ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สหรัฐฯเตรียมสร้างตึกระฟ้า “วัน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์”</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>20 สิงหาคม 2553 10:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000115818&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=283><TBODY><TR><TD vAlign=top width=283 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจำลองอาคาร "วัน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - ท่ามกลางกระแสต่อต้านการสร้างมัสยิดใกล้ “กราวนด์ ซีโร” ตึกระฟ้าหลังใหม่ “วัน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์” กำลังผุดขึ้นอย่างเงียบๆบนพื้นที่เดิมของอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์

ก่อนปีที่แล้ว “กราวนด์ ซีโร” ยังเป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่าใจกลางย่านธุรกิจของนครนิวยอร์ก โดยมีนักท่องเที่ยวและญาติมิตรของเหยื่อในเหตุการณ์ 9-11 แวะเวียนมารำลึกถึงโศกนาฏกรรมดังกล่าว

การขัดแย้งระหว่างผู้พัฒนากับเจ้าของพื้นที่ รวมไปถึงพิธีรำลึกเหตุการณ์ 9-11 ที่จัดขึ้นทุกปียิ่งทำให้ “กราวนด์ ซีโร” กลายเป็นแดนแห่งความเศร้าโศก และยากที่สหรัฐฯจะพลิกหน้าประวัติศาสตร์อันเลวร้ายนี้ได้

โครงการสร้างศูนย์วัฒนธรรมอิสลามยิ่งสร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนจำนวนมากที่เห็นว่าเป็นการดูหมิ่นความทรงจำของเหยื่อในเหตุการณ์ 9-11 แม้พื้นที่ศูนย์ดังกล่าวจะอยู่ห่างจาก “กราวนด์ ซีโร” ถึง 2 ช่วงตึกก็ตาม

อย่างไรก็ดี “วัน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์” ยังคงก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ และดึงความสนใจของผู้คนมายัง “รอยแผลกลางเมือง” ที่กลุ่มอัลกออิดะห์สร้างไว้เมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา

“วัน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์” ออกแบบโดยสถาปนิก เดวิด ไชล์ดส์ เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นตึกสูงที่สุดในสหรัฐฯ โดยมีความสูงถึง 1,776 ฟุต (541 เมตร) เพื่อรำลึกถึงปีที่สหรัฐฯได้รับเอกราชจากอังกฤษ

คัชแมน & เวกฟิลด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะให้เช่าพื้นที่กว่า 269,000 ตารางเมตรบน “วัน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์” เพื่อสร้างสำนักงาน ร้านค้ากว่า 46,000 ร้าน ภัตตาคาร และจุดชมวิว ระบุว่า อาคารสูง 104 ชั้นดังกล่าวมีกำหนดสร้างเสร็จในปี 2013

ทารา สตาคอม รองประธานบริษัทคัชแมนฯกล่าวเมื่อวันพุธ(18)ว่า ประเด็นขัดแย้งเรื่องมัสยิดจะไม่มีผลต่อการทำธุรกิจ และ “วัน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์” ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมากจากหลายบริษัทที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของมัน

คาดว่าอาคารดังกล่าวจะสร้างได้ถึง 50 ชั้นภายในสิ้นปีนี้

บริษัทของจีนเป็นรายแรกที่เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ 17,000 ตารางฟุต เพื่อสร้างสำนักงานบน “วัน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์”

ภายในอาคารจะมีอนุสาวรีย์รำลึกเหตุการณ์ 9-11 และสถานีเชื่อมต่อรถประจำทางกับรถไฟที่ใหญ่กว่าสถานี “แกรนด์ เซ็นทรัล” ในนครนิวยอร์ก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สื่อเทศกระพือข่าว ไทยถูกบีบ ส่ง'บูท'ให้สหรัฐฯ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สื่อต่างประเทศพร้อมใจเสนอข่าวศาลอุทธรณ์พิพากษา ให้ส่งตัว "วิคเตอร์ บูท" พ่อค้าความตายชาวรัสเซีย กลับไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ แฉไทยถูกกดดันหนัก สภาคองเกรสเรียกตัว "ดอน ปรมัตถ์วินัย" ทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันไปพบ

สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก ทั้งเอพี เอเอฟพี รอยเตอร์ ต่างรายงานตรงกันเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ว่า ในท่ีสุดศาลอุทธรณ์ของไทยก็พิพากษาให้ส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท ชาวรัสเซียวัย 43 ปี นักค้าอาวุธสงครามระหว่างประเทศตัวเอ้ ฉายา "พ่อค้าความตาย" (Merchant of death) ไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ ในข้อหาก่อการร้าย เป็นการกลับคำพิพากษาของศาลอาญาศาลชั้นต้นของไทย เมื่อเดือน ส.ค. 2552 ซึ่งปฏิเสธคำร้องขอของสหรัฐฯ โดยอ้างว่าไม่มีอำนาจลงโทษชาวต่างชาติผู้กระทำความผิดต่อชาวต่างชาติอื่นๆ ในต่างแดน อย่างไรก็ตาม ถ้าศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่ามีความผิดจริงนายบูท อาจต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต

เอพีและเอเอฟพี รายงานด้วยว่า ก่อนที่ศาลอุทธรณ์ของไทยจะมีคำพิพากษา ทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ และสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ 6 คน ได้ร่วมกดดันไทยให้ส่งตัวนายบูท โดยนาย พี.เจ. โครว์ลีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ว่า สหรัฐฯ ได้เรียกตัวนายดอน ปรมัตถ์วินัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน เข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศในสัปดาห์นี้ เน้นย้ำให้ทราบว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญอย่างสูงต่อการนำตัวนายบูทไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ และได้ยื่นหลักฐานสำคัญให้ฝ่ายไทยเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาต่อนายบูท นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยก็เข้าพบปะกับเจ้าหน้าท่ีกระทรวงการต่างประเทศไทยเพื่อส่งสารเดียวกัน

เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ 6 คน ทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน นำโดยนายโฮวาร์ด เบอร์แมน ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์แห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ สังกัดพรรครีพับลิกัน ส่งจดหมายถึงนายดอน ปรมัตถ์วินัย โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงกล่าวหาว่าไทยจัดการกับคดีของนายบูท อย่างไม่ยุติธรรม และไม่โปร่งใส พร้อมทั้งเตือนว่าอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การปล่อยตัวผู้ท่ีรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์นับไม่ถ้วน ในแอฟริกาและสถานท่ีอื่นๆ จะเป็นเรื่องน่าตกใจและน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง แทบไม่น่าสงสัยเลยว่าถ้านายบูท ได้รับอิสรภาพ เขาจะกลับเข้าสู่การค้ามรณะอีก โดยจัดหาอาวุธให้ฝ่ายท่ีมุ่งเป้าโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และไทยทั่วโลก

เอพีรายงานว่า หลังถูกศาลอุทธรณ์ของไทยพิพากษาส่งตัวให้สหรัฐฯ นายบูท ซึ่งอยู่ในสภาพถูกล่ามโซ่ตีตรวนถึงกับร่ำไห้โผเข้ากอดดับภรรยา และ ลูกสาว โดยนางแอลลา ภรรยาของนายบูทให้สัมภาษณ์ผู้ส่ือข่าวเป็นภาษารัสเซียทั้งน้ำตาว่า คำพิพากษาครั้งนี้ไร้ความยุติธรรมที่สุดเพราะศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วว่านี่ คือคดีการเมือง ทั่วโลกก็รู้ว่านี่เป็นคดีการเมือง การกลับคำพิพากษาเป็นผลจากทางการไทยถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรกันกดดันอย่างหนักและต่อเนื่อง

ขณะที่นายนิตติวัฒนาวิชาญ ทนายความของนายบูทยอมรับคำพิพากษาของศาล แม้จะเห็นว่าเป็นคดีการเมือง แต่จะยื่นคำร้องต่อรัฐบาลไทยให้ระงับการส่งตัวนายบูทเพราะเชืิ่อว่าจะได้รับ การพิจารณาคดีอย่างไม่ยุติธรรมในสหรัฐฯ

นายบูท เป็นอดีตนักบินของกองทัพอากาศสหภาพโซเวียต พูดได้ถึง 6 ภาษา เป็นท่ีรู้จักในนามแฝงถึง 8 ช่ือ เขาถูกจับในโรงแรมหรูในกรุงเทพฯ เมื่อเดือน มี.ค. 2551 ส่วนอัยการสหรัฐฯ ยื่นฟ้องนายบูท ในข้อหาช่วยเหลือผู้ก่อการร้าย รวมทั้งใช้ฝูงเครื่องบินขนส่งสินค้าลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ไปให้กลุ่มต่างๆ ในแอฟริกา อเมริกาใต้และตะวันออกกลาง และระหว่างปฏิบัติการลับครั้งหนึ่ง นายบูทตกลงจะส่งขีปนาวุธชนิดพื้นสู่อากาศให้สายลับหน่วยต่อต้านยาเสพติด ของสหรัฐฯ ซึ่งปลอมตัวเป็นกบฏ "ฟาร์ก" ฝักใฝ่ลัทธิมาร์กในโคลัมเบียซึ่งถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเป็นกลุ่มก่อการร้าย แต่นายบูทปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด อ้างว่าตนแค่ทำธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศท่ีถูกต้องตามกฏหมาย เรื่องราวของเขายังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง "Lord of War" นำแสดงโดยนิโคลาส เคจ อีกด้วย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

======================================


21 ส.ค. 53

เช้านี้เห็นภาพน้ำเอ่อท่วมจากคลองขึ้นมาบนท้องถนน แสดงว่าจะมีน้ำท่วม
แต่ไม่รุนแรงมาก


มารไม่มีบารมีไม่เกิด

เมื่อได้รับสัญญาณว่าการขุดเจาะน้ำบาดาลเที่ยวนี้จะมีปัญหาและจะผ่านพ้นไป
ด้วยดี การเจาะน้ำได้ตกลงกันในราคา แปดหมื่นบาท เขาบอกว่าราคานี้สิ่งที่จะ
ให้คือ การขออนุญาต การตรวจสอบคุณภาพน้ำ ตัวโยกน้ำ ปั้มซับเมิชและเท
ปูนพื้นที่ๆตั้งตัวโยกให้ ซึ่งชาวบ้านในระแวกนั้นบอกว่าแพง ควรจะอยู่ในราคา สี่
หมื่นถึงห้าหมื่นบาทแต่มีเพียงคันโยกให้ ช่วงนั้นผมเคยให้เจ้าของพื้นที่ช่วยหา
ให้ แต่ก็ไร้วี่แวว ผมจึงให้แนวร่วมที่ขอนแก่นหาให้

เมื่อผมได้ขึ้นไปตกลงราคากันเป็นที่เรียบร้อย ช่วงเวลาที่อยู่บนนั้น การติดต่อ
การเดินทางดูจะติดขัดไปหมด แม้กระทั้งรถที่จะมาเจาะให้ก็เกิดเสียขึ้นมาอีก
เช้าวันศุกร์ที่ 20 ก็ได้รับข่าวมาว่า รถเจาะทำการเจาะน้ำอยู่ที่ฐานผาแบ่นแล้ว
ความลึกอยู่ที่ 35 เมตร ปริมาณน้ำอยู่ที่ 4,000 หน่วยอะไรผมก็ฟังไม่ชัด ข้าง
ใต้ที่เจาะเป็นแหล่งแร่ จำนวนน้ำมากเพียงพอ แต่ยังไม่ทราบว่าจะนำน้ำมาดื่ม
กินได้หรือไม่? คงต้องนำน้ำไปตรวจสอบที่กรมทรัพย์อีกที

ปัญหาเริ่มเกิดต่อ คนรับจ้างบอกว่าราคาที่ตกลงกันไว้ ไม่รวมค่าขออนุญาต ขอ
ตรวจสอบน้ำ ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่บอกว่าไม่รวมปั้มซับเมิชจะให้แต่ตัวโยก ถ้าจะ
เอาปั้มก็ไม่ได้ตัวโยก (เจ้าของที่โทรฯบอกผม) งานเข้าแล้วซิครับ ผมเริ่ม
เครียดเพราะได้แจ้งให้แนวร่วมทุกรายได้ทราบไว้ก่อนหน้าแล้วในเรื่องราคาการ
ขุดเจาะ

คืนนั้นผมก็จุดธูปรายงานหน่วยเหนือให้ได้ทราบถึง 2ครั้งในเวลาไล่เรี่ยกัน เพื่อ
ที่จะให้หน่วยเหนือทำการอัดผู้รับเหมา ครั้งแรกเรื่องปั้มซับเมิช เมื่อผมโทรฯไป
หาผู้รับเหมา โดยที่ผมยังไม่เอ่ยคำพูดเลย เขาก็บอกว่าให้ปั้มซับเมิชด้วย พอ
ผมได้รับทราบข่าวจากเจ้าของที่อีกในเรื่องจะไม่ได้ตัวโยกในคืนนั้นเลย ผมก็
รายงานให้หน่วยเหนือทราบอีกครั้ง

เช้านี้ผมไม่ติดต่อขึ้นไปอีกเพราะเครียดและเบื่อหน่ายนิสัยคน เมื่อคืนผมได้
โทรฯบอกเจ้าของที่ว่า ที่ตกลงกันไว้ ไม่รวมการขออนุญาต ถ้าเขาทำการเจาะ
เสร็จ มีตัวโยก มีปั้มซับเมิชและเทพื้นปูนให้ ก็จ่ายเงินที่ผมฝากไว้ให้ไปเลย ถ้า
ไม่มีตามนี้ก็ยังไม่ต้องจ่าย ส่วนผมได้เรียนหน่วยเหนือให้ท่านช่วยจัดการไป
แล้ว ส่วนผมไปทำธุระแถวรังสิต กลับถึงบ้านร่วม 4โมงเย็น ผมจึงโทรฯขึ้นไป
สอบถาม ทุกอย่างได้ทำเสร็จเป็นที่เรียบร้อย

ส่วนภาพคงต้องรอให้น้ำแห้งสักนิด เพราะฝนตกน้ำนองไปหมด เข้าไปถ่าย
ภาพลำบาก รู้แต่ว่าแท่นที่ตั้งตัวโยกอยู่ตรงกลางพื้นที่ค่อนมาทางถนนใหญ่ ถ้า
ได้ภาพแล้วจะลงให้ดูอีกที


องค์อินทร์ - ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น

 

ฮือฮา! รุ้งกินน้ำโผล่ที่จีน คล้ายรัศมีพระพุทธเจ้า​

​

"รุ้งกินน้ำ" หลังฝนตกวันที่ 20 ส.ค. บนน่านฟ้าเทือกเขาหวง เมืองหวงซาน มณฑลอันฮุย ประเทศจีน ผิดแปลกไปจากเดิม ละม้ายคล้ายสัญลักษณ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ "รัศมีทรงกลดรอบเศียรของพระพุทธเจ้า"...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติ "รุ้งกินน้ำ" ที่เกิดจากการหักเหของแสงอาทิตย์ และเมฆหมอก บนน่านฟ้าเทือกเขาหวง ในเมืองหวงซาน มณฑลอันฮุย ประเทศจีน แปลกไปจากเดิม เนื่องจากปรากฏการณ์หลังฝนตกวันที่ 20 ส.ค. ละม้ายคล้ายภาพรัศมีทรงกลดรอบเศียรของพระพุทธเจ้า

ทั้งนี้ รัศมีทรงกลดเปล่งประกาย มักใช้เป็นสัญลักษณ์พรรณาภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนิยมใช้อย่างกว้างขวางในศาสนาพุทธ ปรากฏให้เห็นครั้งแรกตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์

ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

ผลการวิจัยใหม่ เตือนมะกัน แผ่นดินไหวใหญ่​

​

โดยจากการศึกษาข้อมูลธรณีวิทยาย้อนไป 700 ปีตามแนวแผ่นดินไหวซึ่งอยู่ห่างแอลเอ 160 กม.พบว่า แผ่นดินไหวรุนแรง 6.5-7.9 ริคเตอร์เกิดขึ้นทุก 45-144 ปี....

รายงานการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยรัฐอริโซนา ระบุเมื่อ 21 ส.ค.ว่า แผ่นดินไหวรุนแรงที่แนวแผ่นดินไหว ซาน แอนเดรส ทางใต้รัฐแคลิฟอร์เนีย เกิดขึ้นถี่กว่าที่รู้กัน ดังนั้น อาจเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่แถบนครลอสแอนเจลีสเมื่อไหร่ก็ได้ โดยจากการศึกษาข้อมูลธรณีวิทยาย้อนไป 700 ปีตามแนวแผ่นดินไหวซึ่งอยู่ห่างแอลเอ 160 กม.พบว่า แผ่นดินไหวรุนแรง 6.5-7.9 ริคเตอร์เกิดขึ้นทุก 45-144 ปี ถี่กว่าที่สรุปกันที่ 250-400 ปีก่อนหน้านี้ วันเดียวกัน เกิดแผ่นดินไหว 5.8 ริคเตอร์ที่ จ.อาเจะห์ในอินโดนีเซีย แต่ไม่มีการเตือนภัยสึนามิ

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2553

ผวา! พบจระเข้น้ำเค็มโผล่ช่องแคบโดเวอร์ กั้นอังกฤษ-ฝรั่งเศส​

​

ทางการอังกฤษและฝรั่งเศสเร่งออกตามล่าจระเข้น้ำเค็มขนาดความยาวมากกว่า 9 ฟุตบริเวณช่องแคบโดเวอร์ คาดหลุดจากสวนสัตว์...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ว่า หน่วยยามฝั่งของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังเร่งตามล่าจระเข้น้ำเค็มตัวหนึ่งอย่างเร่งด่วน หลังมีรายงานว่ามีผู้พบเห็นสัตว์นักล่าขนาดความยาวอย่างต่ำ 9 ฟุตตัวนี้ ในน่านน้ำบริเวณช่องแคบโดเวอร์ (Strait of Dover) ที่กั้นระหว่างทั้งสองประเทศ

ข่าวการพบจระเข้น้ำเค็มสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนในเมืองต่างๆ ที่มีที่ตั้งอยู่ติดกับช่องแคบแห่งนี้ซึ่งมีความกว้างเพียง 34 กิโลเมตร โดยเฉพาะหลังจากที่มีชาวฝรั่งเศส 2 รายในเมืองท่า "Boulogne" ทางตอนเหนือของประเทศแจ้งต่อทางการว่าพบจระเข้ตัวนี้ว่ายน้ำวนไปวนมา ในบริเวณท่าเรือซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดยอดนิยม

รายงานข่าวล่าสุดระบุหน่วยยามฝั่งของอังกฤษและฝรั่งเศสได้สั่งปิดชายหาดนับสิบแห่งตลอดแนวของ ช่องแคบโดเวอร์แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในพื้นที่ต่างระดมกำลังกันออกค้นหาจระเข้ตัวนี้แล้ว แต่ยังไม่พบ

เฌเรมี มาริยง โฆษกขององค์กรพิทักษ์สิทธิสัตว์ชื่อดัง "Opale" ออกมาเปิดเผยว่า การพบจระเข้น้ำเค็มบริเวณช่องแคบโดเวอร์ ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างยิ่ง เพราะโดยธรรมชาติแล้ว จระเข้นักล่าสายพันธ์ุนี้จะอาศัยอยู่แต่เฉพาะในน่านน้ำแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และทางตอนเหนือของออสเตรเลียเท่านั้น และแทบไม่มีความเป็นไปได้ใดๆ ตามธรรมชาติที่จะพบเห็นจระเข้ชนิดนี้ในน่่านน้ำของอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปยุโรป

มาริยง ระบุว่าจระเข้ตัวนี้น่าจะหลุดออกมาจากสวนสัตว์แห่งใดแห่งหนึ่งในพื้นที่ พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบจำนวนจระเข้ที่สวนสัตว์ต่างๆ แจ้งไว้กับทางการอังกฤษและฝรั่งเศสโดยเร็ว

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2553

มะกันเก็บไข่คืน 380 ล้านฟอง หวั่นเปื้อนเชื้อ​

​

"ไรต์ เคาน์ตี้ เอ็ก" ฟาร์มผลิตไข่ไก่รายใหญ่ของสหรัฐ เรียกคืนไข่ที่วางขาย 380 ล้านฟอง หวั่นติดเชื้อแบคทีเรีย "ซัลโมเนลลา" สาเหตุโรคทางเดินอาหาร...

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ฟาร์มผลิตไข่ไก่รายใหญ่ของสหรัฐฯ "ไรต์ เคาน์ตี้ เอ็ก" ในเมืองกอลต์ รัฐไอโอวา ทางภาคเหนือ ซึ่งขายไข่ให้บริษัทต่างๆ ทั่วประเทศ 143 แห่ง ประกาศเรียกคืนไข่ที่วางขายหลังวันที่ 19 ก.ค. เป็นต้นไป จากเดิม 220 ล้านฟอง เพิ่มเป็น 380 ล้านฟอง เพราะอาจติดเชื้อแบคทีเรีย "ซัลโมเนลลา" สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร หลังศูนย์ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ หรือซีดีซี พบผู้ป่วยเพิ่มมากกว่า 270 ราย จากการติดเชื้อทางเดินอาหารที่รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐโคโลราโด และรัฐมินเนโซตา ซึ่งคาดว่าเกิดจากไข่ของฟาร์มดังกล่าว นับเป็นการเรียกคืนครั้งใหญ่สุดอีกครั้งหนึ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมา

นายคริสโตเฟอร์ บราเดน เจ้าหน้าที่ประจำซีดีซี เผยว่า ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ค.ที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 1,953 ราย ที่ติดเชื้อซัลโมเนลลา ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการไข้ขึ้นสูง ท้องเสีย อาเจียน มวนท้อง และอาจถึงขั้นเสียชีวิต แต่ยังมิอาจยืนยันได้ว่าเกิดจากไข่ของฟาร์มดังกล่าวหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ศูนย์ป้องกันความปลอดภัยไข่ไก่ประเมินความเสี่ยงจากการบริโภคไข่ไก่ติดเชื้อซัลโมเนลลาเพียง 1 ต่อ 20,000 ราย ขณะที่ฟาร์มไรต์ เคาน์ตี้ ก็ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในโกดังเก็บไข่สดทุกแห่ง

ขณะเดียวกัน องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือเอฟดีเอ ออกกฎบังคับใช้ความปลอดภัยไข่ไก่ตั้งแต่ 9 ก.ค. เพื่อให้ผู้ผลิตรายใหญ่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค นำไข่ไก่แช่เย็นรวมถึงคอยดูแลเรื่องการให้อาหารกับน้ำ และหมั่นตรวจโรงเลี้ยงไก่หาเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลาให้มากขึ้น

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

จระเข้น้ำเค็ม บ้านเราเคยมีไอ้ด่างคลองบางมุด หลังสวน ชุมพร คนละตัวกับไอ้ด่าง เกยชัย นครสวรรค์ ในรูปนี่ด่าง คอนหวัน

 

หลักๆ ที่มากับน้ำ ทั้งน้ำนิ่ง น้ำขัง น้ำไหล คือ จระเข้ งู ปลิง เชื้อโรค

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=626 align=center valign="top"><TBODY><TR><TD class=text5 bgColor=#414141 height=97 width=626>นักวิทยาศาสตร์มะกันเผยดวงจันทร์หดตัวเล็กลง
</TD></TR><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=626><TBODY><TR><TD bgColor=#414141 width=14></TD><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=599><TBODY><TR><TD vAlign=top width=599><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=5 width=599><TBODY><TR><TD class=text4>21 สค. 2553 17:52 น.

<DD>ดอกเตอร์ โทมัส อาร์. วัตเตอร์ส แห่งสถาบันศึกษาโลกและดาวเคราะห์แห่งพิพิฑภัณฑ์อากาศและอวกาศสมิธโซเนียน ในกรุงวอชิงตันของสหรัฐ เผยผลการศึกษาที่ชี้ว่าดวงจันทร์ที่มีอายุประมาณ 4,500 ล้านปี ได้เกิดการหดตัวทำให้มีขนาดเล็กลงประมาณ 100 เมตร ในช่วง 800 ล้านปีที่ผ่านมา โดยจากการศึกษาภาพถ่ายความคมชัดสูงล่าสุดจากดาวเทียมตรวจสอบดวงจันทร์ของนาซาที่แสดงให้เห็นรอยแตก 14 แห่งบนพื้นผิวแนวเส้นศูนย์สูตร ที่เชื่อว่าเกิดขึ้นในช่วง 1,000 ปีที่ผ่านมา
<DD>รอยแตกเหล่านั้นมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของดวงจันทร์ โดยมีความลึกประมาณ 3 เมตรเศษและมีความยาวที่สุดเพียง 60 เมตรเศษ ขณะที่เส้นรอบวงของดวงจันทร์กว้างถึง 3,370 กิโลเมตร แต่เป็นเครื่องชี้ว่าดวงจันทร์กำลังหดตัว เพราะแกนเย็นตัวและยุบลงทำให้พื้นผิวด้านนอกกระแทกเข้าหากัน ซึ่งเครื่องตรวจจับแผ่นดินไหวที่นักบินอวกาศยานอพอลโลนำไปติดตั้งบนดวงจันทร์ในช่วงทศวรรษ 1970 ยืนยันแนวคิดดังกล่าวเพราะตรวจพบเหตุแผ่นดินไหวประมาณ 30 ครั้ง ที่เชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดรอยแตกบนผิวดวงจันทร์ที่เพิ่งค้นพบ
</DD></TD></TR></TBODY></TABLE>
<OBJECT id=sIFR_replacement_0 class=sIFR-flash classid=clsid27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000 width=930 height=34>
























</OBJECT>ม.ดังเมืองผู้ดีเปิดสอนหลักสูตร "แฮร์รี พ็อตเตอร์"


ฮือฮา! มหาวิทยาลัยเดอร์แฮมของอังกฤษเตรียมเปิดหลักสูตร "แฮร์รี พ็อตเตอร์ศึกษา" ในเดือนตุลาคมนี้...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ว่า มหาวิทยาลัยเดอร์แฮมในอังกฤษ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่อายุ 178 ปี และถูกจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดเป็นลำดับ 17 ของประเทศเตรียมเปิดหลักสูตรปริญญาตรีสาขา "แฮร์รี พ็อตเตอร์ศึกษา" ตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของพ่อมดน้อยแฮร์รีได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาในด้านนี้อย่างแตกฉาน

รายงานข่าวระบุว่า บิล ไบรสัน อธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้เห็นชอบให้เปิดหลักสูตรดังกล่าว ซึ่งจะมีการศึกษาวรรณกรรมและภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี พ็อตเตอร์ ทั้งหมดอย่างละเอียด รวมถึงจะมีวิชาที่ศึกษาถึงผลกระทบทางสังคม การศึกษาและวัฒนธรรมของพ่อมดน้อยที่มีต่อโลกแห่งความเป็นจริงด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หลังข่าวการเปิดหลักสูตรดังกล่าวแพร่ออกไป ได้เกิดกระแสต่อต้านจากนักเคลื่อนไหวด้านการศึกษาหลายกลุ่มในอังกฤษซึ่งระบุ ว่าถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่มหาวิทยาลัยเก่าแก่ของประเทศจะเปิดการเรียนการสอนในสิ่งที่ "ไร้สาระ" เช่นนี้ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าปริญญาตรีสาขาดังกล่าว จะทำให้บัณฑิตนำความรู้ไปใช้ประกอบอาชีพในโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างไร.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

จีนยึดนมผงปนเปื้อนสารเมลามีนได้ จำนวน 103 ตัน ในหลายมณฑลทางภาคเหนือของประเทศ สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า นมผงดังกล่าวเป็นของ 4 ยี่ห้อที่พบในมณฑลหูเป่ย ซันซี และเทศบาลนครเทียนจิน ขณะเดียวกันยังรวบผู้ต้องสงสัยได้อีก 41 คน
เมลามีนเป็นสารเคมีใช้ในทางอุตสาหกรรม แต่นำมาใส่ในนมผงเพื่อหลอกให้ผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์นมเชื่อว่า มีปริมาณโปรตีนสูง

 

เดี๋ยวนี้แนะนำให้คุณจระเข้อยู่แต่ในสวนสัตว์ นะครับ

อย่าออกมาเพ่นพ่านตามแม่น้ำ ลำคลอง หนองบึง ทะเลสาบ
เพราะท่านมีค่าตัวที่นิ้วละ 200 บาท เลยอาจจะชะตาขาดได้ง่ายๆ :'(

ประเทศไทย คนไทยเก่งมากเรื่องจับสัตว์น้ำทุกชนิด ไม่ว่าจะมีขนาดไหนก็ตาม
หลุดมาแถวนี้รับรอง ท่านจะต้องโดนไฟช๊อตแน่นอน.....หุหุหุหุหุ

 

<TABLE border=1 cellSpacing=0 borderColor=blue cellPadding=5 width=600 bgColor=white><TBODY><TR><TD bgColor=blue align=middle>Tropical Cyclone Formation Alert 94W # - : ประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อน เรื่อง “หย่อมความกดอกา </TD></TR><TR><TD>
<TABLE border=0 width=590 align=center><TBODY><TR><TD>Tropical Cyclone Formation Alert 94W # - : ประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อน เรื่อง “หย่อมความกดอกาศต่กำลังแรง 94W ” ฉบับที่ –
ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น ฮาวาย, สหรัฐฯ (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )
สภาวะโดยทั่วไปของพายุหมุนเขตร้อนเมื่อเวลา 01.00น.
ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2553 ออกประกาศเวลา 04.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกตอนเหนือ ทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย วันที่ 22 สิงหาคม 2553 / 02.01 น. ปรากฎพายุหมุนเขตร้อน - ลูก / หย่อมความกดอากาศต่ำ 1 ลูก
1)Tropical Cyclone formation Alert 94W (16.4N 115.9E,19-23kts) : เมื่อเวลา 01.00น.วันนี้(22ส.ค.2553) หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง 94W (-/94W) มีศูนย์กลางปกคลุมทะเลจีนใต้ตอนบน อยู่ที่ละติจูด 16.4องศาเหนือ ลองจิจูด 115.9 องศาตะวันออก หรือมีศูนย์กลางอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จากเกาะฮ่องกง ห่ างประมาณ 741 กิโลเมตร. กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 8 นอต(15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา . มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 19-23 นอต(35-43 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ลมกระโชกแรงสูงสุดประมาณ 24-28นอต(45-52กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่พื้นผิวน้ำทะเลประมาณ 1004 มิลลิบาร์ คลื่นทะเลสูงสุดประมาณ - เมตรในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา... / คาดหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง 94W (-/94W) จะยังคงมีทิศทางเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือโดยส่วนใหญ่ต่อไป 6-12 ชั่วโมงข้างหน้า จากนั้นจะเริ่มเคลื่อนตัวไปทางเหนือมากขึ้น มีแนวโน้มพัฒนาเป็นพายุหมุนเขตร้อนใน 24 ชั่วโมงนี้ . ….. : ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )

<เพิ่มเติม/ความเห็น> เนื่องจากร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านประเทศไทยตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง 94W (-/94W) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับลมค้าตะวันออกมีกำลังปานกลาง มีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าสู่เกาะไหหลำ ประเทศเวียตนามตอนบน ประเทศลาวตอนบน ประเทศไทยภาคอีสาน ในช่วง 26-28 ส.ค.53 นี้ … เนื่องจากหย่อมฯ มีศูนย์กลางอยู่ใกล้ประเทศไทยลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณประเทศไทยตอนบนในช่วงวันที่ 23-29 ส.ค.53 นี้ จึงขอให้ติดตามอย่างใกล้ชิด ----- กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย"ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน " ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2553 “ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา อำนาจเจริญศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก และปราจีนบุรี ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 22-25 สิงหาคมนี้ไว้ด้วย” / สำหรับวงสีเขียวคือบริเวณที่มีแนวโน้มพัฒนาเป็นพายุหมุนเขตร้อนในอนาคต (ถ้ามี)
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พาเหรดขึ้นราคา ข้าว-น้ำมันพืช หลังตรึงถึง30ก.ย.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ผู้ค้า ส่งซิกขยับขึ้นราคาสินค้า หลังสิ้นมาตรการขอความร่วมมือตรึงราคา ถึง 30 ก.ย.นี้ และมีการอนุมัติปรับขึ้นเงินเดือนขรก.-ค่าแรงขั้นต่ำประเดิม ข้าวถุง-น้ำมันพืช-อาหารกระป๋อง-เครื่องปรุงอาหาร...

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้วงการผู้ค้าส่ง อ้างว่า การอนุมัติปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ ทำให้ผู้ผลิตสินค้าบางรายการอาจปรับขึ้นราคาสินค้า ภายหลังมาตรการตรึงราคาสินค้าตามนโยบาย นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จะสิ้นสุดลงในเดือน ก.ย. 2553 โดยสินค้าที่เตรียมปรับราคารับปีใหม่ 2554 เช่น น้ำมันพืช ข้าวสาร เครื่องปรุงอาหาร อาหารบรรจุกระป๋อง

นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาข้าวในประเทศในอีก 3-4 เดือนนี้ หรือ ภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค. นี้ อยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ผู้ผลิตข้าวสารบรรจุถุงอาจต้องปรับขึ้นราคาข้าวถุงอีกกิโลกรัมละ 2-3 บาท หรือ ขนาดบรรจุถุง 5 กิโลกรัม ปรับอีกถุงละ 10-15 บาท จากปัจจุบันข้าวสารเจ้ากิโลกรัมละ 10-12 บาท ซึ่งที่ผ่านมาราคาข้าวถุงในประเทศถือว่าต่ำสุดแล้ว.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20:16:31 น. มติชนออนไลน์ <!--อ่านล่าสุด คน-->
<center></center>
[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]ที่หลบภัยสึนามิห่างทะเลเพียง 30 เมตรหวั่นตายหมู่[/FONT]

[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]<style> P { margin: 0px; } </style> ผู้สื่อข่าวรายงานจากการลงพื้นที่สำรวจปัญหาการใช้ที่ดินของชาวบ้านใน พื้นที่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต พร้อมคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ภายใต้โครงการสื่อสารสุขภาวะของคนชายขอบเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ขณะลงพื้นที่ ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งเป็นจุดที่เคยเกิดเหตุคลื่นยักษ์สึนามิถล่มมีคนบาดเจ็บล้มตายมากมาย พบว่าอาคารหลบภัยคลื่นยักษ์ สึนามิที่ชายหาดบางสัก ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ห่างจากทะเลเพียงแค่ 30 เมตรเท่านั้น

นางวิลาวรรณ พรมหมคีรี ชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่หน้าหาดบางสัก กล่าวว่า จังหวัดสร้างอาคารหลบภัยคลื่นยักษ์สึนามิมูลค่า 60 ล้านบาท ขึ้นมาแทนอาคารประกอบพิธีกรรม แต่ยังไม่มีใครมาใช้ประโยชน์เลย กลายเป็นอาคารร้าง เป็นที่มั่วสุมของเด็กวัยรุ่นและโจรผู้ร้าย ชาวบ้านเคยพยายามคัดค้านเรื่องสร้างติดทะเลตั้งแต่เริ่มสร้าง แต่ไม่มีใครฟัง กระทั่งสร้างเสร็จ มีแต่คนหัวเราะเยาะว่าหากเกิดคลื่นยักษ์จริงๆ ใครไปหลบในอาคารก็เท่ากับไปตายรวมกันที่นั่น ชาวบ้านเข้าใจว่าทางราชการไม่ต้องการให้ชาวบ้านเข้ามาอยู่ในสถานที่นั้น เหมือนเดิม จึงพยายามสร้างสิ่งก่อสร้างมากันเอาไว้
[/FONT]

 

หนังไทยที่ดีที่สุดในเวลานี้...​

<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>

"สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก" แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ พาชีวิตก้าวไกลสู่ความสำเร็จ

จากกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดในรอบสกรีนเทสต์ และเสียงชื่นชมของคนที่เข้าไปดูแบบไม่ตั้งความหวังทำให้ “สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก” หนังจากค่ายเวิร์คพอยท์ของเสี่ยปัญญา นิรันดร์กุล กลายเป็นที่สนใจของคอหนังไทย ที่พิสมัยหนังแนวฟิลกู๊ด ซึ่งมักถูกมองว่าค่าย จีทีเอช ผูกขาดอยู่เพียงค่ายเดียว หลายคนกล่าวว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดจากเวิร์คพอยท์ หลังจากผิดหวังกับหนังหลายเรื่องในช่วงผ่านมา และคาดว่าหนังค่ายนี้น่าจะตั้งหลักได้ และเริ่มผลิตหนังประเภทอื่นบ้างเสียที ไม่ใช่หากินอยู่กับหนังตลกชะชะช่าอยู่นานสองนาน
<O>

</O><O></O>​

<O></O>

หนังเรื่องนี้เป็นหนังฟิลกู๊ด (Feel Good) ที่ดำเนินเรื่องแบบคัมมิ่งออฟเอจ (Coming of Age) คือเรื่องราวในหนังจะเติบโตตามวัยของตัวละครที่เพิ่มขึ้น โดยกล่าวถึง น้ำ สาวน้อย ม.1 วัย 14 ตัวดำหน้าปลวก แต่เกิดไปแอบชอบรุ่นพี่ ม. 4 ชื่อโชน นักกีฬาฟุตบอลสุดหล่อมาดเท่ ขวัญใจสาวๆในโรงเรียน ด้วยความที่โชนมีนักเรียนหญิงมากหน้าหลายตา มาแอบชอบอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้น้ำพยายามปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองให้โดดเด่นขึ้นมา เพื่อให้พี่โชนสนใจและหันมามองเธอสักครั้ง โดยมีผองเพื่อนอีก 3 คนเป็นผู้คอยให้การสนับสนุน เฟ้นหากลวิธีต่างๆ ที่จะพิชิตใจรุ่นพี่คนนี้ให้ได้

คุณอาจคิดว่าเด็กพวกนี้ทำไมดูแก่แดดจังอยู่ ม.1 ก็ริอาจคิดจีบหนุ่มๆกันแล้ว หนังไม่น่าจะมีสาระอะไร คงเป็นเรื่องของวัยรุ่นป็อปปี้เลิฟรักแบบเด็กๆ ที่ผู้ใหญ่บางคนอาจจะส่ายหน้าหนี ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเมื่อดูหนังในช่วงแรก แต่พอหนังดำเนินเรื่องผ่านไประยะหนึ่งแล้ว เราจะรู้ว่าภายใต้การแอบรักของน้ำ มันได้สร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับเธอ พี่โชน เป็นเหมือนแรงขับผลักดันให้น้ำดีขึ้นในทุกๆด้าน ตั้งแต่การเรียนที่เคยได้ในอันดับที่สามสิบกว่า ขยับขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง จากเด็กสาวตัวดำไม่น่ามอง กลายเป็นดัมเมเยอร์ไม้หนึ่งสุดสวย เป็นที่ต้องตาของบรรดาหนุ่มๆในโรงเรียน

ครอบครัวของน้ำเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่มีเพียงแม่และน้องสาว ส่วนพ่อย้ายไปทำงานในอเมริกา เพื่อส่งรายได้กลับมาจุนเจือครอบครัว ทำให้ลูกทั้งสองไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อเป็นเวลาหลายปี พ่อให้สัญญาว่าลูกคนใดสอบได้ที่หนึ่ง จะส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ เพื่อจะได้ไปเยี่ยมพ่อที่อเมริกา ส่วนครอบครัวโชนพ่อเขาคืออดีตนักฟุตบอลประจำจังหวัด ความผิดพลาดจากการเตะลูกโทษในนัดตัดสินการเป็นตัวแทนจังหวัด กลายเป็นตราบาปส่งให้พ่อโชนเลิกการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ซึ่งมันมีผลต่อเนื่องมาถึงโชน ที่มักถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกของนักบอลที่ยิงลูกโทษไม่เข้า และพลอยทำให้โชนสูญเสียความมั่นใจในการสังหารจุดโทษไปด้วย

จะเห็นได้ว่าทั้งน้ำและโชน ต่างมีปมปัญหาในใจ แต่ทั้งคู่รู้จักใช้ปมเหล่านั้นเป็นแรงขับผลักเคลื่อนชีวิตให้ไปข้างหน้า โดยโชนมีพ่อเป็นแรงบันดาลใจ ขณะที่น้ำใช้ความรักบริสุทธิ์ที่มีต่อพี่โชน ผนวกกับความต้องการพบพ่อเป็นแรงบันดาลใจ ผู้กำกับได้สอดแทรกคำว่าแรงบันดาลใจในหนังอยู่เป็นระยะ ทั้งจากการสอนวิชาภาษาอังกฤษในชั้นเรียนกับคำว่า Inspiration และจากคำพูดของน้ำในหลายๆฉาก

น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ขยายความคำว่าแรงบันดาลใจ ให้โดดเด่นเห็นชัดมากนัก หนังให้น้ำหนักกับวิธีพิชิตใจรุ่นพี่ให้อยู่หมัด กับมุขตลกที่แทรกเป็นระยะของครูตุ๊กกี้ ที่ฮาบ้างไม่ฮาบ้างเสียมากกว่า ผมก็เข้าใจว่านี่คือหนังวัยรุ่นจะให้มันมาพูดอะไรที่ยากๆ ซับซ้อนมากๆ กลุ่มเป้าหมายของหนังอาจจะไม่เข้าใจ แต่มันก็น่าจะให้รายละเอียดความสัมพันธ์ ระหว่างพ่อกับน้ำและพ่อกับโชนเพิ่มเข้ามาอีกสักนิด หนังจะดูมีน้ำหนักในตอนจบและฉากสังหารจุดโทษของโชน อาจเรียกอารมณ์ร่วมได้มากกว่านี้ รวมถึงหนังจะได้มีอะไรให้พูดถึงมากกว่าเรื่องความรักของวัยรุ่นแต่เพียงอย่างเดียว

พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร (เสนาเพชร) และ วิศิน ปกป้อง กลายเป็นสองผู้กำกับที่น่าจับตามองขึ้นมาทันทีหลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ ไม่น่าเชื่อนี่คือหนังเรื่องแรกของคนทั้งสอง แม้ตัวหนังจะมีกลิ่นอายของหนังค่ายจีทีเอชอยู่มาก ทั้งแฟนฉันและรถไฟฟ้ามาหานะเธอ ทุกคนที่ดูหนังจบต่างลงความเห็นว่าหนังดีกว่าที่คิด ดูลงตัวไม่ฟูมฟาย สามารถเรียกอารมณ์ความรู้สึกในวัยเด็กให้กลับมาอีกครั้ง แต่ก็ยังเป็นรองอยู่นิดๆหากเทียบกับแฟนฉัน การที่สองผู้กำกับผ่านงานทีวีมาอย่างโชกโชน ทำให้การเปลี่ยนสายมากำกับหนังจึงไม่เป็นปัญหามากนัก เช่นเดียวกัีบซูโม่กิ๊กในการกำกับหนังเรื่องบุญชู จะอยู่ในใจเสมอ แม้ตัวหนังจะดูยาวไปบ้าง แต่มันก็หมดไปกับการใส่รายละเอียดเรื่องราวต่างๆในแต่ละปีของน้ำตั้งแต่ม.1 ถึง ม.3

​

<O>
</O>
พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ กับบทน้ำ เธอแสดงได้ดีดูเป็นธรรมชาติตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้นจนถึงวัยรุ่นตอนกลาง โดยเฉพาะฉากบอกรักพี่โชนข้างสระว่ายน้ำ ที่น่าจะเป็นฉากที่คนดูจดจำได้มากที่สุดของหนังเรื่องนี้ อนาคตทางการแสดงของเธอสดใสแน่นอน ส่วนมาริโอ เมาเร่อ ดูไม่เกร็งลดความแข็งลงเยอะเมื่อเทียบกับหนังที่ผ่านมา ส่วนครูตุ๊กกี้ก็ยังคงความเป็นแก็งชะชะช่าอยู่เหมือนเดิม ยังไม่เห็นการแสดงอะไรที่แตกต่างจากเรื่องก่อนๆ ผมเชื่อว่าใครที่มีประสบการณ์คล้ายกับน้ำ คงจะเคยทำพฤติกรรมอะไรหลายอย่างแบบน้ำมาบ้าง ไม่ว่าการเดินผ่านห้องเรียนคนที่เราชอบทุกครั้งที่มีโอกาส ส่งของขวัญหรือดอกไม้โดยไม่ลงชื่อให้กับคนที่เราชอบ เฝ้ามองอากัปกริยาต่างๆ ของคนที่เราชอบโดยที่เขาไม่รู้ตัวอย่างมีความสุข คุณคงต้องประทับใจหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษแน่ๆ

ชีวิตของน้ำน่าจะเป็นต้นแบบที่ดีของวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มมีความรัก และน่าจะเป็นภาพสะท้อนที่ดีสำหรับผู้ใหญ่ให้ได้รู้ว่า ความรักในวัยเรียนบางครั้งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป เพราะความรักเป็นสิ่งที่สวยงามไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด เราควรเรียนรู้ที่จะรักแล้วใช้สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก เป็นแรงบันดาลใจทำสิ่งใหญ่ๆในชีวิต ให้ประสบความสำเร็จ อย่าให้ความรักเป็นตัวฉุดรั้ง ให้เราจมดิ่งอยู่กับรักอย่างไร้สติ จนชีวิตต้องล่มสลายไปพร้อมกับหัวใจที่แหลกเหลวเจ็บปวด อันเนื่องมาจากรัก

โดยคุณ จินตกาล <!-- -->วันที่ : 18/08/2010

ไม่ชอบดูหนังไทยเลยจริงๆ ไม่ได้ดัดจริตหรอกนะครับ..แต่เรื่องนี้ "สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก" ทำให้ผมหัวเราะอย่างมีความสุขจนเมื่อยหน้า สมแล้วที่ลูกสาวผมบอกว่า ถ้าพ่อกะแม่ไม่ดูแล้วจะเสียใจ เลยชวนกันไปนั่งดูกันทั้งสามคน " สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก "

โดยคุณ พี่ชายกุ้ง <!-- -->วันที่ : 19/08/2010

น่าจะมีความสุขนะครับถ้าดูหนังเรื่องนี้พร้อมกันทั้งครอบครัว แถมดูหนังจบพ่อกับแม่อาจจะเล่าเรื่องราวตอนวัยรุ่นให้ลูกฟัง เป็นการสร้างความผูกพันภายในครอบครัว ขอบคุณครับคุณพี่ชายกุ้ง

โดยคุณ จินตกาล <!-- -->วันที่ : 20/08/2010

ที่มา http://www.oknation.net/blog/GRANG-PRANG/2010/08/18/entry-1

 

น้ำป่าไหลเข้าท่วมหลายจังหวัด​

​

​

​

​

​

​

​

​

จากฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่การเกษตรในหลายพื้นที่ บางหมู่บ้านน้ำป่าไหลทะลักแบบไม่ทันตั้งตัว

ที่จังหวัดนครสวรรค์ หลังจากฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ในขณะนี้หลายพื้นที่มีน้ำป่าไหลเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะพื้นที่หมู่ 6, 7, 8 ตำบลบางแก้ว อำเภอบรรพตพิสัย ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับอำเภอขาณุวรลักษณ์บุรี จังหวัดกำแพงเพชร ได้ถูกน้ำป่าไหลเข้าพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนได้รับความเดือดร้อน ทางเข้า-ออกหมู่บ้าน รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ต้องใช้เพียงรถไถนาขนาดใหญ่เท่านั้น

นายดำรงค์ อุปลิ ชาวบ้าน บอกว่า น้ำป่าเข้าท่วมหมู่บ้านตั้งแต่ช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา(21 ส.ค.) และมีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ต้องนำกระสอบทรายมากั้นและเร่งสูบน้ำออก ขณะนี้น้ำได้ท่วมบ้านเรือนรวมแล้วกว่า 200 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรกว่า 500 ไร่ ส่วนทางการกำลังเร่งตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นเพื่อให้ความช่วยเหลือโดยด่วน

เช่นเดียวกับที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาเกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิเกิดน้ำท่วมขังอย่างฉับพลัน การสัญจรเดินทางไปมาไม่สะดวก เทศบาลได้ระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เร่งสูบน้ำตลอดทั้งคืน จนถนนหลายสายได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

ส่วนบริเวณรอบนอกเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ เช่นบ้านเข้วา บ้านโนนสาทร บ้านเมืองน้อย ยังคงมีน้ำท่วมขังและเพิ่มระดับขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากน้ำที่ไหลลงมาจากเทือกเขาต่างๆ เริ่มทยอยไหลลงมาสมทบ ซึ่งหากฝนยังคงตกต่อเนื่องเช่นนี้ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างแน่นอน และจะทะลักเข้าเขตเทศบาลเมืองในที่สุด

ทางด้าน นายวันชัย สุทธิวรชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ สั่งการให้ทุกหน่วยงานทั้งส่วนของจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เตรียมรับมือภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงของหน้าฝน ประกอบกับชัยภูมิมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน ส่วนตัวจังหวัดเป็นแอ่งรับน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาทุกลูก

ส่วนที่บ้านแม่ต๋ำใต้ จังหวัดลำปาง เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักและน้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านรวมกว่า 30 หลัง ชาวบ้านไม่สามารถขนย้ายอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและสิ่งของอื่นๆหนีน้ำได้ทัน เนื่องจากน้ำมาเร็วมากจึงต้องเอาชีวิตรอดก่อน จากนั้นค่อยไปช่วยขนย้ายทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังมีพืชสวนไร่นาจำนวนมากถูกน้ำป่าถล่มได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ส่วนเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของหมู่บ้านเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่ประสบเหตุแบบนี้ และลำห้วยแม่จรูญ เป็นลำห้วยเล็กที่ไหลผ่านเพียงแค่บ้านแม่ต๋ำใต้เท่านั้น จึงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ด้านฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำปาง ได้แจ้งเตือนไปยังชาวบ้านที่อยู่ติดกับลำห้วยแม่ตุ๋ยที่ไหลผ่าน ตำบลบ้านเอื้อม ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมืองลำปาง เตรียมรับมือกับน้ำที่จะเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดลำปางกระจายไปทั่วไม่ว่าจะเป็นอำเภอห้างฉัตร อำเภอเมืองปาน อำเภอแจ้ห่ม และอำเภอเถิน ขณะนี้ซึ่งหลายหน่วยงานเร่งให้การสำรวจและช่วยเหลือ

ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายพีรัตน์ เรืองสุกใส หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักใน อ.เมืองแม่ฮ่องสอน, อ.ปางมะผ้า และ อ.ปาย โดยเฉพาะในเมืองแม่ฮ่องสอน สามารถวัดปริมาณน้ำฝนได้ถึง 45.1 มิลลิเมตร และก่อนเที่ยงวันนี้ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ปริมาณน้ำในดินได้ไหลล้นออกมาจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาวัดพระธาตุดอยกองมู ซึ่งตั้งอยู่ติดใจกลางเมือง นอกจากนั้นบริเวณเทือกเขาในพื้นที่อำเภอปางมะผ้า และ อำเภอปาย ก็มีน้ำสะสมในดินได้ไหลล้นออกมาเช่นกัน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานดินโคลนถล่มปิดทับเส้นทางหรือหมู่บ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยแต่อย่างใด

หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า หากยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่องไปอีก 3-5 วัน ปริมาณน้ำสะสมในดินอาจจะมากเกินขีด และส่งผลให้เกิดดินโคลนภูเขา ไหลถล่มลงมาทับบ้านเรือนประชาชนได้ โดยเฉพาะบริเวณหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยจำนวน 89 หมู่บ้าน จึงขอเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยต่าง ๆ ให้ระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ หากมีฝนหนักและน้ำป่าไหลหลาก ให้รีบแจ้งเตือนมายังหน่วยราชการโดยเร็ว

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

น้ำป่าซัดทีมงานช่อง 3 หนีตายวุ่น


น้ำป่าซัดทีมงานข่าว 3 เดินทางกลับจากทำสารคดีอุทยานแม่วงก์ หนีตายวุ่น เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตรอดปลอดภัยแล้ว
เกิดอุบัติเหตุน้ำป่าซัดรถทีมงานนักข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 พัดติดต้นมะเดื่อในลำห้วยหวาย ใกล้กับอุทยานแห่งชาติแม่วงก์-แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ น.ส.สุมนา แจวเจริญวงศ์ ผู้สื่อข่าวช่อง 3 เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เนื่องจากยังอยู่ในอาการตกใจว่า ทางทีมงานช่อง 3 รวมทั้งหมด 3 คน ซึ่งได้เดินทางไปถ่ายทำสารคดี เรื่องป่าชุมชน ที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์-แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ปรากฎว่า ขณะที่กำลังนั่งรถกลับ และถึงจุดเกิดเหตุบริเวณถนนแม่กะสี ใน ต.แม่เปิน อ.แม่เปิน จ.นครสววรค์ ซึ่งเป็นลักษณะร่องน้ำไหลผ่าน ปรากฎว่า อยู่ๆ ได้เกิดน้ำป่าไหลซัดมาตามถนนอย่างรวดเร็ว และไหลซัดรถของทีมงานเข้าอย่างแรง ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุทุกคนมีอาการตกใจมาก แต่ปรากฎว่า น้ำได้ซัดรถไปติดกับต้นมะเดื่อและไม่ได้ตกลงไปในห้วยหวาย เมื่อได้สติทีมงานได้พยายามเปิดกระจกรถ และปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคารถ เพื่อรอให้ชาวบ้านมาเห็น ซึ่งทีมงานนั่งรออยู่ในอาการหนาวสั่นนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่ชาวบ้านจะเดินทางมาเห็นและประสานเจ้าหน้าที่จากอุทยานแม่วงก์ให้มา ช่วย โดยใช้เวลานานกว่าชั่วโมง ส่วนรถของทีมงานขณะนี้ ยังติดอยู่ และยังไม่สามารถดึงขึ้นมาได้ ต้องรอให้น้ำลดลงก่อน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวสาว ยังระบุด้วยว่า ชาวบ้านแม่เปิน เล่าว่า เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันค่อนข้างบ่อย ซึ่งชาวบ้านทราบกันดี และจะเลี่ยงเส้นทาง หากเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก และคาดว่าจะมีน้ำป่าไหลมาตามลำห้วยดังกล่าว แต่หากคนแปลกหน้า หรือไม่ชินทางจะไม่ทราบ
ทั้งนี้ ล่าสุดจากการติดต่อกลับไปยังเจ้าหน้าที่ ทราบว่า ได้ส่งทีมงานนักข่าว 3 ทั้งหมด ขึ้นรถเพื่อกลับไปที่สถานีข่าวประจำภูมิภาคแล้ว ส่วนรถของทีมงาน เจ้าหน้าที่ได้ดึงขึ้นมาจากห้วยได้แล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำไปไว้ที่ สภ.ลาดยาว เพื่อทำการสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวต่อไป

• สนับสนุนเนื้อหา

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือน23จังหวัด ระวังน้ำท่วมฉับพลัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ลักษณะอากาศเช้าวันนี้(23 ส.ค.)ทั่วประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณ ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก.....

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 23 ส.ค.2552 เมื่อเวลา 04.00 น. ว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออก เฉียงเหนือของประเทศไทย

ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ ทั่วประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านบริเวณ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 23-25 สิงหาคมนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง เมื่อเวลา 04.00 วันนี้(23 ส.ค.53)

มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 400 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนามหรือที่ละติจูด 16.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือด้วยความเร็วประมาณ 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าสู่เกาะไหหลำประเทศจีนในระยะต่อไป

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันนี้ ถึง 06.00 น.วันพรุ่งนี้

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศา สูงสุด 31 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหารร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพรสุราษฎร์ธานี สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ทอท.ชง6หมื่นล้าน ขยายสุวรรณภูมิ!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ทอท.ชงครม.ทุ่ม 6.2 หมื่นล้าน ขยายสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารเพิ่มจาก ปีละ 45 ล้านคน เป็นปีละ 60 ล้านคน หวังลดความแออัดและรักษาระดับการให้บริการผู้โดยสารให้ได้ตามมาตรฐานสากล.....

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 24 ส.ค.

กระทรวงคมนาคม เสนอขอความเห็นชอบโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ( ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2559) ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. วงเงินลงทุน 62,503.214 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการ ทอท. มีมติเห็นชอบโครงการดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 15 ล้านคนต่อปี (จาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48 ล้านคนต่อปี และผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคนต่อปี) ประกอบด้วยงานก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 งานระบบสาธารณูปโภคและงานจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ ดังนี้

1.กลุ่มงานอาคารผู้โดยสารหลัก วงเงินรวม 7,405.863ล้านบาท ในงานออกแบบและก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก ปีงบประมาณ 2555-2559 วงเงินลงทุน จำนวน 6,780.190 ล้านบาท โดยมีพื้นที่เพิ่มขึ้นประมาณ 60,000 ตร.ม. ทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศได้เพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคนต่อปี 2.กลุ่มงานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 วงเงินรวม 40,745.067 ล้านบาท 3.งานออกแบบและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคปีงบประมาณ 2554-2559 วงเงินลงทุน 2,693.219ล้านบาท และ 4. งานจ้างที่ปรึกษาบิรหารจัดการโครงการ วงเงน 763 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยโครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี (ปีงบประมาณ 2554-2559) อายุโครงการ 30 ปี

มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ประมาณ 14,235 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.43 ของวงเงินลงทุน ซึ่ง ทอท.จะใช้จ่ายจากเงินรายได้ของ ทอท. ในการลงทุนจำนวน 45,053.214 ล้านบาทหรือรปมาณร้อยละ 72.08 ในช่วงปีงบประมาณ 2554-2559 และมาจากเงินกู้ต่างประเทศ จำนวน 17,450 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 27.92 ในช่วงปีงบประมาณ 2558-2559 ทั้งนี้ ทอท.ประมาณการผลตอบแทนทางการเงินหรือ IRR เท่ากับ ร้อยฃะ 9.02 มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ เท่ากับ 645.484 ล้านบาท และมีระบะเวลาคืนทุนเท่ากับ 10ปี 1 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกระทรวงคมนาคม เห็นว่า ในปี 2552 มีผู้โดยสารมาใช้บริการ 40.09 ล้านคน

และ ทอท.คาดว่า ในปี 2554 จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นเป็น 47.3 ล้านคน และเนื่องจากขีดความสามารถในการรองรับหลุมจอดเครื่องบินประชิดอาคารมีเท่ากับ 51 หลุมจอด แต่มีความต้องการใช้งาน 67 หลุมจอด และจะเพิ่มขึ้นทุกปี ทอท.จึงจำเป็นต้องเตรียมการปรับปรุงพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสาร และเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความแออัดและรักษาระดับการให้บริการผู้โดยสารให้ได้ตามมาตรฐานสากล.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
ฝนตกดิบยุบพระปาง"ไสยาสน์"กำลังก่อสร้างพังเสียหาย

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
นายไพรัตน์ ประเสริฐสังข์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านนิคมพัฒนา ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด พร้อมด้วยพระสงฆ์ และกรรมการวัดนิคมพัฒนาราม เร่งสำรวจความเสียหายของพระพุทธรูปปูนปั้นปางไสยาสน์ คอนกรีตเสริมเหล็กยาว 22 เมตร สูง 5 เมตร ซึ่งกำลังสร้างขึ้นภายในวัด แต่เกิดพลิกพังครืนลงมาเสียงสนั่น ได้ยินกันทั้งหมู่บ้าน ในช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ของเมื่อคืนวันที่ 21 ส.ค.ทึ่ผ่านมา แต่ไม่มีใครออกมาดู จนกระทั่งตอนเช้าจึงทราบว่าพระองค์ดังกล่าวพังทลายลง และจากการนสำรวจพบว่าสาเหตุมาจากการก่อสร้าง ทั้งเสาและการก่อสร้างคานรองรับองค์พระที่ยกลอยจากพื้นเกือบ 1 เมตรไม่แข็งแรง เพียงพอ เมื่อเกิดการยุบตัวของพื้นดินหลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องกัน2 วัน จึงเป็นต้นเหตุให้พังลงมาทั้งองค์พระ และเนื่องจากพังลงมาในเวลากลางคืน และช่วงหยุดไปทำนา จึคงไม่มีใครได้รับอันตราย

นายไพรัตน์ ประเสริฐสังข์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่2 กล่าวว่า การก่อสร้างพระองค์นี้ดำเนินการวางศิลาฤกษ์ เมื่อ27ก.พ. 53 ตามความต้องการของพระครูอุทิศ อุบขาโร เจ้าอาวาส และจ้างช่างจากจังหวัดกาฬสินธุ์ มารับเหมาเฉพาะค่าแรง 3 แสน 5 หมื่นบาท และดำเนินการก่อสร้างสิ้นค่าใช้จ่ายด้านวัสดุอุปกรณ์จากการบริจาคจากชาวบ้านและประชาขนทั่วไป ไปแล้วกว่า 5 แสนบาท และพังลงมาในช่วงที่ช่างหยุดงานไปทำนา ในหน้าฝน ซึ่งหลังจากการสำรวจความเสียหายแล้วจะมีการปรึกษากันกับกรรมการวัดว่า หากการก่อสร้างฐานรากไม่แข็งแรงเป็นต้นเหตุให้องค์พระพังลงมาได้รับความเสียหาย ช่างก่อสร้างจะต้องมีส่วนรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการคำนวณก่อสร้างโครงสร้างผิดพลาดไม่แข็งแรงด้วยหรือไม่ต่อไป

 

จีนหนีน้ำท่วมกว่าแสนคน ปากีสถานเล็งผ่อนผันหนี้ IMF​

​

ชาวจีนกว่า 1.2 แสนคน อพยพออกจากพื้นที่ประสบภัย ใกล้แม่น้ำยาลู หลังน้ำท่วมหนัก ด้านปากีสถาน เตรียมส่งตัวแทนไปเจรจาขอผ่อนผันชำระเงินกู้ กับไอเอ็มเอฟ เพราะเจอปัญหาน้ำท่วมรุนแรงแรงเช่นกัน...

เมื่อ 22 ส.ค. เจ้าหน้าที่จีนอพยพชาวบ้านกว่า 120,000 ราย ออกจากพื้นที่อยู่อาศัยติดแม่น้ำยาลู ในมณฑลเหลียวหนิง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือติดพรมแดนเกาหลีเหนือ หลังเกิดเหตุน้ำท่วมหนัก เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ขณะที่ยอดเหยื่ออุทกภัยทั่วประเทศยังพุ่งไม่หยุด สูงเกือบ 4,000 รายแล้ว

สำหรับความคืบหน้าในปากีสถานที่กำลังเผชิญวิกฤติเดียวกัน รัฐบาลเผยว่า จะส่งตัวแทนไปพบกับเจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี.ของสหรัฐฯ เพื่อเจรจาผ่อนผันเงื่อนไขชำระเงินกู้ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

ใต้สุวรรณภูมิเป็นเลนโคลน !!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

โชเฟอร์ไล่ผู้โดยสารขณะจอดติดไฟแดง ก่อนออกตัวไม่มองทับคนตาย จึงเผ่นหนีไป ก่อนเข้ามอบตัว อ้างมองไม่เห็น
23 สค. รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 22 ส.ค. พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ กล้วยไม้ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เมล์ทับผู้โดยสารเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณแยกสะพานเกวียน ถนนพระยากง ตลาดเทศบาลนครนครปฐม จ.นครปฐม จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบศพนางพรหมมา หอมศิริวรรณ อายุ 62 ปี อยู่บ้าน เลขที่ 49 ม.3 ตำบลสระกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน ใกล้กันพบรถเมล์เล็กโดยสาร สีขาวคาดน้ำเงิน สายนครปฐม – ทัพหลวง หมายเลขรถ 83 เลขทะเบียน 10 – 1136 นครปฐม จอดอยู่ ทราบต่อมาว่าเป็นรถที่ก่อเหตุทับผู้ตายเสียชีวิต โดยคนขับได้หลบหนีไป
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้โดยสารรถเมล์คันดังกล่าวมา แต่ได้ลงรถขณะที่รถจอดติดไฟสัญญาณจราจร และเดินข้ามทางม้าลายที่อยู่ด้านหน้ารถเมล์คันดังกล่าว ขณะที่ผู้ตายกำลังข้ามถนน รถเมล์ได้ออกรถทันทีโดยไม่มองว่าผู้ตายกำลังอยู่ที่ด้านหน้ารถเป็นเหตุให้รถทับผู้ตายเสียชีวิต ก่อนจะหลบหนีไป
นางมาลา เครือพลัด พยานผู้เห็นเหตุการณ์ให้การว่า ตนและนางพรหมมาได้ขึ้นรถเมล์เล็กพร้อมกัน จนมาถึงที่เกิดเหตุตน นางพรหมมากำลังเตรียมตัวจะลงจากรถบริเวณป้าย หน้า แต่พนักงานขับรถโดยสารได้ไล่ผู้โดยสารทั้งหมดลงจากรถขณะที่รถติดสัญญาณไฟแดงอยู่ ตนและนางพรหมมาจึงต้องลงรถแล้วเดินข้ามถนนทางม้าลาย ที่อยู่ด้านหน้ารถเมล์
ขณะกำลังเดินข้ามถนนอยู่นั้น สัญญาณไฟจราจรเปิดเป็นไฟเขียวพอดี คนขับรถเมล์จึงออกรถทันทีโดยไม่ได้ดูเลยว่ามีคนข้ามถนนอยู่บริเวณหน้ารถ โดยตนได้ข้ามถนนมาพ้นแล้ว แต่นางพรหมมายังข้ามไม่พ้น จึงถูกรถเมล์คันดังกล่าวชนอย่างจังจนล้มลง และรถเมล์ได้เยียบ นางพรหมมา ตั้งแต่ล้อหน้าไปจนถึงล้อหลังเสียชีวิตคาที่ ซึ่งพนักงานขับรถเมล์ยังไม่รู้ตัวว่าได้ขับรถทับคนตาย จนชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์อยู่ริมถนนเดินถนนตะโกนว่าเหยียบคน คนขับรถเมล์จึงจอดรถและวิ่งหนีหายไป
ด้าน พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ พนักงานสอบสวน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของคนขับรถเมล์ ที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องในการไล่ให้ผู้โดยสารลงตอนรถจอดติดสัญญาณไฟแดง นอกจากนี้ ยังขับรถประมาทชนและทับผู้โดยสารที่เพิ่งไล่ลงจากรถจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต งตนได้ทำการสอบสวนและทราบว่ารถเมล์คันดังกล่าวเป็นรถเมล์ของบริษัท ของอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ทางตำรวจได้ประสานงานติดต่อให้คนขับรถดังกล่าวเข้ามอบตัวแล้ว
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเวลา 14.00 น.นายเกรียงไกร ลาวทอง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.5 ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน โดยอ้างว่ามองไม่เห็นว่าผู้ตายกำลังข้ามถนนอยู่ข้างหน้ารถ และที่วิ่งหลบหนีไปเพราะกลัวถูกชาวบ้านรุมทำร้าย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ได้ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและหลบหนี
เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
<LI class=news_src_item><LI class=news_src_item>จับลูกทรพี! หลังคว้าเหล็กตีแม่ดับคามือ!<LI class=news_src_item>23 ส.ค. 53 รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้เจ้าหน้าที่ สภ.แสวงหา จ.อ่างทอง ได้เข้าควบคุมตัวนายวิโรจน์ มุกทอง อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 48/2 หมู่ 10 ต.แสวงหา อ.แสวงหา หลังได้ก่อเหตุใช้ท่อนเหล้กทุบตี นางชะลอ มุกทอง อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นมารดาแท้ ๆ จนเสียชีวิต
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายวิโรจน์ได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรงกับผู้พ่อ หลังปะทะคารมกันอยู่พักใหญ่ ผู้เป็นพ่อได้เดินเลี่ยงขึ้นไปนอนบนบ้าน จึงทำให้นายวิโรจน์โกรธ
จึงเดินไปหยิบท่อนเหล็ก หวังนำไปใช้ทำร้ายพ่อตัวเอง แต่ขณะนั้นนางชะลอ ผู้เป็นแม่ได้กระโดดเข้าห้าม ทำให้นายวิโรจน์ ไม่พอใจอย่างมาก หันกลับมากระหน่ำตีแม่บังเกิดเกล้า จนเสียชีวิตดังกล่าว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หลังนายวิโรจน์ ให้การรับสารภาพสิ้น
เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
<LI class=news_src_item>

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เตือน 13 เขต 1,300 ครัวเรือนริมเจ้าพระยา </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>อพยพข้าวของหนีน้ำท่วมกลาง ก.ย. นี้

นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรุงเทพฯ มีฝนตกชุกทุกวัน

หากไม่เกิน 60 มิลลิเมตร ก็สามารถระบายได้ทันที แต่หากตกเกินกว่านี้จะเกิดปัญหาน้ำท่วมขังในบางจุด ซึ่งสำนักการระบายน้ำพยายามเร่งระบายโดยเร็ว สำหรับปริมาณฝนรวมในปีนี้มีราว 1,273.5 มิลลิเมตรแล้ว เฉพาะเดือน ส.ค. มี 238 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าเฉลี่ย 62.6% โดยคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีถึง 1,900 มิลลิเมตร เท่ากับปี 2552 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทุกปีที่มีตลอดปีราว 1,500 มิลลิเมตร ขณะนี้ที่เป็นห่วงคือหากฝนยังตกชุกหนาแน่นยาวตลอดไปถึงช่วงน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนที่จะมาราวกลางเดือน ก.ย. นี้ ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์ล่าสุดน้ำเหนือยังตกเหนือเขื่อนทำให้เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนป่าสักฯ ยังรับปริมาณน้ำได้อยู่ แต่หากตกใต้เขื่อนก็จะกระทบต่อกรุงเทพฯ โดยเฉพาะหากรวมกับน้ำทะเลหนุนในช่วงเดียวกันนั้น ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีราว 1.40 เมตร ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านราว 1,236 ลบ.ม. ต่อวินาที ขีดความสามารถรับได้ราว 2,500 ลบ.ม. ต่อวินาที แต่นับวันยิ่งสูงขึ้น

นายสัญญา กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้ประสาน 13 สำนักงานเขตที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่

เขตบางคอแหลม บางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ คลองเตย คลองสาน ทวีวัฒนา ราษฎร์บูรณะ เขตธนบุรี ตลิ่งชัน เขตสัมพันธวงศ์ บางนา และเขตบางซื่อที่มีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่อาศัยนอกคันกั้นน้ำราว 1,300 ครอบครัวจะได้รับผลกระทบ จากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้ออกคำสั่งเตือนประชาชนให้เตรียมตัวในการอพยพข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมทั้งทำสะพานไม้ในการสัญจรให้ประชาชน นอกจากนี้หากไม่สามารถอาศัยได้ต้องจัดที่พักชั่วคราวรองรับ ส่วนพื้นที่ฟันหลอราว 1.3 กม. ที่ยังไม่สามารถก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำถาวรได้เช่นบริเวณสะพานพระราม 7 ถนนทรงวาด ได้นำกระสอบทรายหนุนแทนคันถาวรแล้ว ทั้งนี้ได้เตรียมกระสอบทรายไว้ถึง 4 ล้านใบในการกั้นน้ำและใช้สำหรับหนุนป้องกันน้ำท่วมริมคลองและพื้นที่ลุ่มต่ำในจุดต่าง ๆ.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เดินสะพานลอย ==> รถบรรทุกวิ่งผ่าน สะพานลอยก็ไหวยวบยาบ

อยู่ในบ้าน ==> รถบรรทุกวิ่งผ่านถนนเส้นข้างนอก ยังรู้สึกว่าบ้านมันไหวยวบๆ

นอนตอนกลางคืน ==> รถบรรทุกวิ่งผ่านถนนเส้นข้างนอก ก็ยังอุตส่าห์ตื่นมารู้สึกว่าเตียงไหวยวบๆ


เริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในทุกโอกาส แม้ขณะกำลังนอน เพราะข้างๆหมู่บ้านเริ่มถมบ่อปลาจะสร้างอะไรไม่รู้ รถบรรทุกและรถแมคโครวิ่งตลอดวันคืน เราก็รู้สึกไหวๆตลอดแหละ (ปล ไม่ได้ให้ซีเรียสนะ แค่ไม่ให้ประมาทแหละ)

บุญรักษาทุกท่าน