"อนาคตังสญาณ" ใน "พระมหาชนก" กับเหตุการณ์เผาเมืองปัจจุบัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย *April*, 30 พฤษภาคม 2010.

  1. *April*

    *April* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +349
    ""นาคตังญาณ" คือญาณที่ล่วงรู้อนาคต เป็นญาณของผู้มีอภิญญาจิต สิ่งเหล่า นี้มีอยู่จริง และปรากฏให้เราเห็นอย่างประจักษ์ชัดในพระราช นิพนธ์เรื่อง"พระ มหาชนก" ..."


    [​IMG]
    จากพระราชนิพนธ์พระมหาชนก หน้า ๑๖ และ ๑๗



    "นาคตังญาณ" คือญาณที่ล่วงรู้อนาคต เป็นญาณของผู้มีอภิญญาจิต

    สิ่งเหล่า นี้มีอยู่จริง และปรากฏให้เราเห็นอย่างประจั<WBR>กษ์ชัดในพระราช นิพนธ์เรื่</WBR>อง"<WBR><WBR><WBR>พระมหาชนก"
    นับได้ว่าเป็น Metaphysic experiment ที่มีมหากาพย์แห่งการฟื้นฟูแผ่<WBR>นดิน สยามฉบับนี้ชี้วัด

    พระราชนิพนธ์เรื่องนี้ ถูกพิมพ์ออกมาจำหน่ายครั้งแรก ในปี ๒๕๓๙
    โดยทรงใช้ความวิริยะอุตสาหะในกา<WBR>รแต่งหนังสือที่ทรงรักเ</WBR><WBR><WBR>ล่มนี้ ถึง๑๑ ปี

    นั่นก็หมายความว่า ทรงทราบเหตุการล่วงหน้า ไม่ต่ำกว่า ๒๕ ปี
    จึง ได้พระราชนิพนธ์ วิธีการฟื้นฟูต้นมะม่วง ๙วิธี ภายหลังที่ต้นมะม่วงถูกยื้อแย่<WBR>งล้ม ลง
    ซึ่งทั้ง๙ เป็นปริศนาธรรม อุบายวิธีของการฟื้นฟูแผ่นดินนี<WBR>้

    หากท่านพิจารณาใคร่ครวญอย่างโยน<WBR>ิโสมนสิการแล้ว เกิดความตระหนักรู้ เกิดปัญญาญาณ
    เหตุการณ์ในวันนี้จึงบอกเราอย่<WBR>างชัดแจ้งว่า
    จำเป็นอย่างยิ่งและถึงเวลาแล้ว
    ที่จะช่วยกันน้อมนำแนว ทางและวิ<WBR>ธี การ การฟื้นฟูแผ่นดินสยาม จากพระราชนิพนธ์ฉบับนี้ มาใช้ปฎิบัติให้เกิดผลจริง
    ซึ่งเป็นทางออก ทางรอด และจะนำพาประเทศชาติให้กลับมาเจ<WBR>ริ ญรุ่งเรืองด้วยพระพุท</WBR><WBR><WBR>ธศาสนาอี<WBR>กครั้ง

    อนุโมทนา

    ธัมมะอาสา [​IMG]




    : เหตุการณ์ที่เหล่าอำมาตย์และขุ<WBR>นนาง พ่อค้า สวมเสื้อหลากสี หลากสำนัก หลายพรรค ยื้อแย่งปีนป่ายขึ้นสู่บันใ</WBR><WBR><WBR>ดแห่<WBR>งอำนาจ และกระทำทุกวิถีทางในการตีบ</WBR><WBR><WBR>้<WBR>านตีเมือง เพื่อให้ได้ซึ่งอำนาจและผลป</WBR><WBR><WBR>ระโย<WBR>ชน์นั้น [​IMG]



    : ผู้หลงผิด คิดว่าตนคือเหล่า วีรชนผู้กล้า มุ่งมั่นเพียรพยายาม ทุ่มเททรัพย์สินและหยาดเหงื่ ยอมเสียสละเลือดเนื้อ หรือสละแม้แต่ชีวิตเพื่ออุดมการ<WBR>ณ์รัก ชาติ รักประชาธิปไตย อันยิ่งใหญ่
    เป็นผู้ถูกครอบงำด้วยสื่อเฉพาะก<WBR>ิจเชิงเดี่ยว ที่นำ"ความดี"(ไม่แท้) มารับใช้ "ความชั่ว" ได้อย่างแยบคาย [​IMG]



    : ไพร่ฟ้าประชาชน ที่มีฐิทิ ยึดมั่นในฝักฝ่าย จากการถูกกระตุ้นเร้าด้วยสื่<WBR>เฉพาะกิจเชิงเดี่ยว ปลุกเร้าโทสะและโมหะตลอด24 ชั่วโมง แม้ความน้อยเนื้อต่ำใจจากคว</WBR><WBR><WBR>ามไม<WBR>่เท่า เทียมและความยุติ</WBR><WBR><WBR>ธรรมในสั<WBR>งคม ความยากจน และสารพัดสารปัญหาสังคม (ซึ่งมีมาทุกยุคทุกสมัย หากคนห่างไกลศีลธรรม) ก็ถูกนำมาใช้ปลุกระดม ให้คนในชาติมีความเกลียดชัง</WBR><WBR><WBR> <WBR>จน สามารถลุกขึ้นมาประหัตประ</WBR><WBR><WBR>หารก<WBR>ันเอง [​IMG]



    : แม้จะต้องอยู่คู่กัน แยกกันเมื่อใดก็หมดประโยชน์ <WBR>หมด ความหมาย แต่ทั้งสองข้าง ทั้งสองสีก็พยายามที่จะไม่ยู</WBR><WBR><WBR>่<WBR>ร่วมกัน อย่างสันติสุข [​IMG]



    : media = mind control
    ปรากฏการณ์ข่าวหน้าหนึ่ง หนังสื<WBR>พิมพ์ เป็นความเขลาอย่างยิ่งของเจ</WBR><WBR><WBR>้<WBR>าของสื่อและระบบทุน
    ที่ทำให้คนไทยค่อนประเทศตื่นเช้<WBR>าขึ้นมาก็ต้องพบกับข่าว</WBR><WBR><WBR>ร้าย
    เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยจิตที่เป็<WBR>นอกุศลก็จะพบอกุศลไปตลอด</WBR><WBR><WBR>วัน
    อีกทั้งที่ปลายของโทสะยังมีรสอร<WBR>่อย ชวนให้เสพติด ทุกๆวัน
    สื่อไม่ดี นอกจากจะเป็นกระจกสะท้อนสังคมแล<WBR>้ว ยังเป็นการสร้างค่านิยมและช</WBR><WBR><WBR>ี้<WBR>นำสังคมนั้นๆด้วย
    ดุจดั่ง การเติมเชื้อไฟ แห่งโทสะ โมหะ โลภะ สังคมจึงถูกครอบงำด้วยโมหะภูมิ<WBR>อย่างไม่จบไม่สิ้น [​IMG]



    : ทาส หรือตัวประกันที่ถูกจองจำ ท่ามกลางวงล้อมของความขัดแย้<WBR>งและความรุนแรง (จะถูกยึดบัตรประชาชนด้วยหร</WBR><WBR><WBR>ื<WBR>ไม่นั้นก็มิอาจทราบได้) [​IMG]



    : ทหารที่เลือกจะหันหลังให้กับประ<WBR>ชาชน และความขัดแย้ง ในตอนต้นของเหตุการณ์ [​IMG]



    : ผู้บงการ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ "โฟนอิน"และ "twitter" คอยกดปุ่มรีโมตคอนโทรลการเผาบ้<WBR>านเผาเมืองตนเอง
    น่าเอน็ดนาจที่ท่านยังนอนเอกเข<WBR>นกดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับ</WBR><WBR><WBR>"ไฟ"ที่<WBR>กำ ลังใหม้บ้านตนเอง [​IMG]



    : ทหารท่านนี้ คงไม่เกี่ยวข้องกับ ชายชุดดำ แต่อย่างใด เขายังคงยืนหยัดทำหน้าที่ของตนอ<WBR>ย่างเข้มแข็ง ณ ชายแดนที่ห่างไกล ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน เช่นนี้เพื่อนบ้านเรือนเคีย</WBR><WBR><WBR>งของ<WBR>เรา กำลังมองและรอคอยจัง</WBR><WBR><WBR>หวะดำเนิ<WBR>นการ [​IMG]



    : เด็กและสตรีที่ถูกนำมาใช้เป็<WBR>นโล่มนุษย์ ท่ามกลางความขัด</WBR><WBR><WBR>แย้ง [​IMG]



    : ไฟที่กำลังใหม้ก็เป็นบ้านหลั<WBR>งเดียว กับท่านซึ่งเป็นบ้าน</WBR><WBR><WBR>หลั<WBR>งเดียวกับเราด้วย [​IMG]



    : เอกลักษณ์ของท่านในทุกที่ที่ท่<WBR>านไป ก็คือเครื่องแบบและหมวกเก่า</WBR><WBR><WBR>ๆ 1ใบ แต่ดูท่านจะคล้ายนักธุรกิจมากกว<WBR>่าคน ในเครื่องแบบ [​IMG]



    : เป็นสัญลักษณ์ของลัทธิหนึ่ง ที่<WBR>สุด โต่งไปด้านติดดิน ไม่สนใจเงินทอง มีมหาวิทยาลัยวังชีวิต ที่ให้ความรู้แก่คนรุ่นใหม่</WBR><WBR><WBR> มี<WBR>บทบาทสำคัญทางการเมือง และความขัดแย้งดังกล่าว [​IMG]



    : เป็นสัญลักษณ์ของลัทธิหนึ่ง ที่<WBR>สุด โต่งไปด้านเงินทองควา</WBR><WBR><WBR>มสุ<WBR>ขสบาย มีลักษณะคล้ายจานบิน หรือ UFO มีบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะการครอบงำการเมือง การศึกษาของประเทศ

    ทั้งสองลัทธิถือเป็นม้าพยศของวง<WBR>การศาสนา มีความแขร่งแกร่งดุจม้าเหล็</WBR><WBR><WBR>ก หากปล่อยให้เข้ามาครอบงำ การเมือง การศึกษาของประเทศได้แบบเบ็ดเสร<WBR>็จเมื่อใด
    ด้วยฐานเสียงและอำนาจเงินอันมหา<WBR>ศาล จะมีอำนาจเพียงพอที่จะถาปณ</WBR><WBR><WBR>าตนเ<WBR>ป็นจักรพวรรดิ์ หรือเปลี่ยนแปลงคัมภีร์สำคั</WBR><WBR><WBR>ญทาง<WBR>พุทธศาสนาได้โดยง่ายดาย</WBR>
    <WBR><WBR>
    "นาลันทา"และศาสนจักร ที่ยิ่งใหญ่ ล่มสลายไปพร้อมกับณาจักรก็ด้<WBR>วยเหตุ นี้แล [​IMG]


    </WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR>


    : แน่นอนว่า เหตการณ์ครั้งนี้ กระทบต่อกราฟขึ้นๆลงๆ พวกหุ้น และเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระ<WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR>ยะยาว [​IMG]


    [​IMG]



    : หากท่านเป็นพ่อบ้าน เป็นพ่อของลูกๆทุกๆคน

    ครั้น สมัยท่านยังมีเรี่ยวแรง ทุกครั้งที่ลูกทะเลาะ ยื้อแย่งสิ่งของกัน โกรธเกรี้ยวถึงขนาดจะทำลายบ้<WBR>านหลังนี้
    ให้พังไปต่อหน้าต่อตา ท่านก็อดไม่ได้...ที่จะห้ามปราม ตักเตือนด้วยความรักความเมตตา

    บัดนี้ เมื่อถึงคราวท่านชราภาพ พ่อรู้ตัวว่า.. คงอยู่ดูแลลูกๆได้อีกไม่นาน

    ครั้งนี้ลูกทะเลาะกันหนักถึงขั้<WBR>นเผาบ้านเผาเมือง
    หากพ่อไม่ตัดใจ ที่จะยอมให้ลูกๆ ได้เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตน<WBR>เอง
    หากครั้งต่อไป เกิดปัญหาตอนที่พ่อไม่อยู่ แล้วใครจะมาแก้ปัญหาให้กับลู<WBR>กๆได้อีก ถ้าลูกๆไม่ฝึกที่จะเรียนรู้</WBR><WBR><WBR>วิธี<WBR>การแก้ปัญหาของตนเองซะแ</WBR><WBR><WBR>ต่ตอนนี้

    อย่าโกรธพ่อของเราเลย ที่ท่านได้เพียงแต่เฝ้ามอง
    ที่ท่านไม่ ห้ามปราม ท่านหวังดีและเมตตาต่อพวกเรามาก<WBR>
    ท่านยอมที่จะเห็นลูกทำร้ายกั<WBR>นเอง
    ยอมเห็นลูกทำลาย และเผาบ้านของตน<WBR>เอง ...เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ค</WBR><WBR><WBR>รั้<WBR>งยิ่ง ใหญ่

    เรียนรู้ที่จะขอโทษ และให้อภัยกัน หันมารักใคร่ปรองดอง
    เรียนรู้ ที่จะ... พึ่งตนเอง
    เรียนรู้ที่จะเข้มแข็งพอ หากล้มแล้ว ลูกๆจะลุกขึ้นมายืนได้อย่างเข้<WBR>มแข็ง ด้วยตัวเองอีกครั้ง

    ข้างหน้ายังมีภัยและเรื่องที่ลู<WBR>กๆต้องสามัคคีร่วมกันฟันฝ่า อีกม</WBR><WBR><WBR><WBR>ากนัก</WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR></WBR>


    <WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR><WBR>
    ทั้งหมดนี้คือความรักของพ่อ

    ขอขอบคุณที่มา : http://www.facebook.com/note.php?note_id=405325792392&id=527310515&ref=mf
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2010
  2. *April*

    *April* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +349
    ท่านใดประสบ พบเจอกับ เหตุอันให้เรียกว่า อนาคตังสญาณ ร่วมแชร์ประสบการณ์

    ในกระทู้ แห่งนี้ได้ค่ะ เพื่อเป็น ประโยชน์กับท่านอื่นด้วย
     
  3. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภมหาภิเนกขัมมบารมีของพระองค์ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาทกว่า
    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาพระนามว่า มหาชนก ผู้ครองเมืองมิถิลาแคว้นวิเทหะ มีพระโอรส 2 พระองค์ คือ พระอริฏฐชนก ผู้พี่และพระโปลชนก ผู้น้อง ต่อมาเมื่อพระมหาชนกสวรรคตแล้วพระอริฏฐชนกขึ้นครองราชย์แทนและทรงตั้งพระโปลชนกเป็นพระอุปราช
    ในสมัยนั้นพระโพธิสัตว์กำเนิดในครรภ์ของพระเทวีเพราะทรงเชื่อคำของอำมาตย์ผู้ใกล้ชิดพระอริฏฐชนกจึงจับพระโปลชนกขังไว้ด้วยเกรงจะชิงบัลลังก์ ต่อมาพระโปลชนกหนีออกไปได้จึงรวบรวมกำลังพลยกทัพมาชิงบัลลังก์คืน ในขณะที่เกิดภัยสงครามชิงราชบัลลังก์กัน พระเทวีปลอมพระองค์เป็นคนสามัญเสด็จหนีออกจากพระนครได้ทันเวลาก่อนที่พระเจ้าโปลชนกจะยกทัพเข้ายึดพระนครพระอินทร์ได้จำแลงเพศเป็นคนขับเกวียนนำส่งเสด็จพระนางจนถึงเมืองกาลจัมปากะภายในวันเดียว พระนางเข้าพักที่ศาลาริมทางแห่งหนึ่ง ขณะนั้นอาจารย์ทิศาปาโมกข์พร้อมกับศิษย์ 500 คน เดินทางมาพบเข้า เกิดความเมตตาสงสารจึงรับพระนางไว้เป็นน้องสาวแล้วพาไปอยู่กับครอบครัวตน
    ต่อมาไม่นานพระนางก็ประสูติพระราชโอรสทรงระลึกถึงความหลังจึงเอาพระนามของพระเจ้าปู่มาตั้งให้พระโอรสว่า “มหาชนก”มหาชนกกุมารเจริญวัยแล้วได้ไปเล่นกับเด็กอื่นๆ เมื่อคราวทะเลาะกับเด็กเหล่านั้นก็ถูกเรียกว่า “เจ้าลูกกำพร้า”ทำให้พระองค์ทูลถามเรื่องชาติกำเนิดกับพระมารดาอยู่เนืองๆ เมื่อพระมารดาไม่บอก จึงคิดอุบายโดยทูลขอเสวยน้ำนมแล้วกัดเต้านมพระมารดาไว้แน่นพร้อมทั้งขอให้พระมารดาบอกความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของพระองค์ ในที่สุดพระมารดาก็บอกความจริงให้ทรงทราบ
    เมื่อพระองค์ทรงทราบความจริงแล้ว จึงคิดจะไปแย่งชิงราชสมบัติอันเป็นของพระบิดาคืนมาให้ได้ เพื่อแก้แค้นให้พระบิดา จากนั้นจึงทรงตั้งพระทัยศึกษาศิลปวิทยาทุกอย่างที่จะทำให้งานของพระองค์สำเร็จในภายหน้า พระองค์ได้ศึกษาจบเมื่อพระชนมายุได้ 16 พรรษา
    เมื่อศึกษาศิลปวิทยาจบแล้ว พระมหาชนกมีพระประสงค์จะแสวงหาทรัพย์เพื่อเป็นกำลังในการชิงเอาราชสมบัติ และคิดจะขึ้นเรืองสำเภาไปแสวงหาโชคทางสุวรรณภูมิ จึงเข้าไปปรึกษาพระมาดาแต่ถูกห้ามไว้เพราะเห็นว่าการเดินทางออกทะเลนั้นมีอันตรายมาก แต่ในที่สุดพระมารดาก็ไม่อาจห้ามความตั้งใจจริงของพระโอรสได้ จึงประทานทูนทรัพย์สำหรับค้าขายให้แก่พระราชกุมาร
    พระมหาชนกได้จัดซื้อสินค้าต่างๆ ลงบรรทุกเรือออกไปค้าขายทางทะเลพร้อมกับพ่อค้าประมาณ 700 คน ในวันเดียวกันนั้น ที่เมืองมิถิลาพระเจ้าโปลชนกก็ประชวรหนัก จนไม่สามารถเสด็จลุกขึ้นจากพระแท่นบรรทมได้
    เมื่อเรือออกแล่นฝ่าคลื่นสมุทรไปได้เพียง 3 วัน ก็พบกับพายุร้ายพัดโหมกระน่ำจนกระดานเรือแตกน้ำทะลักเข้าท้องเรือสุดจะแก้ไขได้ ขณะที่เรือกำลังจะอัปปางลงพวกพ่อค้าอื่นๆ ต่างก็ตกใจกลัวตายพากันร้องไห้คร่ำครวญ พากันบวงสรวงเทพดาวิงวอนให้ช่วยเหลือ ฝ่ายพระมหาชนกหาได้หวั่นพระทัยท้อแท้กลัวตายไม่ รีบเสวยอาหารให้อิ่มท้องแล้วเอาผ้าเนื้อเกลี้ยง 2 ผืน ชุบน้ำมันแล้วทรงนุ่งผืนหนึ่ง คาดเอวผืนหนึ่ง จากนั้นก็ปีป่ายขึ้นไปบนเสากระโดงเรือ กำหนดทิศทางอันเป็นที่ตั้งของเมืองมิถิลา แล้วกระโดดจากเสากระโดงเรือไปตกไกลจากที่เรืออับปาง พ้นจากพวกปลาร้าย เช่น ฉลาม เป็นต้น ที่เข้ามากินคนในเรือ ส่วนพ่อค้าคนอื่นๆ ต่างก็จมน้ำตายเป็นอาหารของปลาร้ายในทะเลบริเวณนั้น ในวันเดียวกันนั่นเองที่เมืองมิถิลา พระเจ้าโปลชนกก็ได้สวรรคต
    พระมหาชนกทรงว่ายน้ำมหาสมุทรได้ 7 วันก็เป็นวันอุโบสถพอดี พระองค์จึงสมาทานอุโบสถศีล วันนั้นนางมณีเมขลาได้เหาะมาเที่ยวตรวจดูเหตุการณ์ในทะเล เมื่อพบกับพระมหาชนกกำลังว่ายน้ำทะเลอยู่ ทั้งที่จุดหมายยังอยู่ไกลแสนไกลจึงถามถึงสาเหตุที่ทำเช่นนั้น พระมหาชนกก็ชี้แจงว่า เป็นคนควรพยายามจนกว่าจะประสบความสำเร็จ แม้จะมีอุปสรรคยิ่งใหญ่เพียงใดก็ต้องพยายาม ผู้ที่พยายามอย่างเต็มที่แล้วบัณฑิตย่อมไม่ติเตียน พระองค์เชื่อมั่นว่าความพยายามย่อมไม่ไร้ผล เมื่อนางมณีเมขลาได้ฟังดังนั้นแล้วก็ให้ปลื้มปีติเป็นยิ่งนัก ครั้นทราบจุดมุ่งหมายของพระมหาชนกแล้ว ก็อุ้มพระมหาชนกเหาะมุ่งหน้าสู่เมืองมิถิลา พระมหาชนกเหนื่อยล้ามาตลอด 7 วัน จึงม่อยหลับไปในอ้อมแขนของนางมณีเมขลา
    ครั้นถึงเมืองมิถิลาแล้วนางมณีเมขลาก็วางพระมหาชนกลงบนพระแท่นหินในสวนมะม่วงแห่งหนึ่ง มอบหมายให้เทวดาที่เป็นเจ้าที่แห่งนั้นดูแลพระมหาชนกจนกว่าจะตื่นแล้วก็เหาะกลับวิมานของตน
    ฝ่ายพระเจ้าโปลชนกมีพระธิดาเพียงพระองค์เดียว พระนามว่า สีวลี ก่อนที่พระองค์จะสวรรคตได้ทรงกำหนดชายผู้ที่จะมาเป็นพระสวามีของพระธิดา ซึ่งจะได้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป ต้องมีคุณสมบัติ 4 ประการ คือ
    1. สามารถทำให้พระธิดาพอพระทัย
    2. รู้จักหัวนอนแห่งบัลลังก์ 4 เหลี่ยม
    3. สามารถยกธนูที่หนักขนาดต้องอาศัยคนธรรมดาถึงพันคนจึงยกขึ้นได้
    4. สามารถชี้ขุมทรัพย์ใหญ่ 16 แห่งได้
    หลังจากที่พระเจ้าโปลชนกสวรรคตแล้วก็ไม่มีชายใดมีคุณสมบัติครบทั้ง 4 ข้อ พวกอำมาตย์ทั้งหลายจึงปรึกษากันว่าไม่ควรปล่อยให้บ้านเมืองว่างจากกษัตริย์ ควรจะเสี่ยงรถหาคู่ให้พระราชธิดา จึงพากันแต่งราชรถสีขาว บนราชรถประดิษฐานเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ เทียมด้วยม้าสีขาว 4 ตัวแล้วปล่อยไป โดยกำหนดว่า หากรถวิ่งไปหยุดตรงชายใด ชายนั้นก็คือผู้ที่จะมาเป็นกษัตริย์แห่งกรุงมิถิลา พอราชรถวิ่งไปถึงพระแท่นที่พระมหาชนกบรรทมก็หยุดอยู่ พวกปุโรหิตจึงทูลเชิญพระองค์ขึ้นประทับรถพระที่นั่งเข้าสู่พระราชวัง แล้วทูลเชิญขึ้นประทับบนปราสาทอภิเษกพระองค์เป็นกษัตริย์แห่งกรุงมิถิลา และทันทีที่พระนางสีวลีทอดพระเนตรเห็นพระองค์ก็ทรงพอพระทัยยิ่งนัก จากนั้นพระองค์ได้ทำตามเงื่อนไขที่พระเจ้าโปลชนกได้ตั้งไว้ทั้ง 4 ข้อ ทำให้ข้าราชบริพารและชาวเมืองต่างก็พากันแซ่ซ้องสรรเสริญพระเกียรติคุณของพระองค์มาก แล้วจัดให้มีการอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสีวลีเพื่อสืบราชบัลลังก์ต่อไป
    เมื่อพระมหาชนกครองราชสมบัติแล้วได้ส่งอำมาตย์เดินทางไปรับพระมารดา และอาจารย์ทิศาปาโมกข์มาอยู่ที่เมืองถิมิลา พระองค์ได้ปกครองเมืองโดยทศพิธราชธรรม โปรดให้สร้างโรงทานหลายแห่งบำรุงสมณพราหมณ์ทั่วราชอาณาจักร ในพระราชวังก็นิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้ามาฉันภัตตาหารเป็นประจำ เมื่อพระองค์มีพระราชโอรสนามว่า ทีฆาวุราชกุมาร แล้วทรงตั้งให้เป็นพระอุปราช และมอบหมายให้ว่าราชการสำคัญแทนพระองค์เสมอ
    วันหนึ่ง พระเจ้ามหาชนกเสด็จไปทอดพระเนตรสวนหลวง ระหว่างทางพบต้นมะม่วง 2 ต้นมีใบเขียวชะอุ่ม ต้นหนึ่งมีผลดก อีกต้นหนึ่งไม่มีผล ประทับบนคอช้างนั่นเองทรงเก็บเอาผลมะม่วงผลหนึ่งมาเสวยก็ทราบว่าเป็นมะม่วงที่มีโอชารสยิ่ง ตั้งพระทัยว่าเมื่อเสด็จกลับจะมาเสวยอีก แต่พอเสด็จกลับก็ทรงพบว่าต้นมะม่วงนั้นถูกโค่นหักรานกิ่งใบจนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่ผลเดียว จึงสอบถามหาสาเหตุ พวกอำมาตย์จึงกราบทูลให้ทราบว่า เมื่อมหาชนทราบว่าพระราชาเสวยมะม่วงแล้ว ต่างก็แย่งกันกินผลมะม่วงนั้นจนต้นถูกทำลายย่อยยับไป ทำให้พระองค์ทรงสลดพระทัยเป็นอย่างยิ่ง
    ในขณะเดียวกันทรงสังเกตเห็นต้นมะม่วงอีกต้นหนึ่งที่ไม่มีผลยืนต้นอยู่อย่างสง่างาม ทรงพิจารณาเปรียบเทียบว่า ต้นมะม่วงที่มีผลเปรียบได้กับความเป็นกษัตริย์ ซึ่งมีการแก่งแย่งเบียดเบียนทะเลาะเบาะแว้งแสวงหาผลประโยชน์ก่อทุกข์ไม่สิ้นสุด ส่วนการบรรพชาที่มีความสงบปราศจากโทษและความวุ่นวายเปรียบได้กับต้นมะม่วงที่ไม่มีผล จึงมีพระทัยน้อมไปในการบรรพชา เมื่อเสด็จกลับเข้าสู่พระนครแล้วก็ทรงมอบพระราชกิจต่างๆ ให้พระราชโอรสและเสนาอำมาตย์ช่วยกันบริหาร ส่วนพระองค์เสด็จขึ้นสู่ปราสาทบำเพ็ญสมณธรรม โดยมิให้ผู้ใดรบกวน ทรงปฏิบัติเช่นนี้อยู่ในพระราชวังตลอด 4 เดือน ในที่สุดก็ปลงพระทัยสละราชสมบัติออกผนวชในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง
    พระองค์พอพระทัยในการบวชอย่างยิ่งถึงกับเปล่งอุทานว่า การบวชเป็นความสุขแท้จริงหนอ
    เมื่อพระนางสีวลีทราบว่าพระสวามีเสด็จออกผนวช จึงรีบตามเสด็จไปกราบทูลชักชวนให้เสด็จกลับและใช้กุสโลบายต่างๆ เพื่อให้พระสวามีเปลี่ยนพระทัย แต่ก็ไม่อาจทำให้พระมหาชนกเปลี่ยนพระทัยได้ เพราะพระองค์ได้ทรงพบว่า ชีวิตที่มีความสุขที่แท้จริง คือ ชีวิตที่สงบเรียบง่าย ทั้งได้รับโอวาทธรรมจากพระดาบสผู้ทรงฌานอยู่เสมอ ทำให้พระองค์มีพระทัยไม่หวั่นไหวมีวิริยะอุตสาหะบำเพ็ญสมณธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ส่วนพระนางสีวลีเมื่อไม่อาจทำให้พระสวามีเปลี่ยนพระทัยได้ จึงเสด็จกลับพระนครและบำเพ็ญพระองค์เป็นนักบวชอยู่ในพระราชอุทยานแห่งกรุงมิถิลานั่นเองตราบสิ้นชีวิต
    http://mediacenter.mcu.ac.th/data/caipyo/m6/web/savika/p10.php
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2010
  4. สังวรคุณ

    สังวรคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +765
    ประทับใจประโยคนี้มากๆ" เรียนรู้ที่จะขอโทษ เรียนรู้ที่จะให้อภัย "
    แต่จากที่ได้เรียนรู้มา ผู้ที่จะทำเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีวิสัยเป็นบัณฑิต ส่วนผู้ที่มีวิสัยเป็นพาลนั้น ผิดจะไม่ยอมรับผิด จะไม่ยอมรับเหตุรับผลใดๆ จะไม่มีการยอมขอโทษ จะไม่มีการยอมให้อภัย และ จะไม่มีคำว่าปล่อยวาง ฉะนั้นถ้าเราเป็นผู้บริหารเราต้องรู้ต้องเข้าใจตามพระราชดำรัสที่เคยตรัสไว้ว่า " บ้านเมืองนี้มีทั้งคนดี และ คนไม่ดี ไม่มีใครสามารถทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ การที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นปรกติสุขนั้น จึงไม่ใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี แต่ หากเป็นการสนับสนุนคนดีให้มาปกครองบ้านเมือง และ ป้องกันไม่ให้คนชั่วมีอำนาจได้ "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2010
  5. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    สิ่งสำคัญในการปกครองบ้านเมืองคือ
    ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี
    ไม่มีใครจะสามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
    การที่บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
    หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี
    ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี
    ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้
     
  6. ABP@BDZ

    ABP@BDZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +228
    ต้องบอกว่าศิลปินที่ออกแนวคิดทุกอย่างของภาพนี้เขาเป็น prophet จริงๆ

    รูปนี้น่าจะวาดประมาณหลังพฤษภาประชาธรรม 2535 ก่อนปี 2539 อย่างน้อยศิลปินที่วาดน่าจะเอาเหตุการณ์จากพฤษภาประชาธรรมไปแทรกบ้าง ก็เห็นมีทหาร มีอะไรต่อมิอะไร

    แต่เสื้อแดง เหลือง ชมพู น้ำเงิน หลากสี อันนี้ผมไม่ทราบครับว่าศิลปินจะสื่ิอตรงนี้ด้วยรึเปล่า ถ้าศิลปินผู้ออกแนวคิดในภาพนี้เป็นระดับ prophet จริงๆ ภาพนี้น่าจะบอกเหตุการณ์ในอนาคตได้นะครับ น่าสนใจ
     
  7. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    กะทู้น้ำดี มาช่วยดัน :cool:
     
  8. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    เนื้อหานี้ถูกต้องมาก แต่อยู่ที่ว่าฝ่ายใดจะใช้ประโยชน์จากเนื้อหานี้ เพื่อโจมตีอีกฝ่าย
    คีย์ที่สำคัญอยู่ตรงนี้
    : เหตุการณ์ที่เหล่าอำมาตย์และขุ<wbr>นนาง พ่อค้า สวมเสื้อหลากสี หลากสำนัก หลายพรรค ยื้อแย่งปีนป่ายขึ้นสู่บันใ<wbr><wbr>ดแห่<wbr>งอำนาจ และกระทำทุกวิถีทางในการตีบ<wbr><wbr>้<wbr>านตีเมือง เพื่อให้ได้ซึ่งอำนาจและผลป<wbr><wbr>ระโย<wbr>ชน์นั้น
    เพราะการขัดแย้งไม่ได้เกิดจากประชาชนหรอก เกิดจากสองฝ่ายที่ต้องการมีอำนาจระหว่างกลุ่มอำนาจเก่าและอำนาจใหม่ แต่สร้างอคติให้กับฝ่ายที่ตัวเองชักจูงได้
    เหมือนกับการชนวัว เจ้าของวัวก็สนับสนุนวัวด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้ชนะ ไม่ได้สนใจหรอกว่าััวัวจะเจ็บหรือตาย ขอแค่ชนะพอ

    จาก ความเห็นที่ 5 เห็นด้วย แต่เราได้ยินบ่อยๆ ว่า สส เข้าไปเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ หรือว่าข้าราชการระดับสูงคอรัปชัน นั้นย่อมสะท้อนให้เห็นว่าสังคมเรามีคนเลวที่มีอำนาจมากกว่าคนดี เรื่องง่ายๆแค่ GT200 ก็ยังหายไปกับสายลม แสดงให้เห็นว่าสังคมเรามีคนดีอยู่น้อยมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2010
  9. บูชาพุทธ

    บูชาพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +858
    เนื้อหาในกระทู้ดีมาก ๆ ค่ะ อ่านแล้วน้ำตาคลอเลย ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะคะ อยากให้ผู้ที่หลงผิด คิดได้ คิดกลับใจซะทีค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...