คาถาพระฉิมพลีใหญ่

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย Ajarn Pithak, 17 มีนาคม 2010.

  1. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    คาถาพระฉิมพลีใหญ่

    ถ้าใครสวดได้ทุกวันตลอด ๓ เดือน จะเกิดผลอันใหญ่ ลาภสักการะ จะไหลมาเทมาเป็นมหานิยมอันยิ่งใหญ่อันประเสริฐ ถ้าจะคมนาคมไปไหมมาไหนจะเกิดผลยิ่ง คิดอะไรจะสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ แล

    บทคำนมัสการ

    อุกาสะ ข้าพเจ้าขออาราธนา พระฉิมพลี จะมหาเถโร นามะ อินทา พรหมา จะ ปูชิโต
    สุระโห คะตา เยเภราชา มะนุสสา อิตถีลาภา กะโรนตุ เม อะหัง วันทามิ สัพพะทา ฯ
    พระฉิมพลีรุกขา จะ มหาเถโร นามะ พรหมา อินทะโชตะ จะ เทวะตา มะนุสสา
    สัพพะลาภา สัพพะอิตถิยา ปิยา มะมะ ฯ

    เริ่มสวด

    นะโม เม สัพพะเทวานัง สัพพะคะระหะ จะ เทวานัง พุธโธ ลาภัง ธัมโม ลาภัง สังโฆ ลาภัง สัพพะทุกขัง วินาสสันติ โสราหูเกตุถัง จะมหาลาภัง สัพพะสุขัง ปิยัง มะมะ

    ฉิมพลี จะมหาเถโร อายัสสะมะโต อะจินตายะ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ สัพเพ ชนา
    มหาชนา อิตถีชนา สัพพะชนา ภวันตุ เม

    ฉิมพลี จะ มหาลาภัง พุทธะจิตตัง จะ มหาลาโภ พุทธะธัมโม จะ มหาลาภัง
    พุทธะจิตตัง จะ มหาสิทธิธัง สัพพะลาภัง สะมาระกัง สะพรัหมะกัง สะเทวะมนุสานัง
    สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม

    ฉิมพลี จะ มหาเถโร สุวัณณะมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ สัพเพ ชนา พะหูชนา
    อิตถีชนา สัพพะชนา ภะวันตุ เม

    ฉิมพลี จะ มหาเถโร ระชะตะมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ สัพเพ ชนา พะหูชนา
    อิตถีชนา สัพพะชนา ภะวันตุ เม

    ฉิมพลี จะ มหาเถโร จัตตาวัตตังมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ สัพเพ ชนา พะหูชนา
    อิตถีชนา สัพพะชนา ภะวันตุ เม

    ฉิมพลี จะ มหาเถโร โภชนียังมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ สัพเพ ชนา พะหูชนา
    อิตถีชนา สัพพะชนา ภะวันตุ เม

    ฉิมพลี จะ มหาเถโร ขาทนียังมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ สัพเพ ชนา พะหูชนา
    อิตถีชนา สัพพะชนา ภะวันตุ เม

    ฉิมพลี จะ มหานามัง พุทธะจิตตัง จะ มหาลาโภ พุทธะธัมโม จะ มหาลาภัง
    พุทธะสังฆัง จะ มหาสัจจัง สัพพะลาภัง สะมาระกัง สะพรัหมะกัง สะเทวะมนุสานัง
    สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม

    ฉิมพลี จะ มหาเถโร อาหาระมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ สัพเพ ชนา พะหูชนา
    อิตถีชนา สัพพะชนา ภะวันตุ เม

    ฉิมพลี จะ มหาเถโร สะปิณฑะมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ สัพเพ ชนา พะหูชนา
    อิตถีชนา สัพพะชนา ภะวันตุ เม

    ฉิมพลี จะ มหาเถโร เภสัชชะมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ สัพเพ ชนา พะหูชนา
    อิตถีชนา สัพพะชนา ภะวันตุ เม ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2010
  2. พัน พิชา

    พัน พิชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +105
    บรรทัดที่ 10 และ 31 คำว่า สะหรัหมะกัง อ่านว่าอย่างไรครับ ขอขอบคุณครับ
     
  3. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ขออภัยครับพิมพ์ผิด ผมแก้ให้แล้วนะครับ อ่านว่า สะพรัหมะกัง
     
  4. พัน พิชา

    พัน พิชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +105
    ขอขอบคุณครับ
     
  5. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ผมนำพระคาถาบูชาพระสิวลีหรือพระฉิมพลี มาฝากทุกท่านครับ สวดบูชาแล้วเห็นผลทันตาครับ
     
  6. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    จาก บทความ ประวัติพระสีวลี เอตทัคคะในทางผู้มีลาภมาก

    พระสีวลีเถระ
    เอตทัคคะในทางผู้มีลาภมาก

    พระสีวลี เป็นโอรสของพระนางสุปปวาสา ราชธิดาแห่งโกลิยนคร ตั้งแต่ท่านจุติลงถือ ปฏิสนธิในครรภ์ของพระมารดา ได้ทำให้ลาภสักการะเกิดขึ้นแก่พระมารดาเป็นอันมาก ท่าน อาศัยอยู่ในครรภ์ของพระมารดา นานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ครั้นเมื่อใกล้เวลาจะประสูติ พระมารดาได้รับทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า พระนางจึงขอให้พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพร จากพระบรมศาสดาและพระพุทธองค์ตรัสประทานพรแก่พระนางว่า:-
    “ขอพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุข
    ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้เถิด”

    ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพ ทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานไปพระนาง ประสูติพระราชโอรสอย่างง่ายดาย ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนาน พระนามพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสาว่า “สีวลีกุมาร”


    (ขอเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่พระสิวลีกับมารดา( พระนางสุปปวาสา )ต้องทรมานอยู่ถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน คือเหตุมีอยู่ว่าในอดีตชาติ ของพระสีวลีกับมารดานั้น พระสีวลีเคยเป็น ราชา ของเมืองหนึ่ง แล้วกำลังยกทัพไปตี อีกเมืองแต่ปรากฏว่าเมืองนั้นใช้วิธีปิดเมือง ไม่ออกมาสู้ด้วย พระราชาจึงไปขอคำปรึกษากับมารดา และได้วิธีคือ ให้ใช้วิธีปิดทางเข้าออกของเสบียงทุกอย่าง ไม่ให้เข้าไปในเมืองได้ จนกระทั่ง คนในเมืองนั้นได้รับความเดือดร้อน ทรมานกันจนต้อง ยอมเปิดเมือง ซึ่งผลกรรมนั้นเอง ทำให้พระราชา และมารดา ต้องเกิดมารับกรรมนั้นตามมาทุก ๆ ชาติ จนถึง ชาติสุดท้าย นั้นก้อคือ พระสีวลีที่ต้องอยู่ในครรถ์นานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน กับมารดาที่ต้องอุ้มท้อง นานเท่ากัน )
    เมื่อพระนางมีพระวรกายแข็งแรงดีแล้ว มีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานติดต่อกันเป็น เวลา ๗ วัน จึงจึงความประสงค์แก่พระสวามีให้กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วย ภิกษุสงฆ์ มารับมหาทานอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวสน์ ตลอด ๗ วัน ในวันถวายมหาทานนั้น สีวลีกุมาร มีพระวรกายเข้มแข็งดุจกุมารผู้มีพระชนม์ ๗ พรรษา ได้ช่วยพระบิดาและพระมารดาจัดแจงกิจต่าง ๆ มีการนำธมกรก (ธะมะกะหรก = กระบอกกรองน้ำ) มากรองน้ำดื่มและอังคาสพระบรมศาสดาและหมู่พระภิกษุสงฆ์ ในขณะที่ สีวลีกุมาร ช่วยพระบิดาและพระมารดาอยู่นั้น ท่านพระสารีบุตรเถระได้สังเกตดูอยู่ตลอดเวลา และเกิดความรู้สึกพอใจในพระราชกุมารน้อยเป็นอย่างมาก ครั้นถึงวันที่ ๗ ซึ่งเป็นวันสุดท้าย พระเถระได้สนทนากับสีวลีกุมารแล้วชักชวนให้มาบวช สีวลีกุมาร ผู้มีจิตน้อมไปในการบวชอยู่ แล้ว เมื่อพระเถระชักชวน จึงกราบทูลขออนุญาตจากพระบิดาและพระมารดา เมื่อได้รับอนุญาต แล้วจึงติดตามพระเถระไปยังพระอาราม

    พระสารีบุตรเถระ ผู้รับภาระเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้สอนพระกรรมฐานเบื้องต้น คือ ตจปัญจกกรรมฐานทั้ง ๕ ได้แก่ เกสา(ผม) โลมา(ขน) นขา(เล็บ) ทันตา(ฟัน) ตโจ (หนัง) ให้ พิจารณาของทั้ง ๕ เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งานเป็นของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหลในสิ่ง เหล่านี้ สีวลีกุมาร ได้สดับพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณาในขณะที่กำลังจรดมีดโกนเพื่อ โกนผม ครั้งแรกนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน จรดมีดโกนลงครั้งที่ ๒ ท่านได้บรรลุเป็น พระสกทาคามี จรดมีดโกนลงครั้งที่ ๓ ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี และเมื่อโกนผมเสร็จ ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์


    เมื่อท่านอุปสมบทแล้วปรากฏว่าท่านเป็นพุทธสาวกที่มีลาภสักการะมากมาย ด้วยอำนาจ บุญบารมีของท่านที่สั่งสมมา ลาภสักการะเหล่านี้ได้เผื่อแผ่ไปยังพระสงฆ์สาวกท่านอื่น ๆ ด้วย แม้พระบรมศาสดาเมื่อทรงพาหมู่ภิกษุสงฆ์เสด็จทางไกลกันดาร ถ้ามี พระสีวลี ร่วมเดินทางไป ด้วย ความขาดแคลนอาหารและที่พักอาศัยในระหว่างทางก็จะไม่เกิดขึ้นแก่หมู่ภิกษุสงฆ์เลย เช่น.... พระพุทธองค์และหมู่ภิกษุอาศัยบุญพระสีวลี

    สมัยหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จำนวน ๕๐๐ รูปไปเยี่ยมพระเรวตะ ผู้เป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งจำพรรษาอยู่ ณ ป่าไม้ตะเคียน เมื่อเสด็จมาถึงทาง ๒ แพร่ง พระอานนท์เถระได้กราบทูลสภาพหนทางว่า.....
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเสด็จไปทางอ้อม ระยะทางไกล ๖๐ โยชน์ มีประชาชนอยู่ อาศัยมาก พระภิกษุไม่ลบากด้วยภิกขาจาร แต่ถ้าเสด็จไปทางลัดระยะทางประมาณ ๓๐ โยชน์ ไม่มีประชาชนอยู่อาศัย มีสภาพเป็นป่าใหญ่ มีแต่อมนุษย์อยู่อาศัย พระภิกษุสงฆ์จะลำบากด้วย ภิกขาจาร”
    พระพุทธองค์ ตรัสถามว่า:-
    “ดูก่อนอานนท์ พระสีวลีมากับเราด้วยหรือไม่?”
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเสวลีมากับเราด้วย พระเจ้าข้า”
    พระพุทธองค์ ตรัสว่า:-
    “ดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงไปทางลัด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลด้วยอาหาร
    บิณฑบาต เพราะเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทาง จะจัดสถานที่พักและอาหาร บิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลีผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกตน เราทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของ พระสีวลี นั้นด้วย”

    ได้รับยกย่องในทางผู้มีลาภมาก ด้วยอำนาจบุญที่ท่านพระสีวลี ได้บำเพ็ญสั่งสมอบรมมาตั้งแต่อดีตชาติ เป็นปัจจัยส่งผล ให้ท่านเจริญด้วยลาภสักการะ โดยมีเทพยาดา นาค ครุฑ และมนุษย์ทั้งหลาย นำมาถวายโดยมิ ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าท่านจะอยู่ในที่ใด ๆ ในป่า ในบ้าน ในน้ำ หรือบนบก เป็นต้น

    ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์ จึงทรงประกาศให้ปรากฏในหมู่พุทธบริษัทตรัสยกย่องท่านใน ตำแหน่ง เอคทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทาง ผู้มีลาภมาก
    นับว่าท่านพระสีวลีเถระเป็นพระมหาสาวกอีกรูปหนึ่งที่ได้ช่วยกิจการ พระศาสนา แบ่ง เบาภาระของพระบรมศาสดาเป็นอย่างมาก ท่านดำรงอายุสังขารโดยสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ ดับขันธปรินิพพาน


    จาก คาถาพระสีวลี - วิกิซอร์ซ
    คาถาพระสีวลี

    หัวใจพระสีวลี
    นะชาลีติ
    นะ หมายถึง นอบน้อม มีสัมมาคาราวะ
    ชา หมายถึง ขวนขวายเรื่องการงาน
    ลี หมายถึง ไม่นอนมาก ไม่นอนดึก ไม่ตื่นสาย
    ติ หมายถึง ว่าโดยทั้งหมด
    ท่องตอน ติดต่อลูกค้า คุยกับผู้ใหญ่ ติดต่องานการ
    "นะชาลีติ ประสิทธิลาภา"
    คาถาบูชาพระสีวลี

    สีวะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
    สีวะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
    สีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เมฯ
    คาถาพระสีวลี(คาถาเมตตามหานิยม)

    พุทธังเมตตา นะ ชาลีติ
    ธัมมังเมตตา นะ ชาลีติ
    สังฆังเมตตา นะ ชาลีติ
    สีวะลีเมตตา นะ ชาลีติ
    โอมมะพะลัง วา ราชะกุมาโร วา ราชะกุมารี วา ราชา วา ราชินี วา คะหัฏโฐ วา ปัพพะชิโต วา สะมะโณ วา พราหมโณ วา อิตถี วา ปุริโสวา วาณิโช วา วาณิชา วา
    อุปาสะโก วา อุปาสิกา วา ทาระโก วา ทาริกา วา สัพเพ อิเม พะหู ชะนา มัง ปิยายันตุ อาคัจเฉยยะ
    อาคัจฉาหิ เอหิ จิตตัง ปิยัง มะมะ มะหาลาภะสักการา ภะวันตุ เม*
    คำอธิฐานขอลาภจากพระสีวลี

    (โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง)
    นโม ๓ จบ
    สิวะ ลีมะหา เถรัง วันทามิหัง ( ๓ จบ )
    มะหาสิวะลี เถโร มะหาลาโภ โหติ มะหาสิวะลี เถโร ลาภัง เม เท ถะ


    คำบูชาขอลาภพระสิวลี (ประจำวัน)

    วันอังคาร ( ๘ จบ )

    ฉิมพะลี จะ มหาเถโร โสระโห ปัจจะยาทิมหิ เชยยะลาโภ มหาลาโภ สัพพะลาภา ภะวันตุ สัพพะทา ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2010
  7. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ผมนำพระคาถาบูชาพระ สิวลีหรือพระฉิมพลี มาฝากทุกท่านครับ สวดบูชาแล้วเห็นผลทันตาครับ
     
  8. ตั้มศรีวิชัย

    ตั้มศรีวิชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    597
    ค่าพลัง:
    +1,847

แชร์หน้านี้

Loading...