 กรมหลวง เป็นอิสริยยศ สำหรับ พระมเหสี โดยมากกรมหลวงมักมีแต่ เจ้านายฝ่ายในที่ดำรงพระยศนี้เป็นที่สุด
    3. ชั้นที่ 3 กรมขุน เป็นอิสริยยศสำหรับ เจ้าฟ้าราชกุมาร
    4. ชั้นที่ 4 กรมหมื่น เป็นอิสริยยศสำหรับ พระองค์เจ้า
    ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่มีการเลื่อนชั้น อิสริยยศเจ้านาย จากที่ได้รับแต่เดิมแต่ประการใด (ยกเว้นการเลื่อนกรมพระราชมารดา หรือผู้ที่ขึ้นเป็นพระมหาอุปราชขึ้นเป็น กรมพระ) ประเพณี การเลื่อนอิสริยยศเจ้านายเกิดขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชการที่ 2 ให้เรียก กรมของสมเด็จพระบรมราชชนนีว่า "กรมสมเด็จพระ" ต่อมาในรัชกาลที่ 3 โปรดให้ พระองค์เจ้าทรงกรมชั้นผู้ใหญ่เลื่อนขึ้นไปได้เป็น "กรมสมเด็จพระ" สูงกว่า "กรมพระ" เดิม และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ให้แก้ไข "กรมสมเด็จพระ" เป็น "กรมพระยา" ดังนั้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทธิ์ อิสริยยศเจ้านายจึงมี 5 ชั้นคือ
    1. ชั้นที่ 1 กรมพระยา หรือ กรมสมเด็จพระ (ในรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ใช้ว่า "สมเด็จพระ" แทน "กรมสมเด็จพระ" สำหรับเจ้านายฝ่ายใน--ผู้หญิง)
    2. ชั้นที่ 2 กรมพระ นอกจากเป็นกรมสำหร้บพระราชมารดา วังหน้า และวังหลัง แล้วรัชกาลที่ 1 ยังตั้งสมเด็จพระพี่นางเธอให้ดำรงพระอิสริยยศนี้
    3. ชั้นที่ 3 กรมหลวง สำหรับเจ้าฟ้าชั้นใหญ่ และทั้งพระองค์ชายและพระองค์หญิง
    4. ชั้นที่ 4 กรมขุน สำหรับเจ้าฟ้าชั้นเล็ก แล้วจึงเลื่อนเป็นกรมหลวง
    5. ชั้นที่ 5 กรมหมื่น สำหรับพระองค์เจ้า
    เจ้าทรงกรม จะมีขุนนางเป็น เจ้ากรม ปลัดกรม และสมุห์บัญชี โดยบรรดาศักดิ์ของเจ้ากรม คือบรรดาศักดิ์สูงสุดของอิสริยยศนั้น เช่น กรมพระยาดำรงค์ราชานุภาพ มี เจ้ากรม บรรดาศักดิ์เป็น พระยาดำรงค์ราชานุภาพ ศักดินา 1,000 ไร่ ปลัดกรม คือ พระปราบบรพล ศักดินา 800 ไร่ สมุห์บัญชี คือ หลวงสกลคณารักษ์ ศักดินา 500 ไร่


    สมัยนั้น นอกจากจะไม่มีการเลื่อนชั้นอิสริยยศเจ้านายแล้ว หากเจ้านายพระองค์ใดถูกถอดพระยศโดยพระมหากษัตริย์พระองค์ใดก็ตาม พระมหากษัตริย์พระองค์อื่นในยุคหลังจะทรงแต่งตั้งเจ้านายนั้นขึ้นใหม่ไม่ได้ อันเป็นกฏมณเทียรบาลในสมัยกรุงศรีอยุธยา เจ้านายหลายพระองค์จึงทรงตั้งพระราชวงศ์ใหม่เพื่อทรงขึ้นเป็นเจ้าอีกครั้ง .... ทางสายธาตุ
     
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทางสายธาตุอาจจะเคยแย้งบางเรื่องเช่น เคยไม่เชื่อว่าพระปรางค์วัดวรเชษฐ์นี้สมเด็จพระเอกาทศรถทรงสร้าง เพราะศิลปะอยุธยากลางจะต้องสร้างเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ

    พี่จงรักภักดีบอกว่าพี่เขาอ่านหนังสือ พลตรีพิจิตร ขจรกล่ำ ก็เห็นว่าเป็นไปได้นะที่พระปรางค์นี้จะสร้างโดยสมเด็จพระเอกา

    ทางสายธาตุจึงไปอ่านศิลปะอยุธยาเรื่องการสร้างพระเจดีย์ ยังไม่ยอมเชื่อ จนมาอ่านเรื่องพระปรางค์วัดมหาธาตุพังครืนลงมาถึงฐานบัวรองรับ พังในสมัยพระเจ้าทรงธรรมสมัยนั้นอาจจะทรงติดพระราชภารกิจอื่นจึงยังมิได้ทรงซ่อมแซม จนมาถึงสมัยพระเจ้าปราสาททองจึงทรงซ่อมแซมใหม่ทั้งหมด ก็มานึกได้ว่า พระปรางค์วัดวรเชษฐ์ สร้างตั้งแต่ พ.ศ. 1900 ก่อนพระปรางค์วัดมหาธาตุเสียอีก มีความเป็นไปได้ที่จะต้องพังครืนลงมาบ้าง แล้วจึงมีการสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นยุคของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ จึงจำนนด้วยข้อมูลใหม่ดังนี้

    จะลงส่วนของหนังสือ ดร.สืบแสง พรหมบุญให้จบ แล้วจะเตรียมหาข้อมูลไปพบพระอาจารย์ทองบ่อ (พระอาาจารย์ สุทัศน์ วัดทองบ่อ) ชอบชื่อโบราณจึงเย้าท่านเล่น โดยเรียกขานท่านว่าพระอาจารย์ทองบ่อ ท่านมีความผูกพันกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องดูประวัติพระเจ้าตากสินสักหน่อยก่อน (ทางสายธาตุไม่เคยอ่านพระราชประวัติพระเจ้าตากสินในรายละเอียดมากนัก รู้เท่าที่กระทรวงศึกษาธิการให้อ่านในแบบเรียนสังคมศึกษา)

    เอารูปลายเส้นสวยๆมาฝาก หาเจอตามอินเตอร์เนตค่ะ

    [​IMG]


    ท่านเจ้าของภาพคงอนุญาตนะคะ เพราะกระทู้นี้นำมาเพื่อการเทิดพระเกียรติมหาราชผู้นำคนไทยพ้นจากการเป็นทาสพวกพม่าค่ะ ทางสายธาตุนำมาเผยแพร่ในครั้งนี้ ไม่มีจุดประสงค์ทางการค้าหรือทางอื่นแต่อย่างใดทั้งสิ้นค่ะ
    เรื่องของ ดร. สืบแสง พรหมบุญ ขอติดไว้ก่อนนะคะ ช่วงนี้ติดงานค่อนข้างเยอะค่ะ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2010
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    พระรูปสมเด็จพระพี่นาง สุพรรณกัลยา ถ่ายโดยกล้องถ่ายรูปของหลวงปู่โง่น


    ทางสายธาตุจะทำการอัดรูปขนาดจัมโบ้ พระรุปสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยาแล้วนำไปถวายไว้ที่พระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภ วัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) คิดว่าจะอัดไปถวายพระท่าน 200 ใบค่ะโดยพระรูปแต่ละใบจะใส่ซองพลาสติกไว้ ใครแวะไปนมัสการพระอาจารย์สิงห์ทน วัดวรเชษฐ์ ท่านสามารถนำพระรูปนี้ไปบูชาที่บ้านได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย พระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภอยู่วัดวรเชษฐ์ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นะคะ ส่วนวันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ท่านจะไปสวดมนต์บนเขาเชียงดาว จ.เชียงใหม่ค่ะ​
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เมื่อวานไปหาร้านอัดรูปแถวๆหน้า สภ. เมือง นนทบุรี อัดรูปจัมโบ้ 4x6 นิ้วได้ในราคารูปละ 2 บาท ได้อัดรูปพระพี่นางฯจำนวน 250 รูป ใส่ซองพลาสติกใสเรียบร้อยแล้ว จะขึ้นหิ้งพระเพื่อนบ้านไว้ คือบ้านคุณรุ้ง(เพื่อนข้างบ้านของทางสายธาตุ เธอสวดมนต์เก่งและนั่งสมาธิมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เธออายุมากกว่าทางสายธาตุเพียงปีกว่าๆ แต่หน้าเด็กกว่าดิฉันอีกเพราะเธอสวดมนต์เยอะ)

    คุณรุ้งเพื่อนข้างบ้าน(ทางสายธาตุย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ได้สองสามปีคุณรุ้งจึงเป็นเพื่อนข้างบ้านใหม่ของดิฉัน)คุณรุ้งคนนี้แหละค่ะที่เป็นคนชวนทางสายธาตุไปทำบุญกับพระสยามเทวาธิราชที่วัดวรเชษฐ์ เป็นเรื่องแปลกใช่ไหมคะที่ทางสายธาตุรู้จักวัดวรเชษฐ์จากคำบอกเล่าของคุณรุ้งไม่ใช่ตามหน้ากระทู้หรือหน้าเวปไซด์ แต่ตอนวันที่จะเดินทางไปวัดจริงๆก็ได้อาศัยเวปไซด์ในการหาเส้นทางขับรถค่ะ

    เพราะรู้จักวัดวรเชษฐ์จากคำบอกเล่าของคุณรุ้ง ทำให้ไม่เคยทราบว่ามีปัญหาขัดแย้งอะไรเกิดขึ้นที่วัดนี้ โดยปัญหาซับซ้อนนั้นๆพันกันหนาแน่นแค่ไหน กว่าทางสายธาตุจะเข้าใจเรื่องของวัดก็หลายเดือนผ่านไปแล้ว

    และกว่าทางสายธาตุจะเข้าใจว่าในเวปพลังจิตก็มีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องวัดวรเชษฐ์เช่นกันก็ชนเข้าไปจังเบ้อกับความขัดแย้งนั้นๆ (หัวปูด) ตอนแรกๆงงมากสงสัยจังว่าทำไมเราต้องมาโดนคนในเวปไซด์นี้ตำหนิด้วยนะ ทำไมเราต้องโดนคนไล่ออกจากบางกระทู้ด้วยนะ เราผิดอะไรเรียกว่าเซ่อซุ่มซ่ามชนเข้ากับปัญหาขัดแย้งที่เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจังเบ้อเร่อ ส่วนตัวก็มาเข้าใจภายหลังถึงความขัดแย้งนั้นจากการค้นหา แล้วก็เริ่มกระจ่างแล้ว ได้อธิบายเกี่ยวกับตัวเองไปเยอะแล้ว ส่วนการที่ยังไม่เข้าใจในตัวดิฉันอีกก็ถือว่าอโหสิกรรมกันไปแล้วค่ะ ไม่เคยเล่าที่มาที่ไปละเอียดขนาดนี้ที่ไหนค่ะเพราะเห็นเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่มีสาระประโยชน์กับใครทั้งสิ้น แต่วันนี้ขอเล่าสักหน่อยก่อนจะพักการเขียนกระทู้สักระยะหนึ่ง เพราะอาทิตย์หน้าที่ออฟฟิตจะพาไปเที่ยววังน้ำเขียว 3 วัน อีกอาทิตย์ก็จะพาพี่แขกไปพบพระอาจารย์ทองบ่อ คงหายๆไปสักสองสามอาทิตย์ค่ะท่านผู้อ่าน

    ต่อนะคะ ...การไปวัดวรเชษฐ์ของทางสายธาตุจึงไปด้วยเหตุที่ว่า คุณรุ้งเธอศรัทธาสถานที่แห่งนี้มา10 กว่าปีแล้ว ตอนที่เธอมาที่วัดวรเชษฐ์แห่งนี้เป็นปี พ.ศ. 2541 ซึ่งตอนนั้นมีเพียงแม่ชีจรี ดุษฎีดูแลสถานที่อยู่แต่ผู้เดียว ไม่มีพระสงฆ์สักองค์เดียว ตอนนั้นกลุ่มคุณรุ้งมาเพื่อมาส่งเสด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้นเป็นเอกในพระสยามเทวาธิราช (ความเชื่อส่วนบุคคล) หลังจากปี พ.ศ. 2541 เป็นต้นมาใครก็ตามที่จะไปกราบพระนเรศวร คุณรุ้งจะบอกให้มาที่วัดวรเชษฐ์ และให้ไปพบแม่ชีจรี ดุษฎี

    ครั้งแรกที่ไปวัดวรเชษฐ์คือวันที่ 11 มกราคม 2552 ทางสายธาตุไปวัดนี้พร้อมคุณรุ้ง และพี่สะใภ้คนโต และหลานสาวหลานชายลูกพี่สะใภ้ คุณรุ้งยังไม่รู้จักพระอาจารย์สิงห์ทนเลย ไปถึงวัดก็พากันไปกราบแม่ชีจรี ดุษฎีก่อนเพราะคุณรุ้งเคยเยี่มมแม่ชีแต่ระยะหลังๆก็ห่างหายไปบ้าง วันนั้นไปเจอแม่ชีจรี ท่านเปลี่ยนไปมาก เหมือนท่านไปเล่นทางคุณไสย รับไล่ผี ทำให้หน้าตาแม่ชีดูซีดๆและไม่ค่อยเป็นมิตร ไม่เหมือนเดิม (คุณรุ้งเปรียบเทียบให้ฟังถึงแม่ชีจรีที่เคยรู้จักเป็นคนอารมณ์ดี ใจเย็น คุยเพราะ)

    แล้วก็แปลกที่วันนั้นไม่มีแดดตกถึงพื้นเลยทั้งวัน อากาศบริเวณวัดเย็นสบายมาก พอกราบแม่ชีจรีเสร็จ ก็เห็นกลุ่มโยมแถวนั้นมาเชิญแม่ชีไปไล่ผีที่เข้าเด็กคนหนึ่ง พวกเราจึงเห็นว่าไม่สมควรจะนั่งอยู่ต่อจึงขอลากลับ ตั้งใจจะกลับกรุงเทพฯเลยเพราะไม่รู้จักพระสงฆ์สักองค์ คงไม่เข้าไปกราบ แต่คุณรุ้งบอกว่าไหนๆจะกลับแล้วไปกราบพระปรางค์ประธานกันเถอะ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชท่านสถิตย์อยู่ที่นี่ด้วยนะ ที่นี่มีพลังเพชรดำเยอะ (วัชรธาตุ) เราไปใกล้ๆบริเวณพระปรางค์กัน ไปกราบสมเด็จฯและไปรับพลังวัชรธาตุ จึงลาแม่ชีจรีแล้วก็เดินเข้าวัดทางโบสถ์เก่าที่อยู่ตรงข้ามกับที่อยู่ของแม่ชีจรีนั่นเอง
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    กลุ่มญาติธรรมจากโรงพยาบาลสุรินทร์ พี่แขก คุณรุ้ง และจู(ทางสายธาตุ) อยู่ในรูปนี้ด้วยค่ะ ปฎิบัติธรรมกันที่โบสถ์เก่าวัดวรเซษฐ์ คืนวันที่ 5 พฤษภาคม 2552 ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02519.JPG
      DSC02519.JPG
      ขนาดไฟล์:
      80.4 KB
      เปิดดู:
      2,173
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พอขึ้นไปกราบพระปรางค์ประธาน พายุหมุนเล็กๆก็เกิดที่บริเวณที่เราทั้งห้าคนนั่งคุกเข่าอยู่ ดิฉันตัวใหญ่ยังจะปลิว ถ้าไม่ใช่คุกเข่าอยู่พวกร่างเล็กมีหวังโซเซเพราะแรงลม ก็แปลกค่ะ ไม่มีแดดตกถึงพื้น เย็นอย่างกับอยุ่ในมิติพิศวง แถมมีพายุลมหมุนค่อนข้างแรงและหนาวมาก ผ่านไปสักสิบนาที ทุกอย่างก็สงบ ทั้งห้าคนเตรียมตัวกลับบ้าน

    พวกเราบอกว่าอยากเข้าทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำให้เสร็จก่อนเดินทาง หลานสาว(วัย 32) ดิฉันกับหลานห่างกัน 11 ปีดิฉันเป็นอาของเขา บอกว่าไปหาพระอาจารย์สิงห์ทนกันเถอะ เพราะว่าหนิง(ชื่อหลาน)อ่านมาจากอินเตอร์เนต รู้มาว่าพระอาจารย์สิงห์ทนเคยเป็นอาจารย์ที่คณะเขา หนิงเขาจบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะมนุษศาสตร์ จึงตกลงว่าจะไปไหว้พระอาจารย์กันหลังจากเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อยแล้ว

    พอดีเจอกับพระอาจารย์วัลลภ ห่มจีวรสีกรักดูเข้มขลังเดินสวนมาพอดีก็รีบเข้าไปไหว้ นึกว่าเป็นพระอาจารย์สิงห์ทน ท่านก็ถามว่าจะรีบกลับกันไหม ถ้าไม่รีบอยากจะให้รอพบพระอาจารย์สิงห์ทน ถึงบางอ้อว่าท่านไม่ใช่พระอาจารย์สิงห์ทน จึงถามนามกรพระอาจารย์ท่านว่านามใด ท่านนามว่า พระอาจารย์วัลลภ คุยกันสนุกสนานตั้งแต่วันแรกที่พบกันเลยพระอาจารย์ท่านนี้

    คุยกันสนุกผ่านไปเกือบชั่วโมง แดดก็ยังไม่ออก บ่ายสองโมงแล้ว พวกเราทั้ง 5 ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย กะว่าเดี๋ยวจะลาแล้ว จะไปกินข้าวในเกาะเมืองอยุธยาสักหน่อย พระอาจารย์วัลลภบอกว่าวันนี้ญาติโยมมาหาพระอาจารย์สิงห์ทน ท่านเดินไปที่เนินดิน พวกโยมเคยไปเนินดินหรือยัง ตอบท่านไปว่า ยังเจ้าค่ะ ท่านก็ชี้ให้เราทั้ง 5 เดินไป

    ไปถึงเจอพระอาจารย์อีกองค์นั่งอยู่บนโซฟาเก่าๆ คิดว่าใช่พระอาจารย์สิงห์ทนแล้ว รี่เข้าไปกราบ ท่านกำลังภาวนาโดยถือลูกประคำเส้นใหญ่ไว้ในมือ กราบเสร็จก็ถามพระอาจารย์สิงห์ทนใช่ไหมเจ้าคะ ท่านบอกว่าอาตมาชื่อว่าพระอาจารย์สัมฤทธิ์ อ้าวอีกผิดตัวแต่พระอาจารย์สัมฤทธิ์ ก็ชวนคุยเรื่องที่ท่านไปศึกษาวิชาของทางพุทธศาสตร์โบราณ เรื่องลูกประคำ คุยกันเพลินไปอีกเกือบชั่วโมง

    พระอาจารย์สิงห์ทนก็เดินมาที่เนินดิน ทีนี้กราบพระอาจารย์สิงห์ทนตัวจริงเสียงจริงเสียที ^^ พวกเราก็บอกว่าอยากจะได้แผ่นสวดมนต์ดุริยมนตราของหลวงพ่อเจ้าค่ะ เพราะว่าพระอาจารย์วัลลภบอกพวกเรามาว่าให้มาขอที่พระอาจารย์ ท่านบอกว่ารอสักครู่นะโยม ซีดีวันอยู่ที่หอสวดมนต์นเรศวร พวกโยมรีบไหมหล่ะ รอเดี๋ยวอาตมาก็จะกลับไปที่หอสวดมนต์แล้ว ก็แปลกนะคะ วันนั้นทั้งวันไม่มีอาการหิวเลย อากาศก็ไม่ร้อน เพราะวันนั้นทั้งวันพระอาทิตย์ไม่ออกมาจากเมฆเลยค่ะ เย็นสบาย

    จนได้ตามพระอาจารย์สิงห์ทนกลับไปที่หอสวดมนต์นเรศวร ได้รับซีดีและหนังสือสวดมนต์กันครบทุกคน ได้รับหนังสือของพลตรี พิจิตร ขจรกล่ำกลับบ้านด้วย

    ได้รับพระขุนแผนที่หลวงพ่อสิงห์ทนสร้างขึ้นใหม่ครบทุกคน จากนั้นก็ดูพระอาจารย์ท่านสนทนากับญาติโยมอื่นๆ สักพักพวกเราก็ชวนกันจะไปหาข้าวกินตอนนั้นคงจะใกล้เย็นแล้ว

    พอลงมาจากหอสวดมนต์ พระอาจารย์วัลลภรออยู่ท่านบอกว่ารอกลุ่มเรา ถ้าไม่รีบอยากให้อยู่สนทนากันก่อน ก็สนทนาเรื่องวัดที่พวกเราไม่เคยรู้ ท่านก็เล่าให้ฟัง สนทนาไปสนทนามาก็เห็นว่าน่าจะเย็นแล้ว หลานชาย(อายุ 29) บอกว่าสงสัยจะเย็นแล้วเรากลับกันเถอะ

    ใช่ค่ะออกจากวัดเกือบหกโมงเย็น ทั้งๆที่ไปถึงวัดตั้งแต่ 10:30 อยุ่วัดทั้งวันโดยยังไม่ทานข้าวเลยตั้งแต่เช้า อยู่ได้โดยไม่หิว และอากาศสบายมากไม่ร้อนเลย หลานชายเป็นคนไม่ชอบเข้าวัดยังบอกว่าแปลกมากอากาศเย็นสบาย ถ้าร้อนนะผมชวนกลับบ้านตั้งแต่บ่ายสองโมงแล้ว จากนั้นเราทั้ง 5 ก็ไปทานข้าวกันในเกาะเมืองอยุธยา กลับถึงบ้านที่บางบัวทองสองทุ่มกว่า ส่วนพี่สะใภ้ หลานสาว หลานชายอยู่บางกอกน้อย คงถึงราวๆ สามทุ่มกว่า ก็ได้รับประสบการณ์ดีๆกันถ้วนหน้าค่ะ

    นี่แหละค่ะประสบการณ์ไปวัดวรเชษฐ์ครั้งแรกค่ะ

    กราบลาบอร์ดสักสองสามอาทิตย์นะคะ สวัสดีมีชัยค่ะท่านผู้อ่าน
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากการสัมผัสของทางสายธาตุเองไม่มีพระอาจารย์ หรือคุณรุ้ง หรือไปหาผู้เข้าทรง ไม่มีคนบอกว่าเห็นทางสายธาตุใส่ชุดไทย และไม่บังอาจคิดว่าตัวเองเป็นคนเบื้องสูงมาเกิด ดูสภาพร่างกายของตนเองแล้วไม่อยากจะคิด ดิฉันอ้วนมากเพราะเป็นพังผืดทั้งตัวและมีเซลล์ลูไลซ์ติดตัวมาตั้งแต่เกิดเพราะคุณแม่เป็นนิ่วในไต ตอนตั้งท้องดิฉันทำให้ระบบขับของเสียของคุณแม่ไม่สมบูรณ์ พิษต่างๆจึงสะสมที่ตัวดิฉันด้วยโดยก่อเป็นพังพืด และพังพืดนี้มันรัดถึงสมอง เวลาที่พังพืดมันรัดดิฉันจะปวดศีรษะมากจนขับรถไม่ได้ บางทีต้องไปนอนโรงพยาบาล หมอปัจจุบันก็รักษาให้ไม่ได้ จนได้มาทำบุญที่วัดวรเชษฐ์เรื่อยๆนี่แหละคะ โรคปวดหัวข้างเดียวของดิฉันหายขาดแล้วนะคะ ตั้งแต่วิสาขบูชาปีที่แล้ว จนบัดนี้ยังไม่มีอาการเลยค่ะ

    ที่ไม่ค่อยชอบโชว์ตัวก็เพราะดิฉันอ้วนนี่แหละค่ะ ไม่ใช่เพราะเหตุผลปกปิดอื่นใด เพิ่มมาเยอะมากและหาทางออกไม่ได้ ออกกำลังกายก็แล้ว จนได้มาวัดวรเชษฐ์และได้ทำการขอขมากรรมกับเจ้ากรรมนายเวรนี่แหละคะ ผ่านมาหนึ่งปีดิฉันลดไป 10 โลแล้วนะคะ คิดว่าที่เป็นมาตั้งแต่เกิดคืออาการปวดหัวข้างเดียวนี้ก็คือโรคเวรโรคกรรมนี่แหละคะ

    เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2552 ไปร่วมงานบวงสรวงใหญ่ที่วัดชุมพลฯ กับนายทหารอากาศหลายๆนาย ได้เห็นบายศรีครุฑเป็นครั้งแรกก็ที่นี่แหละค่ะ พระท่านบอกว่าจะใช้บายศรีครุฑกับพิธีที่กระทำการบูชาบูรพกษัตริย์เท่านั้นค่ะ วันนี้จึงเอารูปพี่อุกามณีที่เคยลงไว้ในหน้า 87 มาโชว์อีกครั้ง ตอนนั้นดิฉันไว้ผมยาวนะคะไม่ใช่ผมซอย ดังนั้นเป็นความเข้าใจผิดอย่างแน่นอนที่คิดว่าดิฉันเคยโทรไปร้องไห้วีนใส่ใคร ดิฉันไม่เคยทำ จะบอกว่าตลอดชีวิตยังไม่เคยโทรไปวีนใครนอกจาก Hutch (ค่ายมือถือ) ที่เรียกเก็บเงินดิฉันอีกสองเดือน ทั้งๆที่ดิฉันไปติดต่อขอเลิกใช้บริการแล้ว จนบัดนี้ดิฉันก็ยังไม่จ่ายเงินค่าบริการโทรศัพท์ค่าย hutch 2เดือนนั้นติดมา 7-8 ปีแล้ว เงินแค่ 2,200 บาท แต่ดิฉันไม่ยอมจ่ายเพราะมันไม่ยุติธรรมต่อผุ้บริโภค เรื่องจะโทรไปวีนคนในเรื่องความเชื่อที่ต่างกันไม่ใช่นิสัยของดิฉันแน่นอนค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02356.JPG
      DSC02356.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57 KB
      เปิดดู:
      167
    • DSC02355.JPG
      DSC02355.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49.1 KB
      เปิดดู:
      166
    • DSC02357.JPG
      DSC02357.JPG
      ขนาดไฟล์:
      50.1 KB
      เปิดดู:
      169
    • DSC02398.JPG
      DSC02398.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.6 KB
      เปิดดู:
      200
    • DSC02384.JPG
      DSC02384.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.7 KB
      เปิดดู:
      235
    • DSC02400.JPG
      DSC02400.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44.1 KB
      เปิดดู:
      172
    • DSC02405.JPG
      DSC02405.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.5 KB
      เปิดดู:
      168
    • DSC02406.JPG
      DSC02406.JPG
      ขนาดไฟล์:
      34.8 KB
      เปิดดู:
      161
    • DSC02407.JPG
      DSC02407.JPG
      ขนาดไฟล์:
      33.1 KB
      เปิดดู:
      161
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE id=post1797292 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>14-01-2009, 01:48 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#64 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end --> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1797292", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2009
    ข้อความ: 1,581
    [​IMG]
    Groans: 0
    Groaned at 28 Times in 16 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 1,838
    ได้รับอนุโมทนา 6,773 ครั้ง ใน 1,556 โพส
    พลังการให้คะแนน: 422 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1797292 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อยากเห็นรูป Moldavite จังเลย

    เพิ่งไปเห็นเพชรดำที่วัดวรเชษฐ์ นอกเกาะมาเมื่อวันอาทิตย์สนใจเลย<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>Last edited by ทางสายธาตุ; 14-01-2009 at 01:54 PM.


    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1797292")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เพราะเพิ่งไปพบพระอาจารย์สิงห์ทนเป็นครั้งแรกวันที่ 11 มกราคม 2552 ทางสายธาตุไปเห็นอุกามณี หรือเพชรดำขนาดเท่าลูกแตงโมขนาดกลางวางอยู่บนพานหน้าพระพุทธรูป ตื่นตาตื่นใจมากเพราะไม่เคยเห็นอุกามณีเม็ดใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ยังเอามาเล่าไว้ในกระทู้หนึ่ง ดิฉันถูกอุกามณีเม็ดนี้ช็อตเล็กๆด้วยค่ะ เพราะนึกว่าเป็นหินธรรมดาไม่สนใจ นังไม่ระวังไปถูกหินก้อนนี้เข้า จึงรู้สึกตัวเพราะมีกระแสไฟฟ้าเล็กๆส่งออกมาสู่เรา พอบอกคุณรุ้งว่าจูถูกช๊อตจากหินดำก้อนนี้ เธอจึงบอกว่าก้อนนี้ก็คืออุกามณีหรือเพชรดำนั่นแหละ โอ้ก้อนใหญ่มากๆค่ะ

    http://palungjit.org/threads/เรื่องของอุลกมณี.16642/page-4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2010
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE id=post2093382 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 10-05-2009, 09:25 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #1283 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end --> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2093382", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2009
    ข้อความ: 1,582
    [​IMG]
    Groans: 0
    Groaned at 28 Times in 16 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 1,838
    ได้รับอนุโมทนา 6,774 ครั้ง ใน 1,556 โพส
    พลังการให้คะแนน: 422 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_2093382 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->คืนวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา คณะคุณซันหรือเปล่าคะ ที่ไปวัดวรเชษฐ์
    พอดีไปถือศีลคืนหนึ่ง ทำให้เกิดความสนใจ กลับมาอ่านกระทู้นี้ในวันนี้ค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2093382")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เจอคุณซันที่วัดวรเชษฐ์ในคืนก่อนวันวิสาขบูชาปีที่แล้วด้วยค่ะ แต่ยังไม่เคยเจอริชชี่นะคะ ล่าสุดฟังจากหลวงพ่อสิงห์ทนเล่าให้ทางสายธาตุฟังว่า ริชชี่เพิ่งมาทำบุญเมื่อวันที่ 31 กรกฏาคม 2553 นี้เองค่ะ

    http://palungjit.org/threads/ได้ไปเจอ-ซัน-ผู้มีญาณทิพย์.122386/page-65#post2093382
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    หาข้อความเล่าประสบการณ์ไปนั่งสมาธิที่วัดวรเชษฐ์ ที่เคยเขียนไว้ในกระทู้ของอาจารย์ตาที่สาม เรื่องเล่าก่อนนอนคนนอนดึก ... เล่าไว้ละเอียดแต่ตอนนี้หาไม่เจอ เอาไว้ไปวัดทองบ่อ วัดชุมพลฯ วัดวรเชษฐ์อีกครั้ง ถ้ามีเวลาจะไปปราสาทนครหลวงด้วยค่ะ จะมาเล่าเรื่องราวกันใหม่ ขอพักการเข้าเนตชั่วระยะจริงๆแล้วนะคะ

    [​IMG]

    ภาพหน้าฟ้าฮ่ามรีสอร์ท ไปงานถวายพระแสงของ้าวที่กองพันพัฒนาที่ 3 ที่แม่ริม วันที่ 12 กรกฏาคม 2553 เย็นวันนั้นพี่จงรักภักดีและหมวดเจี๊ยบมารับสามสาว ด้วยรถตู้อย่างดี มีทหารเป็นพลขับ และมีท่านนายพลคอยเปิดประตูรถให้สามสาว นับเป็นเมตตาของท่านค่ะ มีเมตตาพวกเรา สาว สาว สาว ท่่านเป็นกันเองมากเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ​

    รูปนี้ถ่ายก่อนไปทานข้าวเย็นที่ร้านที่น้องโมเยร้องเพลงอยู่ อาหารอร่อยมากคุณรุ้งบอกว่าอยากกินไข่เจียวไข่มดแดงมากแต่หมดเสียก่อน คราวนี้จะไปกินให้ได้เลยค่ะ​

    ถ้าไม่รังเกียจความอ้วนงอมของไกด์สาวคนนี้ ก็จะถ่ายรูปมาลงประกอบการเที่ยวสถานที่ต่างๆเป็นระยะๆไปค่ะ ตอนนี้มี P iPhone ที่ถ่ายรูปได้แล้วจะถ่ายมาลงให้ดูประกอบเรื่องนะคะ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    โปรดทราบ เรื่องนี้เป็นสิทธิของพวกเรา

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ดีเดย์พรุ่งนี้!! ย้ายค่ายมือถือใช้เบอร์เดิม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>31 สิงหาคม 2553 17:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000121869&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ยืนยันว่า วันพรุ่งนี้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ต้องเปิดให้บริการคงสิทธิเลขหมายตามคำสั่งทางปกครอง ที่ต้องปฏิบัติตาม โดยผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่ต้องการเปลี่ยนผู้ให้บริการ แต่ว่าต้องการเลขหมายเดิม สามารถไปดำเนินการที่สำนักงานผู้ให้บริการได้ทันที แต่หากได้รับการปฏิเสธ สามารถร้องเรียนมาที่ กทช. ซึ่ง กทช.จะตั้งคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับรายละ 20,000 บาทต่อวัน เนื่องจาก กทช.ได้ประกาศเรื่องนี้มานานนับปีแล้ว แต่ว่าผู้ประกอบการอาจคิดว่าไม่ค่อยสำคัญ จึงปล่อยปละละเลย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    อนุโมทนาค่ะคุณ mashima

    เปิดมาพบพระรูปที่คุณนำมาเผยแพร่ แล้วดีใจมาก แต่ไม่ใช่ดีใจสำหรับตัวเอง แต่ดีใจแทนคน2...3คนที่เขาอยากได้และตระเวณหาภาพพระนเรศวรที่มุ่นพระเกศา และแปลกที่คนกลุ่มนี้ไม่รู้จักกัน ...เขาบอกว่าบอกไม่ถูกทำไมอยากได้ แต่คล้ายว่าท่านต้องเคยทรงเกล้าแบบนี้....(ตรงนี้ต้องขอยกบทนี้มาท่อง...ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหี ติ )

    แต่หายากกกก มากกกก พึ่งมาเจอที่นี่แหละค่ะ เดี๋ยวจะขอก๊อปไปให้เขานะคะ คิดว่าคงปิติมาก ได้บุญหลายล่ะคะ่คุณmashima;

    สำหรับตนเองเคยไปที่ถ้ำเมืองนะ มา 2 - 3 ครั้ง แต่แปลกไม่เคยเห็น ไปครั้งแรก เพราะอยากไปตามรอยทางที่สมเด็จพระนเรศวรทรงเคยผ่าน เพราะรักพระองค์ท่านมาก ก็คงไม่ต่างจากลูกหลานไทยทุกคน
    เผอิญอ่านพบว่าที่ถ้ำนี้มีความเป็นมาเกี่ยวกับพระองค์ ไปถึงได้เจอหลวงตาม้า ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่ด วันนั้นมีคนไปกราบมากมาย

    พอเข้าไปนั่งหน้าท่าน กราบเสร็จ ท่านก็ถามคำแรก "ทำไมถึงชอบพระนเรศวรมากนัก" อึ้งกิมกี่ไปเลย หลวงตากล้าถามเราก็กล้าตอบ "เพราะรู้สึกว่าเคยเป็นทหารของพระองค์ท่านมาก่อน และผูกพันรักท่านมาก"
    หลวงตาก็อมยิ้ม พูดเบาลงว่า "พระนเรศวรสิ้นที่นี่.หลังหลืบหินยังมีพระแท่นหินอยู่เลย " แล้วถามว่า"อยากเห็นอะไรเกี่ยวกับพระองค์ท่านไหม"
    แหม หลวงตาถามเข้าทางโกลด์เลย "อยากเห็นค่ะ ทำยังไงคะหลวงตา"
    "ก็ลองเข้าสมาธิดูสิ" ท่านบอกแล้วก็ยิ้มอีก เหลียวมองรอบตัวแล้วแหยงบารมีเรายังกระปรกกระเปลี้ย ไม่บังอาจนั่งทั้งที่คนเต็มถ้ำ เลยถามท่าน "นั่งที่บ้านได้มั๊ย"
    ท่านว่าได้ และแนะนำว่าให้กำหนดจิตส่งมาที่สถานที่นี้ แล้วท่านก็กรุณาเล่าอะไร ๆ เกี่ยวกับมหาราชของเราพระองค์นี้ให้ฟัง แต่ขอไม่เล่า ต่อ เพราะมันก็เป็นแบบข้างต้นนั่นแหละค่ะ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหี ติ )
    (ไอ้เรานึกว่าหมูกลับมานั่งแล้วนั่งอีก ไม่เห็นอะไรเลยคงต้องเร่งความเพียรอีกโข).

    อ้าว ว่าจะเข้ามาอนุโมทนาแทนคนที่อยากได้ แค่เห็นชื่อ ถ้ำเมืองนะเข้าดีใจเพราะต่อมาเราก็เป็นลูกศิษย์ท่านเหมือนกัน

    เลยกลายมาเม็าท์เรื่องอื่นชนิด คนละเรื่องเดียวกันซะแล้ว ไม่ว่ากันนะคะ

    ปิดท้าย..ตามสูตร โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และ คิดตามอัธยาศัยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...