เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

เพิ่งอ่านจบวันนี้ค่ะ เรื่องจริงเรื่องเล่าประสบการณ์โดยตรง สั่งตรงมาจากเหล่าอัศวินของท่านอ.อาชวิน สนุก ตื่นเต้น น่าติดตามมากเลยค่ะ ผลพลอยได้จากการอ่านทำให้ตัวดิฉันเองมีความตั้งใจเกินร้อยในการนั่งสมาธิ(หวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าวิริยะและอุตสาหะคงตามมาเร็วๆนี้) นั่งได้ดีขึ้น นานขึ้น กราบขอบพระคุณกัลยาณมิตรทุกๆท่าน

ขอสวัสดี คุณมังกรบูรพาเกิดเดือนกุมภาฯใช่ไหมคะ? สุขสันต์วันเกิดนะคะ ร่ำรวยทั้งทางโลกและทางธรรมนะเจ้าคะ

ขอฝากเนื้อฝากตัวกับท่านชยา พี่ดาวทะเลทราย คุณเม้าเท่น คุณแม่หมูอ้วน ฯลฯ และอีกหลายๆท่านนะคะ

ไม่ทราบจะต้องทำอย่างไร ค่าครูเท่าไหร่ดีน๊า อยากดูสาระแหนกรรมกับคุณวิษณุ? ไม่ต้องการลองของหรอกค่ะ แค่อยากรับรู้เพื่อการพัฒนาสภาพจิตใจให้ดียิ่งๆขึ้น

ขออนุโมทนาสาธุกับเรื่องเล่าของกัลยาณมิตรทุกท่าน ประสบการณ์ของคุณคือจุดประกาย คือการเริ่มต้นในการทำสมาธิ อย่างน้อยก็มีดิฉันหนึ่งคนหล่ะค่ะที่ปรารถนารับรู้ทุกลมหายใจเข้าออก

 

บรรยากาศ ดี จัง
พี่ ๆ น้อง ๆ มาคุย กัน กะจิ๊ กะจ๊ะ น่ารักดี........................ 55

 

กระทู้ครึกครื้นเมื่อพี่ ชยามาเล่า อย่างนี้นี่เองต้องให้ผู้สูงวัยนำร่อง 555555
พี่บาซ อีกหน่อยคงดังจากเว็บนี้แหละ บาซ คนสาระแนกรรม 55555
ขำๆ นะ อย่าซีเรียส ...

ตอนนี้ข้าพเจ้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ รู้แล้วว่าผู้พิพากษาคือใคร ..
สำนึกผิดแล้วก๊าบ ยอมจำนนแล้วก๊าบ แต่ไม่กัวก๊าบ 555

 

ทิพย์จักขุญาณ ฝึกได้ไม่ยากเย็น

การฝึกให้มีตาืทิพย์ หรือ ทิพย์จักขุญาณ ตามโบราณ
พระอริยเจ้า หลวงปู่หลวงพ่อของเราท่านฝึกกันมา
ก็ เริ่ม จากกรรมฐาน 40 กองเป็นหลักสูตรของ
พระพุทธเจ้าโดยตรงครับ เหตุที่ทำให้มีตาิทิพย์
เกิดจากการฝึก เตโชกสิณ โอทากสิณ และอโลกสิณ
ถ้าคนที่ยังไม่ได้ืทิพย์จักขุมาก่อน ก็คงต้องใช้เวลานานพอ
สมควร อาจจะเป็น 7 เดือน 7 ปี หรือทั้งชาติ อันนี้ก็เกิดจาก
การฝึกสะสมมาจาอดีตชาติด้วยครับ ถ้าเป็นผุ้ที่ได้มาก่อน
เพียงแต่มาทำสมาธิแค่อุปจาระสมาธิแล้วจับภาพ
แสงสว่างได้ ทิพย์จักขุบังเกิดทันที


เหมือนกับการฝึก
มโนมยิทธิ ก็เป็นเพียงแค่การทบทวนทิพย์จักขุเท่านั้น
ไม่ได้ฝึกใหม่แต่อย่างใด แต่ทำไม พอใครไปฝึกมโนมยิทธิ
ก็พากันทำได้กันแทบทุกคน ก็เพราะคนที่ไปฝึกเหล่านั้น
เป็นผู้เคยได้ตาทิพย์มากก่อนทั้งนั้นน่ะซิครับ


จะสังเกตได้อย่างไรว่า คนไหนเคย คนไหนไม่เคย
ดูไม่ยากครับ คนที่เคยได้อภิญญามาก่อน
จะเป็นคนที่ชอบนั่งสมาธิเป็นพิเศษ ไม่ต้องมีใครพานั่ง
หรือบังคับให้นั่ง ไม่ต้องบังคับให้ไปวัดทำบุญ
เค้าทำของเค้าเอง แถมชวนคนอื่นนั่งสมาธิด้วย
อันนี้สังเกตุแบบผิวเผิน สังเกตุให้ดีอีกหน่อย
เค้าจะเป็นคนที่รู้อะไรล่วงหน้าเสมอ บางทีเค้าก็ไม่ตั้งใจ
รู้หรอก มันรุ้เอง พวกนี้เค้าจะมีลางสังหรณ์แม่น
ผมยกตัวอย่างเช่น พี่ปานโสม พี่เค้าโทรศัพท์ไปหา คุณ โอม ที่เชียงใหม่
บอกว่า รู้ว่าคิดถึงเลยโทรมา และคุณโอมก็กำลัง
คิดถึงอยู่พอดี หรือที่น้องบาสเค้าเห็นกายทิพย์ผมหมอง ๆ แถมยังดูกรรมให้ผมอีก เป็นต้น
ถ้าอยากจะรู้ว่าใครได้ตาทิพย์จริง ๆ
จัง ๆ ก็ต้องถามพวกที่ได้ตาทิพย์ด้วยกันเองนั้นละครับ
ถึงจะรู้ว่าใครได้มั่ง



ถ้าท่านผู้อ่านได้อ่านเรื่องเล่าของผมมาตั้งแต่หน้าแรก ๆ
ก็จะรู้ ว่า ผมเอง ก็ทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก โดยไม่มีครูบาอาจารย์มาฝึกให้
ได้แต่อ่านหนังสือทำความเข้าใจเอาเอง ตั้งแต่ปี 2525- 2526 ก็แสดงว่า
ผมเองก็น่าที่จะเป็นผุ้ที่เคยได้มาก่อน
แล้วก็ฝึกด้วยตัวเองมาตลอด ก็พอที่จะสัมผัสความเป็นทิพย์
ได้บ้างเป็นบางเวลา ผมต้องทำงานด้วย ทำโน้น นี่
จะให้จิตสะอาดตลอดเวลาคงไม่ได้ครับ


ฉะนั้น
ผมจึงไม่ได้เห็นผีตลอดเวลา จะเห็นตอนนั่งสมาธิ
หรือหลับในสมาธิเท่านั้น จนราวในปี 2539-2540 นี้
กระมังครับ ผมได้เข้ามาอยู่ กทม. ได้ไปถวายสังฆทาน
ที่บ้านซอยสายลม และได้ฝึกมโนมยิทธิในวันเสาร์
และต่อด้วยญาณ 8 ในวันอาทิตย์เลย ตอนที่ฝึกได้ใหม่ ๆ
ตอนนี้ โอ ดูอะไรก็แม่นครับ เพราะการงานยังไม่รัดตัวมาก
จิตสะอาดสะบายผ่องใส จะดูอะไรก็ชัดเจน
ผิดกับตอนนี้ครับ ทั้งเรื่องงานเรื่องส่วนตัว
ดูมันวุ่นวายซักทุกอย่าง จะหาเวลานั่งจริง ๆ จัง ๆ ก็นาน ๆ ที




แต่ดีที่ว่า ตอนที่ฝึกมโนที่บ้านซอยสายสม
ผมได้วิธิฝึกอีกอย่างหนึ่งจากพระเดชพระคุณท่่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาฝึก
ผมไม่แน่ใจว่า อ่านจากหนังสือหรือฟังจากเทปคาสเซส
เพราะมันนานมากแล้วครับ แต่วิธิฝึกไม่มีลืมครับ
คือการฝึกเข้าอุปจาระสมาธิแบบลืมตา
การฝึกแบบนี้เป็นเหตุให้ผมสามารถเห็น 2 มิติพร้อม ๆ กันได้
คือสามารถเห็นวิิญญาณได้ หรือผี หรือ เทวดาได้
โดยลืมตาอยู่ เหมือนแบบที่ผมเห็นลุงฟ้อนเจ้าของเก่า
บ้านเช่านั่นล่ะครับ



จริง ๆ การเห็นผีโดยตาเนื้อนี้
ผมเห็นบ่อยมาก แต่ไม่ได้เอามาเล่าให้ฟังเพราะมันไม่มีเรื่อง
จะเล่าครับ เดินไปตามถนน เห็นก็คือเห็นแล้วเราได้เดินผ่านไป
ก็แค่นั้น เพราะเราต้องไปทำกิจกรรมอย่างอื่นต่อไป
ไม่เหมือนกับเรานั่งสมาธิอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน
สมาธิตั้งมั่นอยู่จึงสามารถพูดคุยกับผีที่มาหาเราได้




วิธีฝึกก็ไม่ยากเลยครับ หาพระพุทธรูปหน้าตักซัก 5 นิ้วมา
สักองค์ ตั้งไว้ในที่ที่เราอยู่นาน ๆ ที่สุด เช่น ที่ทำงาน
ห้องนอน ขณะที่ทำงานไป ให้จำภาพพระให้ได้
แล้วให้สร้างภาพระไว้ตรงหน้าพาก หากลืมภาพก็ให้มองใหม่
แต่ไม่ต้องมีคำภาวนา เพราะการที่เราทำงานก็เปรียบเหมือน
เราท่องคำภาวนา แต่ถ้าหยุดทำงาน แล้วว่าง ๆ อยุ่
ให้ท่องภาวนาด้วย
ให้ทำทุกอริยบท กินเดิน วิ่งก็ได้ นอนลืมตาก็ได้
(แต่ผมนอนจะหลับตาเลย) มีอย่างเดียวที่ผมจะขอห้ามฝึก




คือตอนขับรถ ผมจะตายเอาหลายครั้งแล้วครับที่
ทำสมาธิแล้วเห็นผีลอยมาจะมาชนรถ
ด้วยสัญชาติญาณของคนขับรถ ก็หักหลบซิครับ
ไม่ลงข้างทางก็ก็ชนรถข้าง ๆ ล่ะครับพี่น้อง
มีครั้งหนึ่งครับ ผมขับรถเร็วมาก วันนั้นผมรุ้สึกเหนื่อย ๆ
ไม่ค่อยมีสมาธิขับรถ ก็เลยว่า จะเข้าสมาธิ เรียกสมธิ
เสียหน่อย แต่ด้วยความเคยชินของจิตที่มันจะเลยเข้า
ระดับฌาณ ไปเลย(สมาธิระดับฌาณ จิตจะไม่รับสัมผัสจากตา
แม้ว่าจะลืมตาอยู่ก็ตามครับ จะเหมือนกับหลับตาขับรถครับ )
แต่ด้วยเหตุผมใดก็ไม่ทราบได้ผมก็ออก
จากสมาธิได้ทันในตอนที่รถกำลังจะขึ้นสะพาน
ดีน่ะครับที่ถนนเป็นทางตรง ถ้าถนนเป็นทางโค้ง
อาจจะไปบวกกะเสาไฟหรือต่อหม้อสะพาน เป็นแน่ครับ
( จำได้ว่าเป็นช่วงแคราย ไปขึ้นสะพานข้ามแยกเกษตรครับ)
ฉะนั้นห้ามทำสมาธิขณะขับรถครับอันตราย





อาจมีคนถามว่า
แค่นี้ก็เห็นผีได้แล้วเหรอ ไม่หรอกครับ จิตจะต้องสะอาด
ด้วยครับ ศีลต้องสะอาดเพราะศีลทำให้เกิดสมาธิ จะต้องไม่มีกังวลใด ๆ
ให้ทรงพรหมวิหารธรรม
ตลอดเวลา เพราะจิตผุ้ที่ทรงวิหารธรรมไว้นี้ จิตจะมีแต่
ความอ่อนโยน จึงน้อมเข้าสมาธิได้ง่าย ยิ่งแถมด้วย
มรณังนุสติอีกด้วยแล้ว จิตจะปลง จิตยิ่งสะอาดครับ
ทิพย์จักขุเกิดได้ง่ายครับ
คิดว่าไม่ยากน่ะครับ ลองฝึกกันดู ได้ผลยังไงก็มา
เล่าสู่กันฟังในกระทู้นี้น่ะครับ
​

 

ฟังเรื่องคุณเม้าท์ในการตีภาพปริศนากรรม น่าสนใจไม่น้อยเชียว เมื่อก่อนตอนสมัยผมฝึก

ตาที่สามใหม่ ๆ ก็นั่งเพ่งไปสิที่หน้าผากน่ะ ทำไปทำมา อยู่ดีดี แหม! ใครกันหนอ

ยกเทียนมา 1 เล่ม แถมจุดไฟให้อีก ก็เลยกลายเป็นมองเห็นเทียนส่องสว่าง อยู่กลางหน้าผาก

มันก็ตกใจน่ะสิ ฮ่า ฮ่า กลัวหน้าผากไหม้เหมือนกัน พอดีตอนนั้นอาจารย์ตาที่สามเข้ามาทัก

ท่านคงกลัวเปลวเทียนแตก ผมอาจได้รับอันตราย ตกลงก็เลยไม่ได้ฝึกต่อ น่าเสียดายอยู่เหมือกัน

การที่ผมมองเห็นเปลวเทียน ลอยอยู่กลางหน้าผาก มันมีอยู่ในระบบของคุณเม้าท์ด้วย หรือเปล่าหนอ

หากมี ช่วยกรุณาชี้แนะ ด้วยเถอะครับ


เวลาท่านชยาเขียนถึงคุณชา(ปานโสม) ต้องให้เบาไว้ที่สุดครับ อิอิ ก็น่าจะรู้กันอยู่ ฮ่า ฮ่า

พลังจิตของเธอ ว่องไวและแรงขนาดไหน คงไม่ต้องพูดถึงล่ะครับ ขนาดผมเคยคิดถึงคุณโอม

พออีกสัก 2-3 นาที แน่ะ ๆ มาเลยครับ เสียงกริ่งจากมือถือ คุณโอมถามผมว่า กำลังคิดถึงเขา

อยู่หรือเปล่า เพราะรู้สึกร้อนตัวยังไงชอบกล เลยโทรมาหา ผมก็เลยตอบกลับว่า ช่ายเลย ๆ ถูกต้อง ๆ


วันนี้ตอนบ่าย น้องดีใจมากก็โทรมาชวนไปลงนะ กับหลวงปู่คำเป็ง แหม! ทำไมตอนผมรับโทรศัพท์

ของน้องแนน รู้สึกร่างกายสบาย สบาย ๆ อย่างบอกไม่ถูก คุยไปคุยมา อิอิ ถึงได้รู้ว่า น้องดีใจมาก

เธอเพิ่งหม่ำข้าวมาหยก ๆ นี่เอง ไอ้ตัวเราก็เลยได้รับอานิสงส์ จากการอิ่มข้าวนี่เอง


เมื่อหลายวันก่อน พอดีแฟนจับตะขาบได้ 1 ตัว พอเขายกจะเอาไปปล่อย ไอ้เราก็พูดกับเขาว่า

"ตัวยาวประมาณ นิ้วครึ่งช่ายป่ะ ช่ายป่ะ" (ปรกติจะจับตัวประมาณ 7-8 นิ้ว) เขาก็หันหน้ามามองผม

แล้วพูดว่า "เออ เธอทายแม่นดีนี่" แหม! แหม! ก็ผมภาวนาแล้วเผลอหลับ ภาพก็เลยฟ้องน่ะสิครับ


และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็แอบอีก (ตามเคยล่ะครับ) ย่องไปดูที่บ้านพุทธามหาเวทย์ ของคุณเม้าท์

โอ้โฮ! ของจริงแหล่ะครับ พลังของหลวงปู่คำเป็ง ขนาดผมนั่งอยู่เกือบหลังสุด แต่นิ้วชี้เต้นกระดุบ ๆ

มีแรงส่งที่สูงมากวิ่งเข้ามา เพราะเนื่องจากตอนนั้น.....หลวงปู่กำลังทำพิธี มอบวิชานิ้วเพ็ชรเทพประสิทธิ์

ให้แก่สมาชิกของนิตยสารพุทธามหาเวทย์(ให้ท่านอื่น) ไอ้เราก็ดูไปดูมา มีอานิสงส์ติดแถมมาอีกแน่ะ


ที่เล่ามาแบบสั้น ๆ ก็เพราะผมยังสัมผัสพลังได้น้อย เป็นน้องใหม่ของตาที่สามจริง ๆ

และหลายต่อหลายครั้ง ที่ไม่ได้เรื่องราว ก็ออกถมเถไป เล่าเพียงเพื่อหวังว่า หลาย ๆ ท่าน

ทั้งคุณดาวจรัสแสง(มาแรงเสียด้วย) และผู้ที่กำลังสนใจการปฏิบัติธรรม ได้เห็นว่า เรื่องเล่าของอาจารย์

น้องบาส ท่านชยา คุณเม้าท์ และตาดาวทะเล (พ่วงมังกร) เป็นเรื่องที่สัมผัสไม่ยาก หากตั้งใจฝึก



ป.ล. พิธีลงนะกับหลวงปู่คำเป็ง ได้เลื่อนจากวันที่ 6 กุมภาพันธ์

เปลี่ยนเป็นวันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์แทน (ลิงค์ข้างล่าง)

http://palungjit.org/threads/ร่วมลง...ำเร็จสมปรารถนา-กับหลวงปู่คำเป็ง.219927/page-8

 

ขอนั่งข้างๆรอฟังพี่ชยาด้วยคนนะค๊ะ ^_^

 

เสื่อผมเตรียมไว้ 2 ผืนครับ น้องที่คาดผม กว้างมาก ๆ

นั่งได้ตั้งหลายคน แต่มีวิธีการปูเสื่อดังนี้คือ.-


เสื่อผืนแรก เป็นของลุงเม้าท์ กับท่านดาวทะเล

เตรียมไว้สำหรับท่านชาย ไปนั่งรวมได้ครับ


เสื่อผืนที่สอง เป็นของผมเอง เตรียมไว้สำหรับ

ท่านสาว ๆ โปรดมานั่งรวม ทางนี้ครับ เชิญครับ

น้องที่คาดผม ตัดสินใจได้ถูกต้อง ตาถึงครับพี่น้อง

(f)

 

สวัสดี คุณเม้าตาอิน
การตรวจกรรมของคุณแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เป็นศาสตร์และศิลป์อีกแขนง
หนึ่ง ซึ่งไม่มีสอนกันตามสถาบันของรัฐและเอกชน ไม่มีประกาศนียบัตรหรือ
ปริญญารับรอง ความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคล การรับรู้สิ่งแปลกใหม่นอกเหนือ
จากที่เรียนกันมาตามสถานการศึกษา ก็นับว่าเป็นประสบการณ์อีกแขนงหนึ่ง
ผมไม่รู้จักคุณมาก่อน ไม่เคยคุยกัน รู้แต่ว่าเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2552 ไปลงนะกับ
หลวงปู่คำเป็งครั้งที่ 2 ที่บ้านคุณสามเหลี่ยม ไม่รู้จับพลัดจับหูยังไง แม่บ้านผมจึง
ไปขอตรวจกรรมกับคุณ เพราะที่บ้านคุณสามเหลี่ยมไม่มีการบอกว่าจะมีการสแกน
กรรม รู้แต่ว่าแม่บ้านไปเข้าห้องน้ำ แล้วหายไปเกือบ 20 นาที ส่วนผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้
ในพิธีเตรียมลงนะ เมื่อแม่บ้านกลับมาบอกว่าไปเข้าคิวให้พี่คนหนึ่งดูกรรมให้ แต่
ไม่มีดอกไม้ ธูปเทียน น้ำ ดูกรรมแล้วแนะนำให้ไปปล่อยปลา 3 ตัว เดือนละครั้ง
จึงได้เริ่มปฏิบัติตามที่แนะนำตลอดมา แต่อาการปวดศีรษะก็ไม่ทุเลา ปวดๆ หายๆ
ซึ่งเป็นมานานหลายปีมาก จนผมสัพพะยอกแม่บ้านว่า หากกรอกแบบสอบถามว่า
ประกอบอาชีพอะไร ให้กรอกว่า “ ไปหาหมอ” อาหารหลักที่ชอบรับประทานคือ
อะไร ให้กรอกว่า “ยาแผนปัจจุบัน” อาหารสำรองคืออะไร ให้กรอกว่า ”พืช
สมุนไพร” เมื่อกลับจากลงนะวันแรกก็ยังปวดศีรษะตั้งแต่ออกจากบ้านพุทธามหา
เวทไปถึงบ้าน แม่บ้านบอกว่าคล้ายกับระบมไปทั้งหัว จะมาลงนะครั้งที่ 2 วันที่
31 มกราคม 2553 ก็ลุกไม่ขึ้น แทบไม่อยากจะมา อยากจะขอนอนต่อ ผมก็เลย
บอกว่าลองไปสแกนกรรมอีกครั้งหนึ่งดูซิ และยังเปิดเวปและอ่านให้ฟังตั้งแต่ตี
5 และย้ำว่าทางคุณสุรศิลป์ก็โทรบอกให้คุณเม้าตาอินมาแต่เช้า แม่บ้านก็
พยายามพยุงสังขารมา ผลการสแกนกรรมและกรวดน้ำ ปรากฏว่าระหว่างทางไม่
บ่นปวดศีรษะ แถมอยากจะกินอาหารทะเล แต่ผมต้องเดินทางกลับชุมพรโดยรถ
ทัวร์ จึงติดค้างไว้ก่อน ในส่วนของแม่บ้านต้องทำตามคำแนะนำ
ในส่วนของผมเป็นเรื่องแปลก คุณถามชื่อและนามสกุล แค่นั้น เหมือน
กับคนอื่นๆ ผมกับคุณไม่ใช่ญาติพี่น้อง วันที่ไปลงนะเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2553 แม่บ้านยังจำคนผิด จำคุณทอฟฟี่(น่าจะเรียกอาจารย์มากว่า เพราะเป็นคนถ่าย
ทอดพลังให้) ว่าเป็นคนสแกนกรรมให้เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2552 จนกระทั่งคุณเม้า
ตาอินตัวจริงเข้ามาที่บ้านพุทธามหาเวท แม่บ้านสะกิดว่า พี่คนนี้แหละที่สแกน
กรรมให้ ขนาดแม่บ้านยังจำคนผิด แล้วผมจะไปรู้จักคุณได้อย่างไร
เมื่อคุณเม้าตาอินสแกนกรรมแล้ว ไม่พบกรรมเก่า แต่กลับบอกว่าภาพที่ส่งมา
1.มีวิถีชีวิตเกี่ยวข้องกับพระเยซู ยืนอยู่บนเชิงเขา
2.มีหน้าที่คอยรับทุกข์ชาวบ้าน และยังบอกอีกหลายอย่าง .....
เมื่อมาทบทวนอดีตที่ผ่านมากับปัจจุบัน เป็นจริงร้อยล้านเปอร์เซ็นต์....
แฮ่ะ !!! อะไรจะแม่นปานนั้น หยั่งกับตาเห็น ไม่จำเป็นต้องยกยอกัน จริงก็ว่าจริง
เอาอย่างนี้ ผมอยากจะบอกว่า
ก. เมื่อปี 2522-2523 ชีวิตมีอันต้องเข้าเรียนภาษาอังกฤษกับครูฝรั่ง (ช่วงเย็น
จันทร์ พุธ ศุกร์) กับเรียนกีตาร์ที่คริตจักร...(จำชื่อไม่ได้)...ใกล้โรงเรียนเรียนมิตร
พลพานิชยการ จำได้ว่านั่งรถเมล์สาย 57 เรียนตอนเย็นวันอาทิตย์ เรียนเข้าเดือน
ที่ 6 ครูที่สอนกีตาร์(คนไทย) บอกให้รออยู่ห้องนี้แหละ สักครูก็มีผู้ที่นับถือศาสนา
คริตเข้ามาในห้องประมาณ 20 คน จากนั้นเขาก็สวดอะไรไม่รู้ ทำนองสรรเสริญ
พระเยซูแล้วแต่คนไหนจะพรรณนา และครูที่สอนกีตาร์พูดว่าวันนี้เรามีสมาชิกมา
เพิ่มอีก 1 คน และแนะนำตัวผม(เหมือนกับว่าเรานับถือศาสนาคริต) จากนั้นเป็น
ต้นมาผมก็อยู่สวดแบบงูๆปลาๆ เกือบ 2 ปี ผมเห็นว่าการเรียนกีตาร์ไม่มีความคีบ
หน้า ก็เลยเลิกเรียน (ค่าเรียนเดือนละ 50 บาท(เพราะจน)หากเป็นสยามกลการจะ
เสียเดือนละ 1,000 บาท) และไม่เคยไปที่คริตจักรนั้นเลยจนถึงปัจจุบัน
ข. แรกเริ่มก็ไปเรียนทางวิชาชีพครู แต่พอเรียนได้ระดับหนึ่ง มีความรู้สึกว่า
ไม่ชอบ จึงแบนเข็มไปศึกษาวิชาชีพใหม่ ก็ประสบผลสำเร็จถึงปัจจุบัน และมีชีวิต
ที่มีความสุขมากๆ ๆ ๆ (แต่ยังมีหนี้สินอยู่เท่านั้นเอง) มีหน้าที่ตรงแป๊ะ !!! ตามที่
คุณสแกนนั่นแหละ!!! เมื่อคุณดูเสร็จผมก็กระซิบเบาๆ ว่าผมประกอบอาชีพ
อะไร...? แล้วคุณก็อุทานว่า นั่นไง..เห็นมั้ย ? แม่บ้านนั่งฟังอยู่ใกล้อึ้ง..!! ไป
เลย.... (และพูดขอให้คุณปกปิด....นอกจากคุณสุรศิลป์ คุณบุญเอื้อ และคุณ
แล้ว ก็มีอาจารย์ทอฟฟี่ที่ถ่ายทอดพลังให้ ที่ทราบ เพราะคนที่ทำอะไรให้เรา
หรือเพื่อเรา เราต้องแสดงตัวตนที่แท้จริงให้ทราบและยังเป็นการช่วยตรวจสอบ
ความจริงที่คุณเม้าตาอินสแกนด้วย การปกปิดก็ไม่ต่างอะไรกับเราไม่จริงใจต่อ
กัน)
ค. ผมชอบทานขนมปังเป็นชีวิตจิตใจ ตั้งแต่เด็กถึงวัยรุ่น และยังจนอยู่
ก็ซื้อขนมปังแบบหัวกะโหลกมาฉีกจิ้มนมตรามะลิ หรือไม่ก็ฉีกใส่แก้วโอวัลตินกิน
พอทำงานมีรายได้(ยังไม่รวย) ไปห้างทีไรต้องซื้อขนมปังมียี่ห้อ เช่น ยามาซากิ
การ์โตว์ ทุกครั้ง และยิ่งกินมากขึ้นเมื่ออยู่ชุมพรซื้อขนมปังได้ง่าย ห่างจากบ้าน
พัก 200 เมตร มีร้านทำขนมปังทุกรูปแบบขาย ทุกเย็นจะเอากล่องไปใส่ ซื้อวันละ
30-40 บาท ทุกวัน ผมทานขนมปังกับกาแฟทุกเช้า ทุกวัน เกือบจะ 3 ปี ติดต่อ
กัน กลับกรุงเทพจะต้องซื้อกลับไปทานด้วย เพราะติดใจ บางวันตอนเย็น อยู่คน
เดียวก็ทานขนมปังกับกล้วยเล็บมือนาง (จะบอกให้เข้ากันดีมาก) คนอื่นบอกว่า
หากไม่ได้กินข้าว เหมือนไม่อิ่ม แต่ผมอิ่ม และอยู่ได้ทั้งคืน ที่เล่าให้ฟังซ่ะ ยืดยาว
เนี่ยะ! เพื่อจะยืนยันว่าตรงที่ว่าผมมีวิถีชีวิตเกี่ยวข้องกับพระเยซูอย่างไร เพราะ
พระเยซูคงไม่ทานขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ หรือแกงไตปลา หรือน้ำพริกปลาทู
หรือส้มตำปลาร้า หรือแหนมเนือง หรือโรตี หรือมะตะบะ อะไรทำนองนั้น

ผมไม่รู้จะใช้คำพูดอะไรที่กินใจและมีความหมายจากใจผม เอาเป็น
ว่าในสุดขั้วของหัวใจผม ผมขอขอบคุณจากสุดขั้วหัวใจของผม จากคำพูดของคุณ
ตอนหนึ่งว่า “ให้เอาน้ำที่อุทิศให้แก่เจ้ากรรามนายเวรไปเทใส่ต้นไม้ที่มีรากหยั่งถึง
ดิน” ผมกับแม่บ้านมีข้อโต้แย้ง(มิใช่โต้เถียง)เกี่ยวกับเรื่องนี้มานานมากโขแล้ว
ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลสนับสนุนความคิดเห็นของตน ทุกครั้งที่ออกไปใส่บาตร
ผมจะเอาน้ำเปล่าใส่ขวดน้ำดื่ม พร้อมแก้วพลาสติก เมื่อใส่บาตรองค์สุดท้าย จะ
ให้พระกวดน้ำให้ พระก็จะสวดยะถา-สัพพี ให้ เสร็จแล้วก็จะเอาน้ำไปเท ทุกครั้ง
หากมีโอกาสใส่บาตรร่วมกัน แม่บ้านก็จะบอกให้เทใส่กระถางต้นไม้(หมู่บ้านใน
กรุงเทพหรือถนนสายหลักในตัวเมือง จะหาต้นไม้ที่มีรากหยั่งถึงดินยาก) ผมโต้
แย้งว่าไม่ได้ เจ้ากรรมนายเวรจะไม่ได้รับ (จิตใจของผมคล้ายกับว่าครั้งใดหากเท
ใส่กระถางต้นไม้ มีความรู้สึกขัดๆ ต่อความรู้สึกแบบบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าผมไม่อยากทำแบบนี้ แต่ทำไมต้องให้ผมทำ) บางครั้งต้องขับรถไปใส่บาตรจะให้แม่บ้าน
ถือแก้วน้ำไว้ พบต้นไม้ใหญ่ ใบดก หนาทึบ จะจอดรถลงไปเท แม่บ้านจะหงุด
หงิด ที่ต้องถือแก้วน้ำแบบระวัง ไม่ให้น้ำหก จะบ่นตลอดทางจนรำคาญ เขาจะ
บอกว่า....เป็นต้นไม้ ไม่ว่าปลูกอยู่ที่ไหนก็เทได้เหมือนกัน (แม่บ้านจะใส่บาตร
อาทิตย์ละ 2-3 วัน) ทำอย่างนี้มาตลอด ไม่เห็นเป็นไรเลย ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่
23 ธันวาคม 2552 แม่บ้านแม่บ้านมาชุมพร (เพื่อช่วยขับรถจากชุมพรกลับ
กรุงเทพ) ตอนเช้าไปใส่บาตรด้วยกัน ก็ทำอย่างที่บอก พอพระสวดเสร็จ แม่บ้านก็
บอกให้เทน้ำลงในกระถางต้นไม้หน้าตึก ใกล้กับบริเวณใส่บาตร ผมก็โต้แย้งอีก จะ
ถือเอาไปเทที่ต้นไม้ใหญ่ที่บริเวณศาลหลักเมือง ระหว่างทางก็โต้แย้งกันอีก จนถึง
บ้านพัก โดยผมก็อธิบายว่า สรรพสัตว์ทั้งหลายเมื่อตายลง กายจะทอดลงพื้นสู่
อ้อมอกแม่พระธรณี (หากท่านผู้อ่านมีความคิดเห็นว่า ไม่จริง!!! ตายบนเตียงใน
บ้านหรือโรงพยาบาล แล้วใส่อยู่ในโลง ตั้งบนตั่ง ยกขึ้นเมรุแล้วเผา ก็ถูกของท่าน
ครับ....หากเป็นมนุษย์ แต่ถ้าเจ้ากรรมนายเวรที่มิใช่มนุษย์ล่ะ.....!!!) เมื่อเทน้ำรด
ต้นไม้ไหลลงสู่มือแม่พระธรณี ท่านก็จะอุ้มไว้ ส่งผ่านไปให้เจ้ากรรมนายเวรที่
กายถูกฝัง เจ้ากรรมนายเวรก็จะได้รับ หากเทลงกระถางต้นไม้ น้ำก็จะขังอยู่ใน
กระถาง แม่บ้านก็บอกว่าเจ้ากรรมนายเวรได้รับตั้งแต่ตอนที่อธิษฐานและระลึกถึง
ขณะเอาวัตถุทานใส่ในบาตร เออ!! ก็จริงอย่างว่า ผมตัดบทว่า...เอาอย่างนี้ คุณ
คิดเห็นอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น ตามแนวทางคิดของแต่ละคน จนคุณเม้าตาอิน
บอกนั่นแหละ จึงเดินเอาไปเทที่ต้นไม้รากหยั่งถึงดินอยู่ในซอยตรงข้ามกับซอย
เข้าบ้านพุทธามหาเวท มิฉะนั้นคงเทลงใส่กระถางต้นไม้หน้าบ้านพุทธามหาเวทนั่น
แหละ ยิ่งแดดร้อนๆ อยู่ด้วย มิน่าล่ะ....อาการปวดหัวจนระบม รักษามานานหลาย
ปี ไม่มีทีท่าว่าจะหาย กลับระบมหนักแทบจะไม่มาลงนะและสแกนกรรม ในวันที่
สอง เพราะเจ้ากรรมนายเวรที่คุณเม้าตาอินสแกนเห็นนั้นอาฆาตไว้หนักมาก ไม่
ยอมรับการขอขมากรรม แต่ประสงค์จะทรมาน โดยดลจิตดลใจวิธีการกรวดน้ำ
เพื่อไม่ให้ไปถึง รวมทั้งปกปิดไม่ยอมให้เห็นเมื่อดูครั้งแรก
อีกอย่างหนึ่ง คุณเม้าตาอิน ถามเฉพาะชื่อแม่บ้าน และชื่อนี้ได้เปลี่ยน
มา 1 ครั้ง กลับรู้ว่าชาติที่แล้ว แม่บ้านผมเป็นมนุษย์ผู้ชาย..? ใช่ครับ.....แม่บ้านผม
เกิดปีมะเส็ง (งูเล็ก) ตามตำราโหราศาสตร์กล่าวว่า ธาตุกำเนิดเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่
คุณไม่ได้ถามวัน เดือน ปีเกิด ซักหน่อย กลับรู้ว่าเป็นมนุษย์ผู้ชาย....ทำกรรม
อะไรมา...!!! แปลกไหม.....คุณสุรศิลป์
เชื่อหรือไม่นั้น เป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ด้วยวิธีวิทยาศาสตร์ แต่หากนำไป
เปรียบเทียบกับวิถีชีวิต....มันถูกต้อง คนที่ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามหลายสิบนัด
ลูกซองสาดเต็มหน้าเต็มตัว ถูก .38 จ่อยิงเผาขน หลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์
แล้วว่า บริเวณบาดแผลที่ผิวหนังเป็นจ้ำๆ นั้น ลึกลงไปเป็นหัวใจ ม้าม ตับ ปอด
และอนุภาพของอาวุธปืนจากปลอกกระสุนปืนที่เก็บได้ ต้องตายร้อยล้าน
เปอร์เซ็นต์ กลับไม่ตาย แต่ยังมาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมสาเหตุต่อหน้าผม
นับ 10 เรื่อง เป็นฉาก ๆ พอถามเขาว่าทำไมไม่ตาย เขาบอกว่า จริงๆ แล้ว น่าจะ
ตายมากกว่า แต่มีวัตถุมงคลของ...........อย่างนี้เขาเรียกว่า “งมงายหรือ” เข้า
ทำนองที่ว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ผมถือว่าทำตามที่ผู้รู้เห็นผู้รู้แนะนำก็เปรียบเสมือน
มีแผนที่นำทางชีวิต กำไรเหนาะๆ ๆ ๆ ในชีวิตไม่เคยไปสถานเสาวภาเพื่อเลี้ยงงู
ประเดี๋ยวก็ได้ไป ไม่เคยไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์ ประเดี๋ยวก็ได้ไป ไม่เคย
ทำสังฆทานชุดใหญ่ประเภทมีไตรจีวรครบชุด ซึ่งอาจารย์นอง วัดทรายขาว จ.
ปัตตานี เคยกล่าวว่าเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่มาก
ขอขอบคุณอาจารย์ทอฟฟี คุณเม้าตาอิน ที่สละเวลาพักผ่อนของท่าน มา
เหน็ดเหนื่อยกับคนมีกรรม ไม่มีกรรม และไม่ค่อยร่ำรวย(กำลังจะร่ำรวย รอรางวัล
ที่ 1 อยู่) อย่างพวกผม และขอขอบคุณคุณสุรศิลป์ที่เปิดบ้านให้ผมเข้าไปเหยียบ
ย่ำตามอำเภอใจ หวังว่ามังคุดกวนคงอร่อย เหมือนผมกับแม่บ้านน่ะ เพิ่งจะ
รับประทานครั้งแรกเหมือนกัน ก็ติดใจซะแล้ว เลยเอาของที่ติดใจไปฝาก !!!!!


นำมาจาก http://www.buddhamahawet.com/webboard.php

 

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่สนใจฝึกศาสตร์แห่งพลัง
ทั้งตาที่สาม จิตสัมผัส และอื่นๆ ด้วยครับ


คุณมังกรฯ มาถูกทางแล้วครับ
ฟังคุณมังกรฯ ฝึกเพ่งเทียน แล้วหวนคิดถึงตัวเอง ก็เคยฝึกมาแบบนั้นเหมือนกัน

เมื่อฝึกแล้ว อย่าให้จิตเกาะยึดกับขันธ์ห้า ให้ปล่อยวาง
แล้วกลไกแห่งการรู้ก็จะเกิดขึ้น เป็นเคล็ดปลดล๊อค เพื่อความก้าวหน้าครับ

 

...555ไม่เบา ท่านพี่เราไม่เบา ฮิ ๆๆๆ .................

 

.....เอ เริ่มสนใจ อยากเรียนวิชาเพิ่มเติมกับท่านพี่เม้าท์ซะแล้วล่ะครับ.........

 

ของผมขอเป็นฝึกตามคัมภีร์วิสุทธิมรรคแล้วกันครับ

 

สวัสดีครับ อาจารย์ พี่ๆ น้องๆ

ล่าสุดไปหา อ.สามตา มา เพื่อให้ดู วันดี ให้

วันนั้น ก็เป็น วันดี ของผมนะ ได้เจอ พี่บาส กับ พี่เจได ไม่แน่ใจนะว่าใช่ไหม

แต่จำได้ว่าเคยเจอ วันที่ไป ไหว้ ครูบาคำเป็ง บ้าน อ.สามเหลี่ยม

ครั้งนี้ ที่ไป ได้ความรู้เพิ่มเติม เรื่องการ ใส่แหวน ให้ถูกต้อง หน้าหลัง

พี่บาส ได้ทัก เรื่องสร้อยที่ใส่ เดิมที ผมไม่ได้ใส่แล้ว ตั้งแต่ อ.สามตา

บอกว่า หลวงปู่ดู่ แรงไปถ้าผมจะใส่ แต่เนื่องผมเคารพมาก จึงกลับเอามาใส่อีก

เพราะคิดว่า หลังจาก อ.สามตา บอกแล้ว ผมก็ ทำสามธิมาเรื่อย 2-3 ปีละ

น่าจะพอมีกำลัง ใส่แล้วไม่อึดอัดมาก ก็เลยใส่ไปหา อ.สามตา อีกครั้ง

ไม่พ้นครับ พี่บาส บอกให้กลับไปใส่ทองดีแล้ว เพราะสร้อยที่ใส่อยู่ คนทำ

เค้าแค้นอะไรอยู่ไม่รู้ ทำให้ สร้อยเส้นนั้น ไม่เหมาะที่จะใส่ แต่ผมก็พลาดที่

ไม่ได้ถามว่า เปลี่ยนแค่ สร้อย แล้วคล้อง หลวงปู่ดู่ เหมือนเดิม ได้ไหมครับ

ที่พี่บาส บอก แฟนผม ให้ระวังคำพูดจา เพราะถ้าไม่เลิกนิสัย พูดจาเหน็บแนม

ผมจะไปจากเค้า ออกจาก บู้ท ไม่ถึง 100 เมตร ถามทันที พี่จะทิ้งเค้าจริงหรอ

ผมก็บอกไม่หรอก พี่เค้าเตือน ก็หวังดี แก้ไข ส่วนไม่ดีซะ แฟนผม หลังจากนั้น

สงบปากสงบคำ ดีครับ พี่บาส แต่ กังวนเหลือเกิน กลัวผมทิ้งเค้า ^^"

ส่วนเรื่อง ชูชก ที่ผมถาม ผมได้คำตอบแล้วครับ วันนี้ผมให้ แม่บ้านที่ บริษัทไป

อย่างที่พี่ เจได บอกแน่นอนกว่าครับ ถ้าคิดจะรวย "สมอง กับ สองมือ" ดีสุดละ

ไปหา อาจารย์ ครั้งนี้ ดู อาจารย์ ผอมลง เป็นห่วงนะครับ ดูแลสุขภาพด้วยครับ

 

ชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลก และชมรมผู้ประพฤติธรรมแห่งประเทศไทย
ข่าวสารการชำระโลกจากจิตจักรวาล<o></o>


ฉบับลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553<o></o>

เตือน! มหันตภัยแผ่นดินไหว-คลื่นยักษ์สึนามิในครั้งต่อไ<o></o> ​

จะรุนแรงกว่าเฮติอาจสั่นถึง 8.3 ริคเตอร์ ตรงพิกัดอินโดนีเซีย<o></o>
​

อาจารย์ ปริญญา ตันสกุล นักวิชาการสัมผัสพิเศษ ประธานชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลกและประธานเครือข่ายชมรมผู้ประพฤติธรรมแห่ง ประเทศไทย ได้รับสาสน์ในการสื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาล ครั้งที่ 159 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2553 ณ ห้องทิพย์พิมาน โรงแรมมิโด้ สะพานควาย กรุงเทพฯว่า มหันตภัยทางธรรมชาติอันเกิดจากปฏิบัติการชำระโลกที่รุนแรงในครั้งต่อไปนั้น หากเกิดขึ้นจริงตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ มันอาจรุนแรงยิ่งกว่ากรณีของเมืองปอโตแปรงก์ ประเทศเฮติ เพราะมหันตภัยครั้งหน้ามันจะเกิดจากภัยของแผ่นดินไหวบวกกับภัยจากคลื่นยักษ์ สึนามิร่วมกัน
<o></o>
อาจารย์ ปริญญา เปิดเผยข่าวสารนี้ต่อเพื่อนสมาชิกชมรมฯและฝากผ่านต่อไปยังเพื่อนร่วมโลกทุก ท่านให้ได้รับทราบโดยทั่วกันว่า ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ศกนี้จนถึงสิ้นเดือน ในใจกลางโลกอาจเกิดอาการช็อกกระตุกอย่างรุนแรง จนสั่นสะเทือนเป็นคลื่นแผ่นดินไหวที่รุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง คาดว่าพิกัดตำแหน่งที่จะมีโอกาสเผชิญมหันตภัยครั้งนี้มากที่สุดก็คือ ติมอร์ตะวันออก ในหมู่เกาะของประเทศอินโดนีเซีย โดยอาจจะมีระดับความรุนแรงราวๆ 8.3 ริ คเตอร์ ซึ่งรุนแรงกว่ากรณีที่เกิดขึ้น ณ กรุงปอโตแปรงก์ ประเทศเฮติ ย่านทะเลแคริเบี้ยนที่ผ่านมา ซึ่งการไหวครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพราะแผ่นเปลือกโลกในพิกัดดังกล่าวเกิดการหัก ทรุดตัวลงกะทันหัน ไม่ใช่เกิดจากการไหลสไลด์ของแผ่นเปลือกโลกแล้วคายพลังงานออกมาเหมือนกรณี แผ่นดินไหวทั่วไป <o></o>
ดัง นั้น ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นก็คือ แผ่นดินของเกาะนี้ทางด้านตะวันออก จะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเกิดการยุบตัวลงของแผ่นดินหรือเกิดธรณีสูบ บ้านเรือนอาจพังพินาศล่มจมไปทั่วบริเวณกว้างจนแทบจะกลายเป็นเกาะร้างภายใน เวลาไม่กี่นาที

ถ้าข่าวสารการชำระ โลกดังกล่าวนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและกำหนดเวลา คือ ถ้าหากมันเกิดขึ้นมาจริงๆนั้น นอกจากแผ่นดินจะไหวรุนแรงจนแผ่นเปลือกโลกทรุดตัวจมลงแล้ว มันยังจะก่อให้เกิดภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิตามมาอีกด้วย โดยเพื่อนร่วมโลกที่อาศัยอยู่ตรงพื้นที่ๆจะต้องระมัดระวังมหันตภัยนี้ไว้ เป็นพิเศษก็คือ นอกจากเพื่อนๆชาวติมอร์ตะวันออกแล้ว ผู้ที่อยู่อาศัยบนเกาะเล็กเกาะน้อยในย่านทะเลติมอร์รวมทั้งผู้อยู่อาศัย บริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของเกาะนิวกินี เกาะอีเรียนจาย่าก็จักต้องระวังภัยครั้งนี้ไว้ให้มาก เพราะบางเกาะอาจจะถึงขั้นจมหายไปใต้ทะเลลึกหรือต้องลบออกจากแผนที่โลกเลยที เดียว ส่วนพื้นที่ชายฝั่งทะเลทางตอนบนของทวีปออสเตรเลีย บริเวณเมืองดาวิน และอ่าวโบนาปาร์ทก็ต้องคอยเฝ้าระวังภัยที่จะเกิดจากผลกระทบของแผ่นดินไหวและ คลื่นสึนามิครั้งสำคัญนี้เอาไว้ด้วยเช่นกัน จงอย่าประมาท<o></o>
ถ้า ช่างเท็คนิคผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนการชำระโลกครั้งนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงพิกัด กำหนดการ และเงื่อนไขใดๆมันจะยังผลให้กรณีพิบัติภัยครั้งนี้เกิดขึ้นแน่นอน คาดว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตและสูญหายไปราวๆ หนึ่งแสนสองหมื่นห้าพันคน
<o></o>
แน่นอนว่า...,มหันตภัยครั้งนี้หากเกิดขึ้นนั้น มันจะเกิดขึ้นตามรหัส 11 ในวันเวลาที่ 11 อีกครั้ง!
<o></o>
อาจารย์ ปริญญาจึงใคร่ขอส่งข่าวสารชิ้นนี้มายังเพื่อนร่วมโลกอีกครั้ง ดังเช่นที่เคยฝากข่าวสารการชำระโลกในหลายๆครั้งที่ผ่านมาแล้ว ด้วยความรักและปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลกทุกคนอย่างจริงใจ ขอวอนให้เพื่อนร่วมโลกทั้งหลายจงดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทหรือขาด สติ มีความรักมอบให้แก่เพื่อนร่วมโลกอย่างจริงจังมากขึ้น และไม่เบียดเบียนทำร้ายทำลายกัน เพื่อร่วมกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ให้จงได้ในเร็ววัน ก่อนมหันตภัยร้ายจะย่างกรายมาถึงตัวเราเอง และจะได้ช่วยกันผ่อนมหันตภัยรุนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อไปข้างหน้าจากหนักให้ เป็นเบาลงให้จงได้ เพียงแค่เพื่อนร่วมโลกของเราทั้งหลายมาร่วมใจกัน รักกันให้ได้ ให้กันให้เป็น และไม่ก้าวล่วงซึ่งกันและกัน” เท่านั้นเอง
<o></o>
โปรดติดตามข่าวสารการชำระโลกจาก “จิตจักรวาล” ในโอกาสต่อไปได้ที่นี่<o></o>
<o>
</o>

 

:z1// เค้าขอแสดงความยินดีกับพี่noomและแฟนล่วงหน้าด้วยนะค๊าาrat_wting

 

ขอบคุณและขออนุโมทนากับคุณเม้าท์ ที่ให้คำแนะนำครับ

จำได้ว่าช่วงนั้น ผมฝึกทำความรู้สึกที่หน้าผาก(เพ่ง) และไม่เคยมีความคิด

ที่จะฝึกเพ่งเทียน แต่แล้วจู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมาให้เห็นดื้อ ๆ ตามความรู้สึกส่วนตัว

เข้าใจว่า เป็นของเก่า กับพอดีที่ได้คุยกับน้องแนน ซึ่งน้องแนนเล่าให้ฟังว่า

คุณปานโสม เคยเอ่ยขึ้นเปรย ๆ เกี่ยวกับตัวผม ว่า "ถ้าพี่มังกร ฝึกแนวกสิณคงจะดี

ไม่น้อย" อืม...อืม...........แล้วเปลวเทียนที่เคยเห็นตรงหน้าผาก กับแนวกสิณ

ตามที่คุณปานโสมบอก ฝึกเข้ากันได้หรือเปล่าหว่า...ช่างเถอะครับ เดี๋ยวผมตัดสินใจ

ของผมเอง อนุโมทนาสาธุ กับคุณเม้าท์อีกครั้งครับ


ป.ล. สงสัยอุปทานมาอีกล่ะสิท่า มังกรนี้หนอ นึกถึงคุณชา(ปานโสม)

นึกถึงคุณเม้าท์ ตา อิน ทำไปทำมา จักร 4 ที่หน้าอก เย็นวาบเข้ามา

ช่างเต๊อะ ๆ ๆ ๆ รู้แล้วก็วาง ๆ ๆ ๆ ไม่ต้องใส่ผงชูรส

 

มีเรื่องราวให้ติดตามอ่านอีกแล้ว ^^

 

อ่านอย่างเดียว ไม่ต้องพิมพ์ให้เมื่อย ก็เลยสบาย เช่นนี้แล ^^

 

รออ่านอยู่นะคะ ท่านใดว่างเชิญนะคะ ขออนุญาตินั่งข้างๆคุณมังกรบูรพาหละกัน เห็นหอบเสื่อมาหลายผืน

จะรออ่าน(เพื่อเป็นกำลังใจให้ความฮึกเหิม)หรือลงมือปฏิบัติดีน๊า?

 

ขอบคุณครับ คุณ ที่คาดผม:VO