พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 116 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 114 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>psombat, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ยินดีด้วยนะครับท่าน :cool:
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    กลับมาสู่ประโยคยอดฮิตของชาววังหน้า

    ของจริงต้องพิสูจน์ได้

    อีกเรื่องที่สำคัญคือ หลวงปู่ท่านมีเมตตากับเรา ดังนั้นเราต้องทำดีกันต่อไป

    สิ่งใดที่เราคิดเห็นว่า เราได้ทำดีแล้ว ให้ทำต่อไป และทำให้ดีมากๆยิ่งขึ้นไปนะครับ

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาแจ้งข่าวเรื่องกองทุนหาพระถวายวัด

    เมื่อสักพักนี้ ผมได้โทร.ไปกราบเรียนหลวงพ่อแผน สนส.บ่อเงินบ่อทอง เรื่องที่ผมและคณะ(กองทุนหาพระถวายวัด) จะถวายพระบูชา หน้าตัก 9 นิ้ว "หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางฉันทกิจ" ซึ่งหลวงพ่อแผนท่านจะลงตารางการเดินทางของผม และท่านจะอยู่รอรับพระบูชาหน้าตัก 9 นิ้ว "หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางฉันทกิจ" ครับ

    ในวันก่อนวันงานพิธีพุทธาภิเษกล็อกเก็ต ผม,คุณpsombat และน้องพรสว่าง จะเดินทางไปถวายพระบูชาหน้าตัก 9 นิ้ว "หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางฉันทกิจ" ด้วยกันครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า เจ้าจะเอาแต่สุข สนุกไฉน
    เจ้ามามือเปล่า แล้วเจ้า จะเอาอะไร เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา
    ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่ มีเพียงแต่ ต้นทุน บุญกุศล
    ทรัพย์สมบัติ ทิ้งไว้ ให้ปวงชน แม้ร่างตน เขาก็เอา ไปเผาไฟ

    "สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี"

    [​IMG]

    [​IMG]

    "บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า"..!

    "ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด
    เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีของตนลงทุนไปก่อน
    เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่ว ย
    มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมี
    ที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้
    บารมี ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว..
    แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้..แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง"...!

    "จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่ วยเจ้าไม่ได้....
    ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่..
    จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เล ยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า..."

    นี่คือคำเทศนา ของเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรมรังษี
    ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิตหลังจากที่ท่านล่วงลับไป แล้วเมื่อ 100 กว่าปี
    อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
     
  5. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 132 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 128 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>psombat, :::เพชร:::, nongnooo, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดียามบ่ายครับ อยู่ครบทั้งรองฯ ทั้งเลขาฯ :)
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 150 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 148 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, psombat+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    คิดถึงท่านรอง:::เพชร:::และท่านรอง nongnooo

    แต่คิดถึงท่านโดจิมากกว่า อยากกอด อยากหอมแก้ม หุหุหุ


    .
     
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โดจิไปกวดเข้มเผื่อปีหน้าเป็นตัวแทนประเทศไปโอลิมปิกครับ (555แค่ความฝันครับ) หุ หุ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า ต้องร่วมกันส่งกำลังใจให้ท่านโดจิกันแล้วครับ

    ท่านโดจิต้องสู้ๆๆๆๆๆๆครับ
    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เคี้ยวช้าๆ พาสุขภาพดี
    เคี้ยวช้าๆ พาสุขภาพดี
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 มีนาคม 2553 16:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "108 เคล็ดกิน" เองก็ไม่เคยนับหรอก ก็แค่เคี้ยวๆไปให้พอรู้สึกได้ว่าสามารถกลืนลงไปได้โดยไม่ติดคอ แต่รู้ไหมว่า การเคี้ยวนั้นก็สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะมีผลการศึกษาทางการแพทย์ยืนยันแล้วว่า การเคี้ยวให้ละเอียดนั้นจะเป็นการช่วยให้ระบบย่อยทำงานน้อยลง เพราะฟันช่วยผ่อนแรงกระเพาะอาหารไปแล้ว และยังช่วยให้มีสุขภาพดี อายุยืนยาว นอกจากนั้นการเคี้ยวยังมีผลต่อการทำงานของสมอง เพราะการเคี้ยวนั้นจะช่วยกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายและต่อมใต้หูให้หลั่งฮอร์โมนออกมา และการที่ฟันบนและฟันล่างได้กระทบกันนั้นก็จะเป็นการออกกำลังกายสมองไปด้วย

    แต่มีคำถามว่า แล้วต้องเคี้ยวคำละกี่ครั้งจึงจะพอ? มีคำแนะนำว่า เคี้ยว 30 ที จะช่วยให้เหงือกแข็งแรง เคี้ยว 50 ที จะช่วยลดความวิตกกังวลของอารมณ์และช่วยลดความอ้วน เคี้ยว 60 ที จะดีต่อการกินอาหารที่มีกากไยมาก ลดอาการท้องผูก คราวนี้เริ่มเคี้ยวยากหน่อยเพราะต้องเคี้ยว 80 ที ช่วยให้ประสาทสัมผัสไวขึ้น ความจำดีขึ้น เคี้ยว 100 ที ทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารได้มาก ลดการอยากอาหารประเภทเนื้อ เคี้ยว 150 ที ระบบการทำงานของกระเพาะและลำไส้จะดีขึ้น และสำหรับคนเป็นโรคกระเพาะเรื้อรังให้เคี้ยว 200 ที ก็จะหายอย่างรวดเร็ว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ท่องเว็บ-แช็ตอย่างไร ปลอดภัย-ไม่เป็นเหยื่อโจร!

    ศักดิ์สกุล กุลละวณิชย์

    ˹ѧʗ;ԁ?좨҇ʴ͍?䅹젺 ?ú?ءÊ ʴ?ء?荧==

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีคดี "อาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต" หรือ "ไซเบอร์ไครม์" เกิดขึ้นและตกเป็นข่าวใหญ่นับไม่ถ้วน

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่กลุ่มผู้กระทำความผิดแห่เข้ามาใช้เว็บไซต์จำพวกพูดคุยออนไลน์ (แช็ตออนไลน์) รวมถึงเว็บเครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นสื่อกลางในการล่า "เหยื่อ" ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์

    เช่น คดีสลดใจล่าสุดสดๆ ร้อนๆ เมื่อ 3 มี.ค. ที่เกิดขึ้นกับนางพันธ์ธีรา โกศลดำรงทรัพย์ เจ้าของร้านเสริมสวย ซึ่งถูกฆาตกรรมเสียชีวิตภายในบ้านพักของตนเองโดยฝีมือของแฟนหนุ่มที่รู้จักกันผ่านเว็บดัง "ไฮไฟว์" (Hi5) และได้ตามมาอาศัยอยู่ที่บ้านของผู้ตายได้แค่ 2 เดือน ก่อนลงมือสังหารโหดฝ่ายหญิงและหลบหนีไปพร้อมทรัพย์สินบางส่วน

    หรือก่อนหน้านั้นก็มีกรณีของ "เชอร์รี่ ผุงประเสริฐ" ดาราสาวชื่อดังที่ถูกโจรไซเบอร์ขโมยชื่อ "อีเมล์" เพื่อส่งไปหลอกตุ๋นเงินจากกลุ่มเพื่อนๆ ของเชอร์รี่ได้เงินไปนับแสนบาท <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    จากเหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึง "ช่องโหว่" ในโลกไซเบอร์ที่เปิดกว้างให้บรรดามิจฉาชีพได้ใช้เป็นช่องทางประกอบอาชญากรรมได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในแง่มุมของผู้ที่ต้องใช้อินเตอร์เน็ตเป็นประจำ การรู้ให้เท่าทันสังคมไซเบอร์จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง

    "พรชัย จันทรศุภแสง" บรรณาธิการนิตยสารคอมพิวเตอร์ ทูเดย์และนักจัดรายการวิทยุด้านไอที ผู้คร่ำหวอดในวงการมาอย่างยาวนาน ให้ข้อคิดและข้อเตือนใจแก่นักท่องเน็ตที่ไม่อยากตกเป็นเหยื่อโจรไฮเทคทั้งหลายว่า

    "ปัจจุบัน เอาเข้าจริงแล้วเดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มใช้ hi5 น้อยลง เพราะมีคู่แข่งเจ้าอื่นเพิ่มขึ้นมา เช่น พวกเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ แต่เมื่อรวมๆ กันต้องยอมรับว่าคนไทยใช้งานเว็บเหล่านี้มากขึ้นทุกวัน <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>

    "ที่สำคัญก็คือ อายุของคนที่เข้าไปใช้งานนั้นน้อยลงเรื่อยๆ โดยส่วนตัวคิดว่าคนที่เข้าไปเล่นส่วนใหญ่จะมีความสุขเวลาอยู่ในโลกเสมือนโลกออนไลน์ ซึ่งจริงๆ แล้ว มันมักจะมีแต่คำโกหกทั้งสิ้น

    "คิดว่าโจรผู้ร้ายเหล่านี้มันมีอยู่แล้วในสังคม เช่น ในอดีตคนกลุ่มนี้ก็จะเดินทางไปหลอกหาคนตามผับตามเธค ตัวเหยื่อมักจะเป็นเด็กๆ หรือผู้หญิง แต่เดี๋ยวนี้ยิ่งสะดวกใหญ่ เพราะมีอินเตอร์เน็ตเข้ามาให้ใช้แทน!"

    ส่วนคำแนะนำสำหรับผู้ที่ยังใช้เว็บชุมชนออนไลน์เพื่อประโยชน์จริงๆ พรชัยระบุว่า

    "ถ้าอยากเล่น อย่าเชื่อคนอื่น 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเขาจะพูดอะไรก็ได้ เราไม่สามารถเชื่อได้ทันที หรือบางที เวลาเราคุยกันไปแล้ว รู้สึกว่าพบคนหัวอกเดียวกัน เป็นคนแบบเดียวกัน แล้วถ้าเขาชวนไปทำเรื่องแย่ๆ เหมือนกันเราจะไปไหม เราก็ไม่จำเป็นต้องไป

    "อย่างเมื่อหลายปีก่อน ผมอ่านหนังสือนิยายไต้หวันเกี่ยวกับการฆาตกรรมโดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือ เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงสามคน ต่างสถานที่และไม่รู้จักกัน แต่ทุกคนล้วนเผาตัวเองตายในห้องพัก สรุปตอนท้ายคือฆาตกรเป็นคนใกล้ชิดที่ฆ่าเหยื่อเพื่อหวังเงินประกัน และใช้วิธีการแช็ต ออนไลน์ในการกล่อมเหยื่อ

    "บางทีคนใกล้ตัวก็อันตรายกว่าคนไกลตัว โจรผู้ร้ายพวกนี้พยายามจะใช้อินเตอร์เน็ตมาเป็นสื่อเพื่อเข้าถึงตัวเรา เพื่อมาตีสนิท มาเป็นคนใกล้ตัวเราให้ได้นั่นเอง" พรชัย กล่าว

    สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใน "โลกแห่งความจริง" หรือ "โลกเสมือนทางอินเตอร์เน็ต" ล้วนไม่ควรไว้วางใจใครง่ายๆ

    แนวทางดีที่สุดในการใช้งานเว็บชุมชนออนไลน์ต่างๆ ควรจะเป็นไปในทางก่อให้เกิดประโยชน์และสร้างสรรค์จะปลอดภัยและดีที่สุด</B>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    Attachments Posted by sithiphong

    [​IMG]
    40.2 KB, ดาวน์โหลด 54 ครั้ง

    [​IMG]
    71.6 KB, ดาวน์โหลด 38 ครั้ง

    [​IMG]
    90.8 KB, ดาวน์โหลด 44 ครั้ง
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียนท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และคณะพระวังหน้าทุกๆท่าน

    ผมได้ดำเนินการจัดส่งการขอปรึกษาเรื่องงานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ในเดือนเมษายน 2553 ไปให้กับทุกๆท่านแล้ว

    หากท่านใดที่ไม่ได้รับ Email ผมรบกวนขอให้ท่านส่ง Email มาให้ผมใหม่ทาง pm (พลังจิต) ด้วยนะครับ เนื่องจากที่ผมส่งไปมีชื่อEmail ของบางท่านไม่ถูกต้อง ทำให้ผมส่งไปไม่ได้ครบครับ

    ขอบคุณครับ


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หากท่านใดมีEmail อยู่แล้ว แต่หากมีความประสงค์ที่จะสมัคร Gmail ขอให้แจ้งผม ผมจะได้เชิญท่านสมัคร Gmail ครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เหล่าอี้ว์เหนิงเจี่ย : หญิงชรายังเข้าใจ
    China - Manager Online



    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 มีนาคม 2553 09:13 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>老(lǎo) อ่านว่า เหล่า แปลว่า แก่
    妪(yù) อ่านว่า อี้ว์ แปลว่า หญิงชรา
    能(néng) อ่านว่า เหนิง แปลว่า สามารถ
    解(jiě) อ่านว่า เจี่ย แปลว่า เข้าใจ




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=189 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=189>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ภาพจาก http://www.hwjyw.com</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ไป๋จีว์อี้ กวีเอกในสมัยราชวงศ์ถังนั้น ยามมีชีวิตอยู่เขามักจะจัดระเบียบบทกวีของตนเองอยู่หลายครั้ง โดยเขาได้บันทึกไว้ว่าตนได้ประพันธ์บทกวีไว้ทั้งสิ้น 3,840 บท หากนับกวีในยุคเดียวกัน นับว่าเขาประพันธ์บทกวีไว้มากเป็นอันดับหนึ่งของแผ่นดิน

    ไป๋จีว์อี้ มีอีกนามหนึ่งว่า เล่อเทียน ในวัยหนุ่มผ่านชีวิตลำบากยากแค้น จึงมีความเข้าอกเข้าใจความทุกข์ทรมานจากความยากจนของคนในสังคม เมื่ออายุได้ 28 ปี เขาสอบจองหงวนได้ในตำแหน่งจิ้นซื่อจึงได้เข้ารับราชการ ต่อมาเนื่องจากกระทำผิดต่อราชสำนัก จึงถูกลดยศไปรับตำแหน่งขุนนางดูแลเมืองเจียงโจว สุดท้ายสังกัดกระทรวงยุติธรรม

    ไป๋จีว์อี้เชื่อว่าบทกวีที่ดีต้องเข้าถึงประชาชน เข้าใจง่ายและเป็นที่น่าจดจำ ดังนั้นบทกวีของเขาจึงมีลักษณะเด่นคือเรียบง่าย ใช่คำตลาดทั่วไป เพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย กระทั่งเล่ากันว่าบทกวีของเขาต้องทำให้หญิงชราเข้าใจได้ โดยทดลองอ่านให้ฟัง หากหญิงชราเข้าใจแล้ว เขาจึงจะนำบทกวีชิ้นนั้นมาลงบันทึกเพื่อเผยแพร่ แต่หากหญิงสูงวัยล้วนไม่เข้าใจ ไป๋จีว์อี้ก็จะแก้ไขบทกวีดังกล่าวให้เข้าใจง่ายขึ้น จึงจะลงบันทึกเอาไว้

    ครั้งหนึ่ง หญิงชราซึ่งเป็นแม่บ้านของไป๋จีว์อี้ ได้เล่าเหตุการณ์ที่นางพบเห็นกับตาให้เขาฟังว่า ระหว่างที่นางเดินอยู่บนถนน พลันได้ยินเสียงคนร้องไห้ นางเดินเข้าไปดูจึงพบสตรีแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าขาดวิ่นกอดเด็ก 2 คนเอาไว้ แนบอก ที่ข้างกายมีรถม้าคันหนึ่งนั่งไว้ด้วยคนที่แต่งกายคล้ายนายพล หนำซ้ำนายพลผู้นั้นเอ่ยปากกับเด็กรับใช้เพียง 2-3 คำ เด็กรับใช้ก็รีบไปฉุดกระชากเด็กน้อยทั้งสองมาจากสตรีผู้นั้น เด็กทั้งสองร้องไห้พลางร้องเรียกมารดา ฝ่ายสตรีผู้นั้นก็ร่ำร้องเรียกหาบุตรทั้งสอง ทว่ารถม้าคันดังกล่าวก็ได้พาเด็กทั้งสองห่างออกไปทุกทีๆ สตรีคนดังกล่าวไม่อาจวิ่งตามได้ทัน สุดท้ายล้มฟุบไปกับกองฝุ่นที่ล้อรถม้าได้ทิ้งเอาไว้ หญิงแม่บ้านและผู้คนในละแวกจึงไปประคองนางลุกขึ้น ภายหลังจากการสอบถามพบว่า นายพลนายนั้นคือสามีของนางที่เพิ่งได้รับชัยชนะกลับมาจากการศึก ได้รับการตกรางวัลถึง 200 หมื่นตำลึง จึงได้ไปสมรสใหม่กับเด็กสาวเมืองลั่วหยาง ทอดทิ้งนางซึ่งเป็นภรรยาเดิม และช่วงชิงเอาบุตรทั้งสองไป

    เมื่อไป๋จีว์อี้ ฟังจบ จึงได้ร่างบทกวีขึ้นมาจากเรื่องราวที่ได้ฟังสดๆ ร้อนๆ นั้น โดยเมื่อร่างเสร็จได้กล่าวกับแม่บ้านว่า "บทกวีนั้น หากคนเดินถนนฟังไม่เข้าใจก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นข้าจะอ่านให้ท่านฟังก่อน" เมื่อกล่าวจบก็เริ่มต้นอ่านบทกวี ส่วนหญิงแม่บ้านก็ฟังพลางผงกศีรษะพลาง จนเมื่อฟังเข้าใจทั้งบทกวีแล้ว ไป๋จีว์อี้จึงค่อยนำร่างบทกวีนั้นมาบันทึกต่อไป

    สำนวน "เหล่าอี้ว์เหนิงเจี่ย" หรือ "หญิงชรายังเข้าใจ" ใช้เพื่อเปรียบเทียบถึงบทกวี บทความ บทเพลงหรือคำพูดที่สามารถถ่ายทอดให้เข้าใจง่าย ขนาดหญิงสูงวัยยังสามารถฟังเข้าใจได้บุคคลอื่นก็สมควรเข้าใจ

    (ที่สตรีชราถูกนับว่ามีความรู้น้อยกว่าผู้อื่นเนื่องเพราะสตรีจีนในยุคนั้นไม่มีโอกาสศึกษาร่ำเรียน ทั้งยังสูงวัยสภาพร่างกายเสื่อมถอย ความคิดความอ่านจึงเชื่องช้า)

    ที่มา ?ٶȰٿơ???ȫDz׮?

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY>

    </TABLE>



    .


    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จากที่ผมเคยนำเรื่องราวของมิจฉาชีพ ที่หลอกให้ผู้ที่หลงเชื่อ โอนเงินเข้าบัญชีที่กลุ่มมิจฉาชีพเปิดบัญชีไว้

    ปัจจุบันยังคงมีอยู่

    เมื่อสักพักใหญ่ๆนี้ ลูกค้าผมได้โทร.มาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เขาโดนไป 69,000 บาท โดยหลอกให้ไปทำรายการที่ตู้เอทีเอ็ม โดยอ้างว่า คุณเป็นหนี้บัตรเครดิต ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนรหัสของบัตรเครดิต แล้วให้ไปทำรายการทางตู้เอทีเอ็ม โดยมิจฉาชีพได้บอกว่า ต้องเปลี่ยนรหัส จากรายการ Transfer ซึ่งให้กดตัวเลข (กลุ่มมิจฉาชีพได้บอกว่า ให้กดเลข 30000 เป็นภาษาพูดว่า สาม ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์)

    หากท่านได้รับโทรศัพท์เช่นนี้ ขอให้ท่านติดต่อไปยังธนาคารที่ท่านใช้บริการอยู่ และหากว่าท่านมีโทรศัพท์อีกเครื่อง พยายามคุยโดยหน่วงเหนี่ยวเวลาไว้ แล้วใช้โทรศัพท์อีกเครื่อง โทร.เข้าไปที่ศูนย์บริการของโทรศัพท์ท่าน โดยให้ศูนย์บริการโทรศัพท์พยายามตรวจสอบดูว่า เบอร์โทร.จากที่ไหนโทร.มาหาท่าน แล้วให้แจ้งตำรวจ(DSI) เพื่อจะเป็นหนทางในการช่วยกันปราบปราบเหล่ามิจฉาชีพนี้

    ที่สำคัญ ท่านต้องไปติดต่อที่ธนาคารที่ท่านใช้บริการอยู่ ห้ามไปทำรายการอะไรก็ตามที่ตู้เอทีเอ็ม โดยเด็ดขาด

    เคยมีกรณีนี้กับเพื่อนร่วมงานผม เพื่อนร่วมงานก็เลยถือโอกาสด่ากลับไป

    ขอให้โชคดีครับ

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับคำว่า "Transfer" นี่คือการโอนเงินจากบัญชีของเราไปยังบัญชีบุคคลอื่น

    ต้องระวังครับ

    ---------------------------

    คำว่า direct bank , banking transtions , money transfer , account holders แปลว่าอะไร
    ตอบโดย prasit_khorat

    direct bank
    ธนาคารโดยตรง เป็น ธนาคาร โดยไม่ต้องๆ เครือข่ายสาขา. จะเสนอบริการทางการเงินโดย:

    ธนาคารโทรศัพท์
    ธนาคารออนไลน์
    อัตโนมัติเครื่องบอก (มักจะผ่าน เครือข่าย interbank พันธมิตร)
    ธนาคาร Mail
    ธนาคาร Mobile
    การกำจัดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสาขาธนาคารธนาคารโดยตรงอาจมีสูง อัตราดอกเบี้ย และลดค่าบริการในผลิตภัณฑ์ของตนกว่าคู่แข่งดั้งเดิมของพวกเขา.
    banking transaction
    พำนักเงินเข้าบัญชีธนาคารจะทำรายการให้ตามหักเงิน. เพิ่มดอกเบี้ยในบัญชีเป็นรายการ. หักบัญชีเป็นรายการ. หักค่าใช้จ่ายธนาคารมีธุรกรรม. โดยทั่วไปประเภทใดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของเงินในบัญชีเป็นรายการ. คุณจะได้รับรายชื่อของพวกเขาในงบบัญชีธนาคาร.
    account holders
    ในนามของบัญชี (ผู้แทน)
    money transfer
    การโอนเงิน

    ที่มา คำว่า direct bank , banking transtions , money transfer , account holders แปลว่าอะไร - มีคำตอบ - กูรู

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แนะเทคนิค "สร้างกำลังใจ" ในวันหดหู่
    Life & Family - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 มีนาคม 2553 07:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>หากท่านผู้อ่านหรือคนใกล้ตัวของท่านผู้อ่านกำลังมีปัญหาด้านการเงิน สุขภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ หรือแม้แต่ปวดหัวกับข้อสอบโอเน็ต และตกอยู่ในภาวะสิ้นหวังกับตัวเอง วันนี้ ทีมงานเราพบเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณหรือคนที่คุณรักผ่านพ้นกับสถานการณ์อันเลวร้ายดังกล่าวนี้ได้ค่ะ ซึ่ง 9 เทคนิคที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง ลองไปติดตามกันดูค่ะ

    1. อย่าโทษตัวเอง

    นำข้อนี้มาวางไว้เป็นข้อแรก เพราะการโทษตัวเองเป็นสิ่งที่มนุษย์ผู้ซึ่งเผชิญหน้ากับความผิดหวัง - ความเศร้าหมองมักทำก่อนข้ออื่น ๆ ดังนั้น หากสามารถเลิกโทษตัวเองได้ คน ๆ นั้นก็จะสามารถก้าวข้ามความตึงเครียดที่เผชิญอยู่ไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้ในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น หากผู้ที่กำลังทุกข์มองว่าภาวะดังกล่าวก็ไม่แตกต่างจากการเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน หรือมะเร็ง ที่ต้องการการปรับปรุงเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือมุมมองก็จะทำให้เขารับมือกับภาวะซึมเศร้านี้ได้ง่ายมากขึ้น

    2. หาใครสักคนเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ

    แม้ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจะไม่เหมือนกับอาการขาหัก - แขนหักที่ทุกคนมองเห็นและพร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ในยามนี้ การมีใครสักคนให้เราได้ปรึกษาสามารถช่วยให้อาการซึมเศร้าดีขึ้นเร็วกว่าการเก็บความทุกข์เอาไว้กับตัวเองคนเดียวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี การจะหาคนปรึกษาในยุคนี้อาจต้องทำความเข้าใจด้วยว่า คนบางคนก็ไม่พร้อมจะรับฟังและให้การสนับสนุนคุณ แถมบางครั้งอาจไม่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นเสียอีก ในกรณีนี้ ลองมองหาคนสนับสนุนที่สามารถให้ความรักคุณได้อย่างไม่มีข้อจำกัด เช่น พ่อแม่ สามี-ภรรยา หรือเพื่อนสนิทที่รู้จักนิสัยคุณดีมาเป็นผู้รับฟัง เพราะเขาเหล่านั้นอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตคน ๆ หนึ่งจะพึงมี

    3. เลื่อนการตัดสินใจออกไปก่อน

    หากตอนนี้คุณมีอาการซึมเศร้าอยู่และต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญ คำแนะนำที่จำเป็นก็คือ พยายามเลื่อนการตัดสินใจนั้นออกไปก่อน เพราะความรู้สึกหดหู่สามารถส่งผลกระทบต่อมุมมองและการตัดสินใจของตัวบุคคลนั้น ๆ ให้เป็นไปในแง่ลบได้ ดังนั้น การรีบตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ หรือเรื่องสำคัญในตอนนี้ดูจะไม่เป็นผลดีมากนัก เพราะอาจทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายลงกว่าที่ควรจะเป็น จึงควรยืดการตัดสินใจต่าง ๆ ออกไปจนกว่าจิตใจของคุณจะดีขึ้น

    แต่หากการตัดสินใจนั้นต้องทำโดยเร่งด่วน หรือไม่สามารถผัดผ่อนออกไปได้ ก็ควรขอคำแนะนำจากกัลยาณมิตร หรือคนที่มีประสบการณ์มากกว่าเพื่อพิจารณาร่วมด้วย จะช่วยให้การตัดสินใจนั้น ๆ เกิดขึ้นบนมุมมองที่มีความหลากหลายมากขึ้น

    4. ยิ่งเศร้าหมองยิ่งต้องดูแลสุขภาพ

    อาจเป็นเรื่องยากที่จะฉุดคนไม่มีกำลังใจให้ลุกไปออกกำลังกาย แต่ถ้าหากจะปล่อยให้ความเศร้าเข้ายึดครองพื้นที่ทุกมุมของชีวิตก็คงเปรียบเหมือนการไม่ยอมแก้ไขให้สถานการณ์ที่น่าหนักใจนี้พ้นผ่านไป การหมั่นออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้อาการเศร้าหมองในชีวิตผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้สุขภาพดีขึ้นอีกด้วย

    5. ปฏิบัติหน้าที่ตามกิจวัตรประจำวัน

    การที่ปล่อยตัวเองจมอยู่กับความเศร้า และละเลยกิจวัตรประจำวันอาจทำให้ชีวิตของคุณดูแย่มากขึ้น จะดีกว่าหากยังคงทำสิ่งต่าง ๆ นั้นต่อไป เช่น ทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน ให้อาหารสุนัข รดน้ำต้นไม้ เพราะหากคุณมีสมาธิจดจ่อกับงานต่าง ๆ ที่ทำจะช่วยให้ลืมเรื่องที่ทำให้สิ้นหวัง - โศกเศร้าลงได้บ้าง


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=258 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=258>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>6. นอนหลับ

    ความเครียดกับความเศร้าก็เหมือนไก่กับไข่ ที่บางครั้งความเครียดก็มาเยี่ยมเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ และบางครั้งเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอก็นำมาซึ่งความเครียด หากตอนนี้ทุกอย่างเข้ามารุมเร้าเยอะจนรับมือไม่ไหว การหยุดทุกอย่างเอาไว้แล้วนอนหลับพักผ่อนไปก่อนก็จะช่วยให้สภาพจิตใจหลังจากตื่นขึ้นมาดีขึ้น และมีสติไตร่ตรองมากขึ้น

    7. อย่าทำจนเกินตัว

    หลายครั้งที่คนเราจะเกิดความเครียดเพราะต้องรับมือกับหลายสิ่งหลายอย่างมากจนเกินไปในช่วงเวลาสั้น ๆ คำแนะนำในข้อที่ 7 คือการมองภารกิจเหล่านั้นให้เล็กลง พยายามไม่รับงานเพิ่มเข้ามา จากนั้นก็ค่อย ๆ สะสางงานเก่า ๆ ที่ค้างอยู่ให้หมดไป หรือลองแบ่งงานชิ้นใหญ่ ๆ ให้มีขนาดเล็กลง ทำไปทีละชิ้น ๆ จนครบ ก็สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของงานได้เช่นกัน

    นอกจากนั้น การยอมรับความสามารถของตัวเองในช่วงที่เกิดอาการเครียด - หดหู่ว่าไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนช่วงที่สมองปลอดโปร่งก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ลองลดความคาดหวังกับตัวเองลงเหลือสัก 75 - 80 ปอร์เซ็นต์ดูบ้างก็คงไม่ผิดกระไร เพราะความเครียดนี้ก็เป็น

    8. ทานอาหารที่มีประโยชน์</STRONG>

    อาหารที่เราทุกคนรับประทานเข้าไป นอกจากจะช่วยบำรุงร่างกายแล้วยังส่งผลต่อสมองอีกด้วย ดังนั้น ยิ่งอยู่ในภาวะหดหู่ก็ยิ่งสมควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ดี บำรุงเลี้ยงสมองให้คิดแต่สิ่งดี ๆ ได้

    9.หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์

    มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่พบปัญหาในชีวิต แล้วหันไปพึ่งยาเสพติด เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หวังว่าการพึ่งพายาเสพติดเหล่านั้นจะช่วยให้จิตใจกลับมาดีได้ดังเดิม แต่ในความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้อาการซึมเศร้าต่อเนื่องยาวนานมากกว่าเดิมแล้ว ยังมีผลต่อร่างกายในระยะยาวด้วย เพราะจะส่งผลต่อการทำงานของสมอง การปฏิสัมพันธ์กับผู้คน หรือหากเสพเป็นประจำจนติดเป็นนิสัยก็ยังมีผลเสียต่อหน้าที่การงานด้วย

    เรียบเรียงข้อมูลจาก Health.com

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สามีก่อหนี้ ภริยาต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่?
    Life & Family - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 มีนาคม 2553 17:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เมื่อไม่นานมานี้มีคดีที่เป็นประวัติศาสตร์โดยศาลได้พิจารณาถึงประเด็นเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา อันเป็นปัญหาของสามีภริยาหลายๆครอบครัว ในกรณีที่เจ้าหนี้มาฟ้องให้รับผิดชอบร่วมกันในหนี้นั้นๆ หรือมีการยึดทรัพย์สินที่เป็นสินสมรส ปัญหาว่าเจ้าหนี้จะยึดได้หรือไม่ หรือสามีภริยาจะต้องรับผิดในหนี้นั้นร่วมกันหรือไม่ มีกรณีตัวอย่างให้ผู้อ่านได้พิจารณากันดังนี้

    นายเฮง กับ นางวันดี เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย มีบุตรหนึ่งคนชื่อดช.ยอด นายเฮงเป็นเจ้าของร้ายขายของชำชื่อร้าน เฮง เฮง เฮง ส่วนนางวันดีรับราชการเป็นครูอยู่โรงเรียนวัดไทร ทั้งสอง และบุตรอาศัยอยู่ที่ร้าน เฮง เฮง เฮง ซึ่งเป็นตึกแถวสี่ชั้น นายเฮง ได้สั่งซื้อสินค้าจากร้านค้าส่งชื่อร้าน หยวน หยวน เพื่อนำมาขายปลีกที่ร้าน เฮง เฮง เฮง เป็นประจำ ซึ่งร้าน หยวน หยวน ได้ส่งสินค้าหลายอย่างให้ร้านเฮง เฮง เฮง โดยการสั่งซื้อของนายเฮง มาตลอด 2 ปี

    ส่วน นางวันดี จะออกไปทำงานสอนหนังสือนักเรียนที่วัดไทร เมื่อโรงเรียนเลิกเรียนช่วงเย็นนางวันดีจะพาลูกชายไปจ่ายกับข้าวที่ตลาด และเมื่อกลับถึงบ้านก็จะทำงานบ้านให้กับครอบครัว หากมีเวลาว่างนางวันดีก็จะช่วยนายเฮงขายของที่ร้านเฮง เฮง เฮง ตามแต่โอกาสจะอำนวย รวมถึงช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ รายได้ของนายเฮงได้จากการขายสินค้าที่ร้านเฮง เฮง เฮง ส่วนรายได้ของนางวันดี ได้จากเงินเดือนข้าราชการครู ทั้งนายเฮง และนางวันดีต่างช่วยกันออกค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเกี่ยวกับครัวเรือน และค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูบุตรและส่งเสียบุตรคือ ดช.ยอด ในการศึกษา โดยทั้งสองช่วยกันออกค่าใช้จ่ายจากรายได้ที่ต่างฝ่ายต่างได้มา ตลอดเวลาที่เป็นสามีภริยากัน

    ในการสั่งซื้อสินค้ามาขายที่ร้านเฮง เฮง เฮง นายเฮงจะสั่งซื้อจากร้าน หยวน หยวน เองและเมื่อร้าน หยวน หยวน นำสินค้ามาส่งนายเฮงจะเป็นผู้เซ็นต์รับสินค้าที่สั่งซื้อโดยตลอด แต่ในบางกรณีที่มีการนำสินค้ามาส่งที่ร้านเฮง เฮง เฮง ในช่วงตอนเย็นหรือช่วงวันหยุดราชการ หากนายเฮงไม่อยู่ที่ร้าน นางวันดีจะช่วยเซ็นต์รับสินค้าแทนนายเฮงบ้างครั้งบางคราว ซึ่งตลอด 2 ปีร้านเฮง เฮง เฮง กับร้านหยวน หยวนก็ค้าขายกันด้วยดีตลอดมา แต่มาในช่วงปี 2551 น้องชายนายเฮง ได้มายืมเงินนายเฮงไป 400,000 บาท โดยบอกว่าจะนำมาใช้คืนภายใน 2 เดือน นายเฮงจึงนำเงินทุนที่ใช้หมุนเวียนในร้านเฮง เฮง เฮง ให้น้องชายยืมไปแต่ปรากฎว่าเมื่อครบกำหนด 2 เดือนแล้ว น้องชายของนายเฮงไม่นำเงินมาคืน จึงทำให้นายเฮงขาดเงินทุนที่จะนำมาจ่ายค่าสินค้าที่ต้องสั่งซื้อมาขายที่ร้านเฮง เฮง เฮง โดยนายเฮงได้ค้างชำระค่าสินค้าที่สั่งซื้อจากร้านหยวน หยวน เป็นเงิน 300,000 บาท ร้านหยวน หยวน จึงหยุดส่งสินค้าให้นายเฮง และทวงถามเงินค่าสินค้าที่ค้างชำระ แต่นายเฮงไม่มีเงินชำระให้ร้านหยวน หยวน เพราะน้องชายไม่นำเงินมาคืน

    ต่อมาร้านหยวน หยวน ได้ยื่นฟ้องนายเฮง และนางวันดีว่าทั้งสองเป็นสามีภริยากัน เป็นเจ้าของร้านเฮง เฮง เฮง ซึ่งร่วมกันประกอบกิจการขายของชำ และทั้งสองร่วมกันสั่งซื้อสินค้าจากร้านหยวน หยวน เป็นเงิน 300,000 บาท แต่ผิดนัดไม่ชำระค่าสินค้า ขอให้ศาลบังคับให้ทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงิน 300,000 บาท จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ร้านหยวน หยวน


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ปัญหาว่านายเฮง และ นางวันดีจะต้องร่วมกันรับผิดในหนี้ค่าสินค้าที่ค้างชำระจำนวน 300,000 บาท หรือไม่อย่างไร เห็นได้ว่าประเด็นความรับผิดในส่วนของนายเฮง ในการสั่งซื้อสินค้าจากร้านหยวน หยวน นั้นชัดเจนว่านายเฮงต้องรับผิดในหนี้ค่าสินค้าจำนวน 300,000 บาท ต่อร้านหยวน หยวน เพราะนายเฮงเป็นผู้สั่งซื้อสินค้า และเป็นผู้ประกอบกิจการค้าขายของชำที่ร้านเฮง เฮง เฮง ด้วยตนเองโดยตรง แต่ตามสภาพแห่งข้อหาตามคำฟ้องของร้านหยวน หยวน

    ประเด็นที่เกี่ยวกับความรับผิดของนางวันดีจึงมีว่า นางวันดีต้องรับผิดกับนายเฮงในการสั่งซื้อสินค้าจากร้าน หยวน หยวน อันเป็นความรับผิดตามสัญญาซื้อขายประการหนึ่งหรือไม่ และ นางวันดีต้องร่วมรับผิดในหนี้ค่าสินค้ากับนายเฮง เพราะเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภริยาทำด้วยกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490 (3) อีกประการหนึ่งหรือไม่

    เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงว่านางวันดีมิได้ร่วมด้วยกับนายเฮงในการสั่งซื้อสินค้าจากร้านหยวน หยวน หรือไม่ได้ร่วมด้วยในการประกอบกิจการของร้านเฮง เฮง เฮง เพราะนางวันดีมีอาชีพรับราชการครูและมีรายได้จากการรับราชการซึ่งการที่นางวันดีช่วยขายของในร้านเฮง เฮง เฮง บ้างก็เป็นเพียงการช่วยเหลือครอบครัวตามหน้าที่ธรรมจรรยา มิได้เป็นผู้ประกอบกิจการร้านเฮง เฮง เฮงง ร่วมกับนายเฮงโดยตรง ดังนั้น นางวันดีจึงไม่ต้องรับผิดต่อร้านหยวน หยวน ในหนี้ค่าสินค้าจำนวน 300,000 บาทนั้นด้วย ต้องยกฟ้องนางวันดี เพราะนางวันดีไม่ต้องรับผิดร่วมกับนายเฮงในหนี้ดังกล่าว

    ส่วนประเด็นว่าหนี้รายนี้เป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา เพราะเป็นหนี้ที่เกี่ยวกับการจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัว การอุปการะเลี้ยงดู ตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว และการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490 (1) หรือไม่นั้น เห็นได้ว่าร้านหยวน หยวน ฟ้องเรียกค่าสินค้าที่ร้านเฮง เฮง เฮง ค้างชำระในการสั่งซื้อสินค้ามาจำหน่ายที่ร้านเฮง เฮง เฮง ซึ่งเป็นเรื่องการผิดสัญญาซื้อขายสินค้า ไม่ใช่หนี้ที่นายเฮงและนางวันดีได้ก่อขึ้นเพื่อนำมาจัดการบ้านเรือน หรือจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัว หรือบุตรโดยตรง

    อีกทั้งนางวันดีมีรายได้จากการรับราชการครูและนำเงินจากการประกอบอาชีพครูมาใช้จ่ายในเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว และบุตร นางวันดีมิได้ไปยุ่งเกี่ยวกับรายได้ของร้านเฮง เฮง เฮง ที่จะนำมาใช้ในครัวเรือนและบุตรโดยตรง การที่ร้านหยวน หยวน มาฟ้องเรียกค่าสินค้าที่ร้านเฮง เฮง เฮง ค้างชำระอยู่จึงไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิฟ้องเรียกหนี้อันเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามี ภริยา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490 (1) แต่อย่างใด หนี้ตามฟ้องที่ร้านหยวน หยวน ฟ้องเรียกในกรณีนี้จึงเป็นหนี้ที่ต้องพิจารณาว่าเป็นหนี้ที่เกิดจากการที่สามีภริยาได้ทำการงานนั้นด้วยกันหรือไม่ ตามมาตรา 1490 (3) เท่านั้น (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 4011/2546)

    การที่จะพิจารณาว่าหนี้รายใดเป็นหนี้ร่วมกันระหว่างสามีภริยาที่จะต้องร่วมกันรับผิด เพราะได้ก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างเป็นคู่สมรสนั้น หากเป็นหนี้ที่เกิดจากการงานใดต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการงานนั้นๆว่าเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากการงานที่สามีภริยาได้ร่วมกันทำจริง ๆ หรือไม่เป็นสำคัญ อันเป็นความรับผิดร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1490 (3) โดยเฉพาะนั่นเอง

    มังกรซ่อนกาย
    Hiddendragon2552@gmail.com

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    มรรค 8-โพธิปักขิยธรรม-ทางหลุดพ้น

    มรรค 8 คือ ตัวเรา – ใจเรา

    ต้นธาตุ คือ ตัวเรา มี4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม = ทิศหลัก 4 ทิศ
    ต้นธรรม คือ ใจเรา มี 4 ห้อง คือ รู้สึก จำ คิด สัมผัสรับรู้ = ทิศเฉียง 4
    การศึกษา ตัวเรา ใจเรา คือ ความรู้รอบ สติ และ รอบรู้ คือ ปัญญา

    จิต……….คือศูนย์กลางแห่ง ตัวเรา ใจเรา มีรัศมีจิต เป็นรุ้ง 7 สี เพราะเกิดปัญญา สัมมาทิฏฐิ เพื่อบำเพ็ญเพียร ไปสู่ความรู้แจ้ง และ หลุดพ้น……………
    ทิศทั้งแปด คือ ทางดำเนินของจิต แห่งอริยศาสตร์ ที่ปุถุชนละเลยในการปฏิบัติ จึงเกิดทุกข์นานัปการ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องศึกษา และ ปฏิบัติกันอย่างจริงจัง……………


    1.เห็นชอบ คือ ธาตุน้ำ อยู่ทิศเหนือ ความเห็นชอบจึงเป็น ความเห็นที่ถูกต้อง ที่อยู่เหนือโลก เหนือธรรม เหนือความพอใจ ไม่พอใจ เหนือสรรพสิ่ง เหนือความโลภ ความโกรธ ความหลง จึงมีสภาพที่เป็นน้ำ ซึ่งสามารถชำระความสกปรกได้ทั้งมวล น้ำก่อให้เกิดชีวิต น้ำมีความเพียรเป็นเลิศ หากระดับน้ำไม่เสมอกัน น้ำจะไม่หยุดไหล น้ำมีความยุติธรรม เครื่องมือวัดระดับในโลกใดๆ ยังสู้น้ำไม่ได้ น้ำเป็นธรรมะ น้ำอยู่ในสภาพของเหลว ให้เราศึกษาถึง การเวียนว่าย ตายเกิด ลักษณะเป็นวงกลม ไม่มีต้น ไม่มีปลาย ไม่มีอยู่ มีแต่สมมุติแห่งการรวมตัว ตั้งอยู่ เคลื่อนไป ไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่สภาวะธรรม เป็นทั้งรูปที่หนัก และนามที่เบาบาง คือ “เมฆ” เมฆ อยู่ในสภาพที่ว่างเปล่าได้ จึงใช้ สีใส ที่ใสกว่า สีขาว……………….
    2.คิดชอบ อยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นทิศแห่งสีดำ เพราะมนุษย์เราเกิดจาก อวิชชา คือ ความไม่รู้(มืด) หมายถึง ใจ ที่ยังมิได้ศึกษา มนุษย์จึงเกิดมาศึกษาธรรมะ ศึกษาชีวิต เพราะมนุษย์เกิดจากความคิดที่มี ความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ และ ใจไม่พอ ความรู้สึกทั้งสาม เป็นบ่อเกิดแห่งความมืด คือ “คิดชอบ” แต่เป็นสีดำ เพราะในความคิด มีลูกศรชี้ตรงไปที่รูปหัวใจ คือ “ความอยาก” ความอยากเป็นปัญหาของความคิด ที่มีปัญหาให้คิดกัน พูดเป็นกลางๆ คือ ชอบคิดดี หรือ คิดไปในทางไม่ดี แต่ส่วนใหญ่จะแปลไปในทางดี ต้นกำเนิดของทุกข์ทั้งหลาย ล้วนมาจากความคิดที่ผิด “ชั่ว” จึงเป็นสาเหตุให้เกิดทุกข์ ตัวมืดบอด คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่ตกอยู่ในความคิดของคนเรา โดยเราไม่รู้ตัวว่า สิ่งเหล่านี้มีอยู่ มนุษย์ผู้นั้นเลยมิได้แก้ไข…………..
    3.วาจาชอบ คือธาตุไฟ อยู่ทิศตะวันออก เป็นทิศแห่งแสงสว่าง ที่ทำให้เห็นแจ้งโลก วาจาชอบ จึงเป็นพระธรรมคำสั่งสอน ที่ออกจากปากของผู้รู้ คือ มีแสงสว่างอยู่ในจิต มีฉัพพรรณรังสี วาจาชอบ อยู่ทิศตะวันออก หมายถึง เป็นผู้ชี้ทางให้ออกจากโลก ออกจากความชั่ว ความมืด……………..
    4.กระทำชอบ หรือ ปฏิบัติชอบ อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ลูกศรชี้ตรงไปที่หัวใจ คือ ความยึด มีสัญญา และ ความจำ เป็นเป้าหมายให้มนุษย์ปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม และจดจำไว้ เพื่อเผยแผ่ให้กับผู้ไม่รู้ต่อไป………….
    5.อาชีพชอบ อาชีพที่ต้องห้าม 5 อย่าง คือ ค้ามนุษย์ ค้าอาวุธ ค้ายาพิษ ค้าสุรา ค้าสัตว์เป็นเพื่อฆ่า อยู่ทิศใต้ คือ ธาตุดิน ผู้ที่มีอาชีพสุจริตทุกอาชีพ ต้องอาศัยธาตุดิน คือ รูปธรรม อย่างน้อย ต้องอาศัยกาย เป็นที่ตั้งแห่งการประกอบอาชีพ ทิศใต้ หมายถึง บ่าว เปรียบเสมือน ร่างกายที่ถูกใจ ใช้ให้ไปในทางที่ดี หรือ ชั่วก็ได้ จึงต้องอาศัยอาชีพที่ชอบดำเนินชีวิต…………..
    6.เพียรชอบ อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ศรชี้ไปทางหัวใจแห่งความไม่รู้ มนุษย์เรามีทั้งเพียรชอบ และ เพียรชั่ว ล้วนแล้วแต่อาศัยความคิดปรุงแต่งทั้งสิ้น ถ้าเพียรพยายามชอบ ก็ต้องคิดในสิ่งที่ดี ละสิ่งที่ชั่ว รักษาความดี และระวังความชั่ว มิให้เกิด โดยอาศัยการศึกษาธรรมะ และศึกษาชีวิตเป็นเกณฑ์………….
    7.สติชอบ อยู่ทิศตะวันตก คือ ธาตุลม มนุษย์เราเกิดมาต้องมี “ลมหายใจ” การมีลมหายใจ ต้องมีสติ จึงจะไม่หลงชีวิต สตินั้น ต้องเจริญตลอดเวลา คือ มีสติ ในการเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถ มีสติอยู่กับ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ตลอดเวลา มีสติอยู่กับ ความคิดปรุงแต่ง รู้เท่าทันความคิดดีและชั่วของตัวเอง มีสติอยู่กับ การเกิดขึ้น เคลื่อนไป และเปลี่ยนแปลง ให้ต่อเนื่อง มีสติ รู้จัก ความไม่เที่ยง ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ในสรรพสิ่ง แก้ไขได้ก็แก้ไข แก้ไขไม่ได้ก็ต้องรู้จักปล่อยวางมันไป ทิศตะวันตก คือ การลับไปแห่งแสงสว่าง สิ่งสำคัญที่สุดเวลาตาย หรือจากโลกนี้ไป ต้องมีสติพร้อม…………
    8.สมาธิชอบ คือ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผลของสติ คือสมาธิ จะตั้งอยู่ได้นาน ต้องอยู่เหนือสติ สมาธิ คือ การตั้งใจมั่น นั้นต้องมั่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สมาธิ คือ การสงบนิ่งแห่งใจ เพื่อการพัฒนา ขึ้นสู่ความรู้แจ้งแห่งจิต ตัวรู้ ตัวตื่น ตัวเบิกบาน นิ่งแบบผู้รู้ มิใช่นิ่งแบบไม่รู้ นิ่งแบบผู้รู้ เรียกว่า “นิ่งเสียโพธิสัตว์” นิ่งแบบไม่รู้ เรียกว่า “สมาธิหัวตอ หรือสมาธิหลับ” มิใช่สมาธิตื่น ต้องมีสมาธิอยู่เหนือสติ และมีปัญญาอยู่เหนือความนิ่ง สมาธิที่แท้จริง ต้องอยู่กับ การสัมผัสรับรู้ที่ไม่หลงผิด…………….


    อันความจริงใจ ไม่มีตัวตนหรอก มีแต่อุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น จึงมีใจ มีจิต ที่ส่งออกไปกระทบ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่างๆ แล้วเกิดความไม่รู้ ไปยึดรูป อัตตาตัวตนเข้า เป็นเขา เป็นเรา ทึกทักเอาว่า เป็นความจริง เท็จจริงแล้ว เป็นเพียงความรู้สึกของเราเอง ที่คิดปรุงแต่ง ไปตามอายตนะเท่านั้น มนุษย์เราแท้จริง มีเพียง จิต กับ กาย เท่านั้น…………….
    พระอรหันต์ หรือ ผู้รู้ที่แท้จริง มีเพียงสองสิ่งเท่านั้น คือ เกิด กับดับ หรือดับ การเกิด…………..

    ผู้รู้-ธาตุรู้-ความรู้

    แผนผังทางหลุดพ้น

    แผนผัง คือ แผนที่ ที่เราศึกษา เพื่อมิให้หลงทาง หลงโลก และ หลงธรรม
    ทาง คือ หนทาง หรือ มรรค มีองค์แปด ซึ่งเป็นการปฏิบัติไปสู่การดับทุกข์ทั้งมวล
    หลุด คือ หลุดออกจากทางแห่งความชั่วทั้งปวง มีอวิชชา10 เป็นต้น โดยอาศัยบารมี 10 เป็น
    เหตุ และ พ้นจากกาย จากใจ
    พ้น คือ พ้นจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรม และอวิชชา ที่มีในกาย ในใจ ทั้งหลายทั้งปวง คือ………….


    (1)ปัญญา ความเห็นที่ถูกต้อง โดยมีความรอบรู้ คือ มรรค มีองค์แปด
    (2)อธิษฐานและทาน คือการตั้งใจที่เสียสละบริจาคทาน ให้หลุดออกจากกายและใจ ทั้งหมด ทั้งสิ้น
    (3)สัจจะ อุเบกขาและสันโดษ คือความสำเร็จ ต้องอาศัยสัจจะ คือ รู้จักความจริงของโลก ของชีวิต และสามารถหยุดหรือวางเฉย ที่จะไม่กระทำความชั่วทั้งปวง โดยอาศัยความสันโดษ สันติ สงบ เป็นตัวปฏิบัติธรรม
    (4)เมตตา ขันติ เพียร ศีล “เมตตา”เป็นเครื่องคุ้มครองโลก คือ รากฐานของชีวิต มีขันติ ความเพียร และ ศีล เป็นองค์ประกอบ มีขันธ์5เป็นรากฐานของการสร้างบารมี ทางกายและใจ เพื่อไปสู่ความสำเร็จแห่งมรรคผล


    นิพพาน ไตรลักษณ์ คือลักษณะสามแห่งปิรามิดของพุทธะ แผนผังไปสู่ความหลุดพ้น โดยอาศัย พระไตรปิฎก คือ คำสอนแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ลักษณะ3 คือ ศีล เมตตา สมาธิ ปัญญา
    ลักษณะ3 คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ลักษณะ3 คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
    ลักษณะ3 คือ ความคิด การพูด และการกระทำ
    ลักษณะ3 คือ พระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม

    ทำไมมนุษย์เราต้องมีภูมิคุ้มกัน 37 ประการ

    ชีวิตของผู้รู้ จิตที่ดีต้องมีภูมิธรรม 37 ประการ เป็นภูมิคุ้มกันชีวิต……….

    สัมมัปปธาน 4 คือ ประธานของชีวิต………
    1.ละชั่ว-ที่ความคิด………
    2.ระวังชั่วมิให้เกิด-ที่คำพูดและการกระทำ………….
    3.ทำดี-ด้วยการคิด การพูด และการกระทำ…………
    4.รักษาดี -คือ การไม่หยุดทำความดี แม้ในหมู่คนเลวและชั่ว………..

    สติปัฏฐาน 4 (ฐานของชีวิต)………….
    1.สติ-ในกาย…….ที่เคลื่อนไหวทุกอิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน………..
    2.สติ-ในความรู้สึก…….ในกาย พอใจในกาย ไม่พอใจในกาย ให้เพียงแต่รู้……….
    3.สติ-ในความคิดปรุงแต่ง………คิดดีให้รู้ คิดชั่วให้รู้ คิดไม่ดีไม่ชั่ว คือ สงบจากความคิดปรุงแต่ง ก็ให้รู้……………
    4.สติ-ในการสัมผัส………ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ…….ต้องรู้………….

    โพชฌงค์ 7 ความสำเร็จในชีวิต……………
    1.รู้รอบในความคิดปรุงแต่ง…………….
    2.ใคร่ครวญวิจัยธรรม…………….
    3.เพียรพยายามละชั่ว ทำดี รักษาดี ระวังชั่ว…………..
    4.อิ่มใจ เท่ากับเต็มใจในการทำความดี……………
    5.สงบใจจากสิ่งที่เป็นข้าศึกของจิต คือ ไม่วุ่นวายกับอัตตาทั้งปวง…………
    6.ตั้งใจมั่น คือ ความคิดที่สงบระงับจากการปรุงแต่ง มีเอกภาพ…………
    7.วางเฉยต่อความพอใจ ไม่พอใจในโลก………….

    อิทธิบาท 4 การรักษาความสำเร็จในชีวิต………………
    1.ความพอใจในการเกิด การมีอยู่ของชีวิตและการงาน…………..
    2.ความเอาใจใส่ในชีวิตและการงาน…………….
    3.ความเพียรพยายามในชีวิต ให้ดีขึ้นทุกวิถีทางในทางสุจริต………….
    4.การรักษาความดีในชีวิตให้ถาวร คือ การตรวจสอบ………..

    พละกำลัง 5 เครื่องมือในการปฏิบัติ เป็นเครื่องอยู่อาศัยในชีวิต………….
    1.ศรัทธา -ความเชื่อ ความเลื่อมใส เชื่อว่ากาย คือ ทุกข์ จึงหาทางดับ…………
    2.ความเพียร- ละความทุกข์ คือ ละชั่ว ทำดี คือ การดับทุกข์ ระวังชั่ว คือ ละเหตุที่ทำให้ทุกข์เกิด รักษาความดี คือ ทำเหตุที่ทำให้เกิดความสุข คือ ทางสายกลาง ไม่ติดส่วนสุดสองอย่าง คือ พอใจ ไม่พอใจ…………..
    3.สติ -การรู้รอบในกาย ในความรู้สึก ในความคิด และการสัมผัสรับรู้ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ…………….
    4.สมาธิ -การตั้งใจในความสงบ ระงับจากความวุ่นวาย ในอายตนะทั้ง 5 มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นต้น………….
    5.ปัญญา- ความรอบรู้ในกองสังขารทั้งกายและความคิดปรุงแต่ง……………

    อินทรีย์ 5 ทวารของใจที่ต้องรักษา มิให้ความชั่วเกิด…………….
    1.ตา…….มีไว้ดู เพื่อดำเนินชีวิตให้ถูกทาง ไม่พาไปในทางชั่ว…………..
    2.หู……..มีไว้ฟัง เพื่อศึกษาหาความรู้ ประสบการณ์ที่ดี…………….
    3.จมูก………มีไว้หายใจ มิใช่ใจหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ตามหาใจก็ไม่เจอ ดังเช่น สังคมปัจจุบัน ยังจะไปตามหาความรักอีก……………
    4.ลิ้น………..มีไว้รับรสและโอภาปราศรัย มิได้มีไว้เชือดเฉือนใคร หรือหลอกลวงคน…………
    5.กาย……….มีไว้ทำคุณประโยชน์ให้กับโลกกับสังคม ที่เราอยู่อาศัย ใช้กายให้เป็นประโยชน์ อย่าปล่อยให้เปลืองลมหายใจ……………

    มรรค 8 ทางสายกลาง ดำเนินไปสู่ความสุขและความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งหลาย…….
    ความเห็นที่ถูกต้อง………ประกอบด้วย………….
    1.ต้องรู้จักตน คือ ความคิด……………
    2.รู้จักผล คือ พูดดี……………..
    3.รู้จักเหตุ คือทำดี………………
    4.รู้จักประมาณตน คือ อาชีพดี หรือ หน้าที่ถูกต้องดี……………
    5.รู้จักชุมชนดี คือ รู้จักละความชั่วในสังคม หมายถึง ตัวเรา ใจเรา………
    6.รู้จักกาลเวลา คือ รู้จักสติ ตัวรู้รอบ ในกองสังขารกายและความรู้สึก รู้รอบในความคิดและในการสัมผัส คือ ต้องปฏิบัติตลอดเวลา………….
    7.รู้จักสถานที่ คือ สถานที่ที่ตั้งของใจ คือสมาธิ มีจิตเป็นหนึ่ง มีใจอันสงบ ระงับจากความวุ่นวาย ทั้งทางโลกและทางธรรม……………

    ภูมิคุ้มกันทั้ง 37 ข้อ คือ ภูมิคุ้มกันชีวิต ที่พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์มา สองพันห้าร้อยห้าี่สิบกว่าปี ยังทนต่อการพิสูจน์อีก สองพันสี่ร้อยกว่าปี เป็นหลักเป็นฐาน ที่ทนต่อการพิสูจน์ ที่ไม่มีอะไรยิ่งกว่า…………
    ถ้าได้ปฏิบัติไปตามภูมิคุ้มกัน ที่ท่านได้ทรงสั่งสอนมาแล้ว และยังไม่เกิดความสุขในชีวิต
    อีก ก็ไม่มีอะไรรับรองความปลอดภัยในชีวิตมนุษย์อีกแล้ว……


    ที่มา : http://www.buddha-dhamma.com
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...