พระคำข้าว มอบให้เพื่อบุญเข้าพรรษา ถวายสังฆทานเทียนพรรษา 92 วัด ทั้ง 4 ภาค

บรรยากาศ สถานที่ พระพุทธรูป ที่กำลังอยู่ในขั้นของการก่อสร้าง
ยังคงรอความศรัทธาอีกมากมาย ทั้งสังฆทาน ผ้าป่า กฐินทาน....

..................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_end -->

 

​

<O</O
วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม
http://www.thatphanom.com/index_festival.html

ความเชื่อถือแต่โบราณ
ในสมัยโบราณ บรรดาชาวพุทธในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และในประเทศลาวเชื่อถือสืบ ๆ กันมาว่า ถ้าใครมีโอกาสเดินทางไปไหว้พระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ ทำบุญกุศลถวายเครื่องสักการะบูชา บริจาคทรัพย์ สวดมนต์ ท่องบ่น สาธยายคัมภีร์พระธรรมและเจริญเมตตาภาวนาเฉพาะหน้าองค์พระธาตุพนม จิตใจจะสงบเยือกเย็นอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งถ้ายังไม่บรรลุนิพพานในชาตินี้ เมื่อตายแล้ววิญญาณก็จะได้ไปสู่สวรรค์ เพราะฉะนั้น ด้วยพลังของความเชื่อดังกล่าวนี้ ได้ผลักดันให้พยายามขวนขวายหา เพื่อบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์เท่าที่สามารถจะทำได้ พวกชาวพุทธในถิ่นนี้ถือกันว่าองค์พระธาตุพนมไม่เพียงแต่จะเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าเมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ ได้ทรงเสด็จมาประทับแรมอยู่หนึ่งราตรี ซึ่งเรื่องนี้กล่าวไว้ไนตำนานพระธาตุพนม<O</O

ความเชื่อดังกล่าวนี้ เข้าใจได้รับอิทธิพลมาจากแนวความคิดเห็นเรื่องสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ตามที่กล่าวไว้ในมหาปรินิพพานสูตร ซึ่งเป็นคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ตอนพระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ ซึ่งเป็นศิลย์สาวกใกล้ชิดพระองค์ ว่า<O</O

“สถานที่ ๔ แห่ง ซึ่งกุลบุตร กุลธิดา ผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในเราตถาคต จะถือเอาสถานที่แสวงบุญก็ได้ คือ
๑. สถานที่ประสูติของเราตถาคต
๒. สถานที่ตรัสรู้พระอนุตตระสัมมาสัมโพธิญาณ
๓. สถานที่แสดงปฐมเทศนา และ
๔. สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน

อีกประการหนึ่ง พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสยืนยันว่า พระสถูปเจดีย์อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ ก็ถือว่าเป็นปูชนียสถานเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น พวกชาวพุทธจึงถือว่าผู้มีศรัทธาทำบุญต่าง ๆ ในบริเวณสถานที่ดังกล่าวนี้ ย่อมได้ผลานิสงส์มากเหมือนกัน
พระธาตุพนมกลายเป็นจุดรวมแห่งการแสวงบุญ
<O
ในกรณีของพระธาตุพนมก็เหมือนกับปูชนีสถานในประเทศอื่น ๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนา คือ ได้ดัดแปลงรูปแบบแห่งการเคารพบูชาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในจำนวน ๔ แห่ง ซึ่งได้แก่สถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ในความหมายว่า พระบรมสารีกขธาตุและส่วนที่เหลืออื่น ๆ ของพระพุทธเจ้า เป็นสื่อแทนพระองค์ในความรู้สึกของผู้มีศรัทธา ดังนั้น พระสถูปเจดีย์ซึ่งเป็นที่บรรจุบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า พร้อมส่วนที่เหลืออื่น ๆ จึงถือเป็นจุดรวมแห่งการแสวงบุญอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ
<O
นับตั้งแต่ที่เชื่อถือกันว่าพระธาตุพนมเป็นสถานที่อันควรแก่การแสวงบุญอันศักดิ์สิทธิ์ ของชาวพุทธแล้ว บรรดาชาวพุทธผู้มีจิตศรัทธาจากทุกสารทิศทั่วประเทศทั้งไทยและลาว ต่างก็ได้หลั่งไหลมาแสวงบุญเป็นจำนวนมากตลอดปี โดยพากันประกอบพิธีทางศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานเทศกาลประจำปีตลอดทั้ง ๗ วัน ๗ คืน ซึ่งมีขึ้นในระหว่างปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือเริ่มจากวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๓ ถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๓ มีบรรดาชาวพุทธที่มีศรัทธาจำนวนมากชุมนุมกันนมัสการพระธาตุ และบำเพ็ญกุศลอื่น ๆ ซึ่งมีขึ้นภายในบริเวณพระธาตุ เช่น กราบพระธาตุ บูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน ปิดทองเปลว และกล่าวคำนมัสการ

<O</O.................................................................................................................................................................................

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับอำเภอธาตุพนม<O</O
http://www.thatphanom.com/index_general.html

บริเวณอำเภอธาตุพนมในปัจจุบัน เดิมมีชื่อว่า "ภูกำพร้า" เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผาชนหนึ่งซึ่งมีศิลปวัฒนธรรมเป็นของตนเอง ตามประวัติ บริเวณองค์พระธาตุพนมเป็นที่ตั้งเมืองศรีโคตบูรณ์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรศรีโคตบูรณ์

ต่อมาเมืองศรีโคตบูรณ์ย้ายไปตั้งอยู่ที่อื่น ชุมชนรอบองค์พระธาตุพนมก็ยังเป็นชุมชนใหญ่ดูแลรักษาองค์พระธาตุพนม ในรัชกาลที่ 5 ได้มีการจัดระเบียบปกครองขึ้นใหม่ ชุมชนธาตุพนมได้จัดเป็นบริเวณธาตุพนม ขึ้นกับมณฑลลาวพวน มีหน้าที่ปกครองดูแลจากมุกดาหารถึงนครพนม ท่าอุเทนและเมืองไชยบุรี รวมทั้งเขตเรณูนครด้วยต่อมา พ.ศ. 2440 ได้มีการจัดตั้ง จังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน "บริเวณธาตุพนม เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอเรณูนคร

และ ในปลายปี พ.ศ. 2449 สมเด็จพระกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้เสด็จมาพักค้างคืนที่บริเวณข้างพระธาตุ 1 คืนและเมื่อเสด็จกลับกรุงเทพมหานคร จึงได้ตั้งอำเภอธาตุพนมขึ้น ในปี พ.ศ. 2450 เป็นต้นมา

................................................................................................................................................................................

 

ประวัติตำบลดอนนางหงส์
http://www.sawasdeenakhonphanom.com/knowledge.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=203

ในอดีตประวัติตำบลดอนนางหงส์ มีเรื่องราวในพงศาวดารเหนือ พงศาวดารเขมร และบันทึกคำให้การของชาวกรุงเก่า

สมัยนั้นอยู่ในความปกครองของเมืองศรีโคตร มีพระเจ้านันทเสนเป็นกษัตริย์ และต่อมาศรีโคตรเปลี่ยนนามใหม่ว่า “มรุกขนคร” (หลักศิลาปัจจุบัน) ต่อมาจนถึง พุทธศักราช 1800 เศษ เจ้าศรีโคตร ราชโอรสเจ้ารามบัณฑิตครอง มีกษัตริย์หลายพระองค์ปกครองเมืองมรุกขนคร

<O</Oถึง พ.ศ. 2100 เศษ พระเจ้านครหลวงพิชิต- ทศราชธานีโคตรบูรณ์ ได้เปลี่ยนนามใหม่ว่า “ศรีโคตรบูรณ์” ต่อมาจนถึงพุทธศักราช 2285 พระเจ้าพรหมราชาได้ขึ้นครองราชย์ ได้ย้ายเมืองมาตั้งอยู่ ณ ฝั่งขวาขนานนามว่า “เมืองนคร” จนถึงพุทธศักราช 2234 สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้โปรดเกล้าให้ตั้งเมืองนครเป็นเมือง “นครพนม” ตามประวัติศาสตร์เมืองนครพนมหรือ พงศาวดาร เมืองนครพนมกล่าวไว้ ว่า

<O</Oเมื่อพุทธศักราช 2383 ได้มีท้าวสาย ท้าวเพชร ท้าวอินทร์ บุตรพระยาเดโชชัยเจ้าเมืองวัง เป็นหัวหน้านำราษฎร 3,000 คน เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของไทย

สมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ราษฎรทั้ง 3,000 คนเศษ ต่างก็จัดที่อยู่กระจัดกระจายกันอยู่ตามสถานท้องที่ แบ่งเป็นพวกใหญ่บ้าง เล็กบ้าง พวก พวกใหญ่ไปตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่ ดงหวาย สายบ่อแก (บ้านเว) อีกพวกหนึ่งไปตั้งภูมิลำเนาอยู่ทางทิศเหนือ คือ บ้านทุ่งมน บ้านนาท่ม บ้านดงขวาง มีท้าวอินทร์ เป็นควานบ้านทั้ง 3

<O</Oในสมัยนั้น การปกครองขึ้นอยู่กับการปกครองของเมืองเรณูนครปกครองกันแบบปิตุลาธิปไตย ปีพุทธศักราช 2380 ชาวบ้านทุ่งมน ดงขวาง นาท่ม เกิดเป็นโรคระบาด ล้มตายกันมาก ราษฎรหลบภัยไข้ได้แยกย้ายกันไปหาที่อยู่ใหม่ บ้านเหล่านั้น ๆ ไปตั้งบ้านใหม่โดยแยกกัน ท้าวอินทร์ถึงแก่กรรมไปแล้ว ก็มีหลาน เหลน สืบตระกูลกันเป็นลำดับ พวกหนึ่งได้มาตั้งภูมิลำเนาใหม่ ที่ดอนอีหงษ์

คำว่า “ดอนอีหงษ์” ใช้เป็นนามบ้านตามนิมิตสิ่งสำคัญหมายมาใช้อ้างอิงเป็นหลักฐาน สัญลักษณ์ ตามตำนานเล่าและผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่า “ดอนอีหงษ์” เป็นดอนหนึ่งมีไม้เบ็ญจพรรณหลายชนิดที่ป่าดอนนี้

แต่ก็มีต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่งใหญ่มาก ขนาด 20 อุ้ม สูงประมาณ 100 เมตร เป็นที่ทำรังของสัตว์ต่าง ๆ มีรังอีหงษ์คู่ รังอีเห็น รังอีแร้ง และรังนกอื่น ๆ ที่มานอนบ้าง ไปบ้าง อีหงษ์ เป็นสัตว์ที่ชาวดอนอีหงษ์รักมาก นับถือว่าเป็นสัตว์วิเศษ ใครจะทำลายไม่ได้ ชาวบ้านมีกฎขนบธรรมเนียมโดยอ้างกฎมณเฑียรบาลเป็นที่ตั้ง ถ้าใครทำลายจะต้องถูกประหารชีวิตให้ตายไปตามกัน

<O</Oและ นอกจากสัตว์ดังกล่าวแล้ว ก็มีฝูงช้างมาพักนอน สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยมีอยู่มาก น้ำที่อาศัยให้อีหงษ์ลงลอยเล่นและหาอาหารกิน ก็มีบึง ๆ หนึ่ง ขนาด กว้าง 300 เมตร ยาว 1,000 เมตร ชื่อ “บึงสีดา” และมีบึงเล็กอีกบึงหนึ่งชื่อ “บึงเหล็ก” เวลาบินร่อนเล่นของอีหงษ์คู่ บินไปลงที่บึงสีดาบ้าง บึงเหล็กบ้าง ซึ่งอยู่ใกล้กันระยะห่างกันประมาณ 200 เมตร

<O</Oอีกประการหนึ่ง ดอนแห่งนี้มีสิ่งศักดิ์ เทพารักษ์ เป็น “เจ้าพ่อดอนอีหงษ์” ศักดิ์สิทธิ์มาก คล้าย ๆ มีตัวตน หากใครกระทำผิดกฎธรรมเนียม และล่วงเกินต่อท่านแล้ว ทำให้ถึงตายได้ในทันที และสามารถคุ้มครองป้องกันอันตรายได้จะไปไหนมาไหน ถ้าไปวิงวอนบวงสรวงจะมีแต่ความสุข ความเจริญ ตลอดปลอดภัย มีอายุไขยืนนาน ไม่มีโรคระบาดเบียดเบียน ราษฎรผู้นับถือในท้องถิ่นนั้นอยู่กันโดยสันติสุข จึงให้นามว่า “บ้านดอนอีหงษ์” สืบมา

ปัจจุบันชาวบ้านก็ยังให้ความเคารพนับถือกันว่า ศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองป้องกันอุปัทวะอันตรายได้ จะไปไหนมาไหน กระทำกิจกรรมต่าง ๆ ในหมู่บ้าน ตำบล ก็ยังไปบวงสรวง บูชารำลึกถึงพระคุณของเจ้าพ่อก่อนกระทำ ก่อนจะไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ถ้าใครล่วงล้ำแล้วคนนั้นเขาถือว่าซวย ก็ซวยจริง ๆ ไปค้าขายก็ขาดทุน ล่มจมฉิบหายได้

<O</O....................................................................................................................................................

 

พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียนนาม
http://www.museum.msu.ac.th/museum/data/np_thai+viet.htm

<O</Oชื่อพิพิธภัณฑ์ : พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียนนาม และ บ้านท่านประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์
<O</O
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : องค์การบริหารส่วนตำบลหนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม
<O</O
ผู้รับผิดชอบหลัก : นาย<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-comนิวัติ บันเทิงศักดิ์ศิริ</st1ersonName> ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียดนาม
และ ลุงเตียว เจ้าของบ้านท่านประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์

<O</Oที่ตั้ง : บ้านนาจอก หมู่ที่ 5 ตำบลหนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม การเดินทางจากตัวจังหวัดนครพนม จะมีทางหลวงแผ่นดินสาย 22 ไปยังจังหวัดสกลนครและเลยไปจนถึงจังหวัดอุดรธานี ห่างจากตัวอำเภอเมืองประมาณ 4 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงแผ่นดินสาย 22 ทางซ้ายจะเห็นป้ายบอกว่าไปหมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียดนาม บ้านท่านโฮ ที่สร้างขึ้นใหม่แต่ก็เก่าแก่ จำลองเท่าแบบเดิมไว้ทุกประการ

<O</Oหากไปจากตัวเมืองถึง กม.238 บ้านนาจอก จำอยู่ฝั่งซ้ายมือให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนคอนกรีตสุดทาง จะพบป้ายบอกไว้ว่า แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์บ้านนาจอก 450 เมตร เมื่อเลี้ยวซ้ายตรงป้ายไปแล้วจะผ่านศาลเจ้าพ่อตายเงือง เลยไปนิดนึงทางฝั่งซ้ายเช่นกัน คือบ้านที่เคยเป็นที่พักของท่านโฮ จิ มินห์ อดีตประธานาธิบดีเวียดนาม

<O</Oประวัติความเป็นมา :<O</O
สืบเนื่องจากจังหวัดนครพนม เป็นจังหวัดเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน มีความหลากหลายในประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น ประชากรบางกลุ่มบางเหล่ามีความเป็นมา ทางประวัติศาสตร์เป็นการเฉพาะ ที่เด่นชัดได้แก่ ประวัติศาสตร์การเคลื่อนย้ายของกลุ่มชน 7 เผ่า จากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงมาตั้งถิ่นฐาน ในจังหวัดนครพนม
<O
สำหรับประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง ที่มีความสำคัญคือ เรื่องราวการเคลื่อนย้าย ของประชากรชาวเวียดนามที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ในยุคของสงครามอินโดจีน และสงครามเวียดนามโดยเฉพาะในชุมชนบ้านนาจอก ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม ซึ่ง ณ สถานที่แห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นสถานที่ที่อดีตประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์ ได้เดินทางเข้ามา พึ่งพระบรมโพธิสมภารประเทศไทยอยู่นานถึง 7 ปีมีการใช้พื้นที่ดังกล่าวนี้ เป็นศูนย์ประสานงาน วางแผนการกอบกู้เอกราชจากประเทศฝรั่งเศส

<O</Oอาคาร สถานที่ : หมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียดนาม บ้านท่านโฮ ที่สร้างขึ้นใหม่แต่ก็เก่าแก่ จำลองเท่าแบบเดิมไว้ทุกประการ ส่วนบ้านที่เคยเป็นที่พักของท่านโฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดีเวียดนามเป็นบ้านชั้นเดียว ลี้ภัยมาอยู่ระหว่าง พ.ศ. 2466-2472 ยังมีต้นมะพร้าวต้นมะเฟือง ซึ่งปลูกโดย ท่านโฮจิมินห์เหลืออยู่ หลังบ้านมียุ้งข้าว ตัวบ้านเป็นบ้านสวนแบบโบราณ ชั้นเดียว ร่มรื่น ในบ้าน มีห้อง 2 ห้อง มีเพียงเตียงไม้ ชั้นวางของ โต๊ะ เก้าอี้ยาว มีเสื้อผ้าวางบนชั้น ห้องกลางมีโต๊ะ เก้าอี้ยาว มีประวัติท่านโฮจิมินห์ติดไว้รอบห้อง มีรูปปั้นครึ่งตัว

<O</Oการจัดแสดงภายใน : เป็นการรวบรวมสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติและเรื่องราว ที่สำคัญของอดีตประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์ ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวในอดีตของอดีตประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์ ในช่วงพำนักอยู่ที่บ้านนาจอก จังหวัดนครพนม บ้านท่านโฮ ที่สร้างขึ้นใหม่แต่ก็เก่าแก่ จำลองเท่าแบบเดิมไว้ทุกประการ

ส่วนบ้านที่เคยเป็นที่พักของท่านโฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดีเวียดนาม รวมถึงการสร้างบ้านท่านโฮจำลอง เป็นบ้านชั้นเดียว ลี้ภัยมาอยู่ระหว่าง พ.ศ. 2466-2472 ยังมีต้นมะพร้าว ต้นมะเฟือง ซึ่งปลูกโดยท่านโฮจิมินห ์เหลืออยู่ หลังบ้านมียุ้งข้าว ตัวบ้านเป็นบ้านสวนแบบโบราณ ชั้นเดียว ร่มรื่น ในบ้าน มีห้อง 2 ห้อง มีเพียงเตียงไม้ ชั้นวางของ โต๊ะ เก้าอี้ยาว มีเสื้อผ้าวางบนชั้น ห้องกลางมีโต๊ะ เก้าอี้ยาว มีประวัติท่านโฮจิมินห์ติดไว้รอบห้อง มีรูปปั้นครึ่งตัว

<O</Oลักษณะพิเศษที่เป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่าต่อชุมชน :
อดีตประธานาธิบดี โฮ จิ มินห์ เป็นเหมือนจุดรวมใจของชาวเวียดนาม การพัฒนาพื้นที่หมู่บ้านนาจอก นอกจากจะส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแล้ว จะเป็นการส่งเสริมมิตรภาพไทย - เวียดนาม ทั้งระดับรัฐบาลและระดับประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย
<O
ปัจจุบันชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวเวียดนามจำนวนมากสนใจจะเข้ามาท่องเที่ยวในบริเวณดังกล่าว เพราะมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองสำหรับชาวเวียดนาม
<O
ปัจจุบันชาวเวียดนามเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นทุกปี ส่วนใหญ่ อยู่ในภาคกลาง คือกรุงเทพฯ และพัทยา หากพัฒนาบ้านนาจอกตามแนวคิดดังกล่าวจะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม ให้เดินทางมาอีสานมากขึ้น<O</O

...........................................................................................................................................................

 

เมื่อสักครู่ เวลาประมาณ 12.59 น.
ผมและญาติมิตรได้ร่วมโอนปัจจัยร่วมบุญถวายเทียนพรรษาทั้งสิ้น 1,000 บาท

ขอขอบคุณคุณพี่มหาหินสำหรับโครงการดี ๆ แบบนี้
และขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยครับ

 

พรุ่งนี้กระผม นาย ธนยศ สิริวัฒนณปภัช
จะขอร่วมบุญถวายเทียนพรรษา จำนวนเงิน 200 บาท
ขออนุโมทนาผลบุญทั้งหมดทั้งมวลครับ

ขอผลบุญนี้เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ทรงพุทธานุสติกรรมฐานโดยง่าย
นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน

ขอให้มีความคล่องตัวทั้งทางโลกและทางธรรมตลอดไป จนกว่าจะ
สำเร็จพระโพธิญาณโดยง่ายด้วยเถิด

 

กราบอนุโมทนา ในบุญกุศลทั้งหมดค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ^_^

 

จะร่วมบุญด้วยครับ

 

วันนี้ผมและคณะโอนเงินเข้าบ/ช เรียบร้อยแล้ว จำนวน 200 บาท เวลา 15.15 น.

 

ขออนุโมทนากับบุญกุศลบุญบารมี คุณมหาหินและทุกคนด้วยครับ

ทำบุญทานได้ยิ่งใหญ่ไพศาลไม่เป็นรองใครเหมือนกันขออนุโมทนาซ้ำอีกครั้ง
มีเวลาและโอกาสจะต้องเข้ามาศึกษาอ่านให้มากเพื่อเก็บความดีไว้ในจิต
แล้วบุญเกี่ยวกับสมาธิและภาวนาเป็นอย่างไรบ้างบอกให้อนุโมทนาด้วยนะครับชักสนใจคุณมหาหินเสียแล้ว

 

ขออนุโมทนาผลบุญกุศลในครั้งนี้กับทุกท่านครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขอเชิญร่วมเดินทาง สะสมบุญอริยทรัพย์
เพื่อ พระนิพพาน

สาธุ..
สาธุ..
สาธุ....

...................................................................................

 

การเดินทาง ไปสายอิสาน
เริ่มในวันศุกร์ ที่ 16 ถึง วันที่ 18 กรกฎาคม 2553

วันศุกร์ที่ 16 กรกฏาคม 2553

เวลา 19.00 น.
รถออกจากการไฟฟ้าฯ ถนนงามวงศ์วาน เชิงสะพานลอยข้ามถนนวิภาวดีรังสิต

วันเสาร์ที่ 17 กรกฏาคม 2553
<O</O
07.00 - ร่วมบวงสรวง และถวายเทียน วัดพระพุทธบาทน้ำทิพย์ (พระพุทธบาท 7 รอย) อ.ภูพาน จ.สกลนคร และทานอาหารเช้าบนภูพาน<O</O

- ถวายเทียน สำนักพุทธโมก และสำนักสาขา จ.สกลนคร<O</O

- ถวายเทียนที่พระธาตุเรณูนคร อ.เรณูนคร (มีของพื้นเมืองขายมากมาย)<O</O

- ถวายเทียน ที่วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม
<O</O
- พักแรมที่โรงแรมวิวโขง จ.นครพนม (ทานอาหารเย็นร่วมกันที่โรงแรม)

<O</Oวันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม 2553<O</O

07.00 - อาหารเช้าโรงแรมทำบุญใส่บาตร ที่ ถนนริมเขื่อนแม่น้ำโขง หน้าวัดพระธาตุนคร พร้อมชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้น<O</O

09.30 - ถวายเทียนวัดดอนนางหงษ์ เมืองนครพนม<O</O

- ชมบ้านโฮจิมินห์ จำลองบ้านพักของ “ลุงโฮ” หรือ “โฮจิมินห์” อดีต ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่เคยเข้ามาพึ่ง พระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ<O</O

- ชมพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านมิตรภาพไทย–เวียดนาม ภายในจัดนิทรรศการการ แสดงประวัติการทำงานและการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ของท่านโฮจิ มินห์ พร้อมสัมผัสบรรยากาศอันร่มรื่นของหมู่บ้านชาวเวียดเกียวในนครพนม
<O</O
13.00 น. - ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ<O</O

(กำหนดการอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ตามแต่เวลา และโอกาส จะเอื้ออำนวย)

โดย...คุณวิชัย คุ้มวัน (การไฟฟ้าฯ) และคณะศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

เดินทางโดยรถบัสปรับอากาศ VIP. - 2 ชั้น
ค่าโดยสาร พร้อมโรงแรมที่พัก (1 ห้อง พัก 2 ท่าน) ท่านละ 2,300 บาท

ท่านที่มีความสนใจที่จะร่วมเดินทางบำเพ็ญบุญพิเศษ ในครั้งนี้..
โปรดติดต่อ เพื่อจองที่นั่ง ได้ที่ . . . .

คุณวิชัย คุ้มวัน (การไฟฟ้าภูมิภาคฯ) โทร. 089-6860043
หรือ บ้าน 02-9215634 (เวลา 19.00 – 22.00 น.)

เฉพาะการชำระค่าที่นั่ง ค่าโดยสาร ในการเดินทางร่วมงานบุญ

โอนเงินได้ที่....

ชื่อบัญชี คุณวิชัน คุ้มวัน
ธนาคารทหารไทย สาขาย่อย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
เลขที่บัญชี 168-2-01636-3

..............................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านทุกประการนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

พี่มหาหิน ผมขอร่วมบุญด้วยครับ
จำนวน 100 บาท
โอนแล้ว ผ่าน SCBEASY ธ.ไทยพาณิชย์

----------
รายการที่ 11057A2530C8F0
วันที่ทำรายการ 08/06/2553
สถานะ สำเร็จ
วันที่หักบัญชี 08/06/2553
เลขที่บัญชีผู้โอนเงิน XXXX264824
เลขที่บัญชีผู้รับเงิน 0812476358
จำนวนเงิน 100.00 บาท
ค่าธรรมเนียม 0.00 บาท
วิธีการแจ้งเตือน -
----------

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านในทุกบุญ
จรัสฤกษ์ นิพิฐรัชนะผล (ต๊า-รัมณีย์)

 

กระผมขอร่วมด้วยครับ ขอกราบอนูโมทนาสาธุการ
กับท่านทั้งหลายและท่านจขกท ในกุศลจิตกุศลกรรม
ในการถวายเทียนพรรษา-สังฆทานครั้งนี้และทุกๆๆครั้งที่ผ่านมา
ขอร่วมด้วยจำนวนเงิน 300 บาทครับจะโอนให้ท่านภายในเสาร์นี้ 12/06/53
ไม่ทราบท่านนำส่งทางใดครับ ๆๆๆ ???
ทางไปรณีย์หรือทางอื่นๆๆครับ ???

 

ได้รับการติดต่อ จาก คุณหลงฯ คุณวีระชัยฯ

จำนวน วัด ทางสายภาคใต้ จะมี เพิ่มเติม อีกเล็กน้อย ครับ

เป็น 101 วัด​

จึงขอแจ้งมาให้ทราบ
เพื่อการอธิษฐานบารมี

ขอน้อมโมทนากับทุก ๆ ท่าน ทีได้ร่วมบุญ ในครั้งนี้
อย่างยอด อย่างยิ่ง

สาธุ..
สาธุ..
สาธุ....

........................................................................................................................................................

 

การอธิษฐานบารมี

เมื่อ พวกเรา ได้ร่วมบุญ แม้เพียงตั้งใจโมทนา ด้วยใจ แล้ว
ขอได้โปรด กำหนดจิต อธิษฐาน ตาม วัตถุประสงค์ ดังนี้..

ส่วนอื่น ๆ นอกจาก วัตถุประสงค์ ก็เพิ่มเติมได้ตามประสงค์
คำอธิษฐานสูงสุด ในพระศาสนา "..นิพพานะ ปัจจโย โหตุ"

.....................................................................................................................................................

การน้อมถวาย สังฆทานเทียนพรรษา 101 วัด ทั้ง 4 ภาค ในครั้งนี้

วัตถุประสงค์
เป็นการสร้างบุญ บำเพ็ญบารมี ก่อให้เกิดอานิสงส์ เพื่อ....

1. น้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2. กำหนดจิตแผ่เมตตา ให้แก่ เจ้ากรรมนายเวรของประเทศชาติ
3. อธิษฐานบารมี ให้เกิดความรัก ความสามัคคี ของคนไทย
4. เป็นบุญราศีของตัวเราเอง และคนที่เรารัก เพื่อ พระนิพพาน ในที่สุด
5. สืบอายุพระศาสนา ให้นานนับเนื่องไป ตราบเท่า 5,000 วสา

......................................................................................................................................................