เมล็ดพันธุ์แห่งความสุข ครูพี่แนน-อริสรา ธนาปกิจ

เมล็ดพันธุ์แห่งความสุข
ครูพี่แนน-อริสรา ธนาปกิจ



​

ครูสอนภาษาอังกฤษคนดังแห่ง Enconcept ที่เด็ก ๆ เรียกกันว่า ครูพี่แนน เป็นอีกคนที่เติบโตมากับการอ่าน เธอบอกว่าเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ที่คุณพ่อคุณแม่เพาะไว้ โดยสร้างสิ่งแวดล้อมให้ที่บ้านเต็มไปด้วยหนังสือ การ์ตูนญี่ปุ่นคือจุดเริ่มต้นแรก ตามมาด้วยการ์ตูนภาษาอังกฤษ วรรณกรรมเยาวชน นวนิยาย ไล่ไปตามลำดับ จนถึงหนังสือแนวปรัชญา ทั้งตะวันตก ตะวันออก หนังสือที่ได้รางวัลโนเบล พูลิตเซอร์ ฯลฯ
แต่ทุกวันนี้หนังสือที่เธออ่านมากที่สุดคือ ‘ธรรมะ’


“สารภาพว่าแต่ก่อนแนนไม่ได้ศรัทธาในพุทธศาสนาเลย เป็นพุทธโดยบัตรประชาชน ชอบศึกษาปรัชญา แต่ไม่ค่อยสนใจพุทธปรัชญา เพราะมีความรู้สึกไม่ประทับใจตั้งแต่เด็ก ที่เวลาเรียนพุทธศาสนา ท่องจำอย่างเดียว แต่ไม่เข้าใจ พออ่านหนังสือเยอะหลายรูปแบบรวมถึงปรัชญาต่าง ๆ ก็ตั้งคำถามว่าเราเกิดมาทำไม สเต็ปชีวิตของคนทั่วไปคือ เรียนให้เก่ง สอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ได้งานทำดี มั่นคง แต่งงานกับคนที่มีพร้อม แล้วก็มีลูก ให้ลูกเข้าโรงเรียนดี ๆ เจ็บป่วย และตาย คนเรามีแค่นี้เองหรือ ตัวแนนเองก็เป็นไปตาม สเต็ปชีวิตอย่างนั้น แต่มีความรู้สึกว่าปลายทางของความสำเร็จ คือความว่างเปล่า เหมือนหลอกให้เราไขว่คว้าไปเรื่อย ๆ

เป็นหนูถีบจักร วันหนึ่งก็ไปร้านหนังสือ และเห็นหนังสือท่านพุทธทาสเล่มหนึ่งชื่อ ‘เกิดมาทำไม’ เป็นคำถามที่โดนใจมาก ชักจูงให้เราไปหาคำตอบ แม้เป็นพุทธศาสนาที่เราไม่ชอบ แต่ลองซื้อมาอ่านดู อ่านแล้วท่านบอกว่าเกิดเพื่อนิพพาน เพื่อลดละความเป็นตัวตนของตัวเองตายก่อนตาย

คือลดละกิเลสของตัวเอง และทำประโยชน์ให้โลกใบนี้ ตอนอ่านก็ไม่เข้าใจว่านิพพานคือะไร แล้วทำไมต้องไปนิพพานด้วย เลยทำให้เราศึกษาพุทธมากขึ้นเริ่มอ่านงานของท่านพุทธทาสเล่มอื่น และขยายวงกว้างไปสู่พระปฏิบัติรูปอื่น ๆ ด้วย”


ซึ่งหนังสือ เล่มที่ครูพี่แนนเลือกให้เป็นหนึ่งในหนังสือดีของเธอก็คือ หนังสือธรรมะที่ชื่อ ‘ความทุกข์มาโปรด ความสุขโปรยปราย’ ผลงานของพระนักคิดนักเขียนแห่งยุค ว.วชิรเมธี
“ท่านว.วชิรเมธี เป็นพหูสูตที่คนในยุคร่วมสมัยสามารถจับต้องได้ ท่านสามารถนำธรรมะยาก ๆ มาย่อยให้ง่าย เรื่องที่ลึกซึ้งไม่จำเป็นต้องพูดให้ยาก เหมือนในพระไตรปิฎกบอกว่าพลิกของคว่ำให้หงายออกได้ พลิกของมืดให้เป็นของสว่างได้ ท่านเป็นคนที่คิดอย่างเป็นระบบเป็นลำดับ อย่างเล่มนี้แก่นคือบอกเรื่องอริยสัจ 4 แต่ท่านเริ่มต้นโดยบอกว่า ต้องขอขอบคุณความทุกข์ พระพุทธเจ้าบอกว่าทุกข์มีค่ามากในโลกนี้ ถ้าเราเห็นความทุกข์แล้วจะไปต่อได้ ถ้าเราไม่เห็นความทุกข์จะไม่มีจุดเริ่มต้น ความทุกข์สามารถเปลี่ยนเป็นแรงบันดาลใจ ให้ค้นพบความสุขที่ยิ่งใหญ่ เราต้องขอบคุณความทุกข์นะ

เคสศึกษาของท่าน ว.วชิรเมธี ไม่ใช่เป็นคนในสมัยพุทธกาลที่เราอาจนึกภาพไม่ออก แต่นี่เป็นคนในยุคสมัยที่เรารู้จัก และเป็นคนที่เราสนใจ เช่น ท่านติช นัท ฮันห์ แนนก็ศรัทธาในท่านแล้ว รู้สึกประทับใจกับวิธีการเจริญสติในชีวิตประจำวันของท่าน ในการรักษาจิตให้รู้ตื่น เบิกบาน ให้อยู่กับปัจจุบันขณะ แล้วยังมีแม่กิมไล้ มีเรื่องราวของหลวงพ่อชา สุภัทโท เรื่องราวของคนธรรมดา นักธุรกิจ รวมถึงอริยสัจ 4 อยู่ในนี้ แต่เป็นการบอกเล่าที่เด็กและเยาวชนสามารถจับต้องได้ คนที่เริ่มต้นศึกษาธรรมะ สามารถเข้าใจได้”


ครูพี่แนนบอกว่า ประทับใจงานเขียนท่าน ว.วชิรเมธี เพราะท่านเขียนเรื่องราวธรรมะในแบบไม่ใช่ธรรมะ ไม่ใช่ยาขมหรือเรื่องน่าเบื่อ แต่เริ่มจากการทำให้ผู้อ่านรู้สึกมีความสุข ซึ่งเธอเองก็ได้ใช้วิธีนี้ในการสอนภาษาอังกฤษเช่นกัน

“แนนอยากทำให้เรียนภาษาอังกฤษ แต่เหมือนไม่ใช่เรียน เลยสอนเริ่มจากความสุขง่าย ๆ ด้วยการร้องเพลง พื้นฐานที่สำคัญของทุกคนเกิดจากความสุข การจะทำอะไรต้องรู้สึกแฮปปี้ที่จะทำ ยกตัวอย่างอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เขาไม่ได้เก่งฟิสิกส์เพราะต้องเอนทรานซ์ เขาเก่งเพราะมีความหลงใหล ทุ่มเท กับการที่คิดจะเปลี่ยนแปลง สร้างสรรค์ โลก คนที่จะ change the future, change the world ได้ ต้องมีแพชชั่นก่อน เพราะฉะนั้นเราต้องเพาะเมล็ดพันธุ์ตรงนี้ให้กับเด็ก คือเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขที่อยากเรียนรู้”
ซึ่งนั่นก็นับเป็นหนึ่งภารกิจในชีวิตของเธอ



ขอขอบคุณ...นิตยสารขวัญเรือน www.kwanruen.com

 

เป็นเรื่องที่ดีมากๆๆคะเป็นครูที่ไม่ใช่แต่เก่งทางด้านสอนอย่างเดียวได้นำเอาธรรมะมาสอนด้วยต้องเป็นครูที่มีคูณธรรมด้วย

 

แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้ค่ะ