สงสัยเรื่องสติครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แค่ร่างกาย, 12 มีนาคม 2010.

  1. แค่ร่างกาย

    แค่ร่างกาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +71
    ต้องขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้มีเจตนาในการต้งกระทู้ให้ท่านที่ประสงค์ดีมาทะเลากัน ทำให้กระทู้เดือด

    คือสรุปว่าตามนี้

    ของท่านอื่นก็ดีครับ แต่ของท่านนี้เข้าใจง่ายดี

    ขอบคุณทุกความเห็นครับ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    หิวก็รู้ อิ่มก็รู้ นั่นมันของ เด็ก 3 ขวบ มันจะไปเรียกสติได้อย่างไร
     
  3. ไข่น้อย

    ไข่น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +348
    ท่านขันธ์นี่สุดยอดจริงๆ
    คมกริบ
    อิอิ
     
  4. แค่ร่างกาย

    แค่ร่างกาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +71
    งั้นขอสดับจากท่านได้มั้ยครับ

    ขอแบบเข้าใจง่าย ๆ นะครับ ผมมันโง่
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เรื่องสติ นี่ ถามคนอื่นเถอะ

    พูดมาเยอะแล้ว

    แต่ พอบอกให้ได้นิดหนึ่งว่า

    ระลึกได้ว่า ได้กระทำอะไรโง่ๆ นี่เรียกว่า สติ ที่ระลึกได้ใน อกุศล
    ระลึกได้ว่า ได้กระทำอะไรที่ ฉลาดๆ ทำให้เกิดประโยชน์ นี่เรียกว่า สติ ที่ระลึกได้ในกุศล

    ก็จะมองเห็นว่า ทั้งวันมันทำแต่เรื่องโง่ๆ

    ถ้าระลึกได้อีกว่า เรื่องโง่ๆ นั้นไม่มีประโยชน์ ก็เกิดเป็นปัญญาขึ้นมา เป็น กุศลขึ้นมาอีก

    พอระลึกได้ว่า กุศล นี่ดี เราต้องประพฤติเรื่องกุศล นี่ก็ เป็น สติ ปัญญา ควบคู่กันไป
     
  6. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เรื่องสตินี่สำคัญครับ
    หากผู้ใดมีอุปนิสัย พอที่จะได้รู้ธรรมเห็นธรรมแล้ว
    แต่ไม่มีผู้ให้ความเข้าใจในเรื่องสติที่ถูกต้องแก่ผู้นั้น
    อาจทำให้อุปนิสัยที่สั่งสมมาของผู้นั้น ถูกทำให้เสียหายไปได้

    บังเอิญ อ.ขันธ์ แกคงเหนื่อยน่ะครับ
    ไม่งั้นผมคงไม่ต้องมาโพสต์
    แต่ก็กังวลว่า ผู้มีอุปนิสัยที่พอจะรู้ธรรมเห็นธรรมจะเสียโอกาส
    เลยต้องมาโพสต์

    หากมีผู้ใด รู้เห็นธรรมขึ้นมาซักคนนึง
    ก็จะพอเป็นเกาะเป็นดอน ให้ท่านอื่น ๆ ได้พักได้พิงได้
    แม้จะเป็นธรรมที่เล็กน้อย ๆ ก็ตามเถอะ

    พอพูดถึงเรื่องสติในการปฏิบัติกรรมฐานนี่
    รู้ได้ยากนะครับ ผมบอกตรง ๆ เลยว่ารู้ได้ยาก
    เพราะถ้ารู้จักสติประเภทนี้แล้ว เรียกได้ว่าพอเห็นช่องทางไปได้เลยนั่นล่ะครับ

    อย่าไปเอาสติของพวกสำนักดูจิต ในทุกวันนี้มานะครับ
    เพราะคนละอย่าง พวกนี้ไ่ม่ต้องปฏิบัิติสมาธิ ภาวนา
    เค้าก็ว่าเค้ามีสติ แต่สติของเค้าไม่ต้องทำสมาธิ
    แต่สติของพระพุทธเจ้าต้องทำสมาธิ
    จึงจะมีได้ แต่เป็นสติที่มีกำลังมากกว่า สติ ทั่วไป
    ที่หลวงพ่อสงบท่านว่านั่นล่ะครับ แม้แต่ไก่มันก็มีสติ
    ไม่อย่างนั้น เวลาคนไปใกล้มัน มันจะวิ่งหนีไปด้วยความกลัวทำไม
    เพราะมันมีสติ พอรู้ได้ว่าเป็นคน มันกลัวมันก็วิ่งหนีได้ นี่ครับสติทั่วไป

    แต่สติที่คุณถามถึงน่าจะเป็นสติธรรมใช่มั้ยครับ
    สตินี้จะมีกำลังมากว่าสติทั่วไปครับ
    ที่ท่านว่า สติพละ สติิอินทรีย์ ใน พละธรรม 5 หรือ อินทรีย์ 5

    ตรงนี้สำคัญครับต้องปฏิบัติสมาธิ ภาวนา เดินจงกรม ถึงจะมีได้
    ไม่ใช่ดูความคิดตัวเองไปเรื่อยแล้วจะมีได้
    ที่พวกดูจิตเค้าว่าเค้ามีสติ นี่มันเป็นสติธรรมดา แบบสติของไก่นั่นล่ะครับ
    คนไม่ปฏิบัติก็มีได้ครับสติแบบของ พวกดูจิตเค้า
    เค้าถึงสอนคนไม่ต้องพุทโธไงครับ
    เพราะถ้าใครพุทโธจนรู้จักสติธรรมแล้วล่ะก็
    จะรู้ได้เลยว่าพวกดูจิต ปฏิบัติประเภทตาบอดคลำช้างนั่นล่ะครับ

    เอาอย่างนี้ผมจะเปรียบเทียบให้เห็นง่าย ๆ
    ถ้าคุณอยากรู้ว่าสติธรรมเป็นยังไง
    ที่พอจะเทียบเคียงได้คือ
    คุณลองขับรถในความเร็วสัก 180 นะครับ
    ขับเร็วขนาดนั้นคุณต้องมีความกลัวใช่มั้ยครับ
    เมื่อมีความกลัวคุณจะต้องตั้งใจจดจ้องกับการขับตลอดเวลา
    ไม่ให้เผลอใช่มั้ยครับ ถ้าเผลออาจตายได้
    อารมณ์ที่ตั้งใจจดจ้องกับการขับรถตลอดเวลาอย่างต่อเนื่องนั่นล่ะครับ
    คือ สติธรรม ที่พอจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้ ครับ

    จำเป็นต้องโพสต์ครับ
    ไม่เช่นนั้นผู้ที่พอมีอุปนิสัยที่จะพอรู้ธรรมเห็นธรรมได้บ้าง
    อาจเสียโอกาสไปครับ

    จำเป็นครับ
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    มั่วนิ่ม .....
     
  8. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    สติคือการระลึกรู้ของจิต

    สติแบบคนในโลก
    ระลึกรู้เรื่องอะไร(อารมณ์)ขึ้นมา ก็เรียกว่ามีสติ
    รู้แล้วยึด(อารมณ์) ปรุงแต่งไปตามเรื่อง(อารมณ์)ที่ระลึกรู้ขึ้นมา
    เป็นกระบวนการเกิดของขันธ์ ๕ ตลอดเวลา ไม่ได้เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์
    เพราะเมื่อขันธ์ ๕ แปรปรวนไป
    จิตก็แปรปรวนตามขันธ์ ๕ ที่แปรปรวนไป
    สติแบบนี้มีในคนทุกคน ทุกชาติ ทุกศาสนา


    ส่วนสติในพระพุทธศาสนา คือ สัมมาสติ
    พระองค์ตรัสไว้ว่า
    จำเ้พาะในธรรมวินัยนี้(ศาสนาพุทธ)เท่านั้น ที่มีอริยมรรคมีองค์ ๘

    สัมมาสติ อยู่ในอริยมรรค ๘ แสดงว่าต้องปฏิบัติตามเสด็จเท่านั้นจึงจะมีสัมมาสติ

    มีตรัสว่า มรรค เป็นภาเวตัพพะ ต้องเจริญ ต้องทำให้เกิดขึ้น
    เพราะฉะนั้น สติในองค์มรรค หรือ สัมมาสติ เกิดขึ้นเองไม่ได้
    ต้องเจริญ ต้องทำให้มาก ต้องทำให้เกิดขึ้นที่จิต

    สติแบบที่พระพุทธองค์สอน =สัมมาสติ จึงต่างจากสติของคนในโลก
    เพราะสัมมาสติ เป็นมรรคจิต เป็นทางเดินของจิตเพื่อความพ้นทุกข์

    มีสติระลึกรู้อยู่ที่ฐานที่ตั้งสติ(สัมมาสติ=สติปัฏฐาน)
    โดยอาศัยความเพียร(สัมมาวายามะ)ประคองจิตไม่ให้แลบออกจากฐาน
    จนจิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ(สัมมาสมาธิ)
    ไม่ซัดส่ายไปตามอารมณ์ต่างๆที่เข้ามาปรุงแต่งจิต
    เป็นกระบวนการยับยั้งการเกิดของขันธ์ ๕ ที่จิต เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์
    เพราะเมื่อขันธ์ ๕ แปรปรวนไป
    จิตก็ไม่แปรปรวนตามขันธ์ ๕ ที่แปรปรวนไป

    (smile)
     
  9. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    แน่นอนครับ เพราะถ้าจะทำให้ต้นมันตรง ต้องเริ่มจากความเข้าใจแบบนั้น ไม่ใช่ไปเอาความรู้ของขั้นดอกเตอร์มาพูดกับคนซึ่งยังสงสัย ต้องทำให้เขาละความสงสัยและหันมาพิจารณาไม่ใช่ สอนให้เขาสงสัยในสิ่งต่างๆครับ เพราะต้นมันคดแล้วจะเอาอะไรมาตรง หากสิ่งนั้นยังไม่เรียกสติ ผมคิดว่า
    ลุงยิ่งต้องพิจารณาให้มากๆเลยครับ จะได้เหมาะสมกับรูปที่นำมาใช้ เพราะหากยังเข้าใจว่าคนเราต้องแบบนั้นต้องแบบนี้เท่านั้นแล้ว เชื่อว่ามันจะไม่มีวันจบสิ้นได้เลย กิเลสในใจตนเองนั่นแหละครับ เพราะเป็นการการกล่าวเพื่อให้พิจารณาไม่ใช่การกล่าวเพื่ออวดภูมิแต่อย่างใด มันจึงมองเห็นความแตกต่างกันอยู่ว่า ความเข้าใจในเบื้องต้นนั้นมีประโยชน์มาก เช่น เดียวกันกับเรื่อง สัมมาทิฐิ ก็สำคัญมาก เมื่อมันยังไม่เห็นชอบอยู่จะพูดอะไรจะกล่าวอะไรมันก็ดูจะปลอมปนไปด้วยกิเลสอยู่นั้นร่ำไปแหละครับ
    อนุโมทนาครับ
     
  10. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    มีสติ มีสตางค์ อย่าไห้เผลอ ถ้ามีเผลอ สตางค์หมด

    อดหรรษา ขาดสติโง่เขลาเบาปัญญา

    ไห้รู้ว่า สติเกิด ละเมิด หรือะมี

    สติ คือความระลึกรู้ สัมปะชัญญะ คือ รู้ตัวทั่วพร้อม
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    รอ พระเอก มาถาม พอดี ท่านเกิดมาถาม ก็จะ อธิบายให้ฟัง


    อย่าไปเอาสติของพวกสำนักดูจิต ในทุกวันนี้มานะครับ
    เพราะคนละอย่าง พวกนี้ไ่ม่ต้องปฏิบัิติสมาธิ ภาวนา
    เค้าก็ว่าเค้ามีสติ แต่สติของเค้าไม่ต้องทำสมาธิ สีแดงๆ นี่ ตัวอย่างที่หนึ่ง ที่กล่าวแบบ รับเหมา แถมแสนรู้ เสียด้วย ตรงที่ขีดเส้นใต้

    ....

    ไม่ใช่ดูความคิดตัวเองไปเรื่อยแล้วจะมีได้

    สีแดงๆ นี่ ตัวอย่างที่ สอง คุณเกิด ลองไปตั้งใจฟังเกล็ด ธรรมหลวงปู่พุธ ที่ผมนำมาให้ทัศนาดู ว่าความคิด สร้าง สติได้อย่างไร

    แสดงให้เห็นอีก ว่า เป็นผู้สดับมาน้อย ....

    เอาแค่ นี้ก็พอครับเดี๋ยวจะยาว ไม่อยากจะสนทนาเท่าไร

    หรือพี่เกิดอยากฟังหลวงปู่พุธ เต็มๆ มาฟังได้ ที่ห้องประเทืองปัญญาครับ

    มาเป็นชื่อก็ได้นะพี่เกิด อย่ามาเป็นเกรสเลยเดี๋ยวจะงง เพราะ มีพวก มาเป็นเกรส มาหลอกร้องเป็นเพลง เวลาเจอผีเยอะ แล้วก็ไป พวกนี้แม้แต้ชื่อตัวเองก็ยังไม่กล้าเอามา แล้วจะเรียกว่าเป็นนักปฏิบัติได้ไง







     
  12. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ฮาๆๆๆๆ ฝึกมากก็เลยบ้าไปแล้วไง เลยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ไงครับ เลยไม่กล้าใช้ชื่อตัวเอง ฮาๆๆๆๆ อันนี้ชอบเพราะมันตลกดีครับคุณปราบเทวดา
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ เก่ง คุณมีเหตุผลหน่อยสิ
    คุณอย่าให้เหตุผลอะไรยืดยาว ค่อยๆ พูดทีละประเด็น
    มันแสดงถึง ความอัดอั้นตันใจ และขาดสติ ของคุณ

    ให้คุณ จับอยู่กับประเด็นเดิมก่อนที่จะไปเรื่อยเปื่อย
    ผมถามดังนี้ว่า

    เด็ก 3 ขวบ มันอิ่ม มันทำยังไง
    เด็ก 3 ขวบ มันหิวมันทำยังไง



    ตัวคุณเอง ไม่มีภูมิ ก็อย่าพยายามพูด เพราะว่า พูดอะไรออกมา มันผิดกลับตาลปัตร ตลอด
    ขอที อย่าทำลายศาสนา ไปมากกว่านี้ เพราะ นับวัน กรรมมันจะตามติดคุณมากขึ้นทุกวัน
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อนุโมทนา ขอบคุณมาก ที่เข้าใจ ว่า การทำให้คนรู้ธรรมมาซักคนหนึ่ง จะทำให้เป็นเกาะเป็นดอนให้ท่านอื่นๆ พักพิงได้
     
  15. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ตามที่เข้าใจ สติ คือ การที่เรารู้กายรู้ใจ ของให้ชัดเจน พยายามทำอยู่ค่ะ การที่เราทำกิจกรรมหลายอย่างในปัจจุบัน
    คือเรารู้พร้อมอริบท ทุกขณะรู้ว่า ตอนนั้นกำลังทำอะไร พึงระลึกได้ว่า
    ตอนนี้กำลังอะไรอยู่เป็นขณะๆ จิต นี้คือสติทางโลก แต่มันจะค่อยกล้าขึ้นเรื่อยๆ
    หากเราเพียรทำอย่างต่อเนื่อง เราจะรู้สึกว่าเราภาวนาเองอย่างไม่ต้องบังคับ
    ในขณะนั้นที่เรามีสติ เราจะรู้สึกว่าเราอยู่ในโลกได้อย่างไม่วุ่นวายหนอ

    สมาธิ เราแม่นแล้วมันจะเกิดปัญญา ในสมาธิ จะเริ่มพิจารณาสิ่งต่าง ได้


    สำหรับนักปฏิบัติมา มาแล้วก็จะมีลักษณะรู้ดีรู้ชั่ว มีหิริโอตะปะ หากมีสติจริง
    แยกได้ ไม่ตื่นข่าวพิจารณาสิ่ง ต่างๆได้ด้วยปัญญา ไม่หลงมายาทางโลก
    ที่มุ่งทำร้ายกัน และต้องสร้างสรรแต่สิ่งดีๆ ทำตัวให้มีประโยชน์ต่อสังคม
    โดยละทิฐิในใจตน เป็นคนที่ชัดเจนมากที่สุด ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

    พอเรามีสติดีแล้ว กิริยา วาจา ใจ เราจะสำรวมมากขึ้น
    ไม่มีคำหยาบ ไม่กระด้าง ใจไม่มุ่งร้าย อารมณ์เราจะละเอียดมากขึ้น
    นิ่งและมองเห็นได้ด้วยปัญญา
     
  16. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมไม่อยากเถียงลุงนะครับ เพียงแค่ยกมาบอกเท่านั้นว่า สติของเด็กมันก็มีไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไงว่าหิวหรืออิ่ม ลุงอย่าเอากิเลสมาพูดสิครับ กรรมมันจะไปติดตัวผมได้ยังไงกัน คุณลุงไม่เคยหิวหรือครับ เวลาลุงหิวลุงทำยังไงครับ ลุงนั่งรอให้ข้าวมันมาเข้าปากลุงเหรอครับ ที่ลุงไม่ต้องรอให้ข้าวมันลอยมาเข้าปากลุงเพราะว่าลุงเป็นผู้ใหญ่ มีปัญญาหาเอาได้ แต่เด็กสามขวบมันไม่สามารถทำเหมือนคุณลุงได้เพราะยังไม่มีปัญญาพอ จึงต้องมีคนเอาอะไรมาให้ ส่วนเรื่องของความอึดอั้นตันใจนั้น ยังไงๆ ผมก็มีน้อยกว่าลุงเยอะครับ และภูมิธรรมของผมก็น่าจะมีพอจะเอาชนะกิเลสอันเป็นเพียง แค่มานะ ทิฐิ ริษยา พยาบาท ในจิตใจผมได้ครับ มันอาจไม่มากเท่าลุงหรอกครับ เพราะว่ามันมากเกินจนไม่สามารถดับกิเลสเหล่านั้นได้ครับ เพราะแค่คำว่า หิวก็รู้ อิ่มก็รู้ ยังเอาไปเทียบได้กับเด็กสามขวบแล้ว ท่าทางกิเลสลุงนี่ต้องน่ากลัวกว่าใครเลยครับ เพราะไม่มีเบื้องต้นไม่มีท่ามกลางและก็ไม่มีเบื้องปลายเลย ลุงต้องถามตนเองดูว่า สติเกิดเพราะอะไร ลุงตอบได้ไหมครับ ถ้าลุงตอบได้ลุงยังจะถามอีกไหมว่า สติแบบนี้เป็นของเด็กหรือของผู้ใหญ่ ไหนลุงลองตอบมาสิครับว่า สติเกิดขึ้นเพราะอะไร กรรมอันเป็นไปเพราะกิเลสของลุง ที่มีแต่พยาบาท อิจฉา ริษยา จะได้ไม่ติดตัวมากครับ
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เปรต ชอบกิน อาจม
     
  18. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มีแต่กิเลสแล้วบอกว่ามีธรรม ตรงไหนเหรอที่เรียกว่าธรรม ถามว่า สติเกิดเพราะอะไร ก็ได้คำตอบแบบนี้ ธรรมที่มีคงมีมากเกินไปจริงๆนะนี่ ผมไม่เถียงกับคนที่ไม่รู้หรอก ผมไม่เถียงกับคนที่หลงแล้ว อยากตอบก็ตอบไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ แต่ชอบแสดงกิเลสในตนออกมาให้ผู้คนได้เห็นก็ยิ่งจะเป็นบาปเป็นกรรมแก่ตนเองนั้นแหละ ครับ
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ keng ผมว่า คุณไปช่วย คุณ ปราบเทวดา ถอดเทป หลวงพ่อพุธ

    แล้วก็เอามาเผยแผ่ ให้คนอื่นฟัง หรือไม่ก็

    ไป ถอดเทป หลวงพ่อสงบ

    หรือไม่ ก็ ทำอะไรที่มันสร้างสรร กว่านี้ จะมีประโยชน์มาก

    คุณมานั่ง ตาม แย้งผม มันไม่เกิดประโยชน์หรอก

    แทนที่จะได้บุญ กับได้บาป ได้เป็นเทวทัตสมใจแน่ ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไป

    แต่ ถ้า ทำตามที่แนะนำ ยังพอได้ พ้นจากอบายได้บ้าง มีโอกาสอยู่
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    คุณ Oz คุณเป็นคนฉลาด แต่ขาดความเฉลียว หรือ ขาดปฏิภาณ ที่ขาดปฏิภาณ
    นั้นไม่ใช่ข้อที่ผิด เพราะจริตคุณเป็นคนเอา ศรัทธา เข้าว่า ไม่ได้ใช้ ปัญญา เข้า
    ขบคิดเข้าว่า คุณจึงเหมาะที่จะได้ยินคำพูดคำสอนสั้นๆ ไม่เหมาะที่จะได้รับคำ
    สอนที่เป็นสาระแก่นสาร

    อย่าง "เผลอแล้วรู้ แล้วเกิดสติ แล้วไม่ใช่สติธรรมดาเสียด้วย"

    คุณคงคิดว่าผมพูดผิด นั่นเพราะคุณไม่สามารถขบคิดได้ และเพราะว่าคุณ
    ขบคิดไม่ได้ คุณจึงเหมาะที่จะพูดสั้นๆแบบสั่ง แบบจูงจมูกคือ

    "ให้ทำสมาธิ อย่าเผลอนะ!!!" คือ คำว่าเผลอ นั้นปรากฏ แต่ปรากฏในแง่คำสั่ง
    คำที่สนตพาย คำที่จูงจมูก แล้วคุณจะร่าเริง ดีใจ เหมือนได้อาหารป้อนเข้าปาก
    มันซะใจ(ด้วยแรงศรัทธา) แล้วก็จะไปทำ โดยไม่เผลอ

    แต่ในแง่เนื้อหาสาระ บรรยายความอย่างละเอียดแล้ว ก็หมายถึง เวลาคุณทำ
    สมาธิก็ดี คิดอยู่ก็ดี จะเอาอะไรมาเป็นเครื่องรู้(อารมณ์)ของจิตก็ดี เมื่อทำ
    ไปแล้ว มันจะต้องเกิดอาการเผลอไป เหม่อไป หมองไป มัวไป หนักไป แน่นไป
    แข็งไป ไม่คล่องแคล้วเสียแล้ว เหล่านี้คืออาการที่เรียกโดยย่อว่า เผลอไป

    เผลอไปแล้วทำไง ก็ให้รู้สึก ให้รู้สึกใจ หรือ ดูมาที่จิตที่เผลอไปแล้ว เรียก
    ตามหลัก จิตตานปัสสนา ก็พูดว่า จิตมีโมหะให้รู้ เรียกตามธรรมานุปัสสนา
    ว่าจิตมีนิวรณ์ให้รู้ เรียกกลับไปทางจิตตานุปัสสนา อธิจิตสิกขา ก็เรียกว่า
    "จิตไม่ตั้งมั่นให้รู้" "จิตไม่มีฐานให้รู้"

    ทั้งหมดคือ เผลอแล้วรู้ แล้วเป็นการรู้ที่ให้กุศลสูง

    ตัวอย่างเช่น

    หลวงพ่อสงบเล่าถึงพระท่านหนึ่ง(ไม่แน่ใจว่าหมายถึงตัวท่านเองหรือเปล่า) ว่าท่าน
    ทำสมาธิ ทำจนข้ามคืน ทำได้หลายคืน ติดต่อกันเป็นเดือนๆ ก็คิดว่าตัวเองได้สมาธิ
    มีสติสมบูรณ์ดี แต่สุดท้ายมารู้ตัวทีหลังว่า น้ำลายไหล นั่งสมาธิเข้าฌาณได้แต่
    น้ำลายไหลเลอะสบงจีวรเปียกไปหมด นั่นจึงรู้ว่า เผลอไปแล้ว เผลอแล้วรู้ นั่นเอง
    และพอรู้แล้ว จิตมันตื่นทันที เพราะมันให้กุศลสูง

    อีกตัวอย่างหนึ่ง

    หลวงตามหาบัว วันหนึ่งจิตท่านสว่างไสว มองไปในภูเข้าก็ทะลุภูเขา ทะลุไปหมด
    โลกธาตุไหนส่องไปได้หมด แต่ท่านมารู้สึกตัว รู้เข้ามาที่จิต จึงเห็นว่า เผลอไปแล้ว!!!

    นี่พอท่านรู้ตัวว่าเผลอไปแล้ว เผลอแล้วรู้ จิตมีนิมิตแล้วรู้ ก็เกิดสติ สติที่พึงเกิดตรงนี้
    เกิดหลังจากการเผลอไป ตรงนี้จึงให้กุศลสูง

    * * * * * *

    หลักการทางอภิธรรม

    สมาธิ หรือ สติที่ประกอบสมาธิ เป็น สติชาวบ้าน เป็นของธรรมดา เป็นของพื้นบ้าน

    สมาธิที่มีสติแบบพื้นบ้าน จึงเกิดร่วมกับกุศลก็ได้ หรือเกิดร่วมกับอกุศลก็ได้ ดังนั้น
    นักสมาธิร้อยละร้อย เมื่อทำสมาธิแล้วจิตยังติดอกุศลได้อยู่ ไม่ใช่อกุศลแทรกไม่ได้
    เพราะอกุศลตัวนี้คือ โมหะมูลจิต หรือ อวิชชา การจะไปเห็นตัวไหนแล้วแต่ปัญญา
    อินทรีย์ที่มี แต่ส่วนใหญ่ไม่เห็น และยกไม่เป็นด้วย จึงต้องไปทำที่ เวทนานุสติปัฏฐาน
    เพื่อกลับมามีสติ เพื่อเข้าสู่เอกายนมรรค จึงมักสำเร็จด้วยธุดงควัตร

    ทั้งนี้เพราะ สติ ที่เป็นของพุทธศาสนา จะเกิดระหว่างการยกองค์สมาธิ(วิตก วิจาร ปิติ สุข
    หรือแม้กระทั่ง เอกัคคตา - พวกโพธิญาณ) เอามาเป็นของถูกรู้ถูกดู เอามาเป็นอารมณ์
    ในการฝึก สติ ที่ยิ่งกว่า สติพื้นบ้าน สติชาวบ้าน

    แต่เนื่องจาก องค์ธรรมที่ชื่อ วิตก วิจาร ตรงนี้มันเปิดกว้าง นักสมถะ นักทำฌาณ(ศรัทธานุ
    สารี)ก็ใช้อารมณ์กรรมฐาน40(เป็นอาธิ) แต่นักคิด นักวิจัย(ธรรมานุสารี)เขาก็ใช้ความคิด
    ที่แล่นไปเป็น วิตก วิจาร เป็นองค์สมาธิของเขา ดังนั้น จึงยกธรรมได้เหมือนกัน หากรู้วิธี
    หากหมั่นสดับธรรมะ ก็จะรู้วิธี รู้เข้ามาที่จิต ได้เสมอเสมือนกันกับพวกนักทำฌาณ

    สติปัฏฐาน4 จึงเป็น เอกายนมรรค ไม่มีทางอื่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...