ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

Me, myself · 19 มิถุนายน 2010

ตอนนี้จำได้แค่นี้ค่ะ ถ้าจำอะไรได้อีกจะนำมาลงเพิ่มเติมนะคะ ง่วงนอนแล้วขอตัวไปพักผ่อนก่อนค่ะ

ชนะ สิริไพโรจน์ · 20 มิถุนายน 2010

เก็บตกธรรมะ ที่ได้จากพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชสุเมธี วัดภูตูมวนาราม จ.เลย ในงานบวชเนกขัมมะวันวิสาขบูชาที่ศูนย์พุทธศรัทธา

ในวันสุดท้ายของการบวช มีช่วงที่ต้องฟังธรรมจากพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชสุเมธี แต่หลวงพ่อท่านถามว่าใครมีคำถามอะไรจะถามมั่ง ให้ท่านพูดคนเดียวแล้วก็จะหลับกัน ตอนแรกๆก็ยังไม่ค่อยมีใครกล้าถาม ก็จะมีผู้ใหญ่ถามนำก่อน จากนั้นคำถามก็เริ่มตามมาเรื่อยๆ ดิฉันจะนำมาลงให้อ่านเท่าที่จำได้นะคะ เพราะไม่ได้ใช้เครื่องบันทึกเสียงบันทึกมา ใช้สมองจำเอาน่ะค่ะ ก็อาจจะไม่ครบทุกคำถามในวันนั้น และหากท่านใดที่พอจำได้แล้วดิฉันไม่ได้นำมาเล่า ก็ขอความกรุณานำมาเผยแพร่เป็นธรรมทานด้วยค่ะ คำถามคำตอบที่ดิฉันนำมาเล่า คำพูดก็คงไม่ตรงครบร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เนื้อหาหลักๆมีอยู่ค่ะ ยังไงก็กราบขอขมาไว้ ณ ทีนี้ด้วยเพราะข้อความอาจจะไม่ครบและตกหล่นไปบ้าง และหากท่านใดจะช่วยชี้แนะเพิ่มเติมก็ยินดีค่ะ อนุโมทนาด้วยนะคะ
Click to expand...

สาธุ ขออนุโมทนากับท่านกัปตันเป็นอย่างสูง ที่ได้เก็บตกธรรมะมาเผยแผ่เป็นธรรมทานครับ

เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O
ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com<O
<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

</O>

Fabreguz · 20 มิถุนายน 2010

สาธุ อนุโมธามิ กับทุกท่านที่ให้ความรู้ครับ ขอให้ถึงซึ่งพระนิพพาน ขอลงเรือไปกับท่านด้วยครับ ผมสมาชิกใหม่พึ่งสมัครสมาชิกต้นเดือนนี้แหละครับ ถ้ามีปัญหาผมจะขอคำแนะนำ นะครับ
ผมพึ่งจบ มหาลัย ม.ช. มาได้ปีกว่า ครับเป็นคนเชียงราย เริ่มสนใจก็ประมาณ 3 ปีก่อน ตอนแรกผมก็เป็นเด็กธรรมดา ทั่วไป แต่ผมจะเป็นคนที่คิดว่า เอ เราเกิดมาทำไม เกิดมาทำอะไรเนี่ย คิดอย่างนี้อยู่บ่อย แต่มีเหตุทำให้ผมสนใจว่าสิ่งเหล่านี้มีจริง คือผมได้ไปเจอร่างทรงองค์นึงครับแล้วเขาให้ผม บริกรรมคาถาว่า ยูไล ไปเรื่อยๆ แล้วคำบริกรรมของผมก็เพี้ยนไปกลายเป็นร้องโอดโอย โหยหวน น่ากลัวมากครับ แต่ผมไม่ได้ตกใจนะครับ ผมก็เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้มีจริง หลังจากนั้นเขาก็ชวนให้ผม กินเจ และไปนั่งสมาธิ หลังจากนั้นผมก็พยายามซื้อหนังสือธรรมะ มาอ่านเรื่อยๆ จนศรัทธา100% ผมก็เริ่มเข้าใจว่าเราไม่ควรไปรบกวนองค์เทพมากไป ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ผมก็เลยไม่ได้ไปที่นั่นแต่ก็ไปเยี่ยมเที่ยวหาบ้าง หลังจากนั้นก็มีโอกาสไปฟังการบรรยายของพี่ซุปเปอร์ริชชี่ เกี่ยวกับการขออโหสิกรรม ก็เลยพึ่งตนเอง และมีโอกาสฟังธรรม กับท่าน ว.วชิรเมธี ,หลวงปู่ คำเขียน , หลวงพ่อถวิล วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ พระอาจารย์บุญธรรม วัดพระธาตุสันขวาง ครับ ผมก็พึ่งเริ่มต้นครับ ผมกำลังฝึกอานาปานสติ กับ สติปัฐาน4 ควบคู่กัน แต่ยังขี้เกียจอยู่มาก ถ้าผมจะฝึกมโนมยิธิร่วมด้วยจะเป็นอะไรไหมครับ ถ้ามีอะไรแนะนำช่วยบอกผมนะครับ ไว้ผมจะถามต่อครับ สาธุ

หวงจื้อเซวียน · 20 มิถุนายน 2010

RMX said: ↑

ขออนุญาตเล่าต่อนะครับ หลังจากไปเรียบเรียงเพิ่มเติมมาได้

หลังจากที่ปฏิบัติในช่วงบ่ายแล้ว เมื่อถึงเวลาพักก็ได้รับเมตตาจาก อาจารย์วิภาพร ในเรื่องการวางอารมณ์เพิ่มเติมอีก
ซึ่งเป็นการสอนในขณะที่ผมกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไปอื่นๆกับอาจารย์อยู่ครับ
อยู่ดีๆอาจารย์ก็มองหน้าผมแล้วพูดว่า "ประมาณนี้ ใสขึ้นอีก ใสขึ้นอีก"
ผมก็มองหน้าอาจารย์และงงอยู่แว๊บหนึ่งครับ จึงพอเข้าใจว่า ออ ให้ทำความว่างของอารมณ์
โดยกำหนดจิตให้เป็นดวงแก้ว แล้วทำความใสให้มากขึ้นเป็นลำดับ
ก็ทำตามที่อาจารย์แนะนำทันที จนถึงระดับหนึ่ง อาจารย์ก็บอกเลยครับ ว่าเอาแค่นี้นะ ให้ว่างเข้าไว้แบบนี้
เป็นอันว่าได้รับการสอนแบบจู่โจมเข้ามาเลยครับ คงเป็นเพราะอาจารย์ทราบว่าเราติดขัดอยู่ที่ส่วนไหน จึงได้เมตตาแก้ข้อขัดข้องให้ครับ
Click to expand...

ขอขอบคุณคุณ RMX ด้วยนะครับ ที่นำเอาประสบการณ์การฝึกมาเล่าให้ฟัง(อ่าน) ผมมีข้อสงสัยเรื่องการกำหนดจิตให้เป็นดวงแก้วครับ ว่าทำอย่างไร
เผื่อจะนำไปปฏิบัติได้ครับ
อยากให้คุณ RMX หรือท่านกัปตัน หรือผู้รู้ท่านอื่นๆ ช่วยอธิบายเพิ่มเติมครับ

Ricardo DeCalgary · 21 มิถุนายน 2010

โมทนาบุญด้วยครับ คุณ RMX

ขึ้นเรือมาได้ไม่นานเท่าไหร่ พายเก่งจังเลยครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

RMX said: ↑

ขออนุญาตเล่าต่อนะครับ หลังจากไปเรียบเรียงเพิ่มเติมมาได้

ในวันที่สองนั้นตั้งแต่ช่วงเช้ามาก็ร่วมปฏิบัติธรรมมาจนถึงช่วงบ่าย จนได้เวลาบรรยายของ อ.คณานันท์
จนถึงเวลานี้ผมเองก็ยังคงสงสัย และงงกับสิ่งที่ได้พบเจอมาเมื่อวาน แต่ก็ไม่ได้เป็นกังวลมากนัก พอถึงเวลาที่อาจารย์บรรยาย
และสอนเรื่องฌาณสี่ใช้งาน ก็พยายามปฏิบัติตามคำบอกโดยไม่คิดอะไร ว่าถูกหรือผิด รู้สึกอยู่ในใจแค่ว่าทำตามอาจารย์ไปเดี๋ยวดีเอง

ในช่วงนี้เองครับที่ได้รับทริคการวางอารมณ์จากอาจารย์ว่า เวลาปฏิบัติธรรม หลายคนคงลืม ทำจิตใจให้ผ่องใส
พอได้ยินคำนี้ คลิ๊ก เลยครับ ว่า โอวแม่เจ้า ที่เราทำอย่างตั้งใจ เคร่งเครียดมาตลอดนี่มันไม่เวิร์ค เพราะอะไร
อาจารย์แนะนำให้เวลาปฏิบัติธรรมนั้นทำจิตใจให้ผ่องใส โดยอาจจะอมยิ้มมุมปากเล็กๆเพื่อช่วยก็ได้
พอได้เทคนิคมาเท่านั้นล่ะครับ อะไรที่เคยตีบตัน อะไรที่เคยมัวๆ ก็เริ่มใสขึ้นเป็นลำดับๆไป

หลังจากที่ปฏิบัติในช่วงบ่ายแล้ว เมื่อถึงเวลาพักก็ได้รับเมตตาจาก อาจารย์วิภาพร ในเรื่องการวางอารมณ์เพิ่มเติมอีก
ซึ่งเป็นการสอนในขณะที่ผมกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไปอื่นๆกับอาจารย์อยู่ครับ
อยู่ดีๆอาจารย์ก็มองหน้าผมแล้วพูดว่า "ประมาณนี้ ใสขึ้นอีก ใสขึ้นอีก"
ผมก็มองหน้าอาจารย์และงงอยู่แว๊บหนึ่งครับ จึงพอเข้าใจว่า ออ ให้ทำความว่างของอารมณ์
โดยกำหนดจิตให้เป็นดวงแก้ว แล้วทำความใสให้มากขึ้นเป็นลำดับ
ก็ทำตามที่อาจารย์แนะนำทันที จนถึงระดับหนึ่ง อาจารย์ก็บอกเลยครับ ว่าเอาแค่นี้นะ ให้ว่างเข้าไว้แบบนี้
เป็นอันว่าได้รับการสอนแบบจู่โจมเข้ามาเลยครับ คงเป็นเพราะอาจารย์ทราบว่าเราติดขัดอยู่ที่ส่วนไหน จึงได้เมตตาแก้ข้อขัดข้องให้ครับ
ซึ่งพอได้รับคำแนะนำนี้แล้ว ก็ต้องเกิดการลองวิชากันบ้างครับ
โดยผมอาศัยจังหวะในการทำวัตรเย็นนั้นเอง ลองของกันล่ะครับว่าที่อาจารย์สอนเรื่องวางอารมณ์นั้นจะทำให้เราปฏิบัติได้จริงหรือไม่

ผลของการทดลองในช่วงทำวัตรเย็นก็คือ ผมสามารถที่จะขึ้นไปกราบองค์พระศาสดาในขณะทำวัตรเย็นไปด้วยครับ
และเป็นภาพที่แจ่มใสชัดเจนกว่าเมื่อวานมาก เพราะสามารถที่จะรับรู้รายละเอียดโดยรอบได้มากขึ้น
แถมยังสามารถเห็นอาทิสมานกายของตนเองได้ชัดเจนด้วยครับ
แต่ว่าพอทำวัตรเย็นไปได้สักครึ่งทาง ก็รู้สึกหมดแรงขึ้นมาดื้อๆเลยครับ สงสัยจะเป็นเพราะกำลังสมาธิที่มีอยู่นั้นยังไม่มากพอ
ก็เป็นอันว่าได้ทำวัตรเย็นแบบลูกครึ่งกันไปครับ แต่เป็นครึ่งแรกทำวัตรข้างบน ครึ่งหลังทำวัตรข้างล่างครับ หุหุ

พอเริ่มเห็นผลได้เรื่องได้ราวกับมากขึ้นแล้ว ในใจก็รู้สึกฮึกเหิมครับ ว่าอยากฝึกเพิ่มเติมอีก
เพราะในใจก็ยังไม่คลายสงสัยในบางเรื่อง และคิดว่าศรัทธาเรายังไม่เต็มร้อย ตอนนี้ได้แค่เกือบๆเท่านั้นเอง
ก็เลยขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ชนะ ในการฝึกเพิ่มเติมในช่วงกลางคืนครับ
ในตอนแรกในใจก็คิดว่าคงได้ฝึกเหมือนกับบ่ายวันก่อนหน้า
แต่พอไปพบอาจารย์แล้ว ท่านบอกว่ามาฝึกญาณแปดกัน ก็เลยเป็นกังวลขึ้นมาอีกครับว่า การไปแบบทั่วไปนี่เรายังมืดๆมัวๆ
แล้วนี่เท่าที่พอทราบมาก็คือ การฝึกญาณแปดนี่ยากกว่าที่เคยลองฝึก แล้วมันจะรอดไหมนี่

ไหนๆก็ได้รับเมตตาแล้วครับ นาทีนี้สู้ไม่ถอยอยู่แล้วครับ คิดว่ายังไงอาจารย์ก็ต้องช่วยเราเต็มที่ล่ะ เพราะท่านรับปากสอนให้แล้ว อิอิ
ก็เริ่มต้นกันโดยอ.ชนะให้จัดพานครูก่อนเริ่มการฝึกครับ
พอเริ่มฝึกอ.ก็ให้ทำสมาธิสักครู่ จึงเริ่มนำการฝึกให้กับพวกผม โดยมีน้องอีกสองคนมาร่วมฝึกด้วยกันครับ
ในการฝึกครั้งนี้ เริ่มต้นโดยการกราบพระ และขอท่านว่าฝึกญาณแปดกันได้หรือไม่
ท่านตอบผมว่าได้ ส่วนน้องอีกสองคนนั้น บอกว่า ท่านยิ้มให้ครับ

ในช่วงการฝึกนี้ตั้งแต่เริ่มต้น ภาพที่รู้สึกได้แตกต่างกับเมื่อวานโดยสิ้นเชิงเลยครับ
ทุกอย่างค่อนข้างแจ่มชัดมากตั้งแต่น้อมกราบพระในตอนแรก น่าจะเป็นผลจากการวางอารมณ์ได้
และตัวผมเองในขณะนั้นมีศรัทธาและเชื่อในวิชานี้แล้วครับ

เนื่องจากในช่วงบ่ายที่อ.คณานันท์นำฝึกให้นั้น ระหว่างที่ปฏิบัติไปก็มีปรากฎการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ
ซึ่งก็คือ มีอยู่ช่วงหนึ่งผมรู้สิ่งที่อาจารย์กำลังจะพูดเป็นคำถัดไป อยู่ระยะใหญ่ๆ เป็นเหมือนความคิดผุดขึ้นกลางหัวได้เองครับ
พอผุดเสร็จอาจารย์ก็พูดคำนั้นออกมาเรื่อยๆ เรียกว่า เหมือนเราคิดออกมาเป็นเป้าบิน แล้วอาจารย์ก็ใช้ปืนยิงเป้าบินของเราเลยล่ะครับ
ก็เป็นที่สร้างความประหลาดใจให้กับผม แต่ก็ยังเก็บไว้ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง

อีกอย่างก็คือ ในช่วงแรกของการฝึกกับอ.คณานันท์ ผมพยายามจับภาพหลวงพ่อฤาษีท่าน แต่ก็ปรากฏเป็นพระถือไม้เท้ามาตลอด
ผมก็คิดในใจว่า เราเห็นพระองค์ไหนหนอ เพราะตัวเองไม่เคยเห็นภาพหลวงพ่อถือไม้เท้าครับ
ก็ยังคิดว่าสงสัยเราจะเบลอน่าดู จะจับภาพท่านไหงกลายเป็นพระองค์อื่น ซึ่งในใจก็คิดว่าถือไม้เท้า สงสัยเป็นท่านพุทธทาส
แต่พอได้ขึ้นไปกราบองค์ปฐมที่ชั้นบน ก็ไปยืนมองภาพหลวงพ่ออยู่ตั้งนาน พอได้เห็นไม้เท้าข้างเก้าอี้เท่านั้นครับ
ร้องออกมาเลยว่า เฮ้ย หลวงพ่อถือไม้เท้านี่หว่า ก็เล่าเรื่องที่เราเห็นให้กับน้องที่อยู่ด้วยกัน พร้อมกับเรื่องที่เกิดขณะปฏิบัติช่วงบ่าย
น้องเค้าก็เล่าให้เราฟังว่า เป็นเหมือนกันเลย คือ เค้าเห็นอะไรปุ๊ป อาจารย์ก็จะพูดออกมาปั๊ป เล่นเอาสะดุ้งเป็นรายตัวกันไป
แถมยังตบท้ายเรื่องไม้เท้าอีกว่า ถ้าพระที่ถือไม้เท้าเนี่ย อีกองค์ก็ต้องเป็นท่านพุทธทาส
ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้บอกน้องมาก่อนว่าเรานึกถึงพระองค์ไหน

ทีนี้ย้อนกลับมาถึงช่วงฝึกญาณแปดกับอ.ชนะอีกทีครับ แหะๆ ไถลไปซะไกลเลยเรา

ก็เริ่มจากไปที่พระจุฬามณีครับ ส่วนนี้ไม่เป็นปัญหาเพราะทั้งสามคนที่ฝึกร่วมกันนั้นไปมาแล้วเมื่อวาน
แต่ส่วนตัวผมเพิ่งได้เห็นแบบแจ่มชัดครับ พอเข้าไปด้านในก็กราบพระ ท่านอ.ให้ขอดูพระเขี้ยวแก้ว ก็สามารถทำได้
ทีนี้ท่านบอกว่าให้ขอดูพระเมาฬีด้วยเพราะพระอินทร์เก็บไว้ที่นี่ เอ้า งงสิครับพี่น้อง เกิดมาไม่เคยได้ยินคำนี้
ด้วยความเคยชินก็นั่งนึกอยู่ได้ว่าคืออะไร หมวกหรือเปล่า ผมหรือเปล่า หรือว่าของอย่างอื่น
ครั้นจะตอบส่งๆก็กลัวเสียฟอร์มอุตส่าห์ขึ้นมาได้แล้ว จะมั่วๆคงไม่ได้
ว่าแล้วก็เลยหยุดคิดครับ แล้วขอบารมีพระว่าขอให้เห็นพระเมาฬี ทั้งๆที่ยังไม่รู้นี่แหละว่าเป็นอะไรกันแน่
ก็ได้เห็น และสามารถบอกลักษณะได้อย่างถูกต้องครับ ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้ผมสิ้นสงสัยอย่างแน่นอน
เพราะเราไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าสิ่งนี้คืออะไร และคำนี้แปลว่าอะไร แต่เราสามารถเห็นได้ในมโนภาพของเราถูกต้องตรงกันกับคนอื่นๆ

ทีนี้พอยิ่งเกิดความมั่นใจ ความเชื่อแบบเต็มร้อย ภาพที่ปรากฎก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีกครับ
ถึงเวลานี้เรียกว่าทิ้งกายเนื้อไปแบบไม่สนใจแล้วครับ เพราะจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เห็นตรงหน้าจนไม่อยากทำอะไรอย่างอื่นแล้ว

อ.ชนะก็ให้ไปกราบท่านพระอินทร์ แล้วก็ขอบารมีพระให้ได้เห็นพ่อแม่ของเราในทุกๆชาติ ซึ่งมีมากมายเหลือคณานับ
และให้เราแยกอทิสมานกายให้เท่าจำนวนพ่อแม่ของเรา เพื่อกราบท่านทุกองค์
ตอนนี้ก็ปิติล้นสองเบ้าตาเลยครับ หุหุ
จุดนี้ก็เป็นอีกข้อสังเกตหนึ่ง สำหรับผู้ที่ยังลังเลสงสัยในสิ่งที่ได้เห็นว่าเป็นจริงหรือไม่นั้น
ให้จับเอาความรู้สึกปิตินี่ล่ะครับเป็นตัวชี้วัด ถ้าหากเรามีปิติจากข้างใน จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถปิดกั้นได้ครับ
และถ้าหากสิ่งที่เราเห็นนั้นเกิดจากการคิด หรือจินตนาการขึ้นมาเอง ก็จะไม่มีทางเกิดความปิติแบบนั้นได้เลยครับ

ขอพักอีกรอบนึงนะครับ
จะนำมาโพสเพิ่มเติมอีกในวันหลังนะครับ
Click to expand...

Ricardo DeCalgary · 21 มิถุนายน 2010

ขอต้อนรับสมาชิกใหม่

สวัสดีครับ ท่านกัปปิตัน ท่านกัลยาณมิตรที่น่ารัก ท่านสมาชิกใหม่ ท่านผู้เจริญ ทุกท่าน

มีโอกาสได้เข้ามาเขียนสัปดาห์ละครั้ง
ทุกครั้งจะมีสมาชิกใหม่เสมอ
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีสมาชิกสามท่านครับที่ได้กล่าว ขอเป็นสมาชิกเรือธรรมหรรษาลำนี้
ได้แก่ คุณดึงดัน, คุณ NooBeer!, และคุณ Febreguz
ส่วนท่านอื่นเพียงแต่แจ้งว่า เป็นกระทู้ที่ดี และ จะเข้ามาอ่านประจำ ก็ยินดีเสมอครับ เข้ามาอ่าน มาแลกเปลี่ยนประสพการณ์กันครับ
ธรรมะพระพุทธองค์เป็นของทุกๆท่านครับ

ส่วนจะได้มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละท่านว่าปฏิบัติเพียงใด
อย่างที่ท่านกัปปิตันกล่าวไว้ว่า

"ความดีไม่ได้มีไว้ขาย อยากได้ต้องทำเอง"

ได้เขียนเมื่อไหร่ เพลินอีกแล้วครับ ขอเข้าเรื่องต่อครับ

วัตถุประสงค์ของเรือธรรมลำนี้ ต้องขอย้ำจนจำได้นะครับว่า
เราตั้งใจจะข้ามผ่านทะเลระทม ถึงฝั่งนฤพานให้ได้
โดยมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะอันประเสริฐ และมีท่านกัปปิตัน
ยืนอยู่หลังพังงาเรือ (ไม่ต้องคัดท้ายแล้วครับ อันนี้พี่หนิงบอก) คอยคุมทิศทางเรือ

ทาน ศีล ภาวนา
ศีล สมาธิ ปัญญา

เรามีครบครับ

บุญเรามีให้ทุกท่านร่วม ให้โมทนาสาธุการตลอดการเดินทาง

ยังมีมาอีกครับ สมาชิกของเราตามกันมาเรื่อยๆครับ เรือยังแล่นไปเรื่อยๆครับ

วันนี้ไม่ขอสนทนามากนะครับ

ถ้าเช่นนั้น

ขอต้อนรับทั้งสามท่านครับ

"Welcome Aboard"

พบกันที่ท่าเรือถัดไปครับ

บุญรักษา สวัสดีครับ

เดือนยี่ · 21 มิถุนายน 2010

ขอกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ คุณ Ricardo DeCalgary ดีใจจังได้อยู่ในเรือลำนี้ด้วย ตอนนี้ก็พยายามปฏิบัติอยู่เรื่อยๆค่ะ ไม่เคยนั่งสมาธิเลย ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ ขอให้กัลยาณมิตรทุกท่านช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะค่ะ จาก ดึงดันหรือเดือนยี่ค่ะ (ที่บ้านกับที่ทำงานใช้ไม่เหมือนกันค่ะ)

rehacked · 21 มิถุนายน 2010

เห็นตามวัดวาต่างๆมีรูปปั้นตามบันไดหรือตามอุโบสถเป็นรูปมังกรกำลังกลืนพญานาค

เลยสงสัยว่า มีความหมายหรือนัยยะ(ถ้าพิมพ์ผิดช่วยแก้ให้ด้วยนะครับ)อะไรหรือเปล่า

เพราะเห็นหลายวัดเหมือนกัน

Pawanrat-jin · 21 มิถุนายน 2010

จินเคยได้ยินมาว่าตามตำนาน มังกรไม่ถูกกับพญานาคน่ะค่ะ คุณ rehacked
(แต่รายละเอียดไม่ทราบค่ะ..ต้องรอผู้รู้มาเฉลยให้ฟัง)

แบบว่าอยากแจมน่ะค่ะ แฮ่ะๆ

Pawanrat-jin · 21 มิถุนายน 2010

ไม่ได้เข้ามาหลายวัน
ขออนุญาตอนุโมทนากับจิตอันเป็นกุศลของทุกท่านนะคะ

โมทนากับพี่หนิง...กับความมหัศจรรย์ของพระธาตุค่ะ

โมทนากับพี่สาว...ที่นำธรรมะจากหลวงพ่อมาเผยแพร่เป็นธรรมทานค่ะ

โมทนากับหลายๆท่าน...ที่นำประสบการณ์การปฎิบัติมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

Pawanrat-jin · 21 มิถุนายน 2010

อ้อ..โมทนากับคุณริครูปหล่อ
ที่เข้ามาต้อนรับสมาชิกใหม่นะคะ

จินคงไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยนัก
เนื่องด้วยภารกิจส่วนตัวไม่อำนวยค่ะ

(ขออนุญาตโอนหน้าที่ PR ประจำเรือธรรมให้แก่คุณริคคนเดียวนะคะพี่หนิง..คิก คิก)

RMX · 21 มิถุนายน 2010

ขออนุโมทนาบุญกับพี่หนิงและครอบครัว ในบุญที่ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาติ
พี่สาวสำหรับธรรมทานจากงานบุญ
และบุญของเพื่อนสมาชิกทุกท่านด้วยนะครับ

ผมนำบุญมาให้ทุกท่านร่วมโมทนากันด้วยนะครับ

- ทำบุญประจำปีที่บริษัท ถวายภัตตาหารพร้อมเครื่องสังฆทาน พระสงฆ์ 9 รูป
- กราบสักการะพระพุทธบาทสระบุรี
- ถวายสังฆทาน
- ทำบุญกระเบื้องหลังคา
- นำคณะผู้ฝึกมโนฯ มาฝึกกับอาจารย์ชนะที่ศูนย์พุทธศรัทธา รวม 10 คน
- นำลูกสาวและหลานชาย สวดมนต์ถวายองค์ปฐมที่ศูนย์พุทธศรัทธา
- หยอดตู้ชำระหนี้สงฆ์ที่ศูนย์พุทธศรัทธา
- บูชาพระพุทธรูปองค์ปฐมหน้าตัก 9 นิ้ว ที่ศูนย์พุทธศรัทธา
แนบรูปมาให้เผื่อเพื่อนสมาชิกอยากจะโหลดไว้บูชาครับ
ท่านอาจารย์วิภาพร กรุณาปิดทอง และประดับคริสตัลให้ด้วยตัวเองเลยครับ

เมื่อวานนี้ได้พาน้องๆที่เคยฝึกในครั้งก่อนแต่ยังสงสัย
และผู้ฝึกใหม่บางคนไปฝึกกับอาจารย์ชนะที่ศูนย์พุทธศรัทธามาครับ
ผลการฝึกมีผู้ได้มโนฯเพิ่มอีก 3 คนครับ
และมีอีกสองคนที่เหมือนจะได้ แต่ยังไม่ผ่าน คาดว่าคราวหน้าคงได้ไปฝึกเพิ่มอีกครับ

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ชนะที่เมตตานำฝึกให้คณะผู้ฝึกมโนฯทุกคนด้วยครับ

RMX · 21 มิถุนายน 2010

Ricardo DeCalgary said: ↑

โมทนาบุญด้วยครับ คุณ RMX

ขึ้นเรือมาได้ไม่นานเท่าไหร่ พายเก่งจังเลยครับ

สาธุ สาธุ สาธุ
Click to expand...

ขอบคุณครับพี่ริค ผมไม่ได้เก่งอะไรเลยครับพี่
ที่ได้พบเห็นสิ่งต่างๆนั้น เป็นเพราะพระท่านเมตตาทั้งหมดครับ
ถ้าให้ปฏิบัติเองล้วนๆ สงสัยจะอีกหลายชาติครับพี่

สำหรับท่านอื่นๆที่กำลังคิดจะฝึก หรือลังเลใจอยู่
ขอบอกเลยครับว่าท่านเมตตาทุกคนอย่างแน่นอนครับ
ขอให้มีความพยายาม และหาโอกาสมาฝึก รับรองว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ครับ

คุณของพระพุทธเจ้านั้นหาที่สุดไม่ได้จริงๆครับ

RMX · 21 มิถุนายน 2010

หวงจื้อเซวียน said: ↑

ขอขอบคุณคุณ RMX ด้วยนะครับ ที่นำเอาประสบการณ์การฝึกมาเล่าให้ฟัง(อ่าน) ผมมีข้อสงสัยเรื่องการกำหนดจิตให้เป็นดวงแก้วครับ ว่าทำอย่างไร
เผื่อจะนำไปปฏิบัติได้ครับ
อยากให้คุณ RMX หรือท่านกัปตัน หรือผู้รู้ท่านอื่นๆ ช่วยอธิบายเพิ่มเติมครับ
Click to expand...

สำหรับการกำหนดจิตให้เป็นดวงแก้วนั้น ผมขอตอบในมุมที่ผมทำก็แล้วกันนะครับ
ไม่ทราบว่าถูกหรือผิด รบกวนพี่ๆท่านอื่นตรวจสอบด้วยนะครับ
เพราะผมเองก็มือใหม่ครับ ไม่ใช่ผู้ที่มีความชำนาญทางด้านนี้ครับ

ในขณะที่อาจารย์บอกให้กำหนดจิตเป็นดวงแก้วนั้น ที่ผมทำก็คือ นึกเอาดื้อๆเลยครับว่ามีดวงแก้วอยู่ แล้วคิดว่าเป็นจิตของเรา
เมื่อนึกภาพออกจะพบว่าสีสันจะแตกต่างกันไปในตอนต้น พออาจารย์บอกให้ใสขึ้นอีก ใสขึ้นอีก ผมก็นึกต่อไปครับว่าให้แก้วดวงนั้นใสขึ้นๆ
แต่ไม่ได้เพ่งเข้าไปที่แก้วนะครับ ให้มองดูด้วยอารมณ์เบาๆว่างๆ
ดวงแก้วนั้นก็จะใสขึ้นมาได้ครับ

สำหรับผมแล้วรู้สึกว่าประเด็นอยู่ตรงที่สามารถตั้งสมาธิกับสิ่งที่นึกอยู่ได้นานแค่ไหน ก็จะเห็นดวงแก้วได้นานเท่านั้น
ส่วนความสว่างหรือความใสนั้นอยู่ที่การวางอารมณ์ ถ้าเราเพ่งมากจิตของเราก็ไม่ว่างจริง ถ้าเราไม่เพ่งเลยก็จะหลุดออกจากนิมิตนั้นๆไปสู่ความคิดอื่นๆ

ตอนนี้ผมเข้าใจว่าอยู่ที่การทำให้ใจของเราว่างแล้วรับรู้สิ่งที่เห็นนั้นอย่างที่มันเป็น อาจจะใช้การนึกเข้ามาช่วยในตอนต้นแล้วทรงภาพนั้นให้คงที่ก่อน ที่เหลือจะเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเอง โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลยครับนอกจากมองให้เห็นภาพที่เกิดขึ้นภายในใจของเราครับ

ขออภัยหากคำอธิบายต่างๆดูวกวน และยังไม่ชัดเจน
เนื่องด้วยผมมีประสบการณ์น้อยมากเกี่ยวกับทางด้านนี้น่ะครับ

แต่ที่เขียนเล่าสิ่งที่ได้พบเห็นลงในบอร์ดนี้
ก็เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระของพี่ๆหลายๆท่านที่กำลังทำให้คนหมู่มากได้ประโยชน์จากวิชามโนฯนี้ครับ

rehacked · 21 มิถุนายน 2010

Pawanrat-jin said: ↑

จินเคยได้ยินมาว่าตามตำนาน มังกรไม่ถูกกับพญานาคน่ะค่ะ คุณ rehacked
(แต่รายละเอียดไม่ทราบค่ะ..ต้องรอผู้รู้มาเฉลยให้ฟัง)

แบบว่าอยากแจมน่ะค่ะ แฮ่ะๆ
Click to expand...

ตอนแรกก็ไม่สงสัย เพราะเคยเห็นหลายวัดก็เป็นพญานาคทั้งตัว

แต่เจอรูปที่ไปถ่ายมาจากบางวัดที่เขาทาสีให้เห็นชัดเจน

เลยสงสัยว่าคืออะไรหว่า ลองใช้พี่ google หาดู ก็เจอเว็บนึง

อธิบายไว้คร่าวๆ อย่าเพิ่งเชื่อก็แล้วกัน อ่านผ่านๆมา เขาบอกว่า

ครึ่งพุทธกาลหลังจะเป็นหน้าที่ของมังกรในการดูแลพระพุทธศาสนา

ต่อจากพญานาค จริงเท็จประการใดอันนี้ไม่รู้เหมือนกันนะครับ

แต่ก็อยากรู้เหมือนกัน ด้วยความที่ผมเป็นคนขี้สงสัยอะไรไปหมด

แต่สุดท้ายมักจะหาคำตอบไม่ได้ (ฮา)

ชนะ สิริไพโรจน์ · 21 มิถุนายน 2010

สิ่งที่อยากรู้

rehacked said: ↑

ตอนแรกก็ไม่สงสัย เพราะเคยเห็นหลายวัดก็เป็นพญานาคทั้งตัว

แต่เจอรูปที่ไปถ่ายมาจากบางวัดที่เขาทาสีให้เห็นชัดเจน

เลยสงสัยว่าคืออะไรหว่า ลองใช้พี่ google หาดู ก็เจอเว็บนึง

อธิบายไว้คร่าวๆ อย่าเพิ่งเชื่อก็แล้วกัน อ่านผ่านๆมา เขาบอกว่า

ครึ่งพุทธกาลหลังจะเป็นหน้าที่ของมังกรในการดูแลพระพุทธศาสนา

ต่อจากพญานาค จริงเท็จประการใดอันนี้ไม่รู้เหมือนกันนะครับ

แต่ก็อยากรู้เหมือนกัน ด้วยความที่ผมเป็นคนขี้สงสัยอะไรไปหมด

แต่สุดท้ายมักจะหาคำตอบไม่ได้ (ฮา)
Click to expand...

มกรคายนาค เหรา มกร คืออะไร?

มีสัตว์ในจินตนาการชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างแปลก
เนื่องจากเราจะพบเป็นปูนปั้นหรือภาพจำหลัก
ตลอดจนในงานจิตรกรรม
พบมากทางแถบภาคเหนือของประเทศไทยปัจจุบัน
เราอ่านว่า มะ-กะ-ระ หรือ มะ-กอน ก็ได้ครับ<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O
“มกร” นี้เป็นสัตว์ที่อยู่ในจินต นาการ
นัยว่า เป็นสัตว์ในป่าหิม พานต์เชิงเขาพระสุเมรุ
ลักษณะจะผสมกันระหว่างจระเข้กับพญานาค
กล่าวคือ มีลำตัวยาวเหยียดคล้ายกับพญา นาค
แต่มีขายื่นออกมาจากลำตัว
และส่วนหัวที่คายพญา นาคออกมานั้นเป็นปากจระเข้

คนโบราณจึงมักนำไปเฝ้าอยู่ตามเชิงบันไดวัด
สำหรับวัดในแถบภาคกลางจะเป็นราวบันไดนาค
แต่ทางภาคเหนือส่วนใหญ่จะเป็นราวบันไดรูป “มกรคายนาค”<O
มีผู้คนถามกัน มามากมายว่า แล้วตกลงมันคือตัวอะไรแน่
แล้วทำไมจึงต้องคายนาค ไม่คายอย่างอื่น
จริงๆ แล้วสัตว์ตัวนี้ไม่ได้มีเฉพาะบ้านเรานะครับ
ในเขมร ลาว พม่า ก็มี เขาเรียกว่า “ตัวสำรอก”
ก็คือ ตัวที่คายอะไรต่อมิอะไรออกมา
ดังนั้น เวลาไปเที่ยววัดให้สังเกตบันไดพญานาคให้ดี
ว่าเป็นบันไดนาคหรือเป็นบันไดมกร คายนาคกันแน่
วิธีสังเกตก็ให้ดูที่ “คอพญานาค” ว่ามีหน้าสัตว์คล้ายๆ จระเข้
อ้าปากอยู่หรือเปล่า ถ้ามีก็ใช่เลย แล้วจะเห็นขาของเจ้าตัวมกร
ซ่อนอยู่ตามเกล็ดพญานาคด้วย
<O
ในความเป็นจริงแล้ว “มกร” มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่ง
ซึ่งมีมาแต่โบราณว่า “เหรา” อ่านว่า เห-รา นะครับ<O
เหรา นี่ไม่ใช่หมายถึง แมงดาทะเล
แต่เป็นสัตว์ในจินตนาการ มีหน้าที่เฝ้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
อาทิ พระธาตุ โบสถ์ วิหาร ที่สื่อว่าเป็นเขาพระสุเมรุ
ตามคติจักรวาลวิทยาแบบไตรภูมิ
ดังนั้น จึงต้องมีสัตว์ในป่าหิมพานต์เฝ้าอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ
ไม่ให้คนขึ้นไปรบกวนทวยเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์<O
ส่วนคำว่า “มกร” นั้น เข้าใจว่าคงได้รับอิทธิพลมาจาก “มังกร” ของจีน
เพราะเราเคยเห็นแต่พญานาคที่ไม่มีขา พอมาเห็นตัวที่มีหัวเป็นพญานาค
หรือสำรอกพญา นาค และมีขาด้วยก็เลยเรียกตามจีนไป
<O
ต่อข้อถามว่า ทำไม? มกรต้องคายนาค ในลักษณะของการสำรอก นั้น
อาจวิเคราะห์ได้ในแง่ของประวัติศาสตร์ศิลปะคือ “พญานาค”
จะเป็นตัวแทนของกลุ่มเมือง หรือชนเผ่าทางตอนเหนือของประเทศไทย
ที่เรียกสืบทอดมาถึงปัจจุบันว่า “โยนก”
เมืองโยนกเชียงแสนเดิมของพระเจ้าสิงหนวัติกุมาร
ต้นตระกูลของพระเจ้าพรหมมหาราช ก็มีตำนานเกี่ยวพันกับพญานาค
เรียกว่ามีพญานาคมาสร้างเมืองชื่อโยนกนาคพันธ์สิงหนวัติ หรือโยนกนาคนคร
และเมื่อเมืองนี้ล่มจมหายก็เพราะผู้คนพากันกินปลาไหลเผือก
ซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวแทนของพญานาคนั่นเอง
ส่วนสัตว์น่ากลัวเช่น “จระเข้ เหรา” จะเป็นตัวแทนของพวก “พยู” หรือพุกามอันได้แก่พม่า
การที่พบศิลปะแบบมกรคายนาคในแถบภาคเหนือ พอจะอนุมานได้ว่า
เป็นการแสดงออกถึงการหลุดพ้นจากอิทธิพลของงานศิลปะและการเมือง
ของพุกามหรือ พม่าที่ครอบงำล้านนาอยู่ถึง 200 ปีนั่นเอง
<O></O>
ศิลปะมกรคายนาคแพร่หลายใน บ้านเรา ที่น่าสนใจ
เช่น ซุ้มเรือนแก้วองค์พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก
ก็จำหลักเป็นรูปมกรคายพวงอุบะ และทำเป็นลำตัวนาคเลื้อยลงมา
แต่ตอนปลายไม่ยักเป็นเศียรนาค แต่ทำ”ทักทอ”เป็นสัตว์ที่คล้ายคชสีห์
แต่ตัวเล็กกว่าแทน ตัวนี้เราเรียกว่า “ทักทอ” อ่านว่า ทัก-กะ-ทอ ครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://news.blogprathai.com/category/uncategorized/

เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O
ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com<O </O<>
<O<O>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

</O>

<O<O<O<O></O></O<></O<></O<></O<></O<></O<>
</O<></O<></O<>
</O<></O<></O<>

NooBeer! · 21 มิถุนายน 2010

สวัสดีค่ะ พี่ๆทุกคน

อยากถามเกี่ยวกับการฝึกมโนมยิทธิค่ะ

จำเป็นไหมคะว่าคนที่จะไปฝึกต้องได้ ฌาน 4 ก่อน ถึงจะไปฝึกมโนฯได้
ถ้าเป็นคนธรรมดาที่ยังไม่ได้ฌานอะไรเลยสามารถไปฝึกได้ไหมคะ

หนูอยากไปฝึกบ้างน่ะค่ะอ่านกำหนดการที่บ้านสายลมมีวันเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือนหน้า อยากจะไปฝึกบ้าง แต่ด้วยว่ามีคำถามข้างบนก็เลยยังลังเลอยู่ค่ะว่าสามารถไปฝึกได้หรือป่าวค่ะ รบกวนพี่ๆ ช่วยตอบด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

Me, myself · 21 มิถุนายน 2010

NooBeer! said: ↑

สวัสดีค่ะ พี่ๆทุกคน

อยากถามเกี่ยวกับการฝึกมโนมยิทธิค่ะ

จำเป็นไหมคะว่าคนที่จะไปฝึกต้องได้ ฌาน 4 ก่อน ถึงจะไปฝึกมโนฯได้
ถ้าเป็นคนธรรมดาที่ยังไม่ได้ฌานอะไรเลยสามารถไปฝึกได้ไหมคะ

หนูอยากไปฝึกบ้างน่ะค่ะอ่านกำหนดการที่บ้านสายลมมีวันเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือนหน้า อยากจะไปฝึกบ้าง แต่ด้วยว่ามีคำถามข้างบนก็เลยยังลังเลอยู่ค่ะว่าสามารถไปฝึกได้หรือป่าวค่ะ รบกวนพี่ๆ ช่วยตอบด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
Click to expand...

ไม่จำเป็นค่ะ เพราะจริงๆใช้แค่อุปจารสมาธิเท่านั้นเอง ลองไปฝึกดูก่อนก็ได้ค่ะ

peerakul · 21 มิถุนายน 2010

สวัสดีค่ะ คุณ Me, myself

กำัลังอ่านกระทู้ คุณ Me, myself ทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติธรรม และการทำความดีค่ะ

สนใจค่ะในการฝึกมโนยิทธิ แต่ไม่รู้่ว่าตัวเองมีบุญที่จะทำได้หรือไม่

อนุโมทนาค่ะ

squrez · 21 มิถุนายน 2010

สวัสดีครับทุกท่าน
นำบุญมาฝากครับ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มิ.ย. ๒๕๕๓ ได้ไปร่วมงานพิธีสืบชะตาหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนครับ ผมและแฟนได้ร่วมทำบุญกับหลวงพ่อเล็กและพระเถระหลาย ๆ รูป ครับ ทั้งนี้ได้ ทำบุญ สังฆทาน วิหารทาน และชำระหนี้สงฆ์ด้วยครับ อนุโมทนาบุญด้วยกันนะครับ
ปล.แอบเห็นพี่หนิงมากับญาติด้วยครับ อิอิ แล้วก็ได้เห็นที่คนข้างวัดด้วยครับ แต่ไม่ทันได้เข้าไปทักพี่ ๆ ทั้งสองคนครับ ^^

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

Me, myself บุคคลทั่วไป

ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

หวงจื้อเซวียน เป็นที่รู้จักกันดี

Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

เดือนยี่ เป็นที่รู้จักกันดี

rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

Pawanrat-jin เป็นที่รู้จักกันดี

RMX เป็นที่รู้จักกันดี

ไฟล์ที่แนบมา:

สมเด็จองค์ปฐมresize.jpg

RMX เป็นที่รู้จักกันดี

RMX เป็นที่รู้จักกันดี

rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

NooBeer! เป็นที่รู้จักกันดี

Me, myself บุคคลทั่วไป

peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

squrez เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ไฟล์ที่แนบมา:

สมเด็จองค์ปฐมresize.jpg

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา