พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หุ..ห...ล่อออกมาเกือบหมดแล้ว...อิ.....อิ....วันหน้าจะมาล่อเป้าใหม่...
     
  2. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
     
  3. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2009
  4. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เลี้ยงลูกอย่างไรให้ลงตัว
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 พฤศจิกายน 2552 14:09 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ว่ากันว่า เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาดและมีคุณภาพนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยสำหรับพ่อแม่ ดังนั้นพ่อแม่หลายคนจึงพยายาสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ตลอดจนเรื่องอาหารสมอง

    ทั้งนี้ หากพ่อแม่ให้ลูกมากจนเกินความพอดี ประโยชน์ที่ลูกจะได้ก็อาจกลับกลายเป็นผลร้ายที่ไม่คาดคิดมาก่อน ดังนั้น 9 วิธีที่จะทำให้พ่อแม่และลูกอยู่ในความพอดีที่พ่อแม่ไม่หวังในตัวลูกมากจนเกินไป และลูกเองก็ไม่กดดันในเวลาเดียวกัน คือการสร้างวินัยเชิงบวก (Positive Discipline) หรือ ทักษะการดูแลลูกอย่างสร้างสรรค์

    อย่างไรก็ดี ในช่วงอายุ 6 ปีแรกของชีวิต ถือได้ว่าเป็นวัยทองของการเรียนรู้ของเด็ก ที่ทำให้เด็กมีโอกาสในการเรียนรู้ ซึ่งจะมีผลต่อพฤติกรรมของเด็กในอนาคต โดยมีกฎทอง 9 ข้อ ดังต่อไปนี้

    1. การสร้างสัมพันธภาพ

    ในบ้านพ่อแม่ต้องแสดงงออกให้ลูกเห็นถึงความรัก ความผูกพัน ความห่วงใย และการให้ความสำคัญ ระหว่างกันของสมาชิกในครอบครัวพ่อแม่ลูก รวมไปถึงผู้สูงอายุในครอบครัวอย่างปู่ย่าตายายด้วย

    2. การเป็นแบบอย่าง

    ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้ลูกมีพฤติกรรมวันๆ เอาแต่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ก็ต้องทำให้ลูกเห็นว่าคอมพิวเตอร์มีไว้เพื่อใช้ทำงานเป็นบางเวลา ต้องลุกไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวเป็นตัวอย่างให้เด็กได้ซึมซับเอาไปเป็นนิสัย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=366 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=366>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจาก http://learners.in.th</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 3. วินัยและการจัดการกับอารมณ์

    ปลูกฝังทักษะการแก้ปัญหา อย่างให้รู้จักกับการเผชิญกับปัญหา รู้จักกระบวนการจัดการกับความตึงเครียด ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการขจัดความเครียดที่แตกต่างกัน เช่น ชวนลูกร้องเพลง นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย ไม่อยู่กับความหงุดหงิดอารมณ์เสียนานเกินไป

    4. การสร้างคุณค่าให้แก่ตนเอง

    ให้ลูกได้มีโอกาสพัฒนาทักษะที่เขาชื่นชอบ เช่น เล่นกีฬา ศิลปะ ดนตรี เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง และรู้ว่าตัวเองสามารถสร้างสรรค์ขึ้นอะไรได้บ้าง

    5. กิจกรรมสร้างสรรค์

    พาลูกไปร่วมกับกิจกรรมจิตอาสา เพราะในกิจกรรมเหล่านี้ เด็กจะได้เรียนรู้เรื่องการแบ่งปัน และยังช่วยให้ลูกมีความกระตือรือร้นที่จะทำความดีอีกด้วย

    6. ความคาดหวังที่เหมาะสม

    จะช่วยให้ลูกมีเป้าหมาย โดยไม่ตึงเครียดจนเกินไป และความคาดหวังที่เหมาะสมจะลดปัญหาด้านอารมณ์ความรู้สึกผิดหวังของพ่อกับแม่ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านจิตใจของลูกอีกด้วย

    7. ทักษะในการปรับตัว

    พาลูกไปพบปะสังสรรค์กับคนนอกบ้านบ้าง ให้โอกาสได้เปลี่ยนบรรยากาศ สถานที่ และสถานการณ์ ทักษะด้านนี้อาจดูได้จากเขาสามารถเข้าห้องน้ำสาธารณะได้โดยไม่งอแงเพราะผิดที่ หรือไม่กลัวผู้คนจนคุณพ่อคุณแม่ต้องรีบพากลับบ้านเพราะลูกอาละวาดในงานสังสรรค์

    8. การได้รับการชื่นชมจากครอบครัว

    คำชมเปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต ช่วยสร้างกำลังใจ สร้างพลังที่จะทำดี สร้างความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง และยังแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของพ่อแม่ที่มีต่อลูกอีกด้วย

    9. ความมั่นคงทางด้านจิตใจ

    ลูกเล็กๆ อาจจะชอบร้องไห้ เสียใจเวลาไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่พ่อแม่ต้องใช้ช่วงเวลานี้ในการสอนด้วยเหตุผล ถ้าต้องทำโทษก็อย่าปล่อยให้ลูกไม่เข้าใจ พาลเป็นความโกรธ เสียใจ บอกว่าทำไมถึงถูกลงโทษ ไม่ควรใช้อารมณ์หรือน้ำเสียงรุนแรง เพราะจะทำให้ลูกเข้าใจไปว่าพ่อแม่ไม่รัก

    และทั้งหมดนี้นี่เองที่จะทำให้ "ความลงตัว" ในครอบครัวมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกฎทองที่พ่อแม่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจในช่วง 6 ปีแรก ก็เพื่อสร้างลูกให้เป็นเด็กที่มีคุณภาพต่อไปค่ะ

    เรียบเรียงจาก มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สวยมาก

    รูปแทนตัว ของคุณเพชร (ในวันนี้ 14 พย.52)

    แถมหาได้ยากมากๆอีกด้วย
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    เฉลยครับ องค์แรกเณร องค์ที่ ๒ และ ๓ พระ...

    มีตอบถูกท่านเดียว...คุณpsombat ครับ เอาไว้พบกันจะมอบพระสมเด็จหลังประทุนให้ ๑ องค์ครับ..
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนภัย ย้ายเมืองหลวง หนีน้ำท่วม!!!

    �š��͹ ���͹�������ͧ��ǧ˹� ��ӷ���




    [​IMG]

    เตือนภัยย้ายเมืองหลวงหนีน้ำท่วม (เดลินิวส์)

    จากกรณีที่องค์การกองทุนสัตว์ป่าสากล เปิดเผยผลการศึกษาสภาพภูมิอากาศของเมืองใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่ง กทม.ติดโผเมืองใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง คือ ระดับ 5 ที่จะเกิดภัยธรรมชาติเนื่องจากภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม และเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ได้มีนักวิชาการออกมาสนับสนุนผลการศึกษาและหวาดวิตกกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น เมื่อวันที่ 13 พ.ย. นายพิจิตต รัตตกุล ผอ.ศูนย์ป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย กล่าวว่า ภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ กทม. ตามรายงานการติดตามของศูนย์เอดีพีซีพบว่าจะมี 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นได้คือ ปริมาณน้ำทะเล น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นดินได้นานกว่าปกติ และกระแสลมที่มีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งพื้นที่ กทม.นั้นถือว่าเป็นพื้นที่ต่ำ และขณะนี้พบว่าระดับความสูงของพื้นดินนั้นสูงเพียง 40 เซนติเมตรจาก ระดับน้ำทะเลปานกลาง

    ทั้งนี้ จะทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหรือคลองเอ่อล้น เข้าท่วมพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่า กทม. จะมีระบบระบายน้ำ ระบบแก้ปัญหาที่รองรับ แต่ก็จะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ด้าน ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนเคยคาดการณ์ไว้ว่าประเทศไทยจะมีหิมะตก โดยเฉพาะทางบนภูเขาทางภาคเหนือไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย ขณะนี้ขาดเพียงความชื้นเท่านั้น ขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติ เนื่องจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนในอนาคตกรุงเทพฯ จะอยู่ใต้น้ำทะเล รวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ด้วย จากนี้ไม่เกิน 10 ปี จะเริ่มเห็นอย่างชัดเจน ดังนั้น กทม.ควรเตรียมความพร้อมในการย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่อื่น ซึ่งสถานที่ที่ปลอดภัยและมีความเหมาะสมที่สุด คือ อีสานใต้ เพราะสูงจากระดับน้ำทะเลเกินกว่า 100 เมตร และไม่มีรอยร้าวในแผ่นดิน


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]

     
  12. sittiporn.s

    sittiporn.s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +748
    คุณเพชรครับ ขอรบกวนวิเคราะห์ฤกษ์

    คุณเพชรครับ ขอรบกวนวิเคราะห์ฤกษ์ วันที่ 10 ธันวาคม 2552 เวลา 15.39 น. หน่อยได้ใหมครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สาวไทยขยาด ตายวันละ 9 ศพ มะเร็งปากมดลูก

    มะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งปากมดลูก หญิงไทย เสียชีวิต อันดับหนึ่ง


    [​IMG]


    สาวไทยขยาด ตายวันละ 9 ศพ มะเร็งปากมดลูก (ไทยรัฐ)

    อธิบดีกรมอนามัยเผยรายงานสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบสถิติหญิงไทยเป็น มะเร็งปากมดลูก อันดับหนึ่ง คาดประมาณว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 5 แสนรายต่อปี

    เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า มะเร็งปากมดลูก เป็นปัญหาที่สำคัญสำหรับสตรีทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนานับเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่ง จากการคาดประมาณว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 5 แสนรายต่อปี ในแต่ละปีมีอัตราเสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 50 สำหรับประเทศไทยโรค มะเร็งปากมดลูก พบมากเป็นอันดับหนึ่งของสตรีและเสียชีวิตถึงวันละ 9 คน จากรายงานของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่าผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก รายใหม่มีแนวโน้มสูงขึ้น

    จากการคาดประมาณใน ช่วงปีพ.ศ. 2533-2551 พบว่า มีผู้ป่วย มะเร็งปากมดลูก รายใหม่จำนวน 4,353 ราย ในปี พ.ศ. 2533 และเพิ่มขึ้นเป็น 9,747 รายในปี พ.ศ. 2551 โดยมีอัตราการเกิดโรค 24.7 ต่อประชากร 100,000 ราย โดยพบอัตราการเกิดโรคสูงสุดในพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศไทย

    และว่านับเป็น ความโชคดีของสตรีไทยที่องค์กรจาไปโก้: JHPIEGO (John Hopkins University Nonprofit Affiliate) เป็นองค์การนานาชาติที่ไม่แสวงหากำไรเพื่อสุขภาพของสตรีและครอบครัว ได้เห็นความสำคัญและให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติที่สอดคล้องกับท้องถิ่นแก่ประเทศไทย โดยประสานการดำเนินงานร่วมกับกรมอนามัยในฐานะหน่วยงานหลักที่ดำเนินการด้าน อนามัยการเจริญพันธุ์ของประเทศไทยเป็นเวลากว่า 10 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา เพื่อต้องการงบประมาณในการสนับสนุนโครงการศึกษาวิจัยการตรวจ คัดกรอง มะเร็งปากมดลูก ครบวงจร หาเงินช่วยหญิงไทยห่างไกลมะเร็งปากมดลูก



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  14. sittiporn.s

    sittiporn.s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +748
    ผม MMS ภาพถ่ายพระเครื่อง 2 ภาพ ช่วยลงให้สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าวิจารณ์ด้วยครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รวบแก๊งถ่ายคลิปตามใบสั่งคาห้องน้ำห้างดัง

    ˹ѧ

    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJMU9ERTVOalV5TUE9PQ==

    เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 พ.ย. พ.ต.ต.ขันติ สังสะนา สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้างสรรพสินค้าโอเดี้ยนช๊อปปิ้งมอลล์ ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 กลางเมืองหาดใหญ่ ว่าได้จับกุมหนุ่มโรคจิตที่แอบใช้โทรศัพท์มือถือเข้าไปถ่ายคลิปวิดีโอภายในห้องน้ำหญิงของห้างไว้ได้

    หลังรุดไปตรวจสอบพบ นายธนันต์ จันปิยะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ถูกเจ้าหน้าที่ รภป.ของห้างฯ ช่วยกันจับกุมตัวไว้ที่ห้อง รภป.ในสภาพที่ตื่นตกใจร้องให้และร้องคร่ำครวญขอความเห็นใจตลอดเวลาโดยมีพนักงานของห้างทั้งหญิงและชายมาดูหน้า นายธนันต์ ด้วยความสังเวท

    โดยก่อนที่จะถูกจับ นายธนันต์ แอบเข้าไปซ่อนตัวไปในห้องน้ำของผู้หญิงซึ่งอยู่ชั้นสองของห้าง และนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปแอบถ่ายคลิปวิดีโอ พนักงานและลูกค้าที่เข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ แต่ปรากฏว่าถึงคราวซวยเมื่อถูกพนักงานสาวของห้างคนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อขณะกำลังถูกถ่ายคลิปสังเกตุเห็นจึงร้องโวยวายและรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อนที่จะจับกุมตัวไว้ได้

    จากการตรวจสอบภายในโทรศัพท์พบว่าได้ถ่ายคลิปวิดีโอของพนักงานของห้างที่เข้าไปทำธุระในห้องนำไปแล้ว 2 ราย นอกจากนี้ภายในกระเป๋ายังพบว่ามีทั้งกระจกสำหรับส่องดูผู้หญิงเพื่อถ่ายคลิป รวมทั้งใบสั่งที่เขียนใส่ในเศษกระดาษเขียนข้อความให้ นายธนันต์ ตระเวนไปถ่ายคลิปตามห้องน้ำหญิงของห้างต่างๆ ในเมืองหาดใหญ่ในแต่ละวัน

    ในขณะที่ นายธนันต์ หลังจากที่สิ้นท่ายังไม่ยอมให้การใด ๆ บอกแต่เพียงว่าเพิ่งทำเพียงครั้งเดียว แต่ตำรวจไม่เชื่อเพราะมีใบสั่งถ่ายคลิปวีดีโอชัดเจน โดยคาดว่าเป็นหนึ่งในแก๊งถ่ายคลิปลามกที่นำไปดาวโหลดผ่านโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ตเพื่อขายให้กับลูกค้าที่ต้องการ และเชื่อว่าน่าจะลงมือก่อเหตุตระเวนถ่ายคลิปหญิงสาวในห้องน้ำหญิงของห้างต่างๆ ในเมืองหาดใหญ่มาแล้วหลายครั้ง เบื้องต้นจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและเตรียมขยายผลผู้ที่อยู่ในแก๊งนี้ต่อไป
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948


    สำหรับท่านผู้อ่านที่เป็นสุภาพสตรี เดี๋ยวนี้ภัยอันตรายมีอยู่รอบตัว ไปไหนมาไหน ทำอะไร ควรระมัดระวังตัว "อย่าประมาท"
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    "กระดาษทิชชู"มีหลายประเภท ควรใช้ให้ถูกงาน ..เรื่องจะได้ไม่บานปลาย หนี"จุลินทรีย์"ตัวร้าย

    Matichon Online: ˹ѧ

    "กระดาษทิชชู"มีหลายประเภท ควรใช้ให้ถูกงาน ..เรื่องจะได้ไม่บานปลาย หนี"จุลินทรีย์"ตัวร้าย

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1258109504&grpid=01&catid=

    [​IMG]
    กระดาษชำระ

    [​IMG]
    กระดาษเช็ดหน้า

    [​IMG]
    กระดาษเช็ดปาก (แบบมีลาย)

    [​IMG]
    กระดาษเช็ดมือ


    "กระดาษทูชชู"มีหลายประเภท ควรใช้ให้ถูกงานถูกหน้าที่ "กระดาษชำระ"ซึ่งเป็นที่นิยม เพราะราคาถูก ควรถูกนำไปใช้บนโต๊ะอาหารหรือไม่ และทำไม พบคำตอบได้ที่นี่


    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>ถ้าพูดถึง "ทิชชู" (Tissue) หรือกระดาษทิชชู่ ส่วนใหญ่เรามักเหมารวมว่า หมายถึง "กระดาษสีขาว เนื้อบางเบา" ที่มีคุณสมบัติซึมซับน้ำได้ดี เป็นสินค้าจำเป็นประจำครัวเรือน สำนักงาน ร้านอาหารหรือเกือบในทุกสถานที่ทุกแห่ง ที่มีคนอยู่ก็ว่าได้ "ทิชชู่"มักถูกนึกถุกในเวลาฉุกเฉิน เอาไว้เช็ดทำความสะอาด อย่างไรก็ตาม กระดาษทิชชู่มีอยู่หลายประเภท สามารถแบ่งออกตามลักษณะการใช้งาน ได้แก่ 1.กระดาษชำระ (Toilet tissue) 2.กระดาษเช็ดหน้า (Facial tissue) 3.กระดาษเช็ดปาก (Paper Napkin) 4.กระดาษเช็ดมือ (Paper Hand towel) และ 5.กระดาษเอนกประสงค์

    แต่ดูเหมือนว่าคนไทยอย่างเราๆ จะใช้ทิชชู่โดยไม่ได้คำถึงถึงประเภทของทิชชู เรามักเห็นกระดาษชำระวางอยู่บนโต๊ะอาหาร หรือถูกนำไปเช็ดหน้าเช็ดตา หรือแม้กระทั่งเอาไว้ห่อหรือวางรองอาหารด้วยซ้ำ โดยที่ไม่คิดรังเกียจใดๆ ทั้งที่ "กระดาษชำระ" นั้นคือกระดาษเหมาะสำหรับทำความสะอาดหลังขับถ่าย เป็นกระดาษย่น นุ่ม ดูดซึมน้ำได้ดีและยุ่ยง่ายเมื่อถูกน้ำ (มอก.214/2530)

    ด้วยความที่เราใช้กระดาษชำระชำระกันไปเสียแทบทุกอย่าง จึงมีข้อสงสัยว่ากระดาษชำระดังกล่าวมีความสะอาดและปลอดภัยมากแค่ไหน ทั้งนี้ หลังจากพลิกอ่านคู่มือมาตรฐานอุตสาหกรรมกระดาษทิชชู พบว่า ตามมาตรฐานของกระดาษชำระ จะเน้นความสำคัญไปที่การซึมซับน้ำ การย่อยสลาย ขนาดและจุดสกปรก ซึ่งเมื่อดูจากตาเปล่า เราไม่สามารถเห็นสิ่งปกติใดๆ แต่ความจริงแล้ว มันมีสิ่งแปลกปลอมใดๆ แฝงอยู่หรือไม่ ต้องตามอ่านกันต่อไป

    เราได้ส่งตัวอย่างกระดาษชำระ ทั้งแบบเกรดเอและบี 24 ตัวอย่างไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติกลางประเทศไทย จำกัด เพื่อทดสอบหาปริมาณจุลินทรีย์ชนิดก่อโรค ได้แก่ Bacillus cereus, Staphylococcous, Escherichis coli, Salmonella, Yeast and mold และ Total Plate Count ผลการทดสอบพบว่า ทุกยี่ห้อมีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในปริมาณน้อยมาก ไม่ก่อให้เกิดโรค อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าไม่ปลอดจุลินทรีย์ ดังนั้น จึงควรใช้กระดาษชำระให้ถูกกับงาน การนำไปใช้ผิดงานอาจก่อให้จุลินทรีย์ปนเปื้อน และหากทิ้งไว้เป็นเวลานาน เมื่อสิ่งที่ถูกเช็ดมีสภาวะเหมาะสมต่อการเติบโตของจุลินทรีย์ จุลินทรีย์จะสามารถขยายตัวได้ จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

    ------------------------


    "หลายคนอาจสงสัยถึงที่มาที่ไปของกระดาษชำระ เราจึงสืบประวัติของมันย้อนไปถึงราวศตวรรษที่ 14 พบว่ากระดาษชำระเริ่มมีความนิยมใช้กันในราชสำนักจีน ขณะที่คนธรรมดาทั่วไปยังใช้สิ่งของมาเช็ดก้นกันตามสะดวก เช่น ใบไม้ เศษผ้า ต่อมาในยุคหลังๆ ก็หันมานิยมใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ใบปลิวต่างๆ มาเช็ดแทน

    กระทั่งนักธุรกิจอเมริกันคนหนึ่ง ชื่อว่า "โจเซฟ กาเย็ตตี้" เป็นคนแรกที่ผลิตกระดาษชำระออกวางขายในปี ค.ศ.1857 แต่ต้องประสบกับภาวะขาดทุน เนื่องจากตลาดยังนิยมใช้ของเช็ดแบบเดิมมากกว่า แถมยังไม่ต้องเสียเงินซื้ออีกด้วย จากนั้นอีก 20 ปีต่อมา 2 พี่น้องสกุล "สก๊อต" ได้ผลิตกระดาษชำระออกขายอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้ชื่อว่า "สก๊อตทิชชู"

    ในขณะนั้นส้วมและชักโครกภายในอาคารเริ่มเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง ทำให้คนหันมาใช้กระดาษชำระมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะกระดาษชำระใช้ได้สะดวก มีเนื้อนุ่มและเข้ากับการตกแต่งห้องน้ำ จากนั้นเป็นต้นมาตลาดกระดาษชำระก็โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับวิวัฒนาการที่พัฒนาขึ้น จนปัจจุบันกลายเป็นเพียงสินค้าที่ใครๆ ก็สามารถหาซื้อได้" (ข้อมูลจากหนังสือ 108 ซองคำถาม)

    **********************

    ที่มา นิตยสาร "ฉลาดซื้อ" ฉบับที่ 102 เขียนโดย กองบรรณาธิการ

    (ติดต่อ "ฉลาดซื้อ" ได้ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 4/2 ซ.วัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 0-2248-3734-7 โทรสาร 0-2248-3733 อีเมล webmaster@consumerthai.org เว็บไซต์ www.consumerthai.org)

    Matichon Online: ˹ѧ��;������Ԫ��͹�Ź� : ˹ѧ��;�����س�Ҿ ����ͤس�Ҿ�ͧ������=
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพุทธจริยาวัตร60ปาง ปางโปรดปัญจวัคคีย์
    ˹ѧ��;������Ԫ�����ѹ : ˹ѧ��;�����س�Ҿ ����ͤس�Ҿ�ͧ������

    คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ

    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ปัญจวัคคีย์ คือ นักพรตห้ารูป มีโกณฑัญญะ อดีตโหราจารย์ชื่อดังเป็นหัวหน้า ทั้งห้าท่านนี้มาบวชรับใช้พระพุทธเจ้า เมื่อครั้งทรงทำทุกรกิริยา (คำนี้ แม้มหาเปรียญหลายประโยคก็เผลอเรียก ทุกขกิริยา เสมอแฮะ ระวังไว้หน่อย) พอพระองค์ทรงเลิกอดพระกระยาหาร หันมาเสวยข้าวจนมีพระพลานามัยสมบูรณ์ เพราะทรงได้คิดว่าต้องดำเนินทางสายกลาง ทั้งห้าท่านก็เสียใจ และเสื่อมศรัทธา พากันหนีมาอยู่ที่ป่าอันมีนามว่า "อิสิปตนะมฤคทายวัน"

    ชื่อยาวดีจัง อิสิปตนะ แปลว่า เป็นที่ประชุมของฤๅษี ส่วน มฤคทายวัน แปลว่า ป่าแห่งเนื้อ เนื้อในที่นี้เน้นไปที่กวาง จึงมีคนแปลชัดๆ ว่า ""ป่าสวนกวาง""

    เฉพาะคำ ปตนะ นั้น ตามศัพท์จริงๆ แปลว่า "ที่ตกลงไป" ความหมายรองจึงหมายถึง "ที่ประชุม" หรือ "ที่อยู่" ความจริงผู้แต่งคัมภีร์อรรถกถา ท่านหมายเอาตามตัวอักษรจริงๆ ท่านเล่าว่า บรรดาฤๅษีที่ได้ฌานเหาะเหินเดินหาวได้ เวลาเหาะผ่านมาตรงนี้ มักจะตกลงมาที่นี่ทันที ดังหนึ่งต้องอาถรรพ์ เมื่อฤๅษี ก. ก็ตกลงมา ฤๅษี ข. ก็ตกลงมา ฤๅษี ค. ฯลฯ ก็ตกลงมา นานเข้าก็เลยเต็มไปด้วยฤๅษี ว่าไปโน่น สนุกดีเหมือนกัน

    ยังไงป่านี้ก็คงเป็นที่มีฤๅษีชีไพรชุกชุมตลอดเวลายาวนาน รวมทั้งบรรดาเนื้อทั้งหลายด้วย เพราะใครๆ จะมาล่าสัตว์ ก็ย่อมยำเกรงพระคุณเจ้าผู้มีอิทธิฤทธิ์เป็นธรรมดา

    ป่านี้ต่อมาจึงเรียกชื่อว่า สารนาถ (ย่อมาจากคำเต็มว่า สารังคนาถ แปลว่า ป่าอันเป็นที่พึง หรือเป็นสถานที่ปลอดภัยของกวางทั้งหลาย)

    ระยะทางจากพุทธคยาถึงสารนาถ ประมาณสองร้อยกิโลเมตร พระพุทธองค์เสด็จดำเนินด้วยพระบาทมุ่งหน้ามา เพื่อโปรดศิษย์เก่า ดูจากข้อความแวดล้อม เป็นความมุ่งมั่นของพระพุทธองค์มาก อยากจะมาโปรดห้าท่านนี้จริงๆ คล้ายกับทรงมีเรื่อง "ค้างคาใจ" กันอยู่ ไม่สนพระทัยจะเทศน์สอนคนอื่นก่อน ทรงต้องการโปรดเอาทั้งห้าท่านนี้เป็นสาวกรุ่นแรกจริงๆ

    ผมตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ ใครจะว่าอะไรก็ว่ามา ยินดีน้อมรับฟัง เพราะความคิดเห็นจากท่านผู้รู้เป็นประดุจน้ำทิพย์ชโลมใจให้ชื่นบาน ปานนั้นเชียวนะ

    ทั้งห้าท่านนี้มีความเชื่อฝังหัวมาแต่แรกแล้วว่า การจะบรรลุมรรคผลได้ ต้องทรมานตัวเองให้ถึงที่สุด เพราะเชื่อเช่นนี้ เมื่อเห็นพระบรมโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา จึงพากันมาเฝ้าปรนนิบัติดูแล เรียกง่ายๆ ว่า มาเฝ้าดูเลยทีเดียว ดูไปก็ยิ้มด้วยความหวังไป ยิ่งเห็นพระองค์เป็นลมเป็นแล้งสลบลง ยิ่งยิ้มด้วยความดีใจว่า ใกล้แล้วๆ ใกล้จะบรรลุแล้ว ตาเป็นประกายด้วยความหวังว่า ตนเองจะได้รับอานิสงส์ (ผล) จากการบรรลุธรรมของพระองค์บ้าง

    ครั้นเห็นพระองค์ทรงเลิกอดพระกระยาหาร จึงเสียใจผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะโกณฑัญญะผู้หัวหน้า เคยทายไว้ไม่มีเงื่อนไขว่าเจ้าชายจะออกบวช จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พอมาถึงตอนนี้ จำต้อง "เผาตำรา" ทิ้ง เจ็บปวดขนาดไหน คิดเอาก็แล้วกัน

    ก่อนหนีไปยังว่าเอาเจ็บๆ ว่า ท่านเป็นคนคลายความเพียร เวียนมาเป็นคนมักมากเสียแล้ว อย่าหมายว่าจะได้บรรลุธรรมเลย พูดง่ายๆ ก็คือ ด่าคนขี้เกียจ เห็นแก่กิน อะไรทำนองนั้น

    นี้คือเรื่อง "ค้างคาใจ" ระหว่างพระพุทธองค์กับปัญจวัคคีย์ พระองค์ทรงต้องการจะชี้ให้พวกเธอเห็นว่าที่พวกเธอเชื่อนั้นผิดทั้งเพ การทรมานตนมิใช่ทางนำไปสู่การรู้แจ้ง แต่ทางบรรลุโพธิญาณ คือ ทางสายกลาง พระองค์จึงมุ่งมั่นเหลือเกินที่จะมาโปรดศิษย์เก่าทั้งห้า

    เมื่อเข้าป่ามา ก็ได้พบกับปัญจวัคคีย์ ณ สถานที่เรียกปัจจุบันว่า เจาคันธีสถูป จุดพบกันระหว่างอาจารย์กับศิษย์ ปัจจุบันเขาได้สร้างสถูปเป็นอนุสรณ์ มีชื่อดังข้างต้น เป็นสถูปสี่เหลี่ยม ผมถามใครก็ไม่ได้ความกระจ่างสักทีว่า คำว่า "เจาคันธี แปลว่าอย่างไร มีผู้รู้ท่านหนึ่งบอกว่า มาจากคำว่า จุตร-กาณฑี (แปลว่า สี่มุม สี่ยอด) เรียกเพี้ยนเป็น เจาคันธี ภายหลังว่าอย่างนั้น"

    ทั้งห้าเห็นพระองค์เสด็จดำเนินมาแต่ไกล ก็หันมากระซิบกันว่า "มาแล้ว คนที่คลายความเพียร เวียนมาเป็นคนมักมาก" พวกเราอย่าลุกรับ ปูแต่อาสนะไว้ให้ อยากจะนั่งก็นั่ง ไม่อยากนั่งก็ตามใจ พอพระองค์เสด็จมาใกล้ๆ เข้า ความที่เคยเป็นศิษย์อาจารย์กันมาก่อน ทำให้ทั้งห้าลืมสัญญาที่ตกลงกันไว้ ลูกขึ้นพึ่บพั่บ แสดงความเคารพ รับบาตรจากพระหัตถ์ แต่ปากยังแข็งอยู่ พูดกับพระองค์ว่า อาวุโส โคตมะ (คุณโคตมะ)

    พระองค์ตรัสว่า "อย่าพูดอย่างนั้น บัดนี้เราได้ตรัสรู้แล้ว นั่งลง เราจะแสดงธรรมให้ฟัง"

    "ไม่เชื่อ ขนาดอดอาหารจนเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ยังไม่บรรลุ บัดนี้มาพูดว่าได้บรรลุแล้ว ไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้" เถียงเสียงแข็ง

    "เป็นไปแล้ว นั่งลง เราจะแสดงสิ่งที่เราตรัสรู้แล้วให้ฟัง"

    เมื่อเห็นพวกเธอยืนกราน ไม่ยอมนั่งลงฟังธรรม พระองค์จึงให้นึกย้อนหลังสมัยก่อนดู โดยตรัสว่า อยู่ด้วยกันมานาน เคยได้ยินเราพูดไหมว่า "ได้บรรลุแล้ว"

    ทั้งห้ามองตากัน เออ จริงสินะ ขนาดอดอาหารแทบตาย ยังไม่ปริปากเลยว่า ได้บรรลุ คราวนี้บอกได้บรรลุ ท่าจะจริง ทั้งห้าจึงนั่งลงรอฟังธรรมจากพระพุทธองค์ พระองค์ก็ทรงไขข้อกังขาของปัญจวัคคีย์ว่า การทรมานตัวเองมิใช่ทางนำไปสู่การรู้แจ้ง ตรงข้ามกลับเป็นหนึ่งใน "ทางตัน" ทั้งสอง ดังพุทธวจนะว่า...

    "ภิกษุทั้งหลาย ทางตัน (อันตา) สองทาง บรรพชิตไม่ควรดำเนินตาม คือ การหมกมุ่นในกาม กับการทรมานตนเอง,,, ภิกษุทั้งหลาย ทางสายกลางนี้ต่างหากที่นำไปสู่การรู้แจ้ง คือ อริยมรรคมีองค์แปดประการ..."

    จากนั้นก็ทรงแสดงอริยสัจสี่ครบวงจร ค่อยว่าต่อในตอนต่อไปครับ
     
  19. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2009
  20. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 29 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 27 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </center"></td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> psombat, :::เพชร:::</td></tr></tbody></table>
    สวัสดียามเย็นครับพี่เพชร เดี๋ยวผมไปแอ่วดอยชมพระอาทิตย์ยามเย็นก่อนนะพี่ :)
     

แชร์หน้านี้

Loading...