หลวงพ่อสืบ วัดสิงห์ นครปฐม ผู้อยู่อย่างเสือ ไม่ขอกินเนื้อใคร

ในห้อง 'กฐิน - ผ้าป่า - งานวัด' ตั้งกระทู้โดย pratch, 24 กรกฎาคม 2010.

  1. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    หลวงพ่อสืบ เกิดที่บ้านตลาดบน ต.ท่ากระจับ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2475 ในครอบครัวเกษตรกรรม บิดาชื่อนายชาญ มารดาชื่อนางเพียร สกุล "ยอดยง" เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดไทร จนจบชั้นประถมจึงเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเพิ่มวิทยา วัดกลางบางแก้ว เมือปี พ.ศ. 2492 จบชั้นมัธยมแล้วจึงสอบเข้าโรงเรียนพลตำรวจ จบการศึกษาจากโรงเรียนพลตำรวจได้รับการเข้าบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ณ สถานีตำรวจลุมพินี กรุงเทพฯ รับราชการตำรวจอยู่ได้ 3 ปี เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงตัดสินใจลาออกเพื่ออุปสมบท เมื่อปีพ.ศ. 2497 ณ วัดท่าใน ต. ท่าพญา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมี พระครูสิริวุฒาจารย์ (ห่วง สุวัณโณ ) วัดท่าใน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ ปิ่น วัดศรีษะทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการ ม้วน วัดไทร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายา " ทานรโต " หลังจากอุปสมบทแล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าในศึกษาธรรมและปฏิบัติรับใช้ " หลวงพ่อห่วง วัดท่าใน "หลวงพ่อห่วง องค์นี้เป็นเกจิอาจารย์ที่มีวิชาแก่กล้ามากเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้าน เป็นสหธรรมกับ หลวงพ่อ เงิน วัดดอนยายหอม และ หลวงพ่อ น้อย วัดธรรมศาลา แม้แต่หลวงพ่อเงินเองก็ยังกล่าวยกย่องในความสามารถของหลวงพ่อห่วง ชาวบ้านแถวๆ ต.ท่าพญา นครชัยศรี เมื่อเดินทางไปขอวัตถุมงคลกับหลวงพ่อเงินมักจะออกปากว่า "คุณเลยของดีมาเสียแล้วหลวงพ่อห่วง วัดท่าใน นั่นแหละของดี ของจริงไปเอาที่นั่นเถอะโยม " หลวงพ่อสืบ ปฏิบัติรับใช้หลวงพ่อห่วง วัดท่าใน ได้ 1 ปี ได้เรียนวิชาก้าวหน้าพอสมควร จิตใจเกิดรุ่มร้อน อยากจะลองวิชาที่เรียนมาว่าเป็นอย่างไรกันแน่ อยู่ไม่ได้จึงตัดสินใจลาสิกขา นึกถึงคำพูดของเพื่อนว่า " เป็นลูกผู้ชายต้องเป็นทหารกล้า " จากนั้นบ่ายหน้าไปสอบเข้าเรียนโรงเรียนนายสิบทหารม้ายานเกราะรุ่น 5 รุ่นเดียวกับ พ.ท.ทองสุข เก่งศิริ,พ.อ.นคร ธีระเนตร, พ.อ. ประสาน รักปทุม จบจากโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ได้รับยศสิบโท ไปสังกัดกองพันทหารม้ายานเกราะสระบุรี ใช้ชีวิตลูกผู้ชายคุ้มค่าโลดโผนโจนทะยาน เข้าออกคุกทหารเป็นประจำจนเบื่อหน่ายเต็มที่หันหน้ากลับท้องทุ่งท่าพญา นครชัยศรีไปพบหลวงพ่อม้วนซึ่งสมัยบวชครั้งแรกเป็นคู่สวด ขณะนั้นเป็น" พระครูอินทรสิริชัย " ระบายความในใจว่าชีวิตฆราวาสมีแต่ทุกข์สับสนวุ่นวายกิเลสตัญหามากมาย แก่งแย่งชิงดีมีแต่อิจฉาริษยา ได้ไปทดลองท่องดินแดนฆราวาสมานานหลายปี รับรู้รสชาติหมดทุกอย่างมิใช่หนทางแห่งการสิ้นทุกข์ มีแต่ทุกข์เพิ่มขึ้นเหมือนอยู่ในวังวนแห่งกิเลส ปรึกษากับ " หลวงพ่อม้วน " แล้วจึงตัดสินใจออกบวชอีกครั้ง ครั้งนี้จะใช้ชีวิตบรรพชิตจนชีวิตจะหาไม่ จึงอุปสมบทในปี พ.ศ. 2514 โดยมี พระครูอินทสิริชัย ( ม้วน อินทสุวัณโณ ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการ ง้อ ปัญญาธโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า " ปริมุตโต " จำพรรษาอยู่วัดไทร ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรมจนแตกฉาน สามารถสอบนักธรรมตรี-โท-เอก ได้โดยลำดับในปี พ.ศ. 2518 แล้วหันมาสนใจเวทวิทยาคม ระลึกถึงภูมิเก่าวิชาที่ได้รับมาจากหลวงพ่อห่วง วัดท่าใน ทบทวนจนแม่นยำและศึกษาเพิ่มเติมจาก " หลวงพ่อม้วน ""หลวงพ่อม้วน" วัดไทร องค์นี้เป็นศิษย์พุทธคมของพระครูอุตรการบดีหรือหลวงพ่อสุข วัดห้วยจรเข้ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิชามาจาก "หลวงปู่ นาค วัดห้วยจระเข้" ผู้สร้างพระปิดตาเนื้อเมฆพัด ได้ขลังโด่งดัง เป็นพระปิดตาอันดับหนึ่งของเมืองไทย หลวงพ่อม้วนเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อสุข หนึ่งในสาม อีกสององค์คือหลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร และหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อม้วน วัดไทร องค์นี้ขลัง ดังเงียบ วัตถุมงคลของท่านสร้างน้อย แจกยาก เลือกคนแจกไม่ได้ให้ง่ายๆ จึงไม่แพร่หลายแต่เหนียวเหลือเกิน " หลวงพ่อสืบ " ได้ศึกษาวิชามาจากหลวงพ่อม้วนอีกทางหนึ่ง เมื่อมารวมกับหลวงพ่อห่วง วัดท่าใน แล้วก็มีวิชามามากพอตัว จัดว่าท่านเป็นศิษย์สืบสายวิชามาจาก "หลวงปู่นาค วัดห้วยจรเข้" สหธรรมกับ " หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว" อัธยาศัยของหลวงพ่อสืบเป็นคนมีจิตใจนักเลงติดตัวมาตั้งแต่ครั้งเป็นฆราวาส จึงมีจิตใจแน่วแน่เด็ดเดี่ยว
    [​IMG]

    แผนที่ทางเข้า วัดสิงห์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    [​IMG]

    งานบุญกฐินและผ้าป่าสามัคคี ณ วัดสิงห์ ต.บางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พศ. ๒๕๕๕

    [​IMG]

    พระครูพิทักษ์วีรธรรม อดีตรองประธานมูลนิธิปิยสีโล(หลวงปู่เจือ ปิยสีโลเป็นประธาน)
    หลวงพ่อ สืบ ปริมุตโต ผู้ได้ฉายา สืบ ปืนเสีย หรือ สืบ ปืนแตก
    เจ้าคณะตำบลท่าพระยา พระอุปัชฌาย์และเจ้าอาวาสวัดสิงห์ ต.บางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับทาง วัดสิงห์ : ๐๓๔ - ๓๓๒ - ๖๒๒

    เครดิตข้อมูลจาก คุณ gun เว๊ป suankhlang.com

    สารบัญ

    หน้าที่ ๑ เรื่องราววัดสิงห์พอสังเขป
    หน้าที่ ๑ - ๕ ภาพวัตถุมงคลวัดสิงห์และประสบการณ์เรื่องเล่า ปี ๒๕๕๐-๒๕๕๓
    หน้าที่ ๖ - ๙ เรื่องและภาพ ทั่วๆไป
    หน้าที่ ๑๐ ประมวลภาพพิธี ปลุกเสกวัตถุมงคล ณ พระอุโบสถวัดสิงห์ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๓
    หน้าที่ ๑๑ - สุดท้าย เรื่องและภาพ ทั่วๆไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 สิงหาคม 2012
  2. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    หลวงพ่อสืบท่านใจดีมากมีความเมตตาสูงครับแต่เรื่องประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึงครับเป็นพระเกจิอีกองค์ที่กราบได้อย่างสบายใจครับ
     
  3. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    เรื่องประสบการณ์มีคนแขวนรุ่นแรกของหลวงพ่อแล้วคอหัก3ท่อนยังไม่ตายเลยครับ นี่เป็นเรื่องจริงครับลองไปดูที่วัดได้ครับตอนนี้บวชอยู่ครับ
     
  4. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    [​IMG]

    รุ่นแรก เนื้อ ทองแดงครับ
     
  5. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    [​IMG]

    เหรียญรุ่นแรก เนื้อแร่
     
  6. ekarad

    ekarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,196
    ค่าพลัง:
    +6,264
    ขอนำเสนอเรื่องเก่าๆเป็นข้อมูลเรื่องพุทธคุณของ ตะกรุดโสฬสสะกดไพรี ตะกรุดนวหรคุณเกื้อหนุนชีวิต และตะกรุดวิปัสสีตรีราชา และประสบการณ์ที่เกิดและที่มาว่าทำใมหลวงพ่อสืบ ทำใมถึงรับฉายา สืบ ปืนเสีย <!--coloro:#0000FF--><!--/coloro-->อ้างอิงข้อมูลจากนิตยสาร ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1021 ปักษ์หลัง เดือนเมษายน พศ 2552 หน้าที่ 25 -26

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]<!--colorc-->
     
  7. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    ประวัติพอสังเขป วัดสิงห์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม (เป็นข้อมูลเท่าที่พอจะเรียบเรียงได้)
    วัดสิงห์ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ๘oo กว่าปีที่ผ่านมา ในสมัย “ อาณาจักรราชาวดี”หรือที่เปลี่ยนชื่อเป็น “ทวารวดี”ในปัจจุบัน โดยพระมหากษัตริย์ในรัชสมัยนั้นเป็นผู้สร้าง หลักฐานอ้างอิงตามตามตำราโบราณคดีวิทยามีบันทึกไว้ว่า วัดใดมี “ใบเสมาคู่” วัดแห่งนั้นเป็นวัดที่มีพระมหากษัตริย์เป็นผู้สร้าง ที่เคยกล่าวว่าพระมหากษัตริย์เป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้นั้น หลักฐานที่สามารถยืนยันประวัติศาสตร์ทางโบราณคดีได้คือ พระอุโบสถหลังเก่า ใบเสมาเป็น “ ใบเสมาคู่”และขณะนี้ใบเสมาคู่ยังคงอยู่ (พระครูพิทักษ์วีรธรรมเจ้าอาวาสของวัดสิงห์ได้ฝังไว้ใต้ซุ้มเสมาของพระอุโบสถหลังใหม่)
    สามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดสิงห์
    ๑.องค์พระเจดีย์ “พระเจดีย์อิศวรนวโกฏิ” โดยประเมินว่าน่าจะสร้างสมัยปลายทวารวดีหรือลพบุรี(ต้นอู่ทอง) เพราะเป็นศิลปะสมัยนั้น ได้ทำการพิสูจน์โดยหน่วยงานราชการ(กรมศิลปากร)ซึ่งข้อมูลที่ได้ตรงกับผลสำรวจของ น. ณ ปากน้ำ ปราชญ์แห่งโบราณคดีที่สำรวจพระเจดีย์ที่สร้างร่วมสมัยในลุ่มแม่น้ำท่าจีนและลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ทั้ง 19 องค์ และ “พระเจดีย์อิศวรนวโกฏิ” นับเป็นเจดีย์ที่สมบูรณ์และสวยงามที่สุดที่คงเหลืออยู่ในปัจจุบัน
    ๒.พระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่คู่กับวัดสิงห์มาจนถึงปัจจุบันมีชื่อว่า “พระพุทธสีหโรจนชัย”( พระพุทธเจ้าผู้ชนะสรรพสิ่งดุจดังพญาราชสีห์) เป็นพระประธานในอุโบสถของวัดสิงห์ สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างวัด เมื่อ พศ 1696 (สมัยปลายทวารวดี)และพระพุทธรูปเก่าแก่อีกองค์ ที่อยู่คู่กับวัดมาจนถึงปัจจุบัน มีชื่อว่า “พระพุทธบรมไตรโลกนาถ”
    ๓.ต้นโพธิ์ปราชิกและต้นตะเคียนทอง ที่มีอายุประมาณ ๓oo ปี
    มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรจากนิราศเมื่อครั้งท่านสุนทรผู้ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกวีเอก สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่และท่านได้ล่องเรือผ่านมาทางวัดสิงห์เพื่อไปนมัสการ องค์พระปฐมเจดีย์ พร้อมกับเขียนนิราศกล่าวถึงต้นโพธิ์ปราชิกและวัดสิงห์ไว้ว่า ถึงวัดสิงห์สิงสู่อยู่ที่นี่ แต่ใจพี่ไปสิงมิ่งสมร ถึงตัวจากพรากพลัดกำจัดจร ยังอาวรณ์หวังเสน่ห์ทุกเวลา
    รายละเอียดจะขอกล่าวในลำดับต่อไป

    ขอบคุณครับ
     
  8. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    ๑.องค์พระเจดีย์ “พระเจดีย์อิศวรนวโกฏิ”

    [​IMG]
    หลังจากที่เริ่มสร้างวัดได้ 2 ปี พระอิศวรติไตรโลกนาถได้ทรงสร้างพระเจดีย์ขึ้น เพื่อครอบรอยพระหัตถ์และรอยพระบาท เพื่อไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า บรรจุเป็นพุทธมงคลสูงสุดบนยอดพระเจดีย์ บนแท่นบัลลังก์เหนือองค์ระฆัง ใต้ฐานพระเจดีย์บรรจุทรัพย์สมบัติอันมีค่าของพระองค์ท่านเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชั้นล่างสุดเป็นรอยพระหัตถ์และรอยพระพุทธบาทคู่(ที่ทรงค้นพบ) ปัจจุบันนี้สิ่งของทุกอย่างยังอยู่ครบ วันที่พระองค์ทรงเริ่มสร้างพระเจดีย์ ตรงกับวัน ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 6 พศ 1698 ตรงกับปลายสมัย ทวารวดี ในปัจจุบัน(สมัยปลายทวารวดีพุทธศตวรรษที่ 12-17)โดยตั้งชื่อพระเจดีย์ว่า พระเจดีย์อิศวรนวโกฏิหรืออีกชื่อหนึ่ง พระเจดีย์นวโกฏิไตรโลกนาถ
    วัตถุประสงค์ในการสร้างพระเจดีย์นี้ขึ้นเพื่อเหตุ 3 ประการ
    1 เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ใดมาเหยียบย่ำพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์
    2 เพื่อเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    3 เพื่อบูชาและขอพรพระอิศวรมหาเทพ ขอความอุดมสมบูรณ์พูนสุขแก่บ้านเมือง(ในสมัยนั้นผู้คนจะบูชาเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์หือฮินดู ควบคู่บูชาพระพุทธเจ้า)
    เมื่อสร้างวัดและพระเจดีย์เสร็จ บ้านเมืองก็พบแต่ความร่มเย็นและความอุดมสมบูรณ์ เมืองต่างๆมากราบไหว้ขอพร ทำให้บ้านเมืองนั้นๆเจริญยิ่งขึ้นไป ทำให้เมืองต่างๆเข้ามาสวามิภักดิ์ในรัชสมัยของพระองค์ ทรงสร้างพระเจดีย์ไว้ในสถานที่ต่างๆรวม19แห่งโดยทรงสร้าง พระเจดีย์นวโกฏิไตรโลกนาถนี้เป็นแห่งแรก เริ่มจากการครองราชย์
    ผู้ดูแลรักษาพระเจดีย์
    1 บันไดทางขึ้นพระเจดีย์ มีผู้หญิงชื่อว่าเจ้าแม่ดอกสร้อยนั่งประทับอยู่ทางด้านขวาของบันไดทางขึ้น เจ้าแม่องค์นี้มีสิริโฉมงดงามมาก ใบหน้าอิ่มมนกลม ผิวขาว ผมยาวมาก โดยเกล้าผมไว้บนศีรษะ ปล่อยปลายยาวสลวยลงมาเลยกลางหลัง ดวงตาโตดำวาวสดใส ชุดที่แต่งสวมเสื้อทรงกระบอกแขนยาวเข้ารูปสีครีมขลิปทอง ผ้าถุงสีเข้มมืด ชายผ้าถุงด้านล่างมีแถบสี 3 แถบวนรอบผืน สวมสร้อยยาว 1 เส้น เฝ้าดูแลรักษาพระเจดีย์ด้วยความศรัทธายิ่ง
    [​IMG]
    ประวัติเจ้าแม่ดอกสร้อย<O:p</O:p
    ในชาติที่ พระอิศวรติไตรโลกนาถผู้สร้างวัดและพระเจดีย์นี้ เจ้าแม่เกิดมาเป็นพระราชธิดาของท่าน หลังจากสวรรคตในชาตินั้นแล้ว อีก 100 ปีต่อมาในสมัยศรีสัชนาลัย(สุโขทัยพุทธศตวรรษที่ 18-19)เจ้าแม่ได้กลับมาเกิดอีกครั้งโดยเกิดเป็นบุตรสาวของท่านสมุหเสนาบดี เพื่อมาบูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ที่พระราชบิดาในชาติปางก่อนพร้อมกับจัดสร้างพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไว้องค์หนึ่งที่อยู่คู่วัดสิงห์ (จะขอกล่าวในตอนต่อไป)และหลังจากละสังขารแล้วเจ้าแม่ได้มาสถิตดูแลรักษาพระเจดีย์แห่งนี้จนถึงปัจจุบัน
    2 บนลานประทักษิณหน้าช่องทางขึ้นพระเจดีย์พระมหากษัตริย์ พระอิศวรติไตรโลกนาถผู้สร้างวัดและพระเจดีย์นี้ ขออนุญาตเรียกพระนามพระองค์ให้สั้นๆว่า เสด็จพ่อตรีเนตร พระองค์ทรงประทับดูแลรักษาอยู่ เครื่องทรงที่พระองค์แต่งคือ นุ่งผ้าโจงกระเบน เสื้อทรงกระบอกแขนยาว สีสามกษัตริย์ทั้งชุด คือใช้เส้นใย ทองคำ,เงิน,นาค มาทอรวมเข้าด้วยกัน ส่องแสงประกายตา ทรงสร้อยสังวาลเต็มพระยศ พระมหากษัตริย์ ทรงสง่างามเป็นอย่างยิ่ง ความต้องการของพระองค์ท่าน ท่านไม่ต้องการอะไรเพราะทุกสิ่งทุกอย่างท่านมีเป็นทิพย์พร้อมแล้ว เพียงแต่ต้องการดูแลรักษาพระเจดีย์และปรนนิบัติรักษาตามรอยพระพุทธเจ้าเท่านั้น
    การขอพรจากองค์พระเจดีย์และพระองค์ท่าน
    พระเจดีย์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ ใครได้มากราบจะพบแต่ความสุขและสมหวัง แต่ผลที่ได้รับจากการขอพรจะได้มากน้อยแค่ไหน ต้องแล้วแต่บุญ-กรรมของแต่ละคนที่ได้ทำมาด้วย ผู้ที่มาขอพรจากท่านจะได้รับผลสำเร็จแล้ว อยากถวายเครื่องบนบานต่อท่าน(ถวายของที่บนบานไว้)สิ่งที่ท่านยากได้มีเพียง 4 อย่างคือ
    1 การบวช 2 การถือศีล 3 การทำบุญทานต่างๆ 4 บายศรี(เพื่อเป็นที่พักพิงของหมู่ทวยเทพทั้งหลายที่แวะเวียนมากราบพระบรมสารีริกธาตุ , รอยพระหัตถ์คู่และรอยพระบาทคู่ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
    คาถาบูชาพระเจดีย์เสด็จพ่อตรีเนตร ทรงประทานคาถา ที่ใช้บูชาพระเจดีย์ไว้ดังนี้
    ตั้ง นะโม (3จบ)
    อุอากะสะ นะโมพุทธายะ (ท่อง 3, 5 ,7 หรือ 9 จบ)

    ***อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือตำนานวัดสิงห์

    ขอบคุณครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กันยายน 2010
  9. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    ๒.พระพุทธรูปโบราณที่ศักดิ์สิทธิ์

    พระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่คู่กับวัดมาจนถึงปัจจุบันมีชื่อว่า “พระพุทธสีหโรจนชัย”( พระพุทธเจ้าผู้ชนะสรรพสิ่งดุจดังพญาราชสีห์) เป็นพระประธานในอุโบสถของวัด สร้างโดย “พระอิศวรติไตรโลกนาถ” หรือ “เสด็จพ่อตรีเนตร” สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างวัด เมื่อ พศ 1696 (สมัยปลายทวารวดี)
    พระพุทธรูปเก่าแก่อีกองค์ ที่อยู่คู่กับวัดมาจนถึงปัจจุบัน มีชื่อว่า “พระพุทธบรมไตรโลกนาถ” สร้างโดย “เจ้าแม่ดอกสร้อย” ซึ่งอดีตชาติเป็นพระราชธิดาของเสด็จพ่อตรีเนตร สร้างขึ้นหลังจากการสร้างวัดแล้วประมาณ 100 ปี หรือ พศ 1796 (สมัยต้นสุโขทัย)ในครั้งนั้นเจ้าแม่ดอกสร้อยได้มาบูรณปฏิสังขรณ์ “พระเจดีย์อิศวรนวโกฏิ” เป็นครั้งแรก จึงได้ดำเนินการจัดสร้าง “พระพุทธบรมไตรโลกนาถ” ขึ้นมาพร้อมกันกับการบูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์
    พระพุทธรูปทั้งสององค์นี้ สร้างด้วย “หินทรายขาว” ซึ่งเป็นวัตถุที่นิยมสร้างพระพุทธรูปในปลาย สมัยทวารวดี เมือง นครปฐม หรือ สมัย ลพบุรีตอนต้น ที่มีอายุยืนยาวเกือบพันปี(สมัยทวารวดีพุทธศตวรรษที่ 11-16และสมัยลพบุรี พุทธศตวรรษที่ 16-17 ลงมา) พระพุทธรูปหินทรายขาวเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญและหายาก จะพบเห็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยหินทรายขาวร่วมสมัย เช่นที่วัดพระศรีมหาธาตุ วัดป่าเลไลยก์ วัดแค วัดปู่บัว จ.สุพรรณบุรี เป็นต้น จึงนับว่าเป็นมรดกที่เก่าแก่ , มีค่า และศักดิ์สิทธิ์ของวัด
    นอกจากพระพุทธรูป สองค์องค์ที่กล่าวถึงแล้ว ที่วัดสิงห์ยังมีพระพุทธรูปที่เก่าแก่โบราณอีกหลายองค์ แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เกิดเหตุน่าสลดใจขึ้น “พระพุทธบรมไตรโลกนาถ”(สร้างโดยเจ้าแม่ดอกสร้อย) ได้มีมารศาสนามาลักลอบตัดเศียรไปพร้อมกับพระพุทธรูปเก่าคู่วัดสิงห์อีก เจ็ดองค์ แต่ได้เกิดเหตุบังเอิญหรือเหตุอาถรรพ์ขึ้น(ไม่มีข้อสรุป)คือมารศาสนาที่มาลักลอบตัดเศียรพระพุทธรูปนั้นไม่สามรถนำออกไปได้ จึงต้องทิ้งไว้ข้างทางจนมีผู้มาพบเห็นในรุ่งเช้า ทางวัดสิงห์จึงได้นำกลับมาและทำพิธีต่อเศียรไว้ดังเดิม

    ***อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือตำนานวัดสิงห์


    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กันยายน 2010
  10. เด็กด่านฯ

    เด็กด่านฯ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    808
    ค่าพลัง:
    +2,247
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อสืบครับ
     
  11. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    ๓.ต้นโพธิ์ปราชิกและต้นตะเคียนทอง

    [​IMG]
    ดังที่กล่าวมาแล้วว่า “วัดสิงห์” เป็นวัดโบราณเก่าแก่หลังจากผ่านพ้นวันเดือนปีไปสู่หลายร้อยปี “วัดสิงห์” ก็เริ่มโรยราจนเกือบร้างเนื่องจาก “เจ้าอาวาส” ที่มาปกครองวัดนี้ถึง ๔ รูป ต่างมีเหตุต้อง “อาถรรพณ์ตะเคียนทอง” จนต้องลาสิกขาไปมีภรรยาเกือบทั้งสิ้น โดยเรื่องราวการต้อง “อาถรรพณ์ตะเคียนทอง” นี้มีว่า “มีต้นตะเคียนทองขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ใกล้บริเวณ “พระมหาธาตุเจดีย์อิศวรนวโกฏิ” ซึ่งเป็นพระมหาธาตุเจดีย์ที่บรรจุ “รอยพระพุทธบาทคู่” และ “รอยพระหัตถ์พระพุทธเจ้า” ตลอดจน “พระบรมสารีริกธาตุ” ไว้ภายในโดยสร้างมาตั้งแต่ต้นสมัย “อู่ทอง” จึงมีความเก่าแก่ได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ซึ่งขณะนั้นเอียงลงมาใกล้จะล้มลงเต็มที
    และในหลายสิบปีที่ผ่านมา “ต้นตะเคียนทองต้นใหญ่” ที่ขึ้นอยู่ใกล้พระมหาธาตุเจดีย์ก็ได้ “เกิดเหตุอาเพศ” เนื่องจากมี “ต้นโพธิ์” ที่ขึ้นทับซ้อน “ต้นตะเคียนทอง” ในลักษณะ “โอบกอด” ต้นตะเคียนทองเอาไว้แถมงอกงามเจริญอย่างรวดเร็ว หลังจากต้นโพธิ์ต้นนี้ขึ้นมาแล้ว “เจ้าอาวาสวัดสิงห์” เวลานั้นก็ประสบเหตุ “อาถรรพณ์” ต้องลาสิกขาออกไปมี “ภรรยา” โดยไม่มีเค้าลางมาก่อนสร้างความประหลาดใจแก่ชาวบ้านใกล้วัดสิงห์เป็นอย่างยิ่ง โดยผู้เฒ่าเล่าว่า “เป็นอาเพศของต้นโพธิ์ที่ขึ้นโอบต้นตะเคียนทอง” โดยที่ผู้คนต่างเรียกต้นโพธิ์แบบนี้ว่า “โพธิ์ปาราชิก” โดยเชื่อกันว่าต้นตะเคียนทองมีเพศเป็น “หญิง” ที่มี “เทพารักษ์” เป็น “เจ้าแม่ตะเคียนทอง” ส่วน “ต้นโพธิ์” นั้นเปรียบเสมือนดั่ง “พระสงฆ์” เมื่อไปทำการกอดรัด “ต้นตะเคียนทอง” จึงถือกันมาแต่โบราณว่าเป็น “โพธิ์ปาราชิก” ที่ได้แสดง “อาเพศ” ถึงตัว “เจ้าอาวาส” ของวัดด้วย
    ครั้นเจ้าอาวาสรูปแรกลาสิกขาแล้วก็มี “เจ้าอาวาส” อีก ๓ รูป ที่ต่างก็ต้องอาถรรพณ์เฉกเช่นกันคือต้องลาสิกขาไปมี “ภรรยา” ทั้งหมด ส่วนต้นตะเคียนทองที่มีต้นโพธิ์โอบกอดขึ้นทับอยู่นี้ก็งอกงามตลอดมา โดยชาวบ้านย่านนั้นหลาย ๆ คนอยากให้ตัดทิ้ง แต่ก็มีอีกพวกที่ไม่ยอมให้ตัด ก็คือพวกที่ได้รับผลจากการบนบานต่าง ๆ รวมทั้ง “ขอเลข” ก็ประสบผลสำเร็จมากมายจึงทำให้เกิดความ “ขัดแย้ง” กันขึ้นในหมู่ชาวบ้าน
    “พระครูอินทสิริชัย (ม้วน อินทสุวัณโณ)” อดีตเจ้าคณะตำบลท่าพระยา ซึ่งเป็นผู้ปกครอง “วัดสิงห์” อยู่ในขณะนั้นเห็นว่าวัดสิงห์ชำรุดทรุดโทรมมาก “เจ้าอาวาส” ที่ส่งไปกี่รูปก็ลาสิกขาไปมีครอบครัวหมดจึงพิจารณาเลือก “ศิษย์เอก” ซึ่งมีศีลาจารวัตรดี เคร่งครัดในพระธรรมวินัยไปเป็นเจ้าอาวาส เพื่อพัฒนาวัดสิงห์ให้เจริญรุ่งเรืองเพราะ “หลวงพ่อม้วน” ก็เป็นศิษย์ ผู้สืบพุทธาคมมาจาก “หลวงพ่อสุข วัดห้วยจระเข้” ซึ่งเป็นศิษย์เอกของ “หลวงปู่นาค” โดยที่ “หลวงพ่อม้วน” ก็ได้ถ่ายทอดพุทธาคมให้แก่ศิษย์เอกของท่านซึ่งก็ คือ “หลวงพ่อสืบ” จน แน่ใจว่าน่าจะเอาชนะ “อาถรรพณ์ที่วัดสิงห์” ได้จึงตัดสินใจส่งไปเป็น เจ้าอาวาสที่วัดสิงห์
    ต่อมาหลังจาก “หลวงพ่อสืบ” มาอยู่วัดสิงห์แล้วก็ได้บำเพ็ญสมณธรรมอย่างเคร่งครัด พร้อมกับพัฒนาวัดสิงห์ให้เจริญขึ้นเป็นลำดับ ทุกวันเมื่อกลับจากบิณฑบาตตอนเช้า ก็มายืนหยุดอยู่หน้า “ต้นตะเคียนทอง” และ “ต้นโพธิ์ปาราชิก” พร้อมทำการอธิษฐานบารมีแผ่เมตตาให้เป็นประจำจึงเกิดเรื่องแปลกประหลาดคือ “ต้นตะเคียนทอง” และ “ต้นโพธิ์ปาราชิก” ที่เคยงดงามเขียวขจีกลับเริ่ม “เหี่ยวลง” และต่อมาก็ “แห้งตาย” ไปจึงเป็นที่ร่ำลือกันในบรรดาศิษย์ว่าเป็นเพราะ “บารมี” ของ “หลวงพ่อสืบ” ที่มีเหนืออาถรรพณ์ของ “เจ้าแม่ตะเคียนทอง” และ “โพธิ์ปาราชิก” ไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง

    เครดิตข้อมูลบางส่วนจาก หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์

    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    เครดิต อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ ตำนานวัดสิงห์

    [​IMG]

    [​IMG]

    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    อิอิ...แอบหนีตาม พี่เด็กด่านฯและพี่ปื๊ดปู่นนท์ มาเที่ยวข้างนอกบ้านบ้าง...อิอิ

    ขอบคุณครับ
     
  14. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    พระอุโบสถหลังใหม่

    [​IMG]


    ตามตำราโบราณคดีวิทยามีบันทึกไว้ว่า วัดใดมี <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->"<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->ใบเสมาคู่<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->"<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--> วัดแห่งนั้นเป็นวัดที่มีพระมหากษัตริย์เป็นผู้สร้าง จากที่เคยได้กล่าวว่าพระมหากษัตริย์เป็นผู้สร้างวัดแห่งนี้นั้น หลักฐานที่สามารถยืนยันประวัติศาสตร์ทางโบราณคดีได้คือ พระอุโบสถหลังเก่า ใบเสมาเป็น <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->"<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--> ใบเสมาคู่<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->"<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->และขณะนี้ใบเสมาคู่ยังคงอยู่ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->(<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->พระครูพิทักษ์วีรธรรมเจ้าอาวาสของวัดได้ฝังไว้ใต้ซุ้มเสมาของพระอุโบสถหลังใหม่<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->)
    <!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->ย้อนอดีตไปประมาณ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->70<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--> ปีที่แล้ว<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->(<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->สมัยหลวงพ่อสืบท่านยังเด็ก<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->)<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--> วัดสิงห์อยู่ในสภาพที่ร่วงโรยมาก อุโบสถหลังเก่าเสื่อมโทรม ถึงขนาดผนังของอุโบสถด้านทิศใต้ที่อยู่ติดกับคลองบางแก้วพังทลายลงมาทั้งแถบ ผู้ที่สัญจรทางน้ำผ่านหน้าวัด(<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->สมัยก่อนยังไม่มีถนนผ่านการเดินทางต้องใช้ทางน้ำอย่างเดียว<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->)<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->จะมองเห็นพระพุทธรูปในพระอุโบสถทั้งหมด ต่อมาผนังทางด้านทิศเหนือก็พังทลายลงมาอีก ส่วนชายหลังคาก็ทรุดตัวต้องใช้ไม้ค้ำยันไว้ สภาพวัดแทบจะเป็นวัดร้าง เจ้าอาวาสไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ จำต้องให้อยู่สภาพนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อหลวงพ่อม้วน อินทสุวัณโณ<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->(<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->พระครูอินทศิริชัย<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->)<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->เจ้าอาวาสวัดไทรและเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อสืบ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลท่าพระยา มีอำนาจปกครองวัด <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->9 <!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->วัด วัดสิงห์ก็เป็นวัดหนึ่งซึ่งอยู่ในการปกครองของท่าน ท่านมาตรวจวัดเห็นสภาพพระอุโบสถของวัดก็หดหู่ใจ จึงมอบให้พระสืบสันต์ ปริมุตโต หรือ หลวงพ่อสืบ ซึ่งในเวลานั้นท่านเพิ่งบวชใหม่ๆเข้ามา<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->(<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->พศ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->2514)<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->ดำเนินการดูแล และควบคุมการก่อสร้าง โดยวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถหลังใหม่เมื่อวันที่ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->28<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--> มกราคม พศ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->2515 สร้างเสร็จเมื่อ พศ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->2517 <!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->และในปี พศ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->2518 <!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->ทำพิธีผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต พระอุโบสถหลังไหม่สร้างบนพื้นที่ของพระวิหารหลังเดิม ส่วนพระอุโบสถหลังเก่านั้นก่อนที่จะสร้างใหม่จะตั้งอยู่ด้านหน้าของพระเจดีย์อิศวรนวโกฏิ ระยะห่างกันไม่มากนัก จึงจำเป็นต้องย้ายพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่าไปประดิษฐานที่พระอุโบสถหลังใหม่ ช่างจึงต้องแยกองค์พระประธานที่มีขนาดใหญ่ออกเป็นส่วนๆเพื่อสะดวกแก่การเคลื่อนย้าย ซึ่งทุกอย่างก็ราบรื่นดี จนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านไปประมาณ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->20 <!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->วัน นายช่างผู้ดำเนินการย้ายพระประธาน ได้เดินทางมาพบหลวงพ่อสืบด้วยใบหน้าหมองคล้ำ นำของสิ่งหนึ่งมาถวายด้วยและสารภาพความผิดทั้งหมดโดยเล่าว่า ขณะที่สกัดแยกส่วนองค์พระประธาน ได้พบโถชิ้นนี้ฝังอยู่ในพระหัตถ์ของพระประธาน เปิดออกดูเห็นเป็นพระธาตุก็ดีใจ แอบเก็บซ่อนไว้มิให้ผู้ใดรู้แล้วแอบนำไปเก็บไว้ที่บ้าน ช่างคนดังกล่าวได้บอกว่า จากวันที่ลักลอบนำโถพระธาตุเข้าบ้านจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีต่อตัวช่างและบุคคลภายในบ้านไม่เว้นแต่ละวัน และมีเหตุร้ายแรงถึง <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->2<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc--> ครั้ง ครั้งแรกขโมยขึ้นบ้านเพื่อลักทรัพย์สิน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ครั้งที่สอง เกิดเหตุไฟไหม้บ้านแต่โชคดีที่ช่วยกันดับทัน ก็เลยฉุกคิดขึ้นได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องเป็นแรงอาถรรพ์หรือความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุนี้แน่ เพราะในช่วง <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->20 <!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->วันที่ได้ลักลอบขโมยพระธาตุมา มีแต่เรื่องร้ายๆเข้ามาตลอดเวลาจึงได้นำมาคืนและสรภาพผิด หลวงพ่อสืบจึงรับโถพระธาตุมาพิจารณาดูเป็นโถเครื่องสังคโลกมีฝาปิดลายคราม ขนาดของโถไม่ใหญ่นักประมาณเท่าผลหมากภายในบรรจุพระธาตุหลากสีเต็มโถ นับได้ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->13 <!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->องค์ องค์ใหญ่สุด ใหญ่กว่าเมล็ดมะขาม องค์เล็กสุดเท่าเม็ดทรายหรือประมาณ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->2 <!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->มม<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo--> <!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->หลวงพ่อสืบจึงนำพระธาตุไปถวายหลวงพ่อม้วนและแจ้งเรื่องราวต่างๆให้ทราบ หลวงพ่อม้วนกล่าวว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ให้ทำไปบรรจุไว้ที่เดิม โดยหลวงพ่อม้วนท่านได้ทำการเก็บรักษาไว้ก่อนเพื่อหาฤกษ์ที่ดีในการบรรจุ จนในที่สุดท่านได้ใช้ฤกษ์ในวันตัดลูกนิมิตลงหลุมเป็นฤกษ์มหามงคลทำการบรรจุพระธาตุเข้าที่เดิม คือ ที่พระหัตถ์ของ <!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->"<!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->พระพุทธสีหโรจนชัย<!--fonto:Times New Roman--><!--/fonto--><!--sizeo:3--><!--/sizeo-->" <!--sizec--><!--/sizec--><!--fontc--><!--/fontc-->โดยเจาะปูนเป็นหลุมกลางพระหัตถ์ วางโถพระธาตุประดิษฐานไว้ เทปูนทับและปิดด้วยทองคำซึ่งพระธาตุได้สถิตย์อยู่ที่องค์พระประธานจนกระทั่งปัจจุบันนี้

    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    พระเนื้อผงพุทธคุณที่เป็นรุ่นแรกของวัดสิงห์ จัดเป็นพระเนื้อผงพุทธคุณ ใช้มวลสารดีมากๆ พิธีใหญ่มากๆ ที่ถูกนักซื้อ-ขายพระลืมเลือนจึงพอจะมีอยู่บ้างที่วัดในบางรูปแบบเพราะผู้ที่รู้ข้อมูลมีน้อยเนื่องจากเมื่อก่อนไม่มีการโฆษณาผ่านสื่อเหมือนปัจจุบันพิธีปลุกเสกพร้อม ตะกรุดนวหรคุณเกื้อหนุนชีวิต ที่เป็นตะกรุดรุ่นแรกของวัดสิงห์และเป็นที่มาของฉายา สืบ ปืนแตก หรือ สืบปืนเสีย ทำพิธีจัดสร้างก่อนเหรียญเสมาและเหรียญยันต์เฑาะว์รุ่นแรก เหมาะสำหรับนักสะสมเพื่อบูชา

    ลองอ่านข้อมูลดูไปเรื่อยๆนะครับ

    ขอบคุณครับ

    [​IMG]

    วัตถุมงคลชุด มหาบารมีเศรษฐีนวโกฏิ

    ชนวนและมวลสารที่ใช้สร้าง พระพุทธสีหโรจนชัย ท้าวจตุคามรามเทพ พระปิดตาพังพกาฬ รุ่น มหาบารมีเศรษฐีนวโกฏิ

    มวลสาร ดอกไม้บูชาพระธาตุเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ 18 แห่งทั่วประเทศ

    พระมหาเจดีย์ประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ จัดสร้างถวายในวโรกาสที่ทั้ง2 พระองค์ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา ณ ยอดดอยอินทนนท์ยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทย
    1.พระมหาธาตุนภเมทมหิดล อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
    2.พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

    มวลสาร พระธาตุประจำปีเกิด 12 ราศี

    3.พระธาตุศรีจอมทอง(ปีชวด)อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
    4.พระธาตุลำปางหลวง(ปีฉลู)อ.เกาะคา จ.ลำปาง
    5.พระธาตุช่อแฮ(ปีขาล)อ.เมือง จ.แพร่
    6.พระธาตุแช่แห้ง(ปีเถาะ)อ.ภูเพียง จ.น่าน
    7.พระธาตุวัดพระสิงห์(ปีมะโรง)อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    8.พระธาตุพุทธคยา(ปีมะเส็ง)อ.เมือง จ.เชียงใหม่ , พระธาตุศรีมหาโพธิ์(ปีมะเส็ง)อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    9.พระธาตุบ้านตาก(ปีมะเมีย)อ.บ้านตาก จ.ตาก
    10.พระธาตุดอยสุเทพ(ปีมะแม)อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    11.พระธาตุพนม(ปีวอก)อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
    12.พระธาตุหริภุญชัย(ปีระกา)อ.เมือง จ.ลำพูน
    13.พระธาตุเกษแก้วจุฬามณี(ปีจอ)อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    14.พระธาตุดอยตุง(ปีกุน)อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

    มวลสาร พระบรมธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองใต้

    15.พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

    มวลสาร พระเจดีย์องค์แรกที่พระพุทธศาสนาเข้ามาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิที่บรรจุพระบรมธาตุ

    16.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม
    17.พระประโทณเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม
    18.พระเจดีย์อิศวรนวโกฏิ วัดสิงห์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    มวลสาร ผงธูปและดอกไม้บูชาพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองไทย

    1.พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต)วัดพระศรีรัตนศาสดา กรุงเทพฯ
    2.พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก
    3.พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชษฐ์ วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ
    4.หลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม
    5.พระร่วงโรจนฤทธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม
    6.พระพุทธศรีโรจนชัย วัดสิงห์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    มวลสาร ผงวิเศษของพระเกจิอาจารย์ที่ศักดิ์สิทธิ์

    1.พระพุทธวิถีนายก(หลวงปู่บุญ ขันธโชติ)วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ผงขมิ้นเสก-ผงอิทธิเจ-ผงปฐมัง-ผงมหาราช-ผงจินดามณี
    2.พระพุทธวิถีนายก(หลวงปู่เพิ่ม ปุญญวสโน)วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ผงขมิ้นเสก-ผงมหาลาภ-พระศกเก่าหลวงพ่อโต พระประธานในอุโบสถ วัดกลางบางแก้ว
    3.หลวงปู่เจือ ปิยสีโล วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ผงใบลานมหาเวทย์-ผงวิเศษที่เหลือจากการสร้างหลวงปู่ทวด(หลวงปู่เจือ ปิยสีโล)รับมาจากวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    4.พระครูสิริวุฒาจารย์(หลวงพ่อห่วง สุวัณโณ) วัดท่าใน จ.นครปฐม ดอกไม้เกสรบัวที่บูชาหลวงปู่ และทองคำเปลวจากองค์รูปหล่อหลวงปู่ห่วง แร่เจ้าน้ำเงิน ก้อนแร่ที่หลวงปู่ได้มาเมื่อครั้งเดินธุดงค์ ผ้ายันต์ที่หลวงปู่ห่วง ได้ปลุกเสกไว้เพื่อปิดหัวเสา ผงวิเศษดั้งเดิมของหลวงปู่ที่ได้ปลุกเสกไว้ ไม้ขื่อหลังคาอุโบสถหลังเก่าของวัดท่าใน
    5.พระครูอินทศิริชัย(หลวงพ่อม้วน อินทสุวัณโณ) วัดไทร จ.นครปฐม ดอกไม้และผงธูปที่บูชาหลวงพ่อม้วน ทรายปลุกเสกของหลวงพ่อม้วน พระผงชำรุดที่หลวงพ่อม้วนปลุกเสกไว้
    6.พระครูภาวนากิตติคุณ(หลวงพ่อน้อย อินทสโร)วัดธรรมศาลา จ.นครปฐม ผงวิเศษของหลวงพ่อน้อย
    7.พระราชธรรมาภรณ์(หลวงพ่อเงิน จันทสุวัณโณ)วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม ผงและทรายใต้ฐานรูปหล่อหลวงพ่อเงิน
    8.พระครูเกษมธรรมานัน(หลวงพ่อแช่ม ฐานุสสโก)วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม ผงและทรายใต้ฐานรูปหล่อหลวงพ่อแช่ม
    9.พระอุดมประชานาถ(หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ)วัดบางพระ จ.นครปฐม ผงปลุกเสกของหลวงพ่อเปิ่น
    10.ผงวิเศษอันศักดิ์สิทธิ์ แห่งสำนักเขาอ้อ จ.พัทลุง สำนักเขาอ้อนับเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้มาแต่โบราณ ทั้งทางธรรมและไสยศาตร์ที่ยิ่งใหญ่ของเมืองใต้ ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดชก็เป็นศิษย์เอกของสำนักเขาอ้อคนหนึ่งได้รับผงวิเศษจากพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมสายเขาอ้อ คือ ผงปลุกเสกของพระอาจารย์เอียด ปทุมสโร ผงปลุกเสกของพระอาจารย์ นำ ชินวโร วัดดอนศาลา ผงปลุกเสกของพ่อท่านคลิ้ง จันทรสิริ วัดถลุงทอง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช กากยายักษ์ สำนักเขาอ้อ

    มวลสาร ของมงคลที่บูชามหาเทพและทวยเทพ

    1.ผงกำยานที่จุดบูชาพระศิวะมหาเทพ(พระอิศวร)-พระแม่ปาราวดี และหมู่ทวยเทพ จ.เชียงใหม่
    2.ดอกไม้ที่ถวายบูชาพระพิฆเนศน้อย ปางเสวยสุข จากเทวลัยพระพิฆเนศ จ.เชียงใหม่
    3.ดอกไม้ที่ถวายเจ้าพ่อกวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ จ.ปทุมธานี
    4.ผงธูปและดอกไม่ถวายบูชาเจ้าพ่อเสืออันศักดิ์สิทธิ์ จากศาลเจ้าพ่อเสือ กรุงเทพฯ
    5.ผงธูปที่จุดบูชาศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช
    6.ดอกไม้และผงธูปที่จุดบูชาศาลหลักเมืองนครชัยศรี จ.นครปฐม

    มวลสาร ของมงคลที่บูชาพระมหาวีรกษัตริย์

    1.ดอกไม้และทรายผงธูป ที่บูชาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จากพระตำหนัก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
    และจากพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชานุสรณ์ ค่ายเมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    2.ดอกไม้และทรายผงธูป ที่บูชาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากราชานุสาวรีย์วงเวียนใหญ่ กรุงเทพฯ
    3.ดอกไม้และทรายผงธูปที่บูชาสมเด็จพระปิยมหาราช จากราชานุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้า กรุงเทพฯ
    4.ดอกไม้และทรายผงธูปที่บูชาเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จากพระตำหนัก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

    มวลสาร ของโบราณอันเป็นมงคลของวัดสิงห์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    1.ผงเจดีย์โบราณดั้งเดิม อายุเกือบพันปีของ พระเจดีย์อิศวรนวโกฏ อันเก่าแก่
    2.แก่นไม้ตะเคียนทองโบราณ อายุหลายร้อยปีที่อยู่คู่มากับวัด

    มวลสาร ของจากธรรมชาติที่เป็นมงคล

    1.ทรายทับทิม จากยอดดอยอินทนนท์ ได้จากวัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่
    2.ไม้ที่มีนามเป็นมงคล ไม้มะรุม ไม้เทพทาโร ไม้คูน มะพร้าวกะลาตาเดียว รากต้นรัก ดอกรักซ้อนที่บูชาหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แก่นไม้ขนุน ใบขนุนรูปตรีศูล และใบโพธิ์ จากต้นมหาโพธิ์สืบสายจากพุทธกาล ประเทศอินเดีย

    วัตถุมงคลชุด มหาบารมีเศรษฐีนวโกฏิ โดยมีพระเกจิอาจารย์ร่วมพิธีพุทธาภิเษก ดังนี้

    1.พระราชปริยัติมุนี(ชัยวัฒน์) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
    2.พระราชปริยัติโมลี(โสภา) รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม วัดพระงาม อ.เมือง จ.นครปฐม
    3.หลวงปู่เจือ ปิยสีโล วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    4.หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
    5.หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
    6.หลวงพ่อตัด ปวโร วัดชายนา จ.เพชรบุรี
    7.หลวงพ่อแผ้ว ปวโร วัดกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
    8.หลวงพ่อน่วม นาถสีโล วัดโพธิ์ศรีเจริญ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
    9.พระครูพิทักษ์วีรธรรม(หลวงพ่อสืบ)วัดสิงห์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    10.พระปลัดสุชิน วัดธรรมศาลา อ.เมือง จ.นครปฐม
    11.พระอาจารย์ สำอางค์ วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    ฉะนั้น จะเป็นว่าการสร้างวัตถุมงคล พระพุทธสีหโรจนชัย , ท้าวจตุคามรามเทพ , พระปิดตาพังพกาฬ และพระเจดีย์อิศวรนวโกฏิ ใน รุ่นมหาบารมีเศรษฐีนวโกฏิ ของวัดสิงห์นี้ นอกจากพลังอำนาจจิตอันแก่กล้าของพระเกจิที่ร่วมปลุกเสกในพิธีมหามงคลพุทธาภิเษกและเทวาภิเษกแล้ว พระครูพิทักษ์วีรธรรม(หลวงพ่อสืบ) เจ้าอาวาส วัดสิงห์ ได้พยายามสืบเสาะรวบรวมนำเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วเมืองไทยในทุกสายที่ศักสิทธิ์ พร้อมทั้งของวิเศษต่างๆของพระอาจารย์ของท่าน มารวมเป็นชนวนมวลสารในการสร้างทำ เจตนาของท่านต้องการให้เป็นศูนย์รวมของความศักดิ์สิทธิ์ เพิ่มความเข้มขลังให้วัตถุมงคลที่สร้าง ทั้งในด้านอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะให้อานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์นี้ได้คุ้มครองรักษาแก่ผู้นำไปสักการบูชาพร้อมบันดาลความสุขและความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ นับว่าเป็นของที่หายาก น้อยแห่งที่มีการจัดสร้างลักษณะนี้ จึงเป็นวัตถุมงคลที่มีคุณค่ายิ่งนัก ในขณะนี้ที่วัดสิงห์ยังพอมีเหลืออยู่ในบางรูปแบบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    สาเหตุที่ยังคงตกค้างอยู่ที่วัดสิงห์ หลวงพ่อสืบท่านใช้เวลาในการหามวลสาร อยู่นานเกือบ 1 ปีเพราะเป็นการทำวัตถุมงคลเป็นครั้งแรก ท่านต้องการให้ผู้ที่มาบูชาไปได้รับวัตถุมงคลที่มวลมวลสารที่ดีที่สุดจากทั่วประเทศไทยและในต่างประเทศ จนทำให้กระแส จตุคาม ซาลง และวัดสิงห์จัดสร้างช่วงที่ขาลงของจตุคาม(เพราะหามวลสารนาน) ประกอบกับในขณะนั้นหลวงพ่อสืบ ท่านยังไม่เป็นที่รู้จักนอกจากคนพื้นที่และไม่มีการโปรโมทผ่านสื่อ ทำให้คนในพื้นที่เข้าใจว่าที่วัดสิงห์สร้างแต่ จตุคามและสมเด็จ รุ่นแรก จึงบูชาพระสมเด็จไปจนหมดวัดอย่างรวดเร็ว ส่วนจตุคามและพระผงที่เหลือหลวงพ่อท่านก็เก็บและปลุกเสกอยู่ตลอดมาที่กุฏิจนเวลาผ่านไป 2 ปีกว่าๆ จึงนำออกมาให้บูชาอีกครั้ง

    ขอบคุณครับ

    พระผงพุทธคุณที่ยังพอมีเหลืออยู่ที่วัดสิงห์ นอกจาก จตุคามรามเทพ แล้ว ยังมีพระผงพุทธคุณอื่นๆดังภาพครับ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ
    ประสบการณ์ และ ที่มาของฉายา สืบ ปืนเสีย หรือ สืบ ปืนแตก

    [​IMG]

    นาย สมควร รุ่งมา หนุ่มทุ่งท่าพระยา ชวนเพื่อนไปงานแต่งงานระหว่างทางเกิดคึกคะนองอยากทดลอง "ตะกรุดนวหรคุณเกื้อหนุนชีวิต" ของหลวงพ่อสืบที่ได้รับมากับมือว่าจะขลังขนาดไหนจึงเอาปืนที่เตรียมจะไปยิงตอนยกขันหมากออกมาขอทดลองซักหน่อย เมื่อเอาตะกรุดวางไว้แล้วเอาปืนลูกโม่ยี่ห้อดัง " โคลห์ " ออกมายิง นัดแรกด้าน นัดที่สองเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว นึกว่ายิงออก แต่มือที่ยังชาร่างกายสั่นสะท้าน เลือดไหลเต็มมือจากรอยฉีก ลูกโม่กระเด็นออกจากปืน สันปืนโค้งโก่งงอขึ้น พูดง่ายๆคือ ลูกปืนระเบิดคาโม่ สร้างความตื่นตระหนก อกสั่นขวัญหาย เรื่องราวขจรกระจายไปทั่วทุ่งท่าพระยา กระจายไปทั่วนครปฐมถึงกรุงเทพฯ หลังจากนั้นหลวงพ่อสืบท่านก็นั่ง จาร ตะกรุดจนมือแทบเสีย

    เครดิตข้อมูลจาก : นิตยสารลานโพธิ์

    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled-1.jpg
      Untitled-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.4 KB
      เปิดดู:
      11,963
  18. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    ข้อมูลวัตถุมงคลประเภทเหรียญ (รุ่นแรก)

    [​IMG]

    เหรียญรุ่นแรกหรือรุ่น1 ของหลวงพ่อสืบท่านจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบเหรียญเสมา และเหรียญรูปไข่(ยันต์เฑาะว์) มูลเหตุ ที่ทำให้เหรียญยันต์เฑาะว์ถูกนักสะสมพระจัดให้เป็นรุ่น2 เพราะมีสาเหตุว่า ในการสร้างเหรียญครั้งแรกหลวงพ่อสืบท่านสั่งโรงงานผลิตแต่เหรียญเสมา แต่เมื่อมีญาตโยมที่มากราบหลวงพ่อสืบและได้กล่าวกับหลวงพ่อสืบท่านว่า เหรียญเสมานั้นใหญ่เกินไป ถ้าเป็นคนตัวเล็ก , เด็ก , ผู้หญิง นำมาแขวนคงไม่เหมาะ เมื่อหลวงพ่อท่านได้รับฟังแล้วท่านจึงสั่งโรงงานให้ปั๊มเหรียญรูปไข่(ยันต์เฑาะว์)เพิ่มขึ้นมาอีกแบบแต่ขณะนั้นระยะเวลาผ่านไปแล้วประมาณเกือบ3เดือนและไกล้เวลาเข้าพิธีปลุกเสก ความผิดพลาดจึงเกิดขึ้น เมื่อ วันที่และเดือนด้านหลังเหรียญไม่ตรงกัน แต่ก็ไม่ทันได้สังเกตจนเหรียญผลิตออกมาแล้ว เข้าพิธีปลุกเสกพร้อมเหรียญเสมาและออกจำหน่ายไปแล้ว(เหรียญยันต์เฑาะว์ออกจำหน่ายหลังเหรียญเสมาเนื่องจากกล่องบรรจุเหรียญผลิตไม่ทัน)จึงได้พบเห็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

    [​IMG]

    [​IMG]

    จำนวนการจัดสร้างเหรียญเสมารุ่นแรก
    เนื้อทองคำ จำนวนตามจอง(47)
    เหรียญนาค จำนวนตามจอง(16)
    เหรียญเงิน จำนวน 510 เหรียญ
    เหรียญนวะ จำนวน 310 เหรียญ
    เหรียญแร่ จำนวน 1100 เหรียญ
    เหรียญทองแดงชุบทอง จำนวน 9999 เหรียญ<O:p
    จำนวนการจัดสร้างเหรียญยันต์เฑาะว์(รูปไข่)
    เนื้อทองคำ จำนวนตามจอง(ไม่ทราบจำนวน)
    เหรียญนาค จำนวนตามจอง(ไม่ทราบจำนวน)
    เหรียญเงิน จำนวน 175 เหรียญ
    เหรียญนวะ สร้างน้อย(ไม่เกิน 50 เหรียญ)
    เหรียญทองแดงชุบทอง จำนวน 8000 เหรียญ (แบ่งทำเบี้ยแก้ ภายหลัง 1200 เหรียญ)
    ทองแดงรมดำ จำนวน 5000 เหรียญ(แบ่งไปชุบทองลงยา แดง 300 น้ำเงิน 300 เขียว 400และแบ่งทำเบี้ยแก้ ภายหลัง 1200 เหรียญ)

    ขอบคุณครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1A.jpg
      1A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.1 KB
      เปิดดู:
      10,478
    • 100_0105.jpg
      100_0105.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.4 KB
      เปิดดู:
      10,150
    • 100_0106.jpg
      100_0106.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.6 KB
      เปิดดู:
      10,197
    • 100_0109.jpg
      100_0109.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.5 KB
      เปิดดู:
      9,975
    • 100_0232.jpg
      100_0232.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.7 KB
      เปิดดู:
      9,948
  19. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    [​IMG]

    พระสมเด็จผงพุทธคุณ ได้จัดสร้างเป็นครั้งที่2 ใน พศ 2551 โดยใช้มวลสารและแม่พิมพ์เดียวกันกับที่จัดสร้างในครั้งแรก(พศ 2550)แต่ได้เปลี่ยนแบบที่ด้านหลังตรงตัวเลขปีที่สร้าง จาก ปี พศ 2550 เป็น ปี พศ 2551 และมีแบบฝังตะกรุดเงินและตะกรุดทองแดงเพิ่มขึ้นมา เข้าพิธีปลุกเสกพร้อมเหรียญเสมาและเหรียญยันต์เฑาะว์รุ่นแรก

    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. pratch

    pratch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +2,162
    สวัสดีครับ

    เหรียญรุ่น2 หนุมานเหินหาว เป็นเหรียญที่ปลุกเสกและออกให้บูชาในปี พศ 2551 ในปีเดียวกับเหรียญรุ่นแรกแต่ออกหลังไตรมาส(ช่วงปลายปี)

    [​IMG]

    จำนวนจัดสร้างเหรียญหนุมานเหินหาว
    เนื้อทองคำลงยา แดง , เขียว , น้ำเงิน สร้างตามจอง(ไม่ทราบจำนวน)
    เนื้อทองคำ สร้างตามจอง(ไม่ทราบจำนวน)
    เนื้อเงินลงยา แดง , เขียว , น้ำเงิน สร้าง สี ละ 200 เหรียญ
    เนื้อเงิน สร้าง 200 เหรียญ
    เนื้อแร่ สร้าง 800 เหรียญ
    เนื้อชุปทองลงยา แดง , เขียว , น้ำเงิน สร้าง สี ละ 1000 เหรียญ
    เนื้อชุปเงินลงยา แดง , เขียว , น้ำเงิน สร้าง สี ละ 1000 เหรียญ
    เนื้อชุบทอง สร้าง 5000 เหรียญ
    เนื้อชุบเงิน สร้าง 5000 เหรียญ
    พระเนื้อผงพุทธคุณหนุมานเหินหาว

    [​IMG]

    ประเภทเครื่องราง

    สิงหราชา , แหวนสิงห์

    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...