รวมปัญหา จากการปฏิบัติ ๑

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย gatsby_ut, 14 มิถุนายน 2010.

  1. tah-trial

    tah-trial เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +107
    อนุโมทนา สาธุ ครับ
    ได้ความรู้ เอาไปพัฒนาตนเอง เยอะเลยครับ
    ขอขอบคุณท่าน มากๆๆ
     
  2. jaetechno

    jaetechno เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,888
    ค่าพลัง:
    +6,182
    สุดยอด ขอซุปเปอร์อนุโมทนาเลยครับ พอนั่งอยู่ดีๆ มักจะมีตู้เย็นดัง ปัง ปัง ปกติไม่ดังอยู่ทั้งวันก็ไม่ดัง -*- เป็นงี้นี้เอง
     
  3. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    สาธุ สาูธุ บูชาคุณพระรัตนตรัยด้วยคนนะครับ

    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 มิถุนายน 2010
  4. ชาหอม

    ชาหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +119
    สาธุ สาธุ มีบางข้อตรงกับที่อยากรู้เป็นประโยชน์มากครับ

    :cool:
     
  5. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    ปัญหาพระนิพพานและอานิสงส์ต่าง ๆ

    [​IMG]

    "จะไปนิพพานก็ต้องได้ “สังขารุเปกขาญาณ” เป็นวิปัสสนาญาณตัวสุดท้าย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน จะไปนิพพานต้องเป็นพระอรหันต์ ถ้าไม่เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานไม่ได้ พระอรหันต์เขาเป็นตอนไหน ตอนที่ตัดสักกายทิฎฐิ ได้เด็ดขาด..."

    เพื่อประโยชน์ ของตัวท่านเอง โปรดอ่าน ช้า ๆ โดยเอาความเข้าใจ เป็นหลัก การเสียเวลา กับการอ่าน เพื่อแลกกับผลมหาศาล ที่จะตามมา

    จิตลอยไปตัดใจไปนิพพาน
    ผู้ถาม หนูนั่งกรรมฐานที่ ซอยสายลม บ้าน เจ้ากรมเสริม ปรากฏว่าน้ำตาไหลและดวงจิตล่องลอยออกไปไม่ค่อยจะกลับมา เลยตัดสินใจว่าตายวันนี้ขอไปนิพพานทันที อย่างนี้พอมีโอกาสไปได้ไหมคะ เพราะตอนนั้นใจมันลอยไปแล้ว ...?

    หลวงพ่อ ใจมันลอยไป แล้วใครมันนึกล่ะ ใจลอยไปมันหมายความว่ายังไง เอาล่ะไม่เป็นไร ถือว่าตัดสินใจถูกดีกว่า นั้นแหละถูกต้องนะ อย่างนั้นแน่นอน ถ้าตายเวลานั้นไปนิพพานจริง ๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า ง่ายดี !

    ผู้ถาม ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยหรือครับหลวงพ่อ...?
    หลวงพ่อ ก็ลงทุนเยอะ ลงมุนต้องทิ้งบ้านมา ต้องเสียค่ารถมา ต้องเสียความสุขที่อยู่ที่บ้าน เสียความสุขที่อยู่โรงหนัง เสียความสุขในโรงเหล้า โอ๊ะ ! ลงทุนมาก โดยเฉพาะลงทุนหนักก็ตือ ต้องลงทุนทำลายกิเลส เวลานั้นจิตบริสุทธิ์จริง ๆ ขณะที่จิตลอยออก จิตนึกถึงพระนิพพานนี่ จะต้องถือว่าจิตบริสุทธิ์มาก ถ้าตายเวลานั้นไปทันที ตัดใจไปนิพพานก่อนตาย
    ผู้ถาม หนูฟังในที่หลายแห่งของหลวงพ่อว่า จิตสุดท้ายใกล้จะตาย บุญมันจะรวมตัวกันและสามารถไปนิพพานได้ แต่ถ้าหากว่าตอนนั้น ตัดได้บ้าง ตัดไม่ได้บ้างโดยเฉพาะตอนสามีมายั่ว รู้สึกว่าตัดไม่ได้สักที เกิดในตอนนั้น จะไปนิพพานได้หรือเปล่าเจ้าคะ...?

    หลวงพ่อ เอ...มายั่วว่ายังไง ยั่วท่าไหน ตอนที่ป่วยหนัก ๆ ไม่มีใครเขาเข้ามายุ่งหรอก ตอนป่วยหนัก ๆ จริง ๆ นะ อารมณ์มันก็วางอยู่แล้ว วางความรักในระหว่างเพศนะ มันไปไม่ไหวแล้ว ความต้องการความร่ำรวยมันก็ไม่ต้องการแล้ว วางความโกรธ คิดจะไปตีกับใครมันก็ไม่มีแล้ว ตอนนั้นมันวางอยู่แล้ว อีตอนที่ยังไม่เครียดซิ วางไม่ได้นะ
    ผู้ถาม มีข้อแม้เหมือนกันนะ

    หลวงพ่อ มีข้อแม้ แต่ว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าหากว่าได้ มโนยิทธิ ตอนเช้ามืดขึ้นไปนิพพานให้จิตสบาย แล้วก็ตัดสินใจว่า ตายเมื่อไรขอมาที่นี่เมื่อนั้น อันนี้ไม่พลาดแน่ เอาง่าย ๆ ดีกว่านะ

    ผู้ถาม ครับ ๆ

    ตายในคุกไปนิพพานได้ไหม
    ผู้ถาม กระผมอยู่เรือนจำบางขวาง แดน ๓ ได้อ่านหนังสือ ธัมมวิโมกข์ และ คู่มือปฎิบัติกรรมฐาน ทำให้นักโทษ ๓๐ - ๔๐ คน ปฎิบัติรักษาศีล ๘ เป็นประจำ

    หลวงพ่อ เออ....ดีจริง ๆ นะ ดีมากเชียว
    ผู้ถาม ครับ แล้วก็ตั้งใจไว้อย่างนี้ว่า ถ้าตายในคุกก็ดี ตายนอกคุกก็ดี ขอไปนิพพานทันที อย่างนี้จะมีสิทธิ์ได้ไปหรือเปล่าขอรับ ...?
    หลวงพ่อ มีผลร้อยเปอร์เซ็นต์ จะตายที่ไหนก็ตามนะ จิตเขาบริสุทธิ์นะ จะตายในเรือนจำ เรือนจำน่ะมันไม่ใช่ส้วม ตายในส้วมยังไปนิพพานได้เลย เมื่อปี ๒๕๒๓ น่ะ ฉันย่อมไปแล้วในส้วม
    ผู้ถาม ลองเล่าให้ญาติโยมฟังหน่อยได้ไหมครับ

    หลวงพ่อ ลองเล่าได้รึ เรื่องเป็นเงินเป็นทอง คือว่าเมื่อปี ๒๕๒๓ ใช่ไหมล่ะ ท่านถือว่าปี ๒๕๒๕ ขาดจากอายุที่ไปขอไว้ ท่านเคยบอกว่า ถ้าท่านขอ ๒๕๒๕ ไม่ทัน ในปี ๒๕๒๓ ตอนเช้าก็ดีอยู่นะ เดินลงจากชั้นบนหิ้วกระเป๋าอุปกรณ์ที่ทำงานน่ะ ลงมาที่ตึกทำงานใช่ไหม มันก็ปกติ ถ้าป่วยก็หิ้วลงมาไม่ได้ แต่ไปถึงเอาของไปวางแล้วก็นึกอยากจะเข้าห้องน้ำ
    พอนั่งบนโถส้วมปั๊ป ! มันมืดตื๋อไป ไม่เห็นอะไรทั้งหมด

    จิตพุ่งขึ้นทันที แต่ว่าพอไปถึงแล้ว ท่านไล่กลับลงมา ที่ฉันกล้ายืนยันเพราะฉันไปมาแล้ว ไปในส้วมนี่สะดวกกว่าที่อื่นหมด ไม่มีใครกวน เพราะอยู่ในส้วม เราคนเดียว อันนี้เรื่องจริง ๆ นะ ไม่เลือกสถานที่อย่างนึกว่าเรือนจำเป็นที่เลว เพราะจิตเขาน่ะ จิตเขานะบริสุทธิ์ อยู่ที่ไหนก็บริสุทธิ์ใช่ไหม นอนอยู่ในส้วมก็บริสุทธิ์ ไอ้กายสกปก แต่จิตมันบริสุทธิ์ต่างหาก
    คนนั้นเขาดีมาก อย่าลืมว่าเขาอยู่ในเรือนจำ เขาเห็นความทุกข์อย่าลืมนะ นั้นตัวทุกข์เป็นตัว “ อริยสัจ ” นะ คือว่าการเกิดมีเป็นทุกข์อย่างนี้

    คนในเรือนจำนี่ก็ไม่แน่นักว่าเขาจะมีโทษจริงหรือไม่จริง บางครั้งก็ไม่ใช่ไมีโทษจริง แต่พยานเขายันไปยันมา ทนายเห็นด้วย ผู้พิพากษาเห็นด้วย อันยการเห็นด้วยเข้าตะรางไปเลย นี่เยอะ ! อันนี้มีมาก หรือบางทีเขาอาจจะมีโทษจริง แต่ไอ้การที่เขาต้องทำผิด บางทีก็มีความจำเป็นจำใจ ถ้าเขาไล่ฆ่าเรา เราก็รักชีวิตก็ต้องหันไปป้องกันตัวแล้วต่อสู้ เผอิญเขาตาย ฝ่ายนั้นกลับไม่ผิดแต่ตายไปแล้ว
    ไอ้คนที่ป้องกันตัวกลับมีความผิด ไอ้อย่างนี้ก็มีมาก ต้องเห็นใจเขา อย่านึกว่าคนในเรือนจำชั่วทุกคนไม่ได้

    ผู้ถาม อย่างนี้ก็ขออนุโมทนา ที่ชักชวนเพื่อนถึง ๓๐-๔๐ คน ให้ปฎิบัติกรรมฐาน
    หลวงพ่อ เออ...เขาเก่งมากนะคนนี้
    ผู้ถาม รักษาศีล ๘ เสียด้วยนะ หลวงพ่อ
    หลวงพ่อ นั้นซิ ! ศีล ๘ อย่าลืมนะ เป็นภาคพื้นของพระอนาคามีเขานะ ถ้าจิตใจเขาสบายจริง ๆ คิดว่าถ้าวันไหนไม่ได้รักษาศีล ๘ วันนั้นจิตไม่เป็นสุข นี่เขาเข้าพระอนาคามีมรรคนะ ดีกว่าฉันอีก

    ผู้ถาม เอ๊ะ ! ดียังไงครับ ?
    หลวงพ่อ ดีกว่า ฉันเป็นภิกษุแปลว่าผู้ขอเอาเรื่อย ใครให้เอาเรื่อย
    ผู้ถาม อ๋อ........
    ผู้ถาม คณะผู้จัดทำ ก็พลอยดีใจด้วยที่หนังสือนี้มีประโยชน์ แม้กระทั้งผู้อยู่ในเรือนจำ

    [​IMG]


    รักพระนิพพาน
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกรักพระนิพพานมาก ก่อนนอนชอบภาวนาว่า “ นิพพานัง ปรมัง สุขัง” แต่ทำสมาธิไม่ดีเลย อย่างนี้ลูกจะไปนิพพานได้ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ คำว่า “ สมาธิ ” นี่มันจำเป็น แต่คนถามไม่รู้จักตัวสมาธิ ไอ้ตัวสมาธิเขาแปลว่าตามนึกถึง ถ้านึกถึงนิพพานเขาเรียกว่า “ อุปสมานุสสติกรรมฐาน ” ทีนี้ถ้านึกถึงพระนิพพานอย่างเดียว เรารักพระนิพพาน ภาวนาว่า " นิพานัง ปรมัง สุขัง" บ้าง “นิพพานสุขัง” บ้าง “ นิพพานัง สุขัง ” บ้าง แต่ว่าก็ต้องดูอารมณ์ใจ ฝึกไว้อีกส่วนหนึ่ง คนที่จะไปนิพพานได้ต้องไม่ห่วงร่างกาย อันนี้ต้องฝึกไว้ด้วยนะ ต้องฝึกไว้ว่า ขึ้นชื่อว่าร่างกายมันเป็นสภาพของความทุกข์ ที่เรามีความทุกข์เกิดขึ้นทุกอย่าง

    ๑. ความหิว ถ้าเราไม่มีร่างกายมันก็ไม่หิว มันหิวเพราะมีร่างกาย
    ๒. หนาวเกินไป ร้อนเกินไป ก็เพราะร่างกาย
    ๓. ป่วยไข้ไม่สบายก็เพราะร่างกาย
    ๔. ต้องมีงานหนักก็เพราะร่างกาย
    ๕. การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ก็เพราะมีร่างกาย
    ๖. ความตายมาถึงก็เพราะร่างกาย ก็ใช้ปัญญาทบทวนไปว่า คนระดับชั้นไหนบ้างที่มีร่างกายไม่ทุกข์ ถ้าเราจะเกิดอีกกี่ชาติ ถ้าเรามีร่างกายอย่างนี้มันก็ทุกข์อย่างนี้ แล้วขึ้นชื่อว่ามีร่างกาย มีขันธ์ ๕ แบบนี้เราจะไม่มีกับมันอีก เราต้องการจุดเดียวคือ “ นิพพาน ” ทำใจแน่นอนแล้ว ภาวนาว่า “ นิพพานัง ปรมัง สุขัง ” ก็ได้ “ นิพพานัง สุขัง ” ก็ได้ ต้องคิดอย่างนี้ก่อนแล้วภาวนา คิดแล้วก็ภวานาต่อไป อย่างนี้ใช้ได้

    ถ้าเป็นอย่างนี้เวลาใกล้จะตายจริง ๆ อารมณ์จิตที่เราพิจารณามันจะมารวมตัว มันจะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายในร่างกาย และวางเฉยในร่างกาย จะมีความรู้สึกว่า กานตายมีความสุขกว่า อย่างนี้ก็ไปนิพพาน

    ผู้ถาม แล้วภาวนาอย่างนี้ล่ะค่ะ มีอยู่คืนหนึ่งพิจารณาความไม่เที่ยง เลยฝันว่ามีคนจะมาเอาลูกไป ลูกหนีแทบแย่ตื่นแล้วยังมีความรู้สึกว่าเหมือนมีคนจะมาเอาเราไปจริง ๆ ทำไมภาวนาแล้วเกิดเป็นอย่างนี้เจ้าค่ะ?

    หลวงพ่อ นี่เเสดงว่ายังไปนิพพานไม่ได้แหง ๆ เพียงแค่เขาลองเขาต้องทดสอบ เทวดาเขาต้องทดสอบว่าเรามั่นคงพอไหม จะเอาไปหมายจะให้ตาย ความจริงบุคคลที่จะเข้าถึงพระนิพพาน เขามีความรู้สึกว่า ถ้าร่างกายตายเมื่อไรเขามีความสุข เขาไม่ห่วงร่างกายนะ มันต่างกันเยอะ!


    จิตหลุดจากร่าง
    ผู้ถาม กราบเท้านมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกนั่งสมาธิพอจิตเคลิ้ม ๆ ปรากฏว่าจิตหลุดลอยออกไปทางศีรษะ นึกจะไปไหนก็เร็วทันใจนึก แต่พอจะเข้าร่างเดิมทีไร อีหลักอีเหลื่อ เบื่อหล่ายทุกที จึงมีความข้องใจว่าถ้าเกิดจิตไม่เข้าร่างอย่างนี้ตายไปจะมีโอกาสไปนิพพานได้หรือเปล่าเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ ! ถ้าไม่เข้าล่างคงจะเหม็นขี้มากกว่า มันไม่ตายหรอก ถ้าไปได้อย่างนั้นนะ บังเอิญร่างกายมันจะไปจริง ๆ นะ ก็จะไปได้ตามกำลังบุญอย่าลืมว่าอาหารออกไปนั้นเป็นฌานใช่ไหม กำลังของฌานนั้นถ้าบังเอิญเราพอใจที่พรหมก็อยู่พรหมแน่ แล้วบังเอิญเราพอใจสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งเลือกได้ตามชอบใจ เพราะกำลังเราสูงกว่า

    แต่ว่าถ้าก่อนที่จะออกจากร่างเราใช้วิปัสสนาญาณหวังนิพพานใช่ไหม ถ้าเวลานั้นกิเลสไม่เกาะจิต เราก็ไปนิพพานเลย แต่มันจะไม่มีนะซิ เราต้องการแบบไปแล้วไม่หลับ ถ้าวันไหนตั้งใจไปแล้วไม่กลับ วันนั้นไปไม่ได้ ไปได้ก็ถูกเขาไล่กลับมาทันที เพราะมีตัวอย่างมาเยอะแล้ว

    ผู้ถาม อย่างนี้ไม่ต้องกลัวตายนะครับ
    หลวงพ่อ ไอ้ตายน่ะไม่ต้องกลัว ตายแน่ ! ออกจากร่างได้ยังกลัวตายอีก ออกจากร่างน่ะไม่เป็นไรหรอก เอาเข้าร่างน่ะซิ อีตอนออกน่ะมันหนีขี้ไป อีตอนเข้ามาขนขี้มา แหม... มีการเข้าล่างเข้าบนด้วยนะ ไม่เป็นไรนะ ถ้าพูดถึงตามส่วนนะ กำลังใจเขาก็มี “ กายคตานุสสติ ” กับ อสุภกรรมฐาน ” ดีมาก ถ้าเขาไม่อีหลักอีเหลื่อ พอเขาเริ่มเบื่อหน่ายร่างกายใช่ไหม ว่าร่างกายนี้มันไม่ดี มันไม่เหมือนกับร่างกายที่เราออกไป ไอ้กระท่อมหลังนี้มันเต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก มีความเบื่อหน่ายอันนี้แหละดี ท่านถือว่าดีมาก


    การตั้งใจไปนิพพาน
    ผู้ถาม การกำหนดจิตก่อนตายเพื่อไปพรหม ควรทำอย่างไรครับ ?

    หลวงพ่อ เออ...นี่ต้องไปลองซ้อมตายนะ ไปที่วัดจะเอายาสลบให้กิน ก่อนสลบก็ตั้งใจ ปัดโธ่! ไอ้หนู! ถามนี่มันเจ๊งแล้ว คือว่าการตั้งใจไปพรหม มันไม่ตั้งใจไปส่งเดช ฝึกอารมณ์มันให้ทรงตัว มันต้องมีทุนให้ทันพร้อม ถ้าเราได้ฌานไม่ต้องตั้งใจไปพรหมหรอก มันไปเองแหละ ก่อนจะตายก็เข้าฌาน มันไปพรหมเอง จะไปนิพพานก็ต้องได้ “ สังขารุเปกขาญาณ ” เป็นวิปัสสนาญาณตัวสุดท้าย

    เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน จะไปนิพพานต้องเป็นพระอรหันต์ ถ้าไม่เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานไม่ได้ พระอรหันต์เขาเป็นตอนไหน ตอนที่ตัด สักกายทิฏฐิ ได้เด็ดขาด การจะเป็นอรหันต์นี่ฝึกไม่มาก ฝึกข้อเดียวคือ สักกายทิฎฐิ
    สักกายทิฏฐิ มันมี ๓ ตอน คือ

    ๑. มีความรู้สึกว่า ชีวิตนี้ต้องตายไม่ประมาทในชีวิต นี่เป็น “ อารมณ์ของพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี ” นะ

    ๒. มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ร่างกายสกปกโสโครกน่าเกลียด ไม่มีตัญหาเกิดขึ้นจากร่างกาย อย่างนี้เป็น “ อารมณ์ของพระอนาคามี ”

    ๓. ถ้าจิตวางเฉยในร่างกายทั้งหมด ร่างกาบของเราก็ดี ร่างกายของคนอื่นก็ดี เราเฉยหมด อย่างนี้เป็น “ อารมณ์ของพระอรหันต์ ” ถ้าได้อารมณ์แบใดแบบหนึ่ง ถ้าวางเฉยได้ไปนิพพานได้ ถ้าวางเฉยไม่ได้ไปนิพพานไม่ได้

    เรื่องพรหมเป็นของไม่ยากถ้าจิตทรงฌาน บางทีเขาไม่เคยทำกรรมฐานมาเลย เมื่อเวลาจะตาย เมื่อป่วยใหม่ ๆ จิตก็เกิดทรงญาน เพราะบุญเก่ามีอยู่ คำว่าทรงญาน ไม่ต้องไปนั่งขัดสมาธินะ แค่ตามองพระพุทธรูป จิตนึกถึงพระพุทธรูปด้วยความเคารพ และจิตจับที่นั่นโดยเฉพาะอย่างนี้เป็น “ พุทธานุสสติกรรมฐาน ” เป็นฌาน ตายแล้วเป็นพรหมทันที เป็นของไม่ยาก ยากไหม... ความจริงถ้าเข้าใจมันเป็นของไม่ยากนะ ถ้าอ่านตำรามากเกินไปอาจไม่เข้าใจ เพราะท่านเขียนเปะปะ

    [​IMG]

    ตัวตายแต่จิตไม่ตาย
    ผู้ถาม ดูหนังที.วี. เรื่องหนึ่ง เขาตายแล้วจิตยังไม่ถึงคราวตาย ก็วนเวียนและไปเข้าร่างหนึ่งที่ตายใหม่ ๆ ไปอยู่แทน จะเป็นไปได้ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ ก็ต้องไปถามที.วี.ดู
    ผู้ถาม ถามหลวงพ่อดีกว่าเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ หลวงพ่อไม่รู้จะตอบยังไงนะซิ เรื่องจริงก็มีอยู่รายเดียว เจ้าคุณราชสุทธาจารย์ ท่านตายแล้ววิญญาณของท่านมาช่วยงานเผาศพตัวท่านเอง เวลาเขาเผาเสร็จ เขาก็เดินทางกลับบ้าน ท่านก็เดินกลับด้วยก็นึกถึงน้องสาว ว่าเมื่อเราป่วยใหม่ ๆ น้องสาวกำลังคลอดบุตร กำลังอยู่ไฟ ก็แวะเข้าไปเยี่ยมน้องสาว น้องสาวเห็นหน้าเข้า ก็บอก “ พี่เล็งตายแล้วไปสู่ที่ชอบ ๆ เถิด อย่าได้มากวนเลย ”

    ท่านก็เลยบอกว่าเวลานั้นรู้สึกอายน้องสาวเราไปเยี่ยม แต่เขากลับเห็นว่าเราเป็นศัตรู ก็ถอยหลังออกมา พอถอยหลังออกมาประตู ก็หมุนติ้วทรงตัวไม่อยู่ล้มลง ล้มลงก็ไปเข้าร่างกายของเด็กซึ่งเป็นลูกของน้องสาว ทีนี้ก็มีปัญหาถามท่านว่า ไอ้คนเราเกิดมาก่อน จิตวิญญาณดวงนี้มันมีอยู่แล้วใช่ไหม แล้วจิตวิญญาณดวงนี้มันเข้าไปซ้อนกันได้ยังไง ท่านก็บอกว่ามีบาลีอภิธรรมบอกว่า “ ปุเร ชาโต ปัจฉา ชาโต ” เขาแปลว่าเกิดก่อนหรือเกิดหลัง “ ปุเร ชาโต ” เกิดก่อน “ ปัจฉา ชาโต ” เกิดทีหลัง

    ท่านก็บอกว่าพอดีไอ้วิญญาณดวงนั้นมันเคลื่อนออกไปพอดี แล้วดวงนี้ก้เข้าซ้อนกัน อย่างนี้เป็นไปได้นะ เป็นมาแล้วนะ แต่ว่าต้องใหม่ ๆ นะ คือว่าประสาทยังไม่หยุดทำงาน คือว่าประสาทไม่เสีย ยังไม่ตาย ทีนี้พอเกิดขึ้นมาพอพูดได้ เขาแนะนำให้เรียกแม่ แกบอก ไม่ใช่แม่ คนนี้น้องสาว ยายมาเขาบอกให้เรียกยาย บอก คนนี้ไม่ใช่ยาย ท่านเรียกแม่ เขาถามท่าน ท่านก็บอก ท่านชื่อ “ เล็ง ” บ้านอยู่ตำบลนั้นมีควายกี่ตัว มีลูกกี่คน มีนากี่ไร่ บอกถูกหมด ตายไปไม่กี่วันก็เหมือนกับนอนหลับแล้วฟื้นขึ้น

    ต่อมาถึงเวลาบวชพระ ท่านก็บวชพระสายธรรมยุต จบเปรียน ๔ ประโยค ต่อมาท่านก็เป็นเจ้าคณะจังหวัดธรรมยุต พอเป็นเจ้าคณะชั้นราชได้หน่อยหนึ่ง ก็มีความเบื่อในการทรงตัวที่รับฐานะ ก็ลาออกจากเจ้าคณะธรรมยุต อยู่ตามลำพัง

    ความจิรงเรื่องราวของ ท่านเจ้าคุณราชสุทธาจารย์ เป็นตัวอย่างของคนตายดีที่สุด เป็นตัวอย่างของคนตายและคนเป็น ตัวอย่างของคนเป็น และต่อมาท่านก็ป่วย ป่วยก็ถึงแก่ความตาย ไอ้จิตวิญญาณมันไม่ไปไหน มันก็บนอยู่บ้าน เวลาเขาทำงานศพเขาสวดศพ คนมาช่วยงานหาบข้าวของมาช่วย ท่านก็วิ่งไปรับ ดีใจว่าเขามาช่วย วิ่งแย่งหาบแย่งคอน เขาก็ไม่ให้ เป็นผี เขาไม่ให้

    แต่ว่าผลประการสำคัญในเมื่อเขาฟังสวดจบหรือถวายทานเสร็จ เวลาเขาอุทิศส่วนกุศล ท่านบอกว่ามีกำลังมากขึ้น ร่างกายผ่องใสขึ้น มีกำลังมากขึ้น เขาให้อีกก็ดีขึ้นอีก ตามลำดับ แต่ว่ากำลังจิตของท่านไม่ไปไหนวนเวียนอยู่ที่นั้น

    อันนี้ก็เป็นประโยชน์ใหญ่นะ จะได้รู้ว่าให้ทานมีผลกับคนตายแบบนี้ ไม่ใช่ว่าให้ปลาแห้งไป ให้เนื้อเค็มไป เป็นท่อน เป็นตอนไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นอานิสงส์ มันเป็นผลทำให้ร่างกายมีความสุข มีร่างกายสวยขึ้น มีกำลังมากขึ้น

    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าคะ เวลาท่านตายแล้วไม่ผ่านสำนัก ลุงพุฒิ หรือคะ
    หลวงพ่อ คือคนตายทุกคน ไม่ใช่ผ่านสำนัก ลุงพุฒิ ( สำนักพยายม ) ทั้งหมด คนที่มีบาปหนัก ตายแล้วพุ่งหลาวลงนรกเลย ตายแล้วไม่ผ่านสำนัก ลุงพุฒิ คนที่มีจิตใจที่นึกถึงบุญกุศลอยู่ ตายแล้วขึ้นสวรรค์เลย ไม่ผ่านสำนัก ลุงพุฒิ และคนที่เป็นสัมภเวสีก็ไม่ผ่านสำนัก ลุงพุฒิ ไม่ใช่ผ่านทุกคนหรอกนะ


    อาหารเรปฎิกูลสัญญา
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกมีความถนัดและพิจารณา “อาหารเรปฎิกูลสัญญา” เป็นประจำ ก่อนทานอาหารทุกครั้งต้องพิจารณาเสียก่อน แล้วจึงค่อยรับประทาน ตอนพิจารณาก็เห็นเป็นซากสกปรก เลอะเทอะสะอิดสะเอียนมาก พาลทำให้กินไม่ได้ผ่ายผอมลงทุกวัน ๆ จึงใคร่ถามหลวงพ่อว่า วิฑีพิจารณาฉบับของหลวงพ่อ บริโภคได้โดยไม่สะอิดสะเอียนนั้น หลวงพ่อพิจารณาแบบไหนเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ พิจารณาเป็น “อาหาเรปฎิกูลสัญญา” แล้วนะ ต่อไปฉันก็ภาวนา “กินหนอ ๆ” มันเลอะเทอะกูกินก็มึง กูจะกินเสียอย่าง คือพิจารณาเป็น “ อาหาเรปฎิกูลสัญญา ” คือของทุกอย่างเกิดจากของสกปรก มีความสกปรก อาหารของสัตว์ก็สกปรก ร่างกายของสัตว์ก็สกปรก แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ร่างกายของเราก็สกปรก เมื่อของสกปรกกับสกปรกอยู่ด้วยกันก็ช่างมันปะไร ถืออุเบกขา กินดะเลย คือ ว่าอย่าเห็นเฉพาะเวลานั้นซิ เวลานั้นเขาพิจารณาให้เห็น ไห้เกิดเป็น “ นิพพิทาญาณ”

    “นิพพิทาญาณ” หมายถึง ความเบื่อหน่าย เห็นร่างกายสกปรก หลังจากนั้นต้องใช้ พิจารณาแบบนั้นต้องใช้ “ สังขารุเปกขาญาณ ” เข้าควบคุม อารมณ์ใจวางเฉย มันสกปรกแล้วก็ไม่เป็นไร เราเกิดมาแล้วก็ต้องพบกับความสกปรก ต่อไปชาติหน้าความสกปรกจะไม่มีกับเราอีก เราตายเราไปนิพพาน คิดอย่างนั้นนะ

    (อีกรายหนึ่งถามว่า)
    ผู้ถาม หลวงพ่อค่ะ พิจารณา “อาหาเรปฎิกูลสัญญา” บ่อย ๆ แล้วมีความคิดไม่อยากทานข้าวค่ะ
    หลวงพ่อ ดีมากไม่เปลืองสตังค์มันแฟบ เมื่อใช้ "อาหารเรปฎิกูลสัญญา" บ่อย ๆ ไม่อยากข้าว ดี! แบงก์มันแฟบกินน้อย ๆ ดี แบงก์มันแฟบ แต่ตัวไม่แฟบซิ แต่เรื่องที่กินได้ไม่ได้ไม่เกี่ยวกันนะ ไม่เกี่ยวกับวิปัสสนาญาณ มันเกี่ยวกับร่างกายเราเอง แต่ว่าถ้าจิตเป็นธรรมปีติมันก็อิ่ม มันอิ่มของมันเอง ไม่ตัวอิ่มมันมีอยู่แล้ว ใช่ไหม ปีตินั้นไปอิ่ม อิ่มดดยธรรมชาตินั้นมันอิ่มจริง ๆ

    ไอ้อาหารการบริโภคจะน้อย แต่พระนี่ พระธุดงค์เขาฉันเวลาเดียวเขาอยู่ได้ยังไง ฉันเวลาเดียว ก็มีอยู่องค์อยู่พิจิตร ท่านก็ไม่ธุดงค์ ท่านอยู่วัด ฉันเรียนกับท่านก็ไม่ให้เรียน ตอนนั้นฉันยังหนุ่มอยู่ เป็นพระแล้วนะ ไปหาท่านอาหารนี่ท่านไม่ฉันเลย ฉันแต่น้ำ น้ำก็ฉันแบบธรรมดา แต่ทำงานทุกอย่าง เวลานั้นปลูกศาลาขุดหลุมเสา แบกเสา แบกอื่น ๆ ก็ทำเหมือนกับพระทุกองค์ ก็สงสัยบอก “ หลวงพ่อขอเรียนบ้าง” ท่านบอกว่า “อย่าเรียนเลย ชาวบ้านเขาจะเสียกำลังใจ”

    นิมนต์ไปฉันก็ได้เแต่สวดมนต์ฉันไม่ได้ แต่ความจริงท่านให้เรียนก็ได้ ฉันคิดว่าถ้าวิชานี้เป็นสาธารณะถ้าเรียนกันได้ ฉันแจกทุกคน แล้วรวยบรรลัยเลย ไอ้พวกนี้ถ้าลองไม่กินแล้วรวยบรรลัยเลย ใช่ไหม เรื่องเล็ก ๆ เงินเดือน ๆ ละ ๑๐๐ บาท ยังพอใช้เลย ใช่ไหม ก็ถ้าเรายุ่งอยู่ ยุ่งกินนะ นั้นวิชาความรู้นั้นต้องเฉพาะตัวของท่าน องค์นั้นอ้วนนะไม่ใช่ผอม อ้วน! ผิวพรรณดี

    ต่อมาฉันต้องเข้าป่า ตอนที่ฉันเข้าป่าจึงเห็นการคล่องตัวก็เลยนึกออก ว่าท่านอยู่ด้วยธรรมปีติ ต้องเก่งมาก ใช่ไหม เก่ง ! ไม่ใช่เก่งน้อยนะ การอยู่ด้วยธรรมปีติในสถานที่ปกติไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมีการเคลื่อนไหว เพราะมีการทำงานเสมอ ใช่ไหม ไม่ใช่ไปนั่งเฉย ๆ เดินไปเดินมาแบบจงกรมเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก อันนี้เป็นปกติของคนธรรมดา ต้องถือว่าธรรมปีติ ก็เหมือน นิโรธสมบัติ


    ดินกินดิน
    ผู้ถาม กระผมพิจารณาดิน น้ำ ลม ไฟ ขณะทานอาหารก็นึกว่าดินกินดิน เพียงไม่กี่คำก็จะอิ่ม และอยู่อย่างสบาย ๆ กราบเรียนถามว่า การที่นึกว่าดินกินดินจะได้ประโยชน์อะไรครับ ?

    หลวงพ่อ ได้ประโยชน์คือดินกินดิน คำว่าได้ประโยชน์หรือไม่นี่ เราต้องพิจารณาเห็นว่าสกปรกหรือเปล่า ถ้านึกเฉย ๆ ก็แค่นั้นล่ะนะ ไม่มีอะไร “ อาหารเรปฎิกูลสัญญา ” ท่านบอกพิจารณาอาหารว่าเป็นของสกปรกต่างหากล่ะ ดินกินดินก็ดินกินดิน

    ผู้ถาม ปลูกต้นไม้ได้ครับ

    หลวงพ่อ ไม่ได้ มันกินดินหมด ต้นไม้ต้องการดิน ดินกินดินต้องนึกให้ตลอดไปซิ ดินก็ดี น้ำก็ดี ลมก็ดี เป็น "อนิจจัง ” ไม่เที่ยง ถ้ายังทรงตัวเป็นร่างกายอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ ในที่สุดมันก็พัง เราไม่ควรยึดถือว่าเป็นเรา เป็นของเรา ถือว่าเราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เราคือ “ อทิสมานกาย ” ถ้าจิตใจของเราดี เราก็ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก ไปนิพพานได้ ถ้ามีอารมณ์เศร้าหมองก็ต้องไปอบายภูมิ ถ้าคิดอย่างนี้ไห้มันตรงเผงนะ เราดินกินดิน ตายไปก็เป็นไส้เดือน

    [​IMG]

    นั่งเย็บผ้าเห็นคนตาย

    ผู้ถาม ขณะที่ลูกนั่งเบ็บผ้าอยู่มีเพื่อนมาบอกว่า "แม่ตายไปนานแล้วไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ?" จิตของลูกขณะนั้นเห็นภาพทันที บอกขนาดอายุชัดเจนแจ่มใส ลูกมีความสงสัยว่า ไม่ได้ภาวนา ไม่ได้นั่งสมาธิ ทำไมจึงเห็นภาพได้ชัดเจนแจ่มใสเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ เย็บผ้าไม่มีสมาธิเรอะ ? ถ้าเย็บผ้าไม่มีสมธิก็เอเข็มแทงเนื้อ "สมาธิ" เขาแปลว่า ตั้งใจ นะ ความเป็นทิพย์ของจิตไม่จำเป็นต้องภาวนาเสมอไป ถ้าจิตตั้งไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างเขียนหนังสือก็ดี อ่านหนังสือก็ดี คุยกันอยู่ก็ดี เฉพาะเรื่อง หรือเย็บผ้า ทำครัว เวลานั้นจิตว่างจากกิเลส ไม่นึกถึงเรื่องอื่นเวลานั้นจิตก็เป็นทิพย์ ถ้าเขาถามปั๊บความเป็นทิพย์ก็จับภาพทันที

    อย่านึกคำว่า “ ทิพพจักขุญาณ ” จะต้องนั่งภาวนาก่อนนะ ไม่ใช่ คนที่เขาได้คล่องจริง ๆ ไม่เคยภาวนาก่อนเลยนะ เขาได้คล่องจริง ๆ จิตมันทรงตัวไม่ต้องภาวนานึกปั๊บก็จับภาพได้ทันที ก็แบบคนที่มีอารมณ์ว่างจากกิเลสในเวลานั้น เย็บผ้าจิตมันก็อยู่ที่ปลายเข็ม ใช่ไหม ถ้าเผลอก็ไม่ได้ นั่นเป็นสมาธิอย่างหนัก แต่ว่าในฐานะที่มีการเคลื่อนไหวก็ทรงในอุปจารสมาธิ อุปจารสมาธิมีอารมณ์เป็นทิพย์พอดี ใช้ได้เลย

    ผู้ถาม อ๋อ... การทำงานทุกอย่างก็เป็นสมาธิหมดหรือครับ ?
    หลวงพ่อ เป็นสมาธิหมด ! แม้กินข้าวหรือเข้าส้วมก็เป็นสมธิ
    ผู้ถาม เข้าส้วมน่ะหรือครับ ?
    หลวงพ่อ เข้าส้วมน่ะเป็นทั้งสมาธิ เป็นทั้งปัญญาด้วยนะ
    ผู้ถาม เอ๊ะ! ไม่เคยได้ยินเลยครับ

    หลวงพ่อ อ้าว! ฉันพูดไม่ได้ยินเหรอ “สมาธิ” แปลว่า ตั้งใจ นะ เราตั้งใจจะไปส้วม ถ้าสมาธิไม่ดี ดีไม่ดีขี้บนที่นอนล่ะ คิดว่าที่นอนเป็นส้วม และก็ต้องประกอบปัญญา นี่ห้องส้วมนะ ไม่ใช่ห้องนอน เวลาถ่ายก็มีสมาธิและปัญญาควบ ถ้าไม่มีปัญญามีแต่สมธิ ถ่ายมามันคล้ายสังขยา คิดว่าสังขยาล่อเข้าไป ใช่ไหมเล่า แม้แต่เข้าส้วมก็ต้องมีสมาธิ มีปัญญาประกอบกันทั้งหมดแหละ คือสมาธิแปลว่าตั้งใจเฉย ๆ ใจตั้งไว้จุดใดจุดหนึ่งนั้นคือ “สมธิ”
    ผู้ถาม ฉะนั้น เวลาเข้าส้วมก็เป็นกรรมฐานด้วย

    หลวงพ่อ เป็นกรรมฐานในตัวเสร็จ เพราะเขาเรียก “ฐาน” อยู่แล้ว ไอ้นั้นได้จริง ๆ นะ เห็นว่าสิ่งที่ออกมาจากร่างกายมันสกปรก ของสมปรกคืออาหารที่เราเลือกกินเข้าไปแล้ว ก่อนจะกินเราก็เลือกแล้วว่าเป็นของดี ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อาหาเรปฎิกูลสัญญา” ก่อนจะกินเห็นว่าอาหารมากจากสิ่งสกปรก สัตว์ทั้งหมดสกปรก

    พืชทั้งหมดสกปรกแล้วมันก็สกปรกจริง ๆ คือมีความเข้าใจในร่างกายว่ามีแต่ความสกปรกทั้งหมด ใช่ไหม เป็นของไม่สะอาด ตัวนี้เป็นปัจจัยให้เกิดเป็นพระอนาคามี ถ้าบ่อย ๆ อารมณ์นี้มันจะทรงตัว แม้แต่ทำนิด ๆ หน่อย ๆ นะ ใช้เวลาไม่มากสัก ๑๐ วันครั้งก็ยังดี พอจะตายอารมณ์นี้จะรวมตัว มีกำลังสมารถตัดกิเลสได้เลย

    ผู้ถาม ดีเหมือนกันนะ ทำกรรมฐานในส้วม
    หลวงพ่อ ใช่! จิตเป็นสุข อารมณ์เป็นฌาน
    ผู้ถาม แม้แต่กลิ่นก็เป็นกรรมฐาน
    หลวงพ่อ ใช่! “อสุภกรรมฐาน” ยังไงล่ะ คำว่า “อสุภะ” แปลว่า ไม่สวย ไม่งาม ไม่น่ารัก วัตถุที่ออกก็ไม่น่ารัก กลิ่นก้ไม่น่ารัก

    ผู้ถาม ความจริงก็น่าแปลกนะ เวลาอยู่ในชามก็สวยงาม ประดิษฐ์เสียอย่างสวยงาม
    หลวงพ่อ อะไรได้เอาอุตสาห์เสียสตางค์ไปซื่อใช่ไหม ออกมาแล้วเบือนหน้าหนี
    ผู้ถาม ของของเราแท้ ๆ เลย
    หลวงพ่อ ก็นั่นน่ะซิ ไม่น่าจะเสียเงินใหม่ น่าจะกลับเข้าไปใหม่ (หัวเราะ)
    ผู้ถาม เป็นการประหยัดเศรษฐกิจ

    หลวงพ่อ ก็เราเลือกแล้ว ก่อนจะกินมัน เป็นของดีนี่ ไม่น่าจะทิ้งเลย
    ผู้ถาม น่าเสียด๊าย ! เสียดาย!

    ปิดทองพระพุทธรูป
    ผู้ถาม กราบเท้านมัสการหลวงพ่อที่เคารพที่เคารพอย่างสูง อานิสงส์ที่ลูกไม่ได้บริจากแต่ปิดด้วยกำลังศรัทธา สองอย่างนี้จะมีอนิสงส์มากน้อยประการใด ตายแล้วจะไปอยู่ถึงไหนเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ ก็เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน การปิดทองพระ ดูตัวอย่าง เมณฑกเศรษฐี ใช่แผ่นทองคำเปลวแผ่นเดียว ไปปิดใต้ถุนส้วมตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ตายจากชาตินั้น เมียเป็นนางฟ้า ผัวเป็นเทวดา ลงมาอีกที่เป็นเศรษฐี ทีนี่ให้ทานต่อ ตายก็ไปเป็นเทวดานางฟ้าใหม่ ลงมาอีกทีเป็นมหาเศรษฐีใหญ่ พอเข้าท้องแม่กลางคืน เช้าขึ้นมาพ่อมาล้างหน้า เห็นหน่อไม้ทั้งหมดรอบบ้านเป็นทองคำหมด ถ้าคนอื่นหยิบ ดึงไม่ขึ้น เขาต้องการหน่อไม้ได้หน่อนั้น

    ต่อมาวันคลอดมีแพะทองคำตัวเท่าช้างสารหลายร้อยตัวยืนรอบบ้าน อ้าปากมีสายไหมหย่อนลงมา ถ้าต้องการเงินดึงเงินไหล ต้องการทองดึงทองไหล ต้องการผ้าดึงผ้าไหล
    ฉะนั้น เมณฑกเศรษฐี จึงเป็นเศรษฐีรวยมหาศาลเป็นปู่ นางวิสาขา ฉะนั้น สุดแล้วแต่จะอฐิษฐานนะ ถ้าหวังนิพพานก็ได้เร็ว เป็น พุทธบูชา

    ผู้ถาม นี่ขนาดแค่หลุมส้วมนะ
    หลวงพ่อ และแผ่นทองแผ่นเดียวตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย นี่เราปิดพระพุทธรูป พระอรหันต์เห็นชัด จิตใขมั่นคงกว่า....

    ทำความสะอาดพระพุทธรูป
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อสุดบูชา ดิฉันนำพระพุทธรูปปางชินราช เดิมเป็นทองเหลืองแต่ดำมาก ลูกไปทำความสะอาดขัดถู จนกระทั้งสวยงามมาก อยากจะเรียนถามว่าก่อนจะลงมือทำควรจะพูดแบบไหน เมื่อทำเสร็จแล้วควรจะกล่าวอย่างไรเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ นี่เขายังไม่ได้ทำเหรอ ก่อนจะทำบอก "ฉันจะขัดจ้ะ" ทำเสร็จแล้วบอก “ฉันขัดเสร็จแล้วจ้ะ"

    ผู้ถาม อ๋อ.. นี่พูดตามความเป็นจริงเลยหรือครับ ?
    หลวงพ่อ อ้าว! พูดโกหกได้หรือพระ เอาอานิสงส์ดีกว่า คนนี้จะลำบากชาติหน้าถ้าเกิดเป็นคนนะ ลำบากมาก เพราะว่าบังเอิญถ้าไปมีสามี คลอดลูกอายุเท่าไรจะสาวเท่านั้น ไม่มีแก่ จะมี เบญจกัลยาณี ไงล่ะ คืองาม ๕ อย่าง อย่าง นางวิสาขา คลอดลูกอายุ ๑๖ ปีใช่ไหม แต่แกอายุ ๑๒๐ ปีก็แค่ ๑๖ ทีนี้ตอนแก่มากไอ้หนุ่มจะจีบน่ะซิไม่เชื่อ เบญจกัลยาณี คือ

    ๑. งามผมสมพักตร์ลักขณา ผมไม่ต้องหวี ไม่ต้องสระ ไม่ต้องสาง ไม่ต้องดัด สวยตลอดเวลา

    ๒. โอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา ริมฝีปากแดงสวยไม่มีริ้วไม่มีรอย ไม่เหม็นขี้ปาก
    ผู้ถาม เอ๊ะ ! ด่าเก่งหรือเปล่าครับ ?

    หลวงพ่อ เอ...เขาไม่ได้บอกนะ อ้อ..ริมฝีปากสวยต้องไม่ด่า เวลาด่าปากไม่สายนะ
    ๓. งามทนต์ยลปลั่งดั่งสังข์ขัด ฟันเรียบเหมือนกับฟันม้า
    ผู้ถาม โอ้...อานิสงส์ได้ฟังม้าหรือครับ ?

    หลวงพ่อ ไม่ใช่ ! ฟันเรียบเหมือนฟันม้า แล้วเป็นเงาเหมือนมุก
    ๔. ผิวทัศน์กรรณิการ์งามราศี เขานิยมผิวแบบไหนเป็นแบบนั้น ไฝฝ้าไม่มี ด่างดำไม่มี

    ๕. คลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี หมายความว่าคลอดบุตรสาวเท่า สวยเท่าไร จะอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะตาย คำว่าแก่ไม่มี ฉะนั้น คนที่บอกเมื่อกี้ชาติหน้าจะลำบากไปนิพพานเสียนะ เดียวยุ่ง !

    [​IMG]

    ซ่อมพระพุทธรูป

    ผู้ถาม กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือว่ากระผมได้นำเศียรพระพุทธรูปที่ศุลกากรยึดไว้ เพื่อนำมาถวายพระ ลูกไปเห็นแล้วก็นำมาซ่อมแซมจนสมบูรณ์แบบทั้งหมดก็ ๖,๓๐๐ บาท องค์แรกถวาย วัดท่าซุง สององค์หลังถวายไว้ที่ บ้านซอยสายลม ที่จะกราบเรียนถามก็คือว่า ถ้าเราสร้างพระพุทธรูปแบบชนิดที่เราไม่ซ่อม กับเอามาซ่อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนาอย่างนี้ อานิสงส์จะเหมือนกันหรือเปล่าครับ ?

    หลวงพ่อ อานิสงส์ส่วนไหญ่เหมือนกัน แต่แตกต่างกันอยู่นิด ถ้าเป็นหญิงจะได้ เบญจกัลยาณี ถ้าเป็นชายอาจจะมีเมียมาก

    หล่อพระประธาน
    ผู้ถาม กราบเท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง เมื่อไม่นานมานี้ ลูกมีโอกาสไปหล่อพระประธานที่วัดอ่างทอง บุญทั้งหมดที่ได้ทำในวันนี้ลูกขออุทิศถวายเจาะจงให้แก่หลวงพ่อ ขอหลวงพ่อจงโมทนาด้วยเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ ขออนุทโมนาด้วยความดีใจนะจ๊ะ ! โชคดีมีสุขนะ โมทนานี่เขาไม่จำกัดใครก็ได้ ดี ! เป็นบุญที่ไม่ต้องลงทุนนะ

    ผู้ถาม อย่างนี้ถ้าหากว่าจะคิดเป็นเปอร์เซ็นจะได้เท่าไหร่ครับ โมทนา ?
    หลวงพ่อ มันก็เท่ากับเจ้าของนะ ถ้าเจ้าของเป็นอรหันต์ชาติไหน พวกเราก็เป็นอรหันต์ชาตินั้นเหมือนกัน เท่ากัน แค่โมทนานี่นางฟ้าองค์หนึ่งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แกมีวิมานใหญ่มาก มีทั้ง ๓ หลัง และมีสวดดอกไม้ สวนแก้วนะ

    และ พระโมคคัลลาน์ ขึ้นไปถามเธอว่าทำบุญอะไร แกบอกว่าแกเป็นเพื่อของ นางวิสาขา แกไม่เคยทำบุญเลย นางวิสาขา ทำบุญแกโมทนาอย่างเดียว ผลที่สุดแกไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สายมาาก วิมานก็ใหญ่มาก และมีสวนสวย ๆ และ พระโมคคัลลาน์ ก็ถามต่อไปว่า เวลานี้ วิสาขา อยู่ที่ไหน เธอบอกว่า วิสาขา มีสิทธิอยู่ชั้นที่ ๕ นิมมานรดี

    ผู้ถาม ท่านวิสาขา ผมนึกว่าจะเข้านิพพาน ยังไม่เข้านะครับ ?
    หลวงพ่อ ไปนานแล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่เข้า
    ผู้ถาม ไปนานแล้วหรือครับ ?
    หลวงพ่อ ไปนานแล้ว
    ผู้ถาม พูดถึงท่าน วิสาขา นึกได้ว่า เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ต้องหลาย ๆ คนยก ที่ว่าหนักถึงขนาดไหนครับ ?
    หลวงพ่อ เรียกว่าคนต้องมีกำลังเจ็ดช้างสาร จึงยกไหว อย่าง พระอานนท์ ที่ยกได้ นายบุญ ซึ่งเป็นทาสยกได้ นางวิสาขายกได้ ยกได้แค่ ๓ คน นี่หนักมาก เป็นทองคำล้วนตั้งแต่หัวยันตาตุ่ม บนหัวก็ยังมีนกยูงทองอีก เครื่องพระดับประดาด้วยแก้วมณี ๒๐ ทะนาน แล้วแก้วอย่างอื่นอีกมาก หนักมาก ถ้าเสื้อ นางวิสาขา ตกลงมาเวลานี้นะ ทุกคนหัวแตก แย่งกัน หัวชนไม่ใช่ตีกันหรอก

    หล่อองค์ปฐม
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ตั้งแต่ลูกได้ไปงานทำบุญประจำปีของหลวงพ่อที่ วัดท่าซุง กลับมาไม่รู้เป็นยังไง หัวจิตหัวใจอยากจะสร้างองค์ปฐม อยากจะหล่อองค์ปฐม อยากทำบุญองค์ปฐม แล้วผลสุดท้ายเอาไม่อยู่เอาไม่ไหว

    เลยถอดสร้อยสองสลึง สร้อยข้อมือสองสลึงถวายหลวงพ่อ ( ถวายวันนี้ไปเเล้ว) พอตกกลางคืนก็ฝันไม่รู้ใครเอาสร้อยคอเส้นเบ้อเร้อมาให้ ลูกก็ภูมิใจและดีใจเป็นอย่างมาก แต่เป็นที่น่าเสียดายตื่นขึ้นมาไม่มีเลย ลูกเจ็บใจเลยอธิษฐานใหม่ ไม่เอามันแล้วสร้อย ขอไปนิพพานในชาติปัจจุบันดีกว่า

    หลวงพ่อ เออ...ดี ! ได้ ๆ ๆ
    ผู้ถาม นิพพานนี่ดีกว่าสร้อยหรือครับ ?
    หลวงพ่อ ดีกว่าสร้อย เอ้อ....เป็นเพชรทั้งตัว บ้านก็เพชร ! ส้วมก็เพชร !
    ผู้ถาม เเละเวลาถ่ายอุจจาระก็เป็น...
    หลวงพ่อ เพชร ! (หัวเราะ) หลวงพ่อพูดให้สนุกนะ ความจริงไม่ต้องถ่ายอุจจาระนะ!


    อานุภาพพระมหาลาภคำข้าว
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าคะ เมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านมา ลูกโชคดีเพราะอาศัยบารมี พระมหาลาภคำข้าว ช่วย คือที่หน่วยงานมีการจับสลาก มีของต่าง ๆ วางไว้เยอะแยะ ลูกเห็นนาฬิกาเรือนนั้นน่ารักมาก ก็เลยชอบใจอธิษฐานให้ พระมหาลาภคำข้าว ช่วย ผลปรากฏว่าได้จริง ๆ เจ้าค่ะ แต่พอนึกดูอีกที เอ๊ะ! ถวายหลวงพ่อจะดีกว่า แต่หลวงพ่อใส่นาฬิกาไม่ได้ จะเอาไว้ก็ไม่ดี ก็เลยตัดสินใจอย่างนี้เจ้าค่ะ ขอถวายหลวงพ่อไป สุดแต่หลวงพ่อจะเอาไปให้ใครหรือจะทำอย่างไร อย่างนี้หลวงพ่อจะรับหรือเปล่าเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ดีกว่ามั้ง ! เอาไปขายเอาเงินมาถวายสังฆทาน มีอานิสงส์ใหญ่
    ผู้ถาม คงจะเห็นหลวงพ่อใส่นาฬิกาข้อมือขวาได้
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) อันนี้แม่เหล็ก
    ผู้ถาม มีคนหลายคนมาถาม หลวงพ่อใส่ยี่ห้ออะไร ?

    หลวงพ่อ ยี่ห้อแม่เหล็ก เขาปรับอวัยวะในร่างกาย มันดี ก็ต้องใส่นานหน่อย มาเที่ยวนี้ขาไม่บวม ที่เท้าก็ใส่ด้วยนะ ทุกเที่ยวนั่งนี่ขาบวม ตอนนี้ไม่บวม ไอ้แขนซ้ายเมื่อก่อนนี้เหยียดตรง ๆ ไม่ได้ เดี๋ยวนี้เหยียดได้แล้ว มันก็ช่วยทีละน้อย ๆ นะ มันก็ช่วยมาก
    ผู้ถาม อย่างนี้ลูกหลานจะซื่อมาถวายหลวงพ่อก็...

    หลวงพ่อ โอ๊ะ! ดีเลย....ผูกตั้งแต่หันยันเท้าเลย (หัวเราะ)
    ผู้ถาม อ้อ...เป็นสนามแม่เหล็ก ช่วยได้แยะเลยนะครับ และอย่างกับลูกหลานนี่ มีหลายฉบับบอกว่า ระยะหลังนี่ก็ซื้อนกซื้อปลาซื้ออะไร ๆ มาปล่อย ๆ กัน แล้วก็อุทิศให้หลวงพ่อนี่ จะพอมีผลกับหลวงพ่อหรือไม่ครับ ?

    หลวงพ่อ น่ากลัวจะมีผลนะ เพราะหลายเที่ยวแล้ว ฉันป่วยหนักมาที่นี่ มาเที่ยวนี้ดีมาก มีผล ผลบาปมันใหญ่มาก ให้ไปค่อย ๆ เลาะทีทีละหน่อย ๆ บาปในอดีตน่ะมันเยอะ
    ผู้ถาม หลวงพ่อเคยสร้างบารมีอะไรไว้เยอะครับ ?

    หลวงพ่อ โอ๊ะ ! บารมีควาย ก็สนามหลวงหลายสนามหลวง ยืนเบียดกันน่ะสัก ๑๐ สนามหลวงนี่ ยังไม่พอเลย เลี้ยงทหารในกองทัพ
    ผู้ถาม แล้วผู้คนเวลารบทัพจับศึก หลวงพ่อเคยฆ่าตายมากมายขนาดไหนครับ ?

    หลวงพ่อ ไม่เคยฆ่าตายเลย มีแต่ฟันตาย (หัวเราะ) จำไม่ได้หรอก
    ผู้ถาม แล้วอันนั้นตามมาสงเคราะห์หลวงพ่อ ให้เจ็บไข้ได้ป่วย
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ เขาสงเคราะห์ นี่อานิสงส์พิเศษ


    เจิมป้ายกิจการร่ำรวย
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกกับเพื่อน ๆ อีกหลายท่านได้ร่วมกันตั้งบริษัท ตอนนี้ที่ตั้งบริษัทนี้ ลูกได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อ คือลูกเอาแป้งมาให้หลวงพ่อเสก หลวงพ่อก็มุบมิบ ๆ เสร็จแล้วลูกก็เอาไปเจิมที่ป้าย อุ้ย ! กิจการเจริญรุ่งเรืองเป็นการใหญ่ ลูกขอขอบคุณในตอนนั้น แต่ว่าตอนนี้แย่เสียแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอะไรทะเลาะกันเรื่อย แก้ปัญหาไม่ตก ลูกอยากจะถามหลวพ่อว่า หลวงพ่อมีแป้งแบบใหม่ที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้หรือไม่เจ้าค่ะ ?

    หลวงพ่อ เอ้า ! เลิกทะเลาะกันเสียอันดับแรก ประการที่ ๒ ว่า คาถาเงินล้าน เป็นประจำ ประการที่ ๓ ขายของอย่าให้แพงนัก ประการที่ ๔ แบ่ง ยกทรง มั่ง แบ่งฉันมั่ง ( หัวเราะ) เอ้า!เลิกทะเลาะกันนะ และว่า คาถาเงินล้าน เป็นปกติ
    ผู้ถาม เรื่องหารเงินการทองนี่ต้องมอบให้ คาถาเงินล้าน
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ ถ้ามี พระคำข้าว ด้วยจะดีมาก
    ผู้ถาม ยิ่ง พระหางหมาก ร่วมด้วยยิ่งดีใหญ่
    หลวงพ่อ พระหางหมาก นี่ไม่ช้าได้ข่าว ถ้าสมัยอเมริกาอยู่ได้เงินเป็นล้าน
    ผู้ถาม พวกฝรั่งนี่แปลกนะ องค์ไหนยิงไม่เข้าฟันไม่ออกกี่ร้อยกี่พันดอลลาร์มันซื้อหมด !
    หลวงพ่อ พระของฉันทุกองค์น่ะ ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ไม่มีอันตราย
    หลวงพ่อ หลวงพ่อกล้าค้ำประกันถึงขนาดนี้หรือครับ ?

    ผู้ถาม ใช่ ๆ ๆ ยิงไม่ออกฟันไม่เข้านะ ถ้าเขายิงกัน อย่าออกไป ถ้าเขาฟันกัน อย่าเข้าไป ไม่มีอันตราย ปลอดภัยทุกอย่าง ( หัวเราะ) ใช่ ๆ ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า เขายังกันอย่าออกไปจากบ้าน อยู่ในบ้านเสีย เขาฟันกันอย่าเข้าไปใกล้ ๆ
    หลวงพ่อ

    [​IMG]

    เลี่ยมพระปิดด้านหลัง
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ขอนิดเดียวไม่รบกวนอะไร เพราะหลวงพ่อก็ไม่ค่อยสบาย คือว่าพระรูปหลวงพ่อที่เป็นผงนี่ก็ไปเลี่ยมทองแล้วเจ้าคะ แต่ลืมให้ช่างเขาเปิดด้านหลัง เพราะทราบว่าหลวงพ่ออยู่ด้านหลัง ไม่ทราบว่าหลวงพ่อจะพิโรธหรือเปล่า เวลาลูกเดือดร้อนอะไร ไม่ทราบว่าจะออกทันหรือเปล่าเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ (หัวเราะ) ไม่เป็นไร ๆ หลวงพ่อมีฤทธิ์ออกได้ ออกได้ไม่เป็นไร
    ผู้ถาม ไม่รู้ใครเขาแนะนำมา เอาพระเลี่ยมปิดหน้าปิดหลัง ออกไม่ได้ ช่วยอะไรไม่ทัน ความจิรงมันไม่เกี่ยวเลยนะครับหลวงพ่อ ?

    หลวงพ่อ ไม่เกี่ยวเลย เกี่ยวกับบารมี ถ้าพระออกมาท่านจะช่วยยังไง องค์เล็กนิดเดียวแบกใครไหว อาศัยบารมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอริยะทั้งหมด ตั้งแต่พระโสดาบันถึงพระอรหันต์ทั้งหมด พรหม เทวดาทั้งหมด ท่านช่วยกัน ก็นึกถึงท่านทั้งหมดนะทุก ๆ วันนะ


    พิธีพุทธาภิเษก
    ผู้ถาม หลวงพ่อครับ ! พระที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล ท่านทำกำลังใจอย่างไรครับ ?
    หลวงพ่อ พระที่เข้าพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล เวลานั้นเขาต้องทำสมาธิถือเป็นสมาบัติ แต่ของใครจะขนาดไหน มันไม่เท่ากันหรอก พระที่เข้าไปปลุกพระมีกำลังใจไม่เท่ากัน อย่างที่ วัดชิโนรส เขานิมนต์ให้ หลวงปูนาค วัดระฆัง ( เจ้าคุณเทพประสิทธินายก ) ไปปลุก แล้วก็นิมนต์ พระครูบุญธรรม มาจาก นครปฐม นะ และนอกจากนั้นก็มี หลวงพ่อสำเนียง และพระอะไร ๒ องค์ไม่ทราบ รวมเป็น ๕ องค์ด้วยกัน

    ไอ้ฉันก็ไม่มีส่วน เพราะฉันพักฟื้นจากป่วยนะ ไปพักที่วัดนั้นใกล้ ๆ หมอน่ะ เราก็เดินอยู่บ้างนอก เราเมื่อย ก็ไปนั่งปลายอาสนสงฆ์ก็ไม่มีส่วยเกี่ยวข้องกัน ไอ้ใจมันอดคิดไม่ได้ว่า เอ๊ะ ! ใครจะขนาดไหนนะ เท่านั้นแหละ ! เห็น หลวงพ่อนาค เป็นเสงไฟฉาย ใหญ่มาก คลุมของทั้งหมด สว่างจ้า....สว่างมากเชียว ของพระครูบุญธรรม นี่ก็เหมือนกับหอก พุ่งเหมือนกับน้ำอะไร ท่อดับเพลิงน่ะ แรงมาก พุ่งเข้าของนะ อีก ๓ องค์เหมือนกับเทียนริบหรี่อยู่ใจ มันวัดกันไม่ได้เลย พอเสร็จพิธีลงมานั่ง ท่านนั้งหัวอาสนสงฆ์ ท่านถามพระอีก ๔ องค์ว่า
    "เฮ้ย ! ใครรู้ไหม ไอ้หัวขโมยมันนั่งอยู่ท้ายอาสนสงฆ์"

    พระครูบุญธรรม หันมายิ้ม ๆ พระครูบุญธรรม รู้เรื่องเก่งมาก ลูกศิษย์ หลวงพ่อปาน เก่ง ๆ รุ่นพี่เก่งมาก รุ่นนั้นเล่นอภิญญาได้อภิญญาได้อภิญญาตรงเลย พระอีก ๓ องท่านเฉย ๆ ท่านก็บอก

    "โน้น ! ไอ้องค์นั้นน่ะ ไอ้องค์สุดท้ายอาสนสงฆ์ขโมย"
    ก็ไม่มีใครรู้ขโมยอะไร ใช่ไหม.... ทีนี้ต่อมาท่านลงมาแล้ว คนก็ไปพระท่าน ท่านก็แจก ๆ ฉันไปขอบ้าง ท่านบอกใครวะ ๆ ท่านก็ไม่ให้ ท่านบอกใครวะ ๆ เราก็เฉยเสีย เฉย ๆ ทีนี้ท่านให้คนอื่นมามาก เราก็แย่งจากคนอื่น บอกให้ฉันแกไปขอใหม่ บอก "เฮ้ย ! มันขนาดนี้เชียวหรือ" (หัวเราะ) ทิพพจักขุญาณ องค์นั้นแจ๋ว ปฎิสัมภิทาญาณ ลูกศิษย์ หลวงพ่อโต
    ผู้ถาม เวลาปลุกเสกเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ต้องเห็นพระพุทธเจ้าก่อนหรือครับ ?

    หลวงพ่อ ไม่ทุกองค์ แต่ว่าทุกองค์ที่ทำได้ไม่มีใครเก่ง มีแต่พระพุทธเจ้าเก่ง เขาจะไม่ทำเอง จะให้สวดมนต์ว่ายังไงจะว่าตามนั้น จะทรงอารมณ์อยู่ แต่พระพุทธเจ้าจะทำเอง เขาทำกับแบบนั้นนะ แบบ หลวงพ่อปาน ใช้ หลวงพ่อเล็ก ปลุกผ้ายันต์ ผ้ายันต์ หลวงพ่อเล็ก ปลุกใช้สมาบัติ ๘ ครบ ๓ เดือน เต็มเป๋ง ! แล้วก็ให้ฉันแบกไป แค่นี้ประตูโน่นมั้ง ประตูเจ้ากรม ฯ หลวงพ่อปาน เห็นเข้าบอก "เฮ้ย ! เอาไปก่อน ๆ กลับไปก่อน ๆ ใช้ไม่ได้ ๆ" เห็นไหม....ใช้สมาบัติ ๘ คุมด้วยนะ


    ผลของเหรียญทำน้ำมนต์
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง กระผมปฎิบัติเป็นประจำดังต่อไปนี้ และได้ผลเป็นที่พอใจ คือ

    ๑. เวลาปกติผมสวดมนต์ ผมจะเอาเหรียญทำน้ำมนต์ของหลวงพ่อวางไว้บนศีรษะแล้วก็ว่าคาถา อิติปิ โส ๗ จบ และ นะมะ พะธะ ๑๕ จบ ผลปรากฎว่า อาการโรคภัยไข้เจ็บบรรเทาและหายไป โดยไม่ต้องกินยาหมอ เมื่อได้ผลอย่างนี้ กระผมอยากจะขอถวายแนะนำว่า ให้หลวงพ่อทดลองดูบ้าง หลวงพ่อทดลองดูบ้าง หลวงพ่ออาจจะหายโดยฉับพลันก็ได้
    หลวงพ่อ แต่เขามาวางสูงนะ เขาไว้บนหัวศีรษะ ( หัวเราะ ) ไอ้โรคของฉันน่ะ ก็ใช้น้ำมนต์อยู่เสมอ แต่อย่าลืมว่ากำหนดเวลามีอยู่ ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าต้องธันวาคม ธันวาหน้านี่ถึงแล้ว ๒ ธันวานี่ ต้องรักษา ๒ ปี

    ผู้ถาม ก็โรคภัยไข้เจ็บจะ...
    หลวงพ่อ ก็คลายมาเรื่อย ๆ คลายมาเยอะแล้ว อย่าลืมว่ากฏของกรรมเก่าทำไว้มาก ไม่ใช่เล็กน้อย และประการที่ ๒ ลูกหนี้จะหนีเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ก็ตามทวง ก็ช่างมัน ! วันนี้วันที่ ๙ ธันวาคมนะ ( พ .ศ. ๒๕๓๒ ) ก็เป็นอันว่าขณะที่สวด อิติปิ โส เมื่อกี้นี้พระท่านก็มามาก ท่านลุงก็มา ท่านก็บอกว่า เหรียญที่ทำแจกครั้งหลังนี้นะ เหรียญทำน้ำมนต์นะ ท่านบอกว่าให้ทุกคนทำตามนี้ว่า

    ถึงเวลาที่จะนอน ถ้ามีกำลังใจสูงนะ กำลังเข้มข้นก็ไม่ต้องใช้น้ำมนต์ นึกถึงเหรียญหรือผ้ายันต์นั้นอยู่ตรงกระหม่อม บูชาพระเสียก่อนนะ แล้วก็ว่า อิติปิ โส แล้วก็ นะมะพะธะ สวด อิติปิ โส ตามที่ท่านเขียนไว้ในหนังสือกี่จบ จึงนึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ แล้วก็ว่า นะมะพะธะ เท่านั้น

    อย่างนี้ท่านบอกว่า จะคลายกฎของกรรมไปมาก ค่อย ๆ คลายกฏของกรรมนะ กฏของกรรมนี่ความจริงทำลายไม่ได้ แต่อำนาจกฏของกรรมจะค่อย ๆ คลายตัว ถ้าทำทุกวันต่อไปจะเหลือนิดเดียว อย่างโทษ ปาณาติบาต ต้องป่วยไข้ไม่สบาย หรือทุพพลภาพทางกาย จะคลายทางกาย จะคลายตัวเหลือเล็กน้อย อย่าง อทินนาทาน ไฟไหม้บ้านบ้าง น้ำท่วมบ้านบ้าง ลมพัดบ้านบ้าง โดนโจรขโมยปล้นบ้าง ใช่ไหม ทีนี้ทำเรื่อย ๆ ไปจะคลายเหลือนิดหน่อย กฏของกรรมต่าง ๆ จะคลาย

    แล้วท่านบอกว่า ถ้าบุคคลใดกำลังใจไม่เข้มแข็ง ก็ให้นึกถึงน้ำมนต์แล้วว่า อิติปิ โส ตามนั้น แล้วก็สวด นะมะพะธะ เหมือนกัน เอาน้ำมนต์มาพรมที่ศีรษะเล็กน้อย อย่างนี้ทุกวัน ทำทุกวัน กฏของกรรมจะคลายตัว อันนี้ดีมาก กฏของกรรมเราหาทางแก้ไม่ได้อยู่แล้วนะ ท่านบอกว่าจะคลายเรื่อย ๆ ไป จนกระทั่งจะสิ้นกำลัง แต่ไม่สิ้นเลย เหลือนิดหน่อย ดีมาก !


    ผลของน้ำมันมนต์
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง น้องชายของลูกชื่อ "นายสมนึก แดงสี" เป็นคนรับจ้างขับมอเตอร์ไซด์ในซอย ปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้ ขับไปสวัสดีกับปิกอัพ ผลปรากฏว่าสลบไสล ตื่นมาก็กลายเป็นคนอัมพาตทั้งเนื้อทั้งตัว

    บังเอิญลูกมีโอกาสไป วัดท่าซุง คราวงานเป่ายันต์เกราะเพชร เช่าน้ำมันมนต์ หลวงปู่ปาน ที่วัดมาขวดหนึ่ง พอทาปุ๊บปรากฏได้ผลคือ ขณะนี้แกนั่งได้แล้ว พูดจาเป็นปกติ ทีนี้ต่อไปลูกจะเอาอีกขาดหนึ่ง แต่จะเอาจริง ๆ

    หลวงพ่อ จริง ๆ เบาไป ต้องเเกล้ง ไอ้เเกล้งมันหนักกว่าจริง ๆ เกล้งให้เดินได้ทำงานได้อยู่เป็นปกติ แล้วต่อไปเอาอีกขวดหนึ่งเกล้งให้รวย อีกขวดหนึ่งแกล้งให้ถูกหวยทุกงวด ( หัวเราะ) ต้องแกล้งมันแรงกว่าธรรมดา ๆ จริง ๆ มันเบา ท่านอนุโลมนะ เกรงจะชอกช้ำ ถ้าแกล้งไม่กลัวช้ำ มีความเข้มแข็ง

    ผู้ถาม นี่เขาเล่าให้ฟังนะ หมดกันเป็นหมื่น ๆ แหม....แค่น้ำมันขวดเดียว สิบบาท ยี่สิบบาทไม่ได้ ไม่เป็นที่พอใจ
    หลวงพ่อ ความจริงจ่ายไม่ครบนะ น้ำมันเขาแพงกว่านั้น (หัวเราะ) ใช่ถ้าหวยก็ราคาแพง ถ้าไม่หายก็เฉย ๆ ไว้ เดี๋ยวเขาจะด่าเอา (หัวเราะ)


    ผลของน้ำมันชาตรี
    ผู้ถาม กราบเท้านมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือว่ามันที่ ๒๖ ต.ค . ๒๕๓๔ เดือนที่ผ่านมานี้ ผมได้มีโอกาสขี่จักยานยนต์ไปด้วยความรวดเร็ว เพราะว่าจะซื้อยามาให้คนป่วยที่บ้าน ด้วยความเร็วปรากฏว่า รถจิ๊ปคันหนึ่งก็มาด้วยความเร็ว มันหับผมสวัสดีกันกลางทาง ปรากฏว่าล้อรถของผมน่ะ ข้างหน้าข้างหลังอยู่กันคนละทางเลย คนมาดูนึกว่า เละตุ้มเป๊ะแล้ว! ปรากฏว่าผมลุกขึ้นมาปัดแข้งปัดขา เดินด้วยความสบายใจไม่เป็นอะไรเลย ตำรวจมาถามว่า

    " คุณ! ไอ้คนที่ตายตรงนี้ไปอยู่ที่ไหน?"
    ผมก็ตอบว่า "ไม่รู้ครับ แต่ไอ้คนที่ขี่รถคันนี้คือผมเอง"
    ตำรวจถามผมว่า "เอ๊งเป็นลูกศิษย์ใครมีดีอะไร ?"
    ผมตอบว่า "ผมเป็นลูกศิษย์ น้ำมันชาตรี"

    ถามว่า "พระองค์นี้อยู่วัดไหน ?"
    ผมนึกไม่ถูกเลยไปบอกเขาว่า "วัดท่าบุง"
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) ใช่ได้ ๆ ๆ ดีเขาไม่บอกวัดขวดเอานะ
    ผู้ถาม แล้วบอกว่าอยู่จังหวัดนครสวรรค์

    หลวงพ่อ (หัวเราะ) ได้เรื่อง! วัดท่าบุง นครสวรรค์ ใช้ได้
    ผู้ถาม ถ้าหากว่าตำรวจคนนั้นไปเอา น้ำมันชาตรี คงไปหาทั้งจังหวัด แล้วก็ตำรวจเขาเลยบอกว่า จะขอจดที่อยู่วัดไว้ ผมก็นึกได้ตอนหลังว่าอ่านหนังสือแล้วไม่ใช่ ผมก็นึกวิตกว่า ตำรวจคนนั้นคงไปหาที่นครสวรรค์แล้วก็สุดท้ายขอกราบขอบพระคุณ น้ำมันชาตรี ของหลวงพ่อด้วย ผมมีเทคนิคในการใช้ดังต่อไปนี้ครับ

    ตืนเช้าขึ้นมารีบกินก่อน มันจะชนเมื่อไหร่ผมไม่กลัวแล้ว แปลกจริง ๆ นะครับ ที่หลวงพ่อเคยพูดอะไร เบา อะไรนะ ?

    หลวงพ่อ ชาตรีนี่เขาเรียก "ลูกเบา" อันเดียวกัน เวลาถูกแล้วมันรู้สึกเบา ไม่หนัก รู้จักลูกเบาไหม ?

    " ..ถ้าบุคคลใดกำลังใจไม่เข้มแข็ง ก็ให้นึกถึงน้ำมันมนต์แล้วว่า อิติปิ โส ตามนั้น แล้วก็สวด นะมะพะธะ เหมือนกัน เอาน้พมนต์มาพามที่ศีรษะเล็กน้อยอย่างนี้ทุกวัน ทำทุกวัน กฏของฏรรมจะคลายตัว.."

    [​IMG]

    หลวงพ่อเล่าให้ฟัง เรื่อง....หลวงตาหวังเทศน์
    ( ....พระคุณเจ้าคะ ! ฉันอยากจะทราบว่า เขาลือกันว่าคนที่ทำบาปนี่ เทวดาเขาจดลงในหนังหมา คนทำบุญนี่เทวดาจดไว้ในแผ่นทอง มันเป็นความจริงไหม ? ...)

    เรื่องนี้ปรากฎขึ้นที่ วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วตัวโจ๊กจริง ๆ มีหลายท่านด้วยกัน เกือบทั้งวัด ไม่ใช่หมดวัดนะ เกือบทั้งวัดเพราะไม่ได้ร่วมกันทั้งวัด แต่ส่วนใหญ่จริง ๆ ร่วมมือกัน

    เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ คือว่าตาแก่คนหนึ่งแกชื่อ "หวัง" แล้วก็หลังโกงเสียด้วยหลังโกงจริง ๆ แกเดินไปละก็หัวโก่งไปข้างหน้าหลังงอมาก แกแก่แล้ว แต่ว่าสติปัญญาดีเฉลี่ยวฉลาดพอสมควร มีการคล่องในการงานก็มาขอให้ หลวงพ่อปาน บวชให้ หลวงพ่อปาน เห็นว่าแกไม่รู้หนังสือ แต่ทว่าแกมีความเพียรดี มีความมานะอุตสาหะดี ท่านก็รับเข้ามาบวช บวชแล้วก็สอนธรรมวินัยแต่ละวัน

    สำหรับหนังสือสวดมนต์ เขาเรียกว่า "ต่อหนังสือค่ำ" ให้ท่องจำไปทีละน้อย ๆ ตั้งพระไว้เป็นผู้สอนให้ รู้สึกว่าสติปัญญาดีพอสมควร หมายถึงว่าสอนอะไรไปแล้วไม่ต้องซ้ำ ท่านก็ท่องจำไป วันรุ่งขึ้นมาให้ว่าของเก่าก็ว่าได้แล้วก็ต่อให้ใหม่ตามสมควร

    สมัยก่อนเขาเรียกว่า "ต่อหนังสือค่ำ" หมายความว่าเวลาเย็น ๆ ทำวัตรสวดมนต์แล้วก็ต่อหนังสือสวดมนต์ให้ ให้ท่องจำเลย ไม่ใช่ให้อ่าน อย่างนี้แกทำได้ดี แล้ว หลวงพ่อปาน ท่านก็สอนสมถภาวนา วิปัสสนาภาวนาแบบย่อ ๆ แกก็ทำได้ดี จิตใจดีพอสมควร แกรู้ตัวว่าแกไม่รู้หนังสือแกเลยเกิดความไม่ประมาท

    มาวันหนึ่ง เป็นพรรษาที่ ๒ สำหรับการบวชของแก การสวดมนต์ใน ๗ ตำนาน นี่จำเป็นจะต้องให้ได้หมด เรียกว่าได้คล่องดีแล้ว ก็เลยอยากจะเป็นนักเทศน์ขึ้นมาบ้าง แกก็ไม่ถามชาวบ้านชาวเมืองเขา มีพระอาวุโสท่านหนึ่ง อย่าออกชื่อเลย ท่านเป็นพระสนุก ๆ ใคร ๆ ก็รักท่าน พระองค์นี้อย่าออกชื่อท่านเลยนะ เพราะเรื่องนี้มันไม่ค่อยดีนัก ออกชื่อท่าน ท่านจะพลอยเสียหายไปด้วย

    ไปถามพระองค์นั้นบอกว่า "เวลาเขาเทศน์ ๆ ยังไงขอรับ ?"
    ท่านยิ้ม ๆ รู้แล้วว่า ตาหวัง นี่อยากเทศน์ ท่านก็บอกว่า
    "ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นไปเอาหนังสือขึ้นไปมันก็เทศน์ได้เองแหละ "
    ตาหวัง ก็บอกว่า "ผมอ่านหนังสือไม่ออกนี่ขอรับ"

    ท่านก็ตอบว่า "ไม่เป็นไรหรอก ธรรมาสน์มันมีอาถรรพณ์ คนอ่านหนังสือไม่ออก ขึ้นไปมันก็อ่านออกเอง"
    ที่นี้แกคงจะไม่แน่ใจนัก แกก็มาถามอาตมาบ้าง ถามเพื่อน ๆ บ้าง ถามพระอีกหลายองค์ก็ถามเกือบหมดวัด เท่าที่แกจะถามได้ พวกที่ท่านไม่ต้องเกรงใจนัก เรียกว่าเป็นนักคลุกคลีตีโมงมาด้วยกัน บอกเหมือนกัน บอก

    "โอ้โฮ้ ! เรื่องเทศน์นี่มันอัศจารรย์ขอรับหลวงน้าเห็นไหมล่ะ ว่าอยู่กุฎินี่ใครเขาเทศน์กันบ้าง ไม่มีใครเขาเทศน์กัน ไม่มีใครเขาว่าอะไรกันหรอก แต่เวลาขึ้นธรรมมาสน์ เห็นไหมเขาว่ากันเเจ้ว ๆ ไปได้จนจบ"

    แกก็เชื่อ เพราะว่าตามปกติพระที่ขึ้นไปเทศน์เขาจะอ่านหนังสือ จะดูวรรคดูตอน เขาก็ดูกันในใจเงียบ ๆ ก็ไม่ได้ออกเสียง แกก็เลยไม่ได้ยินเสียง เป็นอันว่าแกก็คิดว่า พอขึ้นไปแล้วมันก็เทศน์ได้เอง นี่โดนต้ม ! แล้วก็โดนตุ๋น ! นี่คววามจริงไม่ใช่เจ้าลิงเท่านั้น นอกจากเจ้าลิงก็ร่วมกับเยอะแยะ

    เมื่อเเกมั่นใจแล้ว แกก็บอกว่า "วันพระหน้าที่จะถึงนี้เป็นวันรักษาอุโบสถผมจะลงเทศน์ในกลางคืน"
    พวกเราก็บอก "ดี ! ดีมาก ! โอ้โฮ้ ! การเทศน์นี่เป็นการให้ธรรมเป็นทานเชียวนะหลวงน้านะ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า

    "สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ" การให้ธรรมเป็นทานย่อมชนะทานทั้งปวง เพราะการให้ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นทานนี่แหละ คนเขาจึงได้ขึ้นสวรรค์ไปเป็นพรหมเข้าถึงพระนิพพานได้ ไอ้วัตถุทานนี่เมื่อเราให้แล้วก็แล้วกันไป กินอิ่มแล้วก็แล้วกันไป พอเลิกอิ่มมันก็หิว การให้ธรรมเป็นทานนี่มีอานิสงส์มาก เมื่อคนฟังเขามีอานิสงส์มาก เราผู้ให้ก็มีอานิสงส์มหาศาล"

    แหม......แกยิ้มชอบใจใหญ่ แกก็เลยบอกว่า "ไหน ๆ ผมบวชทั้งทีแล้ว ผมก็จะทำให้มันครบ คือสงเคราะห์ตัวเองด้วย สงเคราะห์ญาติโยมพุทธบริษัทด้วย ไอ้การสงเคราะห์ตัวเองก็ได้แก่การทำวัตรสวดมนต์ เจริญสมถกรรมฐานวิปัสสนากรรมฐานทำการงานของวัด นี่เป็นการสงเคราะห์ตนเอง สงเคราะห์ญาติโยมก็ได้แก่การเทศน์สองเป็นธรรมทาน"
    แหม......พวกเราทั้งหมดก็ยกมือกันสลอนโมทนาสาธุ แกก็ปลื้มใจ ยิ่มแป้น !

    พอถึงเวลาวันพระ ความจริงเวลานั้นที่ วัดบางนมโค เวลาถึงวันพระ คนมาถืออุโบสถถึง ๒๐๐ คนเศษ ๆ หากเป็นวันพระเข้าพรรษาออกพรรษา ก็ตกวันละ ๓๐๐ - ๔๐๐ คน คนรักษาอุโบสถมาก ถึงแม้จะเป็นตำบลเล็ก ๆ ก็ตาม แต่ว่า หลวงพ่อปาน ท่านปลูกศรัทธาคนได้ดีมาก เวลาวันพระเขาเทศน์ตอนเช้า ๑ กัณฑ์ ตอนบ่ายประมาณ ๓ กัณฑ์ นี่เป็นกัณฑ์ประจำ ญาติโยมพุทธบริษัทเขานิมนต์กันเอง เวลากลางคืน ถ้าไม่มีใครไปเทศน์ก็ต้องมีพระอาวุโสหรือพระผู้มีคุณวุฒิไปนั่งอธิบายธรรมะ คือไปคุยกับโยม ญาติโยมแกจะสงสัยอะไรก็ตอบให้ฟัง

    บางที หลวงพ่อปาน ท่านก็ลงเอง ถ้าหลวงพ่อปาน ไม่ลง หลวงพ่อเล็ก ก็ลง หรือว่า สมภารเย็น ลง ใครว่างใครก็ลง ถ้าพระผู้ใหญ่ไม่ว่าง พระผู้น้อยก็ลง อาตมาเองก็เคยลงเหมือนกัน ลงไปแล้วโดนโยมยันเข้าให้ เรื่องภูมเทวดา ไอ้เรื่องเทศน์ของดไว้ก่อน
    วันหนึ่งอาตมาลงไปเป็นพระอาจารย์ แหม...น่ากลัวจะเป็นจานกระเบื้องนะท่านผู้อ่าน ไม่ใช่จานกะละมัง ไอ้จานกะละมังขว้างเพล้งบางทีกะเทาะ แต่ไม่แตก ทีนี้ไอ้อานกระเบื้องนี่เขวี้ยงเปรี้ยง แตกพอดี ลงไปคุยกับญาติโยม คุยไปคุยกันมา มาตอนดึกจะกลับแล้วห้าทุ่ม โยมคนหนึ่งแกถามว่า

    [​IMG]

    "พระคุณเจ้าคะ ! ฉันอยากจะทราบว่า เขาลือกันว่าคนที่ทำบาปนี่ เทวดาเขาจดลงในหนังหมา คนทำบุญนี่ เทวดาจดไว้ในแผ่นทอง มันเป็นความจริงไหม ? ”
    อีตอนนี้ความจริงก็เคยได้ยินเขาพูดกันมาเหมือนกัน แต่ว่าการตอบเอาจริงเอาจังกับญาติโยมนี่มันตอบส่งเดชไม่ได้ มันต้องเป็นเรื่องจริงจัง ในเมื่อไม่แน่ใจก็เรียนให้ทราบว่า
    "โยม ! เรื่องนี้ วันพรุ้งนี้อาตมาจะตอบให้ฟัง หรือวันพระหน้าอามาจะมาตอบให้ฟัง"

    แล้วความจริงก็ตั้งใจไว้ว่าวันรุ่งเช้าจะถาม หลวงพ่อปาน ดู ว่าไอ้เรื่องนี้มันเป็นความจริงไม่จริงเพียงใด ครั้นกลับไปถึงกุฎิแล้วก็จุดธูปเทียนบูชาพระ ตั้งใจเจริญพรกรรมฐาน พอจุดธูปเทียนเสร็จ เริ่มนั่งเข้าสมาธิ พอนั่งหลับตาปุ๊บ มีมือส่งมาแค่ศอกยื่นมาข้างหน้าแขนสวยเหลือเกิน มีกระดาษห้อย แล้วมีเสียงพูด เสียงดังฟังชัดว่า

    "นี่แหละขอรับ ! ที่เขาจดคนทำบุญทำบาป เขาใช้กระดาษทิพย์ เขาไม่ได้ใช้หนังหมาหรือว่าแผ่นทองคำ ถ้าจะใช้หนังหมาจดคนทำบาปละก็เทวดาไม่รู้จะไปฆ่าหมาที่ไหนมาพอ เพราะเมืองเทวดาไม่มีหมา ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ มันมีแต่เฉพาะเมืองมนุษย์เท่านั้น ในเมืองเทวดาเมืองอบายภูมินี่มันไม่มีหรอกครับ มันมีอยู่แดนเดียว คือสัตว์ทั้งหมดที่ตายไปแล้ววิญญาณออกจากร่างก็มีร่างเป็นคน ไม่ใช่มีร่างเป็นสัตว์ อีกประการหนึ่ง ถ้าจะไปหาแผ่นทองคำมาจารึกมันก็ไม่ไหว สำหรับคนมีบุญ ก็ต้องใช้กระดาษทิพย์ ”

    เป็นอันว่าคราวนั้นก็เลยได้ความรู้จากเทวดาแล้ววันหลังญาติโยมมาก็บอกให้ทราบว่า หลังจากกลับไปแล้วกลางคืนพอเริ่มบูชาพระทำสมาธิจิต มีแขนปรากฎ มีภาพหนังสือปรากฎ มีเสียงบอกตามนั้น ญาติโยมก็เข้าใจ

    ทีนี้กลับมาคุยถึงเรื่อง หลวงตาหวัง จะลงเทศน์ พอญาติโยมทำวัตสวดมนต์ในเวลาหัวค่ำเสร็จ หลวงตาหวัง ก็ถือคัมภีร์รุ่มร่าม ๆ ลงมา มีความประสงค์จะไปเทศน์โปรดญาติโยมพุทธบริษัท ทีนี้ท่านหัวหน้าใหญ่เป็นพระอาวุโสหน่อย ไม่ขอออกชื่อ ตีระฆังให้สัญญาณบอกเวลานี้ หลวงตาหวัง ลงแล้ว ตามประเพณีเดิมของ วัดบางนมโค เมื่อพระผู้ใหญ่ลงเทศน์หรือพระผู้น้อยลงเทศน์ก็ตาม

    พระทั้งหมดควรจะไปฟังเทศน์ด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้ญาติโยมพุทธบริษัทเอาเปรียบแต่ผู้เดียว คือรู้แต่ผู้เดียว ถ้าใครมีโอกาสก็ลงไปฟังเทศน์ด้วย นี่เป็นระเบียบ เพราะว่าไม่มีเกณฑ์บังคับ แต่ว่าถ้าเป็นระเบียบแล้วทุกคนพร้อมที่จะปฎิบัติ

    ความจริง หลวงพ่อปาน ท่านมีบุญ ท่านพูดอะไรออกมาแล้ว คนก็ยอมรับฟัง ทำตามด้วยประการทั้งปวง ถือว่าคำปรารภของท่านเป็นคำสั่งอยู่เสมอ ลูกศิษย์ลูกหาของท่านจึงได้ดีมาก ไอ้ที่ระยำก็มีมากเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนได้ดีก็มักจะเป็นคนต่างถิ่น พวกที่เขามาจากต่างถิ่นนี่เขามาเอาดีกัน สำหรับคนในถิ่นก็ดีเหมือนกัน ส่วนใหญ่บวชแล้วก็สึก อยู่ไม่ค่อยนานนัก

    แล้วก็เรื่องสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐานของท่านนี่คนในตำบลไม่ค่อยจะเอาเพราะว่าเขาถือว่าเขาอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ เขาได้อาศัยครูบาอาจารย์ ถ้าเขาตายไปแล้ว ครูบาอาจารย์จะสงเคราะห์เขา เขาอาจจะคิดยังงั้นก็ได้ หรืออีกประการหนึ่งบางทีก็จะมีอาการชินเกินไป นี่มันเป็นเรื่องธรรมดา บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย เวลาปัจจุบันนี่ก็เหมือนกัน สำนักสมถวิปัสสนาที่ไหนก็ตาม คนใกล้ ๆ มักจะไม่ค่อยมองเห็นความสำคัญ คนที่เห็นความสำคัญมักจะเป็นคนที่มาจากแดนไกล

    อย่างสำนักใหญ่ ๆ เช่น วัดปาดน้ำภาษีเจริญ สมัยที่ หลวงพ่อสด ยังอยู่ กว่าคนใกล้ ๆ จะรู้ว่าท่านดีนี่คนคนอื่นเขาเอาไปกินเสียนานแล้ว แล้วในระยะต้น ๆ ไม่มีคนบ้านใกล้สนับสนุน ดีไม่ดีเขาลือกันว่าสมัยที่ท่านไปอยู่ใหม่ ๆ เอาปืนไปยิงข้ามวัดเล่นเสียง่าย ๆ ยังงั้นแหละ วัดนั้นเต็มไปด้วยความโกรงเกรง ๆ ผุแล้วผุอีก จะพังแหล่มิพังแหล่

    คนระยะใกล้ ๆ มาเห็นความดีของท่านต่อเมื่อพระมากขึ้นมา วัดมีความเจริญมากแล้ว แต่ก็เห็นความดีภายนอก ความดีภายในไม่ค่อยมีคนจะเอาไปใช้เหมือนกัน นี่เรื่องสมถภาวนา การเจริญพระกรรมฐานมันเป็นเรื่องของธรรมดาจริง ๆ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท คนใกล้นี่ใครเขาไม่ค่อยเอาด้วยหรอก มีแต่คนไกลเอาไป

    สำหรับที่ วัดบางนมโค สมัยนั้นก็เหมือนกัน พวกเราเองมาจากที่อื่นเอาดีกันจริง ๆ พวกก็หาว่าบ้าไปเสียเลย ดีไม่ดีก็หาทางก่อกวน หาทางนินทาว่าร้าย เขานินทาข้างหลังไม่พอ เขานินทาข้างหน้า เขาหาว่าบ้า ๆ บอ ๆ ไอ้พวกเรามันก็บ้าจริงตามเขาว่านั้นแหละ เพราะเขานั่งลืมตา เรานั่งหลับตาเสียมันก็บ้า เขาสร้างความเลวกันเราไม่เลวตามเขา เรามันก็บ้า
    รวมความว่า เราเข้าเมืองตาหลิ่ว เราไม่หลิ่วตาตามนี่มันก็บ้า นี่พูดให้ฟัง แล้วก็มานั่งคุยกันต่อไปถึงเรื่อง หลวงตาหวัง จะไปเทศน์

    เมื่อ หลวงตาหวัง ท่านลงไปแล้ว ท่านอาจารย์ผู้ทรงวุฒิมีอาวุโส ไม่ใช่ หลวงพ่อปาน ไม่ใช่ หลวงพ่อเล็ก ไม่ใช่ ท่านสมภารเย็น แล้วก็ไม่ใช่ใคร ไม่บอกชื่อท่านพระอาวุโสผู้ใหญ่เวลานั้นมีหลายท่านด้วยกัน แต่ว่าองค์นี่ท่านสนุกสนาน ชอบเล่นกับพวกเด็ก ๆ ท่านมีอารมณ์ขำ เด็ก ๆ รักท่าน เมื่อตีระฆัง เราก็รู้สัญญาณว่าเวลานี้ หลวงตาหวัง ลงไปศาลาแล้ว พวกเราก็ห่มจีวรพาดสังฆาฎิ เดินลงไปเป็นแถว มีพระอาจารย์ใหญ่นำหน้าลงไปด้วย ไปนั่งฟัง หลวงตาหวัง เทศน์เต็มอาสนสงฆ์หมด

    แหม.....ญาติโยมคืนนั้นรู้สึกมีธรรมปีติมาก เห็นพระลงมาฟังเทศน์ ได้เวลาแล้ว หลวงตาหวัง ก็ขึ้นธรรมาสน์ ตะเกียงก็สว่าง แกก็เปิดหนังสือออกอ่าน อ่านไปอ่านมา ดูไปดูมา ดูมาดูไป มันก็อ่านไม่ออก เพราะไอ้คนไม่เคยเรียนหนังสือมันจะอ่านออกได้ยังไง แต่ว่าคณะที่ลงไปนั้น คณะกลุ่มของ หลวงตาหวัง ทั้งนั้น ที่ลงไปนั่งเป็นแถวน่ะ

    พระที่ท่านไม่ได้ตุ๋นด้วยท่านไม่ได้ลงไป แกทำท่าอ่านไม่ออก ญาติโยมพุทธบริษัทที่มาก็รู้ทั้งหมดว่า หลวงตาหวัง นี่น่ะ ตั้งแต่เป็นฆราวาสไม่เคยเรียนหนังสือมาเลย แล้วท่านจะมานั่งเทศน์ได้ยังไง มาอ่านพลิกหน้าพลิกหลัง พลิกหลังพลิกหน้า พลิกไปพลิกมามันก็อ่านไม่ออก

    ญาติโยมก็ชักเริ่มแล้ว เริ่มก้มหน้า ไม่ใช่ร้องไห้ ก้มหน้าหัวเราะ ยิ้มกันไปยิ้มกันมา เอาผ้าอุดปาก พวกเราก็ชักงอไปงอมา แต่ไม่กล้าส่งเสียง
    ทีนี้ หลวงตาหวัง แกดูยังไงแกก็อ่านไม่ออก แกบอก "โยม ! เดี๋ยว ! อ่านไม่ออกแฮะ "
    ตอนนี้ฮาตึงแล้ว

    "โยม ! เดี๋ยว ๆ ลองไปอ่านที่หัวอาสนสงฆ์ บางทีมันจะอ่านออกบ้าง"
    มาที่หัวอาสนสงฆ์ นั้งข้างหน้าเพื่อน อ่านเท่าไรมันก็อ่านไม่ออก ทีนี้ท่านหัวหน้าบอกว่า
    "นี่กราบพระพุทธเสียก่อนซี กราบพระพุทธช่วย (โธ่ ! อยู่ ๆ แกมาถึงเขานิมนต์ขึ้นธรรมาสน์ก็ขึ้นไปเลย) เห็นไหมเล่า คนที่ขึ้นไปเทศน์เขาต้องกราบพระพุทธเสียก่อน พระพุทธท่านช่วยอ่านเองแหละ”

    ยังไปสอนเขาที่ศาลาอีก หลวงตาหวัง ก็เอา กราบ ๆ พระพุทธ ขึ้นไปนั่งบนธรรมาสน์เปิดหนังสืออ่านเท่าไร อ่านไปอ่านมา อ่านยังไงมันก็ไม่ออก แกก็โมโห คิดว่าพวกเราต้มแล้วซิ มองหน้าพวกเราเป็นแถวตั้งแต่ต้นจนปลาย ไอ้พวกนี้เป็นที่ปรึกษาแนะนำให้ขึ้นมาเทศน์ แกก็เลยเทศน์ฉบับพิเศษ เสียงดังลั่นว่า

    "ไอ้.........แม่ ! โครตแม่มึงแกล้งกูนี่หว่า บอกว่าขึ้นธรรมาสน์แล้วจะอ่านออก นี่มันอ่านไม่ออก ไอ้....แม่ ! แกล้งกู"

    พวกเราก็ฮาตึง ชอบใจ เรียกว่าหายปวดท้อง บรรดาญติโยมทั้งหลายก็ฮาตึงไปตาม ๆ กัน เป็นการครื้นเครงแทนที่จะโกรธ แกลงมาที่หน้าอาสนสงฆ์แกยังด่าอีก แล้วแกก็เดินกลับชี้หน้าไปทุกคนด่าหมด พวกเราก็ยิ้มชอบใจแทนที่จะโกรธ จะโกรธทำไม แผนการของเรามันสำเร็จผลนี่ เพราะอะไร เพราะแกอยากทรชน คือเทศน์ไม่เป็นแล้วก็อยากจะเทศน์ ก็เลยดัดสันดานเสียด้วยวิธีนั้น

    แต่ปรากฏว่าพอรุ่งขึ้นเช้า หลวงพ่อปาน สั่งตีระฆังประชุม พูดถึงเรื่อง หลวงตาหวัง ลงมาเทศน์ ท่านบอกว่า
    "มันเป็นการไม่สมควร การทำแบบนั้นทำให้พระเสียกำลังใจ ทำให้ญาติโยมพุทธบริษัทเสียกำลังใจ"
    พูดไปพูดมาก็บอก "มันไม่มีใครหรอกวะ ไอ้ที่มายุ หลวงตาหวัง ขึ้นธรรมาสน์น่ะ"
    ชี้ดะไปเลย ชี้มาตรงหน้าแป๊ะทุกรายเลย ถามว่า “ จริงไหม ?"
    ทุกองค์ก็พนมมือบอกว่า "ขอรับ"

    ถามว่า "ทำไมจึงทำยังงั้น ?"
    คนอื่นเขาก็เงียบเสียง เจ้าลิงดำพูดตัวเดียวบอกว่า "หลวงตาหวัง แกไม่เจียมตัวขอรับ แกรู้แล้วว่าแกอ่านหนังสือไม่ออก ก็ยังจะไปเทศน์ ถ้าจะไปห้ามแกก็จะหาว่ากันลาภสักการะของแก กันความดีของแก ถ้าไม่สอนด้วยวิธีนี้ละก็แกจะยับยั้งตัวเองได้ยังไง ?"
    หลวงพ่อปาน ก็ยิ้มละไม บอก "เออ.....ดี ! ดีแล้ว รู้จักการฝึกพระให้รู้จักประมาณตนของตนเอง"

    ท่านก็เลยหันไปหา หลวงตาหวัง บอก "หลวงตาหวัง ทีหลังจำไว้นะ สิ่งใดถ้ามันเกินวิสัยของเรา เราอย่าไปทำมันเข้า ไอ้ที่เขาทำแบบนี้น่ะ เขาไม่ได้แกล้งเรานะ เขาสอนเรา ฟังได้ยินไหมล่ะ เขาบอกว่าถ้าเตือนแบบธรรมดา ๆ ก็เกรงว่าคุณน่ะจะไม่รับฟังเขา คุณจะหาว่าเขากลั่นเขาเเกล้งกัดกันลาภสักการะกันความดี นี่เขาสั่งสอนคุณ จำไว้นะ ทีหลังจงอย่าทะเยอทะยานอย่างนี้อีก"

    นิทานเรื่องนี้ก็ขอยุติแต่เพียงเท่านี้ เพราะมันจบ ไม่รู้จะพูดอะไร สวัสดี *

    (เพราะการให้ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นทานนี่แหละ คนเขาจึงได้ขึ้นสวรรค์ไปเป็นพรหม เข้าถึงพระนิพพานได้ ไอ้วัตถุทานนี่เมื่อเราให้แล้วก็แล้วกันไป กินอิ่มแล้วก็แล้วกันไป พอเลิกอิ่มมันก็หิว การให้ธรรมเป็นทานนี่มีอานิสงส์มาก เมื่อคนฟังเขามีอานิสงส์มาก เราผู้ให้ก็มีอานิสงส์มหาศาล)

    พิมพ์โดยคุณโกกนุท
    กราบอนุโมทนา ในกุศลจิต ของคุณ โกกนุท ด้วย นะครับ สาธุ..

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.964958/[/MUSIC]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มิถุนายน 2010
  6. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]
    ตาลาย เลยค่ะลุง
    ขอบคุณค่ะ
    กราบ อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
     
  7. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291



    การอ่าน ไม่จำเป็น ต้องจบ วันนี้ นี่นา เอาความเข้าใจเป็นหลัก นะ
     
  8. kamomros

    kamomros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +153
    ขอขอบคุณครูบาอาจารย์ที่นำสิ่งที่ดีอยู่แล้วมาเผยแผ่ ขออุโมทนา สาธุ ครับ
     
  9. Tippayarn

    Tippayarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +168
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณอริยบุตรด้วยครับที่เอาคำสอนของหลวงพ่อมาไว้ในเว็บให้คนได้อ่านได้แก้ความสงสัย
     
  10. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    <TABLE cellPadding=2 width="90%" align=center border=0 cell spaceing="0"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%">
    เดี๋ยว ว่างมาทำต่อ ครับ

    ปัญหาการรักษาศีล

    [​IMG]

    คำสมาทานศีล
    ผู้ถาม “กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพ การสมาทานศีลมี “วิสุง” กับไม่มี “วิสุง” จะต่างกันอย่างไรขอรับ?
    หลวงพ่อ “คงไม่เหมือนกัน ต่างกันที่สุงกับไม่สุง...(หัวเราะ) แต่ความเป็นจริงคำว่า “วิสุง” เขาแปลว่า “ส่วน” นะ ขอรับแยกเป็นส่วนๆ ปาณา...ก็ปาณา อทินนา...ก็อทินนา ถ้าไม่วิสุงละขอรับรวดทั้ง ๕ หรือ ๘ ข้อ ทั้งนี้ตามคำอธิบายของคณาจารย์ ถ้าแยกเป็นส่วนจะขาดเป็นตัว ถ้าไม่แยกส่วน ตัวอื่นขาด ก็จะขาดหมดด้วย
    ความจริงคณาจารย์ไม่รู้จริง จริงๆถ้าเราละเมิดตัวไหน ก็ขาดเฉพาะข้อนั้น จะว่าวิสุงหรือไม่วิสุงก็ตาม ไอ้ตัวที่ยังไม่ละเมิดก็ยังไม่ขาด นี่ฉันอ่านหนังสือที่เขาเขียนย่อๆเล่มเล็กๆ น่ะ บังเอิญอ่านเมื่อเป็นเด็ก คือว่าไปตามวัด เดี๋ยวนี้ก็วิสุง...เดี๋ยวก็ไม่วิสุง...ฉันก็แปลกใจ”


    รักษาศีลแล้วยังไม่รวย
    ผู้ถาม “หลวงพ่อเจ้าขา ความจริงลูกไม่อยากค้านหลวงพ่อหรอก เพราะรู้ว่าหลวงพ่อมีปัญญามาก ฉลาดในการสอน แต่วันนี้ขอถามแกมประท้วงสักนิดหนึ่ง ในคำสอนที่หลวงพ่อว่า มีศีลแล้วจะร่ำรวย มีเงิน ไม่เป็นหนี้ มีโชคมีลาภ แค่รักษา ๕ แต่ไม่พอใจเดี๋ยวนี้เพิ่มเป็น ๘ มันก็ยังจนเหมือนเดิม”
    หลวงพ่อ รักษามากี่ปี?
    ผู้ถาม ๒ ปี...
    หลวงพ่อ โธ่เอ๋ย! ก็ซวยมากี่ปี ศีลขาดมากี่ปี มันคุ้มกันหรือ...คือว่ารักษาศีลจริงๆ แค่ศีล ๕ น่ะ ๑.ค่าเหล้าไม่เสีย ๒.ค่าเจ้าชู้ไม่เสีย ๓.ค่าม่านรูดไม่เสีย...(หัวเราะ)
    ผู้ถาม เอ๊ะ ไหนว่าพระอยู่วัดอยู่วา ไม่รู้อีโหน่อีเหน่?
    หลวงพ่อ พระน่ะท่านไม่รู้ แต่ฉันรู้ มีคนไปพูดให้ฟัง เลยไม่ขี้ร้อนไม่ต้องไปอาบน้ำตามห้อง...(หัวเราะ) เรื่องที่ไม่เสียมีเยอะแยะ ทรัพย์ก็ดีขึ้น ไอ้ใจร้ายไปฆ่าเขาไปตีเขา ทะเลาะกับเขาก็ไม่มี แม้แต่ติดคุกติดตะราง ไม่ต้องเสียสตางค์ นี่ถ้ารักษามาตั้งแต่เกิดนะ ป่านนี้รวยนานแล้ว แกรักษามากี่วันนี่ ขาดทุนมากี่ปี...?


    ฆ่าผัวตาย
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างยิ่ง กระผมข้องใจเรื่องศีลข้อ ปาณาติบาต กับข้อ คุณธรรม เรื่องจริงเป็นอย่างนี้ขอรับ สามีป่วยหนักด้วยโรคร้ายทรมานเป็นอย่างมาก บอกเมียฆ่าให้ตาย เพราะทรมานเหลือเกิน เมียด้วยความเตตาผัวก็เลยดึงสายอ๊อกซิเจนออก ปรากฏว่าผัวเรียบร้อยทันที
    ทีนี้ผลจะพึงได้ คือเมียถูกข้อหาว่า เจตนาฆ่าผัวให้ตาย แต่ที่จะถามก็คือว่าอย่างนี้ ทำด้วยจิตเมตตาธรรมกับเขา อย่างนี้จะมีผลบุญผลบาปกับภรรยาอย่างไรหรือเปล่าครับ?
    หลวงพ่อ เขาไม่มีโทสะนะ เขาไม่โกรธ ผลบาปที่เป็นปาณาติบาตไม่มี เจตนาในการฆ่าไม่มี ศีลจะขาดได้ต้องตั้งใจเพื่อฆ่า และฆ่าได้สมหวัง ฉะนั้นไม่ขาดจริงข้อนี้นะ
    ผู้ถาม มีเมียอย่างนี้ก็ชื่นใจนะ แป๊บ...เมื่อไรก็จัดการ ชักใจไม่ค่อยดีเสียแล้วซิ
    หลวงพ่อ เราไม่ได้สั่งไม่เป็นไร อย่าไปแกล้งพูดประชดเขานะ เขาเอาจริงๆนะ (ให้อ่านหัวข้อ ช่วยสงเคราะห์กระต่าย เปรียบเทียบด้วย-ผู้พิมพ์)


    ถ้าลูกจะทำกับพ่อบาปไหม
    ผู้ถาม ลูกอยากถามหลวงพ่อเจ้าคะ คือผู้ป่วยที่อาการต้องตายแน่ มีเครื่องช่วยหายใจอยู่ แพทย์เขาสั่งให้เอาเครื่องช่วยหายใจออก เมื่อเอาออกแล้วเขาตาย จะบาปไหมคะ?
    หลวงพ่อ คนจะตายจะบาปยังไง ไม่ได้ฆ่าให้ตาย นั่นเครื่องช่วยหายใจ ถึงขืนช่วยไปก็ไม่ไหวแล้วเขาก็ต้องตาย ก็ไม่มีความสำคัญ คำว่าบาปก็ไม่มี ไม่ใช่ถ้ายังช่วยอยู่มีหวังจะฟื้นเราแกล้งเอาออก ไอ้นั่นจึงจะบาป เพราะมีเจนานะ และไอ้การที่จะบาปนี่ ต้องมีการตั้งใจกลั่นแกล้ง หรือทำให้ตาย
    ผู้ถาม หลวงพ่อครับ ถ้าอย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นลูกกระทำ ถือว่าเป็น อนันตริยกรรม ไหมครับ?
    หลวงพ่อ เขาไม่บาป คุณฟังให้ดี...อย่าโง่ เรื่องไม่บาปก็ไม่เป็นอนันตริยกรรม ตัดคำว่าบาปนั้น ไม่มีเสียแล้ว เวลาฟังคำพูดต้องคิดตามเขาพูดเรื่องไหน จำหัวข้อคำพูดไว้
    หลวงพ่อ เอ้า...หมวด มีอะไรคุยไหมล่ะ เดี๋ยวต้องถามตำรวจยิงผู้ร้ายตายบาปไหม...บาปไม่บาป?
    ผู้ถาม บาปครับ
    หลวงพ่อ ฉันถามว่าตำรวจยิงผู้ร้ายตาย ฉันไม่ได้ถามว่าตำรวจยิงผู้ร้ายเฉยๆ (หัวเราะ) สอบตกแล้ว ผู้ร้ายมันตายแล้ว ไอ้นี่งานก็งาน การปราบปรามผู้ร้าย ถ้าเป็นผู้ร้ายจริงเขาจำเป็นต้องยิง ยิงให้ตายใช่ไหม ถ้าถามว่ามีโทษไหม...ต้องตอบว่ามีโทษ ถ้าถามว่าโทษทำบาปหนักไหม...ต้องตอบว่าไม่หนักมันมีนิดเดียวเพราะกำลังบาปนี่ไม่เท่ากัน ถ้าคนที่มีคุณมาก เราฆ่า...มีโทษมาก คนที่มีคุณน้อย เราฆ่า...มีโทษน้อย ไอ้คนจัญไรประเภทนั้นมันไม่มีคุณเลย แต่ว่าดับคนประเภทนั้นไปได้คนหนึ่ง คนอีกกี่คนที่มีความสุข
    ถ้าถามบาปมากไหม...คนเหมือนกันมันบาปไม่เท่ากัน หมวดนะ อย่างฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ นี่ไม่ต้องห่วงหรอกลงอเวจีดิ่งเลยใช่ไหม ถ้าฆ่าคนที่มีคุณน้อยไปกว่านั้น ยังไม่ถึงขั้นอเวจี และฆ่าคนที่มีคุณน้อยกว่านั้นอีก ก็เบากว่านั้นอีก ถ้าฆ่าคนจัญไรแบบนั้น มันมีบ้างเหมือนกัน มันแค่มีบ้างนะโยมนะ
    แต่ว่าทีนี้ถ้าตำรวจทำด้วยเจตนาดีคิดว่า ถ้าทำลายคนประเภทนี้เสีย คนอีกหลายแสนคนจะมีความสุข เพราะถ้าคนคนนี้อยู่คนเดียว มีความทุกข์ใช่ไหม บุญส่วนนี้เขามี บาปส่วนนั้นเขามีนิดเดียว นี่พูดกันตรงไปตรงมานะ จะคิดว่ายิงคนเหมือนกัน มีโทษเท่ากันนั้น...ไม่เท่า ก็ว่าตามธรรมนะ (ให้อ่านหัวข้อ ช่วยสงเคราะห์กระต่าย เปรียบเทียบด้วย-ผู้พิมพ์)


    ช่วยสงเคราะห์กระต่าย
    ผู้ถาม กราบหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ข้าพเจ้า สิริ ขออุทิศทั้งหมดที่เป็นกุศลของลูกมาให้กับหลวงพ่อ และขอแบ่งสักครึ่งหนึ่ง ที่ขอแบ่งคือย่างนี้ คือว่าตอนนั้นหมามันกัดกระต่ายตัวหนึ่ง ใกล้จะตาย ผมเห็นเข้าก็เลยเกิดสงสาร เห็นมันเวทนามาก ก็เลยบอกว่า ฉันสงสารแกนะ ฉันจะสงเคราะห์แกนะ เอาไม้ตะบองตีปั๊ก...ตายไปเลย
    ทีนี้ผมก็อุทิศส่วนกุศลไปแล้ว แต่มาข้องใจหน่อยหนึ่ง คือว่าการที่เรามีเมตตา ช่วยสงเคราะห์ให้เขาตายสะดวกขึ้นนี้ จะถือว่ามีบาปมีกรรมมีเวรหรือไม่ขอรับ?
    หลวงพ่อ ไม่ต้องถือ...มีแหง ไปช่วยมันตายเร็ว ควรจะประคับประคอง หายหรือไม่หายหรือตาย เราช่วยดีกว่า ช่วยรักษานะ ไอ้นี่แสดงว่าถ้าป่วยแหงกๆๆๆ มันไม่ทันตาย พวกฉีดยาให้ตายไปเลยนี่


    ทำหมันแมว
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ความจริงลูกไม่อยากจะรบกวนหรอกเพราะปฏิบัติตามธรรมะของหลวงพ่อมาด้วยดีตลอด เช่น เมตตา เป็นต้น ทีแรกก็เก็บแมวข้างรั้วมาเลี้ยงไว้ด้วยความเมตตา บัดนี้มันแข็งแรงสมบูรณ์ และได้ขยายพืชพันธุ์เป็นการใหญ่ (ออกลูกเยอะแยะ) แต่ลูกไม่ว่าอะไรหรอก แต่เกรงว่าลูกจะเกิดมาเดือดร้อน ลูกก็เลยเอามันไปฉีดยาทำหมัน ก่อนจะฉีดยาทำหมันลูกได้บอกว่า เอ็งจะมีทุกข์มาก ฉันจะแก้ทุกข์ให้เอ็งน่ะ อย่าเอาเวรเอากรรมนะ ลูกก็เลยทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาอีกวาระหนึ่ง ถ้าหากจะมีกรรมใด ก็ขอให้หลวงพ่อได้โปรดอโหสิกรรมด้วยเถิดเจ้าค่ะ (เอ๊ะ! ไปเกี่ยวอะไรกับหลวงพ่อ)
    หลวงพ่อ ถ้าจะเห็นว่าฉันเป็นแมว...(หัวเราะ) เป็นพระแท้ๆ เห็นเป็นแมวไปได้ เป็น “หลวงปู่แมว” ใช้ได้ไม่เป็นไร ไม่บาป ทำหมันนี่ไม่บาป คือกันไม่ให้เกิด ไม่ใช่ฆ่าสัตว์ ไม่ใช่มาเกิดแล้วฆ่าจึงจะบาป นี่กันไว้
    ผู้ถาม อ้อ...แล้วประเภทกินยากันไว้ก่อน ก็ไม่บาป?
    หลวงพ่อ ไม่บาป


    อยู่สำนักงานทำแท้ง
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกทำงานที่สำนักงานทำแท้งแห่งหนึ่ง ที่กรุงเทพฯ มีรายได้ดีพอสมควร หนูเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการรับเงิน ลูกชักใจไม่ดีนัก เพราะมีหุ้นส่วนกับเขาด้วย ขอพึ่งบารมีถามหลวงพ่อว่า ลูกจะมีบาปมีกรรมขึ้นบัญชีพระยายมหรือไม่...ข้อสอง เอาเงินเดือนจากการทำแท้ง มาทำบุญกับหลวงพ่อจะช่วยได้ไหมคะ
    หลวงพ่อ เข้าท่าๆ แหม...ฟังตั้งนาน คิดว่าจะบอกยังงี้เหมือนกัน จิตใจเกาะบุญไว้ พระพุทธเจ้าไม่เคยตำหนิใครเรื่องอาชีพนะ อย่างกับ ลูกศิษย์พระสารีบุตร พระพุทธเจ้าก็รับ และยังแนะนำพระสารีบุตรไปสอนอภิธรรมเพราะชาติก่อนเคยฟังพระอภิธรรมมา พอฟังอภิธรรมย่อๆ จบ ก็เป็นอรหันต์ทั้งหมด ฉะนั้นอาชีพก็ส่วนอาชีพ เรื่องบุญก็เป็นบุญไปแต่ว่าจิตอย่าไปเกาะอาชีพประเภทนั้น เกาะบุญอย่างเดียว มีงานเราถือว่าทำตามหน้าที่นะ หมดเรื่องหมดราวไป
    ผู้ถาม หลวงพ่อตอบแบบนี้ ค่อยสบายใจหน่อย ไม่เช่นนั้นละอึดอัดๆ
    หลวงพ่อ เรื่องของพระพุทธเจ้าท่านไม่เคยตำหนิใคร ท่านก็รับทุกด้าน อย่าง ตัมพทาฐิกโจร เห็นไหม...โจรเคราแดงฆ่าคนมาเกินหมื่นคน พอพบพระสารีบุตรเข้า พระสารีบุตรท่านไม่พูดเรื่องฆ่าคน ทีแรกพอกินข้าวเสร็จใช่ไหม... ท่านก็เทศน์เรื่องปาณาติบาตเลย ฆ่าคน ฆ่าปลา ฆ่าสัตว์ ตกนรกขุมไหนว่าเรื่อย ตัมพทาฐิกโจรเหงื่อแตกพลั่กๆ พอเทศน์ไปถึงครึ่งกัณฆ์ พระสารีบุตรท่านฉลาด ท่านเทศน์ไปท่านชำเลืองดูไปเห็นตานั่นเหงื่อแตก ถามโยมไม่สบายหรือ
    ตัมพทาฐิกโจรบอก จะสบายยังไงครับ ที่พระคุณเจ้าเทศน์มาผมเรียยร้อยหมดทุกขุมเลย ท่านก็เลยถามว่า โยม...โยมฆ่าคนตายใครเขาใช้หรือฆ่าเอง บอกพระราชาใช้ให้ฆ่า พระสารีบุตรท่านฉลาดกว่า ท่านถามว่า โยม...สมมุติว่าโยมเป็นลูกจ้างเขา นายจ้างเขามีนา ๑๐๐ ไร่ เขาใช้ให้โยมทำ เมื่อได้ข้าวในนาเสร็จ ผลของข้าวทั้งหมดจะเป็นของโยม หรือจะเป็นของนายจ้าง...?
    โยมก็บอกว่าเป็นของนายจ้างขอรับ นี่ท่านฉลาดกว่า ท่านก็เลยถามว่า พี่พระราชาให้ฆ่า บาปตกอยู่กับใคร อีตานั่นแกโง่ แกนึกว่าบาปตกกับพระราชา พระสารีบุตรเทศน์อานิสงส์ทานเลย เป็นพระโสดาบันเดี๋ยวนั้น
    ผู้ถาม โอ...เหงื่อแตกเลยนะ
    หลวงพ่อ ไอ้เหงื่อแตกน่ะ เป็นน้ำอาบชำระร่างกายให้สะอาด ชำระถึงจิตใจข้างในเลย


    เตี่ยมีอาชีพฆ่าหมู
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ตอนที่เตี่ยของลูกมีชีวิตอยู่ เตี่ยก็มีอาชีพในการฆ่าหมูและก็เอาไปขาย ทีนี้ตอนที่แกแก่ๆ แก็รู้ตัวทำบุญเป็นการใหญ่ เวลาจะใส่บาตรทุกครั้ง แกจะยกมือไหว้พระสงฆ์ก่อน ทีนี้ตอนแก่ๆมีคนเขาบอกว่าตายแล้วจะไปตกนรก แกก็เลยใส่บาตรทุกวัน ก่อนจะใส่บาตรแกยกมื้อไหว้พระ แกจะท่องคาถานี้เป็นประจำ ตัวแกจะรู้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ
    แกว่าอย่างนี้... “นะโม ตะสะ นะโม ตะสะ” แล้วก็ใส่บาตรใส่ทัพพีหนึ่งก็ว่า “นะโม ตะสะ” ใส่ทัพพีที่สองก็ว่า “นะโม ตะสะ” ทีนี้ตอนตาย แกเห็นยมทูตมาแกก็บอก “นะโม นะสะ” ปรากฏว่ายมทูตเผ่นไปเลย”
    หลวงพ่อ ขนาดนั้นเขาไม่อยู่แล้ว อย่างนั้นจิตเป็นกุศล เขาไม่อยู่แล้ว เขาไม่เอาไป คือ ถ้ายมทูตมานี่ ยังไม่แน่จะลงนรกนี่ เขาต้องไปสอบสวนกันก่อน ทีนี้ถ้าแกนึก “นะโม ตะสะ” ได้ พระยายมก็ปล่อย ในเมื่อแกว่าตอนนั้น ไม่ต้อง ปล่อยให้ไปเลย... สวรรค์ทันที
    ผู้ถาม แค่นี้ก็ไปแล้วหรือครับ?
    หลวงพ่อ ไม่ใช่แค่นี้นะ...หลายแค่
    ผู้ถาม ไอ้ที่แปลกใจ ไอ้หมูเหมอ ไม่มากวนตอนนั้นนะ “นะโม ตะสะ” นี่สามารถป้องกันได้หรือครับ...หลวงพ่อ
    หลวงพ่อ ในเมื่อกุศลเข้าดลใจ อกุศลเข้าไม่ได้

    นึกถึงบุญไม่ออก
    ผู้ถาม บางทีมันเพี้ยนไป นึกถึงบุญไม่ออกครับ
    หลวงพ่อ เป็นธรรมดา บางครั้งอารมณ์มันดี อย่างนี้จริงๆ เหมือนกันทุกคนนะ... เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะบุคคลบางครั้งมันจะนึกถึงบุญไม่ออกก็มี ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนเจริญพระกรรมฐาน ฝึกจิตให้ชินไง ใช่ไหม... ฝึกจิตให้ชิน คือจับอันดับแรก พระพุทธเจ้าต้องเอาก่อน อารมณ์มันชิน คำว่า “ฌาน” ก็คือจะได้ไม่ลืม ถ้าเราปล่อยเละละเดี๋ยวมันก็เผลอ พอบาปเข้าสิงปั๊บมันจะตัดเราลืมเลย
    ทีนี้วิธีที่ท่านสอนแบบนี้กันบาปเข้าแทรก วิธีฝึกกรรมฐานเขาฝึกให้ชินกันบาปเข้าแทรกเวลาที่เราจะตาย บาปมันจะแทรกไม่ได้ ทำบุญอย่างอื่นหนักขนาดไหนก็ตาม แต่จิตมันยังไม่แน่นอนนัก เราจะตายบาปเข้าแทรกได้ เราจะลงนรกได้ ถึงบอกว่าทำจิตให้เป็นฌานทำให้ทรงตัว คำว่า ฌาน ก็คือ อารมณ์ชิน มันนึกได้เรื่อยๆใช่ไหม การนึกถึงพระพุทธเจ้าได้เรื่อยๆ น่ะ คือ ฌาน


    สามีฆ่าตะขาบตาย
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา สามีของลูกเพิ่งแต่งงาน มีลูก ๑ คน ๑ ขวบ สามีของลูกเป็นคนใจดีมาก ใจบุญสุนทานพอสมควร แต่เมื่อเดือนที่แล้ว แกไปเห็นตะขาบในห้องลองเสื้อ แกตีจนตาย ตายแล้วแกก็มีจิตข้องอยู่ในสิ่งนั้น แกไม่สบาย รุ่งขึ้นไม่กี่วัน มอเตอร์ไซด์ ของตำรวจขี้เมาชนโป้ง ไปตายที่โรงพยาบาลตำรวจ ลูกสงสัยว่า คนอื่นเขาฆ่าสัตว์ตายมากมาย ไม่ต้องอายุสั้น แต่ว่า สามีของลูกฆ่าตะขาบเพียงครั้งเดียว ตัวเดียว ทำไมจึงอายุสั้นเจ้าคะ
    หลวงพ่อ อย่าลืมว่าตะขาบมันมีตีนกี่ตีน?
    ผู้ถาม โอ้โฮ คิดทีละตีนหรือนี่
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) อย่าลืมนะ ไก่มี ๒ ขา ตะขาบมีกี่ขา นี่ฉันตอบนอกบาลีนะ แต่ว่าถ้าในบาลีถือว่า เป็นกฎของกรรมเก่า เพราะว่าเขามีวาระมาเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นก็เป็นเหตุให้ต้องตาย นี่เป็นเรื่องธรรมดา


    กรรมกำพร้าสามี
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง สามีของลูกชื่อ นายธเนศ แซ่ด่าน ตายเมื่อวันที่ ๓๑ ธ.ค. ๓๓ ก่อนจะตายนี่ได้มีโอกาสถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ ๕๐๐ บาท ทีนี้ที่จะกราบเรียนถามก็คือว่า การที่ลูกเกิดมาสามีต้องตายยังหนุ่ม การที่ลูกเป็นสาวต้องกำพร้าสามี กรรมประเภทนี้ทำมาจากอะไรเพื่อไม่ให้กำพร้าต่อในชาติหน้า ขอหลวงพ่อเมตตาแนะวิธีอย่าให้พลัดพรากจากกัน ตั้งแต่วัยยังหนุ่มยังสาวเลยเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ รักษาพรหมวิหาร ๔ ไว้ เมตตาความรัก กรุณาความสงสาร มุทิตาจิตอ่อนโยน ไม่อิจฉาริษยาใคร พลอยยินดีด้วยนะ อุเบกขา วางเฉย เอาอย่างนี้อย่างเดียว ก็พอ เมตตาอย่างเดียวก็พอ
    ผู้ถาม แล้วประเภทที่ว่าเช้าตุ๊บ...เย็นตุ๊บ
    หลวงพ่อ อ๋อ...นั่นนักมวยเก่า (หัวเราะ) เขาซ้อมมวยกัน


    ต้มไข่อย่างไรไม่บาป
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ความจริงไม่อยากถามหลวงพ่อ แต่ความจำเป็นบังคับ จึงต้องถามเจ้าคะ คือว่า เพิ่งเริ่มขายของมา ๓-๔ วัน ลูกขายสลัดต่างๆ ที่สำคัญคือ จะต้องมี ไข่ต้มด้วย ทีนี้ที่ไม่สบายใจก็เพราะว่า ไม่รู้ว่าการต้มไข่นี้จะบาปหรือไม่ และวิธีต้มแล้วไม่บาปจะเป็นประการใด ถ้าหลวงพ่อห้าเมื่อไหร่ ลูกจะเลิกขายทันที เพราะลูกนับถือหลวงพ่อเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ดีกว่าตรงไปตรงมานะ ไข่ถ้ามันฟักไม่เป็นตัวเราก็ไม่บาป ถ้าฟักเป็นตัวเราจึงจะบาป นี่เราสังเกตไม่ได้ ลองศึกษาดูก็แล้วกัน
    ผู้ถาม ก็ลำบาก ก็มีทางที่หลวงพ่อว่า ไข่เจ้าคะ ไข่เจ้าขากรุณาฉันเถิด
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) เอาอย่างนี้ซิ ไอ้ฟาร์มไหนที่เขาเลี้ยงไก่โดยที่เขาไม่ผสมกับตัวผู้มันมีไหม ไก่ที่เขาเลี้ยงน่ะ ที่เลี้ยงไว้คัดเฉพาะตัวเมียเป็นราวๆ เป็นช่องๆ ไม่มีตัวผู้ผสม ถ้าไม่มีตัวผู้ผสมอันนี้คงจะไม่เป็นตัว ถ้าไข่ที่ฟัก ไม่เป็นตัวนี่มันไม่บาป นี่เราพูดตรงไปตรงมานะ


    สมัยก่อนไม่กลัวบาปกรรม
    ผู้ถาม เมื่อสมัยก่อนลูกไม่กลัวบาปกลัวกรรมเท่าไร เพราะว่าห่างไกลจากศาสนา พอมาเป็นศิษย์หลวงพ่อ แล้ว ทำอะไรก็กลัวบาปกลัวกรรมไม่หมด
    หลวงพ่อ ก็เหมือนหลวงพ่อนั่นแหละ ใหม่ๆ ก็ไม่กลัวบาปเหมือนกัน ไม่ใช่ดีวิเศษนักหรอก โอ้ย ใครจะดีมาแต่ท้องแม่เล่า เหมือนกันทุกคน ดูตัวอย่างองคุลีมาล ซิ ท่านฆ่าคนตั้งพันคนกว่า เห็นไหมล่ะ...ครั้นต่อมาฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า จบเดียว ไม่ช้าเป็นพระอรหันต์
    อย่าง ตัมพทาฐิกโจร ฆ่าคนเกินหมื่นคน ฟังเทศน์จาก พระสารีบุตร เพียงครึ่งกัณฑ์เป็นพระโสดาบัน นี่ถ้าจิตไม่ตามนึกถึงนะ นึกถึงความดีข้างหน้า ก้าวหน้าแล้วไม่ถอยหลัง เป็นอย่างนี้บาปตามไม่ทัน ฝึกลืมซะตั้งใจนิพพานอยู่ที่ไหน เราจะไปที่นั่น


    เลี้ยงโคเนื้อขาย
    ผู้ถาม กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ปรกติผมทำงานไปรษณีย์ แต่จำเป็น ต้องเลี้ยงโคเนื้อขาย แต่มีความตงิดใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ทำอาชีพอย่างนี้จะมีบาปหรือไม่...และจะเป็นการตัดรอนขวางกั้นพระนิพพานชาตินี้หรือเปล่าขอรับ?
    หลวงพ่อ ไอ้เรื่องตัดพระนิพพานนี้ ฉันไม่ตอบดีกว่า เพราะไม่แน่นี่คนที่ทำบาป บางทีบาปมาจากการจองเวรจองกรรมกัน ถ้าบังเอิญชำระได้บาปก็สลายตัวไปนิพพานได้ อย่างท่าน องคุลีมาล ฆ่าคนพันกว่านะ ความจริงมันเป็นอย่างนี้ ท่านฆ่ามาก่อน แต่ไม่มีนิ้วเป็นประกัน ฆ่าไปฆ่ามาก็ลืม ไม่รู้ฆ่ามาแล้วกี่คน ทีนี้เอาใหม่ ถ้าได้ ๑ คน เอา ๑ นิ้ว ได้ ๙๙๙ นิ้ว
    ทีนี้ในขณะที่ท่านทำบาป ตอนท้ายก็ได้มาพบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบอกว่า “ตถาคตหยุดแล้ว เธอยังไม่หยุดจากบาปกรรมธรรมอันลามกอีกหรือ?” ท่านได้สติโยนดาบทิ้ง โยนพวงนิ้วมือทิ้งเสยผมให้ดี แล้วเปลื้องผ้าที่หยักรั้ง เข้าไปกราบพระพุทธเจ้าขอบวชแล้วก็เป็นพระอรหันต์ มันไม่แน่นะ ที่พูดอย่างนี้เพราะตัวอย่างนี้นั้นหมายถึงบาปที่มีการจองเวรจองกรรมกัน


    สนับสนุนฆ่าไก่
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ที่บ้านลูกชอบมีคนมาอาศัยโทรศัพท์ เพื่อพูดติดต่อกิจการงานบ่อยๆ อันนี้ลูกก็ถือว่าเป็นการสงเคราะห์ เพื่อความสะดวกของเขา มีรายหนึ่ง แกชอบพูดติดต่อเกี่ยวกับเรื่องไก่ ขายไก่แล้วก็ส่งเข้าโรงงานเอาไปฆ่าทีละเป็นจำนวนมากๆ อยากจะเรียนถามว่า ลูกจะบาปหรือไม่ ไปสนับสนุนให้เขามีการซื้อไก่ขายไก่ฆ่าไก่?
    หลวงพ่อ หวาน...หวานพระยายม สนับสนุนก็เหมือนกับทำเอง มีการรวมกัน “เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าการตั้งใจเป็นตัวกรรม”
    ผู้ถาม อย่างสมมุติว่า เราไม่สนับสนุน ปล่อยตามเรื่องตามราวของเขา
    หลวงพ่อ ก็ปล่อยเขาไป เขาพูดก็พูดไป เราแค่รับฟัง หมดเรื่องหมดราวไป
    ผู้ถาม มีวิธีหลบได้นะ
    หลวงพ่อ ไม่ใช่หลบ ตรงไปตรงมา รับฟังเฉยๆ ว่าดีไหม ตามใจเห็นดีก็ทำเถอะ
    ผู้ถาม เป็นอันว่า...ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็แล้วกันนะ เอาแต่ค่าโทรศัพท์ก็พอแล้ว


    ส่งกุ้งและปลาเป็น
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ในการที่สั่งอาหารตามร้านค้า บางทีเขาก็เอาปลาเป็นๆบ้าง กุ้งเป็นๆบ้าง แต่เวลาก่อนสั่ง ผมก็อธิษฐานอย่างนี้ว่า ผลบุญอันใดที่ได้ทำมาแล้วแต่ในอดีต ก็อุทิศให้ล่วงหน้า แต่ว่าถ้าเป็นอาหารตายมาแล้ว ก็อโหสิกรรมซึ่งกันและกันเทอญ
    หลวงพ่อ นี่ไปอ่านเรื่องไก่เสียให้ดี ไม่ตอบละ ตอบยังไง ล่อเขาไปแล้ว เรื่องบาปก็เป็นบาป บุญก็เป็นบุญ


    ขโมยเงินสามีมาทำบุญ
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อมาก็นานแล้ว ยังไม่เคยรบกวนอะไรเลย วันนี้ก็ขอรบกวนเล็กๆน้อยๆ
    หลวงพ่อ วันนี้ไม่ขอรบกวนขอปรึกษานิดหน่อย
    ผู้ถาม คือว่าขณะนี้ลูกมียักษ์ตนหนึ่งเข้ามาสิงในใจของลูก ลูกรู้เหมือนกันว่าไอ้ยักษ์ตนนี้คืออะไร คือเป็น “ยักยอก” คืออย่างนี้เจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ อย่างนี้เขาดี คนที่เปิดเผยความจริงก็เป็นคนดี ถ้าไม่ดีเขาไม่กล้าเปิดเผยความเป็นจริง เอ้า ! ว่าต่อไป
    ผู้ถาม ก็คือว่าปรกติเป็นอย่างนี้เจ้าค่ะ ลูกชอบยักยอกเงินของสามี เอมาทำบุญกับหลวงพ่อ บูชาพระ ถวายส่วนองค์บ้าง อย่างนี้เป็นต้น ก็จะเรียนถามหลวงพ่อว่า ๑. ศีลของลูกจะขาดไหม ๒. ลูกจะมีโอกาสไปสวรรค์ครึ่งนรกครึ่งหรือเปล่า เพราะบุญก็ได้ขโมยก็มี?
    หลวงพ่อ ฉันว่าไม่ใช่อย่างนั้นนะ เขาไปสวรรค์ด้วย แล้วจะได้ บริวารด้วย ได้สามีเป็นบริวาร เพราะอะไรรู้ไหม เพราะว่า สตางค์ของสามีแต่ภรรยามาทำบุญ สามีมีส่วนได้ก็ไปเป็นบริวาร คือไปเป็นสามีใหม่
    ผู้ถาม นึกว่าจะไปไหน
    หลวงพ่อ ไม่ได้ไปไหน ตามเขาไป เขาได้นะ
    ผู้ถาม ทีนี้ว่าจะผิดศีลหรือเปล่าครับ?
    หลวงพ่อ ไม่ผิดๆ สามีภรรยาคนเดียวกัน


    อาของหลวงที่เหลือมาใช้ส่วนตัว
    ผู้ถาม กระผมขอปรึกษากราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง กระผมเป็นข้าราชการในสถานที่แห่งหนึ่ง วันที่เขาเบิกพัสดุไปไว้ ก็ปรากฏว่าเมื่อเหลือแล้ว จะเอามาเข้าคงคลัง เจ้าหน้าที่บอกว่า แทงบัญชีไว้จำหน่ายจ่ายไปหมดแล้ว ให้ไปใช้ได้เป็นส่วนตัว กระผมไม่สบายใจเพราะว่าเป็นของหลวง คิดว่าจะเอาถวายวัดจะดีกว่า จะได้ไม่มีกรรมไม่มีเวรซึ่งกันและกัน เรียนถามหลวงพ่อว่า ผมจะทำอย่างนี้จะถูกหรือไม่ครับ?
    หลวงพ่อ ก็ถูก...คนเฝ้าเขาให้แล้วนี่ ก็เรื่องคนนั้น


    <A name=_Toc89187332>เล่นหุ้น
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกได้เล่นหุ้นมาเป็นเวลาช้านานแล้ว ก็ปรากฏผลว่าเป็นที่น่าพอใจ มีกำไรลูกเดียวไม่เคยขาดทุน แต่ทนไม่ได้ที่จะสงสัยในฐานะเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อว่า การเล่นหุ้นนี่จะผิดศีลหรือไม่ครับ?
    หลวงพ่อ ไม่ผิด ไม่ผิดหรอก...ไม่ผิด ไม่มัวหมอง
    ผู้ถาม แล้วลูกนำเงินจากกำไรมาถวายหลวงพ่อ ถวายสังฆทาน ถวายส่วนตัว ก็
    หลวงพ่อ โอ๊ย ! มีอานิสงส์ ๑๕๐ เปอร์เซ็นต์ เล่นหุ้นเขาตรงไปตรงมานี่ ซื้อขายธรรมดา
    ผู้ถาม เอากำไรมาทำบุญได้ผลสมบูรณ์แบบ
    หลวงพ่อ สมบูรณ์เต็มอัตรา <A href="http://www.larnbuddhism.com/grammathan/toppanha.html#down">

    พี่เป็นขี้ขโมย
    ผู้ถาม กราบนมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ขอพึ่งบารมีหลวงพ่อเล็กน้อยดังต่อไปนี้ คือว่า พี่ของลูกชอบขโมยของภายในบ้าน อะไรก็แล้วแต่ไม่ว่า จะเป็นของมีค่าไม่มีค่าก็ตามขโมยไม่ได้เอาไปไหน ส่วนมากก็ถวายพระหมด ทีนี้ชักจะไม่ดีอย่างหนึ่งแล้วก็คือว่า จะทำท่าขโมยโฉนดถวายวัด ก็กลัวจะไม่มีที่จะอยู่อาศัย ก็เลยอยากจะขอบารมีหลวงพ่อช่วยแนะลูก จะได้ไปป้องกันสถานการณ์
    หลวงพ่อ เดี๋ยวก่อน...โฉนดขโมยไปก็ไม่มีผล มันต้องโอนกัน และการจะโอนจะต้องประกาศก่อนใช่ไหม...ใครจะคัดค้านหรือเปล่า ไม่เป็นไร...เอาอย่างนี้ซิ บอกให้เขาขโมยไปถวายวัดท่าซุง ฉันจะเก็บไว้ให้แต่ค่ารักษาไม่มากหมื่นสองหมื่นก็พอ...(หัวเราะ) ก็ไม่เป็นไร ก็เก็บไว้ดีซินะ อย่าให้แกขโมยได้นะ ความจริง คนนี้ก็มีอารมณ์เป็นกุศล แต่ว่ามันพลาดไปนิดหนึ่ง คือว่าไม่พร้อมกัน ใช่ไหม...
    ผู้ถาม ทีนี้อย่างขโมยของไปทำบุญ ผลบุญจะกระดักกระเดื่องอย่างไร?
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้นะ คนคนนี้นะ จะว่าเฉพาะจริยาที่ปฏิบัติใช่ไหม... อารมณ์เป็นกุศลเป็นปรกติ แต่ว่าไอ้สิ่งที่มันมีอยู่มันไม่พอกับกำลังใจ อย่าทำอย่างนั้นนะ ถ้าตายด้วยกำลังใจแบบนี้ สวรรค์แน่ แต่อย่าขโมยต่อไปนะ


    ถูกขโมยงัดบ้านเรื่อย
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คือว่าหมู่นี้ลูกโชคดีตลอด เดือนหนึ่งถูกขโมยงัดบ้านหลายครั้ง วิทยุ โทรทัศน์ ได้โน่น..ไอ้นี้ แต่ลูกก็คิดว่า เป็นกฎของกรรม คือชอบผิดศีลข้อ ๒ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เกิดความไม่สบายใจ ต่อไปข้างหน้ามันจะขโมยอีกหรือเปล่า?
    หลวงพ่อ ความจริงคนนี้ดีนะ เข้าถึงอริยสัจ
    ผู้ถาม หลวงพ่อ! ของหายยังมีอริยสัจอีกหรือครับ?
    หลวงพ่อ อ้าว...อริยสัจมันขึ้นอะไร ขึ้น ทุกข์ ของหายก็เกิดเป็นทุกข์แล้วในอริยสัจ ทีนี้ต่อไปเหตุให้เกิดทุกข์ คือ สมุทัย เพราะมีของมาก ถ้าเราไม่มีของ ขโมยมันจะเอาอะไรใช่ไหมล่ะ...ต่อไปก็ นิโรธะ ความดับทุกข์ เพราะหมดแล้ว ไม่รู้จะใช้อะไรแล้ว ต่อไปก็ มรรค แสวงหาต่อไป ไม่หาก็ไม่มีใช้
    ผู้ถาม อ๋อ...เป็นอริยสัจอย่างนี้เองนะ
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้สิ ลองใช้คาถาของพระพุทธเจ้าท่านนะ ตั้งใจว่าเป็นสมาธิสัก ๓ นาที “ฆะเฏสิ ฆะเฏสิ กิงกะระณัง ฆะเฏสิ อะหังปิตัว ชานามิ ชานามิ ชานามิ” บทนี้ท่านบอกสมัยเมื่อ ท่านจุลปัณถก เป็นลูกมหาเศรษฐี ใช่ไหม...เรียนกับอาจารย์ เรียนยังไงก็เรียนไม่ได้ เขาเรียนวิชาการต่างๆ แต่องค์นี้เรียนไม่ได้ ปัญญาทึบ
    ต่อมาเมื่อตอนจะกลับบ้าน ตอนอยู่ปฏิบัติอาจารย์ดีมาก อาจารย์ก็เห็นใจ ลูกศิษย์คนนี้กลับบ้านไม่มีอะไรไปเลย ควรจะสนองความดี จึงสอนคาถาบทนี้ แค่นี้ท่องยัง ๗ วันได้ แกก็ได้มาเท่านั้น
    ต่อมาอยู่ที่บ้าน มีวันหนึ่งขโมยมันจะเข้าไปลักของในบ้าน พระเจ้าปเสนทิโกศลเดินเข้าไปตรวจเวลากลางคืน ก็เห็นคนมันขุดรั้วจะเข้าไป ท่านก็นั่งดูคิดว่า ถ้าเข้าไปจริงจะสั่งเจ้าหน้าที่จับ ท่านจุลปัณถกท่านตื่นขึ้นมาก็ท่องคาถา “ฆะเฏสิ ฆะเฏสิ กิงกะระณัง ฆะเฏสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ” ขโมยเปิดหนีเลย เพราะคาถาบทนี้
    ต่อมาท่านจุลปัณถกได้เป็นพระอรหันต์ ลองไปใช้ดูนะ สมัยปัจจุบันนี้มีคนไปใช้หลายราย เขาบอกงว่า ขโมยจะปล้นร้าน ปรากฏว่าไม่มีใคนเข้าปล้น
    ผู้ถาม อย่างนี้ก็ประตูประเตอ...ไม่ต้องปิด
    หลวงพ่อ ไม่ต้องปิด ขโมยยิ้มร่า ขโมยกลัว...กลัวความดี ขนหมด


    <A name=_Toc89187338>ลูกชอบขโมยเงินวิระทะโย
    ผู้ถาม ลูกชายของดิฉัน อายุ ๑๔ ปี ชอบขโมยเงินวิระทะโยไปเสมอๆ ลูกกลัวว่าจะเป็นบาปเป็นกรรม หลวงพ่อมีคำแนะนำอย่างไร เพื่อจะชำระหนี้ที่ทำไปแล้วบ้างคะ?
    หลวงพ่อ ความจริงก็คงไม่เป็นไรมั้ง ขโมยแล้วก็แล้วกันไป เพราะถือว่าเงินจำนวนนี้ ยังไม่เป็นของสงฆ์โดยตรง ก็ไม่ใช่ของแม่โดยตรงแล้ว เป็นของให้ระหว่าง เหมือนเรื่อง กากะเปรต กากะเปรตก็แบบนี้แหละ เขาจะนำไปถวายไปทำบุญที่วัดจับอยู่บนหลังคาศาลาบินโฉบไปกิน ๓ คำ ตายจากความเป็นกาไปเป็นเปรต หัวเป็นกาไปไหม้ทั้งตัว ถูกหอกแทง ลอยไปในอากาศ
    ตามบาลีบอกว่า ของนั้นจะถือเป็นของสงฆ์ก็ไม่ใช่ ของนั้นยังไม่ได้ประเคน จะถือว่าเป็นของชาวบ้านผู้ให้ก็ไม่ได้ เพราะขาดแล้วตั้งใจแล้ว ของระหว่างกลางเจ้าของกับของสงฆ์ จึงเกิดแค่เป็นเปรตไงล่ะ ไม่งั้นก็ลงอเวจีไป


    <A name=_Toc89187339>ขโมยไก่วัด
    ผู้ถาม หลวงพ่อขอรับ เมื่ออายุประมาณ ๓๒ ปี เพื่อนๆก็ขโมยไก่วัดมาตัวหนึ่ง แต่แล้วทุกคนที่ไปร่วมกันขโมยมาไม่กล้าฆ่า ผมแสดงความสามารถ จัดการให้เพื่อนจับขาคนละขาจับปีกแล้วผมก็เจี๋ยน...เมื่อจัดการไปแล้วรู้สึกสบายใจ ต่อมาฟังหลวงพ่อพูดเกี่ยวกับเรื่องกรรม เรื่องเวร เรื่องนรก ชักจะไม่สบายใจเสียแล้ว ผมได้ทำบุญทำกุศลอุทิศไปให้หลายครั้ง จะได้รับหรือไม่ ก็ไม่ทราบ ผมอยากจะถามหลวงพ่อว่า จะมี วิธีทำอย่างไร...จะได้ไม่เจอเขาอีกในชาติต่อๆไปขอรับ?
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ เป็นวิธีที่ง่ายและเบา เวลาบูชาพระทุกครั้ง ทำบุญทุกครั้ง อุทิศส่วนกุศลให้ บอกเขาให้อโหสิกรรมนะ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะเข้านิพพานอย่างนี้มันเบาใจ ไม่ช้าก็สลายตัว

    เคยปล้นวัด
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงสุด ในอดีตที่ผ่านมากระผมเป็นคนไม่ดี เคยปล้นวัด เอาพระพุทธรูปไปขายมากมาย บัดนี้สำนึกบาปสำนึกผิดแล้ว จึงต้องมาพึ่งบารมีหลวงพ่อ นับเป็นที่พึ่งสุดท้าย กล่าวคือกระผมจะต้องชำระหนี้สงฆ์กี่ครั้ง และจะต้องชำระหนี้สงฆ์ประการใด...กรรมเวรที่เคยปล้นวัดจึงจะอโหสิกรรมให้ขอรับ?
    หลวงพ่อ ค่อยๆ ชำระไปก็แล้วกันนะ ถ้าถามว่าเท่าไร...ต้องเท่ากับจำนวนเงินที่นำของมา ค่อยๆ ผ่อนสบายๆ ก็แล้วกัน ถ้าถามว่าทำบุญอย่างไร...เอ่อ! วันนี้ท่านถึงเตือนเรื่อง อนุสสติ ตอนที่เขาเจริญพระกรรมฐานกัน พระพุทธเจ้าท่านเตือนว่า ทุกคนให้มั่นคงในอนุสสติจะไม่พลาดหวัง คือ
    1. มรณานุสสติ คิดว่าชีวิตนี้จะต้องตาย
    2. ก่อนที่เราจะตายต้องยอมรับนับถือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์
    3. พยายามตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์
    4. จิตใจตั้งไว้เพื่อนิพพานโดยเฉพาะ
    ผู้ถาม อ๋อ...อย่างนี้ค่อยผ่อนหนักผ่อนเบาได้บ้าง
    หลวงพ่อ อันนี้ไม่ผ่อนหรอก...ไปได้เลย ถ้าทำตามนี้ได้มั่นคงหลบได้เลย แบบ ตัมพทาฐิกโจร ไงล่ะ

    กลัวผิดศีลข้อ ๓
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพ ก่อนที่ดิฉันจะแต่งงานกับสามีคนสุดท้าย ไม่รู้เรื่องว่าเมื่อก่อนเขาเคยมีเมียมาแล้ว ลูกก็เลยได้เสียกับเขาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ลูกอยากถามว่า เมื่อลูกรู้ภายหลังอย่างนี้ จะเรียกว่าศีลขาดข้อ กาเมสุมิจฉาจาร หรือเปล่าเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ เจตนาแย่งในตอนต้นเขาไม่มี เขาไม่รู้ ไม่ผิดหรอกนะ
    ผู้ถาม อ๋อ...ถ้าไม่มีเจตนา ไม่เป็นไรหรือครับ?
    หลวงพ่อ “เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ” ต้องมีเจตนา ศีลนี่ต้องตั้งใจ ถ้าขาดความตั้งใจ ไม่เป็นการละเมิด

    ทำผิดกาเม
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกขอสารภาพเป็นครั้งแรกเจ้าค่ะ คือ ว่าลูกมีครอบครัว มีความจำเป็นในครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องการเงิน ลูกเลยไปทำผิดกาเมสุมิจฉาจารกับชายคนหนึ่ง ต่างคนต่างก็รู้ว่ามันผิดด้วยกันทั้งคู่ แต่ให้เงินมาเพื่อจุนเจือครอบครัว บัดนี้ลูกสำนึกผิดที่ได้กระทำไปแล้ว เพื่อจะเป็นการลบล้างบาปที่ก่อไว้ ขอให้หลวงพ่อแนะทางออกให้ลูกสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ?
    หลวงพ่อ ก็ตั้งใจคิดว่า ๑.ชีวิตนี้จะต้องตาย ประการที่ ๒ ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ต่อไปก็ประคองจิตให้ตรงในศีล ค่อยๆ ประคองนะ มันพลาดบ้างอะไรบ้างไม่เป็นไร เท่านี้ใช้ได้เลย บาปเก่า ๆ ไม่มีแรงดึง ตามไม่ทัน ไอ้เรื่องผิดพลาดเป็นของธรรมดาของทุกคนเหมือนกัน

    <A id=attachment1005430 href="http://palungjit.org/attachments/a.1005430/" target=_blank rel=Lightbox_3230161>[​IMG]

    รักง่ายหน่ายเร็ว
    ผู้ถาม หลวงพ่อคะ ปรกติลูกก็เป็นคนดี ทำบุญทำกุศลทุกอย่าง รักษาศีลเจริญภาวนา แต่มีนิสัยเสียอยู่นิดคือว่า เป็นคนรักง่ายหน่ายเร็ว คือว่า ชอบเป็นชู้กับสามีคนอื่นเสมอ ๆ อันนี้ลูกก็ทราบ แต่ว่ามันแก้ไม่ตกเข้าค่ะ ที่จะเรียนถามก็คือว่า ลูกได้ผ่านพ้นประเภทนี้มามากแล้ว ต่อไปก็อยากจะลุแก่โทษกับหลวงพ่อ ขอให้หลวงพ่อชี้ทางสว่าง เพื่อแก้กฎข้อนี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ ไม่มีอะไรมาก อย่างที่พระไปลาพระพุทธเจ้าเข้าป่า ใช่ไหม...แต่ว่าตอนแกจะไป แต่ทีหลังก็ท้อ ปรากฏว่า มีญาติโยมที่นั่นรู้ใจพระ รู้ใจคน นึกอะไรขึ้นมาก็ตาม นึกอยากจะกินต้มยำ...ก็รู้ นึกอยากจะกินแป๊ะซะ...ก็รู้ อยากจะกินอะไรก็ตาม โยมทำมาเสมอ พระทั้งหลายก็รู้ว่าโยมรู้ใจคน
    ทีนี้พระที่สัมผัสแบบนั้น เวลาไปเฝ้าพระพุทธเจ้าก็บอกว่า มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง แค่นึกเท่านั้นแหละจัดให้แล้ว พระนึกอยู่ในป่านะโยมก็จัดมา พระพุทธเจ้าก็เลยบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นได้อนาคามีปฏิสัมภิทาญาณ พระที่จะลาไปรู้เข้าก็ท้อ ไม่กล้าไป พระพุทธเจ้าก็เลยบอกว่า เธอเอย่าสงนี้ก็แล้วกัน เธอห้ามอะไรสักอย่างหนึ่งได้ไหม...พระถามว่าห้าอะไร ท่านบอกเอาอย่างเดียวไม่ต้องมาก พระบอกได้ พระพุทธเจ้าบอก ห้ามจิต ไม่คิดนอกลู่นอกทาง
    ร้ายนี้ก็เหมือนกัน ห้ามใจมันเสียก็หมดเรื่อง ห้ามใจได้ กายก็ไม่ไป แต่ค่อยลดมันนะ ได้นี่อย่าไปโทษกัน กฎของกรรมห้ามไม่ได้ อย่าง ท่านสิริมา ไปว่าภิกษุณีเป็นพระอรหันต์เข้า จึงเป็นแบบนั้นที่แท้จริงท่านก็เป็นคนดี ในที่สุดท่านฟังเทศน์จบเดียวก็เป็นพระโสดาบัน แต่ว่าตอนท้ายจะตายนี่ไปนิพพาน เห็นไหมล่ะ...บุญของเขามีอยู่ นี่เขาก็มีบุญมาเจริญพระกรรมฐานได้ มาถวายสังฆทานได้ ความดีก็มี แต่กรรมบางอย่างเข้ามาทับ ก็เป็นของธรรมดา
    ผู้ถาม แหม...ถ้ามีโอกาสมาฝึกมโนมยิทธิได้ก็ดีนะ
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ คนเห็นทุกข์แล้วนี่ ถ้าเห็นทุกข์ชื่อว่าเห็น อริย กำลังสูงนะ ไม่ใช่เล่นนะ และการเปิดเผยความจริงประเภทนี้ มียากแก่บุคคลทั่วๆไป อย่างบลืมว่าตัวนี้บุญเก่าเข้าประสานมากแล้ว...ใช้ได้


    <A name=_Toc89187344>พาลูกสาวเขาหนี
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างยิ่ง มีการเถียงกันระหว่างผมกับแฟน เรื่องศีลข้อที่ ๓ ตอนแรกไม่ได้ คิดถึงศีล ตกลงสองคนพากันไปก่อน เมื่อเรียบร้อยแล้วกลับมาขอขมาภายหลัง พ่อแม่ก็โอเค แต่สงสัยว่าตอนที่พาไปกลับมาขอขมาเรียบร้อยแล้ว จะเรียกว่าผิดศีลหรือเปล่าขอรับ?
    หลวงพ่อ มันจบไปแล้ว พ่อแม่อภัยให้แล้ว...เลิกกัน อย่างขโมยของเขาไป ต่อมาเจ้าของบอกฉันไม่เอาโทษละก็แล้วกันไป


    <A name=_Toc89187345>ชิงสุกก่อนห่าม
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพอสมควร สมาธิลูกก็ปฏิบัติได้ มโนมยิทธิลูกก็ทำได้ ทำบุญลูกก็ทำเก่ง สังฆทานก็ทำบ่อย ครั้งละ ๕ บาท ๑๐ บาท(แหม...นึกว่าเก่งขนาดไหน)
    หลวงพ่อ ฮะ ๆ ซื้อ ก๋วยเตี๋ยวได้ชามละ
    ผู้ถาม นึกว่าจะไม่เป็นสังฆทานนะ
    หลวงพ่อ เป็น...สตางค์เดียวก็เป็น
    ผู้ถาม จะเป็นได้ยังไงครับ...หลวงพ่อ?
    หลวงพ่อ ก็ให้กับหมู่สงฆ์น่ะ ถ้าไม่พอใช้เวลารับจากที่อื่นมารวมกันซิ
    ผู้ถาม อ๋อ...ครับ ๆ ๆ คือเรื่องก็มีอย่างนี้ว่า ทุกอย่างนี่ ลูกปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามหลวงพ่อครบถ้วนบริบูรณ์ทุกอย่าง แต่ที่ลูกเสียอยู่นิดหนึ่ง ลูกขอสาภาพเลยว่า ลูกสมัยเมื่อเป็นวัยรุ่นลูกชิงสุกก่อนห่าม ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าจะผิดศีลหรือไม่แต่ตอนนี้ลูกพลาดไปแล้ว
    ก็เลยมาปรึกษาหลวงพ่อว่า ผลเพราะปฏิบัติชอบก็ดี มโนมยิทธิ ก็ดี ความปรารถนามรรคผลนิพพานชาตินี้ก็ดี จะยังมีสิทธิ์ หรือเปล่าเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ บุญทำแล้วไม่สลายตัวนะ ได้แล้วก็แล้วกันไป ก็ขังอยู่เลยไม่ไปไหน...ใช้ได้
    ผู้ถาม ไอ้ที่ผิดนี่เล็กๆ น้อยๆ หรือครับ?
    หลวงพ่อ ตั้งใจผิดหรือเปล่า ทีเผลอไปน่ะ อาจจะเผลอไปไม่เป็นไรนะ อย่าให้บ่อยนักก็แล้วกัน .... (หัวเราะ)
    ผู้ถาม นี่ยังดีนะครับ ทำผิดแล้วสารภาพผิด


    <A name=_Toc89187346>หารายได้พิเศษ
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ปัจจุบันนี้ลูกมีความลำบากขัดใจเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจภายในครอบครัว และลูกต้องหาโอกาสออกไปทำงานพิเศษนอกบาน แต่พอเวลากลับบ้านทีไร ลูกมักจะบอกว่า ไปหาพระมาบ้าง ไปโน่นบ้าง ไปคุยมาบ้าง เพราะจะบอกตรงๆ ไปหารายได้พิเศษ ผัวก็คงไม่ชอบและอาจจะทุบตีเอา ในลักษณะเช่นนี้ลูกเองก็กลัวจะมีบาปมีกรรม ก็เลยแบ่งเงินนิดหน่อยมาถวายหลวงพ่อ
    หลวงพ่อ ความจริงไม่เป็นไร เราบอกว่าไปหารายได้พิเศษ เขาอาจจะโกรธก็ได้ แต่ความจริงจะหาว่าบาป มันก็ไม่บาปนะ เพราะว่าไม่ได้ขโมยใครเขานี่ เขาหาพิเศษ
    ผู้ถาม แต่ยังดีนะ...มาปันผล
    หลวงพ่อ แต่ความจริงเขาไม่ปันผล เขาก็ไม่มีโทษอะไร ก็น่าเห็นใจ เพราะรายได้มันไม่พอกับรายจ่าย


    <A name=_Toc89187347>จะแต่งงานกับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกมีความสงสัยว่า อย่างผู้หญิงคนหนึ่ง ไปตกลงแต่งงานกับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว โดยไม่ทราบว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว โดยฝ่ายชายบอกว่าเป็นโสด อย่างนี้ผู้หญิงคนนั้น จะผิดศีลข้อกาเมหรือไม่เจ้าคะ?
    หลวงพ่อ ไม่ผิด...เพราะไม่รู้ อันนี้ถ้ารู้อยู่ผิดกาเมแน่ ถ้าไม่รู้นี่เป็นไรนะ ศีลทุกข้อต้องมี เจตนา คือการตั้งใจทุกสิขาบทนะ ตั้งใจจะทำและทำสำเร็จสมความปรารถนาตั้งใจฆ่าสัตว์ มีสัตว์ให้ฆ่า ลงมือ และฆ่าสัตว์ตาย ถ้าไม่ตั้งใจสัตว์ตายกี่ตัวก็ไม่บาป อย่างโยนของไปบ้าง เดินไปเหยียบบ้าง นี่ไม่ตั้งใจ อันนี้ไม่บาป ศีลทุกข้อต้องรู้อยู่และตั้งใจทำ (จึงจะบาป)


    <A name=_Toc89187348>เป็นภรรยา (น้อย) เขา
    ผู้ถาม กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อ อย่าหาว่ารบกวนเลยนะคะ ลูกมีสามีแล้ว เลิกกันเรียบร้อย จดทะเบียนหย่ากัน
    หลวงพ่อ เอ๊ะ! จดสองจดนะ
    ผู้ถาม จดทะเบียนหมายถึงแต่งงาน จดทะเบียนหย่านี่
    หลวงพ่อ ทำสัญญาหย่าก็จดทะเบียนเหมือนกัน
    ผู้ถาม ครับ ๆ ๆ ปรากฏว่าเมื่อหย่าแล้ว ลูกก็มาเจอชายคนหนึ่ง ก็เกิดความรักใคร่จนมีลูกด้วยกัน ลูกเป็นภรรยาน้อย ภรรยาหลวงไม่ว่าอะไร แต่พอมาเข้าซอยสายลม มาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ เกิดละอายใจกลัวบาปกลัวกรรม กลัวคำสั่งสอนของหลวงพ่อเป็นการใหญ่ ก็ไม่รู้จะทำยังไง มีลูกด้วยกันแล้ว อีกใจหนึ่งก็กลัวจะตกนรก อีกใจหนึ่งก็กลัวไม่ได้มรรคผลนิพพาน ก็ขอความสว่างจากหลวงพ่อช่วยแนะนำให้ลูกสบายใจหน่อยเถิด จะทำยังไงดีเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ ยกครูอีก ๒ บาท
    ผู้ถาม อ้อ...มีค่าครูด้วยหรือครับนี่?
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ ค่าสินสอดเขายังมีได้ ค่าครูทำไมมีไม่ได้ นี่ในเมื่อภรรยาหลวงเขาไม่ว่า ไม่มีโทษหรอกนะ เพราะเขาไม่หวง ไม่เป็นไรนะ
    ผู้ถาม อย่างนี้ก็ถ้าจะปฏิบัติธรรม ก็มีสิทธิ์ไปนิพพานได้
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ ไม่มีบาปนี่


    <A name=_Toc89187349>สามีเจ้าชู้
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ไม่ทราบว่าลูกมีบาปมีกรรมอะไร อะไร ๆ ลูกก็ทำตามคำสอนของหลวงพ่อทุกอย่าง ทุกอย่างได้สมความปรารถนา เว้นอยู่อย่างเดียวเจ้าค่ะ...แก้ไม่ตก
    หลวงพ่อ ทุกอย่าง...แต่เว้นอย่างเดียว เอ้า ว่าต่อไป ๆ
    ผู้ถาม เว้นอยู่อย่างเดียวคืออย่างนี้ สามีของลูกมันเจ้าชู้ไม่หยุดไม่หย่อน ให้กินให้บริการทุกอย่างเรียบร้อย มันก็ไม่ยอม มันก็เจ้าชู้อยู่ร่ำไป ลูกไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ก็อยากจะมาปรึกษาหารือหลวงพ่อ ในฐานะหลวงพ่อก็เป็นพ่อของลูก หวงพ่อก็เป็นเพศเดียวกับสามี หาวิธีแก้ไขให้ลูกหน่อยเถิดเจ้าค่ะ (โอ...นี่จะคิดว่าหลวงพ่อเป็นแบบผัวของตัวรึไง..พี่)
    หลวงพ่อ วิธีแก้ไม่ยาก...หามาให้สัก ๕ คน
    ผู้ถาม หาเมียมาให้อีก ๕ คน งั้นหรือครับ นี่จะแก้หรือครับ
    หลวงพ่อ แก้ซิ...ไปไหนไม่ไหวหรอก เพลียหมดแรง (หัวเราะ)
    ผู้ถาม วิธีแก้ง่ายๆ เลยนะครับ วิธีแก้สูตรเดียวกับขุนแผนเลยนะครับ
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) เรื่องธรรมดา ให้ทานไปบางซิ เป็นทานบารมีนะ เป็นทานบารมีด้วย เป็นเมตตาบารมีด้วย
    ผู้ถาม เข้าหลักพรหมวิหาร ๔ เปี๊ยบเลย
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ


    <A name=_Toc89187350>ผิดศีลข้อกาเม
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกหญิงได้เคยประพฤติในข้อกาเม ด้วยความจำเป็นมาฟังธรรมมาปฏิบัติตามหลักคำสอนของหลวงพ่อแล้ว เกิดความไม่สบายใจ อยากจะหาธรรมปฏิบัติ เพื่อลบล้างความผิดที่ทำไป นิดหน่อยนั้น ขอหลวงพ่อ ได้โปรดชี้แนะธรรมะด้วยเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ ไม่มีอะไรหรอก...ลืมมันเสีย พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า ให้ลืมเสียทุกอย่างที่พลาดมาแล้วนะ ไม่ตามนึกถึงมัน มุ่งหน้าเฉพาะความดี ที่ให้ภาวนา “พุทโธ...ธัมโม...สังโฆ” นี่ให้นึกถึงความดีอย่างเดียว ไอ้ความที่ไม่ดีอาจจะแลบเข้ามาบ้างเป็นของธรรมดา เราก็นึกถึงความดีให้มาก ไม่ตามนึกถึงมัน มันก็ไม่เกาะใจเรา ใจเราเกาะเฉพาะบุญใช่ไหม...เกาะเฉพาะบุญ เวลาตายบุญก็นำเราไปก่อน ไปสวรรค์ก่อนอย่างน้อย
    ผู้ถาม ถ้าได้มโนมยิทธิก็...
    หลวงพ่อ ใช่...ถ้าได้ก็พิสูจน์ได้เลย ว่าวิมานของเราอยู่ที่ไหน ถ้าไปพบวิมาน จิตใจก็รักวิมาน ไม่รักบาป ตายก็พุ่งไปเลย


    <A name=_Toc89187351>เรื่องศีลข้อมุสาวาท
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อเจ้าคุณที่เคารพอย่างสูง...
    หลวงพ่อ เอ๊ะ! วันนี้เป็นเจ้าคุณ ฉันขาดหลวงปู่ไปตำแหน่งนะนี่ หลวงตามาแล้ว ขาดหลวงปู่...หลวงทวด
    ผู้ถาม ลูกมีปัญหากลุ้มใจนิดเดียว เกี่ยวกับเรื่องศีลของหลวงพ่อ คือ ลูกเป็นแม่ค้าก็จำเป็นที่จะต้องโกหกอยู่เสมอ ไม่งั้นจะไม่ค่อยมีกำไร ลูกพยายามทุกอย่างแล้ว ธรรมะของหลวงพ่อทำครบหมด แต่ข้อนี้ทำไม่ได้ จึงขอบารมีหลวงพ่ออโหสิกรรมให้ลูกด้วยเถิดเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ...ฟังให้ดีนะ จุดธูปตอนเช้า วันนี้ขอลาศีลมุสาวาทชั่วคราว...(หัวเราะ) เอาอย่างนี้ซิ...วิธีพูดน่ะ เราซื้อของมาถูก ต้องขายแพงตามท้องตลาดใช่ไหมล่ะ ก็บอกต้นทุนมันแพง ลดจากนี้ไม่ได้หรอกจ๊ะ เท่านี้หมดเรื่องกันไป ไม่โกหก อย่าไปบอกซื้อมาบาทนี่ขาย ๑๐ บาท นี่ซื้อมา ๙๙.๙๐ บาท โธ่...ได้กำไร ๑๐ สตางค์ กลัวศีลขาด บอกต้นทุนมันแพง ลดจากนี้ไม่ได้น่ะ นี่มันมีความจำเป็น ถ้าต้นทุนถูกลดจากนี้ได้มาเยอะแยะ แค่นี้ไม่ผิด
    ผู้ถาม หลวงพ่อคะ บางครั้งเราก็ไม่เจตนาไอ้เรื่องโกหกนี่มันอยู่ในสังคม บางครั้งอย่างนี้นะ เขาจะมาเบียดเบียนเราน่ะ เราโกหกเขาว่าเราไม่มี
    หลวงพ่อ อันนี้ต้องรู้คำว่า มุสา นี่ ต้องทำลายผลประโยชน์เขาไอ้ตัวนี้ไม่ใช่โกหก ไม่ใช่มุสา
    ผู้ถาม บางครั้งก็ไม่เข้าใจนะคะ
    หลวงพ่อ ดี...ถามอย่างนี้นะดี ทีนี้คำว่า “มุสา” นี่ต้องทำลายผลประโยชน์เขา แต่นี่เราทำเพื่อรักษาผลประโยชน์เรา ใช่ไหม...ยังไม่อยู่ในเกณฑ์มุสา อย่างนี้เขาไม่ถือว่าขาดศีล ๕
    ผู้ถาม บางครั้งพูดแล้วมันเสียดใจ มันตรงเกินไป
    หลวงพ่อ ก็ใช่ แต่เปล่า...ก็ต้องบอกเรารู้นี่ว่า ไอ้หมดนี่ถ้าหากมาขอยืมทีไร มันไม่ใช้ให้ทันที ใช่ไหม...นี่เราขืนให้ไปเราก็ไม่ได้ มีอยู่เหลือเฟือนี่ ไอ้เงินน่ะเรามี แต่เงินที่เราจะให้ยืมมันไม่มี เราก็บอกไม่มี เราก็บอกไม่มีเฉย ๆ ว่ายืมไม่ได้ ความจริงเรามีแต่เราจะต้องใช้นี่ ใช่ไหม...ถ้าเขาเอาไปเขาไม่เอามาส่งคืนเราก็ลำบาก ถ้าเรามีเหลือเฟือนี่มันไม่เป็นไร อันนี้เราถือว่าเรารักษาผลประโยชน์เรา เขาไม่ถือว่าเป็นมุสานะ
    อย่างพวกค้าขายนี่ก็เหมือนกันละ ลงทุนมาบาทเดียวแต่ขาย ๑๐ บาท เราขายตามราคาท้องตลาดเขาขอลดเราบอกลดไม่ได้หรอก ต้นทุนมันแพง มันแพงเท่าไรนี่เราไม่ได้บอก เราอย่าไปบอก ๙ บาท ๕๐ สตางค์ซิ เราบอกแพงเฉย ๆ ตามความนิยมของท้องตลาด อันนี้มันไม่เป็นไรนะ ไม่ถือว่าเป็นมุสาวาท อันนี้เข้าใจนะโยม ข้อนี้มีคนข้องใจกันมาก
    แต่ว่าถ้าเราพูดไปเพื่อรักษาประโยชน์ของเรา เพราะอะไร...เพราะว่าถ้าเราไม่รักษาประโยชน์เราให้ไป มันก็ไม่คืนซักที ทีนี้เราก็พังละซิใช่ไหม...อย่างนี้ยังไม่ถือว่าเป็นมุสาวาท มุสาวาทมันต้องเป็นอย่างนี้ คือประโยชน์ของเขาที่จะพึงมีอยู่ด้วยเหตุนั้น เราไปบอกนี่แกอย่าไปทำเลยแบบนั้น ขาดทุนตาย แต่ว่าเราจะเอาซะเอง
    ก็เหมือนกับผู้ใหญ่เลี้ยงเด็ก ไอ้เด็กเกินไปชานบ้าน ถ้าขืนปล่อยไป เดี๋ยวมันหล่นใต้ถุนตายใช่ไหม...บอกไอ้หนูอย่าไป เดี๋ยวหล่นใต้ถุน เด็กมันไม่เชื่อ แต่เด็กมันกลัวงู ก็บอกแก บอกอย่าไปนะไอ้งูมันมี ตุ๊กแกมันมี เด็กก็กลัว อันนี้เรารักษาประโยชน์ของเด็ก ไม่เป็นมุสาวาท มันเป็นเมตตา แต่ว่าถ้าเราพูดตรงไปตรงมาเด็กเขาไม่เชื่ออาจจะหล่นใต้ถุนบาดเจ็บหรือตาย ถ้าเราบอกแบบนั้นก็เป็นการรักษาอวัยวะ หรือรักษาชีวิตของเขาใช่ไหม...อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นมุสาวาทนะ เป็นเมตตาจิต มันเป็นคุณ ไม่ใช่โทษ แล้วยังไงล่ะ?
    ผู้ถาม พอพูดแล้ว มันไม่สบายใจค่ะ
    หลวงพ่อ นี่ทีหลังเอาใหม่ซิ บอกว่าข้าไม่พูด ๆ ๆ มันไม่ได้ล่ะค่ะ
    หลวงพ่อ ทำไมล่ะ?
    ผู้ถาม มันต้องพูดกันอยู่นะคะ
    หลวงพ่อ ถ้าพูดกันอยู่ก็บอกว่า ไม่ได้หรอก สตางค์ที่ให้แกยืมน่ะ ไม่มีล่ะเว้ย ข้ามีเหมือนกันละ มีแค่จะซื้อข้าวสารกินหรือซื้อกับข้าวกิน ใช่ไหม ข้ามีอยู่เล็กน้อยแบ่งไม่ได้ เราต้องบอกมีเล็กน้อย เราก็ไม่มีมากใช่ไหม มันมีอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ความจำเป็นมันมีอยู่สำหรับเราก็ถือว่า มีเล็กน้อย ใช่ไหม ไม่ใช่มีมาก ถ้ามีมากเราต้องมีจนเหลือเฟือ ถ้าเขาถามมีไหม...บอกว่าจะว่าไม่มีเลยก็ไม่ใช่ มันมีเหมือนกัน แต่จะซื้อกับข้าวตอนเย็นนี่นะ แล้วไอ้ภาพกิจอื่นมันมีมันไม่ไหว ถ้าคุณเอาไปเสีย ฉันก็ให้ไม่ได้
    หรือบางทีเราก็ต้องบอกไปเลย บอกเงินให้ยืมไม่มีละ ฉันไม่มีแล้ว ใช่ไหม เราตัดไปจุดนั้นเลย ตัดไปจุดตะรางที่ว่า “ให้ยืมไม่มีไอ้คนตื๊อนี่ บอกมีเล็กน้อยเดี๋ยวมันเอานะ เราก็ต้องตัดไปว่า เงินให้ยืม นั้นไม่มีจริง ๆ ฉันไม่มีหรอกใช่ไหม อันนี้เราพูดถึงเงินให้ยืมใช่ไหม ไอ้เงินที่เรามีอยู่มันจำจะต้องใช้ อันนี้ก็ไม่ถือเป็นมุสาวาทนะ


    <A name=_Toc89187352>ทานยาดองเหล้า
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกมีความจำเป็นที่จะต้องทานยาดองเหล้า เพราะว่าออกลูกใหม่ เขาบอกว่าโบราณให้ทานอย่างนี้ ลูกมีข้อประเด็นอยู่ ๓ ข้อ เรียนถามหลวงพ่อช่วยชี้แนะ คือ
    1. ถ้าทานยาดองเหล้า ศีล ๕ จะขาดไหม
    2. มโนมยิทธิจะเสื่อมคลายหรือไม่
    3. ยันต์เกราะเพชรจะคืนกลับวัดท่าซุงหรือเปล่าเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ ถ้าเดินตามระเบียบเขาไม่เป็นไรนะ ตามระเบียบที่ยาเขาบอก อย่าให้เลยไปนะ ไม่ใช่ยาห่อเล็ก ๆ แต่ว่า เหล้าไหนะ เขาละลายตัวยาไม่เป็นไร

    <A id=attachment1005431 href="http://palungjit.org/attachments/a.1005431/" target=_blank rel=Lightbox_3230161>[​IMG]

    <A name=_Toc89187353>บนให้สามีเลิกดื่มเหล้า
    ผู้ถาม กราบเท้านมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกเคยกราบเรียนถามเรื่องสามีดื่มเหล้าว่าจะแก้ไขจะบนบานอย่างไร หลวงพ่อแนะนำปุ๊บ ลูกไปปั๊บ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจกล่าวคือ สามีเลิกดื่มเป็นเวลา ๓ วัน และแล้วก็ดื่มต่อ ลูกก็บนอีกแกก็หยุดไป ๓ วัน แล้วแกก็ดื่มต่อ
    หลวงพ่อ (หัวเราะ) ดีได้คราวละ ๓ วัน ทีนี้พอจะหมดวันที่ ๓ เราก็บนต่อซิ
    ผู้ถาม พอรู้ว่าหมดก็รีบบนเลย แต่ไม่อย่างนั้น ตุการณ์กลับเป็นอย่างนี้ ต่อมาอีก ๒-๓ เดือน สามีของลูกเลิกดื่มเหล้าโดยเด็ดขาด ลูกสงสัยก็เลยถามว่าเพราะเหตุใด จึงเลิกดื่มโดยเด็ดขาด แกพูดว่าอย่างนี้ “ข้าเกรงใจหลวงพ่อโว้ย...! หลวงพ่ออุตส่าห์มาจากวัดท่าซุง มาเทศน์มาโปรด สอนด้วยความลำบาก เพื่อให้คนทุกคนพ้นทุกข์ หลวงพ่อยังป่วยก็ยังมาสอน กูเห็นใจท่านว่ะ
    หลวงพ่อ เออ...เขาดี ๆ ๆ ขอชมว่าดี ขอบใจนะ ที่เห็นใจนะ
    ผู้ถาม สงสัยถ้าหากว่าหลวงพ่อไม่ป่วย แกคงไม่เลิกเด็ดขาดนี่เพราะหลวงพ่อป่วยอย่างนี้ หลวงพ่อก็ป่วยไปตลอดเลยซิครับ พอหายป่วยเดี๋ยวเขาเลิก เขาก็จะดื่มเหล้าต่อ
    หลวงพ่อ ก็ป่วยต่อ...มันป่วยทุกวันได้นะทุกคนน่ะที่พระพุทธเจ้าบอกว่า “ชิคัจฉา ปรมา โรคา” ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง หิวทุกวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้หญิงน่ะ หิวตลอดกาลยามว่างสังเกตซิ กินข้าวเช้า แล้วยังไม่พอ ลูกไม้ลูกไร่กินกันเรื่อยเขาลดความผอม
    ผู้ถาม ลงท้ายเขาว่าอย่างนี้ ด้วยความดีของหลวงพ่อที่ป่วยแล้วเป็นเหตุให้สามีเลิกดื่มเหล้าโดยเด็ดขาด ลูกเลยใส่ย่ามหลวงพ่อ ๑,๐๐๐ บาท หัวว่าหลวงพ่อคงไม่รู้นะคะ
    หลวงพ่อ รู้แล้ว ๆ ๆ
    ผู้ถาม รู้แล้วหรือครับ?
    หลวงพ่อ รู้เมื่อกี้นี้
    ผู้ถาม ทีนี้เวลาใครดื่มเหล้านะ เราก็บนแบบคน ๆ นั้นนะ
    หลวงพ่อ นี่เขาบนว่ายังไง?
    ผู้ถาม ตอนบนเขาไม่ได้บอก แต่ว่าเวลาบนจริงๆ เลิกได้แค่ ๓ วัน แต่ตอนที่เขาเห็นหลวงพ่อป่วย เขาเกรงใจเลยเลิก
    หลวงพ่อ นั่นแหละ... เพราการบนเป็นเหตุ ทีแรกเลิกนานไม่ได้ ดีไม่ดีเดี๋ยวก็จะไปกินอีก เลิกไปหน่อยก็กินกระตุ้นนิดกระตุ้นประสาท ใช่ไหมล่ะ ประสาทมันยังไม่ชิน เว้น ๓ วันก็ว่าต่อไป อีกหน่อย เว้น ๓ วัน ว่าต่อไปอีกหน่อย ในที่สุดพอเว้นแล้วมันชินก็เลยเลิกได้
    ผู้ถาม ถือว่าคงจะหมดเวรหมดกรรมด้วย
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ๆ อกุศลพ้นไป...กุศลมา
    ผู้ถาม และประเภทที่ว่า ในพรรษา ๓ เดือนไม่ดื่ม แต่ออก พรรษาดื่ม ๙ เดือน อย่างนี้เวลาตายแล้ว จะไปยังไงกันแน่ครับ
    หลวงพ่อ ก็เขาจะไปตรงไหนก่อน?
    ผู้ถาม ให้เขาเลือกตามอัธยาศัยหรือครับ?
    หลวงพ่อ ใช่ ๆ ถ้ายังพอใจในการดื่มก็ลง โลหะกุมภี แต่ที่นั่นกินฟรี นายนิรยบาลป้อนให้ ถ้าป้อนให้นั่งทนไม่ไหว จับนอนป้อนกลอกปาก ถ้าทนไม่ไหวจับโยนลงหม้อไปเลยให้กินทั้งตัว
    ผู้ถาม ตกลงทั้งเหล้าทั้งเบียร์ แค่อึกสองอึกนี่ก็
    หลวงพ่อ เหมือนกัน...เบียร์นี่มันเมรัย
    ผู้ถาม แต่ถ้ากินเพื่อสังคมนี่ก็คง
    หลวงพ่อ ถ้ากินเพื่อสังคมนี่ดีมาก ไปเป็นกลุ่ม

    เถียงเรื่องอาชีพขายสุรากับเลี้ยงกุ้ง
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ผมและพี่ชายเถียงกัน ไม่ตกลงว่าใครแพ้ใครชนะ คือว่ากระผมมีอาชีพขายสุราและอาหาร พี่ชายมีอาชีพเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ต่างก็เถียงกันว่า ของแกบาปกว่าของฉัน ของฉันบาปน้อยกว่าของแก เถียงไปเถียงมาก็ปรากฏว่าจะวางมวยกัน
    หลวงพ่อ เอาละซิ...ไมทันจะตาย บาปมาก่อนแล้ว รายหนึ่งขายสุราใช่ไหม?
    ผู้ถาม ครับ
    หลวงพ่อ เขาขายอย่างเดียวไม่ได้กินนะ
    ผู้ถาม ครับ
    หลวงพ่อ อีกรายหนึ่งเลี้ยงกุ้งกุลาดำ เลี้ยงอย่างเดียว ไม่ได้ฆ่านะ
    ผู้ถาม แต่แกขายครับ
    หลวงพ่อ แล้วขายเขาเอาไปเลี้ยงต่อเรอะ?
    ผู้ถาม (หัวเราะ) ส่วนมากก็ อิมัสสมิง ลงกะทะครับ
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ เราพูดตามหลักวิชานะ ถ้าขายสุราและเมรัย พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็น มิจฉาวาณิชชา หมายความว่า ทายก อุบาสกอุบาสิกา ไม่ควรขาย แต่ไม่ปรับเป็นโทษ ถ้าหากว่าเลี้ยงกุ้งกุลาดำ นี่เป็นเมตตากับกรุณา ๒ อย่าง
    ผู้ถาม ? ? ?
    หลวงพ่อ เป็นตัวเล็ก เลี้ยงให้มันตัวโตขึ้นมา
    ผู้ถาม อ๋อ....
    หลวงพ่อ แต่อีตอนขายซิ ต้องเป็นแบบ...เดี๋ยว...ถามลุงดีกว่า ลุงเอาบัญชีมาเปิดปั๊บ ตัวแดงแจ๋เลย...
    ผู้ถาม อย่างนี้...ถ้าไม่จำเป็นก็เลิกเลี้ยงเลิกขายดีกว่านะ
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ดีกว่าถือว่าเป็นอาชีพ สัมมาอาชีวะ ทำไปเถิดตามชอบใจ เขาไมลัก ไม่ขโมย ไม่โกงใครก็หมดเรื่องหมดราวไป จะเอาแต่ธรรมะอย่างเดียว ก็เลี้ยงตัวไม่รอดเหมือนกัน แต่ว่าถ้าหากว่ามีกำลังใจดี เข้มแข็งนะ ส่วนที่ทำแบบนั้นเราก็ว่าไป เวลาว่างเราก็ทำบุญ ทำบุญหมายความว่า ทำบุญในห้องมีความสำคัญมาก เจริญภาวนาสวดมนต์ภาวนา เวลาตายก็ต้องแบ่งเป็น ๒ ซีก ทั้งบุญทั้งบาป แล้วเกาะความดีอย่างใดอย่างหนึ่ง
    อย่างให้ทาน ไม่ต้องให้มาก แต่ให้บ่อยๆ คือว่า ถ้าให้มากทรัพย์จะสูญเสียมาก คือเดือดร้อนใช่ไหม...ให้เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้จิตมันเกาะ หรือว่าชอบใจสวดมนต์ก็สวดมนต์ สวดมนต์ก้ไม่ต้องหลายบทนัก เอาบทที่เราชอบใจ หรือว่า เจริญภานา บทไหนก็ได้ที่เราชอบให้จิตมันเกาะ ถ้าจิตมันเกาะเวลาตายแล้ว เขาก็มาเชิญไปสำนักพระยายม ประเภทนี้ไปแน่
    ถ้าบาปจริงๆ มันพุ่งหลาวลงนรกเลย ความชั่วก็มี ความดีก็ปรากฏ ทั้งสองอย่างต้องไปสำรักพระยายมก่อน เขาจะสอบสวนแล้วถ้าหากว่าไม่ฉลาดเกินไป ฉลาดพอดีนะ เวลาทำบุญให้พระยายมเป็นพยานไว้หมดเลย ไปถึงลุงพูดคนเดียว...เสร็จ! พูดเรื่องบุญอย่างเดียว บาปไม่พูดหรอก นี่รายการนี้ขอ ๖ บาทค่าครู...(หัวเราะ)


    <A name=_Toc89187355>ขายเหล้าบาปไหม
    ผู้ถาม อยากจะถามว่า คนที่ขายเหล้าแล้วคนขายไม่ได้กินอย่างนี้เป็นการค้า คนขายนี่บาปไหมครับ...หลวงพ่อ
    หลวงพ่อ คำว่า บาป แปลว่าอะไร?
    ผู้ถาม บาปนี่...ชั่ว...ครับ
    หลวงพ่อ บาปนี่ชั่ว ขายได้สตางค์ชั่วยังไง...รวย ความประพฤติ เขายังไม่ชั่ว แค่ขายอย่างเดียว ความประพฤติก็ว่า อีกส่วนหนึ่งต่างหาก
    ผู้ถาม แต่ว่าสิ่งที่ขายนี่ ทำให้คนที่ซื้อไปเป็นโทษ
    หลวงพ่อ ช่างมันปะไร...รู้แล้วเสือกซื้อไปทำไม
    ผู้ถาม ตกลงไม่บาปใช่ไหมครับ?
    หลวงพ่อ จะบาปยังไง...คือพระพุทธเจ้าทรงปรับว่าเป็น มิจฉาวาณิชชา เป็นการค้าที่ไม่สมควร เราจะไปพูดเกินพระพุทธเจ้านี่ไม่ได้ ใช่ไหม...อย่างขายปืนนี่ เราเป็นคนขายอาวุธ คนขายอาวุธไม่ได้บอกว่า เจ้าจงไปยิงคนนั้นนะ มันเรื่องเขาจะต้องมีการป้องกันตัวของเขาอย่างหนึ่งนะ การขายอาวุธอย่างหนึ่งนะ การขายสุราเมรัยอย่างหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าเป็น มิจฉาวาณิชชา อุบาสกอุบาสิกาไม่ควรจะค้าขาย
    แค่แนะนำไม่ใช่บาป ยังปรับโทษเขาไม่ได้เลย มันต้องดูเหตุดูผลว่ามันเป็นโทษได้ยังไง การค้าเขาไม่ได้กิน คนค้าเหล้าไม่ได้ เมาเหล้านี่ ใช่ไหม... จะต้องดูจุดตรงไปตรงมา ธรรมะนี่ต้องตรงไปตรงมานะ ก็อย่างมีคน ๆ หนึ่ง เข้าไปกรุงเทพฯ ที่ซอยสายลมแกมาถามว่า เชื้อโรคในร่างกายเป็นสัตว์มีชีวิตใช่ไหม...และการที่เราจะกินยาฆ่าสัตว์มีชีวิตในร่างกายไม่บาปหรือ?
    ฉันตอบว่ายังไงรู้ไหม ฉันก็ตอบว่า คุณลงนรกแต่ผู้เดียวเถอะ ฉันเชื่อพระพุทธเจ้าอย่างเดียว ฉันไม่เชื่อคุณหรอก ใช่ไหมคุณ... ให้เขาลงนรกแต่ผู้เดียว นี่ของเราไม่ได้ลงด้วยนะ เชื้อโรคมีในร่างกาย รูปร่างมันอยู่ที่ไหนก็ช่าง เรื่องร่างกายของเรา เราทำให้ร่างกายของเราเป็นสุข ใช่ไหม... ไม่ใช่ร่างกายเกิดมาเพื่อเป็นพื้นฐานที่อยู่ของเชื้อโรค ต้องดูคำสอนแค่พระพุทธเจ้าสอน อย่าให้มันเลยไป ถ้าเลยไปนิพพานมันก็ต้องล่งอเวจี หรือลงอย่างดีก็ลงโลกันต์ก็เอากันแค่นี้ท่านสอน
    พระพุทธเจ้าทรงเป็นสัพพัญญูอยู่แล้ว อะไรทุกอย่างที่พระองค์ไม่รู้น่ะ... ไม่มี ท่านบอกว่าวิชาความรู้ที่ตถาคตรู้ แต่ว่ามันไม่เป็นทางบรรลุมรรคผลตถาคตไม่สอน อย่างวิชาความรู้ทางวิทยาศาสตร์พระพุทธเจ้ารู้ไหม... ถ้าไม่แน่ใจให้ไปถาม ดร. อาจอง คนนี้ได้กรรม,น ได้ทิพจักขุญาณ เคยสอนลูกศิษย์ได้ทิพจักขุญาณเอยะ ต่อมาฝรั่งก็จ้างไปทำจรวดอะไรหว่า... มันพังเรื่อยต่อมาแกเป็นหนึ่งในร้อยของนักวิทยาศาสตร์ที่เขาคัดไว้ คือเขาคัดไว้ ๑๐๐ คน เธอเป็นคนไทยคนเดียว ในหนึ่งในร้อยของเขา
    ทีนี้มาวันหนึ่ง เธอคิดว่าทำยังไง แก้กันอย่างไรมันก็ไม่หายมันก็พังเรื่อย และที่ข้างห้องที่พักมันก็มีเนินดิน ก็ไปนั่งอยู่ที่เนินดิน จิตสบาย ๆ ก็ขอบารมีพระพุทธเจ้า ขอสูตร เอาเพียงแค่แก้ให้หายไม่ได้ทำทุกอย่าง ปรากฏสูตรขึ้นมาในอากาศ แกก็รีบเขียนตามนั้นทันที และแก้ไขได้ เห็นไหม... เรื่องของจริงมันมีแต่ว่า เราทำให้มันถึง ความรู้พระพุทธเจ้ารู้ให้มาถึง รู้ให้มันจริง
    ความรู้มีกี่อย่าง ๔ อย่าง
    1. สุขวิปัสสโก
    2. เตวิชโช
    3. ฉฬภิญโญ
    4. ปฏิสัมภิทัปปัตโต
    ทั้ง ๔ อย่างนี้ให้มันครบ ถึงแม้จะครบอย่างละไม่ถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ตาม จะมีผลเอยะแยะ ทีนี้พวกเราไม่ได้รู้จริง รู้แต่ข่าวเขาว่า ๆ จะเอาอะไรกัน ตำราเล่มนั้นท่านว่า ตำราเล่มนี้ท่านว่า พระองค์นั้นท่านว่า พระองค์นี้ท่านว่า พระองค์นั้นท่านรู้จริงหรือเปล่า...ใช่ไหม?
    พระที่รู้จริง ๆ มีองค์เดียว คือ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์มีรู้จริง แต่ไม่รอบรู้เท่าพระพุทธเจ้า ฉันยืนยัน อรหันต์ทุกองค์น่ะ รอบรู้ไม่เท่าพระพุทธเจ้า เพราะคำว่า “สัพพัญญู” ไม่มี จะมีสิ่งที่ไม่รู้ที่พระอรหันต์รู้แน่นอนไม่แพ้ใครก็คือ การละกิเลส แต่ความรู้รอบตัวนั่นยังก่อน
    ถ้าถามว่า ถ้าอย่างนั้นพระอรหันต์ที่สอน ๆ ไม่สอนผิดหรือ ก็ต้องตอบว่า อรหันต์สอนไม่ผิดหรอก เพราะท่านจะสอนแค่ท่านรู้ ถ้าเลยรู้ท่านไม่สอน แต่อรหันต์ขั้น สุกขวิปัสสโก ท่ารู้แค่ไหน ท่านละกิเลสได้แน่ อรหันต์ต้องเป็นอรหันต์เหมือนกัน แต่ว่าความรู้พิเศษท่านรู้แค่ไหน ท่านจะสอนแค่นั้น ถ้ามากกินไปท่านบอกสิ่งนี้เกินวิสัยของท่าน
    ถ้าไปถาม เตวิชโช หรือวิชชา ๓ องค์นี้จะรู้มากหน่อย ถ้าถามถึงเทวดา ถึงนางฟ้า ถึงพรหม ถึงมนุษย์ ถึงอะไรก็ตาม นรกสวรรค์ ท่านรู้หมด องค์นี้เห็นหมดทุกอย่าง คุยได้หมดทุกอย่างแต่ไปบอกท่านขอชวนไปเที่ยว ท่านบอกฉันยังไปไม่ได้ ฉันเห็นแค่นี้
    ถ้าไปถาม ฉฬภิญโญ เข้า ฉฬภิญโญฉันเห็นได้ ฉันไปถึงได้ ทุกจุด ฉันทำได้ใช่ไหม... ไปถามความรู้ความฉลาดหนัก ๆ เกินไป ท่านบอกไม่ไหว ฉันมีความสามารถแค่นี้
    ถ้าไปถาม ปฏิสัมภิทาญาณ ท่านบอกทุกอย่างฉันพร้อม แต่ต้องไม่เกินวิสัยของฉัน คำว่า “เกินวิสัย” คือเป็นวิสัยของพระพุทธเจ้านี่ ท่านทำไม่ได้ ใช่ไหม
    ฉะนั้น ความรู้ในพระพุทธศาสนามี ๔ ขั้น ก็ทำให้มันจบ ๔ ขั้น ยังไม่ได้สักขั้นหนึ่งจะมาเบ่งว่ารู้ มันจะรู้ได้ยังไง โง่เง่าเต่าตุ่น และแต่ เลยตุ่นอีก...(หัวเรา) เขาว่า ๆ ๆ อ่านตำราที่นั่น อ่านตำราที่นี่ พระองค์นี่ว่าอย่างนี้ แต่ว่าทำไม หลักสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงสอน จริง เราทำไมไม่สนใจกัน ก็ไม่ยาก มันไม่มีอะไรยาก วันนี้ฉันพูดตามความเป็นจริงนะ วันนี้เอากันจริง ๆ


    <A name=_Toc89187356>อยากเป็นพระโสดาบัน
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง อยากจะบรรลุสำเร็จพระโสดาบัน แต่ที่นี้ไม่ดีอยู่ก็คือว่า ศีลข้อสุรานี่เอาไม่อยู่อย่างอื่นดีหมด แต่เวลากินเหล้าแล้ว ผมทำสมาธิดี ใจบุญใยกุศล (เออ หายากนะ)
    หลวงพ่อ เอ ... อย่างนี้เราเรียก “โสดาบันโลหะกุมภี”
    ผู้ถาม อ๋อ ... ลงล่วงเลยแบบนี้
    หลวงพ่อ ใช่ซิ
    ผู้ถาม ไม่มีทางเลยซิครับ
    หลวงพ่อ ละเสียก่อน
    ผู้ถาม ถ้าตัดโสดาบันจริง ๆ นี่ ศีล ๕ ต้องครบเลยหรือครับ
    หลวงพ่อ ครบถ้วน ... ศีล ๕ ครบถ้วยเป็นโสดาบันขั้นต่ำน่ะ สัตตักขัตตุง
    ผู้ถาม ยังต่ำอีกหรือนี่...?
    หลวงพ่อ ยังต่ำมาก ... แค่ สัตตักขัตตุง ต้องกรรมบถ ๑๐ เป็น โกลังโกละ หรือเอกพิชี
    ผู้ถาม ครับ ๆ ๆ อย่างนั้น ก็ไปไล่ศีล ๕ เสียให้ครบก่อน
    หลวงพ่อ อย่าไปไล่ซิ... ไปเอามา
    ผู้ถาม อ๋อ... ต้องรักษา ไม่ใช่ไล่ ปรกติก็จะไปอยู่แล้วซิ ไม่ต้องไล่ก็จะไปอยู่แล้ว


    <A name=_Toc89187357>ไปนิพพานไม่ได้ เพราะชอบกินเหล้า
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ตอนที่ขึ้นไปนมัสการ พระธาตุดอยตุง หลวงพ่อบวงสรวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อได้พูดว่า เออ... มีอยู่คนหนึ่งนะ ไปนิพพานไม่ได้ เพราะว่าชอบกินเหล้าอยู่ ผมขอบอกได้เลยคนนั้นไม่ใช่อื่นไกล ที่แท้คือผมเอง ปรกติผมดื่มเป็นประจำเลยครับ ทำไมหลวงพ่อรู้ได้ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยบอกเลย
    ที่จะเรียนถามก็คืออย่างนี้ ผมขอบอกหลวงพ่อว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะขอเลิกดื่ม และจะขอตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อไปพระนิพพานชาตินี้ หลวงพ่อจะอโหสิกรรม เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหน่อยเถิดขอรับ
    หลวงพ่อ ไม่ต้องอโหสิกรรม มีผลแน่นอน ไปได้... ถ้าเขาเลิกได้นะ
    ผู้ถาม เลิกปุ๊บ... ปฏิบัติปั๊บ นี่ไปได้
    หลวงพ่อ ไปได้ ๆ ๆ ยังขัด ๆ อยู่แค่นั้นแหละ ขัดอยู่แค่นั้นเอง ... วันนั้นน่ะ
    ผู้ถาม นี่ไม่ต้องไปไกล กลิ่นก็ไม่มี แต่ความจริงเขาบอกนะครับ ก่อนที่จะไปดอยตุง ดื่มเบียร์เข้าไปหน่อยหนึ่ง พอหอมปากแก้หนาว เขาสารภาพแล้วนะ นึกว่าจะดื่มต่อไปนี่เลิกแล้วนะโมทนาด้วย


    <A name=_Toc89187358>พระให้ศีล ๘ ไม่ถูก
    ผู้ถาม กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพ เวลาลูกถวายสังฆทานพระแถวบ้าน พระท่านให้ศีล ๘ ไม่ถูก ลูกอยากทราบว่า ควรจะทำบุญกับท่านอีกไหมเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ มันไม่จำเป็นนี่ ท่านให้ไม่ถูกเรารักษาให้ถูก ก็หมดเรื่องหมดราว การที่พระให้ศีลเป็นการศึกษาเท่านั้น ว่าศีลมีอะไรบ้าง ในเมื่อท่านพลาดไปแล้ว นึกได้ข้อนี้ไม่ใช่เป็นอย่างนี้นี่หว่า เรารักษาตามความเป็นจริง ศีลอยู่ที่การปฏิบัติ คือตัวเว้น คือว่า “ศีล” จะมีได้มีศัพท์ว่า เวรมณี
    คำว่า “เว้น” เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการร่วมรักกับคู่ครองใช่ไหม... ศีล ๘ เว้นจากมุสาวาท เว้นจากการดื่มสุราเมรัย เว้นจากกินข้าวเวลาบ่าย เว้นจากการทัดทรงดอกไม้และของหอม เว้นจากที่นอนสูงที่นอนต่ำ ที่นอนสูงไปก็ไม่ควรนอน ต่ำเกินไปก็ไม่ควรนอน
    ผู้ถาม ที่ต่ำไม่ควรนอนเพราะอะไรครับ?
    หลวงพ่อ มันต่ำกว่าที่นอน...(หัวเราะ)


    <A name=_Toc89187359>กินข้าวเกินเวลา
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกได้ไปรักษาอุโบสถที่วัดแห่งหนึ่งที่ กรุงเทพฯ บังเอิญตอนนั้นมันเลยเที่ยงไป นาฬิกามันเสีย ลูกก็ไม่ได้ดู กินไปกินมาเลยเวลาเข้าไปบ่ายโมง ตอนนั้นลูกไม่สบายใจเป็นอย่างมากว่า อุโบสถศีลของลูกนี่บกพร่องไปเสียแล้ว ว่าจะกราบขอขมาลาโทษว่า กินข้าวเพลินโดยไม่เจตนา ศีล ๘ ของลูกจะขาดหรือไม่เจ้าคะ?
    หลวงพ่อ ศีลวันนี้ไม่ขาด
    ผู้ถาม ไม่ขาดหรือครับ?
    หลวงพ่อ ไม่ขาด... เพราะวันนี้สมาทานศีล ๘
    ผู้ถาม ศีลวันนี้หรือครับ?
    หลวงพ่อ ใช่... (หัวเราะ) ใช่ ศีลวันนั้นขาดไม่เป็นไร ไม่มีโทษ มันไม่มีโทษถึงอบายภูมินี่ เป็นส่วนธรรม
    ผู้ถาม ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเที่ยงสมัยพระพุทธเจ้า ตะวันตรงหัวหรือว่า นาฬิกาตรงเลย ๑๒
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าสมัยพระพุทธเจ้า เอาจริง ๆ ตามพระวินัยนะ พระอาทิตย์ตรงเงาตรงลงมือฉัน ตะวันคล้อยไปไม่เกิน ๒ นิ้ว ถ้าเงาคล้อยเกิน ๒ นิ้ว เป็นอาบัติ ถ้าไม่เกิน ๒ นิ้ว ไม่เป็นอาบัติ เวลานี้เร่งกันมาชั่วโมงหนึ่ง
    ผู้ถาม ถ้าเอาแบบพุทธกาลก็อาจจะเลยเที่ยงได้
    หลวงพ่อ เอาแบบพุทธกาลมันก็ลงมือเที่ยงได้ ไอ้เงา ๒ นิ้วนี่นานนะ
    ผู้ถาม ก็เอาตามสมัยใหม่นะ ๑๒ นาฬิกาเป็นเกณฑ์


    <A name=_Toc89187360>กระเพาะลำไส้ไม่ดี
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกตั้งสัจจะไว้กับพระที่ฝั่งธนบุรีว่า จะรักษาศีล ๘ ชั่วชีวิต ลูกก็ทำโดยตลอด บัดนี้ลูกอายุมากแล้ว เพราะทางกรเพาะลำไส้ไม่ดี หมอบอกว่าถ้าขาดอาหารตอนเย็นแล้วจะไปไม่รอด จะขอเรียนถามหลวงพ่อว่า จะคืนสัจจะที่ซอยสายลมกับหลวงพ่อ แล้วให้หลวงพ่อบอกพระพุทธเจ้าอโหสิกรรมได้หรือเปล่าเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ เออ... เอาหนัก แฮะ เอาอย่างนี้ซิ ย้ายไปถือ กรรมบถ ๑๐ กินข้าวเย็นได้ ดีกว่าเยอะ เป็นทั้งศีลทั้งธรรม ได้ ๒ อย่าง
    ผู้ถาม แล้วอานิสงส์คงไม่ต่างกันใช่ไหมครับ?
    หลวงพ่อ อานิสงส์แข็งกว่าศีล ๘ อ้าว... จริง ๆ นะ ศีล ๘ เราไม่ค่อยจริงกันนัก แต่ถ้าปกติทุกวันก็ดี นี่มันปรกติไม่ได้นี่ ต้องเป็นบางเวลา ใช่ไหม กรรมบถ ๑๐ เขามีทั้งศีลทั้งธรรม มโนกรรมนี่เป็นธรรมะ แล้วก็สังเกตดูเป็นการตัดกิเลสได้ง่าย ฝึกตัดกิเลสไปในตัวเสร็จ...
    ผู้ถาม เกี่ยวกับข้อไม่กินข้าวนี่ เวลาไปกินเลี้ยงมันเผลอไผลไปตักเข้า กว่าจะรู้ตัวก็เข้าไปครึ่งท้องแล้ว แต่ไม่เจตนานะครับ
    หลวงพ่อ ความจริงถ้าเรารักษาศีล ๘ ไม่ขาดนะ ที่เราสมาทานมัน ๙ ข้อ นัจจะ กับ มาลาคันธะ เวลาเขาบวชพระ บวชเณร เขาแยกนะ เรารักษาแค่ศีล ๘ ทิ้ง วิกาลโภชนา เสีย
    ผู้ถาม อ๋อ.. ก็ดี
    หลวงพ่อ แต่อย่านะ...ลงนรก (หัวเราะ) แหม... ตั้งใจหูผึ่ง
    ผู้ถาม ได้กินข้าวเย็นก็ยังดี
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ซิ สมาทานกรรมบถ ๑๐ กรรมบถ ๑๐ เป็นคุณสมบัติพระโสดาบันขั้น โกลังโกละ กับ เอกพิชี และสกิทาคามี... หนักมาก
    ผู้ถาม ถ้ารักษาศีล ๘ เดือดร้อน ก็เอากรรบถ ๑๐ ดีกว่านะ


    <A name=_Toc89187361>ถือศีล ๘ กินนมได้หรือไม่
    ผู้ถาม หลวงพ่อเจ้าขา ลูกขอถามเกี่ยวกับเรื่องศีล ๘ ศีล ๘ ที่ลูกรักษาอยู่ปัจจุบันนี่ มีคนเขาพูดว่า นมกินไม่ได้ ไอ้นั่นก็กินไม่ได้ ไอ้นี่ก็กินไม่ได้ ไอ้เรื่องศีล ๘ นี่เกี่ยวกับเรื่องน้ำปานะนี่ เขาอนุญาตแค่ไหน... และที่ไม่อนุญาตเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ดีกว่า... เนยใน เนยข้น น้ำมัน นำผึ้ง น้ำอ้อย นมนี่เป็นพวกเนย... กินได้ แต่ว่าอย่ากินนมดิบนะ (หัวเราะ) ใน มหาปเทส อนุโลมจากเนยเป็นนมได้ ใช้ได้จริง ๆ นะ

    รักษาศีล ๘ ซื้อหวยใต้ดิน
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกรู้จักกับอุบาสกคนหนึ่ง อายุประมาณ ๖๐ ปีเศษ รักษาศีล ๘ มาหลายปีแล้ว เขาบอกกับผมว่า เขาได้พระอนาคามีแล้ว วันหนึ่งลูกเห็นแกซื้อหวยใต้ดิน แล้วก็ล๊อตเตอรี่ธรดา ลูกเกิดความสงสัยว่า ผู้ที่เป็นพระอริยเจ้าขึ้นไป จะซื้อหวยใต้ดินและล็อตเตอรี่รัฐบาลได้หรือเปล่า?
    หลวงพ่อ เขามีขายก็ซื้อได้ แต่ไม่ใช่พระอริยะเบื้องสูง อย่าง พระโสดาบันท่านยังอยากรวย ยังมีความโกรธ ยังมีความหลง แต่ก็ไม่ลืมความตาย อยู่ในขอบเขตของศีล ๕ จะรวยก็ไม่ขาดศีล ๕ คือไม่ลักไม่ขโมยใคร ทีนี้หวยนี่ไม่ได้ลักไม่ได้ ขโมยใคร แต่ว่าถ้าบอกเป็นอนาคามี ไม่ใช่แน่ อนาคามีไม่ทำแบบนั้น ตัดหมดแล้ว พระโสดาบันอาจจะมีแต่ว่าดิ้นรนมากนะ สังเกตอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าอะไรขัดกับศีล ๕ พรโสดาบันไม่ทำ ถ้าสิ่งใดไม่ขัดกับศีล ๕ พระโสดาบันทำ... จำง่าย ๆ

    ถือศีล ๘ อยากไปนิพพาน
    ผู้ถาม กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ขณะนี้ลูกตั้งจิตอธิษฐานว่า ๑. ลูกจะถือศีล ๘ เป็นเวลา ๗ วัน ๒. งดบริโภคอาหารเนื้อสัตว์เป็นเวลา ๗ วัน ๓. เจิรญกรรมฐานให้ครบทั้ง ๗ วัน ลูกตั้งจิตอธิษฐานและจะทำในลักษณะอย่างนี้ การกระทำอย่างนี้จะเป็นบุญ เป็น กุศล เป็น ผลให้ลูกมีโอกาสได้ไปเกิดบนนิพพานได้หรือเปล่าเจ้าคะ?
    หลวงพ่อ ไม่ได้
    ผู้ถาม แหม... นี่ก็ ๗ วัน นี่ก็ ๗ วัน ไปไม่ได้หรือครับ?
    หลวงพ่อ แค่ ๗ วัน ปีมีกี่วัน... เราเกิดกี่ปี... อารมณ์ไม่ทรงตัว
    ผู้ถาม ความจริงนะ ไอ้ ๗ วันน่ะ เอาซ้อมมโนมยิทธิแป๊บเดียว ก็จะ
    หลวงพ่อ ดีกว่าเยอะ

    <A id=attachment1005442 href="http://palungjit.org/attachments/a.1005442/" target=_blank rel=Lightbox_3230161>[​IMG]

    อยากจะบวชชี
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ตอนนี้ลูกเปรีบเสมือนผงเข้าตาเขี่ยไม่ออก จึงขอบารมีของหลวงพ่อช่วยแก้ปัญหาให้ลูกด้วยเถอะค่ะ ทางบ้านของลูกมีอาชีพทำสวนผักและขายอาหาร เมื่อเด็ก ๆ ชอบฟังธรรมะ หลังเลิกเรียนบ้าง ก่อนทำสวนบ้าง และไปวัดวันพระ พอจบมหาวิทยาลัยก็ได้ทำงานเป็นเสมียนห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง ได้มีโอกาสไปถวายผ้าจำนำพรรษาที่วัดใกล้บ้าน โดยวิธีจับฉลากได้เบอร์ ๑ ในใจก็คิดอุทิศให้คุณย่าที่ตายเมื่อปี ๓๑ ท่านเคยรักษาศีลอยู่วัดนี้
    พอปี ๓๒ ก็ถวายผ้าจำนำพรรษาอีก ครั้งนี้ทำให้พ่อแม่ก็จับสลากได้เบอร์นั้นอีก ซึ่งเป็นพระที่ลูกนับถือท่านมาก จึงมีแต่ความปีติสุข เพราะสองปีที่ทำนั้น ทำจนเงินหมดกระเป๋าลูกทำงานมีเวลาว่างมากคือ ทำงานใจระลึกแต่ทุกข์เสมอ หนักเข้าใจร้อนมากคิดแต่เรื่องอิสระ อยากจะออกบวชไม่รู้จะทำเช่นไร ก็เลยไปซื้อผ้านุ่งผ้าห่มไปถวายชี ๑ ชุด โดยไม่เจาะจง คามอยากเข้าไปหาอีกก็เลยลาออกจากงาน อยากจะบวชก็ปรึกษาญาติผู้ใหญ่
    ท่านก็บอกควรทำงานตอบแทนคุณก่อน จึงได้ไปช่วยบ้านทำสวนบ้าง ไปขายของที่ร้านอาหารบ้าง แต่ว่าตัวเองไม่ชอบค้าขายอาหาร เพราะว่ามีผลทำให้สัตว์ตาย ก็เลยช่วยพ่อทำสวน ญาติพี่น้องก็ไม่ชอบบอกว่า เรียนมาแล้วเอความรู้มาทิ้งสวน และข้อนี้ก็เป็นเหตุให้ทางบ้าน ไม่ส่งเสริมให้เด็กเรียนหนังสือ ทีนี้อยากการาบเรียนถามว่า ควรจะทำอย่างไรดี... กับชีวินปานี้เจ้าทะ?
    หลวงพ่อ เออ... คำถามเมื่อกี้นี้ และมีสังฆทานมาคั่นก็ดี ความจริงพระท่านบอก เมื่ออยู่กับพ่อก็บวชซะเลย... ก็แล้วกัน วิธีบวชให้รักษา กรรมบถ ๑๐ ไม่ต้องไปทำอะไร ทำงานก็ได้ กินข้าวเย็นก็ได้ กินข้าวร้อนก็ได้แต่ให้ทรงกรรมบถ ๑๐ ไว้นี่พอแล้วมันไม่ใช่พอเฉยๆ นะ ถ้ากรรมบถ ๑๐ ครบถ้วนนี่เป็นพระโสดาบันเป็นพระอริยเจ้าเลย รู้จักไหม... กรรมบถ ๑๐ มีอะไร... กรรมบถ ๑๐ ก็อย่างนี้นะ
    ทางกาย ๓ อย่าง คือ ๑.ไม่ฆ่าสัตว์ ๒.ไม่ลักทรัพย์ ๓.ไม่ประพฤติผิดในกาม นี่ทางกาย
    ทางวาจามี ๔ อย่าง คือ ๑.ไม่พูดปด ๒.ไม่พูดวาจาหยาบ ๓.ไม่ส่อเสียดให้เขาแตกแยกกัน คือไม่นินทาชาวบ้าน และก็ ๔.ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อ เหลวไหล
    ทางด้านจิตใจ มี ๓ อย่าง คือ ๑. ไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของใครโดยไม่ชอบธรรม ๒. ความโกรธยังมีอยู่ แต่ไม่จองล้างจองผลาญใคร ๓. มีความเห็นตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอน
    เท่านี้แหละ...นี่เป็นพื้นฐานของพระโสดาบันนะ ถ้าทำอย่างนี้ได้เต็มที่ คือว่ายังเหลืออีก ๒ อย่างเป็นพระโสดาบัน คือ เคารพพระพุทธเจ้า เคารพพระธรรม เคารพพระอริยะสงฆ์จริง และอีกข้อหนึ่ง มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องตาย ก็แค่นั้น เรามี พระนิพพาน เป็นที่ไป แค่นี้เองเป็นพระโสดาบัน จุดใหญ่อยู่ที่กรรมบถ ๑๐

    อยากจะบวชพระ
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด อยากจะบวชให้มันตลอดรอดฝั่ง ตลอดชีวิตชีวัง... แต่ไม่สมความปรารถนา เพราะบิดามารดาแกไม่ยอมอนุญาต แกจะให้เรียนต่อ ผมมีความเสียใจเป็นอย่างมาก อยากจะปรึกษาหลวงพ่อว่า จะแก้ไขอย่างไรจึงจะให้พ่อแม่อนุญาต หรือไม่ก็วิธีใดวิธีหนึ่งขอรับ?
    หลวงพ่อ เอาอย่างนี้ดีกว่านะ การบวช... คิดจะบวชไม่สึก โดยมากมันบวชไม่นานนะ
    ผู้ถาม พวกอธิษฐานพูดอย่างนี้หรือครับ?
    หลวงพ่อ โอ้โฮ...ร้อยทั้งร้อยเลย บางทีไม่เต็มพรรษาจะไปแล้ว ขนาดชั้นเอกนะ มาจากผักไห่ ผมบวชไม่สึกครับ พอครึ่งพรรษาจะไปแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า การบวชหรือไม่บวชการบวชนี่มีโทษมาก ถ้าไม่บวชมีโทษน้อย สิกขาบทของพระ ๒๒๗ นี่มันยังไม่พอนะ อภิสมาจารอีก ธรรมะอีกหลายส่วนที่ลงนรกน่ะ การไม่บวชเพียงแค่ศีล ๕ เท่านั้น ฉะนั้น ก็ขอให้ฝึกมโนมยิทธิ ตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้ครบถ้วน ตั้งใจรักษากรรมบถ ๑๐ ให้ครบถ้วนพอแล้ว ดีกว่าพระบวชห่วย ๆ ตั้งหลายแสนเท่า
    ผู้ถาม เป็นพระนี่ ลงนรกง่ายกว่า
    หลวงพ่อ โอ... บานเจ้าเลย เวลานี้ ๙๙ เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้เหลือนะ

    [​IMG]


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.994672/[/MUSIC]​





    </TD><TD vAlign=top width="5%">
    <SCRIPT language=JavaScript1.2><!--// กำหนดตำแหน่งของรูปmarkW = 90; // pixels widemarkH = 40; // pixels highmarkX = 100; // percent rightmarkY = 90; // percent downmarkRefresh = 50; // milliseconds// set common object referenceif (!document.all) document.all = document;if (!document.all.waterMark.style) document.all.waterMark.style = document.all.waterMark;wMark = document.all.waterMark.style;wMark.width = markW;wMark.height = markH;navDOM = window.innerHeight; // Nav DOM flag function setVals() { barW = 0; // scrollbar compensation for PC Nav barH = 0; if (navDOM) { if (document.height > innerHeight) barW = 20; if (document.width > innerWidth) barH = 20; } else { innerWidth = document.body.clientWidth; innerHeight = document.body.clientHeight; } posX = ((innerWidth - markW)-barW) * (markX/100); posY = ((innerHeight - markH)-barH) * (markY/100); }function wRefresh() { wMark.left = posX + (navDOM?pageXOffset:document.body.scrollLeft); wMark.top = posY + (navDOM?pageYOffset:document.body.scrollTop); }function markMe() { setVals(); window.onresize=setVals; markID = setInterval ("wRefresh()",markRefresh); }window.onload=markMe; // safety for Mac IE4.5//--></SCRIPT>








    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มิถุนายน 2010
  11. kosondesign

    kosondesign Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +66
    เป็นแสงสว่างนำทางได้ดีนัก
     
  12. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    กราบโมทนา สาธุค่ะ ขอให้ท่าน จขกท เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ
     
  13. พรเทวราช

    พรเทวราช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +426
    อนุโมทนา สาธุ
    กราบขอบพระคุณ กับ บทความ อันมีค่า ในพระเดช พระคุณ หลวงพ่อ พระราชพรหมยาน ด้วยครับ
     
  14. KOKOKING_<<0>>

    KOKOKING_<<0>> เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    813
    ค่าพลัง:
    +1,373
    อนุโมทนาด้วยครับลุง กำลังตามเก็บอยู่ครับผม คาดว่าคืนนี้น่าจะอ่านหมดครับ ดีมากๆเลยครับ ขอบพระคุณในธรรมทานนะครับ
     
  15. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291

    โมทนา จ้า ... อ้าว ชักแถวมาเลย นะ นัดกัน รึไง แล้วใครเฝ้าบ้าน ล่ะ 555+
    ค่อย ๆ อ่าน นะ ช้าไม่เป็นไร เอาความเข้าใจเป็นหลัก นะ
     
  16. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191

    แหม คุนลุง ก้อดีแล้วไง มากันเป็นกลุ่มเป็นก้อน อบอุ่นดีออก ปล่อยมาเดี่ยวได้ไง เดี๋ยวจะหนาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 5X5X5X5

    ส่วนบ้านม่ะต้องเป็นห่วง ว่าจะโดนงัดแงะ แค่ได้ยินกิติศัพท์ของท่านเจ้าสำนักกะคุนครูใหญ่ พวกจิ๊กโก๋ก้อสั่นๆๆๆๆๆกันไปตามๆ อิอิอิ ชิมิ
     
  17. everpook

    everpook เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +129
    อนุโมทนาสาธุ ...นะคะ
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นพระสงฆ์ ที่เราศรัทธา เราเคารพอย่างสูง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 28.jpg
      28.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20 KB
      เปิดดู:
      100
  18. uncle jing

    uncle jing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +219
    อนุโมทนา สาธุ

    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5CEGAT%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><o:smarttagtype namespaceuri="urn:schemas-microsoft-com<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" omg-smile.gif="" border="0" alt="" title="Surprised" smilieid="34" class="inlineimg"></o:smarttagtype><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5CEGAT%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5CEGAT%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:DontVertAlignCellWithSp/> <w:DontBreakConstrainedForcedTables/> <w:DontVertAlignInTxbx/> <w:Word11KerningPairs/> <w:CachedColBalance/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1\:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-2130706429 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cambria Math"; panose-1:2 4 5 3 5 4 6 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1107304683 0 0 159 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-unhide:no; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; margin:0in; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman","serif"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} .MsoChpDefault {mso-style-type:export-only; mso-default-props:yes; font-size:10.0pt; mso-ansi-font-size:10.0pt; mso-bidi-font-size:10.0pt; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page WordSection1 {size:8.5in 11.0in; margin:1.0in 1.0in 1.0in 1.0in; mso-header-margin:.5in; mso-footer-margin:.5in; mso-paper-source:0;} div.WordSection1 &nbsp</style>[FONT=&quot]ขอผลบุญในการเผยแพร่<st1>ธรรมะ</st1>นี้จงเป็นปัจจัยให้ คุณอริยบุตร

    [/FONT]<link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5CEGAT%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5CEGAT%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5CEGAT%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:DontVertAlignCellWithSp/> <w:DontBreakConstrainedForcedTables/> <w:DontVertAlignInTxbx/> <w:Word11KerningPairs/> <w:CachedColBalance/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" Name="Normal (Web)"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-2130706429 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cambria Math"; panose-1:2 4 5 3 5 4 6 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1107304683 0 0 159 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-520082689 -1073717157 41 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-unhide:no; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; margin:0in; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman","serif"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} p {mso-style-unhide:no; margin:0in; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:"Tahoma","sans-serif"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman";} .MsoChpDefault {mso-style-type:export-only; mso-default-props:yes; font-size:10.0pt; mso-ansi-font-size:10.0pt; mso-bidi-font-size:10.0pt; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page WordSection1 {size:8.5in 11.0in; margin:1.0in 1.0in 1.0in 1.0in; mso-header-margin:.5in; mso-footer-margin:.5in; mso-paper-source:0;} div.WordSection1 {page:WordSection1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0in 5.4pt 0in 5.4pt; mso-para-margin:0in; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-theme-font:minor-fareast; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]และท่านทั้งหลายที่ร่วมอนุโมทนาการเผยแพร่ธรรมะนี้[FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [/FONT]

    ได้ถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้เถิด
    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5CEGAT%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="Edit-Time-Data" href="file:///C:%5CUsers%5CEGAT%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_editdata.mso"><!--[if !mso]> <style> v\:* {behavior:url(#default#VML);} o\:* {behavior:url(#default#VML);} w\:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);} </style> <![endif]--><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5CEGAT%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5CEGAT%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:DontVertAlignCellWithSp/> <w:DontBreakConstrainedForcedTables/> <w:DontVertAlignInTxbx/> <w:Word11KerningPairs/> <w:CachedColBalance/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-2130706429 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cambria Math"; panose-1:2 4 5 3 5 4 6 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1107304683 0 0 159 0;} @font-face {font-family:Calibri; panose-1:2 15 5 2 2 2 4 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1073750139 0 0 159 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-unhide:no; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; margin-top:0in; margin-right:0in; margin-bottom:10.0pt; margin-left:0in; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-fareast-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;} p.MsoFooter, li.MsoFooter, div.MsoFooter {mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-link:"Footer Char"; margin:0in; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; tab-stops:center 3.25in right 6.5in; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-fareast-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;} span.FooterChar {mso-style-name:"Footer Char"; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-unhide:no; mso-style-locked:yes; mso-style-link:Footer;} .MsoChpDefault {mso-style-type:export-only; mso-default-props:yes; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-fareast-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;} .MsoPapDefault {mso-style-type:export-only; margin-bottom:10.0pt; line-height:115%;} @page WordSection1 {size:8.5in 11.0in; margin:.5in .5in .5in .75in; mso-header-margin:.5in; mso-footer-margin:.5in; mso-paper-source:0;} div.WordSection1 {page:WordSection1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0in 5.4pt 0in 5.4pt; mso-para-margin-top:0in; mso-para-margin-right:0in; mso-para-margin-bottom:10.0pt; mso-para-margin-left:0in; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-theme-font:minor-fareast; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]
    [/FONT]
     
  19. เป็ดเซ็ง

    เป็ดเซ็ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +858
    [​IMG]


    อนุโมทนา สาธุ
    กราบขอบพระคุณ กับ คำสอน ของพระเดช พระคุณ หลวงพ่อ ครับผม
     
  20. ja-tik2010

    ja-tik2010 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +68
    เป็นข้อปฎิบัติดีๆทั้งนั้นเลย
    ขออนุโมทนาค่ะ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...