แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

๔. อานิสงส์การถวายขันน้ำ
๔.๑ ได้ขันทองคำ ขันแก้วมณี ขันแก้วผลึก และขันทับทิม
๔.๒ ได้ขันรูปต้นโพธิ์ รูปผลไม้ รูปใบบัว และสังข์ดื่มน้ำผึ้ง
๔.๓ ได้คุณสมบัติ คือ มีข้อปฏิบัติในวัตรอันงาม

๕. อานิสงส์การถวายรองเท้า
๕.๑ มียานช้าง ยานม้า และวอ ไหลมาเทมา
๕.๒ มีรถมากมายแวดล้อมทุกเมื่อ
๕.๓ มีรองเท้าแก้วมณีเป็นต้น เกิดขึ้นในขณะที่ยกเท้า

๖. อานิสงส์การถวายกล้องเป่าควัน
๖.๑ มีสติดี
๖.๒ มีเส้นเอ็นเนื่องกันดี
๖.๓ ได้ที่นอนทิพย์

 

๗. อานิสงส์การถวายที่ตั้งตะเกียง
๗.๑ มีสกุลดี
๗.๒ มีอวัยวะสมส่วน
๗.๓ มีปัญญาดี

๘. อานิสงส์การถวายมีด
๘.๑ ได้ความเพียรอันเป็นกัลยาณมิตร
๘.๒ เป็นผู้มีขันติ
๘.๓ เป็นผู้มีศัสตรา คือ ไมตรี
๘.๔ เป็นผู้มีศัสตรา คือ ปัญญาอันยิ่ง
๘.๕ ได้ญาณเสมอด้วยแก้ววิเชียร

๙. อานิสงส์การถวายเข็ม
๙.๑ เป็นผู้อันมหาชนนอบน้อม
๙.๒ เป็นผู้ตัดความสงสัยได้
๙.๓ เป็นผู้มีรูปร่างงดงาม
๙.๔ เป็นผู้มีโภคสมบัติ
๙.๕ เป็นผู้มีปัญญาเฉียบแหลม

 

๑๐. อานิสงส์การถวายมีดตัดเล็บ
๑๐.๑ ได้ทาสชายหญิง วัว และม้า เป็นอันมาก
๑๐.๒ ได้ลูกจ้างเป็นอันมาก
๑๐.๓ ได้คนฟ้อนรำเป็นอันมาก
๑๐.๔ ได้ช่างตัดผมเป็นอันมาก
๑๐.๕ ได้พ่อครัวผู้ทำอาหารรสเลิศเป็นอันมาก

๑๑. อานิสงส์การถวายผ้ากรองน้ำ
๑๑.๑ ล่วงพ้นอันตรายทั้งปวงได้
๑๑.๒ ได้อายุอันเป็นทิพย์
๑๑.๓ โจรและข้าศึกข่มขี่ไม่ได้
๑๑.๔ ศาสตราหรือยาพิษเบียดเบียนไม่ได้
๑๑.๕ ไม่มีความตายในระหว่างอายุ

๑๒. อานิสงส์การถวายภาชนะน้ำมัน
๑๒.๑ รูปสวยงาม
๑๒.๒ มีความเจริญดี
๑๒.๓ มีใจเบิกบานดี
๑๒.๔ มีใจไม่ฟุ้งซ่าน
๑๒.๕ ได้รับการรักษาด้วยการอารักขาพร้อมสรรพ

 

๑๓. อานิสงส์การถวายผ้าเช็คหน้า
๑๓.๑ มีผิวพรรณดุจทองคำปราศจากธุลี
๑๓.๒ มีรัศมีผ่องใส
๑๓.๓ มีเดชานุภาพ
๑๓.๔ มีตัวละเอียดอ่อน
๑๓.๕ ฝุ่นละอองไม่ติดตัว

๑๔. อานิสงส์การถวายไม้เท้า
๑๔.๑ มีบุตรมาก
๑๔.๒ ไม่มีความสะดุ้งกลัว
๑๔.๓ ไม่มีใครข่มขี่ได้
๑๔.๔ ไม่รู้สึกพลั้งพลาด
๑๔.๕ ใจไม่มีความหวาดกลัว

๑๕. อานิสงส์การถวายเนยใสและน้ำมัน
๑๕.๑ มีกำลัง
๑๕.. มีรูปร่างสมบูรณ์
๑๕.๓ ร่าเริงทุกเมื่อ
๑๕.๔ มีบุตรได้ตลอด
๑๕.๕ ไม่มีป่วยไข้

 

. อานิสงส์การถวายเสา
๑๖.๑ ไม่หวั่นไหวด้วยเมตตา
๑๖.๒ มีโภคะไม่บกพร่อง
๑๖.๓ มีถ้อยคำที่ควรเชื่อถือได้
๑๖.๔ จิตใจไม่หวาดกลัว
๑๖.๕ ไม่เป็นเสี้ยนหนามต่อใคร

๑๗. อานิสงส์การถวายบัลลังก์
๑๗.๑ เกิดในตระกูลสูง
๑๗.๒ มีโภคสมบัติมาก
๑๗.๓ มีสมบัติทั้งปวง
๑๗.๔ ไม่มีความตระหนี่
๑๗.๕ เมื่อปรารถนาจะไป ก็มีบัลลังก์รออยู่

๑๘. อานิสงส์การกั้นฉัตรถวายพระ
๑๘.๑ มีคนคอยกั้นร่มให้ทุกเมื่อ
๑๘.๒ ได้รื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ๗๗ ครั้ง
๑๘.๓ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ๑,๐๐๐ ครั้ง
๑๘.๔ จักครองราชย์ในเทวโลก ๗๗ ครั้ง
๑๘.๕ จักได้เป็นพระเจ้าประเทศราชที่ไพบูลย์

 

๑๙. อานิสงส์การถวายข้าวสุก
๑๙.๑ ได้เป็นเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์
๑๙.๒ มีความสุข มียศ
๑๙.๓ ได้ทรัพย์นับไม่ถ้วน
๑๙.๔ โภคทรัพย์เปรียบเทียบกระแสน้ำเกิดขึ้นนับไม่ถ้วน
๑๙.๕ ถูกเชื้อเชิญให้กิน ให้บริโภค ให้นอน

๒๐. อานิสงส์การถวายประคดเอว
๒๐.๑ ไม่หวั่นไหวในสมาธิ
๒๐.๒ มีความชำนาญในสมาธิ
๒๐.๓ มีบริษัทไม่แตกกัน
๒๐.๔ มีถ้อยคำอันมหาชนเชื่อถือทุกเมื่อ
๒๐.๕ มีสติตั้งมั่น
๒๐.๖ ไม่มีความสะดุ้งกลัว

๒๑. อานิสงส์การถวายหมอน
๒๑.๑ ได้หนุนหมอนยัดด้วยขนสัตว์ เกสรบัวหลวง และจันทน์แดง
๒๑.๒ มีปัญญาในอริยมรรคมีองค์ ๘ และสามัญญผล ๔
๒๑.๓ มีปัญญาในคุณธรรมมีทานเป็นต้น
๒๑.๔ มีปัญญาในวัตรคุณและอาจารกิริยาต่างๆ
๒๑.๕ มีปัญญาในการจงกรม ความเพียรกล้า และโพธิปักขิยธรรม
๒๑.๖ มีปัญญาในศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะ

 

๒๒. อานิสงส์การถวายร่ม
๒๒.๑ ไม่รู้สึกหนาว
๒๒.๒ ไม่รู้สึกร้อน
๒๒.๓ ละอองและธุลีไม่แปดเปื้อน
๒๒.๔ เป็นผู้ไม่มีอันตราย
๒๒.๕ เป็นผู้ไม่มีเสนียดจัญไร
๒๒.๖ มหาชนยำเกรงทุกเมื่อ
๒๒.๗ เป็นผู้มีผิวพรรณละเอียด
๒๒.๘ เป็นผู้มีใจบริสุทธิ์

๒๓. อานิสงส์การถวายผ้า
๒๓.๑ เป็นผู้มีผิวพรรณเปล่งปลั่งดังทอง
๒๓.๒ ปราศจากธุลี
๒๓.๓ มีรัศมีผ่องใส
๒๓.๔ มีเดช
๒๓.๕ ตัวละเอียด
๒๓.๖ มีผ้าสีขาวหนึ่งแสนผืนอยู่บนศีรษะ
๒๓.๗ มีผ้าสีเหลืองหนึ่งแสนผืนอยู่บนศีรษะ
๒๓.๘ มีผ้าสีแดงหนึ่งแสนผืนอยู่บนศีรษะ

๒๔. อานิสงส์การถวายพัดใบตาล
๒๔.๑ ไม่รู้สึกหนาว
๒๔.๒ ไม่รู้สึกร้อน
๒๔.๓ ไม่มีความเร่าร้อน
๒๔.๔ ไม่รู้สึกกระวนกระวาย
๒๔.๕ ไม่รู้สึกเดือดร้อนจิต
๒๔.๖ ดับไฟราคะได้
๒๔.๗ ดับไฟโทสะได้
๒๔.๘ ดับไฟโมหะ มานะ ทิฐิได้

 

๒๕. อานิสงส์การถวายยาหยอดตา
๒๕.๑ มีนัยน์ตากว้างใหญ่
๒๕.๒ มีโลหิตสีขาว
๒๕.๓ มีโลหิตสีเหลือง
๒๕.๔ มีนัยน์ตาไม่พร่ามัว
๒๕.๕ มีนัยน์ตาแจ่มใส
๒๕.๖ เว้นจากโรคตาทั้งปวง
๒๕.๗ ได้ตาทิพย์
๒๕.๘ ได้ปัญญาจักษุอันสูงสุด

๒๖. อานิสงส์การถวายบาตร
๒๖.๑ ได้บริโภคอาหารในภาชนะทอง
๒๖.๒ ไม่มีอันตราย
๒๖.๓ ไม่มีจัญไร
๒๖.๔ มหาชนยำเกรงทุกเมื่อ
๒๖.๕ ได้ข้าว น้ำ ผ้า ที่นอนเสมอ
๒๖.๖ มีโภคสมบัติไม่พินาศ
๒๖.๗ มีจิตมั่นคง
๒๖.๘ ใคร่ในธรรมทุกเมื่อ
๒๖.๙ ไม่มีกิเลส
๒๖.๑. ไม่มีอาสวะ

๒๗. อานิสงส์การถวายเภสัช
๒๗.๑ มีอายุยืน ๒๗.๒ มีกำลัง
๒๗.๓ มีปัญญา
๒๗.๔ มีวรรณะงดงาม
๒๗.๕ มียศ ๒๗.๖ มีความสุข
๒๗.๗ ไม่มีอันตราย
๒๗.๘ ไม่มีจัญไร
๒๗.๙ มหาชนยำเกรงทุกเมื่อ
๒๗.๑๐ ไม่มีความพลัดพราก

 

๒๘. อานิสงส์การถวายคนโทน้ำและผอบ
๒๘.๑ ได้รับการคุ้มครอง
๒๘.๒ พรั่งพร้อมด้วยความสุข
๒๘.๓ มียศมาก ๒๘.๔ มีวิถีชีวิตดี
๒๘.๕ มีรูปร่างสมส่วน
๒๘.๖ เป็นสุขุมาลชาติ
๒๘.๗ ปราศจากจัญไรทั้งปวง
๒๘.๘ ได้คุณอันไพบูลย์
๒๘.๙ ได้ความนับถือที่มั่นคง
๒๘.๑. ปราศจากความหวาดเสียว

๒๙. อานิสงส์การถวายข้าวและน้ำ
๒๙.๑ มีอายุยืน
๒๙.๒ มีกำลัง
๒๙.๓ เป็นนักปราชญ์
๒๙.๔ มีวรรณะงดงาม
๒๙.๕ มียศ
๒๙.๖ มีความสุข
๒๙.๗ ได้ข้าว
๒๙.๘ ได้น้ำ
๒๙.๙ เป็นคนกล้า
๒๙.๑. มีญาณรู้ทั่ว

๓๐. อานิสงส์การถวายธูป
๓๐.๑ มีกลิ่นตัวหอมฟุ้ง
๓๐.๒ มียศ
๓๐.๓ มีปัญญาไว
๓๐.๔ มีชื่อเสียง
๓๐.๕ มีปัญญาคมกล้า
๓๐.๖ มีปัญญากว้างขวาง
๓๐.๗ มีปัญญาร่าเริง
๓๐.๘ มีปัญญาลึกซึ้ง
๓๐.๙ มีปัญญาไพบูลย์
๓๐.๑. มีเชาว์ปัญญาดี
...การทำบุญที่ได้อานิสงส์...แต่ไม่เท่ากับอานิสงส์ของการประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยตัวเราเอง...คืออบรมจิตใจให้เข้าถึงไตรลักษณ์...สวัสดีครับ

 

กฏไตรลักษณ์...คือ
อนิจจตา
ทุกขตา
อนัตตตา

1.อนิจจตา ความเป็นของไม่เที่ยง คือ ภาวะที่สังขารทั้งปวงไม่อยู่คงที่ เป็นเรื่องแปรปวน มีการแปรเปลี่ยนสภาพอยู่ตลอดเวลา
สามารถกำหนดรู้ได้ด้วยลักษณะดังนี้

1.มีการเกิดขึ้นแล้วดับไป
2.มีการแปรเปลี่ยนสภาพในระหว่างเกิด-ดับอยู่ตลอดเวลา
3.เป็นสิ่งคราวตั้งอยู่ได้ชั่วขณะ
4.เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเที่ยงแท้

อนิจจลักษณะ ได้ในสังขาร 2 ประเภท คือ
1.อุปาทินนกสังขาร (สังขารที่มีใจครอง)
2.อนุปาทินนกสังขาร (สังขารไม่มีใจครอง)


2 . ทุกขตา ความเป็นทุกข์ คือ ภาวะที่สังบารทั้งปวงทนได้ยาก ไม่สามารถดำรงตนอยู่อย่างเดิมได้
กำหนดรู้ได้ด้วยลักษณะดังนี้

1.สภาวทุกข์ ทุกข์ประจำสังขาร ที่มีอยู่ด้วยกันทุกคนไม่มียกเว้น ได้แก่ ความเกิด ความแก่ ความตาย
2.ปกิณณกทุกข์ ทุกข์ที่จรมาครั้งคราว ได้แก่ ความเศร้าโศก ความพร่ำเพ้อรำพัน ความไม่สบายกาย
ความเสียใจ ความคับแค้นใจ ความประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบ ความพลัดพลากจากสิ่งที่ชอบ ความผิดหวังไม่ได้ดังต้องการ
3.นิพัทธทุกข์ ทุกข์เนืองนิตย์ ทุกข์ประจำ ได้แก่ ความหนาว ร้อน หิว กระหาย ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ
4.พยาธิทุกข์ ทุกข์เพราะความเจ็บไข้ หรือทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะอวัยวะส่วนต่างๆในร่างกายไม่ทำหน้าที่ปกติ
5.สันตาปทุกข์ ทุกข์ร้อน ได้แก่ ความร้อนรุ่ม กระวนกระวาย เพราะถูกไฟกิเลส คือ ราคะ โทสะ โมหะ เผาลนใจจนให้เร่าร้อน
6.วิปากทุกข์ ทุกข์เพราะผลกรรม ได้แก่ ความเดือดร้อนใจที่เป็นทุกข์ในปัจจุบันทันตา เช่น ได้รับโทษตามอาญาบ้านเมือง
ประสบกับความยากลำบากในการดำเนินชีวิต หรือทุกข์ขั้นที่เลยตาเห็น เช่น ตายแล้วไปเกิดในทุคติ
7.สหคตทุกข์ ทุกข์ไปด้วยกัน หรือทุกข์กำกับ ได้แก่ ทุกข์ที่เป็นผลจากความพรั่งพร้อมด้วยโภคสมบัติ เช่น ได้รับ ยศ สุข
สรรเสริญ แม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นที่ชื่นชอบ แต่ก็ไม่วายที่จะเกิดความทุกข์ใจขึ้นด้วย เพราะกลัวว่าจะหมดสูญหายไป
8.อาหารปริเยฎฐิทุกข์ ทุกข์ในการหากิน ได้แก่ ทุกข์เนื่องด้วยการทำมาหากินเลี้ยงชีวิต
9.วิวาทมูลทุกข์ ทุกข์มีวิวาทเป็นมูล ได้แก่ ทุกข์ที่เกิดจากการทะเลาะกัน การต่อสู้คดีความกัน เป็นเหตุให้หวาดหวั่นใจกลัวแพ้
10.ทุกขขันธ์ ทุกข์รวบยอด ได้แก่ ทุกข์ที่เกิดจากการยึดมั่นถือในขันธ์ 5 กลัวไม่สวย ไม่หล่อ ไม่งาม เลยเกิดทุกข์


3 . อนัตตตา ความเป็นของไม่ใช่ตัวตน คือ ภาวะที่สังขาร และวิสังขาร เป็นของมิใช่ตัวตน กำหนดรู้ได้ด้วยลักษณะ ดังนี้

1.ไม่อยู่อำนาจ ได้แก่ ไม่อยู่ในบัญชาของใคร ไม่เป็นไปตามที่ปรารถนา ใครบังคับไม่ได้
2.แย้งต่ออัตตา ได้แก่ เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเป็นตัวตน
3.เป็นสภาพว่างเปล่า ได้แก่ หาสภาวะที่แท้จริงไม่ได้ เพราะเมื่อพิจารณาแยกออกเป็นส่วนๆ สภาวะที่แท้จริงก็ไม่มี
4.เป็นสภาวธรรมที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย ได้แก่ เป็นเพียงสภาวธรรมอย่างหนึ่ง ที่เมื่อเกิดขึ้นก็เพราะเหตุ ดับก็เพราะความดับสิ้นแห่งเหตุ

การพิจารณาสังขารให้เป็นอนัตตา


1.สมมติสัจจะ จริงโดยสมมติ คือ ความตกลงหมายรู้ร่วมกันของมนุษย์ เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน เป็นต้น ย่อมเป็นความจริง
ตามสมมติอันพึงจะคัดค้านมิได้
2.ปรมัตถสัจจะ จริงโดยปรมัตถ์ คือ ความจริงโดยความหมายสูงสุด เช่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

3.อนัตตลักษณะ มิใช่มีเฉพาะแต่ในสังขารอย่างเดียว แม้แต่วิสังขาร ได้แก่ สภาวะที่ไม่ใช่สังขาร เป็นสภาวะที่ปราศจากการปรุงแต่ง
คือ พระนิพพาน ก็จัดอยู่ในอนัตตลักษณะนี้ด้วย คาถาที่ 3 นี้ ท่านจึงใช้คำว่า "ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา"

อนึ่ง การที่บุคคลจะพิจารณาเห็นสังขาร จนเห็นเป็นไตรลักษณ์นั้นเป็นของยาก เพราะมีสิ่งปกปิดไว้ไม่ให้เห็นคือ สันตติ
ความสืบต่อแห่งนามรูป ปกปิดอนิจจตา, อิริยาบถ ความผลัดเปลี่ยนกิริยาทางกาย ปกปิดทุกขตา, ฆนสัญญา ความสำคัญว่าเป็นกลุ่ม
เป็นก้อน ปกปิดอนัตตา

แต่หากใช้ปัญญาพิจารณาอย่างที่ถ้วนโดยวิธี คือ วิปัสสนาภาวนา พิจารณาสังขารจนเห็นความเกิดและความดับ จนถอน
สันตติลงได้ เห็นความถูกบีบคั้น ทนอยู่ไม่ได้ ด้วยเพิกถอนอิริยาบถออกเสีย พิจารณาจนเห็นเป็นธาตุที่กระจายออกจากความเป็นกลุ่ม
ก้อน จนถอนฆนสัญญาเสียได้ เมื่อพิจารณาเห็นโดยกฏไตรลักษณ์เช่นนี้ จิตของผู้นั้นย่อมปล่อยวางได้ เพราะเกิความเบื่อหน่ายในทุกข์
ที่เกิดจากสังขาร ความหน่ายอย่างนี้ถึงจะเรียกว่า นิพพิทา ย่อมเป็นแนวทางหรืปฏิปทาข้อปฏิบัติที่ทำให้บรรลุถึง วิสุทธิ ความบริสุทธิ์
จากกิเลสต่อไป"...สวัสดีครับ
<!-- / message -->

 

<TABLE style="MARGIN-TOP: 3mm; FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif'; MARGIN-BOTTOM: 3mm" border=0 width=702 align=center><TBODY><TR><TD height=38 width=234 align=left>สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา

</TD><TD height=38 width=135 align=left>สังขารทั้งปวง

</TD><TD height=38 width=157 align=left>ไม่เที่ยง

</TD><TD height=38 width=158 align=left>(อนิจจัง - อนิจจตา)

</TD></TR><TR><TD height=38 width=234 align=left>สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา

</TD><TD height=38 width=135 align=left>สังขารทั้งปวง

</TD><TD height=38 width=157 align=left>คงทนอยู่ไม่ได้

</TD><TD height=38 width=158 align=left>(ทุกขัง- ทุกขตา)

</TD></TR><TR><TD height=40 width=234 align=left>สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา

</TD><TD height=40 width=135 align=left>ธรรมทั้งปวง

</TD><TD height=40 width=157 align=left>ไม่เป็นตัวตน

</TD><TD height=40 width=158 align=left>(อนัตตา- อนัตตตา)

</TD></TR></TBODY></TABLE>
จริงๆก็ไม่ใช้จะพิจารณาได้ง่ายๆ...แต่ถ้ามีความตั้งจิตตั้งใจทำวันละนิดแต่ทำทุกวันไม่หยุด

(คือพิจารณาตลอดโดยใช้สมาธิและสติตามดูความ

เปลี่ยนแปลงของสภาวะธรรม) แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีครูบาอาจารย์ชี้แนะนำคือ(สอบอารมณ์)...เพื่อ

ไม่ให้หลงทางโดนกิเลส(หลอกได้)...สวัสดีครับ

 

ฝากประชาสัมพันธ์ด้วยนะครับ
เว็บแจกพระบรมสารีริกธาตุของชาวชัยภูมิและพี่น้องภาคอีสาน

http://buddhacosmic-metta.blogspot.com

 

กระทู้คึกคักน่าสนุกดีจังค่ะ

กราบโมทนาบุญกับพี่ชานนด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับเนื้อหาที่นำมาลงไว้ กำลังอยากอ่านอยุ่พอดีเลยค่ะพี่

-----------------

เห็นมีพูดถึงการจัดเตรียม สบู่ ยาสระผม ที่ไม่มีน้ำหอม สำหรับจัดถวายพระ

เอาไว้กลับจากทริปกันแล้ว เรามาจัดเวิร์คช๊อป

สอนทำสบู่และยาสระผม สำหรับถวายพระ กันดีมั้ยคะ


เรียนแล้วทำกันเองได้ สามารถทำไว้จัดถวายพระได้เองด้วย

เลือกใช้ส่วนผสมและกลิ่นธรรมชาติ จากสมุนไพร

ปรับสูตรให้หอมถูกใจ สำหรับใช้กันเองในครอบครัวได้ด้วย



ถ้ามีพี่ๆน้องๆสนใจเรียนรู้ วิธีการทำสบู่และยาสระผม

เราจะได้นัดหมายกัน (เตรียมสูตร วัตถุดิบ วัน เวลา สถานที่)

มีกิจกรรมดีๆร่วมกันอีกค่ะ ^ ^

 

ดีจ้าซัน
...ทำกันเอง ไม่ยากเลย เพียงแต่ต้องมีเวลาในการทำหน่อยเท่านั้น

เมื่อวันอาทิตย์ไปท่าช้างมา...แล้วโฉบสบู่ขมิ้นมา 3 ก้อน
ก็กะเอามาใช้เองแหละ...หุหุ สมุนไพร อะ ช๊อบ ชอบ
พอท่านพี่หนอนท้วง ก็เลยเอ๊ะใจ...
รีบกลับไปพิสูจน์กลิ่น สู๊ดไปหลายสู๊ด ดมแล้ว ก็ดมอีก
ปรากฏว่า สบู่ขมิ้นแทบจะไม่มีกลิ่นเลย
จะมีเพียงกลิ่นอ่อนๆ ของสมุนไพรเท่านั้น
ก็เลยใช้ความเป็นพี่หญ่าย โทรไปสั่งน้องเล็ก
ไปซื้อสบู่มาให้หน่อยดิ จะเอาไปทำสังฆทาน...
น้องสาวก็เลยต้องไปหอบสบู่มาให้เมื่อวาน
จัดการแพ็คเรียบร้อยเมื่อคืน

เมื่อวานน้องเอาตังค์ไปไม่มาก วันนี้ก็เลยสั่งอีกรอบ
ไปเอาฟ้าทะลายโจรมาด้วย แล้วจัดการแพ็คให้ด้วยนะ
หุหุ...โชคดีที่ตอนนี้น้องเพิ่งเรียนจบ เลยยังไม่ได้ทำอะไร ใช้งานซะเล้ย...อิอิ

 

สวัสดีจ้า ตัวเอง ^ ^

มีพี่ๆน้องๆช่วยกันจัดพระธาตุข้าวบิณฑ์ ไว้ให้ 2 กล่อง กล่องละ 300 ชุด นะคะ

สำหรับนำไปถวายและแจกในงานหล่อพระชำระหนี้สงฆ์ วัดถ้ำผาแดง ค่ะ

จะนำไปให้วันหล่อพระเลย

พบกัน วันเสาร์ที่ 19 จ้า

 

เหลืออีก 10 ชม.ตะลอนบุญกะชาวแคร่ จะมุ่งหน้าสู่เมืองแห่งทองคำ
ลูกตะลอนต่างนับเวลาย้อนหลังกันอย่างใจจดใจจ่อ...
งานนี้มีวัดกำลังใจกันหลายคน ให้ฮึด ให้ลุกขึ้นสู้
ทั้งสภาวะทางโลกที่ถาโถม สภาวะทางกายที่หนักหน่วง
สถาวะทางใจที่กระหน่ำ ต้องใช้สภาวะทางธรรมเข้าสลาย...
ยังไงทุกคนก็ยังคงมุ่งมั่น มุ่งตรง
ถวายจิตถวายใจถวายกาย แด่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่พวกเรากำลังไปร่วมบุญ และจะนำเรื่องราวในงานมาเผยแผ่
ให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนา
...อดใจรอกันอีกนิ๊ดนะพ่อแม่พี่น้องพวกพ้อง
พวกเราจะตะลอนบุญมาฝาก...

 

จากที่เราคิดว่าจะมีผู้มาร่วมงานไม่เกิน 50 คน
แต่ตอนนี้ทราบมาว่า...จะมีผู้คนจากทั่วสารทิศ
ศิษย์ยานุศิษย์จากหลายที่ จะมาร่วมงานกว่า 100 คน
สาธุ สาธุ สาธุ ขอพุทธบารมี เมตตาบารมีแห่งพุทธองค์
ได้โปรดสงเคราะห์เหล่าผู้คนทั้งหลาย ให้มีดวงจิตที่สว่างไสว
มีสติปัญญาที่กระจ่างแจ้ง สามารถเข้าถึงธรรม เข้าถึงมรรคผล
เข้าถึงพระนิพพาน สมความปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ

 

คำแนะนำก่อนตะลอนฯ
***ใครมีเต้นท์ มีถุงนอน มีเครื่องนอน
กรุณาเตรียมมาให้พร้อมรบนะคะ***
***กรุณาเตรียมน้ำดื่มไปเผื่อกันด้วย***
***เครื่องใช้ส่วนตัว ยา อย่าลืม***
***ไฟฉายพกมาด้วยนะ***
***และอื่นๆ ที่คิดว่าจำเป็น***
***ปล.อย่าลืมเอาใจมาให้เกินร้อย***

 

ณ.ต้องพก..จิตใจมาด้วยหรึอเปล่า...ทำไมต้องพกมาด้วย...ถาม......ณ.ตอบ......และ

กาย...ทำไมต้องพกมาด้วย...ถาม............ณ.ตอบ..........สุดท้าย...สติ...ทำไมต้อง

พกมาด้วย...ถาม.......ณ.ตอบ.......ณ.ช่วยตอบ3ข้อนี้ด้วยครับ(การบ้าน)...สวัสดีครับ

 

<table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้ อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> [ แนะ นำเรื่องเด่น ] </center"></td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> Natthakorn, Dinendal+







กลับมารายงานตัวคนแรกครับ เอาบุญกุศลทั้งหมดทั้งมวลมาฝากทุกท่านนะครับ


</td> </tr> </tbody></table>