พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 123 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 121 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, psombat+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ราตรีสวัสดิ์ครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นักโภชนาแนะอาหารคุมเบาหวาน เลี่ยงของทอด-ผลไม้เชื่อมอิ่ม-เค็มทำให้บวม

    ˹ѧ

    นักโภชนาแนะอาหารคุมเบาหวาน เลี่ยงของทอด-ผลไม้เชื่อมอิ่ม-เค็มทำให้บวม

    http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNeE13PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB4T0E9PQ==

    ร.พ.รามาธิบดี - น.ส.ธัญวรินทร์ ตั้งเสริมวงศ์ ฝ่ายโภชนาการ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงเบาหวานคือโรคที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดซึ่งได้จากอาหารไปใช้ได้ตามปกติ ความผิดปกติที่เกิดขึ้นอาจเนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลิน หรือผลิตอินซูลินไม่เพียงพอทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลไปใช้ได้ไม่ดี มีน้ำตาลเหลือค้างในกระแสเลือดมากเกินเกณฑ์ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้จะนำไปสู่โรคแทรกซ้อนต่างๆ อีกมากมาย การควบคุมอาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องปฏิบัติควบคู่ไปกับการใช้ยาและการออกกำลังกาย

    การควบคุมอาหารในผู้ที่เป็นเบาหวาน ไม่ใช่การอดอาหาร แต่เป็นการกินอาหารให้ถูกต้องและเหมาะสมและที่สำคัญผู้ที่เป็นเบาหวานก็สามารถกินอาหารได้ตามปกติเหมือนทุกๆ คน จึงไม่น่าจะใช้คำว่าผู้ป่วย สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานหากเพียงแต่ต้องนึกเสมอว่าการกินอาหารที่ถูกต้องทั้งปริมาณและคุณภาพและที่สำคัญต้องตรงเวลาด้วย จะทำให้มีสุขภาพที่ดีดังเช่นคนปกติได้

    โดยทั่วไปแนะนำให้กินข้าวได้ 2-3 ส่วน (2-3 ทัพพี) ผู้หญิง 2 ส่วน ผู้ชาย 3 ส่วน หากอ้วนหรือน้ำหนักเกินให้เหลือ 1-11/2 ส่วน ควรกินธัญพืชไม่ขัดสี เช่นข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีตเพื่อเพิ่มใยอาหาร หลีกเลี่ยงขนมถุงกรุบกรอบจำพวกแป้งทอด เพราะจะทำให้ได้น้ำมันและเกลือในปริมาณมาก ควรกินผักให้หลากหลายเพื่อให้ได้วิตามิน เกลือแร่และใยอาหาร ใยอาหารจะช่วยทำให้อิ่มทองและชะลอการดูดซึมของน้ำตาลและไขมัน หลีกเลี่ยงผักทอด ผักชุบแป้งทอด ผักราดกะทิและผลไม้แปรรูป เช่น เชื่อม ดอง กวน แช่อิ่ม และเครื่องจิ้มต่างๆ เช่น พริกเกลือ น้ำปลาหวาน ผักที่มีแป้งมากเช่น ฟักทอง ถ้ากินในปริมาณมากให้คิดรวมเป็นหมวดข้าว-แป้ง อนุญาตให้ใช้น้ำตาล เพียง 5-10 เปอร์เซ็นต์หรือใช้เมื่อจำเป็นและน้อยที่สุด สิ่งที่จะต้องระมัดระวังในการดูแลสุขภาพคือเรื่องความเค็มของอาหาร เช่นเครื่องปรุงที่เติมเข้าไปในอาหาร อาหารที่มีความเค็มในตัวเอง เช่น กะปิ ปลาร้า ปลาเค็ม และขนมขบเคี้ยวต่างๆ อาหารที่ใช้ผงฟู เช่น ซาลาเปา ขนมปัง หรือใส่ผงชูรส มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบหากร่างกายได้รับมากเกินไปจะเกิดภาวะบวม ความดันโลหิตสูงและโรคไต นอกจากนี้ใน 1 วันไม่ควรมีอาหารทอดมากกว่า 1 อย่างเพราะจะทำให้ได้น้ำมันมากเกิน การผัดอาหารให้เทน้ำมันใส่ช้อนกาแฟเพียง 1-2 ช้อนแทนการเทน้ำมันจากขวดลงกระทะ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    น้ำคลอโรฟิลล์
    Daily News Online > โลกสีสวย > แรงงาน-สาธารณสุข > น้ำคลอโรฟิลล์



    [​IMG]


    เห็นหลายคนนิยมดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ ตามกระแสคนรักสุขภาพ บ้างก็เชื่อว่า ดีต่อสุขภาพมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะช่วยล้างพิษ สร้างพลังงานให้กับร่างกาย ป้องกันและรักษาโรคบางโรค บ้างก็บอกว่าเป็นน้ำอายุวัฒนะ

    ยิ่งในปัจจุบัน พบว่ามีการโฆษณาขายน้ำคลอ โรฟิลล์กันเต็มไปหมดโดยเฉพาะทางอินเทอร์เน็ต ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนจึงมาคุยกับ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เพื่อไขข้อกระจ่างในเรื่องนี้ให้ผู้อ่านได้รับทราบกัน

    นพ.กฤษดา กล่าวว่า คลอโรฟิลล์ เปรียบเสมือนเป็นเลือดของพืช ประกอบด้วยแมกนีเซียม มีคุณสมบัติช่วยเติมกระดูก เกลือแร่ได้ ที่สำคัญจะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เหมือนกับพืชที่ จะใช้คลอโรฟิลล์ต้านอนุมูลอิสระจาก แสงแดด ยกตัวอย่างต้นกล้วยที่ต้นยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดนาน ๆ แต่มันไม่เหี่ยวไม่ตายก็เพราะว่า มันมีคลอ โรฟิลล์ นอกจากจะทำหน้าที่สังเคราะห์แสงแล้ว มันจะเป็น เหมือนด่านที่กันแดดเอาไว้ ไม่ให้แดดมาเผาใบทำให้เกิดอนุมูลอิสระ

    ส่วนใหญ่คลอโรฟิลล์ที่นำมาทำเป็นน้ำคลอโรฟิลล์ให้เราดื่ม มักจะสกัดจากพืชที่มีคลอโรฟิลล์สูง เช่น สกัดจากต้นหญ้าอัลฟัลฟ่า ซึ่งมีอยู่ตามทุ่งราบอเมริกา ที่พบว่ามีคลอโรฟิลล์สูง จึงนิยมนำมาให้สัตว์กิน แต่เนื่องจากมีกากเยอะ คนกินไม่ได้ จึงได้นำมาสกัดเอาเฉพาะคลอโรฟิลล์

    สำหรับน้ำคลอโรฟิลล์ที่จำหน่ายในบ้านเรา มีทั้งที่สกัดจากหญ้าอัลฟัลฟ่า และพืชผักอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นสีเขียวจาง ๆ ไม่เข้มข้นมาก ก็เพราะมีการนำมาเจือจางกับน้ำ ดังนั้นจึงไม่เข้มข้นเหมือนกับที่เรากินจากพืชผักสด ๆ

    ถามว่าควรจะดื่มน้ำคลอโรฟิลล์หรือไม่ นพ.กฤษดา ตอบว่า ก็ต้องบอกว่า เป็นทางเลือกหนึ่ง ถ้ามีสตางค์กินได้ ไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าเป็นผมจะกินจากผักสดดีกว่าเพราะได้กากใยจากผักด้วย

    ความจริงแล้วในชีวิตประจำวันของคนเรา สามารถเลือกกินคลอโรฟิลล์ได้จากพืชใบเขียวต่าง ๆ เพราะคลอโรฟิลล์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ใบของพืชผัก สังเกตได้ง่าย ๆ ตรงไหนมีคลอโรฟิลล์เยอะ ก็คือตรงที่พืชใช้สังเคราะห์แสงนั่นเอง

    พืชผักใบเขียวหลายชนิดที่มีคลอโรฟิลล์ เช่น คะน้า ตะไคร้ ใบเตย สะระแหน่ ขึ้นฉ่าย ผักโขม ปวยเล้ง ใบแมงลัก สาหร่ายทะเล ถ้าไม่อยากเสียสตังค์กินสด ๆ ได้ หรืออาจจะนำมาปั่นแล้วกรองเอาแต่น้ำก็ได้ ก็จะทำให้ได้น้ำคลอโรฟิลล์ที่เข้มข้นมากขึ้น หรือจะต้มน้ำใบเตย น้ำตะไคร้ก็ได้ หรือบางคนอาจจะนำมาใส่ในอาหาร เช่น ต้มเปรอะจะใส่ใบย่านางหรือใบแมงลัก เป็นต้น อย่างไรก็ตามคงต้องบอกว่า คลอโรฟิลล์ ไม่ควรนำไปอุ่นหรือโดนความร้อนจัดจนเกินไป เพราะทำให้เสื่อมสลายไปได้

    โดยหลักแล้วควรจะกินหรือไม่ ? นพ.กฤษดา กล่าวว่า อย่างที่บอกถ้ามีสตางค์กินได้ก็ดี ดีกว่าน้ำเปล่า แต่ข้อควรระวังคือ ในคนที่มีเกลือแร่ในเลือดไม่ค่อยสมดุล อย่างคนที่เป็นโรคไต อาจจะขับเกลือแร่ไม่ได้ ดังนั้นต้องพึงระวังว่า อาจจะได้รับเกลือแร่เกินจากคลอโรฟิลล์ หรือในคนที่เป็นโรคหัวใจก็ต้องระวังเช่นกัน เพราะแมกนีเซียมถ้ามีเยอะเกินไปอาจจะมีผลต่อการบีบตัวของกล้ามเนื้อและการเต้นของหัวใจได้

    นพ.กฤษดา บอกว่า ที่มีการโฆษณากันและไม่เป็นไปตามนั้น ก็คือ กรณีที่บอกว่าคลอโรฟิลล์ช่วยสร้างพลังงานให้กับร่างกายนั้น ความจริงคือเมื่อเรากินเข้าไปคลอโรฟิลล์จะไม่ได้ช่วยสังเคราะห์แสงเหมือนในพืช ตรงนี้หลายคนมักจะเข้าใจผิดกัน และอีกเหตุผลหนึ่งที่คนหันมาดื่มน้ำคลอโรฟิลล์กันมาก แทนที่จะกินจากผักสด ก็คงเพราะกลัวเรื่องสารพิษ หรือยาฆ่าแมลงในผัก ก็เลยเลือกคลอโรฟิลล์ที่สกัดแล้ว

    ท้ายนี้คงขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านแล้วละว่า หลังจากที่ นพ.กฤษดา ให้ข้อมูลแล้วจะดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ต่อหรือไม่ เพราะอย่างที่บอก คลอโรฟิลล์ก็มีประโยชน์ แต่สามารถหากินได้ง่ายจากพืชผักใบ เขียวต่าง ๆ ถ้าใครกระเป๋าหนักจะหามาดื่มก็ไม่ว่ากัน.

    นวพรรษ บุญชาญ : สัมภาษณ์
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    5 วิธีคิดหลุดพ้นความยากจนของคนไทย
    5 วิธีคิดหลุดพ้นความยากจนของคนไทย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์


    [​IMG]

    รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ


    คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ศึกษาวิจัยความสุขของครอบครัวผู้มีรายได้น้อย พบปัจจัยที่ทำให้ครอบครัวยากจนมีความสุข มี 5 ปัจจัย...

    รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ได้ศึกษาวิจัยความสุขของครอบครัวผู้มีรายได้น้อย โดยศึกษาครอบครัวผู้ยากจน 100 ครอบครัว ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร รับจ้าง ขับรถบรรทุก ภารโรง ผู้ใช้แรงงานหาเช้ากินค่ำ ทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีการศึกษาระดับประถม รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,825 บาท รายจ่าย 8,722 บาท มีหนี้สินเฉลี่ย 46,000 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นเรื่องการศึกษาบุตร ซึ่งมีเฉลี่ยครอบครัวละ 2 คน เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภค แต่ค้นพบว่าครอบครัวร้อยละ 80 มีความสุข แม้จะจนแต่ก็หลุดพ้นจากความทุกข์ได้ เรียกว่าถึงจนก็มีความสุข ส่วนอีกร้อยละ 20 ทั้งจนทั้งทุกข์

    อาจารย์คณะครุศาสตร์กล่าวต่อว่า ปัจจัยที่ทำให้ครอบครัวยากจนมีความสุข มี 5 ปัจจัย คือ 1. เป็นครอบครัวที่คิดนอกกรอบ ไม่ถูกครอบงำด้วยระบบทุนนิยม เห็นได้ว่าครอบครัวเหล่านี้ ลูกจะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่ฟุ้งเฟ้อไปตามกระแสทุนนิยม
    2. เป็นครอบครัวที่คิดดี คิดบวก มีความสุข โดยความสุขของพ่อแม่ คือการศึกษาของลูก และลูกก็เป็นเด็กเรียนดี เชื่อฟังพ่อแม่ ช่วยงานบ้าน ส่วนโรงเรียน ทั้งครูและผู้บริหารก็ให้การสนับสนุน ยกย่องเมื่อเด็กทำดี ทำให้เด็กมีกำลังใจในการทำความดี
    3. เป็นครอบครัวที่มีวิถีชีวิตสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เช่น ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข เช่น หวย ทั้งพ่อก็เลิกกินเหล้า เลิกสูบบุหรี่ โดยนำเงินจากการซื้อเหล้า-บุหรี่ มาใช้เพื่อการศึกษาของลูกแทน เป็นต้น
    4. การบริหารการจัดการที่ดี ทั้งเรื่องเงินและเวลา โดยกำหนดว่าทุกวันเวลา 6 โมงเย็น เป็นเวลาครอบครัวที่จะรับประทานอาหารเย็น ดูโทรทัศน์ และปรึกษาหารือกัน การแก้ปัญหาความขัดแย้งจะใช้เหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ เป็นต้น
    และ 5. การปฏิวัติความธรรมดาให้เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา เช่น ความคิดที่ว่าคนจนต้องจนต่อไป เปลี่ยนเป็นความจนสามารถหลุดพ้นได้ เป็นต้น
    โดยแนวทางการใช้ชีวิตของครอบครัวเหล่านี้ จะเป็นต้นแบบให้รัฐบาลสามารถนำไปขยายผล เพื่อให้ครอบครัวยากจนอื่นๆ ทั่วประเทศ ขณะเดียวกันจุฬาฯก็จะรวบรวมข้อมูล จัดทำหนังสือเผยแพร่ในโครงการฟอรั่มปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อฉลองจุฬาฯครบรอบ 100 ปีต่อไป
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ‘เครื่องดื่มสมุนไพร’
    Daily News Online > โลกสีสวย > ช่องทางทำกิน > ช่องทางทำกิน > ‘เครื่องดื่มสมุนไพร’


    [​IMG]

    ‘ผงสำเร็จรูป’ ยังขายได้

    แนวคิดเรื่องการแปรรูปอาหารหรือถนอมอาหารนั้นมีหลายแบบหลายประเภท ซึ่งในยามหน้าร้อนแบบนี้คอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีหนึ่งแนวคิดมานำเสนอ เป็นเรื่องของการทำ “เครื่องดื่มสมุนไพรแบบผงสำเร็จรูป” ซึ่งก็เป็นอีกแนวคิดที่นำมาซึ่งการสร้างหรือต่อยอดอาชีพ ที่น่าพิจารณา...

    ศักดิ์ชัย โชติชัชวาล ประธานกลุ่มอาชีพเครื่องสมุนไพร “โพธิ์ทอง” ย่าน จ.สมุทรปราการ เล่าว่า ทางกลุ่มผลิตเครื่องดื่มสมุนไพรมาตั้งแต่ปี 2540 เนื่องจากคุณพ่อเป็นซินแสซึ่งมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวเรื่องยาจีน ซึ่งก่อนหน้านั้นตนไม่ได้ทำเครื่องดื่มสมุนไพรมาก่อน แต่ทำธุรกิจขายไอศกรีม และเพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจยุคฟองสบู่แตก การค้าขายเงียบเหงามาก จึงจำเป็นต้องหาอาชีพอื่นมาเสริม

    “ด้วยความที่คุณพ่อมีตำราจีนอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาหม้อแทบทั้งสิ้น อาทิ เกสรทั้ง 9, ฟ้าทลายโจร ซึ่งก็ได้ทดลองทำจากยาหม้อมาเป็นเครื่องดื่มผงแบบชงสำเร็จรูป ก็ขายได้ในระยะแรก ๆ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าไม่ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงเปลี่ยนรูปแบบสินค้าใหม่ ทำเครื่องดื่มสมุนไพรแบบทั่ว ๆ ไป อาทิ เก๊กฮวย ขิง มะตูม ดอกคำฝอย หล่อฮั้งก้วย เห็ดหลินจือ ซึ่งกว่าจะลงตัวในปัจจุบันนั้น ก็ลองผิดลองถูกมามาก กว่าจะประสบความสำเร็จได้ก็ใช้เวลาระยะหนึ่งเช่นกัน”

    หลักการทำเครื่องดื่มชงสมุนไพรนั้น ศักดิ์ชัยเล่าว่า ไม่ยากเลย ซึ่งตนก็ทดลองทำทุกแบบทุกสไตล์แล้ว แต่การทำให้ได้คุณภาพและได้ราคาที่สามารถแข่งขันในท้องตลาดนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณภาพเครื่องจักรสำคัญมาก หากใครที่มีความสามารถที่จะลงทุนได้ ก็ต้องลงทุน แต่ถ้าจะทำขายแบบพื้นฐาน ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป

    ศักดิ์ชัยอธิบาย ว่า การทำเครื่องดื่มชงสมุนไพรสำเร็จรูปแบบผงนั้นถ้าไม่มีหรือไม่ใช้อุปกรณ์ซึ่งเป็นเครื่องจักรราคาสูง อุปกรณ์หลัก ๆ ได้แก่ หม้อต้มน้ำ, กระทะ, เตาแก๊ส ส่วนวิธีทำนั้น หากเป็น ขิงผง ต้องใช้ขิงปริมาณ 1.5 กก. ปั่นเอาน้ำ ไม่เอากาก จากนั้นผสมกับน้ำตาล สำหรับสัดส่วนปริมาณนั้น ก็ตามแต่สูตร

    หากเป็นสูตรแบบชาวบ้าน ใช้น้ำขิง 1 กก. ต่อน้ำตาลทราย 2 กก. เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งตกผลึกเป็นผง ซึ่งขิงผงที่ออกมานั้นได้เท่ากับจำนวนน้ำตาล เพราะน้ำตาลเป็นสารที่ตกผลึก ส่วนน้ำขิงนั้นจะถูกเคี่ยวผสมให้เข้ากับน้ำตาลจนงวดไป จากนั้นก็จะเข้ากระบวนการตากแดดให้แห้ง และเข้าตู้อบ แล้วใส่บรรจุภัณฑ์

    เช่นเดียวกับ มะตูมผง, เก๊กฮวยผง, หล่อฮั้งก้วยผง ที่จะต้องต้มน้ำสมุนไพรแต่ละอย่างให้เรียบร้อยเสียก่อน ก่อนที่จะนำไปเคี่ยวกับน้ำตาลในกระทะให้แห้ง อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ต้องการจะผ่านขั้นตอนการเคี่ยวให้ตกผลึก รวมไปถึงขั้นตอนการตากแดด และเข้าตู้อบให้แห้ง จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ ซึ่งต้องใช้ความร้อนสูง ดูดน้ำสมุนไพร แล้วพ่นลงในถัง ซึ่งเมื่อเจอไอร้อนน้ำสมุนไพรจะร่วงเป็นผง ซึ่งพร้อมบรรจุได้เลย อุปกรณ์ดังกล่าวมีราคาสูง ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของกิจการ และกำลังในการลงทุนอุปกรณ์ว่ามีมากน้อยเพียงใด

    ส่วนปริมาณในบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรแบบผง คือ 15 กรัมต่อซอง บรรจุกล่อง กล่องละ15 ซอง ขายกล่องละ 65-100 บาท (ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ) ส่วนกำไรต่อกล่องหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ประมาณ 7-10 บาทขึ้นไป

    นอกจากเครื่องดื่มสมุนไพรผง กลุ่มนี้ยังทำ หมี่กรอบ 3 รส บรรจุใส่ถุงพลาสติกคล้ายขนมอบกรอบ ซึ่งศักดิ์ชัยอธิบายว่า ก็คือหมี่กรอบทั่ว ๆ ไป แต่ทำให้ทานง่าย สะดวกขึ้น โดยทางกลุ่มได้ออกแบบเครื่องหั่นหมี่ให้เป็นชิ้น ๆ เป็นแท่ง ๆ มีขนาดยาวพอคำ รวมไปถึงการปรับปรุงรสชาติ เช่น การใช้น้ำมะนาวแทนน้ำมะขามเปียก ใส่ไข่ไก่เพิ่มเติม ซึ่งการลงทุนในอุปกรณ์นี้ ประมาณ 100,000 บาท หรืออาจจะใช้ใช้วิธีหั่นมือก็ได้

    “จุดเริ่มต้นตรงนี้เกิดมาจากการไปออกบูธขายในมหาวิทยาลัย ซึ่งมีแต่วัยรุ่นแทบทั้งสิ้น ส่วนเครื่องดื่มสมุนไพรผงนั้นไม่มีคนสนใจ ดังนั้นจึงเกิดแรงบันดาลใจว่าจะทำขนมซึ่งเป็นของว่างแบบไทย ๆ แต่ถูกใจวัยรุ่น ซึ่งหมี่กรอบนั้นมีสูตรอยู่แล้ว จึงนำมาปรับปรุงให้เป็นขนม ให้ทานง่าย”

    สูตรหมี่กรอบนั้น หมี่กรอบ 3 รส ปริมาณ 100 กรัม ประกอบไปด้วย เส้นหมี่ 30% ไข่ไก่ 15% หอมหัวใหญ่ 13% น้ำมันปาล์ม 9% น้ำตาลทราย 9% ซอสพริก 8% น้ำมะนาว7% ขายในราคากล่องละ 35 บาท 3 กล่อง 100 บาท ซึ่งหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วจะได้กำไรประมาณ 15-20 บาท

    สนใจ “เครื่องดื่มสมุนไพรแบบผงสำเร็จรูป” และหมี่กรอบ 3 รสรูปแบบใหม่ ของกลุ่มอาชีพเครื่องสมุนไพร ติดต่อศักดิ์ชัย โชติชัชวาล ประธานกลุ่ม ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1816-9904 และ 0-2749-2249.

    สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"พายุงวงช้าง" โผล่สมุทรสงคราม
    Local - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 เมษายน 2553 03:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=492 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=492>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ภาพ"พายุงวงช้าง" หรือ "พญานาคเล่นน้ำ" ที่เกิดขึ้นในจังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากสภาอากาศแปรปรวน จากการที่มวลอากาศเย็นพัดผ่านอากาศร้อนที่อยู่เหนือผิวน้ำ ทำให้อากาศที่ร้อนเคลื่อนตัวขึ้นไปหาจุดที่เย็นกว่าอย่างรวดเร็ว และดูดเอาน้ำขึ้นด้วย

    ปรากฏดังกล่าวไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักในประเทศไทย แต่ในปี 2551 ที่ผ่านมา พบ"พายุงวงช้าง"เกิดขึ้นในทะเลอันดามัน ที่ จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ต่อมา วันที่ 9 ก.ย.เกิดที่บึงบรเพ็ด จ.นครสวรรค์ และวันที่ 12 ก.ย.เกิดที่บริเวณเกาะล้าน พัทยา

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=427 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=427>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=492 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=492>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=406 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=406>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    __/|\__

    โมทนาสาธุครับ
     
  8. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    __/|\__


    โมทนาสาธุทุกประการครับ
     
  9. Natachai

    Natachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +937
    โมธนาสาธุทุกเรื่องทุกประการเกี่ยวกับงานบุญงานกุศลครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมและพี่ชนิดา เป็นตัวแทนของคณะกองทุนหาพระถวายวัด ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กัสสปะพุทธเจ้า , พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ( พระเสโทธาตุ และ ผิวหนังด้านหลัง )

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ไปถวายหลวงพ่อ พระธรรมบัณฑิต (เจ้าอาวาส วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก) ซึ่งหลวงพ่อท่านได้โมทนาบุญกับคณะกองทุนหาพระถวายวัด

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    พระอุโบสถ


    หลวงพ่อท่านได้มอบหนังสือและพระพิมพ์ให้กับคณะกองทุนหาพระถวายวัด ท่านละ 1 ชุด (พระพิมพ์ 1 องค์ และหนังสือ 1 เล่ม)

    [​IMG]


    และหลวงพ่อท่านจะเดินทางไปทวีปยุโรป ท่านจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม กัสสปะพุทธเจ้า , พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ( พระเสโทธาตุ และ ผิวหนังด้านหลัง ) ไปประดิษฐานที่ทวีปยุโรป ( 3 ประเทศ คือ ประเทศอังกฤษ , ประเทศฝรั่งเศษ และ ประเทศเนเธอร์แลนด์) ขอกราบโมทนาบุญกับหลวงพ่อด้วยครับ

    ขอโมทนาบุญกับคณะกองทุนหาพระถวายวัดทุกๆท่านครับ



    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.JPG
      1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.4 KB
      เปิดดู:
      69
    • 2.JPG
      2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      89.7 KB
      เปิดดู:
      71
    • 3.JPG
      3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      99.3 KB
      เปิดดู:
      60
    • 180420102486.jpg
      180420102486.jpg
      ขนาดไฟล์:
      797.1 KB
      เปิดดู:
      51
    • 180420102487.jpg
      180420102487.jpg
      ขนาดไฟล์:
      476.4 KB
      เปิดดู:
      58
    • 180420102500.jpg
      180420102500.jpg
      ขนาดไฟล์:
      468.6 KB
      เปิดดู:
      53
    • 180420102490.jpg
      180420102490.jpg
      ขนาดไฟล์:
      459.6 KB
      เปิดดู:
      60
    • 180420102491.jpg
      180420102491.jpg
      ขนาดไฟล์:
      455.3 KB
      เปิดดู:
      54
    • 180420102497.jpg
      180420102497.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.8 KB
      เปิดดู:
      51
    • 180420102498.jpg
      180420102498.jpg
      ขนาดไฟล์:
      209.5 KB
      เปิดดู:
      50
    • 180420102499.jpg
      180420102499.jpg
      ขนาดไฟล์:
      248.5 KB
      เปิดดู:
      67
    • 180420102488.jpg
      180420102488.jpg
      ขนาดไฟล์:
      937.2 KB
      เปิดดู:
      56
    • 180420102489.jpg
      180420102489.jpg
      ขนาดไฟล์:
      882.1 KB
      เปิดดู:
      52
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2010
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    กองทุนหาพระถวายวัด

    โดยพี่เปี๊ยกเป็นผู้ที่แจ้งเข้ามา และเป็นตัวแทนของคณะกองทุนหาพระถวายวัดในการถวายพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ และพระบูชา หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางภัตตกิจ หน้าตัก 9" ถวายตามวัดต่างๆดังนี้

    รายชื่อวัดที่ถวายพระบรมสารีริกธาตุเมื่อวันที่ 14-15 เมษายน พ.ศ.2553

    1. วัดชัยนาม (โพนสามเสร็จ) อ.ด่านซ้าย จ.เลย
    2. วัดโคกงาม อ.ด่านซ้าย จ.เลย
    3. วัดป่าบ้านห้วยทอง อ.ด่านซ้าย จ.เลย
    4. วัดป่าบ้านหล่น อ.ด่านซ้าย จ.เลย
    5. วัดป่าบ้านโพนสูง (สุภะไตรลักษณ์) อ.ด่านซ้าย จ.เลย
    6. วัดป่าบ้านกกโพธิ์วังกำ อ.ด่านซ้าย จ.เลย
    7. วัดป่าบ้านศาลาน้อย อ.ด่านซ้าย จ.เลย
    8. วัดป่าวังเวิน อ.ด่านซ้าย จ.เลย
    9. วัดโพนชัย อ.ด่านซ้าย จ.เลย
    10.วัดป่าช้าหนองอุมลัว

    รายชื่อวัดที่ถวาย พระบูชา พระอุปคุตเถระเจ้า หน้าตัก 9 "

    1. วัดชัยนาม (โพนสามเสร็จ) (มีนาคม 2553)
    2. วัดป่าช้าหนองอุมลัว (15 เมษายน 2553)
    3. วัดป่าบ้านโพนสูง(สุภะไตรลักษณ์) (15 เมษายน 2553)

    มาโมทนาบุญกับพี่เปี๊ยก และสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัดกันครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วันนี้ ผมได้คุยกับพี่เปี๊ยกเรื่องของการถวายพระบรมฯ ผมได้สอบถามกับพี่เปี๊ยกว่า จะสามารถถวายพระบรมฯได้อีกสัก 30 วัดได้หรือเปล่า

    พี่เปี๊ยกตอบกับผมมาว่า ได้เลย ยังมีวัดที่ต้องการอัญเชิญพระบรมฯอีกมาก แต่พี่เปี๊ยกจะขอดูว่า จะอัญเชิญไปวัดไหนดี

    ความคืบหน้าผมจะมาแจ้งให้ทราบกันอีกครั้งครับ

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่วนทางพี่ชนิดา แจ้งผมว่า จะอัญเชิญพระบรมฯไปที่จังหวัดสุรินทร์ , ศรีลังกา และ สหรัฐอเมริกา (รัฐอลาสก้า)

    พี่สิทธิพร แจ้งผมว่า มีโครงการที่จะอัญเชิญพระบรมฯ ไปที่ประเทศศรีลังกาเช่นกัน

    รายละเอียดความคืบหน้า ผมจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีคำถามมาถามผม

    งานของกองทุนหาพระถวายวัด เลขที่บัญชีซึ่งไม่แจ้งบนบอร์ด และ จะต้องเป็นผู้ที่รู้จักส่วนตัวหรือ(เป็นสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า หรือคณะพระวังหน้า)

    ทำบุญยังแบ่งชั้นฯ อิอิ

    ถ้าแบบนี้ผมก็ได้แต่ขอร่วมโมทนาบุญ กับทุกๆท่านที่ได้มีส่วนร่วมงานของกองทุนหาพระถวายวัดตั้งแต่เริ่มโครงการจนกระทั่งสิ้นสุดโครงการฯ
    โมทนาสาธุกับคณะกองทุนหาพระถวายวัดทุกท่านทุกประการครับ

    ---------------------------------------------------------------

    ผมขอนำมาตอบบนบอร์ดอีกครั้งครับ

    ความตั้งใจเดิมของผม ในเรื่องของการคิด การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปประดิษฐานตามวัดต่างๆ เริ่มมาประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ผมเองได้รับพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มา ก็เลยมีความคิดดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้ทำ เนื่องจากมีอุปสรรคต่างๆมากมาย จนเมื่อไม่นานมานี้ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ก็เลยคุยกับคุณnongnooo และคุณpsombat ว่า อยากจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปถวายตามวัดต่างๆ ทั้งผม ,คุณnongnooo และคุณpsombat ได้ร่วมบริจาคเงินมา ผมก็เลยใช้คำว่า กองทุนหาพระถวายวัด ในการถวายพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า , พระบูชา และพระวังหน้า ให้วัดต่างๆให้ได้ทุกภาคของประเทศไทย

    บัญชีที่ใช้ในการโอนเงินร่วมทำบุญนั้น ผมได้ไปเปิดบัญชีใหม่ โดยใช้ชื่อผม เพื่อสดวกในการถอนเงิน และจัดทำบัญชีให้กับทุกๆท่านที่ได้ร่วมบริจาคทำบุญ

    หากผมรับบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า หรือคณะพระวังหน้า ผมเกรงว่า จะมีปัญหาในภายหลังในเรื่องของกิจกรรมงานบุญว่า จะถอนทำอย่างนี้ ผมไม่เห็นด้วย หรือ น่าจะทำแบบนั้น (ที่ผมและสมาชิกส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย) หรือปัญหาอื่นๆ

    ในปัจจุบัน ทุกๆท่านที่ได้ร่วมทำบุญกับกองทุนหาพระถวายวัด ได้ให้สิทธิกับผมในการดำเนินงานบุญ ว่า จะทำอย่างไร ก็ได้ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนหาพระถวายวัด ที่ผมได้แจ้งบนบอร์ดไปแล้วครับ

    อย่างไรก็ตาม สามารถร่วมโมทนาบุญกับคณะกองทุนหาพระถวายวัดได้ตลอดเวลาที่คณะกองทุนหาพระถวายวัดได้ทำบุญในทุกๆที่ ทุกๆบุญครับ



    ------------------------------------------------


    กองทุนหาพระถวายวัด
    การที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พระพุทธกัสสปะ ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ , พระบูชาต่างๆ หรือ พระวังหน้าพิมพ์ต่างๆ ไปถวายตามวัดต่างๆนั้น ต้องใช้หลักการในการพิจารณาเบื้องต้น คือ

    การต้องไปแจ้งความประสงค์กับเจ้าอาวาสวัดนั้นๆก่อน

    ต่อมาก็คือ

    1.ต้องดูว่า วัดที่เราจะไปถวายนั้น ต้องมีที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พระพุทธกัสสปะ ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ , พระบูชาต่างๆ หรือ พระวังหน้าพิมพ์ต่างๆ ที่เหมาะ ที่สมควร

    2.พระภิกษุหรือวัดที่เราจะไปถวาย พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พระพุทธกัสสปะ ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ , พระบูชาต่างๆ หรือ พระวังหน้าพิมพ์ต่างๆ ต้องไม่มีการปรามาสโดยเด็ดขาด

    3.ท่านผู้ที่ถวาย จะเป็นตัวแทนของคณะกองทุนหาพระถวายวัด ในการถวาย พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พระพุทธกัสสปะ ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ , พระบูชาต่างๆ หรือ พระวังหน้าพิมพ์ต่างๆ

    4.ท่านผู้ที่ถวาย ต้องบอกรายละเอียดเบื้องต้นของ พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พระพุทธกัสสปะ ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม , พระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า , พระธาตุพระอรหันต์ , พระบูชาต่างๆ หรือ พระวังหน้าพิมพ์ต่างๆ ได้

    การถวายพระวังหน้าพิมพ์ต่างๆ จะมีอยู่ 2 กรณีก็คือ

    1.การถวายเพื่อบรรจุตามพระเจดีย์ หรือ ฐานพระพุทธรูป หรืออื่นๆ
    2.การถวายพระภิกษุ เพื่อไว้มอบให้กับผู้ที่ไปทำบุญที่วัดนั้นๆ หรือเป็นการแจกฟรีกับผู้ที่ไปทำบุญที่วัดนั้นๆ การถวายในข้อนี้ ควรมีเอกสาร(พิมพ์รายละเอียดของของพระพิมพ์ที่จะถวายด้วย)

    สิ่งต่างๆที่ผมได้บอกไปนั้น เพื่อป้องกันในการที่เราจะไปสร้างกรรมให้กับพระภิกษุ ที่อยู่ที่วัดนั้นๆ กรรมที่พระภิกษุกระทำ จะมากกว่ากรรมที่บุคคลธรรมดากระทำ มากกว่าเยอะเลย

    โมทนาสาธุครับ
    http://palungjit.org/threads/พ�...2445.1875/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2010
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, dragonlord+, ekkasingha, sitprogpo </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ราตรีสวัสดิ์ครับ

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นิทานสอนใจ : 'นางทาสี' หญิงรับใช้ ผู้มี 'ปัญญาหญิง'
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 เมษายน 2553 11:28 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในวันที่มีการเล่นมหรสพวันหนึ่ง ในเมืองสารัตถี ประเทศอินเดีย หญิงคนใช้คนหนึ่งของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ต้องการไปเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ในสวน จึงขอยืมเครื่องประดับ เครื่องแต่งกายของนายหญิง คือ นางบุญลักษณเทวี (ภรรยาของอนาถบิณฑิกเศรษฐี) หญิงผู้เป็นนายก็ยอมให้ยืม เพราะเห็นเป็นคนรับใช้คนสนิท และสามารถคุ้มครองรักษาเครื่องประดับนั้นได้ ซึ่งมีราคาถึงหนึ่งแสนกหาปณะ (ชื่อมาตราเงินในสมัยโบราณ 1 กหาปณะเท่ากับ 20 มาสก หรือ 4 บาท)

    นางประดับเครื่องแต่งกายอันสวยงามแล้วไปเล่นในสวนกับหมู่หญิงคนใช้ด้วยกัน โจรคนหนึ่งเกิดโลภ อยากได้เครื่องประดับของหญิงคนนั้น คิดว่าเธอจะฆ่าเธอเอาทรัพย์เสีย จึงเข้าตีสนิทเดินสนทนากันไป ซึ่งได้ให้ปลาเนื้อ และสุราแก่เธอ นางคิดว่าชายคนนี้คงให้ของแก่เธอด้วยความเสน่ห์หา จึงรับไว้ แล้วเที่ยวเล่นในสวนด้วยกัน แต่เพื่อจะทดลองให้รู้แน่ชัด ตกเย็นจึงปลุกเพื่อนๆ ผู้เล่นจนเหนื่อยแล้วหลับไปให้ลุกขึ้น แล้วตัวเองไปหาโจร เผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนๆ จะพอช่วยได้ โดยโจรกล่าวว่า

    "ที่รัก ตรงนี้ไม่ค่อยมิดชิดนัก ไปอีกหน่อยเถิด"

    นางคิดว่า ตรงนี้ อันที่จริง ก็มิดชิดพอที่จะแสดงความรักใคร่เสน่หาสำหรับผู้ที่มีความรักโดยสุจริต ชายผู้นี้คงคิดจะฆ่าเราเอาเครื่องประดับเป็นแน่ แต่ก็เอาเถอะ เราจะสอนให้เขารู้ว่าผลแห่งการคิดชั่วนั้น เป็นอย่างไร นางบอกตัวเอง และกล่าวว่า

    "นาย ฉันอ่อนเพลียเพราะดื่มสุรามาก รวมทั้งคอแห้งกระหายน้ำ ท่านจงหาน้ำให้ฉันดื่มก่อนเถิด"

    เมื่อเดินกันไป เจอบ่อน้ำแห่งหนึ่ง นางขอให้ชายตักน้ำในบ่อ ชี้เชือก และหม้อน้ำให้ โจรเอาเชือกผูกหม้อน้ำ แล้วหย่อนลงบ่อ ขณะที่โจรก้มหลังจะตักน้ำ นางผู้มีกำลังมากจึงใช้มือทั้งสองทุบตะโพกโจรแล้วผลักลงไปในบ่อ เห็นว่าเพียงเท่านี้คงยังไม่ตาย จึงเอาหินแผ่นใหญ่ทุ่มลงตรงศีรษะพอดี โจรตายในบ่อนั้น

    นางกลับเข้าเมือง มอบเครื่องประดับให้นาย เล่าเรื่องทั้งหมดให้นายทราบ บอกว่าเกือบตาย เพราะเครื่องประดับนี้ นางบุญลักษณเทวีเล่าเรื่องนี้ให้ท่านอนากบิณฑิกเศรษฐีทราบ จึงได้ทูลเล่าเรื่องนั้นให้พระพุทธเจ้าทรงทราบต่อไป

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า นางทาสี (หญิงรับใช้) คนนี้ เป็นผู้มีปัญญาหญิงรู้เท่าทันเหตุการณ์ ไม่เพียงแต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

    ย้อนกลับไปในอดีตกาล หญิงโสเภณีคนหนึ่ง ชื่อ "สุลสา" มีหญิงเป็นบริวารถึง 500 คน ราคาค่าตัวของนางคืนละห้าพันกหาปณะ ในเมืองพาราณสีนั้นมีโจรคนหนึ่งชื่อ "สัตตุกะ" มีกำลังประดุจช้างสาร กลางคืนเที่ยวปล้นทรัพย์ชาเมืองตามใจชอบ ชาวเมืองประชุมกันร้องทุกข์แด่พระราชา

    วันหนึ่ง โจรสัตตุกะถูกจับได้ ถูกเฆี่ยนด้วยหวายทีละ 5 เส้น กำลังถูกนำไปสู่ตะแลงแกง (ที่ฆ่า) นางสุลสายืนอยู่ที่หน้าต่างเห็นโจรผู้นั้น เกิดความพอใจอยากได้ไว้เป็นสามี คิดว่า ถ้าได้โจรนั้นเป็นสามี ก็จะเลิกอาชีพโสเภณี จึงให้บริวารไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ เป็นจำนวนเงินพันกหาปณะ

    เมื่อโจรพ้นโทษแล้ว นางก็ได้อยู่ร่วมอภิรมย์กับโจรนั้น ล่วงมา 3-4 เดือน โจรคิดจะฆ่านางเพื่อเอาเครื่องประดับซึ่งราคานับเป็นเงินแสนกหาปณะ จึงได้บอกนางว่า ตอนที่ถูกจับนั้น ได้ผ่านภูเขาลูกหนึ่งบนบานกับรุกขเทพว่า ถ้าพ้นโทษได้ ก็จะนำพลีกรรมมาถวาย ขอให้นางแต่งกายอย่างสวยงามด้วยเครื่องประดับราคาแพงเมื่อทำพลีกรรมด้วยกัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=247 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=247>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอบคุณภาพจาก http://img159.imageshack.us</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เมื่อไปถึงเชิงเขา โจรบอกกับนางว่า ควรให้บริวารกลับไปเสีย หรือให้คอยอยู่ที่เชิงเขานั่นแหละ เพราะถ้าขึ้นไปทั้งหมด รุขเทวดาเห็นคนมาก จักไม่รับพลีกรรม นางสุลสา ตกลงตามคำของโจร นางแบกถาดเครื่องทำพลีกรรมขึ้นไป ส่วนโจรเหน็บอาวุธ 5 ชนิด เดินขึ้นไปบนภูเขา เขาให้นางวางถาดเครื่องพลีกรรมไว้ที่โคมไม้ปากเหวลึก ลึกถึงร้อยชั่วคน และพลางกล่าวว่า

    "ฉันมานี่ ที่จริง ไม่ใช่มาเพื่อทำพลีกรรมดอก แต่มาเพื่อฆ่าเธอเอาเครื่องประดับ เธอจงรีบถอดเครื่องประดับของเธอออกมาห่อผ้าเถิด"

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางรู้สึกตกใจ ไม่คาดหวังว่า เหตุการณ์ทำนองนี้จะเกิดขึ้น ไม่คิดว่า สันดานโจรจะเป็นสิ่งที่ละทิ้งไม่ได้ นางจึงรำพันให้สามีโจรฟังว่า

    "นาย ลองระลึกถึงคุณที่ฉันทำไว้บ้าง ฉันปลดเปลื้องนายจากโจรที่จะต้องถูกประหารชีวิต มาเป็นลูกเขยเศรษฐี มีทรัพย์มั่งคั่ง มีบริวาร กินอยู่สบาย ฉันเองแม้เคยได้ทรัพย์ถึงวันละห้าพันกหาปณะ ก็ละทิ้งรายได้นั้นเสีย เพราะเห็นแก่นาย ฉันไม่เหลียวแลชายอื่นอีกเลย นายลองนึกถึงความดีของฉันดูเถิด อย่าฆ่าฉันเลย เมื่อนายไว้ชีวิตฉัน ทั้งตัวฉัน และทรัพย์สมบัติของฉันทั้งหมด ก็เป็นของนายอยู่แล้ว ฉันยอมเป็นทาสี (หญิงรับใช้) รับใช้ท่าน"

    โจรไม่ยอมฟังเสียงรำพันของนาง ยืนยันจะฆ่าเอาเครื่องประดับอย่างเดียว นางนึกวางแผนอยู่ในใจจึงกล่าวว่า

    "ตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ ฉันไม่เคยรักชายอื่นเลย ฉันรักนายคนเดียว ไหนๆ ฉันก็จะตายแล้ว ขอกอดนายให้สมใจรักอีกสักครั้งหนึ่งเถิด"

    ความโลภเข้าครอบงำ โจรมิได้เฉลียวถึงอันตราย จึงนั่งอย่างไม่ระวัง นางสุลสาสวมกอดโจรผู้เป็นสามีพร่ำรำพันถึงความรัก ความอาลัยว่า ต่อไปนี้ จะไม่ได้เห็นกันแล้ว ไหว้โจรข้างหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง เมื่อตอนอยู่ข้างหลัง โจรเผลอตัว นางจึงได้ใช้กำลังทั้งหมด ผลักโจรลงไปในเหวสิ้นชีวิต

    เทพผู้สถิตย์อยู่ ณ ภูเขานั้น ได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด กล่าวขึ้นด้วยความยินดีว่า

    "ชายจะเป็นผู้เฉลียวฉลาดเป็นบัณฑิตในที่ทุกแห่งก็หาไม่ หญิงผู้เฉลียวฉลาดมีปัญญาวิจักษ์ คือแจ่มแจ้งชัดเจนก็เป็นบัณฑิตได้เหมือนกัน"

    "ดูเถิด ดูตัวอย่าง นางสุลสาฆ่าโจรสัตตุกะได้อย่างรวดเร็ว เหมือนพรานเนื้อผู้ฉลาด ฆ่าเนื้อได้อย่างฉับพลัน ในโลกนี้ ผู้ใดไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า เบาปัญญา ผู้นั้นย่อมถูกฆ่าตายเหมือนโจรสัตตุกะ ส่วนผู้ใดรอบรู้เหตุการณ์เฉพาะหน้า มีไหวพริบ ผู้นั้นย่อมสามารถทำตนให้พ้นจากการเบียดเบียนของศัตรูได้ เหมือนสุลสาพ้นจากโจรสัตตุกะ ฉันนั้น"

    การกระทำของสุลสา ได้รับการสรรเสริญจากเทพผู้เป็นบัณฑิต เพราะเห็นว่า การกระทำนั้นสมควรแก่เหตุ นายโจรนั้น เป็นคนอกตัญญูประทุษร้ายมิตร สมควรได้รับผลเช่นนั้น ถ้าไม่ปราบปรามคนชั่วเช่นนี้ คนดีก็อยู่ลำบาก หรืออาจอยู่ไม่ได้ เพราะถูกเบียดเบียนบีบคั้น การกระทำอะไรให้สมควรแก่เหตุ จึงได้รับการยินยอม ได้รับการสรรเสริญจากบัณฑิตอยู่เสมอ

    ในสมัยพุทธกาล ก็เคยมีประวัติของพระเถรีอรหันต์รูปหนึ่ง ชื่อ "กุณฆลเกสี" เคยช่วยโจรไว้จากการประหารชีวิต ทำนองเดียวกับเรื่องสุลสานี้ ซึ่งโจรได้หลอกท่านไปฆ่าที่ภูเขา และท่านก็ได้ผลักโจรลงเหวในทำนองเดียวกัน ต่อมา ได้มาบวชในสำนักปริพพาชก และได้พบพระสารีบุตร ได้บวชเป็นภิกษุณีในพุทธศาสนาได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

    'ปัญญาหญิง' เป็นคุณธรรมสำคัญ สำหรับวินิจฉัยเหตุการณ์ว่า ในเหตุการณ์ใด ควรทำอย่างไรเป็นเนปักกปัญญา คือ ปัญญาเป็นเครื่องคุ้มครองรักษาตน แต่ไม่ได้หมายความว่า "ดีแต่เอาตัวรอด" ไม่กล้าเผชิญหน้ากับอุปสรรคอันตราย เป็นคนกล้าแต่กล้าอย่างมีปัญญา มิใช่กล้าอย่างโง่เขลา อันเป็นเหตุนำตนเข้าหาภัยพิบัติ

    ขอบคุณนิทานดีๆ จากหนังสือเพื่อเยาวชนครับ ^_^
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ถวายพระบรมฯ: แม่สอด-(แม่ระมาด-ท่าสองยาง-สบเมย)-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน#4

    - สวัสดีครับ สำหรับเมื่อวาน (18 เม.ย. 2553)
    - ออกจากที่พักแต่เช้า เริ่มถวายพระบรมสารีริกธาตุวัดแรก ประมาณ 9 สัญฐาน กับของพระปัจเจกพุทธเจ้าอีก 3 องค์ ให้กับเจ้าอาวาสวัดแม่สวด ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
    - เป็นจังหวะพอดีที่มีญาติโยมพึ่งมาถวายพระพุทธรูปหินหยกเขียว แกะสลักสวยงาม เพื่อเป็นพระประธานในพระอุโบสถไม้สัก ศิลปะล้านนา
    - พระคุณเจ้าจักนำขึ้นบรรจุบนพระเศียร กับสมโภชในวันเพ็ญเดือนหกนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1140076.jpg
      P1140076.jpg
      ขนาดไฟล์:
      195.3 KB
      เปิดดู:
      762
    • P1140079.jpg
      P1140079.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.6 KB
      เปิดดู:
      77
    • P1140081.JPG
      P1140081.JPG
      ขนาดไฟล์:
      242.1 KB
      เปิดดู:
      99
    • P1140084.JPG
      P1140084.JPG
      ขนาดไฟล์:
      248.9 KB
      เปิดดู:
      88
    • P1140085.JPG
      P1140085.JPG
      ขนาดไฟล์:
      120.9 KB
      เปิดดู:
      82
    • P1140086.JPG
      P1140086.JPG
      ขนาดไฟล์:
      223.2 KB
      เปิดดู:
      81
    • P1140087.JPG
      P1140087.JPG
      ขนาดไฟล์:
      129.4 KB
      เปิดดู:
      87
    • P1140089.JPG
      P1140089.JPG
      ขนาดไฟล์:
      113.9 KB
      เปิดดู:
      106
    • P1140091.JPG
      P1140091.JPG
      ขนาดไฟล์:
      174.2 KB
      เปิดดู:
      82
    • P1140092.JPG
      P1140092.JPG
      ขนาดไฟล์:
      177.9 KB
      เปิดดู:
      85
    • P1140094.JPG
      P1140094.JPG
      ขนาดไฟล์:
      190.4 KB
      เปิดดู:
      90
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2010
  18. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ถวายพระบรมฯ: แม่สอด-(แม่ระมาด-ท่าสองยาง-สบเมย)-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน#5

    - ภาพเก็บตกระหว่างการเดินทางคดเคี้ยวอันยาวไกล
    - ตามแถบชายแดนไทย-พม่า สังเกตุเห็นธงของทหารกระเหรี่ยงพุทธ (BKDA) ไกลๆลิบๆ (ไม่มีรูป)
    - ได้ยินแต่ว่าไฟมาป่าหมด แต่ผมว่า...ไฟมาป่ายัง(เพราะมันไหม้เฉพาะต้นหญ้า ส่วนยืนต้นที่แข็งแรงยังอยู่) แต่คนมาป่าหมด (เหลือแต่ตอ)
    - ทำให้สะท้อนในจิตใจอยู่ว่า ร้อนขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวกันอีก (ลืมนึกไปว่า ปากท้องมันร้อง มือมันก็พาไปเช่นกัน) เขาเผาทำลายป่าเพื่อขยายพื้นที่ทำมาหากิน
    - ส่วนในป่าลึกต้นไม้ขนาดสิบคนโอบยังได้ยินว่าตัดกันอยู่เนืองๆนะ (ตัดกันในไทยนี่แหละ แล้วทำเป็นว่าขนมาจากพม่า (ตัดในพม่าโดนปืนโดยไม่ต้องถาม) ไม่รู้ทำกันได้ไงเพราะไม่อยากรู้)
    - ถนนแม่สอด-แม่ฮ่องสอน เขาจะสร้างให้เสร็จภายในปี 2558
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1140095.JPG
      P1140095.JPG
      ขนาดไฟล์:
      127.7 KB
      เปิดดู:
      77
    • P1140101.JPG
      P1140101.JPG
      ขนาดไฟล์:
      197 KB
      เปิดดู:
      79
    • P1140110.JPG
      P1140110.JPG
      ขนาดไฟล์:
      172 KB
      เปิดดู:
      83
    • P1140113.JPG
      P1140113.JPG
      ขนาดไฟล์:
      153.2 KB
      เปิดดู:
      78
    • P1140125.JPG
      P1140125.JPG
      ขนาดไฟล์:
      218.2 KB
      เปิดดู:
      86
    • P1140132.JPG
      P1140132.JPG
      ขนาดไฟล์:
      215.3 KB
      เปิดดู:
      73
    • P1140135.JPG
      P1140135.JPG
      ขนาดไฟล์:
      134 KB
      เปิดดู:
      32
    • P1140142.JPG
      P1140142.JPG
      ขนาดไฟล์:
      185.8 KB
      เปิดดู:
      46
    • P1140144.JPG
      P1140144.JPG
      ขนาดไฟล์:
      170.8 KB
      เปิดดู:
      36
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2010
  19. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ถวายพระบรมฯ: แม่สอด-(แม่ระมาด-ท่าสองยาง-สบเมย)-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน#6

    - วัดที่สองในวันนี้ (18 เม.ย. 2553) คือวัดมงคลคีรีเขตร์ หรือวัดครูบาสร้อย อดีตพระเกจิชื่อดังแห่งขุนเขาแม่ตะวอ
    - เดินไปอีกฟากก็เป็นพม่าแล้วครับ สมัยก่อนสู้รบกันระหว่างทหารพม่ากับทหารกะเหรี่ยง ลูกปืนใหญ่ยังข้ามมาตกที่เขตวัด แต่ไม่ระเบิดอะนะ :)
    - สังขารครูบาไม่เน่าเปื่อย
    - ตามรูปเห็นท่านเข้าวังพบเจ้าฟ้าชายกับองค์โสมฯนะ
    - ภาพศูนย์ศึกษาฯ ปรากฎจุดสีขาวลางๆประมาณ 6 จุด จนผมสงสัยเลยถ่ายใหม่ ก็ไม่ปรากฏแสงดังกล่าวอีกในรูปต่อๆมา
    - หลวงพ่อเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันท่าน
    กำลังสร้างพระเจดีย์ครอบในจุดเดิม เพื่อบรรจุพระบรมฯต่อไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1140147.jpg
      P1140147.jpg
      ขนาดไฟล์:
      158.5 KB
      เปิดดู:
      85
    • P1140155.JPG
      P1140155.JPG
      ขนาดไฟล์:
      210.6 KB
      เปิดดู:
      82
    • P1140156.jpg
      P1140156.jpg
      ขนาดไฟล์:
      193 KB
      เปิดดู:
      78
    • P1140158.JPG
      P1140158.JPG
      ขนาดไฟล์:
      227.1 KB
      เปิดดู:
      76
    • P1140162.JPG
      P1140162.JPG
      ขนาดไฟล์:
      246.5 KB
      เปิดดู:
      86
    • P1140163.JPG
      P1140163.JPG
      ขนาดไฟล์:
      248.9 KB
      เปิดดู:
      84
    • P1140172.jpg
      P1140172.jpg
      ขนาดไฟล์:
      156.7 KB
      เปิดดู:
      91
    • P1140173.jpg
      P1140173.jpg
      ขนาดไฟล์:
      130.2 KB
      เปิดดู:
      858
    • P1140175.jpg
      P1140175.jpg
      ขนาดไฟล์:
      171.4 KB
      เปิดดู:
      85
    • P1140179.JPG
      P1140179.JPG
      ขนาดไฟล์:
      173.1 KB
      เปิดดู:
      84
    • P1140184.JPG
      P1140184.JPG
      ขนาดไฟล์:
      183.7 KB
      เปิดดู:
      85
    • P1140185.JPG
      P1140185.JPG
      ขนาดไฟล์:
      204.4 KB
      เปิดดู:
      77
  20. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ถวายพระบรมฯ: แม่สอด-(แม่ระมาด-ท่าสองยาง-สบเมย)-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน#7

    - วัดที่สามในวันนี้ (18 เม.ย. 2553) คือ สำนักสงฆ์แสนสุขกอมะแนะหรือ สนส.แสนสุขสันติธรรม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
    - ทราบจากประวัติ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสนามรบในยุคสมเด็จพระนเรศวร จะมีวิญญาณหิวโหย จำนวนมาก (อ่านได้ตามรูปตัวหนังสือ)
    - สนส.แห่งนี้กำลังสร้างพระธาตุเจดีย์จุฬามณีศรีสยาม กับอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร ประกาศอิสรภาพ (หันหน้าไปทางพม่า)
    - มองจากถนนใหญ่จะเด่นมาก
    - เดินข้ามแม่น้ำเมยก็พม่าแล้ว
    - ที่นี่ใช้แผงโซล่าเซล กับไฟฟ้าปั่น
    - สภาพทั่วไปภายใน สนส. แห่งนี้ .... ทุกคนต้องช่วยกันสร้างเจดีย์ แดดนี่ เรียกว่าเผาไหม้ก็แล้วกัน :)
    - ระหว่างที่รอหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่ศาลา : หลวงพ่อท่านเอารถไปซ่อมเพราะรถเก่า เพลาหลุดบ่อย จะขึ้นมาข้างบน สนส.ก็ลำบาก ท่านบอกว่า
    "อาตมาก็สงสัยอยู่ว่าทำไมวันนี้รุกรี้รุกรน รีบจะกลับวัดให้ได้ ขนาดจะเจาะรูน็อตมี 4 รูยังรีบเจาะได้เพียง 1 รูก็พอ พอมาถึงวัดถึงได้รู้ว่ามีคนนำพระบรมฯมาถวาย นี่คุยกันอาตมายังขนลุกไม่หายเลย" ท่านก็บอกต่อว่าจะทำการสวดสมโภชทุกวัน จนถึงวันดีจะทำการอัญเชิญขึ้นบนพระธาตุ
    - ก็ได้พูดคุยกันถึงการที่ท่านเดินทางไปพม่ากับการใช้ชีวิตบนดอย ท่านบอกว่า
    "นั่งรถในพม่าไม่กิน 3 นาทีจำกันไม่ได้ เพราะฝุ่นเยอะ จนท่านตอนนี้เป็นโรคภูมิแพ้และติดโรคมาจากฝั่งนู้นมา แถมที่วัดในป่ายังมีไข้ป่าอีก" นี่ยังไม่รวมถึงความยากจนของคนแถบนี้ สภาพอากาศ ยิ่งหน้าฝนจะตกชุกมาก พระที่อยู่ได้ต้องอดทนมากๆครับ
    - นอกจากพระบรมฯ พระพิมพ์ ปัจจัย ผมจึงได้ถวายน้ำมนต์จากบาตรน้ำมนต์ที่เตรียมมายามฉุกเฉินอีกด้วย
    - อ่อ...เมื่อวานได้ถวายน้ำมนต์ให้กับวัดถ้ำพระโบราณด้วยนะ
    - หลวงพ่อท่านก็ได้นำน้ำมนต์ไปเติมในอ่างน้ำมันต์ทันที

    - ชมรูปแทนละกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1140186.jpg
      P1140186.jpg
      ขนาดไฟล์:
      133.7 KB
      เปิดดู:
      112
    • P1140187.JPG
      P1140187.JPG
      ขนาดไฟล์:
      201.5 KB
      เปิดดู:
      102
    • P1140193.jpg
      P1140193.jpg
      ขนาดไฟล์:
      189.6 KB
      เปิดดู:
      105
    • P1140196.JPG
      P1140196.JPG
      ขนาดไฟล์:
      201.1 KB
      เปิดดู:
      88
    • P1140198.jpg
      P1140198.jpg
      ขนาดไฟล์:
      173 KB
      เปิดดู:
      102
    • P1140201.JPG
      P1140201.JPG
      ขนาดไฟล์:
      193.8 KB
      เปิดดู:
      90
    • P1140207.JPG
      P1140207.JPG
      ขนาดไฟล์:
      300.4 KB
      เปิดดู:
      90
    • P1140209.JPG
      P1140209.JPG
      ขนาดไฟล์:
      228.9 KB
      เปิดดู:
      78
    • P1140212.JPG
      P1140212.JPG
      ขนาดไฟล์:
      160.3 KB
      เปิดดู:
      1,048
    • P1140213.JPG
      P1140213.JPG
      ขนาดไฟล์:
      238.4 KB
      เปิดดู:
      82
    • P1140216.JPG
      P1140216.JPG
      ขนาดไฟล์:
      166.8 KB
      เปิดดู:
      89
    • P1140219.JPG
      P1140219.JPG
      ขนาดไฟล์:
      128.9 KB
      เปิดดู:
      99
    • P1140221.JPG
      P1140221.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108.2 KB
      เปิดดู:
      87
    • P1140222.JPG
      P1140222.JPG
      ขนาดไฟล์:
      126.4 KB
      เปิดดู:
      95
    • P1140223.JPG
      P1140223.JPG
      ขนาดไฟล์:
      182 KB
      เปิดดู:
      89
    • P1140226.jpg
      P1140226.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147 KB
      เปิดดู:
      81
    • P1140243.JPG
      P1140243.JPG
      ขนาดไฟล์:
      287.2 KB
      เปิดดู:
      94
    • P1140246.JPG
      P1140246.JPG
      ขนาดไฟล์:
      195.5 KB
      เปิดดู:
      77
    • P1140250.jpg
      P1140250.jpg
      ขนาดไฟล์:
      217.3 KB
      เปิดดู:
      80
    • P1140254.JPG
      P1140254.JPG
      ขนาดไฟล์:
      203 KB
      เปิดดู:
      98
    • P1140255.JPG
      P1140255.JPG
      ขนาดไฟล์:
      232 KB
      เปิดดู:
      90
    • P1140256.JPG
      P1140256.JPG
      ขนาดไฟล์:
      154 KB
      เปิดดู:
      92
    • P1140257.JPG
      P1140257.JPG
      ขนาดไฟล์:
      271.5 KB
      เปิดดู:
      93
    • P1140259.jpg
      P1140259.jpg
      ขนาดไฟล์:
      202.1 KB
      เปิดดู:
      1,089
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...