พระเดชพระคุณ หลวงปู่ดี ธมฺมธีโร วัดส้มเกลี้ยง จ.จตาก(เสกเหรียญท้าวเวสสุวรรณ)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย puedpunon, 5 กรกฎาคม 2010.

  1. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    ขอบคุณพี่พีนะครับที่มาช่วยยืนยันอีกเสียง พอดีมีความคิดจะร่วมสร้างของดีให้วัดท่าช้างครับ เอาไว้บูรณะวัดและจะทำศาลาให้สังขารหลวงพ่อโปร่งครับ เลยมีแนวความคิดออกมาแวปๆ งานนี้คงนิมนต์หลวงปู่ไปช่วยเสกอะครับ อิ
     
  2. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    อนุโมทนาครับผม เอาใจช่วยครับ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะครับ
     
  3. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    เมื่อซักครู่มีสมาชิกแจ้งมาทางหลังไมค์ว่า ได้รับซองที่ผมส่งไปให้แล้ว

    แต่ได้แต่ซอง ของข้างในไม่มี ซึ่งซองทุกซองผมเป็นคนทำเองทุกขั้นตอน

    จนถึงนำไปส่งที่ไปรษณี ผมไม่น่าพลาดนะครับ เอาเป็นว่าใครได้รับแล้ว

    แจ้งผมด้วยนะครับ ถ้าได้รับซองเปล่าก็แจ้งมาครับ ผมจะส่งไปให้ใหม่ครับ
     
  4. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    ได้ครับพี่ ถ้าจะขอช่วยเดี๋ยวจะบอกบุญครับ อิอิ
     
  5. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    ก่อนหน้านี้ เคยไปวัดเทพากรจะไปกราบท่าน ปรากฏว่าท่านไม่อยู่วัด ท่านย้ายวัดมาอยู่ไม่ไกลแล้ว ต้องหาโอกาสไปกราบไปทำบุญกับท่านให้ได้ :cool:

    น้องหนู ถ้าวันไหนมานอนแถวสนามบินน้ำ ไว้นัดไปกราบหลวงปู่ดีกันเนอะ
     
  6. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    เรียนเชิญเลยครับ...ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  7. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    เอาข้อมูลจากเวปเพื่อนบ้านมาให้ดูครับ

    หลวงปู่ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๗ กรกฏาคม ๒๔๖๔ ในรัชการที่ ๖ โยมพ่อชื่อ “เป้า” โยมแม่ชื่อ “ไทย” นามสกุล “มณีเนียม” เป็นคนจังหวัดอ่างทอง หลวงปู่เป็นลูกชายคนที่ ๒ ของพี่น้องทั้งหมด ๓ คน พอท่านเริ่มโตโยมพ่อโยมแม่ของท่านได้เอาท่านไปฝากไว้กับพระที่วัดเพื่อให้ ได้เล่าเรียนหนังสือ แต่ก็ยังไม่ทันได้เรียนจบ พระก็สึกเสียก่อนทำให้ท่านต้องกลับมาอยู่บ้านช่วยพ่อแม่ทำนาและไม่ได้เรียน หนังสืออีกเลย

    หลวงปู่บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๙ ปี ณ วัดศรีกุญชร อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ในสมัยนั้น”หลวงตาพริ้ง” ถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองเวทย์ในด้านเมตตามหานิยม ท่านจึงได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้และศึกษาวิชาอาคมจากหลวงตาพริ้งจนครบถ้วน

    เมื่อ อายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ท่านจึงได้อุปสมบท ณ วัดโพธิ์เกรียบ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๔๘๔ โดยมี “พระครูโพธิสารสุนทร(รอด)” วัดโพธิ์เกรียบ เป็นพระอุปัชฌาย์ “พระครูจันทรโพธิคุณ(หยวก)” วัดโพธิ์เกรียบ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ “พระปลัดชิต” วัดโพธิ์เกรียบ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงปู่ได้รับฉายาว่า “ธมมธีโร” ซึ่งแปลว่า

    “ผู้เป็นปราชญ์ในทางธรรม”

    ด้วยใจที่ ฝักใฝ่ธรรมะและสนใจในเรื่องของคาถาอาคมเป็นทุนอยู่แล้ว เส้นทางชีวิตในพระพุทธศาสนา ณ ช่วงเวลานั้นจึงเต็มไปด้วยการขยันออกหาครูบาอาจารย์เพื่อขอถ่ายทอดวิชา

    หลวง ปู่เล่าให้พวกเราฟังว่าท่านศึกษาวิชาอาคมกับครูบาอาจารย์หลายท่าน ซึ่งสมัยนั้นในจังหวัดอ่างทองก็อุดมไปด้วยพระเกจิอาจารย์มากมาย เช่น “หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง” ซึ่งเป็นคุณอาแท้ๆของท่าน

    “หลวงปู่เคยเป็นคนดื้อ ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ การจะขอเรียนวิชากับใคร ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเก่งจริง ทำได้จริง...”

    ครู บาอาจารย์องค์สำคัญที่หลวงปู่พูดถึงค่อนข้างบ่อยคือ “หลวงปู่จัน จันทะโชติ วัดนางหนู” หลวงปู่จันองค์นี้ เชื่อว่าหลายท่านคงจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าสมัยสงครามอินโดจีน กิตติคุณของท่านแผ่ออกไปยิ่งใหญ่ไพศาล

    ในยุคสมัยนั้นท่านเป็นพระที่ มีชื่อเสียงโด่งดังพร้อมกับสโลแกนที่ว่า “จาด จง คง จัน” สโลแกนที่ไม่ได้มาจากการโปรโมทแต่เกิดจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

    จาด คือหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา จังหวัดปราจีนบุรี จง คือหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คง คือหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม จังหวัดสมุทรสงคราม และจัน คือหลวงปู่จัน วัดนางหนู จังหวัดลพบุรี คำจำกัดความที่บอกความเป็นหลวงปู่จันมากที่สุดคือคำๆนี้ครับ “เทพเจ้าของชาวลพบุรี”

    หลวงปู่เล่าว่าสมัยก่อนท่านได้ไปขอเรียนวิชากับ”หลวงพ่อผิว วัดคลองสายบัว” จังหวัดลพบุรี

    หลวง พ่อผิว เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่จัน วัดนางหนู คงจะเป็นเพราะบุพเพสันนิวาสที่ต้องกันแหละครับ หลวงพ่อผิวท่านจึงให้ความเมตตากับหลวงปู่ดี พร้อมกับได้อนุญาตและนำหลวงปู่ดี ไปฝากเรียนวิชากับหลวงปู่จัน และด้วยความที่หลวงปู่ดีเป็นพระที่ทรงความสมถะอยู่เสมอ หลวงปู่จันจึงได้ถ่ายทอดวิชาอาคมให้กับหลวงปู่ดีมากมาย ตั้งแต่วิชาหมอดู เมตตา แคล้วคลาด คงกระพัน ฯลฯ

    ผมคิดว่าคนโบราณถือว่ามีความฉลาด เป็นเยี่ยม เพราะเมื่อหลวงปู่จัน ทราบว่าหลวงปู่ดีท่านไม่ค่อยแม่นหนังสือสักเท่าไร ท่านจึงได้ถ่ายทอดให้โดยการสอนแบบปฏิบัติ กล่าวคือเช่นเมื่อท่านจะสอนวิชาหมอดู ท่านจะแสดงความแม่นยำในการทำนายให้หลวงปู่ดีเห็นก่อน เมื่อท่านทำให้ดูแล้วท่านก็จะนำพาไปฝึกภาคสนาม

    ช่วงกลางคืนเป็นเวลาฝึกภาคปฏิบัติ โดยหลวงปู่จันท่านจะพาหลวงปู่ดีออกเดินไปในป่า

    สมัยนั้นคำว่า “ป่า” ก็คือ “ป่า” ป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้และสัตว์ป่าชุกชุม

    หลังจากออกเดินไปสักพักหนึ่ง ท่านจึงถามหลวงปู่ดีว่า

    “อาจารย์ดี ยามนี้เป็นยามอะไร ยามนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น”

    หลวง ปู่ดีท่านจึงเริ่มนับนิ้วจับยามสามตา คำนวณฤกษ์พานาทีแล้วจึงตอบว่าเป็นยามอะไร และจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น หลวงปู่เล่าว่าท่านกับหลวงปู่จันนั่งพักเพื่อรอดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจะ ตรงตามตำราว่าไว้หรือเปล่า รวบรัดสรุปความว่า

    “ถูกต้องและแม่นยำ”

    คำทำนายที่ตำราว่าไว้ไม่มีผิดเพี้ยนเลย

    มหา นทีแห่งไสยศาสตร์กว้างขวางยิ่งนัก พระภิกษุดีผู้ไม่เคยละทิ้งความฝันและไม่เคยสิ้นศรัทธากับความจริงใช้เวลาใน การเรียนวิชากับหลวงพ่อจันเป็นเวลาถึง ๔ ปี จึงได้กราบลาหลวงพ่อจันออกธุดงค์ต่อไปยังภาคเหนือ

    หลวงปู่เล่าว่า ตลอดเส้นทางเต็มไปอันตรายและตัวท่านเองก็มักจะพบกับสิ่งประหลาดๆต่างๆมากมาย แต่มันก็ไม่ได้เป็นเหตุที่ทำให้ท่านต้องหยุดตามหาความฝันของท่าน

    จน ครั้งหนึ่งท่านเกิดไม่สบายและออกอาการน่าเป็นห่วง หมอที่จะมารักษาหรือยาที่จะนำมาฉันก็ไม่มีเพราะในป่าที่ท่านอยู่ไม่มีโพลี คลินิกอย่างในเมือง ท่านว่าต้องใช้ “ธรรมโอสถ” เข้ามาระงับ ได้ผลครับสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีขึ้นพร้อมกับความแข็งแกร่งของสมาธิที่ ติดตามมา

    ท่านว่า “ธรรมโอสถ” นี่สำคัญนัก เพราะนอกจากท่านจะไม่สบายและหายป่วยได้จากไข้ป่าแล้ว ในชีวิตของท่านเคยป่วยเป็นโรคมะเร็งถึง ๒ ครั้งแต่เมื่อท่านนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ ระงับเวทนา พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานถึง “ท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์” ท่านก็สามารถหายได้ทั้งสองครั้ง

    “ให้นับถือคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นใหญ่ เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง..”

    ถึงตอนนี้ลูกศิษย์ของท่านกระซิบบอกพวกเราว่า หลวงปู่เป็นพระที่ทำของขลัง ได้ขลังจริงสมชื่อ

    สมัย ที่ท่านอยู่จังหวัดลำพูนเคยมีการทดสอบความขลังของท่านโดยการใช้เข็มฉีดยาแทง ลงไปบนแขนของผู้ทดสอบ ปรากฏว่าแทงกันจนเข็มงอแต่ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้นอกจากความเจ็บปวดจากการ โดนแทง

    หลวงปู่ดีท่านยิ้มแทนคำตอบรับพร้อมกับบอกพวกเราด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่า

    “อย่าได้ไปเชื่ออะไรง่ายๆ ฟังหูไว้หู เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ คนเราตื่นตัวดีกว่าตื่นข่าว

    อิทธิฤทธิ์ ทางศาสนาของเราสอนให้เชื่อ แต่พวกเรื่องฤทธิ์เดชอย่าไปเชื่อเลย มันเสียเวลา

    สิ่งที่จะอำนวยประโยชน์สุขอย่างแท้จริงคือคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น อันไหนเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเชื่อได้....”

    หลวง ปู่เล่าว่าด้วยความที่ท่านมีอุปนิสสัยชอบความสันโดษ ท่านจึงได้ออกธุดงค์แสวงหาความสงบ ฝึกสมาธิภาวนาไปเรื่อยๆ จนเข้าไปสู่ประเทศพม่า

    สำนักที่ท่านไปขอเรียนกรรมฐาน ใช้หลักปฏิบัติให้รู้สึกตัวใน “อิริยาบถสี่” คือ “ยืน นั่ง นอน เดิน” ฝึกอย่างหยาบ อย่างกลางและอย่างละเอียดขึ้นไปจนถึงขั้นการ “สร้างสติ” คือ “ความระลึกได้รู้เอง”

    “คุณธรรมหรือความดีที่คนเราควรประพฤตินั้น “สติ” เป็นสิ่งสำคัญที่สุด....

    กล่าวคือ “สติ” หมายถึงความระลึกได้และความรู้สึกตัวอยู่เสมอ

    ดังนั้นการมีสติจะเป็นการช่วยทำให้เรามีการพูด คิดและดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ”

    ท่านว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเวลาฝึกปฏิบัติ กิเลสมักจะมาจับ พอตั้งกรรมฐานเข้าต่อสู้ เจ้าตัวกิเลสมันก็จะหายไป

    อุปมา ดั่งการทิ้งก้อนหินลงในน้ำ พอเราขว้างก้อนหินลงไป...น้ำก็จะแหวกออกจากกัน สักพักน้อยเดียวน้ำนั้นก็จะกลับเข้ามาเต็มแบบเดิม...เพราะเหตุนี้สติจึงมี ความสำคัญ

    คนเรานะครับไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน ล้วนแล้วแต่ต้องมีสติ เช่นถ้าเราขาดสติในการนั่ง เราอาจจะเผอเรอไปนั่งบนเก้าอี้ที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดก็ได้ หรือเราขาดสติในการนอน ก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการนอนไม่หลับ เป็นต้น

    “เมื่อ เรากำลังจะนอนก็ต้องกำหนดว่าเรากำลังจะนอน ใช้สติสัมปชัญญะเข้าดูแลตัวเองในการนอน เมื่อมีสติในการนอน ก็จะนอนไม่ตกเตียง ไม่ตกหมอน

    การทำทุกอย่างด้วยความมีสตินี่แหละ มันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์

    พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนให้พวกเราศึกษาในเรื่องการมีสติเพื่อพัฒนาตนเอง ให้มีสติสัมปชัญญะในอิริบยาบถสี่ ชีวิตจึงจะไม่มีอันตราย...”

    ว่ากันว่า “ความโกรธ ละได้ด้วย การเจริญเมตตา ความอยาก ละได้ด้วย การบริจาค โมหะ ละได้ด้วย ปัญญา...”

    “สมัยก่อนหลวงปู่ติดบุหรี่ ก็ละบุหรี่ได้ ชอบดูมวย ก็มาละไม่ดูมวย พอเลิกได้ก็ยกโทรทัศน์ให้เขาไปเลย เหลือแต่วิทยุไว้ฟังข่าว...”

    “เวลา มีเรื่องราวมากระทบใจเราหนักๆ เราจะต้องหัดนิ่ง ไม่ด่า ไม่โกรธ การที่เรานิ่งได้มันก็ไม่ใช่ว่าจะดับได้ การจะดับเรื่องพวกนี้ได้ต้องใช้ปัญญาเข้าไปตัด”

    เคยได้ยินคำนี้ไหม ครับ “ปัญหามา ปัญญาเกิด” แต่สำหรับหลวงปู่ดี ท่านว่าบางที”ปัญหามาเล่นเอาปัญญาเกือบดับ”....เรื่องนี้มีความเป็นมาครับ

    เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายสิบปีแล้ว.....

    สมัย ก่อนตอนที่ท่านยังมีสุขภาพแข็งแรง ท่านชอบรับนิมนต์ไปเทศนาสั่งสอนนักโทษในเรือนจำ ท่านว่านักโทษพวกนี้เป็นคนฉลาดในทางโลก เราจะประมาทพวกเขาไม่ได้ เพราะตัวของหลวงปู่เองยังโดนนักโทษพวกนี้สอยกลับมาแล้ว เหตุเกิดจากมีนักโทษคนหนึ่งถามท่านว่า

    “โลกของเรานี้มีความทุกข์กี่แบบ”

    ท่านตอบว่ามีหลายแบบ แต่เราสามารถเรียกรวมกันว่า

    “ทุกข์เวทนา”

    ครั้น พอท่านย้อนถามเขาว่า “แล้วทุกข์ของโยมล่ะมีกี่แบบ” คำตอบที่ท่านได้รับ เล่นเอาท่านนั่งงงไปพักใหญ่ เพราะนักโทษคนนั้นตอบว่ามีสามแบบคือ

    “ทุกข์แขน ทุกข์ขาและทุกข์ขัง”

    คำอธิบายความของนักโทษในวันนั้น ทำให้ท่านต้องจดจำมาถึงทุกวันนี้

    “ทุกข์แขน เพราะแขนโดนใส่กุญแจมือ

    ทุกข์ขา เพราะขาโดนใส่โซ่ตรวน

    ส่วนทุกข์ขัง เพราะเขาโดนขังลืม”

    ท่าน ว่าได้ฟังคำตอบของนักโทษแล้วต้องยิ้ม คิดในใจว่าใครหนอว่าคนเหล่านี้ไม่มีความคิด ความจริงแล้วความคิดของเขามีอยู่มากมายเพียงแต่ขาดสิ่งที่จะเข้ามานำแนวทาง ของความคิดให้เดินไปในเส้นทางที่ถูกต้องเท่านั้น

    นี่แหละครับคือจุด พบกันระหว่างโลกสองใบ ใบหนึ่งคือโลกของมนุษย์ในเรือนจำ กับอีกโลกหนึ่งคือโลกแห่งพระธรรม ถึงทั้งสองโลกนี้จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่มันก็สามารถกอดคอเดินร่วมทางกันไปสู่จุดหมายได้ เพราะสุดท้ายของการเทศนาจบลงด้วย

    “ความศรัทธาของนักโทษที่เคยบวชเป็นพระ” และ “การรู้จักละโมหะของพระที่ไม่เคยเป็นนักโทษ...”

    พวกเรานึกสนุกเลยถามหลวงปู่ว่าแล้วโลกเราที่ร้อนอยู่ทุกวันนี้จะแก้ไขได้อย่างไร

    “โลกเราที่ร้อนอยู่ทุกวันนี้เกิดจากกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง หากเราตัดพวกนี้ได้ ชีวิตก็จะดีขึ้น”

    ท่าน ยังได้รับภาระในการสร้างโบสถ์ วัดป่าไร่ จ.ตาก และการบูรณะกุฏิสงฆ์ วัดเทพากร คณะศิษย์จึงได้มีมติให้นำวัตถุมงคลที่หลวงปู่ได้ปลุกเสกไว้ในงานวันไหว้ครู เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา ออกให้ผู้ศรัทธาสนใจทำบุญบูชา เพื่อนำรายได้สมทบทุนสร้างโบสถ์และบูรณะกุฏิสงฆ์ ตามเจตนารมณ์ของท่าน

    เครดิตตาม เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ดี วัดเทพากร (ปัจจุบันอยู่วัดราษฎร์ประครองธรรม บางใหญ่) - AwesomeBoss
     
  8. เพพัง

    เพพัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,756
    ค่าพลัง:
    +8,250
    ได้รับพระหลวงปู่ดีแล้ว ตั้งแต่เมื่อวาน (5/8/53) ขอบคุณมาก ๆ ครับ
    จะรอติดตามอ่านเรื่องของหลวงปู่ครับ
     
  9. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    การเดินทางโดยรถประจำทางจากพาต้า น่าจะสายหนึ่งสองเจ็ด จำไว้ว่า เลยซอยกันตนาไปหนึ่งป้าย น่าจะเป็นหมู่บ้านพระปิ่นสามก็ข้ามถนน ไปที่วัดคงคา นั่งมอไซค์เข้าไปสะดวกสุด หรือจะหาหนทางนั่งรถเมล์หวานเย็นสายที่ไปตลาดบางใหญ่เก่า เน้นนะครับตลาดบางใหญ่เก่า แล้วก็เดินข้ามคลองเลียบกำแพงวัด เพื่อหาทางเข้าวัด กุฎิหลวงปู่อยู่ตรงไหน คือพอเดินเข้าไปในวัดกุฎิท่านอยู่ด้านหน้าเราเลย จากประตูเดินตรงเข้าไปประมาณหกสิบเมตร สังเกตรถเข็นของหลวงปู่จะจอดอยู่หน้ากุฎิ
     
  10. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    ใครคะเนี่ย... พี่อั๋นหรือป่าวเอ่ย... เฉลยมาซะดีๆ ^^<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,269
    หลวงพ่อโปร่งนี่เก่งมากเลยครับ คนกำลังจะโดนฆ่า ท่านบิณฑ์ ขอชีวิตมาได้ ตอนนี้คนนั้นทำงานอยู่บริษัทผม เป็นคนเล่าให้ฟัง ต่อมาอีกปาก

    หลวงพ่อโปร่งท่านเก่งด้านเบี้ย และตะกรุด( เอว ) ครับ ผมมีรูปถ่ายของท่าน และรูปคู่ กับหลวงพ่อพัก วัดโบถส์ สมัยหลวงพ่อโปร่งท่านยังเป็นเณรครับ

    จะลองค้นดู...แหะๆ
     
  12. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    แหะๆๆ...เครดิตที่ให้นั้น ตามที่เค้าขาย ไม่ใช่เหรียญรุ่นแรกครับ เหรียญนี้สร้างเมื่อ ๒-๓ปีที่แล้วนี้เองครับ เหรียญรุ่นแรกจริงๆเป็นชื่อว่า "ดีบุก" ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • t0jf3r.jpg
      t0jf3r.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.4 KB
      เปิดดู:
      56
  13. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    ขอบคุณครับพี่ รอชมรูปครับผม
     
  14. banana man

    banana man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +606
    เส้นทางการมาวัดอีกเส้นทางนึงครับ
    ถ้ามาจากท่าน้ำนนท์ฝั่งหอนาฬิกา
    ให้ข้ามเรือช้ามฟากมาที่ฝั่งบางศรีเมือง(ค่าเรือข้ามฟาก3บาท)
    แล้วขึ้นรถเมล์คันสีฟ้า สายท่าน้ำนนท์-บางใหญ่ (ถามเขาก็ได้ครับ) ค่ารถ8บาท
    ลงรถเมล์สุดสาย เดินข้ามสะพานไปตรงเทศบาลตำบลบางม่วง
    เดินเลี้ยวขวาข้ามคลองอีกครั้งก็ถึงวัดแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled-1.jpg
      Untitled-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.9 KB
      เปิดดู:
      55
  15. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    ใช่เเล้วครับลืมแจ้งไปกลัวว่าจะไปขัดขาเขา ผมเลยเอามาเฉพาะประวัติท่านครับ แต่ต้องอ้างอิงหน่อย อิอิ ขอบคุณพี่ปื้ดมากครับที่แจ้ง
     
  16. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    จริงๆเรื่องขัดแข้งขัดขานี้ก็ว่าลำบากนะครับ เราก็อยากให้คนทั่วไปเสพข้อมูลที่ถูกต้องครับ เพราะมันชัดเจนที่จะแย้ง น่าจะเจ้านี้ที่พี่เด็กด่านฯโทรมาคุยกับผม เห็นบอกพี่เด็กด่านฯว่า จะหายากนะครับ หลวงปู่ย้ายไปอยู่วัดราษฏร์ประคองธรรมแล้ว หารู้ไม่ว่าตำตอเข้าจังเบ้อเร่อ ฮ่าฮ่า
     
  17. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    ขอบคุณมากครับที่ช่วยเขียนแผนที่ ถ้าเข้าทางบางกรวย-ไทรน้อย ก็จะเจอสามแยกสะพานแบบนี้แหละครับ
     
  18. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    ขอบคุณครับพี่ปื้ด เห็นด้วยอย่างแรงงงง
     
  19. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    ทราบข่าวมาว่า เมื่อวานนี้มีญาตโยมนำเตียงนอนไปถวายหลวงปู่ครับ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุๅๅ
     
  20. พุทธนิรันดร์

    พุทธนิรันดร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,641
    ค่าพลัง:
    +5,039
    ผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศ กลับมาที่ทำงานเห็นซองพัสดุพระที่พี่<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->puedpunon<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3638208", true); </SCRIPT> ส่งมาให้คาดว่าคงมาถึงนานแล้วครับ
    กราบขอบพระคุณพี่ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->puedpunon<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3638208", true); </SCRIPT> มากๆครับที่มีความเมตตากรุณาต่อผมมากๆเช่นเดียวกันกับพี่เด็กด่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...