สำหรับ คนที่สนใจเรื่องการเปิดจักระและโทษของมัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 17 ตุลาคม 2007.

  1. คิดได้แค่นี้

    คิดได้แค่นี้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +352
    :cool: ถ้าเปิดจักระแล้วไม่ดีก็ไป ปิดซิจ๊ะ
    ลองเสาะหาอาจารย์ปิดจักระดู :cool:
     
  2. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    จับมีดที่ปลายมีด มือก็เป็นแผล
    พระพุทธเจ้า จึงสอน สิ่งที่เป็นกลางๆ ใช่ป่ะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2010
  3. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    อ้่างอิง:...ผมเลยสงสัยว่าในพุทธกาลนี่มีผู้ที่เป็นหมอ บรรลุเป็นพระอรหันต์ได้บ้างหรือไม่ เพราะการรักษาโรคนี่อาจจะได้บุญกุศลจากการรักษาโรค แต่ขณะเดียวกันอาจจะเพิ่มกรรมของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน....

    ความเห็น

    เท่าที่ทราบ...ก็ เป็นอย่างที่คุณสงสัย...เพราะ บางกรณี ไปล้ำเส้น กฎแห่งกรรม...ดวงจิต ของ บรมครูแพทย์ ทั้งหลาย จึง ต้องแบ่งภาค ลงมาจุติ...ไม่เช่นนั้น ก็ ลำบาก...แม้กระทั่งทุกวันนี้ คิดว่า...ก็ยังมี เรื่องแบบที่ว่า...บ้านเมืองจึงเดือดร้อน...

    ..เรื่องของคุณขันธ์... ผม เห็นด้วยและ อนุโมทนาให้แล้วครับ ...คนที่ชอบทางฤทธิ์ มักจะพลาดพลั้งได้ง่าย....สังเกตพวกนี้ วจีกรรม และ มโนกรรมร้อนแรง...ก็ เนื่องจาก การฝึกฤทธิ์ นำหน้าการฝึกสติปัญญา...เผลอแว๊บเดียวไปทำร้ายผู้อื่นแล้ว...เป็นคนธรรมดาดีกว่า...ทำร้ายใคร ก็ ไม่ได้ น่ะ ดีแล้ว...จะได้ ไปนิพพานเร็วๆ...
     
  4. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    แต่ละคนก็มีเหตุผลกันไปตามที่ตัวเองศึกษามา......ก็ดีครับ เอามาคุยกันจะได้แลกเปลี่ยนความรู้ ผมก็จะได้ศึกษาบ้างว่าเป็นอย่างไร จะได้ไม่ลองผิดลองถูก.......

    ผมใช้วิธี วางจิตลงตามจักระต่าง ๆ ที่กำหนดในกาย แล้วโคจรจิตไปตามจักระ เมื่อสงบดีแล้ว ก็วางลงภายใน สงบนิ่ง พิจารณาธรรมที่คิดขึ้นมาได้ ไปเรื่อยๆ

    ข้อดีที่เราวางจิตลงตามจักระต่าง ๆ คือ จิตไม่ดิ่ง ไม่สงบเงียบ แต่ตื่นตัวดี ไม่รู้สึกง่วงเหงา แจ่มใสเหมือนได้ไปท่องเที่ยวทั่วร่างกาย เหนื่อยก็พักผ่อนสงบนิ่งอยู่ภายในตามที่กล่าว...

    มันก็ได้วิธีใหม่ที่แปลก ๆ ออกไป ผลสุดท้ายก็จบลงที่เก่า ......ถ้าใช้แบบเดิมมันก็ง่าย แต่เดี๋ยวเดียวก็จบแล้ว .....แบบใหม่ ไปหลายที่ หากจะพูดว่า มันไม่ใช่ทาง ไม่ใช่สิ่งที่ทรงสอน ถ้าหากได้สิ่งที่พิเศษกว่ามนุษย์ เหนือมนุษย์ขึ้นมา มันก็ไม่น่าจะเสียหาย.........

    ดังมีคำที่ถามอยู่ประโยคหนี่งว่า "จะมีความเก้อเขินหรือไม่..? ถ้ามีเพื่อนบรรพชิตถามว่า ...(จำไม่ได้แฮะ..) ได้คุณวิเศษอะไร บ้างไหม ?? ทำนองนี้..ใครจำได้ก็ช่วย แน๊..

    ใครบ้างไม่อยากได้ ลองยกมือขึ้นซิ???????????????? เอาเถอะ ก็ลอง ๆ ดูกันไป ถ้าเขามาเชิญไปนับถือศาสนาอื่น หรือ ชวนไปตัดเศียรพระในโบสถ์ไปขาย ค่อยว่ากันอีกที.............ดีครับที่มีความเห็นแย้งให้ได้หลายแง่ หลายมุม ....ผมรับได้หมด คร๊าบ..
     
  5. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    เอา2เรื่องมายำรวมกัน ที่แท้มันคนละเรื่อง
    เอาสติปัฎฐาน4มาพูด แน่นอนไม่มีอะไรดีกว่าอยู่แล้ว การปฎิบัติเพื่อมุ่งสู่นิพพานที่เห็นผลได้ใน7วัน7เดือนไม่เกิน7ปี อะไรจะไปประเสริฐกว่า
    อย่างไรก็ตามกระทู้นี้เหมือนเอามีดที่คมกล้ามาเทียบกับสาก
    ดูวัตถุประสงค์การใช้หรือเปล่า
    คนฝึกจักระ ฝึกลมปราณก็เพื่อความแข็งแรงของสุขภาพอนามัย
    ใครว่าฝึกจักระแล้วได้อภิญญา ได้ฤทธิ์

    ฐานของจักระก็มีอยู่ตามธรรมชาติเป็นตำแหน่งเดียวของต่อมไร้ท่อต่างๆ การหมุนหรือกระตุ้นจักระคือการให้ระบบไฟฟ้าของร่างกายทำงานดีขึ้นเพื่อให้ต่อมไร้ท่อของผู้ฝึกทำงานดีขึ้น
    ที่ควรระวังจุดเดียวคือควรกระตุ้นจักรกระหม่อมก่อนและพึงหลีกเลื่ยงการกระตุ้นจักรฐานเพื่อไม่ให้ไฟธาตุแตกเท่านั้น
    ข้อสังเกตไม่ให้ถูกหลอกคือ
    ใครเปิดจักระให้คนอื่นโดยหวังอามิสคนนั้นเลว เพราะครูบาอาจารย์ให้สอนฟรี
    คนใช้จักระเพื่อการรักษาคนอื่นแล้วคิดเงินก็เลวด้วย เพราะธรรมชาติเป็นของฟรีไม่มีต้นทุนและdoctor fee
     
  6. สมโภช_W

    สมโภช_W Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +45
    ขึ้นชื่่อว่าคน คลุกเคล้าปะปนกันไป
    บ้างต้องการความสงบ
    บ้างต้องการฤทธิ์
    บ้างต้องการแค่ผ่อนคลาย
    จึงต้องมีทางให้หลายทาง
    ทางใดถูกกับจริตท่าน

    อย่าลืมเสริมศีล และ ธรรมเข้าไปด้วย
     
  7. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    คนแต่ละคนความมั่นคงในจิต ความเห็นจริงไม่เท่ากัน
    เมื่อวานก่อน สแกนกรรม วานนี้ระเบิดจิตวันนี้เปิดจักระ พรุ่งนี้เปิด(นางงาม)จักรวาล แล้วต่อไปเปิดอะไรอีกดี ที่มันอ้อมนิพาน
    เมื่อไหร่จึงจะพอใจ และเข้าใจในความเป็นเรา เลิกอยากได้หรือยัง ไม่อยาก ก็จบ ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก
    บางคนหลงกับอารมณ์ที่ได้รับ บ้างก็กลายเป็นพวกทรงเจ้าเข้าทรงไปเลยก็มีให้เห็นถมไป
    ยังจำกลุ่มสาวกของลัทธิ Heaven's Gate ได้ป่ะ ถึงกับเชื่อไปได้ว่าดาวหางเป็นประตูสู่โลกใหม่ ชวนกันฆ่าตัวตายหมู่ ทั้งลูกเล็กเด็กแดง .......เพราะเชื่อแบบไม่มีสติหลงอารมณ์
    [​IMG]

    นี่หละพวกที่คิดว่าตัวเองรู้อะไรดีๆกว่าชาวบ้าน รู้ความลับสวรรค์ เลยกลายเป็นเรื่องสลดของความหลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กรกฎาคม 2010
  8. pra_TopSecret

    pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    นี่แหล่ะ
    ความไม่รู้ แล้วพยาม แถก เข้าไป

    แถก เข้าไปทั้ง ๆ ที่ไม่รู้

    แม้ภาวะ การบรรลุโสดาบัน
    ในความละเอียดที่สุดของโสดาบัน
    ยังมีเรื่องของ พลังขักรวาลนี้มาเกี่ยวข้องอย่างแยกไม่ได้

    คุณขันธ์
    ใช้ การปรุงแต่งหาเหตุหาผลมากเกินไป
    จนเอาเรื่อง จักระ มานั่งหาเหตุหาผลแบบนี้ด้วย
    แบบนี้ ก็มีด้วย
    สรรพสัตว์

    เพราะหากผู้ที่ปฏิบัติสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐานมาก่อนแล้วนั้น
    ย่อมตอบเรื่องนี้ได้สบายมาก

    ความละเอียดของสิ่งที่ไหลเวียนในกาย

    พลังการไหลออก และไหลเข้า
    เรื่องของอุณหภูมิ

    และความสัมพันธ์ ของ สัมพันธภาพระหว่างพลังเหล่านี้
    เกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด หากทำกรรมฐานจริง ๆ

    แน่นอนเลยว่า คำตอบที่ออกมา จะไม่ใช่ เหมือนในกระทู้นี้อย่างแน่นอน
    พลังอินทรีย์ของ ศรัทธา สติ วิริยะ สมาธิ และ ปัญญญา
    นี้แหล้ะ เค้าเรียกว่าอินทรีย์
    เพราะมันคือพลังที่มีอยู้จริง

    วิปัสสนาจึงต้องอาศัยการปับอินทรีย์พละ เหล่านี้ให้เท่ากัน

    และที่สำคัญ หากทำกรรมฐานกันจริง ๆ แล้ว
    ไม่ว่า สมถะ หรือวิปัสสนา

    จักกระจุดหนึ่ง จุดใดในร่างกาย ย่อมเปิดเองโดยอัตตโนมัติ
    เพื่อการไหลเวียน พลังดังกล่าว

    เรืองพลังนี้ เป็นเรื่องละเอียดพอตัว

    เรื่องพลังจักระนี้
    ผู้เป็นโสดาบัน
    จะมีความรู้เรื่องนี้
    และเรียนรู้กับการปรับพลังเหล่านี้ได้เอง


    คราวหลังมีโอกาส จะเพิ่มเติมให้
    ถือว่า ช่วยท่านเจ้าของกระทู้
    ก็แล้วกัน


    นี่แหล่ะหนา
     
  9. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ความเห็น

    ...อาจารย์ ที่ดีที่สุด ท่าน อยู่ที่ ตัวคุณนั่นแหล่ะครับ..ไม่ต้องไปเสาะหาอาจารย์ที่ใหนให้ มาเปิดจักระ ..เสียทั้งเงิน และ เวลา แล้วก็ เหนื่อย และ บางที...ยังอาจได้ ของแถมกลับมา...เอาออกอยากเสียด้วยซี...

    ..อยากรู้ว่า ทำได้ อย่างไร...ก็ ศึกษาและ ปฎิบัติตามคำสอน ของ แนวทางศาสนาพุทธ ให้ลึกๆ ดู...
     
  10. คณโฑ

    คณโฑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +1,625
    เห็นด้วยครับ


    ดีคับทุกคน

    ผมก็ฝึกเป็นมาแต่ ปี 45 แล้วครับ ก็เห็นมีแต่ผลดีไม่เห็นมีผลเสียอะไรนะครับ
    พระพุทธองค์สอนให้เดินทางสายกลาง
    เปรียบเช่นอาหารที่กินแล้วมีประโยชน์ แต่ถ้ากินมากไปก็เป็นโทษ กินผิดวิธีก็เป็นโทษ การฝึกหรือการใช้จักระเพื่อให้ได้ประโยชน์ต้องมีความรักความเมตตาความยินดีปราณาดีใส่เข้าไปด้วยครับถึงจะมีผลและไม่เป็นโทษ ถ้าฝึกหรือทำด้วยสติ ไม่มีอัตตาก็จะมีประโยชน์มากกว่าโทษ ครับผม
    พลังต้องมีไหลเข้าและออกเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าเข้าอย่างเดี่ยวไม่ออกคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น

    การไม่รู้หรือรู้มาไม่จริงและรู้มาไม่หมด นี่แหละ ความผิด แล้วก็นำมาพูดต่อแบบผิดๆอีก กรรมจริงๆๆๆๆ

    การฝึกพลังจักรวาลหรือเปิดจักระ ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนิพพานเอามาปนกันทำไม งง !!!!!

    ทำอะไรด้วยความบริสุทธิใจ เทวดาย่อมรักษา
    ทำอะไรได้แล้วต้องไม่หลง ไม่ยึดติด ไม่โอ้อวด และงมงาย

    ทำด้วยความมีสติ สติ สติ สติ ท่องไว้ครับ

    ใครๆเกิดมาในโลกนี้ก็ต้องตายกันทุกคน อยู่ที่จะตายอย่างไร จะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ จะตายแบบสวยงามไปแบบมีสติและความสุข หรือตายแบบแบกเอาทุกข์ไปด้วย ก็เลือกได้เลยครับตามสติและปัญญาของแต่ละบุคคล

    ขอให้เจริญในธรรม พุทโธรักษา ทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2010
  11. pinitko

    pinitko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +291
    ผมลองฝึกดูผมไม่สามารถเปิดได้ รวมถึงสมาธิผมก็ฝึกไม่สำเร็จ เคยมีอยู่ครั้ง อาจารย์ให้ทำสมาธิทั้งห้อง และก็พูดอะไรไม่รู้คล้ายๆการสะกดจิตจนเสร็จแต่ผมกลับไม่เห็นอะไรเลย
    แต่เพื่อนที่นั่งทำกันด้วยเขาเห็นแสงสีขาว เขากลั้นหายใจได้โดยตัวเขาไม่อึดอัด
    แต่ทำมัยผมไม่เห็นอยู่ที่คนอื่นเห็นคือไม่เห็นอะไรเลยมีแต่สีดำ อยากรู้จริงๆว่ามันมีอะไรผิดปกติในตัวผมหรือป่าวหรือผมเป็นคนจำพวกสมาธิสั้น
     
  12. andnamwan

    andnamwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +206
    เพื่ออะไร.................
     
  13. Plagruy

    Plagruy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +130
    จักระหมุนตั้งแต่เกิดทุกคน หากหมุนผิดปกติก็ป่วย เพราะมันคือส่วนที่เชื่อมกายหยาบกับออร่า
    แต่ที่ จขกท.พูด น่าจะหมายถึงการเปิดจักระแบบหักโหม อย่างมากก็ถึงขั้นเป็นบ้าได้
    สิ่งที่ต้องทำก็แค่หมุนจักระกลับด้าน หากรับพลังมากไปก็หมุนตามเข็มเหมือนสัญลักษณ์พระจันทร์(มองจากด้านในตัว)
    หากบอกว่าหมุนส่งพลังไม่หยุด หมดแรงหรืออื่นๆ ก็หมุนทวนเข็ม เหมือนสัญลักษณ์พระอาทิตย์(มองจากด้านในตัว)
    รับรองว่าหายแน่นอน หรือหากไม่สบายใจก็ หายใจเข้าออกยาวๆสัก5นาที เพื่อครีน
    อันนี้ตามประสบการณ์ของผมอะนะ หากผิดใจก็ขออโหสิให้ผมด้วยครับ


    ปล.สัญลักษณ์ที่ว่าเป็นสัญลักษณ์โบราณอะนะ เหมือนก้นหอย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2010
  14. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    ขอบคุณสำหรับเจ้าของกระทู้ค่ะ ดูกันให้ดี มีสายดำปนมาเล่นด้วย พวกนี้พลังมาก ตอนแรกเปิดใหม่ๆคนรับก็ดี สักพักไม่เวิร์ก บางคนถูกดูดพลังไม่รู้ตัวหรือโดนพลังแฝงครอบงำ
     
  15. buasawan

    buasawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +52
    ขอบคุณคะ ที่ได้ความรู้ใหม่คะ
     
  16. AFIKLIFI

    AFIKLIFI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +53
    แล้วคนที่ฝึกพลังจักวาลละครับ
     
  17. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +1,025
    ก็โดนแบบเดียวกันนั่นแหละครับ -*-

    ขนาดผมฝึกแค่เรกิยังโดนเลย

    รักษาไม่ได้ด้วย

    ตอนแรกก้ไม่รู้หรอก อ.บอกว่าฝึกเรกิต้องเปิดจักระก่อน

    แล้วแกก็เปิด

    แล้วผมก็แย่จนถึงทุกวันนี้ ( 3 ปี แล้ว )
     
  18. หายใจ

    หายใจ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +13
    ขอบคุณสำหรับข้อความทุกๆ ข้อความที่ให้ความรู้ครับ ขอเสริมนิดนึงว่า "ถ้าสิ่งใดเกิดขึ้นเพียงแค่ไม่ใส่ความรู้สึกในสึ่งนั้น สิ่งนั้นก็จะหายไปเอง" (ถ้าไม่เข้าใจก็ขอโทษด้วยนะครับ)
     
  19. beverzone

    beverzone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    589
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +2,174
    ขอบคุณที่นำมาให้พิจารณาครับ
     
  20. TIME Diver

    TIME Diver สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +14
    [​IMG]

    power of relaxation



    หลาย คนอาจเคยดูกีฬาหรืออาจเคยเข้าแข่งกีฬาเองเลย คุณสังเกตเห็นใหมครับว่าถ้าแมตช์ใหนนักกีฬาเครียด เขาจะเล่นได้แย่กว่าฝีมือปกติของเขา โดยไม่เกี่ยวกับสภาพร่างกาย โดยเฉพาะกีฬาที่ใช้ความแม่นยำและจังหวะมากกว่าพละกำลังตรงๆเช่นตีกอล์ฟ ยิงปืน บาสเก็ตบอล เบสบอล ฟุตบอลฯลฯ นี่เห็นชัด ทำไมมันเป็นอย่างนั้น ทำไมโค๊ชทุกคนรู้ดีว่าเขาต้องทำให้นักกีฬามั่นใจและเล่นโดยไม่เครียดถึงจะ แสดงฝีมือได้เต็มที่

    มันคือพลังจิตที่ช่วยให้นักกีฬายิงลูกหรือ เคลื่อนไหวออกไปด้วยแรงที่เหมาะสม ในตำแหน่งที่พอดี ในจังหวะที่ถูกต้องครับ หากนักกีฬาอาศัยเพียงสมรรถภาพทางกายกับแค่ทำตามสูตรในหนังสือกีฬาอย่างเดียว โดยไม่อาศัยพลังจิตแล้วเล่นได้ดี เราจะไม่ต้องมีกองเชียร์และไม่มีคำว่าตื่นสนามเลยในวงการกีฬาครับ แต่ที่มันเป็นอย่างนั้นเพราะพลังจิตมีส่วนสำคัญต่อศักยภาพในการทำสิ่งต่างๆ ของมนุษย์ ไม่เพียงแต่ กีฬาเท่านั้น ทุกกิจกรรมเกี่ยวกับพลังจิต การสอบ การคิด ประดิษฐ์ ทำงานศิลปะ การแสดง หรือสร้างสรรอะไรก็ตามจะไม่ได้ผลดีหากเราไม่ผ่อนคลาย

    และถ้าใครชอบดู หนัง คงต้องเคยได้ยินชื่อ สตาร์ วอร์ STAR WARS มาบ้าง และหากเราโชคดีได้ดู จะสังเกตว่าเหล่าอาจารย์เจไดจะเตือนลูกศิษย์ตลอดเวลาว่า relax (ซึ่งแปลว่าผ่อนคลาย) โดยส่วนตัวแล้วผมเองไม่อยากให้เราเชื่อตามสิ่งที่ปรากฏในหนังเลยแม้แต่อย่าง เดียว จนกว่าจะได้ทดลองแล้ว แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมพบว่าพลังจิตเกือบทั้งหมด(หรืออาจจะทั้งหมด)จะทำงานไม่ได้เลยหากเราผ่อน คลายไม่ดีพอ

    ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ได้คุ้นเคยกับการใช้พลังจิต สิ่งนี้อาจฟังดูไม่สมเหตุสมผล เราคุ้นเคยกับคำพูดที่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น และ เราคุ้นเคยกับภาพในหนังที่เห็นคนใช้พลังจิตเพ่งอยู่กับการรีดเค้นพลังจิตออก มาจนตัวสั่นเหงื่อท่วม แต่จริงๆแล้ว ในโลกของพลังจิต ถ้าเราเครียดขนาดนั้น นอกจากไม่ทำให้พลังจิตได้ผลแล้ว มันกลับยิ่งทำให้พลังจิตทำงานน้อยลงครับ ขอย้ำ ว่าน้อยลง สำหรับกิจกรรมทางโลกทั่วไปหากไม่ใช้พลังจิตเราอาจรู้สึกว่าผลงานมันออกมา ฝืดๆไม่เต็มที่แค่นั้น แต่ในทางพลังจิต การไม่สามารถผ่อนคลายมันทำให้ผลออกมาแย่จริงๆหรือไม่เกิดผลอะไรเลยด้วยซ้ำ ครับ


    วิธีการผ่อนคลายนั้นมีมากมาย ซึ่งแต่ละวิธีก็เหมาะกับรสนิยมและระดับฝีมือของแต่ละคน ไม่มีวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนทุกสถานการณ์หรอกครับ ผมเองก็ใช้อยู่หลายวิธี แล้วแต่ว่าขณะนั้นเหมาะกับวิธีใหน แต่ผมชอบวิธีนี้ที่สุด วิธีของผมแบ่งออกได้เป็นสองส่วน คือส่วนระบาย กับส่วน พัก

    การระบาย

    [​IMG]



    1.เอา ฝ่ามือไปทาบกับวัตถุอะไรก็ได้ เตียง พื้น หินพรมต้นไม้ ที่ดีที่สุดเป็นพื้นดิน แต่ถ้าไม่สะดวก ก็เอาอะไรก็ได้ครับ(แต่ไม่ควรเป็นคนหรือสัตว์)

    2.กำหนดภาพพลังความ ฟุ้งซ่านจากในตัวเรา อาจสมมุติให้มันมีลักษณะอย่างไรก็ได้ตามที่เรารู้สึกว่ามันควรจะเป็นแบบนั้น เช่นอาจเป็นสายน้ำสีเทา หรืออะไรก็แล้วแต่ หากคุณไม่เห็นหรือไม่รู้สึกถึงพลังความฟุ้งซ่าน ก็แค่กำหนดอะไรขึ้นมาสักอย่างแล้วสมมุติว่านั่นเป็นความฟุ้งซ่าน ไม่ว่าเราจะรู้สึกจริงๆหรือแค่สมมุติก็ตาม มันได้ผลอยู่ดีหากเราเปิดใจทดลอง

    3.ปล่อยความฟุ้งซ่านนั่นออกไปตามแขนและมือ ผ่านฝ่ามือไปยังวัตถุเป้าหมายที่เราวางฝ่ามือไว้

    4.ระบายออกไปเรื่อยๆจนรู้สึกสงบ เป็นอันเสร็จการระบายพลังงานส่วนเกิน




    การพัก(ต่อจากการระบาย)

    1.นอน ไม่จำเป็นต้องใช้หมอน หรืออาจใช้ถ้าไม่ชอบนอนราบจริงๆ ท่าที่ดีที่สุดคือท่านอนหงายธรรมดาที่ทางโยคะเรียกว่าท่าศวอาสนะ(corpse posture) แต่หากทำไม่ได้ก็ใช้ท่าตามสะดวก หรือจะนั่งบนเก้าอี้นวมก็ได้ครับ แต่ที่สำคัญต้องแน่ใจว่าไม่ต้องออกแรงพยุงตัวเลยแม้แต่นิดเดียว คือสามารถหลับไปในท่านั้นได้เลย



    2.หายใจนุ่มๆช้าๆ ลึกๆ ยาวๆ

    3.เริ่มที่ปลายนิ้วเท้า ผ่อนคลายนิ้วเท้า ปล่อยความเครียดออกจากนิ้วเท้าให้หมด เราควรรู้สึกว่านิ้วเท้าเบา สบาย

    4.มาที่เท้าทั้งหมด ผ่อนคลายเท้าให้สบาย

    5.ไล่ขึ้นมาตามแข้ง เข่า ต้นขา ก้น

    6.ขึ้นมาตามสะโพก ลำตัว เอว หลัง ซี่โครง อก ค่อยๆผ่อนคลายให้สนิท

    7.คอ ไหล่ บ่า สะบัก(บ่าด้านหลัง) แขน ศอก ข้อมือ ฝ่ามือ นิ้วมือ

    8.ผ่อนคลายคอ คาง ขากรรไกร ปาก แก้ม จมูก หู ลูกตา เบ้าตา หว่างคิ้ว(สำคัญมาก) หน้าผาก หนังหัว

    9.ควรจะครบ สำรวจว่ายังเหลือที่ใดที่ยังไม่ผ่อนคลาย พักให้หมด เป็นอันจบการผ่อนคลาย



    นี่ คือวิธีการฝึก ระบาย+ผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม สังเกตว่ามันจะใช้เวลาพอสมควร จริงๆแล้วในการใช้พลังจิตเราไม่จำเป็นต้องเตรียมผ่อนคลายเต็มรูปแบบอย่างนี้ ทุกครั้งไปครับ เพียงแต่แรกๆคุณควรฝึกทำแบบนี้จนร่างกายเกิดความเคยชินแล้ว มันจะทำงานโดยอัตโนมัติเร็วขึ้นไปเอง หากเราชำนาญ แค่พอคิดจะผ่อนคลายก็ผ่อนคลายเสร็จแล้วครับ


    และแล้วก็จบลงอีก1บท ขอให้ทุกท่านนอนหลับฝันดีนะครับ


    สรุป

    1.ขณะที่เราไม่ผ่อนคลาย เราไม่สามารถใช้พลังจิตได้

    2.วิธีการผ่อนคลายมีมากมาย ไม่มีวิธีใหนที่ดีที่สุด ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม

     

แชร์หน้านี้

Loading...