ยอมแลกชีวิตได้เพื่อธรรมะ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 6 มีนาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    [​IMG]


    ในอดีตพระพาหิยะกับเพื่อนพระอีก ๔ รูป ตั้งใจว่าจะปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ก็เลยทำบันไดขึ้นไปบนหน้าผา พอไปถึงถ้ำใหญ่กลางภูเขา ก็ถีบบันไดทิ้ง ตั้งใจว่าถ้าไม่สำเร็จอรหันต์ก็ยอมอดตาย

    วันแรกเพื่อนคนหนึ่งสำเร็จอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาญาณ ก็เหาะไปบิณฑบาต เอาอาหารมาเผื่อ แต่อีก ๔ รูปท่านไม่ยอมฉัน เพราะตั้งใจว่าถ้าไม่ได้ด้วยความสามารถตัวเองเอาให้มันตายไปเลย ตัดใจได้ขนาดนั้น วันที่สองที่สาม เพื่อนอีกสองรูปได้เป็นอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาญาณ บิณฑบาตอาหารมาเผื่อ เพื่อนที่เหลือก็ไม่ยอมฉัน วันที่สี่เพื่อนอีกท่านหนึ่งทำใจได้แค่พระอนาคามี ไปเกิดเป็นพรหม สงสัยว่าจะเป็นลมตาย เหลือพระพาหิยะ ทำจนหมดลมไม่ได้อะไรเลย

    ในชาตินี้ท่านเกิดในตระกูลพ่อค้า เขาบอกว่านำเรือสินค้าไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ สุวรรณภูมินี่ดังตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาลอีก เพราะในพระมหาชนกก็ไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ

    พระพาหิยะไปเจอคลื่นลมปะทะ ทำให้เรือแตก โดนน้ำซัดไปติดบนชายหาด เสื้อผ้าหายหมด ท่านก็เลยเอาสาหร่ายมาพันตัว พอพวกชาวบ้านเห็นก็เป็นของแปลก คิดว่าบุคคลถึงมักน้อยขนาดนี้ ผ้าก็ไม่ใส่ น่าจะเป็นพระอรหันต์แน่ ก็เลยเอาพวกปัจจัยอาหารมาถวาย พระพาหิยะก็รู้สึกว่าแต่งตัวแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ มีคนเคารพ ท่านก็เลยทำตัวแบบนั้นมาเรื่อยๆ

    เมื่อเขาสรรเสริญว่าท่านเป็นพระอรหันต์มากเข้าๆ ท่านก็ลืมตัว นึกว่าตัวเองเป็นแล้วจริงๆ เพื่อนที่ไปเป็นพรหมมองลงมาเห็นเข้า กลัวว่าท่านจะสูญประโยชน์ใหญ่ในชีวิต ก็เลยลงมาเตือน บอกให้นึกถึงชาติก่อนที่ตนเองอดตายอยู่บนหน้าผา ยังไม่ได้อะไรเลย แล้วคุณจะเป็นอรหันต์ได้อย่างไร พระพาหิยะก็สลดใจขึ้นมา แล้วถามว่าถ้าอยากจะเป็นพระอรหันต์บ้าง จะทำอย่างไร
    เพื่อนที่เป็นพรหมบอกว่า ขณะนี้พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก ให้เดินทางไปในทิศนั้น เดินทางเป็นกี่โยชน์ ๆ แล้วจะได้เจอ

    ด้วยความที่ท่านอยากจะพ้นทุกข์ อยากเป็นพระอรหันต์ ท่านเดินทางคืนเดียว ๑๒๐ โยชน์ (๑ โยชน์ = ๑๖ กิโลเมตร) เป็นสมัยนี้เหยียบรถทั้งคืนกว่าจะถึง

    เมื่อไปถึงก็พบพระพุทธเจ้ากำลังบิณฑบาตอยู่ ท่านก็ไปกราบ ขอฟังธรรม พระพุทธเจ้าก็บอกว่าไม่ใช่เวลาอันควร พระพาหิยะก็บอกว่าท่านเดินทางมาทั้งคืน ไม่มั่นใจว่าจะมีชีวิตอยู่รอดจนได้ฟังธรรมหรือไม่ ขอให้พระพุทธองค์เทศน์โปรด พระพุทธเจ้าเทศน์ห้ามถึงสองวาระ พอวาระที่สามพระพุทธองค์ก็เลยเทศน์สั้นๆ ว่า พาหิยะ เธอจงอย่าสนใจในรูป ท่านได้ฟังแล้วก็บรรลุมรรคผล

    แต่คราวนี้ในอดีตท่านไม่เคยได้ถวายผ้าไตรจีวรในพุทธศาสนาก็เลยไม่สามารถจะบวชเป็นเอหิภิกขุได้ เพราะว่าถ้าเคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ พระพุทธเจ้าตรัสเอหิภิกขุจะมีเครื่องอัฐบริขารสำเร็จด้วยฤทธิ์ลอยมา พระพุทธเจ้าท่านเลยให้ไปหาผ้ามาทำจีวร ด้วยความที่ท่านบรรลุมรรคผลแล้วยังเป็นฆราวาส ก็เลยมีกรรมมาตัดรอน อรรถกถาบอกว่ายักษินีแปลงเป็นวัวแม่ลูกอ่อน ขวิดตาย แต่ตายแบบนั้นก็ดี เพราะว่าพระพุทธเจ้าทำการฌาปนกิจศพให้เลย สั่งให้สร้างสถูปขึ้นมาเพื่อบรรจุอัฏฐิท่านไว้บูชา เป็นเครื่องยืนยันว่าท่านเป็นพระอรหันต์แน่

    พระพุทธเจ้าท่านยกย่องพระพาหิยะที่นิพพานแล้ว ไว้ในฐานะที่เลิศกว่าผู้อื่น คือ เป็นผู้ตรัสรู้เร็ว

    เรามาดูตรงที่ว่าเร็ว มันเร็วในชาติปัจจุบัน ชาติก่อนถึงขนาดอดตายที่หน้าผา แต่ก็แปลว่าความดีที่ท่านสั่งสมมาสมบูรณ์พร้อมแล้ว ดูตรงวิริยะ ความพากเพียร เดินทางคืนเดียว ๑๒๐ โยชน์เพื่อไปฟังธรรม แค่ความเพียรระดับนี้เราก็สู้ไม่ได้ ความเพียรความมุ่งมั่นเกินร้อย ในชาติก่อนกระทั่งชีวิตก็ไม่อาลัยเพื่อแลกกับธรรมะ ก็แปลว่าจริง ๆ แล้วกำลังใจของท่านใกล้เคียงมากเลย เพียงแต่ว่าไปอดตายเสียก่อน ไม่สามารถที่จะเข้าถึงจุดสุดท้ายได้ เป็นเอตัคทัคคะทางขิปปาภิญญา คือผู้ตรัสรู้เร็ว ฟังธรรมแค่หัวข้อสั้นๆ

    อรรถกถาเขาอธิบายว่าที่พระพุทธเจ้าตรัสห้ามท่านก่อน เพราะกำลังใจของท่านตอนนั้นเกิน กำลังใจในการที่จะเข้าถึงธรรมรู้ธรรม มันต้องพอเหมาะพอดี ของท่านมาด้วยความอยากสุดๆ พระพุทธเจ้าท่านห้ามไว้ถึงสองวาระ พอห้ามเข้ากำลังใจคงหล่นลงไปหน่อย พอห้ามอีกทีหล่นลงไปหน่อย พอดีเลย ถ้าเทศน์แต่แรกไม่มีผล อยากเกิน

    พวกเราหลายคนปฏิบัติ เราก็อยากบรรลุมรรคผล พยายามหน่อย พยายามตรงที่ว่าทำอย่างไรอย่าให้มันอยากมาก เราอยากที่จะบรรลุธรรมมันก็เกิดฉันทะขึ้น ก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติพากเพียร แต่ว่าดูให้มันพอเหมาะพอดี เกินก็ไม่ได้ ขาดก็ไม่ได้ ในส่วนของมัชฌิมาปฏิปทาพูดยากเพราะว่าของแต่ละคนไม่เท่ากัน


    เทศน์(ช่วงสาย) ณ บ้านอนุสาวรีย์
    ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๒


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=760



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2010
  2. ส.เชียงใหม่

    ส.เชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2008
    โพสต์:
    214
    ค่าพลัง:
    +145
    ขออนุโมทนาในธรรมครับ..ขอให้ทุกท่านมีความสุข
    ตนเตือนตนของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
     
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p</O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p</O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com<O:p</O:p

    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา


    [​IMG]</O:p>
     
  4. somkiatdhana

    somkiatdhana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +619
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ด้วยครับ
    -------------------------------------
    พุทธวจน ( โดยพระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตถิผโล วัดนาป่าพง )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. gucci88

    gucci88 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +23
    Walking - Wikipedia, the free encyclopedia
    Average adult walking speed on level surfaces is approximately 80 m/min (4.8 km/h, 12.5 min/km)

    ๑๒๐ โยชน์ (๑ โยชน์ = ๑๖ กิโลเมตร) = ๑๒๐ * ๑๖ = 1920 กิโลเมตร
    1920/4.8 = 400 ชั่วโมง , 400 / 24 = 16.67 วัน

    ถ้า เดินทาง 1 วัน 1920/24 = 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่หยุดพัก
    แต่ถ้า เดินทาง 1 คืน 1920/12 = 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    ผมอยากให้ตรวจสอบตัวเลขก่อนนำมาใช้นะครับ มิฉะนั้น จะกลายเป็นดาบสองคมไป
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...