อยากเรียนถามทำกรรมอะไรถึงเป็นสิว??

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Exquisite, 23 พฤษภาคม 2010.

  1. Exquisite

    Exquisite สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    ได้อ่านเรื่องราวของคนอื่นมาหลายกระทู้ สรุปใจความคร่าวๆ ได้ว่าทุกอย่างล้วนเกิดแต่กรรม และในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเป็นเรื่องบังเอิญ จึงอยากจะทราบว่าตนเองไปทำอะไรไว้ถึงได้เป็นสิว!?!?
     
  2. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    กินเนื้อสิ่งมีชีวิตครับ มีผลกับฟันและเลือดด้วยไม่ใช่แค่หน้า
     
  3. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อนุโมทนาครับ
    ผมเองก็อยากรู้ครับ
     
  4. darkload

    darkload เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +162
    มันเป็นไปได้หลายอย่างทั้งในทางวิทยาศาสตร์ พวกฮอร์โมนไรพวกนี้ เวลากลางวันใบหน้าอาจจะมัน หรือเวลากลางคืนนอน หมอนไม่สะอาดก็เป็นไปได้ รวมทั้งอาหารที่รับประทานด้วย โดยเฉพาะพวกไขมัน ถ้าเรื่องกรรมก็คงเป็นเศษกรรมเล็กๆน้อยๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2010
  5. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ได้มาแล้วครับ

    กรรมที่ทำให้เป็นสิวเรื้อรัง สิวเห่อ

    ถาม – อยากทราบว่าการมีสิวแบบขึ้นเห่อมากๆ ไม่ใช่แค่เม็ดสองเม็ดนี่ เกิดจากการที่เราไปทำกรรมอะไรไว้คะ? ทำไมคนอื่นๆบางทีเขาไม่มีสิวเลยทั้งที่การดูแลรักษาทำความสะอาดและทานอาหารเหมือนๆกัน ปัจจัยแวดล้อมภายนอกก็ไม่แตกต่างกัน แถมสิวของดิฉันรักษาอย่างไรก็ไม่หายขาด แล้วถ้าเป็นเพราะกรรมเก่าจริง ดิฉันควรทำบุญแบบไหนเป็นการแก้


    สิวเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง และตัวการที่โดนโทษมากกว่าเพื่อนคือฮอร์โมนแอนโดรเจน แม้แบคทีเรียหรือเชื้อโรคอันเกิดจากการไม่รักษาความสะอาดยังเป็นรอง

    ส่วนจำนวนสิวจะมากหรือสิวน้อยนั้น ตัวชี้บอกอันดับหนึ่งไม่ใช่เรื่องของการรักษาความสะอาด ไม่ใช่เรื่องของอาหาร ไม่ใช่เรื่องของฤดูกาล ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ร้าย แต่เป็นเรื่องของกรรมพันธุ์! ขอให้สังเกตเถิดว่าถ้าโรคไหนมีชนวนจากจากกรรมพันธุ์เป็นหลัก โรคนั้นจะปราบยากมากถึงยากที่สุด

    ฮอร์โมนและกรรมพันธุ์เป็นองค์ประกอบทางกาย เป็นเรื่องของรูปธรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คุณสมบัติและรายละเอียดต่างๆทางกายก็ถูกกำหนดด้วยกรรมเก่าทั้งสิ้น จะหยาบหรือประณีตแค่ไหน จะน่ามองหรือน่าเมิน จะอยู่สบายหรืออยู่ไม่สุข ล้วนไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องที่จะถูกสิ่งแวดล้อมกำหนด โรคหรือข้อบกพร่องทางกายที่รักษายาก จะฟ้องว่าเคยทำบาปไว้หนักหรือนาน กรรมเก่าซึ่งทำหน้าที่คุมรูปกายนี้ จึงยื้อไว้ยืดเยื้อ ไม่อนุญาตให้มีทางออกง่ายนัก

    หากมองโดยภาพรวม สิวบนใบหน้าทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับหน้าตา หรือแม้ไม่ห่วงสวยห่วงงาม ตอนชำระล้างทำความสะอาดหรือแม้จะนั่งอยู่เฉยๆก็อาจเจ็บปวดทรมานบนใบหน้าได้ นับว่าเป็นวิบากที่ทารุณไม่เบา วิบากที่เกิดขึ้นกับใบหน้า มักมาจากกรรมที่ทำประจำจนติดเป็นนิสัย หรือมาจากกรรมที่ทำอย่างหนักหน่วงกับบุคคลอันเป็นผู้ทรงคุณ

    ส่วนใหญ่กรรมเก่าของคนเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังจะมาจาก

    ๑) การพูดประทุษร้าย การกล่าวตู่ผู้ทรงคุณเป็นนิตย์ ผู้ทรงคุณในที่นี้หมายถึงผู้มีพระคุณเช่นบิดามารดา หรือผู้มีศีลสัตย์บริสุทธิ์ ตลอดจนอริยบุคคลในพุทธศาสนาตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ การเป็นโรคผิวหนังจากกรรมประเภทนี้มักมาในรูปที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ความแสบร้อน หรือเป็นผื่นคันทรมาน รวมทั้งการมีสิวเห่อเป็นแผงๆชนิดกำจัดยาก กำจัดแล้วก็เป็นอีก เพราะเหมือนผิวหนังจะถูกสร้างขึ้นมาจากวจีทุจริตโดยตรง

    ๒) การกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นเกิดบาดแผลหรือใช้ยาพิษกับศัตรู ประเภทเอาหมามุ่ยไปโรยแกล้งชาวบ้านด้วยความสนุกคึกคะนองบ่อยๆ หรือประเภทหึงหวงสามีแล้วเอาน้ำกรดไปสาดหน้าเมียน้อย เหล่านี้อาจเป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้ตั้งแต่ขั้นเบาะๆตามหน้าตา ไปจนถึงขั้นรายแรงคันคะเยอเห่อแสบทั่วทั้งร่างกาย

    นอกจากกรรมเก่าแล้ว กรรมใหม่ก็เป็นเหตุให้เกิดสิวได้พิสดาร เช่นถ้าคุณเป็นคนดีมีศีลสัตย์สะอาดหมดจดสัก ๕ ปี ผลคือจะมีผิวพรรณละเอียดผุดผ่องขึ้นกว่าเดิมมาก ทีนี้พอพลาดไปทำเรื่องโลภๆโกรธๆชนิดหน้ามืดยืดเยื้อสักครึ่งชั่วโมง สิวอาจผุดขึ้นมาทันตาเห็น ถ้าผิดน้อยหน่อยก็อาจขึ้นตามคางหรือตามแนวข้างที่ไม่ค่อยเห็นจากการมองตรง แต่ถ้าผิดมากหน่อยก็อาจปูดโปนแบบเด่นชัดเห็นง่าย ทั้งนี้ก็เป็นวิธีเตือนของธรรมชาติอย่างหนึ่ง ไม่ให้เราออกนอกทางของความดีงามง่ายนัก

    ส่วนถ้าผิวพรรณผุดผ่องมาแต่เกิด สะท้อนความเป็นคนดีมีศีลสัตย์อย่างเข้มแข็งในชั่วชีวิตก่อน อันนี้แม้หน้ามืดด้วยโลภะโทสะหนักๆก็อาจจะยังไม่เห็นผลเร็วทันตา อาจต้องสะสมบาปอยู่หลายปีกว่าความหมองจะปรากฏ หรือต้องคิดปรามาสหรือจาบจ้วงอริยเจ้าด้วยเจตนาประทุษร้าย สิวถึงผุดขึ้นฟ้องบาปได้

    สำหรับการรักษา ขอแนะนำให้รักษาด้วยวิธีที่ทันสมัยตามคลินิกที่น่าเชื่อถือก่อน เพราะการใช้รูปธรรมแก้รูปธรรมนั้น ง่ายกว่าการใช้นามธรรมแก้รูปธรรม แต่หากลองเท่าไหร่ๆแล้วไม่ช่วยให้กระเตื้อง ก็อาจใช้ทางลัดที่เป็นไปได้ของกรรมวิบากดูบ้าง หลักการคือทำความดีอย่างเป็นรูปธรรม แบบที่จะปรากฏเป็นภาพกระทบตางดงามผุดผ่อง เพื่อให้ใครๆได้เห็นแล้วเกิดความชื่นชมเลื่อมใส

    ยกตัวอย่างเช่นอาสาทำความสะอาดพระพุทธรูปตามวัด เอาแบบที่เราตระเวนไปดูแล้วเห็นว่าเริ่มมีคราบฝุ่นสกปรกเกาะติด ถ้าลงมือขัดถูอย่างดีเป็นสิบเป็นร้อยองค์ มีใจเบิกบานสดชื่นรื่นเริงเป็นอันดีกับการเห็นพระปฏิมาแต่ละองค์ผ่องใสขึ้น คุณจะรู้สึกถึงรังสีเฉิดฉายบางอย่างที่สว่างออกมาทางใบหน้าเลยทีเดียว และสัญชาตญาณทางจิตจะบอกคุณเลยว่ารังสีเฉิดฉายประมาณนี้ จะค่อยๆชนะ ค่อยๆกลบทับริ้วรอยอันไม่พึงประสงค์บนใบหน้าได้แน่ๆ

    ถ้าใจถึงยิ่งกว่านั้น ลองเป็นอาสาสมัครล้างส้วมให้พระเณรดู คุณถือเครื่องมือทำความสะอาดเดินดุ่ยๆเข้าไปได้ทุกวัด เขาไม่ห้าม งานนี้เป็นไปตามหลักที่ว่าถ้าเอาความสกปรกออกจากวัด ก็เท่ากับเอาวิบากสกปรกออกจากตัว จะมากหรือน้อยย่อมเห็นผลประจักษ์ในไม่ช้า

    การถวายจีวรเนื้อดีเป็นสิบเป็นร้อยผืนก็มีส่วนช่วยได้มาก เพราะการถวายจีวรหรือให้เครื่องนุ่งห่มแก่ผู้ต้องการ จะเป็นบุญประเภทที่ให้ผลกับผิวหนังโดยตรง เนื่องจากอาภรณ์เป็นเครื่องห่อหุ้ม และผิวหนังก็ทำหน้าที่ห่อหุ้มความเป็นตัวเราไว้

    หากจะทำกรรมที่ตรงเหตุ แต่เห็นผลไม่หวือหวาทันใจ ก็ขอให้ตั้งจิตรักษาศีล ๕ ให้สะอาดหมดจด โดยเฉพาะข้อที่เกี่ยวกับวาจา คุณต้องมีเมตตาท่วมทับเจตนาร้าย ไม่พูดโกหก ไม่พูดหยาบ ไม่พูดส่อเสียด และไม่พูดเพ้อเจ้อ ถ้าทำได้แม้ในระดับความคิด กระทั่งรู้สึกถึงอานุภาพของศีลที่ฉายแสงเรืองออกมาจากภายใน อธิษฐานกำกับไปด้วย ว่าข้าพเจ้าจะไม่เป็นผู้ประทุษร้ายตนเองและผู้อื่นด้วยคำพูดอีก ขอให้กรรมคือความตั้งใจดีนี้ จงชำระสิ่งสกปรกออกจากตัวของข้าพเจ้า แล้วให้ผลเป็นความมีผิวเนื้อที่น่าพิศ ไม่เหลือร่องรอยน่ารังเกียจใดๆอีก

    หากทำด้วยความมีศรัทธาเปี่ยมล้น ก็น่าจะเห็นผลในเวลาไม่เนิ่นช้าครับ ภายในหนึ่งปีต้องทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัดแน่ๆ ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเลยก็ดี

    หมายเหตุย้ำไว้นิดหนึ่ง การจะระบุว่าเป็นโรคเวรโรคกรรมนั้น ต้องดูเบื้องต้นด้วยว่าไม่ใช่โรคติดต่อ หรือไปคลุกกับความสกปรกติดตัวมา แต่จะต้องเกิดขึ้นเอง รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายแม้จะด้วยวิทยาการทันสมัย ถึงหายแล้วก็กลับเป็นอีก

    โดย ดังตฤณ
    ที่มา.....

    http://webboard.mthai.com/10/2006-04-28/228347.html
     
  6. Exquisite

    Exquisite สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอบพระคุณมากคร๊ะ
     
  7. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    อิอิ เพราะไม่ล้างหน้าน่ะสิครับ (การล้างหน้า ก็เป็นการกระทำนะ) แต่บางคนทำกุศลไว้มาก ไม่ล้างหน้าสิวยังไม่ขึ้นเลย *0*... แต่ว่าคนที่สิวเยอะๆ ก็มาจากกรรมพันธุ์ (กัมมะ+พันธุ) มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ จริงๆแล้วดีเอ็นเอ ก็เป็นแปลนวิบากกรรมในเชิงรูปธรรมนะครับ

    ส่วนเกิดจากอะไร...อย่างที่พี่ต้นละโพสต์ไว้อะครับ...ส่วนมากมาจากปากไม่สร้างสรรค์- -
     
  8. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    กรรมที่เกิดมาเป็นคน ต้องจมอยู่ในสังขารเน่าๆ เพราะเรามันไม่ยอมหมดกิเลส ถ้าเราเชื่อพระพุทธเจ้าแต่แรก ก็สวยใสที่นิพพานไปนานแล้ว
    สรุป อะไรที่พระพุทธเจ้าแนะว่า ก็ทำตามที่ท่านสอน
    อะไรที่พระพุทธเจ้าว่าเลว อย่าทำ ก็อย่ารั้นละกันง่ายๆ ห้ามตัวเองไว้ ไม่ ไม่ ไม่ดี ไม่ทำ
    ใครทำได้ก็สาธุ
    แต่สภาพผิวไม่ดี ก็บอกถึงก็ดูแลตัวเองไม่ดีเหมือนกันนะ เช่น กินดึก นอนน้อย นอนดึก ตื่นสาย ทานอาหารไม่ตรงเวลา ทานเนื้อสัตว์และไขมันสัตว์ไม่ดีต่อสุขภาพมากเกินไป ไม่ออกกำลังกาย ดื่มน้ำน้อย ท้องผูกท้องเสียอะไรทำนองนี้ พูดง่ายๆคือเราไม่ดีเองนั้นแหละ ใช้ชีวิตแบบไม่สมดุล ร่างกายก็ไม่สมดุลเป็นธรรมดา ช่างมันเตอะ ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนก่อนจะป่วยแล้วกัน ถ้าไหวตัวทันก็ดูแลสุขภาพ ไม่ต้องยุ่งกับมันมาก ช้าสุด 3เดือน มันก็พาพวกมันหนีหายจากหน้าเราไปเอง
     
  9. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    เห็นถามกันหลายกระทู้แล้วเกี่ยวกับเรื่องความงาม ก็ต้องว่าไปหลักการส่งผลของบุญชนิดต่างๆ โดยปรกติแล้ว บุญที่เกิดจากการทำทานก็จะส่งให้มีโภคทรัพย์สมบัติมาก บุญที่เกิดจากการรักษาศีลจะทำให้หล่อสวยแข็งแรงเป็นหลัก ส่วนบุญจากการภาวนาก็จะทำให้มีปัญญามาก
    เรื่องความสวยความหล่อโดยส่วนใหญ่ก็จะเกิดจากผลบุญที่เกิดจากการรักษาศีลในกาลก่อนตามมาส่งผล ถ้าศีลที่รักษาสมบูรณ์เมื่อบุญส่งผลก็จะทำให้ได้รูปกายที่งดงามไม่มีที่ติ แต่ถ้าศีลที่รักษาด่างพร้อยก็จะทำเกิดตำหนิบนร่างกาย ปัญหาเรื่องสิว แผลเป็น ไฝฝ้าราคีต่างๆก็เกิดจากศีลที่รักษาไว้เกิดด่างพร้อยแต่ไม่ถึงกับขาด เศษกรรมนั้นก็เลยทำให้เกิดเป็นตำหนิบนใบหน้าหรือร่างกาย อย่างเบาก็เป็นสิวอย่างที่ท่านเจ้าของกระทู้สอบถาม
    ส่วนกรณีที่ท่านต้นละนำมาแสดงก็เป็นอีกสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้เพราะวิบากกรรมชั่วบางอย่างที่เป็นอกุศลมาส่งผลพอดี แต่ก็เป็นเรื่องเฉพาะกรณีเป็นรายๆไป
     
  10. รวียากร

    รวียากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +1,309
    สิว เป็นโรคผิวหนังชนิด 1 ครับ

    ส่วนกรรมใดนั้น เราไม่ทรายดี แต่แฟนเรา เป็นสิวเห่อ มาก รักษาไงก็ไม่หาย หมดเป็นหมื่นๆ
    เราเลย ช่วนแฟนไป ทำความสะอาดวัด ในห้องน้ำ กวาดลานวัดบ้าง ปลุกต้นไม้บ้าง

    แล้ว ตั้งจิตอธิฐานให้ เจ้ากรรมนายเวรที่ทำใหเ้เป็นโรคผิวหนังบนฝบหน้า (สิวนั้นเอง)

    ตอนนี้แฟนเรา ก็ดีขึ้น สิวลดลง ลองทำดูนะครับ
     
  11. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    เราก็ไม่ล้างหน้า ไม่เห็นเป็นเลย อิอิ
    แบบว่าขี้เกลียดนะครับ จ๊อบ อาบน้ำก็วิ่งผ่านนะครับ อิอิ

    สาธุ อนุโมทนากับ จ๊อบด้วยนะครับ
     
  12. J47

    J47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +3,405
    อนุโมทนากับ จขกท...ด้วยนะครับ กระทู้นี้จังเลยนะครับ
    เป็นใรคที่ฮิตมากเลยนะครับ และก็หาทางแก้ยากมากเลยนะครับ


    พระสูตรเรื่องพระนางโรหิณี

    พระนางโรหิณีนั้นเป็นพระกนิษฐภคิรี ( น้องสาว ) ของพระอนุรุทธเถระ พระอนุรุทธะนั้น ท่านมีพี่
    น้อง ๓ คน คือ ๑ . พระมหานามะ ๒. พระอนุรุทธะ ๓ พระนางโรหิณี

    พระอนุรุทธะ บิดาของ พระนางโรหิณีนั้นเป็นพระกนิษฐภคิรี ( น้องสาว ) ของพระอนุรุทธเถระ พระ
    อนุรุทธะนั้น ท่านมีพี่น้อง ๓ คน คือ ๑ . พระมหานามะ ๒. พระอนุรุทธะ ๓ พระนางโรหิณี

    พระอนุรุทธะ บิดาของท่านคือ พระเจ้าอมิโตทนะ ซึ่งเป็นพระกนิษฐภาดา ( น้องชาย ) ของพระเจ้า
    สุทโธทนะ เพราะฉะนั้น พระอนุรุทธะนั้นจึงเป็นลูกผู้พี่ผู้น้องของพระพุทธเจ้า
    วัน หนึ่ง พระอนุรุทธะได้เดินทางไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ อันเป็นบ้านเดิมของท่าน เมื่อไปแล้ว พวก
    บรรดาพระญาติก็มาหาท่านเป็นจำนวนมาก แต่ยังขาดอยู่คนหนึ่งไม่ได้ไปพบ นั้นก็คือพระนาง
    โรหิณี พระอรนุรุทธะจึงถามพวกพระญาติที่มาพบว่า น้องหญิงไปไหนเสียจึงไม่มา ก็ได้รับการ
    บอกว่าอยู่ที่พระตำหนัก ท่านก็ถามว่า ทำไมจึงไม่มา ก็ได้รับคำตอบว่า พระนางเป็นโรคผิวหนังมี
    แผลพุพองคันไปทั่วทั้งตัวจึงไม่กล้ามา

    พระ อนุรุทธะก็ให้คนไปตามมาพบให้ได้ พอพระนางมาแล้วไหว้พระเถระ ๆ ก็ถามว่าทำไมไม่มา
    พระนางก็เรียนว่าตนเป็นโรคผิวหนังอันไม่งามจึงไม่มา ก็เพราะความละอาย พระอนุรุทธะเถระก็
    กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นเธอจงสร้างศาลาขึ้น ๑ หลัง เป็นศาลาโรงฉันสำหรับภิกษุสงฆ์ พระนางโรหิณี
    ก็เรียนถามว่า กระหม่อมฉันจะเอาเงินที่ไหนมาสร้าง
    พระเถระก็พูดว่า เครื่องประดับของเธอไม่มีบ้างหรือ
    พระนางก็เรียนว่า มีเครื่องประดับอยู่
    พระเถระถามว่า ราคาประมาณเท่าไร
    พระนางเรียนว่า ประมาณหนึ่งหมื่นกหาปณะ
    พระเถระจึงบอกว่า เธอจงขายเครื่องประดับนี้เสียแล้วนำไปสร้างศาลาโรงฉัน พระนางก็ถามว่า แล้ว
    ใครจะช่วยสร้างให้ เพราะไม่มีคนสร้าง พระเถระก็มองดูพระญาติ ๆ ทั้งหลาย
    ซึ่งมานั่งอยู่เป็นจำนวนมากแล้วพูดขึ้นว่า ให้พระญาติทั้งหลายนั้นช่วยจัดการเรื่องนี้ ช่วยกันสร้าง
    ศาลานี้ บรรดาพระญาติทั้งหลายก็รับคำจัดการสร้างให้

    พอศาลาโรงฉันสร้าง เสร็จ พระนางก็มีจิตผ่องแผ่วเกิดปีติโสมนัสยิ่ง เริ่มไปปัดกวาด ปูอาสนะ ตั้ง
    น้ำใช้น้ำฉันไว้ แล้วพระนางก็เริ่มปฎิบัติถือศีลฟังธรรมตามกาล โรคเรื้อนหรือโรคผิวหนังที่พระนาง
    เป็นอยู่ก็เริ่มแห้งราบลงไป ๆ
    เมื่อถึงวันฉลองศาลาโรงฉัน พระนางก็ได้ให้คนไปนิมนต์พระภิกษุสงฆ์
    จำนวนมาก มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ให้มาเสวยที่โรงฉันหลังนั้น พระพุทธเจ้าทรงรับแล้วได้เสด็จ
    มาเสวยพระกระยาหารในที่นั้น

    พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสถามว่านี้เป็นทานของใคร พระอนุรุทธเถระก็ทูลตอบว่า นี้เป็นทานของพระ
    นางโรหิณี ผู้เป็นพระน้องนาง พระพุทธองค์ทรงตรัสถามว่า พระนางโรหิณีไปอยู่ที่ไหนเสียเล่า
    พระอนุรุทธเถระทูลตอบว่า อยู่ที่พระตำหนักไม่กล้ามา เพราะละอายที่ตนเป็นโรคผิวหนังอันน่ารัง
    เกลียด พระพุทธองค์จึงทรงตรัสรับสั่งให้ไปตามพระนางมา เมื่อพระนางมาแล้วก็ทำการถวายบังคม
    แล้วก้มหน้านิ่ง
    พระพุทธองค์ได้ตรัสถามพระนางว่า ทำไมไม่มา พระนางก็ทูลตอบว่า ตนเป็นโรคผิวหนังอันพุพอง
    เป็นที่น่ากลัวน่ารังเกลียด จึงได้มีความละอาย เลยไม่กล้าที่จะมาเข้าเฝ้า พระพุทธองค์ทรงตรัสถาม
    ว่า เธอทราบไหมว่า ทำไมจึงเป็นโรคผิวหนัง
    พระนางทูลตอบว่า ไม่ทราบพระเจ้าข้า พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ที่เป็นโรคผิวหนังพุพองนั้นก็เพราะ
    ความโกรธที่เธอทำไว้ในชาติก่อน จึงทำให้เป็นโรคผิวหนังเป็นแผลพุพองอันน่าเกลียด และ
    พระองค์ได้ยกอดีตนิทานของพระนางโหริณีในชาติก่อนมาตรัสเล่าว่า

    ใน อดีตกาล ในกรุงพาราณสี พระนางนั้นได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากรุงพาราณสี พระนางมี
    ความผูกจิตริษยาอาฆาตแค้นในหญิงนักฟ้อนรำของพระราชาองค์นั้น ( อาจเป็นเพราะพระราชา
    โปรดปราณหญิงนักฟ้อนรำคนนั้นมากก็ได้ ทำให้พระนางริษยาแค้นเคืองหนักหนา ) พระนางทรงรับ
    สั่งให้เรียกหญิงนักฟ้อนรำนั้นเข้ามาที่พระตำหนัก แล้วตรัสสั่งคนให้เอาผงเต่าร้างโปรยบนผ้าที่นอน
    ของหญิงนักฟ้อนรำนั้น นอกจากจะโรยที่นอนแล้วก็ให้โปรยบนผ้าห่มด้วย เมื่อหญิงนักฟ้อนรำเข้า
    มาเฝ้า พระนางก็ทรงโปรยผงเต่าร้างลงไปที่ตัวของนางนักฟ้อนรำแล้วทำเป็นหัวเรอะเล่น หญิงนัก
    ฟ้อนรำนั้นเมื่อโดนผงเต่าร้างโรยมาที่ตัวก็ให้คันเหลือประมาณได้รับ ทุกขเวทนายิ่ง ตามตัวก็พุพอง
    ขึ้นเป็นเม็ดน้อยเม็ดใหญ่ เมื่อเม็ดพุพองขึ้นมาก็เกา เกาหาที่คันเม็ดตุ่มคันก็เเตกเป็นแผล เมื่อนาง
    ไปนอนบนที่นอนก็ถูกผงเต่าร้างกัดที่นอนนั้น นางได้รับทุกข์เวทนาอย่างแรงกล้า

    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เพราะกรรมอันนี้เอง เธอจึงเป็นโรคเรื้อนเพราะความริษยา เพราะความ
    โกรธนี้เองจึงเป็นเหตุให้เธอต้องรับทุกข์เวทนาเช่นนี้ ในที่สุด พระพุทธองค์จึงทรงตรัสแสดงธรรม
    กับพระนางขึ้นว่า

    “ บุคคลไม่พึงโกรธ พึงสละความถือตัวเสีย ควรล่วงสังโยชน์เสียให้สิ้น ทุกข์ทั้งหลายย่อมไม่ตกแก่
    บุคคลเช่นนั้น ผู้ไม่ข้องอยู่ในนามรูป ผู้ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ”

    เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม พระนางก็พิจารณาตามกระแสแห่งพระสัทธรรมนั้น และในที่สุด
    พระนางก็ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น เมื่อพระนางสำเร็จโสดาบันในครั้ง
    นั้น พระนางก็มีผิวพรรณวรรณะดุจทองคำในขณะนั้นเอง นี่เป็นผลอานิสงส์จากการที่พระนางได้
    สร้างศาลาโรงฉันแล้วก็ได้ปฎิบัติธรรม ปัดกวาดศาลาโรงฉัน ตั้งน้ำใช้น้ำฉันเป็นต้น
    อานิสงส์ของการกวาดลานวัด
     
  13. lovelytan

    lovelytan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +2
    ผมขออนุโมทนาบุญในข้อคิดนี้ด้วยนะครับ

    ผมขออนุโมทนาบุญในข้อคิดนี้ด้วยนะครับ
     
  14. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ชาติที่แล้วชอบมอง ชอบติคนที่เค้าเป็นสิวยังไงล่ะ หึๆ
     
  15. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ผมก็เป็นครับเต็มหลัง เพราะกรรมพันธุ์ ด้วยมั้งครับ พ่อผม ด้วยมั้งครับ ส่วนการกินเนื้อสัตว์เนี่ย ผมคิดว่าไม่ค่อยมีส่วน เพราะ คนกินเนื้อสัตว์ พวกฝรั่ง กินเยอะแยะ สิวไม่มี แต่จะอ้วนและก็จะตายไวก็แค่นั้น อะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...