ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จากหนังสือความสัมพันธ์ในระบบบรรณาการระหว่างจีนกับไทย ค.ศ. 1282-1853 (Sino-Siamese tributary relation) เขียนโดย ดร. สืบแสง พรหมบุญ ... หน้า 131...

    สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ขุนทหารอย่าง ลิ้มโต๊ะเคี่ยม แปรผันตนเองไปเป็นโจรสลัด ภายหลังได้แต่งงานกับธิดาคนที่สองของเจ้าผู้ครองนครปัตตานี องค์หญิงรายาอูงู
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จากหนังสือความสัมพันธ์ในระบบบรรณาการระหว่างจีนกับไทย ค.ศ. 1282-1853 (Sino-Siamese tributary relation) เขียนโดย ดร. สืบแสง พรหมบุญ ... หน้า 131...




    <TABLE id=post3452633 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 22-06-2010, 12:51 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#2014 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end --> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3452633", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2009
    ข้อความ: 1,448
    Groans: 0
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 1,724
    ได้รับอนุโมทนา 6,308 ครั้ง ใน 1,431 โพส
    พลังการให้คะแนน: 377 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3452633 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->หมิงสือลู่ : จดหมายเหตุราชวงศ์หมิง<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TH>Wan-li: Year 1, Month 3, Day 4</TH><TD>(5 Apr 1573)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    « Previous | Record 2876 of 3279 | Next »

    The Vice Minister Yin Zheng-mao, military superintendent of Guang-dong/Guang-xi, memorialized: "The yi envoys sent by Hua-zhao-song (Alternatives: Hua-tai-zhu or Hua-zhao-zhu), the king of the country of Siam, have come to present tribute of local products. They claim that the seal and tally-slips which were originally conferred [upon their country] were destroyed by fire when the country of Dong-niu) attacked and destroyed their cities, and they have requested that replacements be supplied." The matter was sent to the Ministry of Rites for deliberation.



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในจดหมายเหตุราชวงศ์หมิง ขณะนั้นท่าน จาง จวี เจิ้ง คุมกระทรวงสงคราม (Ministry of War)ด้วย โดยมีท่าน ยิน เจิ้ง เม่า เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสงคราม

    วันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1573 (พ.ศ. ๒๑๑๖) ท่าน ยิน เจิ้ง เม่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มณฑลกว่างตง/กว่างสี ได้ทำบันทึกเข้ามาว่า พระราชาจากประเทศสยามเสด็จมาเพื่อถวายเครื่องราชบรรณาการอันประกอบไปด้วยของพื้นเมือง คณะราชทูตจากสยามอ้างถึงดวงตราประทับและหนังสือตราตั้งของเดิมนั้นถูกเผาทำลายในกองเพลิงเมื่อครั้งที่พวกพม่า (ตงหนิว) บุกประเทศสยาม คณะราชฑูตจึงขอพระราชทานดวงตราประทับและหนังสือตราตั้งใหม่เพื่อทดแทนของเดิม เรื่องนี้ส่งให้กระทรวงพิธีการไปพิจารณา...


    ทางสายธาตุเข้าใจในจากการอ่านหมิงสือลู่ว่า คณะราชฑูตนี้ไปกับเรือหลวงบรรทุกเครื่องราชบรรณาการอันมีธง "Black Crew" ประดับกองเรือไปด้วย อันอาจจะหมายถึงธง "ครุฑดำ" ก็ได้ค่ะ ซึ่งธงลักษณะนี้จะประดับก็ต่อเมื่อมีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จด้วย อันนี้จะเข้าใจถูกต้องหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ

    ที่สนใจคือคำว่า Hua-tai-zhu และคำว่า the king of the country of Siam นำเครื่องราชบรรณาการมายังราชสำนักจีน ณ กรุงปักกิ่ง ท่านนี้หมายถึงใคร


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2010
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    พระประธานทรงเครื่อง<LINK rel=File-List href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CTEMPER%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"> <STYLE> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </STYLE>[FONT=&quot]แบบล้านนา พระหริภุญชัยบรมโพธิสัตว์ [/FONT]​


    วันนี้ได้เช่าหนังสือตามรอยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล มาอ่านค่ะ ไม่เคยอ่านต้องลองอ่านดูสักหน่อย

    กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองท่าสำคัญของภูมิภาคนี้ คิดว่าคนที่มาอาศัยอยู่ที่กรุงศรีฯ ก็น่าจะมาจากทางบกคืออพยพลงมา (มาจากแผ่นดิน) และเข้ามาทางทะเล ปากอ่าวไทย

    เท่าที่ศึกษาพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ส่วนใหญ่เห็นว่านักประวัติศาสตร์จะศึกษาไปในมิติชาวบก คือมิติที่ว่าประชากรในภูมิภาคแถบนี้เป็นคนในแผ่นดิน ศึกษา พม่า มอญ ไทยใหญ่ ฯ จนดูเหมือนชาวต่างชาติที่เข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยานั้นไม่ได้มีบทบาทสำคัญอันจะมีผลต่อการปกครอง เป็นเพียงพ่อค้าสำเภาที่ผ่านเข้าออกตามฤดูที่ว่างเว้นจากมรสุมเท่านั้น บางทีการศึกษาประวัติศาสตร์โดยผ่านเรื่องราวทางการค้าก็อาจสะท้อนสภาพบ้านเมืองในสมัยนั้นได้อย่างชัดเจนเหมือนกันนะคะ ท่านผู้อ่านเห็นด้วยหรือไม่คะ

    ใครจะไปรู้หล่ะว่า กรุงศรีอยุธาพลิกฟื้นจากความปราชัยได้ภายใน 4 ปีหลังเสียกรุงฯในครั้งแรก เหมือนการสร้างเมืองขึ้นใหม่จากบ้านเมืองที่มีแต่โครง ทรัพย์สมบัติอะไรๆ พม่าก็คงจะขนไปๆตามอำเภอใจหมดเพราะเขามีชัยชนะเหนือไทย จะเอาอะไรก็เอาไป สมบัติที่เราเคยได้มาจากเขมรบ้าง ที่เป็นของโบราณบ้างก็คงจะขนไปหมด

    สมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงสร้างบ้านเมืองขึ้นมาใหม่จากความสูญเสีย เป็นที่มาที่ทำให้เกิดพระราชกรณียกิจดังที่มีในบันทึกของกรุงจีนที่ว่า


    ทรงทำเพื่อให้กรุงศรีอยุธยาผงาดขึ้นได้อีกครั้งหนึ่งด้วยลำแข้งของตนเอง ทำให้รู้สึกศรัทธาในพระวิริยะอุตสาหะ และความรักชาติรักแผ่นดินเกิดของพระองค์ท่านค่ะ

    นำแบบพระพุทธรูปมาฝากน้องโมเย จากกระทู้นี้http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...มสร้างพระเจ้าขนุนทรัพย์มหาลาภทันใจ.252538/ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2010
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ๕.๑ พระพุทธกัมโพชปฏิมาจำลอง สมัยกัมโพช
    พ.ศ. ๑๘๒๕ – ๑๘๙๔ (ค.ศ. 1282 – 1351)


    หลวงพ่อพนัญเชิง พระพุทธกัมโพชปฏิมาจำลอง เป็นพระพุทธรูปซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายในราชอาณาจักรอยุธยา ตั้งแต่ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. ๑๘๙๓ (ค.ศ. 1350) อันเห็นได้จาก “หลวงพ่อโต” หรือ “หลวงพ่อพนัญเชิง” (ดูรูปที่ ๕.๔๘) ซึ่งพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับ หลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ให้ข้อมูลว่า
    จุลศักราช ๖๘๖ ชวดศก (พ.ศ. ๑๘๖๗ / ค.ศ. 1324) แรกสถาปนาพระพุทธเจ้า เจ้าแพนงเชิง (ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๑ ๒๕๐๖, ๑๓๐)

    หลวงพ่อพนัญเชิง น่าจะเป็นพระพุทธรูปที่นายฌาคส์ เดอ คูทร์ (Jacques de Coutre) พ่อค้าชาว เฟลมมิช (Flemmish) หรือเบลเยียมในปัจจุบัน ผู้ได้ไปพำนักอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. ๒๑๓๙ (ค.ศ. 1956) ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรได้บันทึกไว้ว่า
    นอกกำแพงพระนครข้าพเจ้าเห็นพระพุทธรูปประทับขัดสมาธิบนฐาน สร้างด้วย ศิลาและอิฐทั้งองค์ โบกปูน ทาสี ปิดทอง เหนือพระเศียรมีฉัตรขนาดใหญ่ทำ ด้วยผ้าทอง พระพุทธรูปองค์นั้นสูงและใหญ่มาก จนสามารถเห็นได้จากระยะ ทางไกล ถึงเกือบ ๒๐ กิโลเมตร ทั้งๆ ที่สร้างบนพื้นที่ราบด้วยความอยากรู้ อยากเห็นข้าพเจ้าไปวัดพระนขา (เล็บ) ของพระอังคุฐ (นิ้วหัวแม่มือ) พระหัตถ์ขวา ได้ความว่ากว้างกว่าห้ามือ และยาวประมาณกัน (de Coutre 1988, [n.p.])

    ข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า เป็นพระพุทธรูปประทับขัดสมาธิ ปางมารวิชัย และในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรนั้นยังไม่ได้สร้างพระวิหารหลวงครอบองค์พระพุทธรูป
    พระพุทธรูปองค์นี้คือ “พระพุทธเจ้าทรงนางเชิง ทรงนั่งสมาธิหน้าตัก ๑๐ ศอก อยู่ในพระวิหารวัด พระนางเชิง” ซึ่งขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรมจัดให้เป็น ๑ ใน “พระมหาพุทธปฏิมากรที่มีพุทธานุภาพเปน หลักกรุง” ๘ องค์ (คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ๒๕๓๔, ๒๕) พุทธานุภาพของ “หลวงพ่อพนัญ เชิง” ยังเป็นที่ประจักษ์ เมื่อครั้งพระเจ้าสายน้ำผึ้งทรงขอหลวงพ่อว่า “เดชะบุญญาภิสังขารของเราเรา จะได้ครองไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์ ด้วยกันเสร็จ ขอให้น้ำผึ้งย้อยหยดลงมา” น้ำผึ้งก็ไหลย้อยลงมา กลั้วเรือพระที่นั่ง (ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๑ ๒๕๐๖, ๕๑) จนเมื่อใกล้จะเสียกรุงครั้งที่สองนั้น “เกิดลางร้ายต่างๆ คือ พระพุทธปฏิมากรใหญ่ที่วัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหล” (คำให้การชาวกรุงเก่า ๒๔๕๗, ๑๖๓)


    ข้อมูลหลวงพ่อวัดพนัญเชิงเท่าที่หาได้ ตีความได้ 3 แบบ

    1 สร้างไว้นานแล้วก่อนสถาปนากรุงศรีฯ

    2 สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวร เพราะนายจ๊าค อธิบายได้ว่าสร้างด้วยอิฐและศิลา โบกปูนแล้วทาสี ปิดทอง เหมือนนายจ๊าคจะเห็นตอนสร้าง แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะใช้วิธีไต่ถามเอาจากข้าราชการไทย

    3 พระองค์นี้สร้างไว้นานแล้ว ด้วยเทคนิคการก่อสร้างสมัยเก่า(ก่อนสร้างกรุงศรีฯ) เนื่องจากองค์ใหญ่มาก เทคนิคการก่ออิฐก่อศิลาก็คงคล้ายการสร้างพระปรางค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่ๆ เมื่อเวลาผ่านไปกว่าสองร้อยปี สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ก็น่าจะมีการพังทลายลงมาบ้าง เหมือนๆกับสิ่งก่อสร้างในยุคต้นใกล้เคียงกัน เช่น วัดมหาธาตุ สร้างในสมัยพระราเมศวร พังทลายลงมาในสมัยพระเจ้าทรงธรรม จึงทำให้เชื่อเป็นการส่วนตัวว่า วัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) ก็น่าจะพังทลายในเวลาก่อนหรือใกล้เคียงกับการพังทลายของวัดมหาธาตุ เพราะวัดวรเชษฐ์ สร้างก่อนวัดมหาธาตุเสียอีก ถ้าสมมติฐานนี้เป็นจริง พระเจ้าพนัญเชิงจะพังทลายลงมาในยุคสมัยของพระนเรศวรมหาราชแล้วทรงปฎิสังขรขึ้นมาใหม่ ก็น่าคิดใช่ไหมคะ
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ข่าวประชาสัมพันธ์ โครงการสัมมนาประวัติศาสตร์ สงครามยุทธหัตถี

    [​IMG]

    ขอเชิญร่วมงาน๑o๕ปี มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา สัมมนาประวัติศาสตร์ สงครามยุทธหัตถี

    [​IMG]

    สงครามยุทธ<WBR>หัตถี สัมมานาวัน<WBR>ที่ ๒๖และ๒๗ สิงหา<WBR>คม ๒๕๕๓ เวลา๑๓.๓oน<WBR>. โดย พลตรีพิจิต<WBR>ร ขจรกล่ำ (ผู้บรรยายในโร<WBR>งเรียนนายร้<WBR>อย จปร)



    ท่าน<WBR>สามารถดาวน์<WBR>โหลดแบบฟอร์<WBR>มใบตอบรับได้<WBR>ที่ http://www<WBR>.human.aru<WBR>.ac.th ศึกษาข้อมู<WBR>ลที่ http://pic<WBR>asaweb.goo<WBR>gle.co.th/<WBR>ssomkiert
     
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เช้านี้ได้ทราบข่าวเรื่องงานสัมมนาประวัติศาสตร์สงครามยุทธหัตถี ของม.ราชภัฎพระนครศรีอยุธยา ใน 26-27 สิงหาคม 2553 เห็นรายชื่อ ท่าน พล.ต.
    พิจิตร ขจรกล่ำ เป็นหนึ่งในผู้ทรงคุณวุฒิ พลันใจประหวัดถึงคุณทางสายธาตุ
    ว่าควรจะนำเรื่องราวที่ท่าน พล.ต.พิจิตร ขจรกล่ำ ได้เขียนบันทึกไว้นำมาเผย
    แพร่ในกระทู้นี้บ้าง คงจะดีเป็นแน่ อาจจะเป็นด้วยกระแสจิตนี้แรงก็เป็นได้
    กลับมาที่กระทู้นี้อีกครั้งก็ใช่เลย....

    "เชิญอ่านบทกวีประวัติศาสตร์ไทย-พม่าสงครามยุทธหัตถี......พลตรี พิจิตร ขจรกล่ำ" - ทางสายธาตุ


    ขอขอบคุณท่าน พล.ต.วิจิตร ขจรกล่ำ และคุณทางสายธาตุ ครับ



    <TABLE style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR title="โพส 3672584" vAlign=top><TD class=alt2 width=125 align=middle>ทางสายธาตุ</TD><TD class=alt1>เชิญอ่านบทกวีประวัติศาสตร์ไทย-พม่าสงครามยุทธหัตถี......พลตรี พิจิตร ขจรกล่ำ</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เสียดายนะครับ ที่เราไม่ทราบความมุ่งหมายของการจัดงานนี้ นอกจากเป็น
    การจัดงานครบ ๑๐๕ ปีของมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยาแล้วยังมี
    ความมุ่งหมายอื่นใดอยู่ด้วยบ้าง แต่ที่น่ายินดีก็คือเยาวชนของอยุธยายังระ
    ลึกถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า พวกเยาวชนเหล่านั้นยังไม่ลืมพระมหา
    กรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่าน
    ขออนุโมทนา สาธุการ ครับ
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พ่อหลวงของชาวไทย

    [​IMG]

    พระราชจริยวัตรอันงดงามและอบอุ่น

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

    ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม

    ขอเดชะฯ

     
  10. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    พระราชินี"ทรงรับสั่งทุกคนทำงานเพื่อชาติ ถึงเวลาจากก็ต้องไป<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>19 สิงหาคม 2553 19:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000115614&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นางสำลี บุญญาวิวัฒน์ ภรรยาของนายสหัส บุญญาวิวัฒน์ ที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง เปิดเผยภายหลังสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินกลับจากพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพให้คณะผู้เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ตอนหนึ่งว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงมีพระราชปฏิสันฐาน และรับสั่งว่าทุกคนทำงานเพื่อประเทศชาติ แต่ถึงเวลาที่จะจากไปก็ต้องไป นายสหัสทำงานเพื่อประเทศทำงานกับพระองค์ท่านมามาก และตอนนี้จะหาใครมาทำงาน พระองค์ทรงรับสั่งด้วยว่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทรงเตรียมจะนำเสื้อผ้าไปพระราชทานให้ชาวเขาทางภาคเหนือ แต่นายสหัสมาเสียชีวิตไปก่อน ทั้งยังทรงรับสั่งถึงงานในกรมการข้าว ซึ่งตนเองทำงานอยู่ด้วยว่าเป็นงานที่มีความสำคัญมาก
    นางสำลี กล่าวอีกว่า พระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันฐานกับทุกครอบครัว ซึ่งพอถึงลูกของนายช่าง และนักบิน ท่านทรงเอื้อมมือมาแตะศีรษะลูกสาวของนักบินทั้ง 2 คนอย่างเป็นกันเอง




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม
     
  11. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยทั้งที่ลาดเชิงเขาไหลทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มใน 41 จังหวัด ................


    หากประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน สามารถติดต่อแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง



    แหล่งที่มา <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สิงหนาท<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3681577", true); </SCRIPT> http://palungjit.org/threads/เตือน-41-จังหวัด-เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน.253550/
     
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ไปโพสต์เสนอคอนเซ็ปเรื่องเกี่ยวกับสนามบินในกระทู้พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ
    ซึ่งเป็นกระทู้ที่มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อมนุษยชาติอย่างยิ่งเพราะเป็น
    เรื่องของธรรมชาติที่มีอิทธิพลต่อพวกเราชาวมนุษย์ตัวน้อยๆ หลายๆท่าน
    อาจจะไม่ได้ให้ความสนใจเข้าไปอ่าน ขอถือโอกาสนำข้อความที่โพสต์ไว้
    มาฝากกันครับ

    ...
    มีข้อคิดที่ได้จากบทเรียนที่เกิดขึ้นจริง ปัจจุบันการให้ช่วยเหลือประเทศต่างๆที่ประสบภัยพิบัติมีให้เห็นอยู่มากมายหลายๆแห่ง บางประเทศมีปัญหาเรื่องสนามบินไม่เพียงพอที่รับเครื่องบินขนาดใหญ่ได้หลายลำ เพราะการช่วยเหลือจากต่างประเทศนั้นจำเป็นต้องใช้การลำเลียงทางอากาศเป็นหลัก แม้แต่จากทางรัฐบาลกลางก็จำเป็นต้องใช้การลำเลียงทางเครืองบินเป็นสำคัญเช่นกัน เพราะ
    ฉะนั้นหลักง่ายๆและสำคํญสำหรับการตัดสินใจเลือกพื้นที่อาศัย นอกจากจะต้อง
    เป็นที่สูงที่มีแหล่งน้ำใช้สอย(อุปโภคและบริโภค)ได้สักระยะหนึ่งแล้ว ควรจะต้องคำนึงถึงเรื่องของสนามบินไว้ด้วยอย่าอยู่ไกลจากสนามบินมากนัก อย่าง
    เช่นที่โคราช o.k. การช่วยเหลือสามารถนำไปพูลเป็นคลังไว้ได้แล้วลำเลียงออกไปแจกจ่ายตามจุดพักอาศัยใกล้เคียง ถ้าเราอยู่ไกลออกไปมากการช่วยเหลือก็อาจจะขลุกขลักหรือเป็นไปด้วยความยากลำบากอาจจำเป็นต้องใช้ ฮ.
    ก็จะเป็นข้อจำกัดในการช่วยเหลือ ส่วนที่เพชรบูรณ์หรือเขาค้อก็คล้ายๆกันกับ
    โคราช มีสนามบินขนาดโบอิ้ง 747 ลงได้อยู่ระหว่างตัวเพชรบูรณ์กับหล่มสัก
    ถ้าวิ่งเข้ามาเพชรบูรณ์ก็ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ถ้าวิ่งไปเขาค้อก็ประมาณไม่เกิน 45
    นาทีครับ โดยทางรถยนต์ทั้ง2 แห่งนะครับ นี่อาจจะเป็นคอนเซ็ปใหม่เพราะเมื่อ
    ครั้งที่มีการสัมมนากันที่วิชัยยุทธเมื่อประมาณปีกลาย จัดโดยคุณ kananun
    ครั้งนั้นไม่ได้มีการพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
     
  13. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    กระเทือนทั่วผืนดิน เลือดรินชโลมทาง เหล่าวีรชนห้าวหาญนักรบชาวไทย
    พ่อกูหัวใจแกร่งป้องแดนด้วยใจกายแม่กูสู้เคียงถวายแม้ตายไม่เกรง
    ชาติยังไม่สิ้นชนคนยังไม่สิ้นใจ จะให้กูไปไหนขอตามจองเวร
    ไล่ไปผู้รุกรานฆ่ามันไม่เหลือเดน อย่ามาให้เจอให้เห็นต้องเซ่นสังเวย

    ศึกรบเพื่อชาติพลี มอบวิญญาณดวงนี้เพื่อผืนดินไทย
    ห่วงรักเจียนขาดใจ จำตัดไปแม้อาจต้อง ตายวันนี้ก็พร้อม
    ศึกรบเพื่อชาติพลี มอบวิญญาณดวงนี้เพื่อผืนดินไทย
    ห่วงรักเจียนขาดใจ จำตัดไปแม้อาจต้อง ตายวันนี้ก็พร้อม

    อดีตยังฝังตราตรึงคำนึงถึงบุญคุณ ชาติไทยไม่เคยดับสูญเทิดทูนบรรพชน
    กู่ก้อง ระบือไกล สถิตในหัวใจคน ลูกหลานจะดำรงให้คงสถาพร
    สัตย์ปฏิญาณมั่นไว้ เพื่อไทยยืนยง" *
     
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434

    ขออภัย พระธิดาองค์ที่สองของสุลต่านปัตตานี ชื่อ องค์หญิงรายาบีรู ซึ่งลิ้มโต๊ะเคี่ยมได้เปลี่ยนไปนับถืออิสลามตามพระนางรายาบีรูหลังจากอภิเษกสมรส

    เข้าไป Okanation กำลังมีกระทู้ "รายาฮียา" อยู่จึงนึกได้ว่าจำชื่อพระนางผิดไปต้องเป็น องค์หญิงรายาบีรู ค่ะ

    4 รายา นครแห่งสันติ



    [​IMG]

    ภาพสี่รายาแห่งปัตตานี รายาฮิเยา รายาบีรู รายาอุงงู รายากูนิง

    ปัตตานีดารัสสลาม มีกษัตริย์ปกครองเมืองรวมถึงเก้าพระองค์ทรงสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์โกตามหลิฆัยแห่งเมืองลังกาสุกะเดิม มีกษัตริย์ที่เป็นผู้ชาย 5 องค์ เรี่ยกว่า สุลต่าน และเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่งคือกษัตริย์องค์ลำดับที่ 6 9 เป็นผู้หญิง เรี่ยกว่า รายา ซึ่งเป็นที่น่าทึ่งในความสามารถของกษัตริย์ที่เป็นผู้หญิงในการปกครองเมือง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่รายาทั้งสี่ปกครองเมือง มีเหตุการณ์ต่างๆมากหมายที่เป็นความสามารถในการดูแลปกครองบ้านเมืองตลอดจนเรื่องราวแห่งความรักระหว่างกษัตริย์รายากูหนิงกับยังดีเปอรตูวันมูดอโอรส แห่งเมืองยะโฮร์ ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

    ลำดับกษัตริย์ครองเมืองที่เป็นรายา ได้แก่

    รายาฮียา พ.ศ. 2127 2159

    รายาบีรู พ.ศ. 2159 2166

    รายาอูงู พ.ศ. 2166 2178

    ทั้งสามองค์เป็นธิดาของสุลต่านบาร์ฮาดูร์ชาฮ์ กษัตริย์เมืองปัตตานีลำดับที่ 5 (พ.ศ.2216 2127)

    รายากูหนิง พ.ศ. 2178 2229

    พระนางเป็นรายาและกษัตริย์องค์สุดท้ายของปัตตานีดารัสสลามพระนางเป็นธิดาในรายาอูงูกับสุลต่านรัฐปาหัง


    อ้างอิงข้อมูลจาก4
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    รายาฮียาแห่งลังกาสุกะในมุมมองของคนตะวันตก

    [​IMG]

    ภาพคุณจารุณี สุขสวัสดิ์ ผู้รับบท รายาฮียา ในหนังเรื่องปืนใหญ่จอมสลัด

    [​IMG]

    ฉากท้องพระโรงแห่งแคว้นลังกาสุกะ(แคว้นปัตตานี) ในหนังเรื่องปืนใหญ่จอมสลัด​

    พระนางฮียาในมุมมอง ชาวฮอลันดา (ทรงครองราชย์ตรงกับสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ จนกระทั่งเข้าสู่สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม)

    เอกสาร ของ ชาว ฮอลันดา ฉบับหนึ่ง ได้กล่าว ยกย่อง ถึง พระปรีชา สามารถ ในการ ปกครอง ของ พระนาง ฮียา ไว้ว่า
    "ปัตตานี เป็น อาณาจักร โบราณ แต่อยู่ ในอำนาจ ของ สยาม เสมอมา ในเวลานี้ มี ผู้หญิง ปกครอง เป็นธิดา เมือง ปัตตานี องค์ที่ สิ้น พระชนม์ ไปตั้ง ๓๐ ปีแล้ว ถึงแม้ จะเป็น เมืองที่ ผู้หญิง ปกครอง การปกครอง ก็นับว่า ดีพอควร ชาวต่างประเทศ ไม่มี เรื่องที่ จะร้องถึง ความทุกข์ ลำบาก มีข้อ ที่ควร ร้องทุกข์ อยู่อย่างเดียว คือ เสียภาษีมาก เรือ ทุกลำ ซึ่งมา ที่นี่ ต้องเสีย ภาษี ถึง ๒,๐๐๐ เหรียญ สินค้า ทุกอย่าง ที่นำเข้า ต้องเสีย ภาษี ๕ หาบ สินค้า ที่นำออก ก็ต้อง เสียภาษี เช่นเดียวกัน นอกจากนั้น ยังต้อง เสียของ กำนัล และ สินบน อีกมาก" (เอกสาร ฉบับนี้ ลงปี ที่เขียน ตรงกับ ปี พ.ศ.๒๑๖๕) (ดูเรื่อง ความสัมพันธ์ กับ ต่างประเทศ สมัยอยุธยา หลวงวิจิตร วาทการ รวบรวม พิมพ์ ในงาน พระราชทาน เพลิงศพ นางธำรงนาวาสวัสดิ์)
    [​IMG]
    สุสานเจ้าหญิงฮิยา
    สภาพ ความเป็นอยู่ ของ เจ้าหญิง ฮียา เจมส์ เนกซี่ (James Naccy) ชาว ฮอลันดา ซึ่ง เข้ามา เยือน เมือง ปัตตานี ในปี ค.ศ.๑๖๐๒ (พ.ศ.๒๑๕๕) ได้ บันทึก ไว้ว่า
    "นางพญา เป็นหญิง อายุ ๖๐ ร่างสูง เก็บตัว อยู่ ภายใน พระราชวัง กับ บริวาร สตรี อย่าง ใกล้ชิด สตรี เหล่านั้น บางคน ยัง ไม่ได้ แต่งงาน การแต่งงาน ของ บริวาร จะต้อง ได้รับ อนุญาต จาก นางพญา ก่อน บางครั้ง เราเห็น นาง พญา นั่งบน หลังช้าง เสด็จ ออกไป พักผ่อน หย่อนใจ กีฬา ที่นางพญา ชอบ คือ การล่าสัตว์ มีไพร่พล บริวาร ติดตาม ไปด้วย ถึง ๖๐๐ คน และ มี น้องสาว ของ นางพญา ที่ยัง ไม่แต่งงาน มีอายุ ราว ๔๖ ปี ติดตาม ไปด้วย"
    [​IMG]
    ภาพวาดเจ้าหญิงฮิยา
    ด้าน การ ปกครอง นางพญา ได้แต่งตั้ง มนตรี ขึ้น ๓ นาย เป็น ที่ปรึกษา และ ช่วย ในการ ควบคุม ดูแล การบริหาร แผ่นดิน ให้เกิด ประสิทธิภาพ คือ หวันยะลา หวันอาหลง และ สีริอากา (ศรีอากา)
    ในครั้งนั้น ลำน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้ พระราชฐาน เกิดน้ำ ทะเล ไหลบ่า เข้าสู่ ลำคลอง ซึ่ง ตื้นเขินขึ้น ทำให้ ราษฎร ไม่สามารถ ใช้น้ำ ดื่ม อาบ ได้ ดั่ง เช่นเคย พระนาง จึง เสด็จ ออกไป เกณฑ์ ผู้คน และ ควบคุม การ ขุดคลอง ที่บ้าน ตามะงัน (ระหว่าง เขต ตำบล เมาะมาวี กับ ตำบล ปรีกี) อำเภอ ยะรัง เพื่อ ระบาย น้ำ ใน แม่น้ำ ตานี ให้ ไหลลงสู่ คลอง ที่ขุดขึ้นใหม่ จากบ้าน ตะมางัน ถึงบ้าน กรือเซะ ออกสู่ อ่าวกัวรารา ที่ ตำบล ตันหยงลุโละ อำเภอ เมือง ปัจจุบัน ยังผล ให้ราษฎร มีน้ำดื่ม น้ำใช้ และ ประกอบ การเกษตรกรรม ได้ผลดี อีกด้วย


    ดูจากรูปวาดของพระนางรายาฮียาที่ชาวฮอลันดาวาดไว้ พิจารณาดูแล้วพระนางทรงงามมากนะคะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    จะไปกราบนมัสการหลวงพ่อสิงห์ทน หลวงพี่วัลลภ หลวงพ่อสัมฤทธิ์วันนี้ค่ะ ทางสายธาตุเชื่อว่าที่นี่คือวัดป่าแก้ว เชื่อว่าสิ่งที่หลวงพ่อและหลายคน
    พยายามช่วยกันบอกกล่าวว่า วัดนี้เป็นสถาที่สำคัญอันเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทางสายธาตุไม่ใช่เบื้องสูงมาเกิดนะคะ

    แต่เชื่อว่าถ้าเราได้แสดงกตัญญุตากับพระมหากษัตริย์ผู้มีพระคุณต่อประเทศชาติอย่างล้นพ้น จะทำให้ประเทศไทยของเราอยู่รอดปลอดภัย
    ทางสายธาตุไปกราบที่วัดวรเชษฐ์ครั้งแรกก็เพราะเหตุผลที่ว่า ตัวเองอึดอัดใจกับการเมืองไทย เบื่อหน่ายถึงที่สุดจนต้องหาทางไปฟ้องร้องฏีกากับพระสยามเทวาธิราช
    เพื่อนจึงบอกว่าต้องมาที่นี่ ได้ยื่นฏีกาถึงพระสยามเทวาธิราชแน่นอน เพราะในอีกนัยหนึ่งแล้วสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระสยามเทวาธิราชด้วย

    ทางสายธาตุจึงอยากสักการะพระองค์ท่านในสถานที่ที่ถูกลืมเช่นวัดวรเชษฐ์นี้ อีกอย่างสถานที่นี้ก็ไม่ไกลจากบางบัวทองมากนัก เป็นการสร้างบุุุญให้กับ
    ตนเองด้วยคะ บุญบารมีจะได้พาไปเจอแต่สิ่งดีๆ หมั่นทำบุญสร้างบารมีเป็นนิสัยที่ดีของชาวพุทธอย่างพวกเราใช่ไหมคะ พวกเราชาวไทยสืบทอดความ
    คิดนี้ต่อมาจากบรรพบุรุษ และเป็นหน้าที่ของพวกเราชาวไทยที่จะต้องถ่ายทอดความคิดนี้ต่อไปให้ลูกหลานไทย สืบต่อพระพุทธศาสนาให้มั่นคง ยืนยง
    บนผืนแผ่นดินนี้สืบไปค่ะ ไปวัดก่อนนะคะ

    (ป.ล. น้องออฟบอกว่าฝนตก ขับจักรยานไปไม่ได้ ต้องรอโอกาศหน้า ฟ้าแจ้งจางปางแล้วพี่ทางสายธาตุขอเจอตัวหน่อย หลังวัด อิอิ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ไปกราบนมัสการพระอาจารย์สิงห์ทน ก็พบว่าวัดวรเชตมีเจ้าอาวาสองค์ที่ 5 แล้ว องค์ที่ 4 ไปแล้วเมื่อหลังกฐินปีที่แล้ว องค์ใหม่มาก็ขึ้นป้าย วัดวรเชษฐ์นี้คงต้องอดทนปลดเงื่อนปมออกทีละปมละปม อย่างอดทน แล้วคงจะได้เห็นแสงสว่างได้ในที่สุด

    ขนาดที่เรื่องราวเข้าสู่คณะทำงานวุฒิสภาแล้ว ขึ้นไปถึงมหาเถระสมาคมแล้ว ก็ยังเงียบอยู่ ห่วงประเทศชาติจัง มีโบสถ์สร้างขวางตะวันซึ่งไม่มีใครทำกัน แต่ทางเจ้าคุณแ...วัดพ... ท่านตั้งใจสร้างให้เป็นโบสถ์ขวางตะวันเพื่อจุดมุ่งหมายบางอย่าง หนักใจแทนพระสามองค์คือ พระอาจารย์สิงห์ทน พระอาจารย์วัลลภ พระอาจารย์สัมฤทธิ์ ท่านจะอยู่ได้ฤา หรืออยู่ได้ก็ต้องอดทนกับปัญญารอบข้างที่สางยากแก้ยาก เพราะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่เจ้าคุณแ..ได้จากการบริหารพื้นที่ในวัดต่างๆในจังหวัดอยุธยา

    หลวงพ่อสิงห์ทนบอกว่าให้สวดมนต์กันไปเดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีเอง สาธุ ขอให้ดีเร็วๆค่ะ
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    หลวงพ่อดำ วัดทอง บางปะหัน

    ออกจากวัดวรเชษฐ์แล้วก็ตรงไปบางปะหัน ไปหาวัดทอง ขับไปอีก 20 กิโลเมตรก็ถึงแล้ว

    ที่แรกตั้งใจว่ากราบหลวงพ่อดำเสร็จ จะไปปราสาทนครหลวง แต่มีเหตุให้ต้องสนทนากับพระองค์หนึ่งจนเย็น

    เมื่อสนทนาแล้วจึงทราบว่า โบสถ์เก่าวัดทองนี้ไม่เปิดให้คนเข้าไปหลายปีแล้ว เพราะว่าองค์พระปฎิมาหลวงพ่อดำจะหาย

    วันนี้จะด้วยความบังเอิญอย่างไรก็ไม่ทราบ ซึ่งหากเป็นช่วงเวลาปกติไม่มีทางได้เข้าไปกราบพระพุทธรูปปางนาคปรกองค์นี้ได้ เพราะโบสถ์เก่าจะปิดตายไม่ให้ใครเข้าทั้งสิ้น

    คือทางสายธาตุไปกับเพื่อนข้างบ้าน ไปถึงก็ถามทางว่าจะมาไหว้หลวงพ่อดำ คนในบริเวณวัดก็ชี้ให้เดินผ่านโบสถ์ใหม่ไป ออกไปแล้วจะเจอโบสถ์เก่า (ลักษณะคล้ายโบสถ์วัดแก้วฟ้า นนทบุรีเลย) พอไปถึงก็สวนกับตำรวจ 4 นาย

    นึกในใจว่าวัดนี้คงเป็นที่เคารพสักการะของข้าราชการตำรวจเนอะ จึงมากันหลายคนในเครื่องแบบด้วย ตำรวจเดินสวนออก ทางสายธาตุกับเพื่อนเดินสวนเข้า

    โบสถ์เก่ามากแต่มีการปฎิสังขรพื้นและทาสีพนังใหม่ ตอนเดินเข้าไปก็ไม่มีใครในโบสถ์ จึงเห็นหลวงพ่อดำองค์จริง ได้กราบสักการะอยู่ 15 นาทีจึงมีพระรูปหนึ่งและโยมผู้หญิงอีกคนหนึ่งเดินเข้ามา

    <TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="95%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD vAlign=top width="5%" align=right></TD><TD vAlign=top width="45%" align=middle>
    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เขาบอกว่าพวกคุณรู้ไหม ไม่มีใครเข้ามาในโบสถ์นี้ได้อีกแล้ว เพราะปิดมานาน แต่จะมีโยมผู้หญิงคนนี้(คนที่เดินตามพระเข้ามาในโบสถ์) สามารถมาเปิดเพื่อเข้ามาดูแลพระปฎิมาต่างๆได้ ซึ่งโยมผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนกรุงเทพฯ นานๆจึงจะมาสักครั้งหนึ่งเพราะเป็นพยาบาลอยู่ในกรุงเทพฯ

    แต่ที่วันนี้โบสถ์เก่าเปิดเพราะ เมื่อคืนมีคนร้ายมางัดเหล็กดัดหน้าต่างบานสุดท้ายออก และงัดหน้าต่างไม้โบราณให้เปิดออก จุดมุ่งหมายคือหลวงพ่อดำ หน้าตัก 20 นิ้วองค์นี้แหละ เพราะศักดิ์สิทธิ์มาก แต่มันเอาอะไรไปไม่ได้เพราะว่าอยู่ๆมันก็เกิดเสีียงพระสวดให้พรดังขึ้น สอบถามได้ความว่าเป็นตู้รับทำบุญอัตโนมัติที่บันทึกเสียงพระสวดให้พรไว้เมื่อมีคนหยอดเหรียญทำบุญ อยู่ๆคนร้ายเหมือนจะขยับตู้บริจาคนี้ เสียงพระสวดมนต์ก็ดังลั่นขึ้นมา คนร้ายตกใจรีบหนี ไม่ได้คว้าอะไรไปสักอย่าง

    โยมผู้หญิงพยาบาลคนนี้จึงรีบมาจากกรุงเทพฯในวันนี้เพื่อดูเหตุการณ์และไปแจ้งความที่สถานีตำรวจบางปะหัน ตอนที่ทางสายธาตุกับเพื่อนไปถึงจึงเป็นตอนที่ตำรวจมาตรวจลายนิ้วมือและบันทึกประจำวันไว้แล้ว

    ตอนตำรวจเดินกลับจึงสวนทางกับทางสายธาตุและเพื่อน เราสองคนจึงได้กราบหลวงพ่อดำได้ด้วยประการฉะนี้

    พระที่เดินนำโยมผู้หญิงเข้ามาในโบสถ์คือ เจ้าอาวาสวัดทองบ่อ บางปะอิน ท่านศรัทธาวัดนี้จึงมาช่วยโยมผู้หญิงพยาบาลดูแลเหตุการณ์และมาสำรวจความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น จึงได้เจอกับเราสองคน ท่านยังบอกว่าโยมต้องมีอะไรผูกพันกับที่นี่หรือเปล่า มีไม่กี่คนนะที่จะได้เข้ามาในโบสถ์โบราณนี้ได้อีกแล้ว เพราะที่นี่ปิดตาย นอกจากจะรู้จักกับโยมพยาบาลคนนี้จึงจะติดต่อให้โยมพยาบาลนี้มาวัดทองแล้วเอากุญแจมาเปิดให้ มิฉะนั้นใครก็เข้าไม่ได้ ถือเป็นโอกาศดีมากนะโยมที่ได้กราบหลวงพ่อดำ


    ท่านจึงชวนให้ครั้งหน้าไปหาท่านที่วัดทองบ่อ บางปะอิน ท่่านถามว่ารู้จักไหม ทางสายธาตุบอกเส้นเดียวกับที่ไปวัดชุมพลนิกายาราม บางปะอินใช่ไหมคะ ท่านตอบว่าใช่แล้ว แต่วัดทองบ่อถึงก่อนตลาดโก้งโค้งนิดหน่อย

    ทางสายธาตุสนใจรูปเจดีย์ไม้สิบสองที่ปักอยู่บนย่ามของท่านเจ้าอาวาสวัดทองบ่อ เพราะสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ศิลป์เรื่องนี้อยู่แล้ว ท่านไม่ชวนทางสายธาตุก็คิดในใจอยู่แล้วว่าจะไปเพราะลายปักเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองศิลปะพระเจ้าปราสาททองบนย่ามของท่านนั่นแหละ

    สุดท้ายก่อนจากท่านให้เหรียญพระเจ้าตากสิน มวลสารที่สร้างนำมาจากดินที่เกี่ยวข้องกับพระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และดอกไม้ต่างๆ เช่น ดอกพิกุล ดอกสาละ และไม้ต่างๆเช่นไม้ตะเคียนเก่าแก่ ท่านแจกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินให้คนละองค์ และยังให้เหรียญพระสิวลีด้วยอีกองค์หนึ่ง ท่านชวนให้ไปเยี่ยมท่านที่วัดทองบ่อ ทางสายธาตุบอกว่าไปวัดชุมพลฯบ่อยอยุ่เจ้าค่ะ ถ้าครั้งหน้าไปวัดชุมพลฯจะไปเยี่ยมหลวงพ่อนะเจ้าคะ ท่านบอกอ้อ ไปไหว้วัดพ่อของสมเด็จพระนารายณ์หรือ รู้ไหมพระนารายณ์ก็เกี่ยวข้องกับวัดทอง บางปะหันแห่งนี้นะ ท่านเสด็จมาบูรณะไว้ สงสัยจะได้ไปต้นเดือนหน้าเพราะพี่อุกามณีเลื่อนมากรุงเทพฯต้นเดือนหน้า จะไปวัดวรเชษฐ์ วัดทองบ่อ วัดชุมพลฯ ถ้าเวลาเหลือจะพาไป ปราสาทนครหลวงไปไหว้พระพุทธบาท 4 รอยจำลองที่นั่น บรรยากาศรอบๆปราสาทนครหลวงั้นดูลึกลับมาก ต้องไปสัมผัสด้วยตัวท่านเอง แล้วท่านจะรับรู้ด้วยตัวท่านเองว่า วังเวง เป็นอย่างไรๆๆๆๆๆๆ:boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2010
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434

    [​IMG] Zoom ++ Click





    จากการพบรอยพระพุทธบาท ที่เมืองสระบุรี พ.ศ. 2145สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
    จึงเสด็จไปนมัสการรอยพระพุทธบาทโดยทางชลมารค และสถลมารค
    และได้โปรดเกล้าให้สร้างตำหนักเป็นที่ประทับระหว่างทาง และสันนิษฐานว่าได้โปรดฯ
    ให้สร้างตำหนักขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ที่ตำบลริดวัดเทพจันทร์ ใกล้แม่น้ำป่าสัก ซึ่งสันนิษฐานว่า
    ตำหนักนี้คงถูกแปลงเป็นวิหารในวัดใหม่ประชุมพล อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    พระมหากษัตริย์ที่ครองกรุงศรีอยุธยา ต่อจากนั้นมาทุกพระองค์จะต้องเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธบาท
    ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โปรดฯให้สร้างตำหนัก รวมทั้งศาลาที่พักของพระองค์และราษฎร์
    ระหว่างทางหลายแห่ง ปัจจุบันพังทลายไปแล้ว และถูกสร้างทับเป็นศาลาพระจันทร์ลอย ประดิษฐานธรรมจักรศิลา
    ภายในบริเวณเดียวกันกับวัดนครหลวง
    ตามหลักฐานที่ปรากฎในพงศาวดาร ในปี พ.ศ. 2147 สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดฯ
    ให้ช่างไปถ่ายแบบปราสาทเมืองพระนครหลวง ในประเทศกัมพูชา มาสร้างใกล้วัดเทพพระจันทร์ อำเภอนครหลวง
    จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    จากการดำเนินงานทางโบราณคดี ได้พบว่า วัตถุประสงค์แรกเริ่มของการสร้างปราสาทนครหลวง
    คือ เพื่อให้เป็นศาสนสถานในพระพุทธศาสนา
    มิใช่ที่ประทับระหว่างทางในการเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทดังที่เข้าใจกันมาแต่เดิมสำหรับตำหนักที่ประทับพั
    กร้อนนั้น คือ ตำหนักนครหลวง การก่อสร้างปราสาทนครหลวงยังไม่แล้วเสร็จในสมัยพระเจ้าปราสาททอง
    และถูกทิ้ร้างอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน โดยไม่มีกษัตริย์องค์ใดสร้างต่อแต่อย่างใด จนใน พ.ศ. 2356
    ตาปะขาวปิ่น ได้สร้างวัดนครหลวงขึ้นมาโดยรวมเอาปราสาทนครหลวงเข้าไว้ในเขตวัดด้วย
    และได้สร้างพระบาทสี่รอยไว้บนลานชั้นที่ 3 ของปราสาทนครหลวง ต่อมาใน
    สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณ พ.ศ. 2446 พระครูวิหารกิจจานุการ (ปลื้ม)
    เมื่อครั้งยังเป็นพระปลัดอยู่นั้น ได้รวบรวมกำลังศรัทธาประชาชน
    และพระบรมศานุวงศ์มาบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนครหลวง ในส่วนของปราสาทนครหลวงนั้น บนลานชั้นที่ 3
    ปฏิสังขรณ์พระพุทธรูป มณฑป พระบาทสี่รอยมณฎประจำมุม ประจำด้าน
    วิหารคดเก้าอี้ศิลปะแบบจีนขึ้นแทนสิ่งก่อสร้างเดิม ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททอง

    [​IMG] Zoom ++ Click





    ณ สถานที่แห่งนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันก็คือ..ศิลาพระจันทร์ลอย
    ศิลาพระจันทร์ลอย เป็นหินขนาดใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร หนาประมาณ 6 นิ้ว
    ตามตำนานกล่าวว่าหินพระจันทร์ลอยนั้นลอยน้ำมาแล้วมาหยุดตรงหน้าวัดแห่งนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434

    [​IMG] Zoom ++ Click





    ศาลาพระจันทร์ลอย ตั้งอยู่ห่างจากปราสาทนครหลวงประมาณ 90 เมตร
    จากการดำเนินการขุดแต่งเมื่อปีพ.ศ.2534 พบแนวพื้นปูอิฐ
    ทำให้ทราบว่าศาลาพระจันทร์ลอยสร้างคร่อมทับสิ่งก่อสร้างเก่าหลังหนึ่งและจากหลักฐานเอกสารสันนิษฐานว่า
    ซากสิ่งก่อสร้างนั้น คือ ตำหนักนครหลวง
    ซึ่งสมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดฯให้สร้างขึ้นเพื่อใช้ประทับร้อนระหว่างทางเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปน
    มัสการพระพุทธบาทสี่รอย จังหวัดสระบุรี
    แต่ก่อนมาจากสภาพซากตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระจุมจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในระยะทางเสด็จประ
    พาสมณฑลอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2421
    ทำให้สันนิษฐานว่าตำหนักนครหลวงคงจะมีลักษณะเป็นตำหนักยาวอย่างพระที่นั่งจันทรพิศาลในพระนารายณ์ราชนิเวศ
    น์ จังหวัดลพบุรี

    ศาลาพระจันทร์ลอยที่เห็นกันในปัจจุบันเป็นอาคารจตุรมุข
    เป็นของที่ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระปลัด (ปลื้ม)
    ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูวิหารกิจจานุการอาคารทรงจตุรมุขดังกล่าวเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
    มีบันไดทางขึ้นเตี้ยภายในประดิษฐานพระจันทร์ลอยแผ่นศิลาที่ชาวบ้านเรียกกันว่า พระจันทร์ลอย
    ซึ่งประดิษฐานอยู่ในมณฑปจตุรมุขนี้เดิมอยู่ที่วัดเทพพระจันทร์(ปัจจุบันชื่อวัดเทพพระจันทร์ลอย)
    ตำบลนครหลวง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่พระวิหารกิจจานุการ
    (ปลื้ม)ได้นำมาประดิษฐานไว้ที่อาคารหลังนี้พระจันทร์ลอยนี้เป็นแผ่นหินแกรนิตรูปวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 2
    เมตรหนา 6นิ้ว ด้านหน้าสลักเป็นรูปเจดีย์ 2 องค์ พระพุทธรูป 3 องค์
    เจดีย์องค์หนึ่งเป็นรอยสลักอยู่เดิม
    แต่เจดีย์อีกองค์หนึ่งและพระพุทธรูปสามองค์มีปูนปั้นพอกให้นูนเด่นออกมามากกว่าหน้าศิลาคงจะมีผู้ทำขึ้นภา
    ยหลังด้านใต้มีรอยสลักลายตรงกลางมีรูปต่าง ๆ ที่ปรากฎชัดเป็นรูปปลา 2
    ตัวเหมือนสัญลักษณ์ราศรีมีนต่อจากลายมาสลักเป็นลวดโค้งเหมือนรอยต้นพระบาทลายเหล่านี้ลบเลือนมากสันนิษฐาน
    ได้ว่าแผ่นศิลาพระจันทร์ลอยนี้คือ ธรรมจักร ซึ่งยังทำไม่เสร็จ

     

แชร์หน้านี้

Loading...