อาการปิติเกิดเฉพาะตอนสวดมนต์

อยากถามผู้รู้ ทำไมผมจึงเกิดอาการตัวสั่นเฉพาะตอนสวดมนต์บางบทและฝึกมโนเต็มกำลังเท่านั้น
ถ้านั่งสมาธิเฉยๆ ทั้ง อานา กสิณ มโนครึ่งกำลัง เต็มที่ก็จะรู้สึกเพียงขนลุก หรือตากระตุกเท่านั้น

แสดงว่ากำลังสมาธิผมในการสวดมนต์สูงกว่ากำลังในการนั่งสมาธิหรือเปล่า
หรือเพราะสาเหตุอื่นครับ

 

เรื่องปกติ....เมื่อสมาธิเข้าถึงอุปจารสมาธิ...อาการปิติก็เกิด....

ในเรื่องของการปฏิบัตินั่งสมาธิ ทั้งอานา และกสิณ.....ในอดีตอาจจะเคยผ่านมาแล้วเมื่อมีความคล่องตัวก็ผ่านเลยครับ....บางครั้งเพียงแค่แตะแล้วผ่านเลย.....ความเคยชิน....ลงฌานได้เร็ว....ก็อาจเป็นไปได้......ผมก็ไม่ติดนะ....เคลื่อนปุบ...ผ่านปับ.....ไม่เอาไปลงที่อุปจารสมาธิค้างไว้.....นอกจากตอนถอย....หากต้องการพิจารณา....ไหลลงขนิกปกติเมื่อใช้งานทั่วไป.....


มโนเต็มกำลังผมไม่ทราบครับ....ไม่เคยฝึกอย่างไรผมว่าน่าจะถามที่บอร์ดหลวงพ่อ....พี่ๆที่นั้นเขาฝึกกันได้เยอะครับ......

อย่าไปสนใจครับ....ถ้าคล่องแล้วจับกำลังฌาณ ๔ ก่อน(ในกสินก็ได้...ในอานาก็ได้...แล้วแต่).....แล้วถ้าจะสวดมนต์ก็ถอยมาอุปจารสมาธิ....เรื่องปิติที่เกิดเรื่องธรรมดาครับ....ถ้าไม่อยากให้เกิดปิติก็ลงมาขนิกครับ....ปิติไม่เกิด....แต่ใจจะหลุดบ่อย....

 

ชอบทำอะไรถนัดทำอะไรย่อมทำได้ดีกว่าอันอื่น

 

แค่นั่งอ่านธรรมะ หรือนั่งดูเว็บนี้ก็โยกแล้ว ทำไมเป็นอย่างนั้น ยิ่งถ้าลองคิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็โยกใหญ่บางทีน้ำไหล แต่ไปต่อยังไง ยังงงเพราะไม่เข้าใจภาษาธรรม เช่น มโน อานา หรืออื่นๆ คือเอาแบบภาษาปากชาวบ้านที่พอเข้าใจง่ายๆ ได้มั๊ยขอรับท่านพี่ๆ ครับ นึกเสียว่าเอาบุญ ผมนั่งเองครับไม่ได้ไปฝึกที่ไหนครับ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็ใช้วิธีระลึกเอาครับ แนะนำด้วยครับ

 

มโน ย่อมาจาก มโนมยิทธิ

อานา ย่อมาจาก อานาปานุสติกรรมฐาน(ในกรรมฐาน ๔๐) กรรมฐานในอานาปานบรรพ(ใน สติปัฏฐานสูตร ครับ)

วิธีการฝึกก็ฝึกแบบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่คุณเคยศึกษาและฝึกมา....ถ้าเป็นไปตามพระพุทธเจ้าทรงสอนถูกหมดครับ.....ไม่ต้องเปลื่ยน....

 

ที่ผมบอกว่า (ผมนั่งเองครับ ไม่ได้ไปฝึกที่ไหนครับ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็ใช้วิธีระลึกเอาครับ แนะนำด้วยครับ) ก็คือคิดแบบเห็นเป็นพระพักตร์ หรือเห็นเป็นหลวงพ่อ ส่วนใหญ่ เช่น หลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่ทวด สมเด็จโต และหลวงปู่มั่น ครับ ผิดมั๊ยครับ บ้างท่านบอกว่าไม่ควรคิดทำเป็นภาพ แต่ผมคิดว่าบางคนถนัดไม่เหมือนกัน ผมรบกวนพี่ๆ แนะนำเรื่องอื่นๆ ด้วยครับพี่<!-- google_ad_section_end -->

 

ถ้าจิตมีสถาวะเป็นทิพย์ดีแล้ว....กำลังถูกต้องไม่มีปัญหาครับ....ถูกแล้วครับความสามารถแต่ละคนไม่เหมือนกัน.....

แต่อย่างไรก็พึงระวังเอาไว้เสมอครับเพราะว่า....การที่สภาวะจิตที่เป็นทิพย์นี่....ถ้าเรายังเป็นโลกียฌาณ....มีโอกาศที่จะผิดพลาดได้สูงมากครับ.....ฉนั้นแต่ครูบาอาจารย์ที่สอนทางด้านนี้ท่านยังบอกได้เพียงว่า...ให้รับรู้ไว้...แต่อย่าได้ไปยึดติดถือมั่น.อย่างนี้เป็นตน.....

ถ้าจริตนิสัยชอบทางด้านนี้....ให้ไปศึกษาด้าน มโนมยิทธิ ทางคณะหลวงพ่อฤาษีลิงดำเพิ่มเติมครับ....

 

ขอขอบพระคุณครับพี่ จะพยายามต่อไปครับ

 

โมทนาสาธุบุญนะครับ.....มีปัญหาอะไรด้านนี้...ก็ไปถามได้ที่ บอร์ด หลวงพ่อฤาษีนะ...คนที่ได้อย่างนี้มีเยอะ.....เขาอาจช่วยบอกได้มากกว่าพี่.....

 

ขอบคุณครับ ได้ไอเดียดี แสดงว่าถ้าไม่ขาดก็เกินไปแล้ว

 

ถ้าแนวทางนี้ก็ใช้ได้เลยครับ หลวงพ่อท่านก็สอนไว้ เป็นการเริ่มด้วยอนุสสติ แปลว่า "ตามระลึกถึง" มี ๑๐ อย่าง
ฝึกแนวนี้ต่อได้เลย ใช้วิธีจับภาพพระพุทธรูป (เป็นพุทธานุสติ) หรือพระสงฆ์ (เป็นสังฆานุสติ) ใ้ห้ชัดเจน

...
อันดับแรก จับภาพพระพุทธเจ้าให้ชัดเจน ต้องฝึกตัวนี้ก่อน เดินไปเดินมานึกเมาอไรเห็นปั๊บทันที นอนหลับตื่นก็เห็นชัด ต้องอย่างนี้อภิญญา ไม่ใช่มานั่งทำ เขาเดินทำ เขาวิ่งทำกัน การทรงกำลังของสมาธิ เมื่อได้ทุกขณะแล้วอย่าใจร้อน เมื่อได้ตามความต้องการนึกเมื่อไรเห็นชัด ต่อจากนั้นไปก็เอากสิณอย่างใดอย่างหนึ่งมาเล่นเป็นงานอดิเรก
...

ศึกษาเพิ่มได้ในหัวข้อการ เรื่องเกี่ยวกับกรรมฐาน ( สมาธิ ) เริ่มต้นอ่านได้ที่นี่
อยู่ด้านล่างขอกรอบบนสุด ของห้อง อภิญญา-สมาธิ

การฝึกอภิญญา

 

ขอบพระคุณครับพี่ๆ