บ้านป้าแน๊ต - ธรรมะ..ธรรมชาติ..ธรรมดา

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย pinkdemon, 16 เมษายน 2009.

  1. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,734
    เวลาที่พบกับคนใหม่ ๆ ที่มากราบไหว้หลวงปู่ดู่
    เรื่องราวความประทับใจในอดีต ที่อดไม่ได้ที่จะนำมาเล่าสู่ผู้มาใหม่
    ให้ได้รับทราบปฏิปทา และ ความเมตตาของหลวงปู่เรื่องหนึ่งก็คือ การหาบุญ...โดยไม่ต้องใช้เงิน

    ตอนนั้น พวกเราเลิกเรียนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
    ศิษย์ผู้พี่ที่มีรถ ก็มารับพวกเราไปกราบ และ สนทนากับหลวงปู่ดู่
    ระหว่างทางก็แวะซื้อพวงมาลัยไปถวายหลวงปู่
    เมื่อถวายพวงมาลัย หลวงปู่ท่านรับ และ อนุโมทนาบุญแล้ว เราก็นั่งสนทนากับหลวงปู่สักครู่ใหญ่

    ก่อนจะกลับ ท่านก็พูดเบา ๆ ว่า
    "พวกแกยังเป็นนักเรียนนักศึกษา ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่
    คราวหน้าอย่าได้เสียเงินซื้อพวงมาลัยมานะ
    ระหว่างทางที่มาวัด เห็นบึงบัวสระบัว ก็ให้น้อมถวายพระพุทธเจ้า
    แล้วก็แผ่เมตตาให้เทวดาที่รักษาสระ ก็ใช้ได้แล้ว"

    แต่ประโยคเด็ดก็คือประโยคสุดท้ายที่ว่า
    "พวกแกอย่าเอาแต่กราบพระข้างนอก จนลืมพระที่บ้านนะ
    ...พ่อแม่นี้แหละ พระที่บ้าน ทำบุญกับท่านก็เหมือนทำบุญกับพระอรหันต์"

    หลังจากนั้น พวกเราก็เริ่มเรียนรู้วิธีการทำบุญอีกมายมายหลายอย่างจากหลวงปู่ เช่น
    การบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ เป็นต้นว่า
    พาคนสูงวัยข้ามถนน
    การนึกโมทนากับคนที่เขาใส่บาตรข้างถนน
    การน้อมนึกถวายแสงสว่างจากไฟข้างถนนเป็นพุทธบูชาฯ
    การให้อภัยกับคนอื่น
    การโมทนาบุญกับคนอื่น ฯลฯ

    แต่ที่สำคัญสุดก็คือ การทำบุญด้วยการ รักษาศีล และ เจริญภาวนา

    มาเป็นลูกศิษย์หลวงปู่นี่ ไม่เคยต้องหนักอกหนักใจเลยว่า จะไม่มีปัจจัยไปทำบุญ
    เพราะหลวงปู่ท่านสอนให้เราฉลาดทำบุญ หาบุญได้ตั้งมากมาย หาได้ทั้งวัน
    และหลายอย่างก็ไม่ต้องอาศัยปัจจัยเงินทองอะไรเลย

    ผู้ถามถามต่ออีกว่า ถ้าต้องการให้ผู้ที่ไม่สนใจ...มาทางเดียวกัน ควรจะทำอย่างไร
    หลวงปู่ตอบว่า "พอเวลาทำบุญก็ให้บุญกับเขา เรียกกายทิพย์เขามารับบุญ
    เขาเรียกว่า ให้บุญใน หรือให้ทางใน นานไปเขาก็เปลี่ยนไปเอง
    หรือ เราจะให้กับคนที่เขาโกรธเรา อาฆาตพยาบาทตัวเราก็ได้"


    หลวงปู่ยังได้โยงไปถึงการให้บุญกับผู้อื่นอีก
    "บุญเป็นของดี เราให้ใครก็ได้ ไม่ว่าเจ้านาย ลูกน้อง
    หรือคนที่เราจะไปติดต่อขอความช่วยเหลือ ได้ทั้งนั้น
    บุญคือความสบายใจ การสร้างบุญ โดยการให้ด้วยจิตใจที่เมตตา
    ถือเป็นการกล่อมเกลาจิตใจไปในตัว และ เป็นการปฏิบัติธรรมอีกอย่างหนึ่งด้วย"


    ยังมีเรื่องน่าขันอีกเรื่อง ก็คือเรื่องของคนอยากถูกลอตเตอรี่ เฝ้ามาอ้อนวอนขอร้องท่าน ซึ่งโดยปรกติแล้วท่านเป็นผู้ไม่ส่งเสริมและไม่เคยให้หวยใคร ๆ แต่วันนั้น ท่านคงต้องการให้คนอยากถูกหวยผู้นั้นเลิกมาตื้อท่านอีก ท่านจึงเขียนเลข ๗ ตัว ใส่กระดาษ พับไว้ข้างตัวท่าน แล้วก็รอเวลาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งใกล้เวลาหวยออก ท่านจึงยื่นให้ชายผู้นั้น แต่ทว่า...สายเกินไปเสียแล้ว แกวิ่งไม่ทันข้ามประตูวัด หวยก็ออกแล้ว ว่ากันว่าตรงเป๊ะ นี่แหล่ะคนเรา
    ไม่ประกอบเหตุอันควร แต่หวังผลเลิศ ก็จะเป็นเช่นนี้เอง

    ขอขอบพระคุณที่มาครับ

    ***จากบทความของ คุณสิทธิ์ <!--IBF.ATTACHMENT_269-->
     
  2. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239
    กลับบ้านเรา
    รัก รออยู่

    ป้า ยังอยู่
     
  3. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,734
    ทุกชีวิตที่เกิดมา ย่อมปรารถนา ความสุข ด้วยกันทั้งนั้น
    แต่ก็แปลกว่า นอกจากพระพุทธศาสนาแล้ว ก็แทบจะไม่มีศาสตร์ที่สอนเรื่องความสุขเลย
    จึงน่าที่ชาวพุทธจะภาคภูมิใจ แต่ภาคภูมิใจอย่างเดียวก็ยังไม่พอ ต้องปฏิบัติเอาประโยชน์จากธรรมคำสอน
    เพื่อเข้าถึงความสุข ที่ประณีตที่สุดให้ได้อีกด้วย
    พระพุทธศาสนาสอนให้รู้ว่า ความสุขพื้นฐานของปุถุชนทั่วไป ก็คือ
    ๑. ความสุขจากสิ่งเสพ หรือ จากการได้การมี
    ไม่ว่าจะเป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส รวมทั้งการจมอยู่ในอารมณ์ความคิดปรุงในเรื่องที่ชอบใจ
    ความสุขชนิดนี้ต้องอาศัยการแสวงหาเข้ามา แล้วก็ต้องมีดีกรีที่มากขึ้น ๆ จึงจะพอใจ ไม่อย่างนั้นจะเบื่อ
    เป็นความสุขที่ต้องอิงกับวัตถุ หรือ บุคคลภายนอก จึงมีความเสี่ยงที่จะมีทุกข์ได้ง่าย
    เพราะของข้างนอกมันไม่เที่ยง บังคับบัญชาให้เป็นไปอย่างที่ใจต้องการไม่ได้
    แต่กระนั้น คนก็มุ่งปรารถนาความร่ำรวย เพื่อเป็นต้นทุนหาความสุขชนิดนี้
    หลวงปู่ดู่ ท่านเตือนลูกศิษย์ว่า ในความรวย...ก็มีความซวยซ้อนอยู่
    เหนื่อยยากทั้งในการสั่งสมความร่ำรวย เหนื่อยยากในเรื่องการรักษาคุ้มครองมัน ต้องคอยกังวลอยู่กับมัน
    และอาจถึงขั้นนำภัยมาสู่ครอบครัวบางครอบครัว
    ในตอนที่ทุกข์ ยากจน ปรากฏว่า สมาชิกครอบครัวทุกคนร่วมฝ่าฟัน จนเกิดเป็นความรักสามัคคีกัน
    แต่พอเริ่มร่ำรวยขึ้นมา ความเหินห่าง และ ความเห็นแก่ตัวก็เข้าแทรก
    ดังนั้น หากไม่มีปัญญา และ คุณธรรมแล้ว ก็กลับจะสร้างภาระให้เกิดกับเจ้าของ
    ถัดจากความสุขชนิดแรก มนุษย์ก็พัฒนาหาความสุขประเภทที่สอง คือ
    ๒. ความสุขจากการให้
    เป็นความสุขที่สูงขึ้น และสร้างประโยชน์ในการอยู่ร่วมกัน ทั้งในระดับครอบครัว และ สังคม
    ทั้งหลวงปู่ดู่ และ ครูบอาจารย์ทั้งหลาย ต่างก็ยกย่องให้พากันให้ทาน ทั้งวัตถุทาน และ อภัยทาน
    มีน้ำจิตน้ำใจ และ มิตรไมตรีให้กัน ปรารถนาดีต่อกัน
    โดยยกเอาความรักของ มารดาบิดา ที่ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน มาเป็นต้นแบบ
    แต่ถึงกระนั้นความสุขชนิดนี้ ก็ยังเป็นความสุขที่อิงกับวัตถุ หรือ บุคคลภายนอกอีก
    เช่น ถ้าผู้รับไม่รู้คุณ ไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่มอบให้ ผู้ให้ที่ไม่มีปัญญา...ก็พร้อมจะเป็นทุกข์ได้อีก
    ความสุขทั้ง ๒ ประเภท จึงยังมีความเสี่ยงที่จะทุกข์ กับปัจจัยภายนอกที่อิงอยู่ ซึ่งควบคุมไม่ได้
    จากนั้น พระพุทธศาสนาก็สอนให้รู้จักความสุขชนิดที่ไม่ต้องอิงกับวัตถุ หรือ บุคคลภายนอกจากความสุข ๒ ประเภทข้างต้น นั่นคือ ความสุขที่ใจเจ้าของเอง ได้แก่
    ๓. ความสุขจากจิตที่สงบเย็น เพราะอำนาจแห่งสมาธิ
    ซึ่งเป็นความสุขที่หลวงปู่ดู่ และ ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ให้พากันเจริญ (ทำให้มีขึ้น)
    ท่านใช้คำว่า "วิหารธรรม" เป็นเหมือนบ้าน...ให้ใจได้อาศัย กันแดดกันฝน
    กันความทุกข์ใจ จากสิ่งกระทบต่าง ๆ นั่นเอง
    แต่ถึงกระนั้น ความสุขชนิดนี้ก็ยังไม่สุขจริง เพราะยังมี โลภ โกรธ หลง เป็นอสรพิษที่คอยฉกกัดเจ้าของ
    ทำใจเจ้าของให้เศร้าหมองขุ่นมัวอยู่เนือง ๆ
    บางครั้งวิหารธรรมจากข้อ ๓ ไม่พอ ก็เป็นต้องพลัดออกจากบ้านภายใน ออกมาตากแดดตากฝน ทนทุกข์กับสิ่งกระทบต่าง ๆ
    สุดท้ายหลวงปู่ดู่ จึงมาเน้นความสุขชนิดสุดท้าย ถึงขนาดให้เอามาเป็นตัววัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม นั่นก็คือ
    ๔. ความสุขจากการปราศจาก โลภ โกรธ หลง เสียดแทงใจเรา
    ซึ่งต้องอาศัยการปฏิบัติธรรมทั้งหมดทั้งมวล ทั้ง ทาน ศีล และภาวนา
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งการภาวนา ที่จะช่วยให้เป็นคนที่มีความสุข
    มิใช่คนดี...ที่ยังมีทุกข์ทางใจ
    หลักพัฒนาการในเรื่องความสุขนี้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ชาวพุทธควรให้ความสนใจ
    เพื่อให้การเกิดมาชาติหนึ่ง จะได้ปฏิบัติเพื่อเข้าถึง หรือ เข้าใกล้ความสุขที่ประณีตกว่ากามสุข เป็นต้นว่า
    ความสุขจากการให้
    ความสุขจากจิตสงบ ปราศจากนิวรณ์รบกวนใจ
    และความสุขจากการไม่มีกิเลส
    ดังที่พระพุทธองค์ และ หลวงปู่ดู่...นำมาสั่งสอน

    ***จากบทความของ คุณสิทธิ์
    ที่มา Luangpordu.com
     
  4. mongkonchai

    mongkonchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,345
    ค่าพลัง:
    +259
    โอ้...ไม่ได้เข้ามาโพสซะนาน หายกันหมดทั้งเจ้าของกระทู้ ทั้งแฟนคลับทั้งหลาย อดใจรอต่อไปครับ ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกะป้า ป้ากำลังช่วยใครบางคนอยู่ หมดภาระกิจป้าคงมาลัลล่าที่นี้ต่อ รอกลับกลับมานะป้าคนสวย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2010
  5. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,734
    ผมมาปูเสื่อรออยู่ครับ อิอิอิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239
    5555
    หลับไปกี่ติ่นแล้ว ครับ
     
  7. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,734
    ตอนนอนนับอยู่ดันหลับๆ:boo:ตื่นๆเลยลืมไปเลยครับ ดีที่มีเสื่อรับอยู่ก๊าบ อิอิ
     
  8. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,734
    สวัสดีวันตรุษจีนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • c1.jpg
      c1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.2 KB
      เปิดดู:
      71
    • 1_69.jpg
      1_69.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.1 KB
      เปิดดู:
      68
  9. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    "ซินเจียหยู่อี่ ซินหนี่ฮวดไช้

    กงฮี่ฮวดไช้ บ่วงสื่อหยู่อี่"


    มีความสุขมากๆครับ สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยๆ
    คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนา
    สุขสันต์วันตรุษจีนครับ

     
  10. chanadda1978

    chanadda1978 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +19
    สวัสดีคุงป้าฉุดฉวย และสมาชิกทุกๆท่านค่ะ
    และที่ขาดมะได้ก็คือ คุงลุงสวมแว่น กะคุงทวดค่ะ
    ปิ๋มไม่ค่อยได้เข้ามาเพราะไม่ค่อยมีเวลา
    และรู้สึกละอายใจที่ไม่ได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ
    เหมือนที่คุงป้าแนะนำ แต่จะพยายามเริ่มใหม่อีกครั้ง
    อย่างที่คุงป้าสอน และจะทำอย่างตั้งใจ
    คิดถึงทุกท่านนะคะ
    ปิ๋ม กะ น้องบลูค่ะ;k06;aa2
     
  11. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,734
    สวัสดีครับ น้องปิ๋ม กะ น้องบลู หายไปตั้งนานเด้อ สบายดีกันบ่อ คิดถืงเหมือนกันจ๊า เริ่มทำวันนี้ก็ยังไม่สายครับ แล้วอย่าลืมสอนน้องบลูด้วยนะ ค่อยๆทำไปก็จะดีเองครับ:cool:
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,734
    คนเราเกิดมาไม่เห็นมีอะไรดี มีดีอยู่อย่างเดียว คือ สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติภาวนาคือ มองทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นของชั่วคราว มีแต่ปัญหามีแต่ทุกข์ แล้วก็เสื่อม พังสลายไปในที่สุด
    ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร(การเวียนว่ายตายเกิด) ทั้งหลาย ถ้าท่านต้องการพ้นภัยจากการเกิดแก่เจ็บตาย ท่านควรมีคุณธรรม 6 ประการนี้ไว้เป็นประจำจิตประจำใจ ทุกท่านย่อมจะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ถึงความสุขใจอย่างยอดเยี่ยม
    คุณ 6 ประการนั้นคือ
    1. ข่มจิตในเวลาที่ควรข่ม
    2. ประคับประคองจิตในยามที่ควรประคับประคอง
    3. ทำจิตให้ร่าเริงในยามที่ควรร่าเริง
    4. ทำจิตวางเฉยในยามที่ควรวางเฉย
    5. มีจิตน้อมไปในอริยมรรค อริยผลอันประณีตสูงสุด
    6. มีจิตตั้งมั่นในพระนิพพานเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิตผู้ปฏิบัติที่มีความสามารถฉลาด
    ย่อมจะต้องศึกษาจิตใจและอารมณ์ของตนให้เข้าใจ และรู้จักวิธีกำหนดปล่อยวางหรือควบคุมจิตใจและอารมณ์ให้ได้ เปรียบเสมือนเวลาที่เราขับรถยนต์ จะต้องศึกษาให้เข้าถึงวิธีการขับขี่ที่ปลอดภัย บางครั้งควรเร่ง บางคราวควรผ่อน บางทีก็ต้องหยุดเร่งในเวลาที่ควรเร่ง ผ่อนในเวลาที่ควรผ่อน หยุดในเวลาที่ควรหยุด ก็จะสามารถถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
    ข้อสำคัญที่สุดของการปฏิบัติคือ ต้องไม่ประมาท ต้องปฏิบัติให้เต็มที่ตั้งแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร ถ้าเราปฏิบัติไม่เป็นเสียแต่วันนี้ เวลาใกล้จะตายมันก็ไม่เป็นเหมือนกัน เหมือนคนที่เพิ่งคิดหัดว่ายน้ำ เวลาใกล้จะจมน้ำตาย นั่นแหละก็จมตายไปเปล่า ๆ ถ้าใน 1 วันนี้ไม่ปฏิบัติภาวนาวันนั้นขาดทุนเสียหายหลายล้านบาท
    จงมองดูทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่ว่า คนสัตว์สิ่งของ เงิน ทอง ลาภ ยศ นินทา สรรเสริญ เป็นของโกหกของสมมุติ(อันนี้ยากมากครับ) ภาพมายาทั้งนั้น ทุกอย่างไม่ใช่ของจริงเป็นของหลอกลวงที่คนไม่ฉลาดต่างพากันหลงใหลกับสิ่งของ สมมุติของโกหก ไม่ว่าอารมณ์ดี อารมณ์ร้าย ก็ไม่ใช่ของเราจริงผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ทุกข์ทั้งหลายเกิดจากเหตุ(คือ ความไม่รู้ ความอยากได้) ถ้าต้องการดับทุกข์ ต้องดับเหตุก่อน คือ ให้รู้ว่าทั้ง 3 โลก เป็นอนิจจัง เปลี่ยนแปลงเป็นโทษเป็นทุกข์เป็นปัญหา และสูญสลายตายกันในที่สุด ถ้าเรามีญาณก็จะรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในชีวิตเราไม่มีการบังเอิญเลย
    ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมพิจารณาร่างกายคนสัตว์ในโลกว่าน่าเกลียดน่ากลัว เป็นทุกข์เป็นโทษเป็นภาระต้องดูแลอย่างหนัก เน่าเหม็นแตกสลายตายไปกันหมด ผู้ที่มีศรัทธาแท้คือผู้ที่เชื่อและยอมรับ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแทนที่จะเอาความโลภ ความโกรธ ความหลงมาเป็นที่พึ่ง ผู้ปฏิบัติตามพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน คือ ให้ขยันภาวนา แล้วความโลภ ความโกรธ ความหลงจะน้อยลงและหมดไป
    ผู้ปฏิบัติต้องหมั่นตามดูจิต รักษาจิต ผู้ฝึกจิตถ้าทำจิตให้มีอารมณ์หลายอย่างจะสงบไม่ได้ และ ไม่มีสภาพของจิตตามเป็นจริง ถ้าทำจิตให้ดิ่งแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว โดยเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างแตกสลายตายหมดสิ้นแล้ว จิตก็มีกำลังเปล่งรัศมีแห่งความสว่างออกมาเต็มที่ มองสภาพของจิตตามเป็นจริง ได้ว่าอะไรเป็นจิต อะไรเป็นกิเลส อะไรควรรักษา อะไรควรละทิ้งออกจากจิต ไม่ควรใส่ใจสนใจเรื่องของผู้อื่น ควรตั้งใจตรวจสำรวจดูจิตของเราเองว่ายังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง คิดว่าร่างกายนี้ยังเป็นของจิตหรือไม่ ตามความเป็นจริงแล้ว จิตกับกายไม่ใช่อันเดียวกัน เพียงแต่มาอาศัยกันชั่วคราวเท่านั้น
    อารมณ์วางเฉยมี 3 อย่าง
    1. วางเฉยแบบหยาบ คือ อารมณ์ปุถุชนที่เฉย ๆ ไม่คิดดี ไม่คิดชั่ว ซึ่งมีเป็นครั้งคราวเท่านั้น
    2. วางเฉยแบบกลาง มีในผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนา มีความรู้ตัว มีความสงบของจิต วางอารมณ์จากความดี ความชั่ว สุข ๆ ทุกข์ ๆ ใด ๆ ในโลกีย์วิสัย เฉยบ่อยมากขึ้น
    3. วางเฉยแบบละเอียด คือ อารมณ์ของพระอริยเจ้า พระอรหันต์ ซึ่งไม่มีอารมณ์สุขหรือทุกข์ ดีหรือชั่ว ดีใจปนเสียใจ วิตกกังวลฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่มี ไม่คิดปรุงแต่งไปในอดีต ปัจจุบัน อนาคต มีความวางเฉยในร่างกายของท่านเอง จะเจ็บปวดทรมาน จิตท่านนิ่งเฉยอยู่ในจิตของท่านว่าจิตส่วนจิต กายเป็นเพียงของสมมุติของชั่วคราว ตายเมื่อไร ท่านก็พร้อมที่จะทิ้งรูปนามขันธ์ เสวยวิมุติสุขแดนอมตะทิพย์นิพพานติดตามองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ของดีนั้นมีอยู่ในตัวเราทุกคน ของดีนั้นอยู่ที่จิตของท่านทุกท่าน ของไม่ดีอยู่ที่ร่างกาย
    จิตมี 3 ขั้น ตรี โท เอก
    ถ้าตรีก็ต่ำหน่อย ยังวุ่นวายเป็นทุกข์กับเรื่องของโลก
    ขั้นโท ก็มีศีลครบ มีเมตตา ทำบุญทำทาน
    ขั้นเอกนี่ ดีมาก จิตก็มองดูทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมนุษย์ สัตว์ นรก เป็นทุกข์ มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แล้วก็ตายสลายผุพังไปกันหมดสิ้น ตัวอนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ของตน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ บังคับเอาไว้ให้คงที่ก็ไม่ได้ ตัวนี้แหละเป็นตัวเอก ไล่ไปไล่มา ให้มันเห็นร่างกายคนเรา ตายแน่ ๆ คนเราหนีตายไม่พ้น แม้เพียงวันเดียว
    1. ตายน้อย ก็คือ นอนหลับทุกคืน หลับชั่วคราว คือ ตายทุกคืน ตื่นตอนเช้า
    2. ตายใหญ่ ก็คือ นอนหลับตลอดกาล แต่จิตไปตื่นตรงที่มีกายใหม่ มีกายใหม่ที่อื่นเป็นกายผี กายสัตว์ กายเทวดา กายพรหม แล้วแต่ผลบุญหรือผลบาปที่ทำไว้ตอนเป็นคน
    ขอขอบพระคุณที่มาครับ
    « แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 25, 2009, 10:10:53 PM โดย Aun_Nonthaburi »
     
  13. Yingpai

    Yingpai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +48
    สวัสดีค๊า..ทุกคน ก่อนอื่นต้องขอโทษนะค๊าที่หายหน้าไปนาน:cool:คือว่าตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมารู้สึกว่าจะโดนงานเข้าตลอดเวลา เลยต้องหลบพักผ่อนแอนด์พักใจช่วงนี้เริ่มซาแล้วเลยมีเวลามาsayhalloกะทุกท่าน อีกอย่างนึกว่าย้ายไปบ้านใหม่ของป้ากันหมดแล้ว บ้านใหม่ของป้ามีสาระดีๆให้อ่านเยอะมากถ้าใครยังไม่เคยเข้าไปก็ลองถามคุณทวดดูก็ได้ เพราะคุณทวดเป็นแฟนคลับที่เหนียวแน่นและ({)เกาะติดทุกสถานการณ์ค๊า..ในวันที่13-21 มีนาคมหญิงไผ่ก้อมีโปรแกรมจะไปวัดถ้ำเมืองนะเพื่อปฏิบัติธรรมลดวิบากกรรม(งานเข้า)ทั้งหลาย ไปกะคุณสามีสองคนขับรถไปก็ประมาณ600กว่าโล อธิษฐานไว้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ฝันพึ่งเป็นจริงต้นปีนี้ค่ะสงสัยหลวงปู่คงสงสารหญิงไผ่ ส่วนท่านใดที่มีเจตต์จำนงหรือประสงค์สิ่งใดที่วัดถ้ำเมืองนะก็บอกได้นะค๊าเพราะไปถึงที่เองเลย ส่วนอีกวันสองวันจะเอารูปที่หญิงไผ่ไปทำบุญตามที่ต่างๆมาให้ชมและอนุโมทนาบุญกันนะค๊า...
     
  14. Yingpai

    Yingpai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +48
    มาแล้วค่ะ ตามคำสัญญาว่าจะเอารูปที่ไปทำบุญมา เพื่อให้ทุกท่านได้อนุโมทนาร่วมกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC03231.JPG
      DSC03231.JPG
      ขนาดไฟล์:
      566.8 KB
      เปิดดู:
      69
    • DSC03295.JPG
      DSC03295.JPG
      ขนาดไฟล์:
      555.2 KB
      เปิดดู:
      75
    • DSC03212.JPG
      DSC03212.JPG
      ขนาดไฟล์:
      560.2 KB
      เปิดดู:
      82
    • DSC03296.JPG
      DSC03296.JPG
      ขนาดไฟล์:
      581.6 KB
      เปิดดู:
      69
  15. Yingpai

    Yingpai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +48
    ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาช้าไปนิด เนื่องด้วยติดภารกิจเกี่ยวกับพาหนะที่จะนำหญิงไผ่ไปวัดถ้ำ เพราะต้องเชิญท่านไปเช็คทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางในครั้งนี้ ต้องขออธิบายนิดหนึ่งนะคะว่ารูปที่หนึ่งกับสามเป็นที่วัดเดียวกันคือวัดบุละกอ ส่วนที่สองกะสี่คือวิหารหลวงพ่อโตที่สรพงษ์เป็นหัวเรือใหญ่ในการสร้าง อยู่ในจังหวัดนครราชสีมาทั้งสองวัดค่ะ
     
  16. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,734
    ขอฝากกราบหลวงตาม้าด้วยครับ เมื่อปีที่แล้วผมเคยฝากรูปลูกสาวให้น้องโด่ง(ผมอยู่ที่U.S ครับ)นำไปที่ถํ้าเมืองนะให้หลวงตาและทุกๆท่านช่วยกัน สัพเพครับ
    ไปครั้งนี้ก็ขอให้สมความปรารถนาด้วยครับและขอให้ตาเห็นธรรมในชาตินี้:cool:
    ขออนุโมทนาทั้งหมดทั้งมวลครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2010
  17. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,734
    ผมนำบุญมาให้ช่วยกันอนุโมทนาครับ
    ทำบุญผ้าป่าสามัคคี กับหลวงปู่ถวิล ธัมมะวิโร(ที่น้องTreewin Boys ชวน อะ) ได้รับพระท่านมาหนึ่งองค์ครับ
    ทำบุญสร้างมุงหลังคาวัดวังนํ้าวน(ของน้องสาชวนมา) กับอาจารย์ สมปอง กัลยานธัมโม ท่านให้สร้อยข้อมือมาสองเส้น
    ทำบุญช่วยเหลือมูลนิธิ(บ้านโฮมฮัก)สุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็ก และเยาวชน(เด็กที่ไม่มีพ่อแม่และผู้ดูแลน่าสงสารมาก [​IMG]ครับ)ทำมาหลายทีแล้วครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. mongkonchai

    mongkonchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,345
    ค่าพลัง:
    +259
    ฝากประชาสัมพันธ์ด้วยนะคับ

    โครงการ : ปันน้ำใจให้น้อง โรงเรียนบ้านปางหก

    ลักษณะโครงการ : โครงการอาสาพัฒนา

    ระยะเวลาดำเนินการ เมษายน-พฤษภาคม 2553

    1.หลักการและเหตุผล
    การศึกษาเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาคุณภาพมนุษย์ให้มีความสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และคุณธรรมจริยธรรม ที่ผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ ฝึกทักษะประสบการณ์โดยครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีความรู้ความสามารถ ภายใต้การส่งเสริมและสนับสนุนขององค์กรชุมชม องค์เอกชน องค์กรธุรกิจ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ในปัจจุบันยังมีสถานศึกษาบางแห่งที่ยังขาดแคลนงบประมาณ อาคารสถานที่ และทรัพยากรสนับสนุนต่างๆ สำหรับการจัดการศึกษา ที่มีคุณภาพ จึงอาจส่งผลให้เด็กและเยาวชนที่เข้ามารับบริการไม่ได้รับความรู้ หรือมีโอกาสได้รับการฝึกทักษะวิชาชีพพื้นฐานอย่างเต็มที่
    โรงเรียนบ้านปางหก ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนจำนวน 34 คน ครู 3 คน จัดการศึกษาตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สถานที่ตั้งของโรงเรียนห่างจากที่ว่าการอำเภอแม่สรวย ประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร เส้นทางการคมนาคมยากลำบากและไม่สามารถใช้สัญจรได้ในฤดูฝน ไม่มีไฟฟ้าใช้ มีความขาดแคลนในด้านต่าง ๆ เนื่องจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากทางราชการไม่เพียงพอต่อการนำไปพัฒนาคุณภาพนักเรียน ปัจจุบันขาดแคลนอาคารประกอบ ได้แก่ห้องน้ำห้องส้วม เพราะของเดิมที่มีอยู่นั้น มีจำนวนไม่เพียงพอต่อการให้บริการแก่นักเรียนและครู

    ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุน พร้อมต่อเติมในส่วนที่ขาดไป ชมรมกระดกแก้วเชียงราย (เชียงรายโฟกัสดอทคอม) เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาการศึกษาในถิ่นทุรกันดาร และตระหนักถึงบทบาทภาระหน้าที่และความรับผิดชอบในการมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมไทยในถิ่นทุรกันดารให้ได้รับโอกาสที่ดี จึงได้จัดทำโครงการ " ปันน้ำใจให้น้อง โรงเรียนบ้านปางหก " เพื่อก่อสร้างห้องส้วม และจัดหาหนังสือ อุปกรณ์กีฬามอบให้แก่โรงเรียน พร้อมทั้งจัดหาเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และอุปกรณ์การเรียนมอบให้แก่นักเรียน โดยขอความอนุเคราะห์บริจาคงบประมาณ อุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ จากทุกภาคส่วนของสังคม

    2. เป้าหมาย
    2.1 ก่อสร้างห้องส้วม ขนาด 1x2 เมตร จำนวน 2 ห้อง
    2.2 ขอรับบริจาคหนังสือเรียน หนังสืออ่านประกอบ หนังสืออ่านเสริมความรู้ไปมอบให้แก่
    ห้องสมุดของโรงเรียน
    2.3 จัดหาอุปกรณ์การกีฬา อุปกรณ์การเรียนการสอน เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มมอบให้แก่นักเรียน
    2.4 จัดกิจกรรมนันทนาการระหว่างสมาชิกชมรมฯ นักเรียน และชาวบ้าน


    ท่านสามารถช่วยเหลือโครงการนี้โดย
    โอนเงินเข้าบัญชี ออมทรัพย์

    ชื่อบัญชี นางนิตยา เจ๊ะดะระหมาน / นายนิรันดร์ จันเป็ง / นายสว่าง ถนอม
    ธนาคาร : กสิกรไทย
    สาขา ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์
    เลขที่บัญชี : 369-2-32428-4

    ติดต่อสอบถาม : มงคลชัย 085-7208372
    หรือติดตามเคลื่อนไหวและรายละเอียดโครงการได้ที่
    ปันน้ำใจให้น้อง โรงเรียนบ้านปางห
     
  19. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,734
    ขออนุโมทนากับคุณมงคลชัยด้วยครับ
    ผมขอนำบุญมาฝากด้วยครับ
    เมื่อวันพุธนี้ไปธุระเลยแวะไปทำบุญที่วัดครับ
    ช่วยค่าไฟฟ้า
    ค่าผ่อนส่งเงินสร้างวัด
    ถวายปัจจัยพระสงฆ์
    ทำบุญพระประจำวันให้ครอบครัว
    ช่วยทำความสะอาดในครัว วันนั้นไม่มีใครมาช่วยในครัวเลยครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  20. mongkonchai

    mongkonchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,345
    ค่าพลัง:
    +259

แชร์หน้านี้

Loading...