ขาดกำลังใจในกายปฏิบัติธรรม ควรจะทำอย่างไรดีครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Jera, 7 กรกฎาคม 2010.

  1. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    เนื่องจากตอนเเรก ก็ได้มาปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิก่อนนอน ทุกวันสวดมนต์เเผ่เมตตา เเละมีวันหนึ่ง เกิดเเสงสว่างเเล้วก็เด้งออกมา เเล้วก้ไม่สามารถเข้าไปถึงจุดนั้นได้อีก ยิ่งทำก็เหมือนยิ่งตก ก็เลยขาดกำลังใจในการปฏิบัติธรรมครับ

    ขอวอนผู้รู้ช่วยทีครับ ว่าควรจะทำเช่นไรดี

    ........................................................................................
     
  2. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    ยิ่งอยากยิ่งไม่ได้ครับ ในการปฏิบัติไม่ควรตั้งใจเกินไป ทำตัวทำใจให้สบายๆครับ
    และไม่ต้องไปคาดหวังว่าจะเจอสิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือคาดว่าจะต้องเจออาการแบบเดิม
    ผมเองก็เคยเป็นเหมือนกัน กว่าจะผ่านความอยากตรงนั้นมาได้ ก็เกือบๆปีครับ
    ตอนนี้ก็แค่ทำไปเรื่อยๆ ทำบ่อยๆ แค่นี้เองครับ




    ปล.แสงสว่างผมก็เคยเจอนะ แต่ก็เจอแค่ครั้งเดียว เคยพยายามทำให้ได้อีกครั้งเหมือน จขกท นี่แหละ
    สุดท้ายก็เลิก เพราะทำให้ตายยังไงมันก็ไม่เห็นอีก คงเป็นเพราะความอยากของตัวเรา
    เล่าสู่กันฟังขำๆนะครับ แต่ก่อนก็มีคนแนะนำผมแบบนี้แหละ ทำสบายๆอย่าอยากให้มาก แต่ก็นะ ไม่เชื่อ
    ไม่ถึงกับไม่เชื่อ แต่การให้ความอยากหายไป มันทำไม่ได้ เพราะความอยากมันบังตา ต้องลำบากก่อน
    นี่ก็ถือเป็นบทเรียนของผมเอง จนทุกวันนี้ก็ยังอยากอยู่นะครับ เพียงแต่ไม่สนใจมัน มันอยากก็ให้มันอยากไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2010
  3. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ขอบคุณครับเป็นคำเเนะนำที่ดีมากครับ
     
  4. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    เเสงสว่างเห็นก็รู้ว่าเห็น มันเเค่ของเอามาหลอกเราเฉยๆ ครับ
    เชื่อว่าหลายคนก็รู้เเล้ว เเละก็ไม่สนใจมัน
    ผมก็มีปัญหาเเบบนี้เหมือนกัน ยึดติดกับสภาวะที่ดีๆ เเต่....

    ถ้าคิดจะสู้กับกิเลสอย่าถอย ถ้าถอยหมายถึงถอยไปหลายชาติเลยนะครับ
    หรืออนันชาติก็ไม่รู้ เลยยังไงก็ไม่ถอยละกัน กว่าจะเจอพุทธศาสนาเเล้ว
    หันมาปฏิบัติอีกมันยากมากครับ ถอยครั้งนี้เสียดายเเย่
    ต้องศึกษาปฏิบัติไปเรื่อยๆครับ ไม่มีใครเก่งเเต่เริ่ม
     
  5. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ..ครับขอบคุณครับ.......
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อย่างที่ท่าน...<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->suthipongnuy<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3514746", true); </SCRIPT> บอกนะครับ....

    คือเมื่อจิตเราสงบไปช่วงหนึ่ง....ก็จะปรากฏแสงที่สว่าง(ในอุปจารสมาธิ..จิตจะสัมผัสได้ถึงความสงบและมีสุข...แต่ยังมีความสนใจได้ในแสง...สนใจในความเคลื่อนใหวไปมา...แสงสีต่างๆ....ต่างกับในฌาน ๔..เมื่อเห็นก็ไม่ได้ให้ความสนใจในแสง.สว่างโปล่ง..ไม่รู้ว่า..จขกท..เป็นแบบใหน).....

    ผู้ปฏิบัติบางคนเมื่อเจอแสง...และได้สัมผัสกับความสงบอันเป็นสุขนั้นในสมาธิขั้นอุปจารสมาธิ.....พอจิตเคลื่อนไปจับที่แสง....สมาธิเคลื่อนออกไป......แสงก็จะหายไป...ทันที....ปรารถนาอีกมันก็ไม่มีทางมา.....เพราะจิตฟุ้งซ่านมากเกินไป...ถือเป็นเรื่องปกตินะครับ.....

    ความจริงแล้ว....แสงที่เห็นนั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย....เป็นเพียงอาการหนึ่งที่ปรากฏในลำดับของสมาธินั้น......จริงๆพูดตามตรงนะครับ.....เมื่อไรพ้นอยาก...จิตสงบ....จนถึงระดับ....มันก็จะเกิดใหม่.....เป็นอย่างนี้......แต่บางครั้งต้องถามตัวเองนะว่า...จะยึดไปเพี่ออะไร....เพราะประโยชน์ไม่มี........เป็นเพียงแค่เครื่องบอกเท่านั้น......ถ้าผ่านพ้นตรงนั้นไป.....ก็จะเจอในสิ่งที่ดีกว่านั้นมาก....ธรรมที่สูงกว่านั้นยังมีอยู่นะ......

    จะไปลองดูก็ได้นะครับ......ถ้าทำถูกไม่นานมันกลับ....แล้วถ้ามันกลับคุณจะทำอย่างไรต่อไป.....
     
  7. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    เรียกว่าตัวขี้้เกรียจเข้ามาครอบงำก็ว่าได้ครับ
    มีวิธีตามรู้ก็คือ รู้ไปเรื่อยๆครับ
    อะไรเด้ง อะไรแสง อันนี้ไม่ใช่ประเด็นเพราะตัวผู้ประสบเองนั่นแลจักเป็นรู้ดีกว่าใครๆ
    ดังนั้น ตัวความขี้เกรียจนี้จะถูกจัดอยู่หมวดของนิวรณ์ ได้แก่

    นิวรณ์ 5

    อกุศลธรรมที่คอยทำลายล้างความดี ก็มีนิวรณ์ 5 คือ

    1. กามฉันทะ ความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส อันเป็นวิสัยของกามารมณ์
    2. พยาบาท ความผูกโกรธ จองล้างจองผลาญ
    3. ถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณธรรม
    4. อุทธัจจกุกกุจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน และความรำคาญหงุดหงิด
    5. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติ ไม่แน่ใจว่าจะมีผลจริงตามที่คิดไว้หรือไม่เพียงใด

    ขอขอบคุณ เว็บ Real Estate Books For Developer's

    ดังนี้..จึงกล่าวได้ว่ามีหนทางที่เราจะสามารถแก้ไขได้คือการ ปฏิบัติไปเรื่อยๆ มีอะไรเกิดขึ้นก็รู้ ไม่เกิดก็รู้ อยากเห็นแสงนั่นก็รู้ ไม่อยากแล้วก็รู้ เบื่อแล้วก็รู้ รู้ไปเรื่อยๆ
    รู้จนกว่าจะรู้แจ้งได้หมดนั่นเอง เพียงเท่านี้ หากจะมองในแง่ว่ายากก็ยาก มองในแง่ว่าง่ายมันก็ง่าย

    ขอจงพิจารณาดูนะครับ

    อนุโมทนาครับ ปฏิบัติต่อไปอย่าย่อท้อเราย่อท้อมานานแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2010
  8. ฐานิดา

    ฐานิดา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +6
    ใจเย็นๆค่ะ พยายามปล่อยวาง ทำไปเรื่อยๆ แล้วจะดีเอง จะคอยเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ สู้สู้
     
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    การขาด กำลังใจ นั้นจริงๆ จะเป็นเรื่องเกิดตลอดสายการปฏิบัตินั้นแหละ

    พระอนาคามี ยังแก้ตัวเองไม่ได้เลย เวลาติดปัญหาตัวนี้ขึ้นมา เพราะท่าน
    จะเห็นว่าท่านทำสมถะอยู่แทบทุกลมหายใจ ก็เลยไม่รู้ว่า ขาดกำลังใจ ไปแล้ว
    ถ้าไม่ประมาทก็จะเอะใจทัน

    สรุปคือ การขาดกำลังใจนั้น เป็นเรื่องที่ยังไงเสียนักปฏิบัติก็ต้องเจอ เจอดีกว่า
    ไม่เจอ เจอแล้วดีเสียอีก เพราะเราจะรู้ข้อพร่องของเราทันก่อนที่จะสายเกินแก้

    เวลาขาดกำลังใจ วิธีง่ายๆ ก็ดูลงไปเลย รับรู้รสธรรมขาดกำลังใจไปเลยตรงๆ
    พิจารณาไปตรงๆ จิตจะตั้งมั่นได้หนึ่งขณะ สองขณะ แล้วดูความเปลี่ยนแปลง
    ตรงนั้นเป็นอาการจิตสัดส่ายไปเลย จะยกภูมิวิปัสสนาเข้ามาแก้ไข สติจะเฉียบ
    คมฉับไวได้ทันตาเห็น แต่อย่าลืมว่า เราจะมุ่งเห็นการขาดกำลังใจ ทำธรรมวิจัยะ
    กับ อาการของจิตขาดกำลังใจ จึงไม่ใช่ทำให้อาการขาดกำลังใจมันหายไป
    ด้วยการแก้ไข(สมถะ) ดังนั้น มันจึงเป็นการ มุ่งรู้ทุกข์สัจจแบบธรรมานุปัสสนา
    จิตใจจะแห้งผากขาดความชุ่มชื้น เห็นแต่ทุกข์ แต่....ผลที่ได้ หากทำได้ถูก
    ก็จะปริวัฒน์แบบก้าวกระโดดไปเลย เพราะการเห็นธรรม พิจารณาธรรมนั้นคือ
    การเขยิบเข้าหา การเห็นพระพุทธโดยตรง ผลที่ได้จากการเข้าใจธรรมจะเกิด
    ปิติมหาศาล

    วิธีที่สอง คือ การทำสมถะมาแก้ไข ตรงนี้นั้นเป็นเรื่องของการพัฒนาเครื่องมือ
    ขึ้นมาใช้แก้ขัด เป็นการขัดลำ ชั่วครั้งชั่วคราว แต่จิตใจจะชุ่มชื้น ดูคล้ายๆ
    มีความหวัง(สมถะ นั้นอาศัยอยาก มันจึงปรากฏเขม่าของความหวัง ซึ้งจะย้อน
    มาเล่นงานให้เห็นความ ลมๆแล้งๆ แห้งแล้งยิ่งกว่าเอาตอนท้าย)

    การพัฒนาเครื่องมือ เพื่อช่วยให้มีกำลังใจ ก็มีตั้งแต่การเก็บ แสปร์ โดย การ
    ตั้งใจทำการงานเล็กๆน้อยๆให้สำเร็จ การกวาดบ้าน ถูเรือน จัดห้องหับ สละ
    ทรัพย์ส่วนเหลือใช้ เหลือเก็บ มดแมลงนกหนูงูๆปลาๆเจอไม่เด็ดชีวิตเขา น้ำเมาไม่ยุ่ง เรื่อง
    มุดมุ้งไม่ข้องเกี่ยว วจีเกี้ยวแลกราดเกรี้ยวหมั่นลดละ สัจจวาจาหมั่นปรารภแล้ว
    รักษา เหล่านี้ คือ เครื่องมือเล็กๆน้อยๆ ที่ช่วยให้มี เครื่องมือในการเติมกำลัง
    ใจ ด้วยความสำเร็จในการงานย่อยๆ ส่งผลเป็นปิติ สุข เสริมงานใหญ่

    ก็จะเห็นว่า เครื่องมือเหล่านี้ เราคุ้นเคย ทำเป็น เคยทำ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยัง
    ปรารภว่า ขาดกำลังใจ ทั้งนี้เพราะ วาดภาพเป้าหมายไว้สูง เลยทำให้สายตามอง
    ข้ามเครื่องมือเล็กๆน้อยๆ ไป ก็เท่านั้นแหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2010
  10. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ขาดกำลังใจเพราะไม่รู้ว่าทำไปทำไม ทำไปแล้วจะสำเร็จไหม เมื่อไหร่
    - ปฎิบัติธรรมศาสนาพุทธจุดประสงค์เพื่อพ้นทุกข์โดยตรง
    สำเร็จไหม
    - ทางนี้พระศาสดาทำไว้ สาวก พิสูจน์เส้นทางแล้วว่า พ้นทุกข์จริง พระนิพพานมีจริง
    เมื่อไหร่
    -ก็เมื่อนั้น ทำปัจจัยให้พร้อม อริยมรรคมีองค์8

    เด๊วมีทุกข์หนักๆดีดดิ้น นึกถึงพระพุทธองค์เอง อาจจะยังไม่ค่อยได้ทุกข์หนัก
    พลัดพราก ผิดหวัง สูญเสีย ตื่นเช้ามาไม่มีกินทุกข์แล้ว ปวดขี้ไม่มีที่ขี้ทุกข์ไหมอ่ะ
     
  11. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    ขอบคุณพี่ภาณุเดชสำหรับข้อเตือนใจครับ สำหรับแสงสีในอุปจาระเนี่ย มันเป็นของเด็กเล่นทีเกิดขึ้นไม่ได้สร้างประโยชน์อะไร อาจให้ผลในกำลังใจว่าอย่างน้อยสมาธิของเราก็เข้าสู่อุปจาระแล้ว
    ถ้าเปรียบเทียบในเกมคอมพิวเตอร์ เมื่อเรามาได้ถึงจุดนี้แล้ว มันยากที่จะถอยไปได้ เพราะเรารู้ว่าเราได้มันมาได้ยังไง สิ่งนี้ทำให้เราต้องไปทบทวนให้ดีว่าสมาธิขณะนั้นว่างอย่างไร นั่งท่าไหน ล้อคกริยาที่สบายนั้นไว้ อีกนิดเดียวจะถึงฌานแล้ว บางทีจิตใจมันเคย มันจะผ่านจุดนั้นไปเลยก็มี หรือว่ามันเร็วมากก็ได้
    เมื่อมาถึงจุดที่เราสบายใจแล้วขอให้อธิษฐานว่า "ขอให้ข้าพเจ้าเข้าสู่ภาวะนี้ได้ทุกครั้ง ทุกขณะจิต ที่เข้ากรรมฐาน" และทำบุญด้วยการถวายองค์พระ จะรักษาอารมณ์ใจของเราได้ครับ
     
  12. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เอาพุทธโธให้จิตสงบนะครับ หมั่นภาวนาให้จิตสงบให้ได้ขณิกะสมาธิ อุปจาระสมาธิ และอัปนาสมาธิ และถ้าจิตรวมคือเกิดอารมณ์สงบ นิ่ง เงียบ(อารมณ์สมาธิ) ก็คือเกิดฌาณ ตอนนี้เรียกว่าสมถะกรรมฐาน กำหนดบทภาวนาเสวยอารมณ์แห่งความสุขให้จิตใจชุ่มเย็นอยู่ตามพอใจ แล้วค่อยน้อมนำใจเข้าสู่ภาคปัญญา เรียกว่าวิปัสสนากรรมฐาน ภาวนาขันธุ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้เห็นเป็นอนิจจัง คือมันไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป้นธรรมดา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ พังไปหรือดับไป มันเป็นทุกข์ คือทนอยู่ในสภาพใดๆอย่างถาวรไม่ได้ การแบกการบริหารการคงอยู่ของกายของขันธุ์นี้แหละที่เป้นทุกข์ และเป็นอนัตตาคือ ขันธุ์ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ไม่มีในเรา เราไม่ใช่ขันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร หรือวิญญาณ ล้วนไม่ใช่เรา ไม่มีในเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา นี้แลคือเป็นอนัตตา คือความไม่ใช่ตัวตนของเรา เมื่อภาวนาได้ดังนี้ก็จะเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ขันธุ์ 5 ไม่ใช่เรา เราพึงรับทราบตามความเป้นจริง ทำจิตให้หลุดพ้น ให้เป้นอิสระ เมื่อเข้าใจญาณแห่งความหลุดพ้นย่อมเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดอย่างน้อยก้พระโสดาบัน ถ้าไม่มีสักกายะทิฐฐิ แต่ใจความก้คือไม่พึงยึดมั่นถือมั่นในขันธุ์ 5 จะเป้นเหตุให้คลายราคะ โทสะ โมหะลงไปได้ตามลำดับลำดาตามภูมิธรรมของผุ้ปฏิบัติเอง.....
     
  13. Jera

    Jera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +2,040
    ขอบคุณครับทุกท่าน............
     
  14. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,015
    อย่ายึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดๆทั้งสิ้นครับเเล้วทุกอย่างจะดีเอง จะได้ยินอะไร เห็นอะไรในระหว่างนั่งสมาธิก็ไม่ต้องไปสนใจครับ สนใจอยู่ที่ลมหายใจพุทโธของเราก็พอเเล้วครับ เจริญในธรรมครับ

    นิมิตและวิปัสสนา - Buddhism Audio

    นิมิตและวิปัสสนา<!-- google_ad_section_end -->

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    Artist: หลวงพ่อ พุธ ฐานิโย
    <fieldset class="fieldset"> <legend>ไฟล์ แนบข้อความ</legend> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="3"> <tbody><tr> <td width="20"><input id="play_5563" onclick="document.all.music.url=document.all.play_5563.value;" name="Music" value="attachment.php?attachmentid=5563" type="RADIO">ฟัง</td> <td>[​IMG]</td> <td>07A.wma (2.77 MB, 1977 views)</td></tr><tr> <td width="20"><input id="play_5564" onclick="document.all.music.url=document.all.play_5564.value;" name="Music" value="attachment.php?attachmentid=5564" type="RADIO">ฟัง</td> <td>[​IMG]</td> <td>07B.wma (2.81 MB, 1636 views)</td></tr> </tbody></table> </fieldset>
    <!-- google_ad_section_start -->นิมิต และวิปัสสนา
     
  15. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191

    ตามที่ทุกท่านแนะนำน่ะ ใช่เลยค่ะ อย่า "อยาก" เพราะความอยากคือกิเลส
    สู้ สู้ ทาเคชิ :VO
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2010
  16. ariyabut

    ariyabut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +2,415
    อักขาตาโร ตถาคตา
    ตถาคต เป็นได้เพียงผู้บอก
    ..พุทธพจน์ ..

    นักปฏิบัติ ต้องมี อิทธิบาท ๔ ประจำใจ ปัญหาแบบนี้ ถือว่าเจอกันมาก พอสมควร
    นิวรณ์ เป็นเครื่องกีดกั้น ความดี ให้จิตเข้าไม่ถึง ฌาณ ความอยากรู้ อยากเห็น ในสิ่งที่เคยรู้เคยเห็น ก็จัดเป็นนิวรณ์
    ใช้คำว่า สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น อย่าไปกำหนดว่า จะต้องรู้โน่น จะต้องเห็นนี่ เอาใจจดจ่อ แค่ลมหายใจ และคำภาวนา อารมณ์จิต ก็จะเข้าถึง ฌาณเอง
    สมาธิจะตั้งมั่นได้ ด้วยศีลบริสุทธิ์ ศีลจะบริสุทธิ์ได้ ด้วยพรหมวิหาร ๔ พิจารณา ทุกข์ โทษ ของขันธ์ ๕ คือร่างกาย ควบด้วย นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...