การสังเกต++สัญชาตญาณเตือนภัยของสัตว์++สิ่งบอกเหตุ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย mead, 22 พฤษภาคม 2007.

  1. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ที่เราต้องเฝ้าระวัง คือ จุดที่ปลาอพยพมา (ใต้ทะเลลึก) ตรงนั้นอาจจะมีอะไร อย่างช่วงที่เกิดซึนามิครั้งก่อน ก็มีสัตว์ใต้ทะเลมาโผล่ ตามที่ตื้น หรือ ปลาโลมาที่อพยพมาจำนวนมาก เมื่อสองสามเดือนก่อน เพราะแผ่นดินไหวที่ในทะเลอันดามัน

    คือ สิ่งผิดปกติใต้ทะเล อาจส่งผลมาถึงเรา ถึงแม้ว่าที่ๆ สัตว์อพยพมาจะเป็นที่ปลอดภัยมากกว่า เช่น แผ่นดินไหวใต้กทะเล ก่อคลื่นซึนามิ เข้ามาถึงชายฝั่งเป็นต้น[​IMG]
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    vanco <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1571381", true); </script>
    ทีมงานเว็บพลังจิต (เต้)

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2007
    ข้อความ: 13,531
    ได้ให้อนุโมทนา: 68,096
    ได้รับอนุโมทนา 108,861 ครั้ง ใน 13,372 โพส
    พลังการให้คะแนน: 5689 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    <!-- message --> <table width="725" align="center" bgcolor="#e2e2e2" border="5" bordercolor="#728dac" cellpadding="0"><tbody><tr><td bgcolor="#ecfae0">ตื่น!บางแสน น้ำเปลี่ยนสี ปลาเกยตื้นจำนวนมาก </td></tr></tbody></table><table width="100%" align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0"><tbody><tr bgcolor="#cccccc"><td valign="center">
    </td></tr><tr><td valign="top" align="middle"><table width="95%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td valign="top">วันนี้(12 ต.ค.) ที่บริเวณชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

    นักท่องเที่ยวหลายคนตกใจกับปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี และสัตว์น้ำทะเลตายเกลื่อน จากการสอบถาม ชาวบ้านละะแวกนั้น ทราบว่า
    เหตุการณ์ ดังกล่าวนั้นสาเหตุน่าจะมาจากน้ำจืดที่สะสมในทะเลมีมากเกินไปและไหลเข้าฝั่ง จึงทำให้ปลา และสัตว์น้ำทะเลที่หากินบริเวณชายฝั่งขาดอากาศหายใจตาย ส่วนปลาที่ตายนั้นสามารถนำมาทำกินได้ตามปกติ เพราะทุกปีที่หาดบางแสนแห่งนี้จะมีครั้งเดียว และหลังจากนั้น 2-3 วัน ฝูงปลาก็จะหายไป

    ขณะเดียวกันด้านเทศบาลเมืองแสนสุข ได้ออกประกาศทางสายแจ้งให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทราบว่า

    น้ำทะเลที่มีสีเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีแดงนั้นยังคงลงเล่นได้ตามปกติ เพียงแต่ว่าสีน้ำทะเลจะมีสีออกแดงเล็กน้อย เนื่องจากเป็นเหตุการณ์จากธรรมชาติที่หาดบางแสนจะได้รับทุกปี ส่วนปลาที่ขึ้นมานั้น สามารถจับปลาไปรับประทานได้ แต่ขอให้ควรระวังปลาที่มีเงี่ยง อาทิเช่น ปลากระเบน ปลาดุก และปลาอีกหลายชนิด ที่มีพิษเวลาโดนแทงจะเกิดอาการเจ็บปวดมาก บางรายถ้าแพ้ต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาทันที และควรใช้อุปกรณ์มาจับหรือตักเพื่อความปลอดภัย

    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td valign="top" align="middle"><table width="95%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td valign="top"><table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="middle">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td valign="top" align="middle"><table width="95%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td valign="top">ด้าน นายวรเทพ มุธุวรรณผอ.สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า

    ตนได้มาสังเกตการณ์ในช่วงเช้าแล้ว พบ ว่าแพลงตอนซึ่งเป็นพืชกำลังเจริญเติบโตไปทั่วบริเวณชายหาด เนื่องมาจากแพลงตอนได้รับสารอาหารจากการปล่อยน้ำเสียของชุมชนในพื้นที่ จ.ชลบุรี รวมทั้งได้เกิดฝนตกหนักชะล้างของเสียลงทะเล ประกอบกับช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาแสงแดดแรงมาก ทำให้พืชเกิดการสังเคราะห์สารอาหาร ทำให้แพลงตอนเจริญอย่างรวดเร็ว

    เมื่อแพลงตอนขยายตัวอย่างเต็มที่และใช้ออกซิเจนในน้ำจนหมด ก็จะตายลง ช่วงนี้จะเกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำทะเล ที่อาศัยอยู่หน้าดินไม่มีอากาศหายใจและตายลง
    ซึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดหมุนเวียนเป็นประจำทุกปี อาจจะเกิดปีละหลายครั้งแล้วแต่วงจรของแพลงตอนจะสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถหาวิธีป้องกันได้ ต้องปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ

    อย่างไรก็ตามวิธีการป้องกัน

    สามารถทำได้โดยรณรงค์ให้ประชาชนไม่ทิ้งน้ำเสียลงทะเล หรือต้องได้รับการบำบัดน้ำเสียก่อนจะทิ้งลงทะเล ซึ่งจะทำให้แพลงตอนไม่มีสารอาหาร ทำให้การเจริญเติบโตช้าลงปรากฏการณ์ก็จะเกิดน้อยลง ซึ่ง ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีหรือขี้ปลาวาฬที่เกิดขึ้น ไม่เป็นอันตรายกับผู้ที่ลงเล่นน้ำทะเล ส่วนแพลงตอนจะเป็นชนิดใดนั้นกำลังให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอีกครั้ง.

    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td valign="top" align="middle"><table width="95%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td valign="top"><table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="middle">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td valign="top" align="middle"><table width="95%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td valign="top">
    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เกษม <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1571432", true); </script>
    ผู้สนับสนุน กิตติมศักดิ์

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 12:20 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2004
    ข้อความ: 3,489
    ได้ให้อนุโมทนา: 14,758
    ได้รับอนุโมทนา 56,660 ครั้ง ใน 3,357 โพส
    พลังการให้คะแนน: 3354 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    <!-- message -->
    นักวิชาการยันน้ำทะเลบางแสนเปลี่ยนสีเป็นวงจรธรรมชาติ

    [​IMG]

    ชลบุรี 12 ต.ค.- ผอ.สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ระบุน้ำทะเลบางแสนเปลี่ยนสี หรือขี้ปลาวาฬ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่มีน้ำเสียจากชุมชนร่วมด้วย ทำให้แพลงตอนเติบโตเร็วขึ้น ย้ำไม่เป็นอันตรายยังเล่นน้ำได้ตามปกติ

    นายวรเทพ มุธุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยถึงน้ำทะเลชายหาดบางแสน อ.เมือง จ.ชลบุรี เปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่นว่า จากการสังเกตสภาพน้ำพบว่าแพลงตอนเจริญเติบโตทั่วบริเวณชายหาด เนื่องจากได้รับสารอาหารจากการปล่อยน้ำเสียของชุมชน และฝนที่ตกหนักชะล้างของเสียลงทะเล ประกอบกับช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แสงแดดแรงมาก ทำให้พืชเกิดการสังเคราะห์สารอาหาร แพลงตอนจึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ถือว่ายังไม่เกิดผลกระทบรุนแรงต่อสัตว์น้ำ แต่ถ้าแสงแดดยังแรงอยู่ คาดว่า 5-7 วัน เมื่อแพลงตอนขยายตัวเต็มที่และใช้ออกซิเจนในน้ำจนหมด แพลงตอนจะตายลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลไม่มีอากาศหายใจและตายลง

    อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดหมุนเวียนเป็นประจำทุกปี อาจจะเกิดปีละหลายครั้ง แล้วแต่วงจรของแพลงตอนจะสมบูรณ์หรือไม่ คือ แสงแดด และอาหารพอเพียง ก็จะเกิดเหตุการณ์ขี้ปลาวาฬ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถหาวิธีป้องกันได้ ต้องปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ

    ส่วนวิธีป้องกันสามารถทำได้โดยรณรงค์ให้ประชาชนไม่ทิ้งน้ำเสียลงทะเล หรือต้องผ่านบำบัดน้ำเสียก่อนจะทิ้ง ซึ่งจะทำให้แพลงตอนไม่มีสารอาหาร การเติบโตช้าลง ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดน้อยเช่นกัน

    นายวรเทพ ยืนยันด้วยว่า ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือขี้ปลาวาฬ ไม่เป็นอันตรายกับผู้ที่ลงเล่นน้ำทะเล ส่วนแพลงตอนจะเป็นชนิดใดนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่. - สำนักข่าวไทย

    2008-10-12 14:27:24
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เจนัย <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1581682", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 09:46 AM
    วันที่สมัคร: Oct 2006
    ข้อความ: 314
    ได้ให้อนุโมทนา: 4,875
    ได้รับอนุโมทนา 5,722 ครั้ง ใน 315 โพส
    พลังการให้คะแนน: 103 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    <!-- message --> <table width="725" align="center" bgcolor="#e2e2e2" border="5" bordercolor="#728dac" cellpadding="0"><tbody><tr><td bgcolor="#ecfae0">เตือนภัย"แมงกะพรุนกล่อง"โผล่</td></tr></tbody></table><table width="725" align="center" border="5" bordercolor="#728dac" cellpadding="0"><tbody><tr><td bgcolor="#ffffff"><table class="A14" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0"><tbody><tr bgcolor="#cccccc"><td valign="center">
    </td></tr><tr><td valign="top" align="middle"><table width="95%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td valign="top"><table align="center" bgcolor="#f5f5f5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="middle">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td valign="top" align="middle"><table width="95%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td valign="top">เมื่อ วันที่ 15 ต.ค. นายสมชัย บุศราวิช หัวหน้าสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต จ.ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    เปิดเผยว่า ขณะนี้ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ตได้รับอนุมัติงบประมาณจาก ทช. เพื่อให้ดำเนินการทำการศึกษาวิจัยเรื่อง การพบแมงกะพรุนกล่องซึ่งมีพิษรุนแรงต่อมนุษย์ หลังจากช่วงระยะหลายปีหลังที่ผ่านมา มีรายงานว่า มีผู้ได้รับพิษจากแมงกะพรุนประเภทนี้จนถึงขั้นเสียชีวิตระหว่างลงเล่นน้ำทะเลในประเทศไทย จนเป็นเหตุมีนักท่องเที่ยวต่างชาติพยายามจะขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด มาตรการป้องกันอันตรายที่เกิดจากสัตว์ชนิดนี้ขึ้น เพื่อความมั่นใจในการท่องเที่ยว

    นายสมชัย กล่าวต่อว่า เมื่อต้นปีที่ที่ผ่านมา ตนได้รับการติดต่อจากนายแอนดรูว์ โจนส์ ซึ่งเป็นนักข่าวชาวออสเตรเลียที่พาครอบครัวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย

    และระหว่างพาลูกชายลงเล่นน้ำทะเลที่เกาะหมาก จ.ตราด ปรากฏว่าลูกชายสัมผัสกับแมงกะพรุนชนิดหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส เข้าโรงพยาบาลหลายวัน ทำให้ต้องยุติแผนการท่องเที่ยวไป หลังจากนั้นไม่นานนายแอนดรูว์เดินทางกลับมายังประเทศไทย และพยายามที่จะติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย เช่น กระทรวงสาธารณสุข การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมถึงได้เดินทางมาพบตนที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต พร้อมกับนำข้อมูลที่ค้นหามาได้มาแจ้งให้ทราบว่าแมง กะพรุนที่ลูกชายของตนสัมผัสนั้นเป็นแมงกะพรุนชนิดที่เรียกว่าแมงกะพรุนกล่อง ซึ่งในประเทศออสเตรเลียให้ความสำคัญมาก เพราะมีอันตรายถึงชีวิต

    นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ลักษณะของแมงกะพรุนชนิดนี้จะมีเข็มพิษอยู่ในเซลล์จำนวนล้านๆเซลล์ และมีพิษรุนแรง ผู้ได้รับพิษ จะเจ็บปวด ทรมานมาก

    ดังนั้นจึงควรมีการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการรักษาเบื้องต้น การหลีกเลี่ยง รวมทั้งสร้างเครื่องมือป้องกันอย่างเข้มงวด ขณะที่ในประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดมาตรการใดๆ ทั้งนี้ นายแอนดรูว์บอกว่าเข้าใจว่าประเทศไทยอาจจะไม่เคยเจอแมงกะพรุนชนิดนี้มาก่อน แต่ จากการสืบค้นข้อมูลด้วยตัวเอง พบว่าก่อนหน้านี้เคยมีนักท่องเที่ยวชาวสวีเดน และอังกฤษเสียชีวิต เพราะถูกแมงกะพรุนชนิดนี้ในประเทศไทยมาแล้ว จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

    นายสมชัยกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประเทศไทย ยังไม่เคยมีข้อมูลเรื่องของแมงกะพรุนกล่องมาก่อน ซึ่งอาจจะมาจากยังไม่มีนักวิจัยไทยเคยมีการทำการศึกษาเรื่องนี้

    หรืออาจจะเป็นเพราะในท้องทะเลไทยไม่เคยมีแมงกะพรุนชนิดนี้ ซึ่งทีมคณะนักวิจัยของตนจะศึกษาวิจัยอย่างละเอียด สิ่ง ที่น่ากลัวคือว่ามันเคยอยู่ในประเทศไทยมาก่อน หรือว่าเป็นสัตว์ต่างถิ่นที่ติดมากับเรือเดินทะเล และอาจจะมาขยายพันธุ์ได้ในท้องทะเลของไทย ทั้งนี้ ทีมวิจัยจะออกเก็บตัวอย่างทุกเดือนตั้งแต่เดือนต.ค.นี้ต่อเนื่องไปเป็นเวลา 1 ปี รวมทั้งติดต่อสถาบันวิจัยที่ประเทศออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ เพื่อตรวจสอบตัวอย่างที่เก็บได้จากทะเลอันดามันของไทยแล้ว

    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td><center>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</center></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

    http://tnews.teenee.com/etc/27791.html
    <!-- / message --> <!-- sig --> __________________
    ธรรมะไม่มีแบ่งแยก ธรรมะเป็นหนึ่ง ไม่มีสอง ถ้าแยกเป็นสองได้ไม่ใช่ธรรมะที่แท้จริง
     
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    จับปลาไดโนเสาร์ได้

    ไม่รู้เคยเห็นกันรึยัง เป็นข่าวได้พักนึงแล้ว

    ปีที่แล้วนี่เอง ประเทศอินโดนีเซีย ชาวประมงจับปลาได้ เห็นหน้าตาแปลกๆ


    [​IMG]

    แต่ด้วยความที่เป็นชาวประมง ก็เอาไปขายภัตตาคาร = ='


    [​IMG]

    "รวยไปหลายวันเลยงานนี้"

    ทางภัตตาคารก็ไม่รู้จะทำไง ปลาอะไร หน้าตาสยอง ก็เอาใส่ตู้ไว้ ดีที่ไม่มีคนมาสั่งกิน

    15 ชั่วโมงผ่านไป ปลาตาย

    เอาไปให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์

    [​IMG]

    (สังเกตว่าที่วางปลาน่ะ เขียงรึเปล่า!?!)

    ผู้เชี่ยวชาญฟันธง ว่ามันคือปลา coelacanth (อ่านว่า ซี-ลา-แคนธ์)
    แบบเดียวกับในฟอซซิล อันนี้ (ซึ่งอยู่ในยุดครีเตเชียส)

    [​IMG]
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ว่ากันว่าช่วงการเปลื่ยนแปลงใหญ่ที่จะถึงจะมีสัตว์ดึกดำบรรพ์โผล่หรือปรากฎตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆครับ ซึ่งเกิดจากมิติคู่ขนานที่ผิดปกติทำให้สิ่งเหล่านี้หลุดมิติเข้ามาได้ในปัจจุบัน และจะเผยให้เห็นปรากฎการณ์เช่นนี้บ่อยขึ้น..เพื่อให้มนุษย์มองเห็นความจริงอีกข้อหนึ่งว่า..โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิตินั้น อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่ และดำเนินไปพร้อมกันหมดได้จริงๆ
    อีกหน่อยเราอาจเห็นตัวประหลาดอย่างมังกรมีปีกหลุดออกมาจากป่าอเมซอนก็ได้นะครับ (อิอิ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2009
  7. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    เมื่อวานวันที่ 2 มกราคม 2552 ประมาณ17.00น เมฆแผ่นไหว(เหมือนเกล็ดงู)ทำมุมประมาณ70องศา ค่อนไปทางทิศตะวันตกเป็นแนวกว้างมาก ๆ ถ้าท่านใดได้มองท้องฟ้าเมื่อวานคงเห็นว่า กินอาณาเขตบนท้องฟ้ากว้างมาก ๆ เสียดายที่กำลังขับรถอยู่(แถวถนนราชพฤกษ)เลยไม่สามารถถ่ายภาพมาให้ดู ลองดูว่าจากนี้ต่อไปอีกไม่กี่วันจะมีเหตุการณ์ใดที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า นำความมาแจ้งเพื่อทราบ
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ช่วงนี้มีสัตว์อพยพแปลกมาก

    เมืองไทย เพลี้ยระบาด เป็นล้านๆ เห็นแล้วสยดสยองมาก (หาำภาพไม่เจอ) --> อาจจะดูธรรมดา แต่มันเกิดพร้อมๆ กับ สัตว์อพยบหลายที่

    ออสเตรเลีย อูฐอพยพ เข้าเมืองเป็นพันๆ ตัว เห็นว่าทะเลทรายแล้งมาก

    ปลาตายเป็นจำนวน เป็นหมื่นเป็นแสน ในลุ่มน้ำอเมซอน (ตามรูปด้านล่างเลย)


    มันไม่ปกติเอามากๆ นะ เพราะสัตว์พวกนี้คง sensitive กว่ามนุษย์ หรือ ใต้แผ่นดินโลก มีอะไรเกิดขึ้นหว่า ช่วงนี้ภูเขาไฟระเบิดหลายที่เหมือนกันนะ


    ชาวนาหมดตัว เจอเพลี้ยระบาดหนัก <table width="626" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="14" bgcolor="#414141">[​IMG]</td> <td valign="top"> <table width="599" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr><td valign="top" width="599"> <table width="599" border="0" cellpadding="5" cellspacing="5"> <tbody><tr><td class="text4">26 พย. 2552 13:57 น.

    <dd> เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการไถแปลงนาข้าวทิ้ง เนื่องจากทนต่อสภาพเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดอย่างหนักไม่ไหว จำเป็นต้องยอมไถต้นข้าวทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ต้นข้าวกำลังเติบโตใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ผลผลิต บางรายหมดเนื้อหมดตัวไม่มีทุนที่จะปลูกใหม่ ส่วนที่พอมีกำลังต้องลงทุนปลูกใหม่ใช้เงินอีกหลายหมื่นบาท อนาคตยังไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือจะเจอเพลี้ยระบาดอีกรอบหรือไม่
    </dd><dd> หลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบ พบว่าที่แปลงนาของนายเกษม เพชรเกลอ อายุ 56 ปี กำลังไถ่ที่แปลงนาข้าวทิ้ง โดยเจ้าของนายืนดูด้วยสภาพใบหน้าที่สิ้นหวังเสียดายต้นข้าวที่ลงทุนปลูกเอา ไว้ ซึ่งกำลังจะได้ผลผลิตเป็นกอบเป็นกำ แต่ต้องมาขาดทุนเพราะเพลี้ยระบาดครั้งนี้
    </dd><dd> นายสายัญ จันทร์จับ อายุ 50 ปี เปิดเผยว่า ตนมีที่นาประมาณ 200 ไร่ ลงทุนแต่ละปีเป็นเงินนับแสนบาท ปรากฏว่าเพลี้ยระบาดต้นข้าวเสียหายไปแล้ว 50 ไร่ ต้องไถนาข้าวที่กำลังออกวงทิ้ง เพื่อรอปลูกใหม่อีกครั้ง ที่ผ่านมา 5 ปี ที่ผ่านมาเคยมีการระบาดแต่ไม่มาก มาในปีนี้หนักมาก เพลี้ยกัดกินโค่นต้นข้าวจนแห้งตาย แม้จะฉีดยาฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่อยู่ มีทางเดียวต้องไถทิ้ง เพราะถ้าปล่อยไว้ต้นข้าวก็ไม่สมบูรณ์ เพราะเมล็ดข้าวจะลีบ โดยไม่ทราบสาเหตุในการระบาดของเพลี้ย ทำให้ชาวนาทั้งตำบลหวังพิกุลเจอปัญหาเหมือนกันทั้งหมด จำนวนหลายหมื่นไร่ นอกจากทำนาแล้ว ตนนี้ตนยังรับจ้างตนไถที่แปลงนาทิ้ง ไร่ละ 220 บาท หลังมีการระบาดอย่างหนัก ทำให้ชาวนาได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานไหนเข้ามาดูแลเลย บางคนหมดเนื้อหมดตัวยังไม่เงินที่จะเอามาทำนารอบใหม่อีกเลย
    </dd><dd> อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดพิษณุโลก พยายามเร่งสำรวจและแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องในการลงพื้นที่เพื่อ ตรวจสอบการระบาดรุนแรงของนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรสำนักงานเกษตรจังหวัด พิษณุโลก และการสำรวจเฝ้าระวังของนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรระดับอำเภอในทุกจุด พื้นที่ เกษตรกรควรพิจารณาใช้วิธีกลต่างๆ ผสมผสานกับการใช้สารชีวภัณฑ์ ชื่อ บิวเวอร์เลีย และ เมตาไรเซียม ผสมน้ำเพื่อฉีดพ่น และ ลักษณะพื้นที่การระบาดแบบรุนแรง เกษตรกรควรพิจารณาใช้สารเคมีในกลุ่มของฮอพซิน มิบซิน และอิมิดาโคลฟริค ผสมน้ำเพื่อฉีดพ่นเพื่อเป็นการกำจัดเพลี้ยกระโดดอย่างเร่งด่วน </dd></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
    เล็งยิงอูฐป่าทิ้ง6พันเหตุแห้งแล้งเข้าเมืองหาน้ำ

    <!-- AddThis Button BEGIN --> <script type="text/javascript"> var addthis_pub="komchadluek"; var addthis_brand = "คมชัดลึก"; var addthis_header_color = "#ffffff"; var addthis_header_background = "#3792ef" </script> [​IMG]<script type="text/javascript" src="http://s7.addthis.com/js/200/addthis_widget.js"></script> <!-- AddThis Button END -->
    <script type="text/javascript"> var id='39037'; function addCommas(nStr) { nStr += ''; x = nStr.split('.'); x1 = x[0]; x2 = x.length > 1 ? '.' + x[1] : ''; var rgx = /(\d+)(\d{***)/; while (rgx.test(x1)) { x1 = x1.replace(rgx, '$1' + ',' + '$2'); } return x1 + x2; } function count(){ $.ajax({ type: "POST", url: "http://www.komchadluek.net/counter_news.php", data: "newsid="+id, success: function(txt){ var counter_=parseInt(txt); $('#counters').html('คนอ่าน '+addCommas(counter_)+' คน'); } }); } featuredcontentslider.init({ id: "slider1", contentsource: ["inline", ""], toc: "markup", nextprev: ["Previous", "Next"], revealtype: "click", enablefade: [true, 0.1], autorotate: [true, 8000], onChange: function(previndex, curindex){ } }) </script> คมชัดลึก : เพิร์ธ-รัฐบาลแถบนอร์ทเทิร์น แทริทอรีของออสเตรเลีย ประกาศเมื่อวันพุธ (25 พ.ย.) ว่า ในสัปดาห์หน้าจะใช้เฮลิคอปเตอร์ไล่ต้อนอูฐป่าประมาณ 6,000 ตัว ให้ออกนอกเมืองไปประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนจะยิงทิ้งและปล่อยให้ซากเน่าเปื่อยอยู่ในทะเลทราย หลังจากสภาพแห้งแล้งผิดปกติทำให้อูฐป่าเหล่านี้เข้าเมืองเพื่อหาน้ำ จากแอร์คอนดิชั่น เหยียบย่ำรั้วของรันเวย์ท่าอากาศยานขนาดเล็กของเมืองด็อกเกอร์ ริเวอร์ ทำลายแท็งก์น้ำ และสร้างความปนเปื้อนแก่แหล่งน้ำต่างๆ เพราะซากเน่าของอูฐที่ถูกเหยียบตายขณะแย่งน้ำ



    <table valign="top" width="626" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="text5" width="626" bgcolor="#414141" height="97">ออสซี่มีแผนล้อมยิงทิ้งอูฐป่า6พันตัวที่คุกคามชาวบ้าน</td> </tr> <tr> <td> <table width="626" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr><td width="14" bgcolor="#414141">[​IMG]</td> <td valign="top"> <table width="599" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr><td valign="top" width="599"> <table width="599" border="0" cellpadding="5" cellspacing="5"> <tbody><tr><td class="text4">26 พย. 2552 15:21 น.

    <dd> รัฐบาลแถบนอร์ทเทิร์น แทริทอรี่ของออสเตรเลีย ประกาศแผนการเมื่อวันพุธว่า ในสัปดาห์หน้า จะใช้เฮลิคอปเตอร์ทำการไล่ต้อนอูฐป่าประมาณ 6,000 ตัว ให้ออกนอกเมืองไปประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนจะยิงทิ้งและปล่อยให้วากเน่าเปื่อยอยู่ในทะเลทราย หลังจากสภาพแห้งแล้งในภูมิภาค ทำให้มีอูฐทยอยเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกทีที่เมืองเล็กๆชื่อดอกเกอร์ รีเวอร์ ซึ่งมีประชากร 350 คน เพื่อค้นหาน้ำดื่ม
    </dd><dd> อากาศแห้งแล้งผิดปกติในพื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลียในปีนี้ ทำให้อูฐที่เคยอยู่ในป่า เข้าไปในเมืองเพื่อหาน้ำ พวกมันเข้าใกล้ตัวบ้านเพื่อพยายามหาน้ำจากแอร์คอนดิชั่น เหยียบย่ำรั้วของรันเวย์ของท่าอากาศยานขนาดเล็กของที่นั่น ทำลายแท็งค์น้ำ และสร้างความปนเปื้อนให้กับแหล่งน้ำต่างๆ เพราะซากเน่าของอูฐที่ถูกเหยียบตายขณะแย่งน้ำ
    </dd><dd>
    </dd></td></tr> <tr><td align="center">
    </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> </td> <td width="13" bgcolor="#414141">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td width="626" bgcolor="#414141" height="22">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <!--------------- จบข่าว ---------------> [​IMG]

    Australian camel cull plan angers animal welfare groups

    Campaigners urge 'trigger-happy' Australian government not to shoot 6,000 camels causing chaos in Docker River
    In pictures: feral camels facing mass cull




    [​IMG] Feral camels converge on a water hole in the Northern Territory, Australia. Photograph: Northern Territory government/EPA

    Animal welfare groups have accused the Australian government of being "trigger happy" over plans to shoot 6,000 camels that invaded an outback town in search of water.
    The animals have caused chaos in the Northern Territory town of Docker River, smashing water tanks, destroying fences and approaching houses. State officials have described the siege as a "critical situation" and warned that the town did not "have the luxury of time", after the camels blocked the town's airstrip – preventing medical evacuations – and began to contaminate the water supply.
    People for the Ethical Treatment of Animals (Peta) and Animals Australia said the cull would cause "terrible suffering" to the animals.
    The drama began when 30 camels approached the town, known as Kaltukatjara to its mostly indigenous population, more than a month ago. More followed looking for water, and soon thousands of the animals – which can grow up to 2.1 metres (7ft) tall and weigh 900kg (2,000 pounds) – were antagonising locals.
    "The community of Docker River is under siege by 6,000 marauding wild camels," the Northern Territory local government minister, Rob Knight, told Northern Territory News. "The herd is increasing day by day."
    Camels were first taken to Australia in 1840 from the Canary Islands to help in exploring the vast outback. The population continued to rise until the early 1920s, when motorised vehicles became more widely available.
    As the need for them dwindled, most were turned into the bush, where owners expected they would die in the harsh conditions. But numbers have swollen to the extent that the Northern Territory government now estimates that "in excess of 1 million" feral camels are roaming the country.
    As well as wreaking havoc in Docker River, camels have been blamed for defoliating shrubs and grazing on food sources traditionally used by Aboriginal Australians. They create a hazard for motorists travelling in the outback.
    Macdonnell Shire council, which oversees Docker River, said many residents were unable to leave their homes. "The social and psychological impacts on some people about being contained in homes and not being able to step out … there will be some cost factors for the community there," the chief executive, Graham Taylor, told the Sydney Morning Herald.
    The camels have butted water tanks, approached houses and knocked down fencing at the local runway. Knight said the carcasses of camels killed in stampedes at water holes were contaminating the town's water supply. "This is a very critical situation out there, it's very unusual and it needs urgent action," he said.
    The state government plans to use helicopters to herd the camels nine miles from the town before shooting them, leaving their carcasses to rot in the desert.
    A spokeswoman for Peta said the "trigger-happy response from authorities [was] inexcusable", and stressed alternative measures were available. "There are humane solutions to every problem, and authorities just need to be compassionate enough to employ them," she said.
    "There's no question that shooting thousands of wild animals is going to lead to terror and massive suffering. It's human action which has led to this problem because people introduced camels to this environment – it's not the camels' fault and they shouldn't pay a fatal price for human failures."
    Glenys Oogjes, executive director of the animal welfare group Animals Australia, said the community could organise barriers to keep out the camels. "It's a terrible thing that people react to these events by shooting," she said. "The real concern is the terrible distress and wounding when shot by helicopter ... There will be terrible suffering."
    If the cull goes ahead next week, it is unlikely to have much of an impact on the overall camel problem in Australia. The government set aside A$19m (£10.5m) in July for a programme to reduce the camel population, with proposals including shooting the animals en masse and using some of the meat for snacks, such as camel burgers. Animal welfare activists have mooted administering birth control drugs.
    While the country makes up its mind about what to do with its camels, it should be mindful that the numbers are unlikely to fall of their own accord. The Northern Territory government has warned that the feral camel population is capable of doubling in size every nine years.


    Australian camel cull plan angers animal welfare groups | World news | guardian.co.uk




    Sad Photo: Drought causes death of thousands of fish in the Amazon River

    [​IMG]

    Resident Manoel da Silva paddles his canoe through dead fish in the Parana de Manaquiri River, a tributary of the Amazon, near the city of Manaquiri November 22, 2009. After a rainy season that caused some of the worst flooding in recent history the seasonal drought that followed is proving to be especially bad as well.


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2009
  9. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    5 มี.ค. 2010 ปลาตกจากท้องฟ้า กลางทะเลทราย ในออสเตรเลีย


    [​IMG]

    ปลาตกจากท้องฟ้า กลางทะเลทราย ในออสเตรเลีย (สำนักข่าวไทย )

    ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมืองกลางทะเลทรายที่ออสเตรเลีย ตกตะลึงว่าอยู่ดี ๆ ก็มีปลาตกลงมาจากท้องฟ้า

    หนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟ รายงานว่า หมู่บ้านลาจามานูในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีเกิดปรากฏการณ์ประหลาด
    ปลาสีขาวขนาดเล็กหลายร้อยตัว ซึ่งจำนวนมากยังมีชีวิตอยู่ ตกลงมาจากท้องฟ้าได้ 2 วันแล้ว ผู้เชี่ยวชาญสภาพอากาศ
    เชื่อว่า ปลาเหล่านี้ถูกพายุเมฆหอบขึ้นมาจากแหล่งน้ำและนำมาตกในเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากแม่น้ำที่ใกล้ที่สุด 520 กิโลเมตร
    ปลาเหล่านี้น่าจะถูกพายุหอบขึ้นไป 40,000-50,000 ฟุตในอากาศ นับเป็นครั้งที่ 3 ในระยะเวลาไม่ถึง 30 ปี
    ที่เมืองลาจามานูเกิดปรากฏการณ์ปลาตกจากฟ้า ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2517 และครั้งที่ 2 ในปี 2547

    ชาวบ้านในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีเกรงว่าในครั้งหน้าอาจจะมีสิ่งที่ใหญ่กว่าตกมาจากท้องฟ้าก็เป็นได้


    (k) ซึ่งอาจจะน่าตกใจกว่านี้หากเป็นจระเข้ตกจากท้องฟ้า !!!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2010
  10. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ที่แมลงสาปบินกันให้ว่อนนี่มีรางบอกเหตุอะไรหรือเปล่าครับ
     
  11. krisdasri

    krisdasri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +759
    บอกเหตุว่าบ้านสกปรก ทำความสะอาดได้แล้วครับ(k)
     
  12. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีเรื่องเกี่ยวกับสัญชาติญาณของสัตว์ที่ ทางญี่ปุ่นเองทำวิจัยกับสุนัข พบว่า หากสุนัขมีอาการแปลกๆเช่นกระวนกระวาย เห่า พยายามขุดพื้น ขุดดินเป็นหลุมขนาดใหญ่ จะมีแนวโน้มที่จะเกิดแผ่นดินไหว ภายใน 8- 10 ชั่วโมงนั้น

    ส่วนหากว่า งู หรือสัตว์ใต้ดิน เลื้อย หรือย้ายขึ้นมา จากใต้ดินมากๆก็เช่นกัน เกิดคลื่นความถี่ต่ำและสนามเเม่เหล็ก ขึ้นใต้ดิน ไม่นานเกิดแผ่นดินไหวแน่นอน
     
  14. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน
    ท่าน ง.งู ตัวหนึ่งมานอนผึ่งพุง...ทอดอารมณ์สบายใจ อยู่ใต้บันไดของสำนักงาน
    ทั้งที่บริเวณนี้ไม่ได้ติดกับป่าเลย...มีแต่ปูน กับปูน แล้วก็ปูน แล้วมันมาอยู่ได้ไง...
    ตัวไม่ใช่เล็กๆ วัดความยาวได้ 4 เมตรกว่าทีเดียว
    ดูไปดูมาลวดลายสวยทีเดียวนะเนี่ย...หุหุ ;)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43 KB
      เปิดดู:
      1,009
    • 02.jpg
      02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.4 KB
      เปิดดู:
      1,023
    • 03.jpg
      03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.6 KB
      เปิดดู:
      1,016
  15. ทองอ้วน

    ทองอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +135
    ใช่อย่างที่คุณ kananun บอกจริงๆด้วยครับทุกๆท่าน ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนเกิดซึนามิเมื่อปี 2547 ที่ผ่านมา ผมจะสังเกตเห็นได้เลยครับว่ามี กิ้งกือ จำนวนมากๆๆ ผมว่าประมาณ ไม่น้อยกว่า 100 ตัว โผล่ออกมาให้เห็นเต็มบ้านผมไปหมด เลย ผมยังบอกกับแฟนว่าทำไมมัน โผล่ขึ้นมาเยอะอย่างนี้ ทั่วทั้งบ้านเลย ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต แต่ไม่ได้เอะใจอะไรมาก ว่าจะเกิดภัยพิบัติอะไร หลังจากนั้นที่บ้านผมก็โดนคลื่น ซึนามิ จริงๆด้วย โชคดีที่หนีรอดออกมาได้ทั้งบ้าน
     
  16. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866
    งู - นก

    เมื่อวาน 18 มี.ค.53 เวลา 17.30 น.

    ที่บ้านเพชรบูรณ์ มีนกที่ชอบเกาะสายไฟฟ้าเบียดกันเป็นแถวๆ (ไม่รู้นกอะไร) และนกแอ่นลม บินวนบนหลังคาบ้านประมาณ 200 - 300 ตัว สักประมาณ 10 นาที ต่างคนเอ๊ย ต่างตัว ต่างแยกย้ายกันไป

    ในขณะเดียวกันก็มีงูสิงห์ (ค่ายเดียวกับงูลีโอ) เข้ามาในบ้านเจ้าตูบสองตัวเหาไม่หยุด สุดท้ายงูสิงห์ก็หลบไปได้ จบข่าว
     
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เห็นว่าช่วงนี้มีพวกปลาวาฬ ขึ้นมาตายด้วย
    ใต้ทะเลมีอะไรหรือเปล่า?
     
  18. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    :cool:........................
     
  19. fay10

    fay10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,760
    ปีนี้หนักนะค่ะ ทั้งภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหวเฮติ ทะเลเดือด การลุกลามแพร่พัน อย่างเร็วของปลาดาว และอีกเยอะแยะ กลางปี มิถุนาหรือไม่ก็ กรกฎา ต้องเกิด สินามิแน่เลยค่ะ หรือไม่ก็มีอะไรแน่นอนเลยค่ะ
     
  20. ชัยธนันท์

    ชัยธนันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    859
    ค่าพลัง:
    +1,488
    จำเรื่องดาวอังคารได้ไม๊ครับ คราวก่อนเกิดสึนามิ ก็มีการเชิญชวนดูดาวอังคารด้วยตาเปล่าเพราะมาใกล้โลก และล่าสุดก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ราชประสงค์ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนดาวอังคารก็มาใกล้โลกอีกเราก็ตื่นเต้นกันใหญ่ แต่ผมว่าอันตรายมากกว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...