พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สุนัขแสนรู้ ปอกมะพร้าว กระเทาะกินน้ำเอง

    เรื่องแปลก สุนัข สุนัขแสนรู้ ปอกมะพร้าว กระเทาะกินน้ำเอง


    [​IMG]

    สุนัขแสนรู้ปอกเปลือกมะพร้าวกระเทาะกินน้ำเอง (คมชัดลึก)

    เรื่องราวของสุนัขแสนรู้ตัวนี้ ได้รับการเปิดเผยจากนายศรัญญู สุระเสียง อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 164 หมู่ 4 บ้านตูม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ว่า สุนัขเพศผู้ของตนชื่อโดโด้ สีดำ ลูกผสมพันธุ์ทาง อายุ 10 เดือน มีลักษณะนิสัยที่ไม่เหมือนกับสุนัขตัวใด เพราะอยู่ไม่สุข ชอบเล่นกับลูกมะพร้าว แบบเล่นได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพัก จนสามารถปอกเปลือกและกะเทาะกินน้ำและเนื้อมะพร้าวได้

    นายศรัญญู กล่าวว่า ลักษณะนิสัยของเจ้าโดโด้ เป็นความสามารถเฉพาะตัว ที่ทำได้เองโดยไม่ได้รับการฝึกฝนมาก่อน ที่ผ่านมามันสามารถปอกเปลือกและกะเทาะกินน้ำ และเนื้อมะพร้าวได้มากกว่าสิบลูก ส่วนสาเหตุที่ทำให้เจ้าโดโด้มีความสามารถดังกล่าว เชื่อว่าตั้งแต่ตนนำมาเลี้ยง มันก็ชอบวิ่งตามขณะให้อาหารกุ้ง ตอนแรก เห็นลูกมะพร้าวแห้งตกลงไปในบ่อกุ้ง มันก็ลงไปคาบขึ้นมาเล่นเหมือนเล่นลูกบอล จากนั้นก็เล่นมาเรื่อยๆจนเป็นความเคยชิน ที่พอเห็นลูกมะพร้าวที่ปลูกอยู่ข้างบ่อเลี้ยงกุ้งหล่นลงหรือลอยอยู่ในน้ำ มันก็จะกระโดดลงไปคาบขึ้นมา

    "ไม่ว่ามะพร้าวจะอยู่ในน้ำไกลแค่ไหนเจ้าโดโด้ก็จะกระโดดน้ำแบบทันทีเพื่อไปเอามะพร้าวมาให้ได้ อีกทั้งจะต้องได้กินเนื้อมะพร้าวหรือน้ำมะพร้าวเท่านั้นเจ้าโดโด้จึงจะยอมวางมะพร้าวลูกนั้น และที่สำคัญเจ้าโดโด้ จะไม่สนใจกระดูกสัตว์เหมือนสุนัขตัวอื่น ๆ เรียกได้ว่าวัน ๆ ก็จะนั่งรอแต่มะพร้าวเท่านั้น" เจ้าของหมากล่าว

    นายศรัญญู กล่าวอีกว่า เจ้าโดโด้จะมีความสุขกับการเล่นกับลูกมะพร้าว มันจะเล่นทั้งวันทั้งคืน เหนื่อยหน่อยก็กระโดดลงเล่นน้ำ เวลานอนก็จะนอนบริเวณต้นมะพร้าว อีกทั้งจะเฝ้าคอยเวลาที่มีมะพร้าวหล่นจากต้นหรือคนมาเก็บมะพร้าว ก็จะทำท่าทีเป็นขอมะพร้าวมากินด้วยเพราะสามารถที่จะปอกเปลือกมะพร้าวจนถึงการกระเทาะน้ำมะพร้าวมากิน ทำให้หลายคนที่มาเห็นบอกว่ามันเป็นหมาโรคจิต บางคนก็บอกว่ามันเป็นหมาพิเรนทร์ ที่ไม่เคยพบเห็นสุนัขตัวไหนมีลักษณะเหมือนมัน แต่ทุกคนที่มาเห็นก็ทึ่งและยกนิ้วให้ในความสามารถและนิสัยขี้เล่นของมัน จึงอยากซื้อไปเลี้ยง แต่ตนไม่ยอมขาย คิดว่าถ้ามีโอกาสจะนำเข้าประกวดสุนัขแสนรู้ และตั้งใจจะเลี้ยงเป็นพ่อพันธุ์ต่อไป



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คอเหล้าเซ็ง! สธ.เล็งติด ภาพ-คำเตือน ขู่ เลียนแบบบุหรี่



    คอเหล้าเซ็ง! สธ.เล็งติด ภาพ-คำเตือน ขู่ เลียนแบบบุหรี่

    http://hilight.kapook.com/view/43742

    คอเหล้าเซ็ง! สธ.เล็งติด"ภาพ-คำเตือน"ขู่ เลียนแบบบุหรี่ หวังลดนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายหนุน-ผู้ผลิตค้าน (มติชนออนไลน์)

    นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ถึงการเตรียมมาตรการรณรงค์ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามาว่า ขณะนี้คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้ให้ความเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ฉลาก พร้อมทั้งข้อความคำเตือนสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตหรือนำเข้า โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 26 (1) แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ซึ่งหากร่างประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะถือเป็นประเทศแรกของโลกที่มีภาพคำเตือนติดบนขวด กล่อง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นประธาน

    นพ.สมาน กล่าวต่อไปว่า สาระสำคัญคือ

    1. ควบคุมฉลาก บรรจุภัณฑ์ ทั้งที่ผลิตในประเทศไทยและนำเข้า ต้องไม่มีข้อความลักษณะโฆษณาทั้งทางตรงและอ้อม ต้องไม่มีข้อความที่ทำให้เข้าใจว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความปลอดภัยหรือมีผลดีต่อผู้บริโภค และกำหนดให้มีข้อความว่า “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามจำหน่ายแก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท” พิมพ์อยู่ด้านบนสุดของฉลากบรรจุภัณฑ์ จัดพิมพ์ตัวอักษรไทยสีขาว พื้นหลังเป็นสีดำ ข้อความคำเตือนต้องมีขนาดใหญ่ไม่น้อยกว่า 50% ของพื้นที่ฉลากทั้งหมด

    2. บนฉลากต้องมีภาพคำเตือนโทษ พิษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นรูปภาพ 4 สี จำนวน 5 แบบ จัดพิมพ์แบบละ 1,000 บรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นแบบที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัดให้เท่านั้น ประกอบด้วย ภาพเตือน 1.ดื่มสุราทำให้เป็นโรคตับแข็ง 2.ดื่มสุราแล้วขับขี่ ทำให้พิการ และตายได้

    3. ดื่มสุราทำให้ขาดสติและตายได้

    4. ดื่มสุราทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

    5. ดื่มสุราทำร้ายตัวเอง ทำลายลูกและครอบครัว

    6. ดื่มสุราเป็นตัวอย่างที่ไม่ได้ต่อเด็กและเยาวชน 3.สำหรับบรรจุภัณฑ์ทรงสี่เหลี่ยม ให้มีพื้นที่ภาพคำเตือนไม่น้อยกว่า 50% ของพื้นที่บรรจุภัณฑ์แต่ละด้าน ส่วนบรรจุภัณฑ์ทรงกลม หรือทรงกระบอก หรือทรงอื่นๆ ให้มีพื้นที่ภาพคำเตือนไม่น้อยกว่า 30% ของพื้นที่บรรจุภัณฑ์ทั้งหมด และต้องติดภาพคำเตือนอย่างถาวรไม่ลอกหลุดง่าย และต้องไม่มีวัสดุอื่นใดมาปิดทับภาพคำเตือนด้วย

    7. ควบคุมภาชนะ หากเป็นขวด ต้องมีปริมาณบรรจุสุทธิไม่น้อยกว่า 250 มิลลิลิตร หากเป็นกระป๋อง ไห ถุง หรือภาชนนะอื่นๆ ต้องมีปริมาณบรรจุไม่น้อยกว่า 300 มิลลิลิตร ผู้ฝ่าฝืนมีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    ทั้งนี้ เชื่อว่าภาพคำเตือนจะช่วยให้คนไทยลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงได้

    นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า เครือข่ายภาคประชาชนสนับสนุนนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพราะจะสามารถช่วยลดปริมาณนักดื่มหน้าใหม่ได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้ที่เป็นนักดื่มอยู่แล้วคงไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้มากนัก เพราะสาเหตุหนึ่งของการกลายเป็นนักดื่มหน้าใหม่ คือ การอยากลอง ทำให้บริษัทผู้ผลิตมีการคิดบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม น่าลองจูงใจกลุ่มเยาวชน วัยรุ่น การเปลี่ยนรูปแบบฉลากจึงเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ขึ้น และเชื่อว่าจะสามารถลดปริมาณนักดื่มหน้าใหม่ได้อย่างแน่นอน

    "เยาวชน และเครือข่ายป้องกันภัยแอลกอฮอล์ สนับสนุนมาตรการดังกล่าวอย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างแน่นอน ทำให้อาจจะมีการต่อต้านอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อภาพลักษณ์โดยตรง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทน้ำเมาพยายามสร้างภาพของการดื่มเพื่อความสนุกสนาน สร้างเพื่อน ซึ่งขัดต่อการรณรงค์ที่ชูในเรื่องของพิษภัยจากการดื่ม ซึ่งรัฐบาลต้องมีความจริงใจจึงจะสามารถทำได้สำเร็จ" นายคำรณกล่าว

    ทางด้านท่าทีของฝ่ายผู้ประกอบการ นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า หากจะออกกฎให้ติดภาพดังกล่าวจริง กระทรวงต้องสั่งติดภาพรณรงค์ในสินค้าที่มีคุณสมบัติเหมือนกันคือบริโภคในปริมาณน้อยไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าบริโภคในปริมาณมากเป็นอันตราย เหมือนเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และขนมขบเคี้ยว เป็นต้น เพราะการจะออกกฎใดก็ตามต้องเป็นไปด้วยความเท่าเทียมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการ

    "ผมคิดว่าการรณรงค์ด้วยการติดภาพนั้น จะไม่ส่งผลกระทบให้ยอดขายลดลงแต่อย่างใด เห็นได้จากการติดภาพดังกล่าวบนซองบุหรี่ แม้มีการรณรงค์มาระยะหนึ่งแล้ว แต่พบว่ายอดขายบุหรี่ก็ไม่ได้ลดลง นอกจากนี้ยังมองว่าแนวคิดดังกล่าวเป็นการควบคุมเกินความจำเป็น ส่งผลให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน" นายฉัตรชัยกล่าว

    นายปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เบียร์รายใหญ่ กล่าวว่า การออกกฎหมายต้องดูถึงวัตถุประสงค์ และประโยชน์ในการทำ รวมถึงต้องพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะบรรลุผล ส่วนตัวเห็นว่าแนวคิดดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด เหมือนกรณีการรณรงค์ติดภาพบนซองบุหรี่ ประเมินจากข้อมูลพบว่า ยอดขายบุหรี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง รวมถึงยอดการสูบของผู้บริโภคยังเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้แล้วยังอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ อาทิ สินค้าจากต่างประเทศที่จำนวนการนำเข้าน้อยแล้วต้องมาติดภาพ ถือเป็นการเพิ่มภาระส่งผลให้ผู้ประกอบการรายเล็กดำเนินธุรกิจได้ลำบากยิ่งขึ้น

    นายปริญ กล่าวด้วยว่า สังเกตุว่า สธ.ออกกฎหมายใดมาเสมือนเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการรายใหญ่ ในขณะที่ข้อเสนอแนะจากนักวิชาการที่เสนอให้ปรับโครงสร้างการเก็บภาษีสรรพสามิตนั้น ทาง สธ.กลับไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก มติชนออนไลน์
     
  4. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพครับพี่
    อย่าขับรถเร็วมากนะครับ
    แถวนั้นตำรวจทางหลวงดุจริงๆๆ จับความเร็วด้วยครับ
     
  5. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เตือนภัย : กาแฟไม่ได้ช่วยลดความอ้วน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    เตือนภัย : กาแฟไม่ได้ช่วยลดความอ้วน

    โดยข้อเท็จจริงดังกล่าวทางคณะกรรมการอาหารและยา ได้เปิดเผยว่าปัจจุบันพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปจำนวนมากอวดอ้างสรรพคุณว่ามีผลในการลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างและโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงเพื่อจูงใจให้ซื้อผลิตภัณฑ์ โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาวิจัยทางวิชาการยืนยันว่าสารดังกล่าวมีผลในการลดน้ำหนักหรือทำให้ผิวสวยหรือเพิ่มความงามแต่อย่างใด

    ในทางกลับกันหากดื่มมากอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ โดยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจเกิดจากการเติมน้ำตาล ครีม หรือนมในกาแฟ อีกทั้งทำให้หัวใจทำงานหนัก เนื่องจากได้รับกาเฟอีนมากเกินไป โดยเฉพาะในหากร่างกายของคนที่มีความไวต่อกาเฟอีน และที่ร้ายไปกว่านั้นบางคนอาจได้รับอันตรายจากการเจือปนของยาบางชนิดที่ลักลอบใส่ในผลิตภัณฑ์ เช่น ยาไซบูทรามีน จะทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ ปวดศีรษะ ปากแห้ง นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วขึ้น เป็นต้น

    ดังนั้นการที่จะบริโภคกาแฟลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ควรมีการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย และที่สำคัญควรที่จะศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ที่จะบริโภคให้ละเอียดรอบคอบให้ดีก่อนว่าได้รับการรับรองถูกต้องตามหลัก อย. หรือไม่ และเมื่อบริโภคแล้วจะมีผลกระทบใดเกิดขึ้นกับร่างกายบ้าง



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    ขอบคุณข้อมูล : บอร์ดเด็ดดี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์? โดยท่านพุทธทาสภิกขุ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>[​IMG]


    ข้อคิดพิจารณาธรรม
    ท่านพุทธทาสภิกขุแห่งสวนโมกข์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์?
    เพราะเป็นการปฏิบัติเพื่อยึดเอาประโยชน์ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม การไม่กินเนื้อสัตว์เป็นทางก้าวหน้าของสัมมาปฏิบัติอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ผลมาก โดยลงทุนทางวัตถุน้อยที่สุดแต่ให้ผลมากทางใจ
    ประโยชน์ทางฝ่ายธรรม
    ข้อที่ ๑ เป็นการเลี้ยงง่ายยิ่งขึ้น
    เพราะพวกพืชผัก เป็นของหาง่ายในหมู่คนยากจนเข็ญใจ ซึ่งมีการปรุงอาหารด้วยผักเป็นพื้น นักกินผักย่อมไม่มีเวลาไปกระวนกระวายเพราะอาหารไม่ค่อยจะถูกปากถูกลิ้นนักเลย ในขณะที่นักกินเนื้อมักต้องเลียบๆ เคียงๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งภัตตาหารเนื้อบ่อยๆ ญาติโยมเสียไม่ได้ในท่าทีก็พยายามหามาถวายศรัทธาญาติโยมที่มีใจเป็นกลาง เคยปรารภกับข้าพเจ้าหลายต่อหลายครั้งว่า เขาสามารถจะเลี้ยงพระได้ถึง ๕๐ รูป โดยไม่รู้สึกลำบากอะไรเลย หากเป็นอาหารที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อกับปลา แต่ที่ผ่านมาต้องฝืนใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างมากๆ ไม่ใช่ว่าจะคิดว่า เนื้อมีราคาแพงกว่าผักแต่เป็นเพราะรู้ว่าสัตว์ถูกฆ่าตาย เพื่อการทำบุญเลี้ยงพระของเรามีอีกหลายคน ที่ทีแรกค้านว่าการทำอาหารมังสวิรัติวุ่นวายลำบาก แต่เมื่อได้ทดลองทำไป ๒-๓ ครั้ง กลับสารภาพว่าเป็นการง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย เพราะบางคราวไม่ต้องไปติดไฟเลยก็มี ตัณหาของนักกินผักกับกินเนื้อมีความแตกต่างกันอย่างไร จะกล่าวในข้อหลังเฉพาะข้อนี้ขอจงทราบไว้ว่า
    “คนกินเนื้อสัตว์ เพราะแพ้รสตัณหา
    กินเพราะตัณหา ไม่ใช่เพราะเลี้ยงง่าย”
    ข้อที่ ๒. เป็นการฝึกในส่วน “สัจธรรม”
    คนเราห่างไกลจากความพ้นทุกข์ก็เพราะมีนิสัยเหลวไหลต่อตัวเอง สัจจะในการกินผักนั้นเป็นแบบฝึกหัดที่น่าเพลินบริสุทธิ์ ได้ผลสูงเกินกว่าที่คนไม่เคยทดลองจะคาดถึง พืชผักเป็นอาหารที่จะหล่อเลี้ยง “ดวงธรรมแห่งสัจจะ”ในใจของเราให้สมบูรณ์แข็งแรงดังนั้นการฝึกกินผัก อาหารพืชผักจึงเป็นแบบฝึกหัดสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ที่ยอดเยี่ยมกว่าแบบฝึกหัดอย่างอื่นๆ เพราะแบบฝึกหัดบางอย่างค่อนข้างง่าย แต่บางอย่างก็ยากเกินจะฝึกทำให้ไม่สามารถนำมาเป็นเกมฝึกหัดประจำทุกๆวัน แต่เราผู้ปฏิบัติธรรมต้องฝึกทุกวันจึงจะได้ผลเร็ว เหตุฉะนี้การฝึกใจด้วยเรื่องอาหารอันเป็นสิ่งที่เราต้องบริโภคอยู่ทุกวันจึงเหมาะมาก อย่าลืมพระพุทธภาษิตที่มีใจความว่า
    “สัจจะเป็นคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์”
    ข้อที่ ๓.เป็นการฝึกในส่วน“ทมะ”ธรรม
    “ทมะ” คือ การข่มใจให้อยู่ในอำนาจ คนเราเป็นทุกข์เพราะตัณหาอันได้แก่ ความอยากที่ข่มใจไว้ไม่อยู่ มีข้อพิสูจน์เฉพาะเรื่องผักกับเนื้อง่ายๆ เช่นข้าพเจ้าเคยเห็นชาวบ้านที่มาจากป่าดอนสูงๆ อุตสาห์หาบเอาพวกพืชผักลงมาแลกปลาแห้งๆ จากชาวบ้านแถบริมทะเลขึ้นไปกินทั้งๆ ที่ต้องเสียเวลาเป็นวันๆ ในขณะที่กลางบ้านของเขาก็มีอาหารพวกพืชผัก เผือก มัน ฟัก มะพร้าวฯลฯ อย่างอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งอาหารเหล่านี้ยังเป็นของสด สามารถบำรุงร่างกายได้มากกว่าปลาแห้งๆ และขึ้นราที่พวกเขาสู้อุตส่าห์ลงมาหามหิ้วขึ้นไปเก็บไว้กินเป็นไหนๆดังนั้น… ผู้ที่ไม่มีการข่มรสตัณหาจักต้องเป็นทาสของความทุกข์ และถอยหลังต่อการปฏิบัติธรรม เหตุนี้การข่มจิตด้วยเรื่องอาหารการกินจึงเหมาะมาก เพราะจะมีการข่มได้ทุกวันการข่มจิตอยู่เสมอเป็นของคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์เช่นกัน
    โปรดทราบ! ว่ามันเป็นการยากยิ่งที่คนแพ้ลิ้นจะข่มตัณหา โดยพยายามเลือกกินแต่ผักจากจานอาหารที่เขาปรุงด้วยเนื้อ และผักปนกันมาจงยึดเอาเกมกีฬาฝึกข่มจิต ที่เป็นเครื่องชนะตนอันนี้เถิดการเลี้ยงพระในงานต่างๆ ข้าพเจ้าเคยเห็นเคยได้ยินเสียงเอ็ดตะโร เรียกเอาแต่อาหารเนื้อส่วนอาหารผักล้วนดูเหมือนว่าเป็นการยากที่จะถูกเลือกกับเขา มิหนำซ้ำยังเหลือกลับไปอีก แมกระทั่งอาหารที่ปรุงระคนกันมาก็หายไปแต่ชิ้นเนื้อคงเหลือแต่ผักติดจานกลับไป และยิ่งไปกว่านั้น ก็คือควรรู้ไว้ด้วยว่าบรรดาพ่อครัวแม่ครัวและเจ้าภาพเขารู้ตัวก่อนด้วยซ้ำไป จึงปรุงอาหารเนื้อสัตว์เอาไว้ให้มากกว่าอาหารผักหลายเท่านัก ทั้งนี้ก็เพราะตัณหาทั้งของฝ่ายแขกเหรื่อชาวบ้าน และฝ่ายบรรพชิตทั้งหลายร่วมมือกัน “แบ่งอิทธิพล”
    ข้อที่ ๔. เป็นการฝึกในส่วน “สันโดษ”
    สันโดษ คือ ความพอใจเฉพาะสิ่งที่มีอยู่ตามฐานะของตน โดยทั่วไปชีวิตของผู้ออกบวชย่อมดำรงอยู่ด้วยอาหารชั้นเลว ทว่าข้าพเจ้าเคยเห็นบรรพชิตบางรูป เว้นไม่ยอมรับอาหารจากคนจนเพราะเห็นว่าเลวเกินไป คือเป็นเพียงผักหรือผลไม้ชั้นต่ำ และถึงแม้จะรับมาก็เพื่อทิ้ง นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่เคยมีความสันโดษหรือถ่อมตนดังนั้น… การฝึกเป็นนักกินผัก กินอาหารอย่างง่ายๆ จะแก้ได้หมด “สันโดษเป็นทรัพย์อย่างเอกของบรรพชิต”
    ข้อที่ ๕. เป็นการฝึกในส่วน “จาคะ”
    จาคะ คือ การสละสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อความสงบหรือความพ้นทุกข์ นักกินผักที่แท้จริงมีดวงจิตบริสุทธิ์ผ่องใส เกินกว่าที่จะมีใจนึกอยากในเรื่องจะบริโภคอาหารที่มีรสหลากหลาย เพราะผักไม่ยั่วในการบริโภคมากไปกว่ากินเพื่ออย่าให้ตาย ซึ่งต่างไปจากเนื้อสัตว์ที่ยั่วให้ติดรสและมัวเมาอยู่เสมอ
    ความอยากในรสที่เกินจำเป็นของชีวิตความหลงใหลในรส ความหงุดหงิด เมื่อไม่มีเนื้อที่อร่อยมาเป็นอาหาร ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้ารับรองได้ว่า ไม่มีดวงจิตของนักกินผักเลย ส่วนนักกินเนื้อนั้น ท่านจะทราบของท่านได้เองเป็นปัจจัตตัง เช่นเดียวกับธรรมะอย่างอื่นๆ
    ข้อที่ ๖. เป็นการฝึกในส่วน “ปัญญา”
    ปัญญา คือ ความรู้เท่าทันดวงจิตที่กลับกลอก การใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นโทษของการยึดมั่น และให้ใจละวางความยึดมั่นในการกินอาหาร แบบฝึกหัดที่ยากและเป็นก้าวที่ใหญ่ของการปฏิบัติธรรมเช่นนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการฝึกบริโภคอาหารผัก ที่จะเป็นอารมณ์อันบังคับให้ท่าน ต้องใช้พิจารณาตัวเองอยู่เสมอทุกมื้อเพราะเนื้อทำให้หลงในรส ส่วนผักทำให้ยกใจขึ้นไป ซึ่งเหมาะแก่สันดานของสัตว์ผู้มีกิเลสย้อมใจจนจับแน่นเป็นน้ำฝาดมาแต่เดิมปัญญาของท่านต้องรู้อยู่เสมอว่า ไม่ใช่จะไปนิพพานได้เพราะกินผัก เป็นแต่การกินผักจะช่วยขัดเกลากิเลสทุกๆ วัน
    แท้จริงแล้วข้าพเจ้าไม่ได้มีความเห็นว่าฝ่ายที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจต้องเป็นผักความจริงอาจจะถือว่า ผักเป็นอาหารชั้นเลวหรือไม่ประณีตก็พอแล้ว แต่เมื่อมาพิจารณาใคร่ครวญให้ดีแล้วมันมาตรงกับอาหารผัก เพราะจะทำอย่างไร เนื้อก็เป็นของชวนกินเพียงแต่ต้มเฉย ๆ พอได้กลิ่นมันก็ยั่วตัณหาอยู่ดี!เพราะฉะนั้นฝ่ายที่จะปราบตัณหา จึงกลายเป็นเกียรติยศของผักไป อาหารผักเป็นอาหารที่ข่มตัณหาได้และมีแต่ความบริสุทธิ์จึงเหมาะสม สำหรับผู้ที่ระแวงภัย และตั้งอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ
    ผลดีในฝ่ายโลก อาหารผักมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายยิ่งกว่าเนื้อสัตว์หรือไม่? เรื่องนี้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ก็บอกแก่เราชัดแจ้งอยู่แล้วว่าอาหารผัก จะทำให้ผู้บริโภคมีกำลังแข็งแรงโรคน้อย ดวงจิตสงบ ช่วยให้ความกระหาย ในความอยาก ความโกรธ ความมัวเมา บรรเทาลงเป็นอันมาก



    คัดลอกมาจาก http://www.mindcyber.com/?p=384

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    _/|\_


    วันนี้ก็อยู่อีกเช่นเคยครับ..
     
  8. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 9 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, sittiporn.s </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีครับพี่สิทธิพร

    สบายดีหรือเปล่าครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หมดหวังท้อแท้ในชีวิต..คิดอย่างไรให้ใจสู้

    http://hilight.kapook.com/view/43778
    [​IMG]



    หมดหวังท้อแท้ในชีวิต..คิดอย่างไรให้ใจสู้ (ธรรมะไทย)

    บทความโดย : ชายน้อย

    ในช่วงเวลาที่ผ่านมาของชีวิต หลายคนคงผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมานับไม่ถ้วน ทั้งบทเรียนแห่งความผิดหวัง บทเรียนแห่งความท้อแท้ แพ้ชีวิต บทเรียนแห่งความสำเร็จ

    ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนใด ๆ ก็ตาม เมื่อเราเกิดความผิดหวัง ท้อแท้ในชีวิต เราต้องพยายามปรับใจ วางใจให้ถูก ด้วยวิธีการคิดที่จะปรับเปลี่ยนชีวิตของเรา...ให้มีกำลังใจสู้ต่อไป

    [​IMG]



    [​IMG]



    4 วิธีคิดที่จะสร้างพลังใจให้สู้ คือ...

    [​IMG] วิธีที่ 1 คิดแบบตรงกันข้ามกับความรู้สึกในขณะนั้น เช่น..

    - ถ้าทุกข์ ก็คิดสร้างสุข
    - ถ้ายากก็คิดแบบง่าย
    - ถ้าเกิดปัญหา ก็คิดแก้ปัญหา

    [​IMG] วิธีที่ 2 คิดแบบสร้างกำลังใจ เช่น..

    - ปลุกปลอบใจตนเอง...ทุกครั้งที่เกิดความท้อแท้ ผิดหวัง
    - บอกตนเองเสมอว่าเราต้องทำได้ เราต้องทำได้อย่างแน่นอน
    - เราต้องทำได้แน่นอนที่สุด ไม่มีคำว่าทำไม่ได้
    - ท่องไว้ในใจว่าไม่มี ไม่เป็น ไม่เหนื่อย
    - ไม่ทุกข์ ไม่ท้อ ไม่หนี ไม่มีปัญหา

    [​IMG] วิธีที่ 3 คิดแบบมีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว เช่น..

    - หากยังไม่ประสบความสำเร็จก็จะไม่เลิก ลด ละ ความเพียรพยายาม
    - จงสู้ต่อไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ แม้จะเป็นวินาทีสุดท้ายของลมหายใจก็ตาม

    [​IMG] วิธีที่ 4 คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก เช่น..

    - มองปัญหาออก แก้ปัญหาเป็น
    - คิดการใหญ่ ใช้คนเป็น รู้เห็นตามความถูกต้อง
    - มุ่งปรองดอง รักษาน้ำใจ สร้างมิตรภาพ
    - อย่าลืมว่า..ยิ่งสูงยิ่งหนาว
    - ต้องคิดดี ทำดี พูดดี ทุกที่ทุกเวลา



    [​IMG]



    ดังนั้น ถ้าท้อแท้..หมดหวังในชีวิต..จงพยายามคิดให้ใจสู้

    อย่าเชื่อว่า..เราทำไม่ได้..ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ..
    อย่าท้อแท้..ตราบใดที่เรายังไม่ได้พยายาม..
    อย่าสิ้นหวัง..ตราบใดที่เรายังมีกำลังใจ..
    อย่าแพ้ชีวิต..ตราบใดที่ใจของเรายังมีหวัง..

    จงอย่าทำลายความหวัง...เพียงเพราะการดูหมิ่นตนเองว่า "ทำไม่ได้"


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • T191009_12C.jpg
      T191009_12C.jpg
      ขนาดไฟล์:
      693 bytes
      เปิดดู:
      60
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2009
  10. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583

    ครับกลับถึงบ้านผมถอดสร้อยออกหมดครับ แค่ยางบอนครับ
    พอดีคนข้างบ้านมาแหย่มันผมเผลอไปจับหัวมันไว้ครับเลยโดนที่ฝ่ามือครับ
    จริงๆผมก็ไม่ค่อยเสียเลือดนะครับ ฮิฮิฮิฮิ แก่แล้วเนื้อมันเลยเหนียว ฮิฮิฮิฮิ

    ของคุณแหน่งผมเคยโดนครับเคยโดนอยู่ 2 ครั้งครับก็อย่างที่บอกครับ
    คนไทยคุยกันได้ครับ ฮิฮิฮิฮิฮิ ครั้งละ 100 ฮิฮิฮิฮิฮิ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>'คิดถูก-ชีวิตสุข' ธรรมะจาก 'พระมิตซูโอะ' ถึงทุกคู่ชีวิต
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 พฤศจิกายน 2552 12:57 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สำหรับชีวิตคู่ คงจะดีไม่ใช่น้อย ถ้าคนสองคน สามารถอ่านใจของกันและกันได้ แต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ เพื่อให้ชีวิตดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น หรือทำให้ชีวิตสะดุดน้อยที่สุด หลายสัปดาห์ก่อน ทีมงาน Life and Family ได้เดินทางไปปลูกกล้วย คืนอาหารให้ช้างป่า ณ วัดสุนันทวนาราม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

    ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ทีมงานได้นั่งร่วมฟังสนทนากลุ่ม กับพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม และได้รับหนังสือจากพระอาจารย์หลายเล่ม หนึ่งในนั้น คือ "คิดถูก ดับทุกข์ได้" และเห็นว่า ในเล่ม มีหลักคิดที่จะสามารถนำมาปรุงแต่งชีวิตรักให้กลมกล่อมได้ ทีมงานจึงยกข้อคิดจากหนังสือเล่มนี้ มาให้ท่านผู้อ่านได้นำไปประยุกต์ใช้กันครับ

    *** ชีวิตคู่ คือ อาหาร 2 อย่างที่ต่างกัน

    เป็นไปได้ง่ายว่า เมื่อชีวิตต้องโคจรมาอยู่คู่กัน อารมณ์ ความรู้สึก และทิฐิต่างๆ ย่อมไม่เหมือนกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อรู้ถึงความต่าง จึงต้องระวังความรู้สึก ความคิด และเข้าใจธรรมชาติที่แตกต่างด้วย

    พระอาจารย์มิตซูโอะ เขียนบอกไว้ว่า คนแต่ละคน เหมือนอาหารแต่ละชนิด ที่มีรสชาติ และอุปนิสัยที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น ชอบ หรือไม่ชอบ เป็นอารมณ์เฉพาะของตัวเอง ไม่ใช่ตัวเองชอบ ก็ถือว่าสิ่งนั้นดี หรือถ้าไม่ชอบ ก็ถือว่าไม่ดีเสมอไป ดังนั้น อย่าเอาความรู้สึกชอบ หรือไม่ชอบมาตัดสินว่า เขา/เธอ ดีหรือไม่ดี เพราะนั่นอาจกระแทกให้ชีวิตคู่เกิดรอยร้าวขึ้นได้ง่าย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> *** โกรธเขา เขาไม่รับ เราต้องรับเอง

    บางครั้ง ชีวิตคู่ อาจมีเรื่องที่ทำให้ใครคนใดโกรธได้ พระอาจารย์บอกว่า ถ้าเขา หรือเธอทำผิดจริงๆ ซึ่งถ้าคิดเป็น ความโกรธนั้นก็จะหายไป กระนั้น ไม่ว่าคู่ชีวิต จะทำแก้วแตก พูดไม่เพราะ ขี้เกียจ ไม่ช่วยงาน ควรลดความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ เพราะมันเป็นความผิดของเขา อย่าเอามาเป็นความผิดใจ หรือทำลายใจของเรา แต่ขอให้คิดเสียว่า โกรธเมื่อไร ผิดทันที เพราะสมมติว่า เขา หรือเธอทำแก้วแตกโดยความประมาท ถ้ายิ่งโกรธ ใจก็จะเป็นทุกข์ตามไปด้วย

    สำหรับกรณีบางคน ที่เมื่อมีความโกรธ มักจะมีนิสัย ‘ไม่ถูกใจหน่อยก็บ่น บ่นไปเรื่อย’ จนคนรอบข้างเกิดความรำคาญ ซึ่งตรงนี้ อันตรายมาก ทางที่ดี ขอให้ถามตัวเองก่อนว่า ถ้ามีใครบ่นกับเราแบบนั้นบ้าง เราจะชอบหรือไม่ แล้วเมื่อบ่นแล้ว ตัวเราสบายใจ หรือไม่สบายใจ

    ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ควรเข้าใจปัญหา และงดใช้อารมณ์จนเกิดรอยร้าว เพราะบางคน นอกจากจะบ่นอย่างเดียวแล้ว ชอบขุดเรื่องในอดีตมาพูดพร่ำ นิสัยตรงนี้อาจนำมาซึ่งการไม่อยากเข้าหา หรือไม่อยากอยู่ใกล้ด้วยของคู่ชีวิต เนื่องจากสิ่งที่พูด บางครั้งทำร้ายจิตใจไม่ใช่น้อย

    อย่างไรก็ดี พระอาจารย์เขียนแนะว่า ไม่ว่าคู่เรา จะทำให้โกรธ ควรตั้งสติ หยุดคิดก่อน และให้คิดทวนกระแส อย่าคิดตามอารมณ์ เช่น ไม่ควรคิดว่า ทำไมเขาไม่ทำอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างนี้ เพราะถ้ายิ่งคิด ก็จะเกิดการปรุงแต่ง จนเกิดภาพ เกิดชาติ และเกิดอัตตาตัวตนได้

    “เมื่อรู้ว่าความโกรธไม่ดี ใครโกรธเราก็อย่ารับ และอย่าโกรธตัวเองในทุกสถานการณ์ สอดรับกับที่พระพุทธองค์ได้สอนไว้ว่า ความโกรธ เหมือนการทำอาหารให้คนอื่นกิน ถ้าเขาไม่กิน คนทำ (คนโกรธ) ก็ต้องกินเอง”

    คงจะปฏิเสธได้ยากว่า เมื่อคนเราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน การไม่ถูกใจกัน ถือเป็นเรื่องธรรมดา ถึงแม้ว่ารักกัน หรืออยู่ใกล้ชิดกันมากขนาดไหน ก็ไม่แคล้วที่จะเกิดปัญหาขึ้นได้ ฉะนั้น การแก้ปัญหาในชีวิตคู่ ให้แก้ที่ตัวเองก่อนเสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันก็จะค่อยๆ คลี่คลายตามไปเอง ด้วยการละความชั่วของตัวเอง ทำแต่ความดี ความถูกต้อง แล้วจะเข้าใจคู่ชีวิต ลดรอยร้าวที่จะเกิดการแตกหักตามมาได้มาก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับรูปแทนตัวของคุณมูริญโญ่ เป็นพิมพ์เก๋งจีนไตรโลกอุดรครับ

    .
     
  13. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, psombat </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีตอนเช้าครับท่านสมบัติ

    อากาศหนาวไหมครับเช้านี้

    ส่วนแถวอยุธยา อากาศกำลังพอดีเลยครับ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    งาน “เติมฝันวันวาน นั่งรถโบราณ...เริงลีลาศ ณ บางปู”

    18 พฤศจิกายน, 2009 - 02:52 — บอยสบาย <LABEL>เริ่มงาน: </LABEL>28 พ.ย. 2009 - 17:00

    <LABEL>วันสุดท้าย: </LABEL>28 พ.ย. 2009 - 22:00

    <LABEL>Timezone: </LABEL>Etc/GMT+7

    การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย( ททท. ) สำนักงานกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ กองสถานพักผ่อน กรมพลาธิการทหารบก (สถานตากอากาศบางปู) และจังหวัดสมุทรปราการ จัดงานลีลาศที่ทำให้ทุกคนหวนระลึกความหลังภายใต้ชื่องาน “เติมฝันวันวาน นั่งรถโบราณ...เริงลีลาศ ณ บางปู” ณ สถานตากอากาศบางปู จังหวัดสมุทรปราการ
    นางเยียรยง ไชยรัตน์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกรุงเทพมหานคร ให้รายละเอียดการจัดงาน “เติมฝันวันวาน นั่งรถโบราณ...เริงลีลาศ ณ บางปู” ครั้งนี้ว่า เกิดจากการเล็งเห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ ของพื้นที่สถานตากอากาศบางปู ที่มีศักยภาพและความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังเพื่อเป็นการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว ของจังหวัดสมุทรปราการ และต้อนรับการกลับมาของนกนางนวล
    [​IMG]
    พร้อมกับบรรยากาศถวิลหาอดีตในยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการแต่งกายย้อนยุค นั่งรถโบราณคลาสสิค และลีลาศอย่างสุดสวิงกับวงดนตรีสุนทราภรณ์ สำหรับท่านที่ชื่นชอบบรรยากาศเก่า ๆ ริมทะเลบางปู ก็สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศ และเสียงเพลงพร้อมอาหารเลิศรสเมนูแนะนำจาก มรว. ถนัดศรี และหมึกแดง ซึ่งทั้งหมดนี้ จะสามารถสร้างความประทับใจมิรู้ลืมให้กับผู้มาเยือนงานนี้ ได้
    งานนี้จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2552 ในเวลา 17.00-22.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเย็นย่ำกระทั่งถึงค่ำคืน ชวนให้เสียงเพลงและอาหารเลิศรสเมนูเด็ดยิ่งไพเราะและอร่อยรสมากขึ้น พร้อม เอาใจนักดื่มเบียร์ฟรี! ตลอดงาน นอกจากนี้ภายในงานจะเปิดฟลอร์ด้วยนักลีลาศแชมป์ประเทศไทย และสัมผัสดารานักแสดงแบบกระทบไหล่ อาทิ ฉัตรชัย เปล่งพานิช, ผู้กองเบิร์ด, ผู้กองต๊อด พ.ท.วินภัย สุวารี (จากเรื่องพระนเรศวร), บุ๋ม ปนัดดา วงษ์ผู้ดี และอีกมากมาย
    ขอเชิญท่านที่สนใจร่วมหวนอดีตวันหวานกับ “เติมฝันวันวาน นั่งรถโบราณ...เริงลีลาศ ณ บางปู” ในโซนบรรยากาศที่คุณเลือกได้ ประกอบด้วย โซนเต้นรำลีลาศ ราคาโต๊ะละ 8,000 บาท และโซนชมทะเล (Seaview) ราคาโต๊ะละ 5,000 บาท สนใจสำรองบัตรได้ที่ สถานตากอากาศบางปู โทร. 0 2323 1213, 081-319 3667<!-- google_ad_section_end -->

    http://palungjit.org/threads/ดูนกนางนวลจาก-ไซบีเรีย-สู่-บางปู-และเทคนิคการถ่ายภาพ.214019/
     
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังอีกแล้วครับ..

    มีเพื่อนคนหนึ่งที่"คิด"ว่ารักพระวังหน้า วังหลวง เคยมีไม้ครูวังหน้า แต่ได้มอบให้คนที่ไม่รู้คุณค่าไป ตอนที่มอบให้ไปเขาก็บอกข้อมูลเท่าที่เขา"คิด"ว่ารู้ ผู้ที่ได้รับไม่ได้สนใจ กลับบอกคนในครอบครัวว่าไม่ใช่ของแท้ สุดท้ายขนย้ายของไปมากลับทำให้พระหลวงปู่ที่ยอดไม้ครูแตกหักจากกัน ก็ไม่ได้สนใจอะไร...

    ที่เล่าให้ฟังนี้ เนื่องจากว่าเพื่อนท่านนี้ได้โทรมาถามเรื่องไม้ครูว่า ตกลงไม้ครูด้ามนี้เป็นของวังหน้าจริงหรือเปล่า จึงได้ไล่ที่มาที่ไปเหตุใดจึงมาถาม และให้เขากลับไปทวงถามขอคืนจากบุคคลนั้น จึงได้ทราบดังความข้างต้น ผู้ได้รับไม้ครูด้ามนี้จากเพื่อนผมคนนี้ไปก็รู้จักกระทู้พระวังหน้า..ด้วยนะครับ ผมก็เล่าให้ฟังว่า เจ้าของกระทู้เขาก็ปักหลักยืนหยัดบอกเล่าเรื่องราวของพระวังหน้า เรื่องราวของหลวงปู่ฯมามากกว่า 3 ปีแล้ว จนจัดรายการ"มาตามนัด"ท้าสาบานกันที่วัดพระแก้ว มีค่าเสียเวลาให้ทั้งคนกรุงเทพ คนปริมณฑล และคนต่างจังหวัด แลกกับค่าทัวร์ไปอยู่ ไปกิน ไปพักแรมฟรียังดินแดนที่มีความอบอุ่นทั้งกลางวัน กลางคืน อุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยผู้คนมากมาย แต่จนแล้วจนรอดจนเวลานี้ก็ยังไม่มีผู้ใดสนใจรายการ"มาตามนัด"ตามคำเชื้อเชิญของเจ้าของรายการทัวร์ผู้ใจดีของเขาเลยซักผู้เดียว ก็เป็นเรื่องแปลกนะครับ เย้วๆฮากันเข้าไป พอเอาจริงเข้ามักเหลวทุกที....

    ที่นำมาบอกเล่ากันในนี้เพื่อให้ทราบว่า คนแบบนี้มีมากครับ ตอนได้ของไป ผมคิดว่าเขาน่าจะพอมีเงินบ้าง แต่ไม่มีความรู้ในเรื่องราวที่ไปเอาของมา เพราะหากมีความรู้ก็คงไม่มาสอบถาม จริงไม๊ครับ?? เมื่อได้มาแต่กลับมอบให้คนที่ไม่รู้คุณค่าไปแบบนี้ ผลก็เป็นอย่างที่เห็น และท้ายที่สุดก็เกิดความกังขาว่าตกลงยังไง แบบนี้ผมคิดว่ามีปัญหาด้านกระบวนการคิดแน่ๆเลย คือคิดไม่เสร็จซะที คือเดี๋ยวมั่นใจ ซักครู่ไม่มั่นใจแล้ว ผมและเพื่อนๆถึงได้แนะนำว่า อย่าเพิ่งด่วนใจร้อนไปซื้อ ไปหามาเลย เพราะสุดท้ายก็ต้องลงท้ายด้วยแบบนี้ทุกราย สู้ว่าเปิดหาข้อมูลไปพลางๆก่อน อ่านให้มาก ฟังให้มาก ดูให้มาก ถามผู้รู้ให้มาก จะไม่พลาด และไม่เปลืองตังค์มาก ได้ความมั่นใจด้วย แบบนี้เรียกว่า คิดเสร็จ จะได้ไปคิดเรื่องอื่นต่อไป

    อีกเรื่องหนึ่ง มีหลานเปิดร้านขายมือถือที่จังหวัดตราด มีลูกค้านำมือถือมาซ่อม เล่าให้ฟังว่า มีขี้เมาเอาพระมาขายให้ 3,000 บาท ก็ไม่ทราบไปเอาที่ไหนมา ก็บอกไม่เอา ไม่ซื้อ ไม่ชอบ เขาก็ลดให้จาก 3,000 จนเชื่อหรือไม่ครับว่า พระองค์ดังกล่าว มาจบกันที่ราคา 10 บาท เขาก็ตกลง 10 บาท ก็ 10 บาท ลืมบอกไปว่า เจ้านี่เป็น"เด็กเดินของ"ให้กับ"เสี้ยน"พระ ก็นำมาพิจารณารูปทรงพิมพ์ ปรากฎว่า นำไปขายต่อให้เสี้ยนได้เงินมา 40,000 บาท...คนรู้กับคนไม่รู้จึงได้เปรียบกันตรงนี้ครับ ประเด็นนี้ไม่ได้ต้องการชี้นำสนับสนุนการซื้อขายพระแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการบอกว่า ความได้เปรียบเสียเปรียบของคนที่รู้กับไม่รู้ คือความรู้นั่นเอง หากรู้มากก็คงไม่เสียเปรียบแน่...
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    แนวโน้มการรักษาโรคด้วยสมุนไพรไทยจะเพิ่มมากขึ้น จากการสนับสนุนของภาครัฐ วิธีการอย่างหนึ่งที่ผลดีกับประเทศชาติคือการออกกม.มารองรับ และยังมีกม.อีกหลายฉบับที่ยังรออยู่ ดังนั้นหากผู้ใดจะทำธุรกิจด้านนี้จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด จึงนำมาเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ให้อ่านกันก่อน เพื่อคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ครับ..

    คมชัดลึก > ศาสนา ศิลปะ-วัฒนธรรม สาธารณสุข > ข่าวทั่วไป


    สธ.เร่งทำบัญชียาสมุนไพรไทยเป็นมาตรฐานเบิก

    <!-- AddThis Button BEGIN --><SCRIPT type=text/javascript>var addthis_pub="komchadluek";var addthis_brand = "คมชัดลึก";var addthis_header_color = "#ffffff";var addthis_header_background = "#3792ef"</SCRIPT>[​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/200/addthis_widget.js" type=text/javascript></SCRIPT> <!-- AddThis Button END -->
    <SCRIPT type=text/javascript>var id='38376';function addCommas(nStr){ nStr += ''; x = nStr.split('.'); x1 = x[0]; x2 = x.length > 1 ? '.' + x[1] : ''; var rgx = /(\d+)(\d{***)/; while (rgx.test(x1)) { x1 = x1.replace(rgx, '$1' + ',' + '$2'); } return x1 + x2;}function count(){$.ajax({ type: "POST", url: "http://www.komchadluek.net/counter_news.php", data: "newsid="+id, success: function(txt){ var counter_=parseInt(txt); $('#counters').html('คนอ่าน '+addCommas(counter_)+' คน'); } });} featuredcontentslider.init({ id: "slider1", contentsource: ["inline", ""], toc: "markup", nextprev: ["Previous", "Next"], revealtype: "click", enablefade: [true, 0.1], autorotate: [true, 8000], onChange: function(previndex, curindex){ }})</SCRIPT>คมชัดลึก :กระทรวงสาธารณสุข เร่งจัดทำบัญชียาสมุนไพรไทย เพื่อให้สถานพยาบาลทุกแห่งใช้เป็นมาตรฐานการเบิกจ่ายยา เพื่อส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบัน โดยขณะนี้ สามารถเบิกได้ทั้งค่ายาสมุนไพรในบัญชียาหลัก 19 รายการ ยาที่สถานพยาบาลผลิตเอง และยาสมุนไพรนอกบัญชียาหลักที่แพทย์รับรองว่าจำเป็นต้องใช้ ตามที่สถานพยาบาลประกาศจนกว่าบัญชียาสมุนไพรไทยจะเสร็จสมบูรณ์ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2552

    นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าการปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ายาสมุนไพรไทย ว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรไทย โดยให้โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ใช้ยาสมุนไพรที่มีผลการวิจัยรับรองประสิทธิภาพในการรักษาทดแทนยาแผนปัจจุบัน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ส่วนโรงพยาบาลชุมชนใช้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการซื้อยาแผนปัจจุบันที่มีราคาแพง ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลหลายแห่งสามารถผลิตยาสมุนไพรไทยโดยใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น เพิ่มรายได้แก่ประชาชนในท้องถิ่นอีกทางหนึ่งด้วย
    นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ปรึกษาหารือกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแก้ไขประกาศของกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเบิกค่ายาสมุนไพร ซึ่งให้เบิกได้เฉพาะยาสมุนไพรที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่มีเพียง 19 รายการเท่านั้น เนื่องจากยังไม่ครอบคลุมโรค หรืออาการที่สามารถใช้การรักษาด้วยการแพทย์แผนไทย จึงได้ยกเลิกประกาศดังกล่าวและให้กลับไปใช้หลักเกณฑ์ คือให้เบิกค่ายาสมุนไพรได้ 3 ประเภท ได้แก่ ยาสมุนไพรที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ยาสมุนไพรที่สถานพยาบาลแต่ละแห่งผลิตเอง และยาสมุนไพรที่อยู่ในรายการบัญชียาของสถานพยาบาลแต่ไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งการใช้ยาดังกล่าวจะต้องให้แพทย์วินิจฉัยความจำเป็นในการใช้ และมีใบรับรองในการเบิกค่ายาไปก่อน ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เร่งจัดทำบัญชียาสมุนไพรของสถานพยาบาลให้เสร็จสมบูรณ์ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เพื่อใช้เป็นรายการยาสมุนไพรที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และสามารถเบิกจ่ายได้
    ด้านแพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ได้ทำหนังสือแจ้งหลักเกณฑ์การเบิกค่ายาสมุนไพรไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลทั้งในและนอกสังกัดทุกแห่งแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลบัญชียาสมุนไพรที่สถานพยาบาลต่างๆผลิตเองหรือจัดหาเพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วย และส่งให้คณะกรรมการพิจารณารายการยาสมุนไพรนำมาจัดทำบัญชียาสมุนไพรของสถานพยาบาล ส่งให้กรมบัญชีกลางพิจารณาร่วมกัน โดยจะประกาศใช้เป็นบัญชียาสมุนไพรมาตรฐานของประเทศภายใน 31 ธันวาคม 2552
    ยาสมุนไพร 19 รายการที่บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติล่าสุด พ.ศ. 2549 ประกอบด้วย 1.ยาแผนไทย เป็นยาตำรับประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิด จำนวน 11 ตำรับ ได้แก่ ยาแก้ไข้ห้าราก ยาเขียวหอม ยาเหลืองปิดสมุทร ยาจันทน์ลีลา ยาถ่ายดีเกลือฝรั่ง ยาธาตุบรรจบ ยาประสะกานพลู ยาประสะไพล ยาประสะมะแว้ง ยาหอมเทพจิตร ยาหอมนวโกฐ และ2. ยาพัฒนาจากสมุนไพร 8 รายการ ได้แก่ ขมิ้นชัน ขิง ชุมเห็ดเทศ บัวบก พญายอ พริก ไพล และฟ้าทะลายโจร
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เท่าที่ได้พูดคุยกัน จำนวนไม้ครูวังหน้าน่าจะมีจำนวนที่น้อยที่สุด น้อยกว่าสมเด็จจิงเกิลเบล แบบหนาพิเศษ และน่าจะน้อยกว่าสมเด็จอัศจรรย์...อีกด้วย ไม่น่าเกิน ๒๐๐ ด้าม และยิ่งมีชำรุดเสียหายจากการแตกหักไป หรือเก็บรักษาไม่ดี อีกทั้งบรรจุไว้ภายในพระเจดีย์ ถวายพระปฏิบัติไปก็หลายรูป จึงเหลือน้อยมาก เกี่ยวกับไม้ครูวังหน้านี้ผู้ที่มีข้อมูลมากที่สุดน่าจะเป็นคุณหนุ่มนะครับ ลองมาขยายความให้สมาชิกได้ทราบกันหน่อยเพื่อได้"รักษ์พระวังหน้า"กัน อีกทั้งยากนักสำหรับผู้ที่มีไม้ครูจำนวนน้อยนี้จะทราบวิธีการใช้ด้วย ดังนั้นผู้ที่มีไม้ครู และรู้วิธีการใช้จึงยิ่งมีน้อยกว่าน้อยครับ..
     
  18. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    สวัสดีครับ และสวัสดีสมาชิกทุกท่าน ทางนี้ก็อากาศหนาวกำลังดีเลย แต่เมื่อคืนวานไปนอนน้ำตกแม่สุรินทร์กับชมทุ่งบัวตองมา มีรูปสวยๆมาฝากกันอีกครั้งครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1110251.JPG
      P1110251.JPG
      ขนาดไฟล์:
      131.5 KB
      เปิดดู:
      75
    • P1110312.JPG
      P1110312.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108 KB
      เปิดดู:
      638
    • P1110319.JPG
      P1110319.JPG
      ขนาดไฟล์:
      150.5 KB
      เปิดดู:
      70
    • P1110355.JPG
      P1110355.JPG
      ขนาดไฟล์:
      242.6 KB
      เปิดดู:
      656
    • P1110385.JPG
      P1110385.JPG
      ขนาดไฟล์:
      208.2 KB
      เปิดดู:
      73
    • P1110389.JPG
      P1110389.JPG
      ขนาดไฟล์:
      219.7 KB
      เปิดดู:
      640
    • P1110402.JPG
      P1110402.JPG
      ขนาดไฟล์:
      268.8 KB
      เปิดดู:
      71
    • P1110411.JPG
      P1110411.JPG
      ขนาดไฟล์:
      272.8 KB
      เปิดดู:
      74
    • P1110317.JPG
      P1110317.JPG
      ขนาดไฟล์:
      96.6 KB
      เปิดดู:
      63
    • P1110342.JPG
      P1110342.JPG
      ขนาดไฟล์:
      223.9 KB
      เปิดดู:
      69
    • P1110445.JPG
      P1110445.JPG
      ขนาดไฟล์:
      254.9 KB
      เปิดดู:
      93
  19. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ทองคำบาทละ 18,350 แล้วครับ หุ หุ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 พฤศจิกายน 2009
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...