พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า ตาลุงนี่โชว์แบบว่า สวยยยยยยยยยยยยยยยยย มากกกกกกกกกกกกกก

    (||););)(||)
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้ร่วมทำบุญกับคอนโดบุญ

    คอนโดชั้นแรก (ชั้นบนสุด) เป็นการร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

    คอนโดชั้นต่อมา เป็นการร่วมสร้างศาลาปฎิบัติธรรมสวนทิพย์โลกอุดร

    คอนโดชั้นต่อมา เป็นการร่วมทำบุญกับทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อาจารย์ประถม อาจสาคร

    คอนโดชั้นต่อมา เป็นการถวายปัจจัย(ส่วนตัว)กับพระอาจารย์นิลและพระอาจารย์รูปหนึ่ง

    คอนโดชั้นล่างสุด เป็นการบริจาคเข้าชมรมรักษ์พระวังหน้า

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2009
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัย หลวงปู่สอ ด้วยครับ

    โมทนาบุญครับ
     
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่ะ ...มีแต่น้องรัก นาคร๊าบ หุ หุ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เกือบลืม วันนี้มีท่านที่มาร่วมงาน เท่าที่ผมดู ประมาณ 55-65 ท่าน มากันเต็มบ้านท่านอาจารย์ประถม

    และต้องขอขอบพระคุณและโมทนาบุญกับเจ้าภาพอาหารทุกๆท่าน และขอขอบพระคุณพี่จิ๋ว ที่ช่วยเหลืองานเป็นอย่างดีมากครับ


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2009
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เพื่อนรัก มีอยู่ในใจเสมออยู่แล้วครับ

    พี่ที่รัก มีอยู่ในใจเสมอเช่นกัน

    น้องรัก และลูกน้อง มีอยู่ในใจเสมออีกเช่นกัน
     
  8. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    วันนี้ไปได้พบได้เจอหลายท่าน บางท่านผมจำไม่ได้อย่าโกรธกันนะครับ ขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือน 6 โรค ที่มากับภัยหนาว

    โรคปอดบวม โรคอุจจาระร่วง เตือนโรคที่มาจากภัยหนาว


    [​IMG]

    เตือน 6 โรค ที่มากับภัยหนาว พบมากสุดโรคอุจจาระร่วงและปอดบวม (อสมท.)

    นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลนี้ หากร่างกายปรับสภาพไม่ทันก็อาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ โรคที่เกิดขึ้นในฤดูหนาวมักจะเกิดกับเด็กและผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด หัดเยอรมัน สุกใส และอุจจาระร่วง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากเชื้อไวรัสซึ่งชอบอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ จึงขอให้ระมัดระวังดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และได้ให้กรมควบคุมโรคออกประกาศการป้องกันโรคในฤดูหนาว เพื่อให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในวงกว้าง ในการปฏิบัติตัวไม่ให้เจ็บป่วยดังกล่าว

    นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด หัดเยอรมัน สุกใส เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ทางการไอ จาม โดยเชื้อโรคจะอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และอาจติดจากการใช้ภาชนะ และสิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น สำหรับโรคอุจจาระร่วงในฤดูหนาว มักจะเกิดขึ้นกับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ติดต่อโดยการดื่มน้ำหรือกินอาหารที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนเข้าไป อาการแรกเริ่มอาจคล้ายไข้หวัดก่อนถ่ายเหลว โดยทั่วไปอาการไม่รุนแรง แต่เด็กบางคนอาจขาดน้ำรุนแรง ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล

    สำหรับการป้องกันโรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็ก ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งสะอาด ปลอดภัย เด็กมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดี ผู้ที่ดูแลเด็กต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนเตรียมอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ ให้เด็กกินอาหารที่สุกใหม่ ๆ และดื่มน้ำต้มสุก โดยให้เด็กที่ป่วยถ่ายอุจจาระลงในภาชนะที่รองรับมิดชิด แล้วนำไปกำจัดในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย

    นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ฤดูหนาว ในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 - กุมภาพันธ์ 2552 มีผู้ป่วยจากโรคฤดูหนาว 6 โรครวมกันทั่วประเทศ 545,980 ราย เสียชีวิต 353 ราย มากที่สุดร้อยละ 83 เป็นโรคอุจจาระร่วง 455,010 ราย เสียชีวิต 32 ราย รองลงมาคือปอดบวมป่วย 43,247 ราย เสียชีวิต 321 ราย อีก 4 โรคไม่มีผู้เสียชีวิต ได้แก่ โรคสุกใส 39,012 ราย ไข้หวัดใหญ่ 6,113 ราย โรคหัด 2,383 ราย และหัดเยอรมัน 215 ราย


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพุทธรูปจริยวัตร 60 ปาง ปางแสดงปฐมเทศนา

    คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ

    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

    ˹ѧ��;������Ԫ�����ѹ : ˹ѧ��;�����س�Ҿ ����ͤس�Ҿ�ͧ������

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>จากพุทธคยาถึงสารนาถ ซึ่งในอดีตเรียกว่า ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน อยู่ในเขตเมืองพาราณสี สิ้นระยะทางประมาณสองร้อยกิโลเมตร พระพุทธเจ้าเสด็จดำเนินโดยพระบาทไปเพื่อโปรดศิษย์เก่าทั้งห้าของพระองค์

    คำว่า สารนาถ ย่อมาจากคำเต็มว่า สารังคนาค (สารังค = กวาง, นาถ = ที่พึ่ง) แปลว่า ป่าอันเป็นที่พึ่งแห่งกวาง หรือป่าสวนกวาง อะไรทำนองนั้น มิใช่แปลว่า ป่าที่เป็นที่พึ่งอันเป็นแก่นสาร ดังบางคนอธิบายไม่

    ปัญจวัคคีย์ศิษย์ผู้ปฏิเสธอาจารย์ เห็นแต่ไกลว่า พระพุทธเจ้ากำลังเสด็จดำเนินมา ก็ชี้ให้กันดูว่า "โน่นไง บุคคลผู้คลายความเพียร เวียนมาเป็นผู้มักมากมาแล้ว คงไม่มีใครดูแลสิท่า จึงมาหาเรา เราอย่าลุกรับ อย่านมัสการ ปูแต่อาสนะไว้ให้ อยากนั่งก็นั่ง ไม่อยากนั่งก็ตามใจ" แต่พอพระพุทธองค์เสด็จดำเนินมาใกล้ ปัญจวัคคีย์ลืมข้อตกลงโดยสิ้นเชิง เพราะพระบารมีพระพุทธองค์ จึงต่างลุกขึ้นต้อนรับอัญเชิญเสด็จประทับบนอาสนะ แต่ปากยังแข็งอยู่ เรียกพระพุทธองค์ว่า "อาวุโสโคตม" (คุณโคตม)

    พระพุทธองค์ตรัสว่า "อย่าพูดกับเราอย่างนั้น บัดนี้เราได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณแล้ว นั่งลง เราจะแสดงธรรมให้ฟัง" ปัญจวัคคีย์พูดว่า "ไม่เชื่อ ท่านอดอาหารแทบตายยังไม่บรรลุเลย เมื่อกลับมาบริโภคอาหารจนอ้วนพีอย่างนี้ จะบรรลุได้อย่างไร"

    พระพุทธองค์ตรัสว่า "พวกเธอจงรำลึกความหลังดูซิ พวกเธออยู่กับเรามาเป็นเวลานาน เคยได้ยินเราพูดว่าได้ตรัสรู้หรือไม่"

    เมื่อโดนไม้นี้ ปัญจวัคคีย์นิ่งอึ้งไปอยู่พักใหญ่ ยอมรับว่าพระพุทธองค์ไม่เคยตรัสว่นาได้บรรลุเลย ขนาดทรมานพระองค์จนเกือบจะสิ้นพระชนม์ ก็ไม่เคยตรัสว่าใกล้บรรลุ หรือได้บรรลุแล้ว วันนี้ตรัสว่าได้บรรลุ น่าจะบรรลุจริง (แฮะ) เมื่อคิดได้ดังนี้ จึงพร้อมใจกันนั่งลงสดับพระธรรม พระพุทธองค์จึงทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร (พระสูตรว่าด้วยการหมุนล้อธรรม) เนื้อหาว่าด้วยอริยสัจสี่ประการ และขั้นตอนของการตรัสรู้ของพระองค์ ข้อที่น่าสังเกตคือ ก่อนเข้าสู่เนื้อหาอริยสัจสี่ พระพุทธองค์ตรัสถึงทางที่ไม่ควรดำเนินสองทางก่อน แล้วชี้ถึงทางสายกลาง ถามว่าเพราะเหตุใด เราน่าจะมาหาคำตอบดูนะครับ ก่อนจะตอบคำถามนี้ ก็ถามเพิ่มว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงไม่ทรงแสดงอนุบุพพีกถา (แถลงธรรมที่ลึกลงตามลำดับ) เพื่อปูพื้นฐาน หรือเตรียมความพร้อมก่อน (ดังที่ทรงปฏิเสธเสมอในเวลาต่อมา) ทำไมทรงแสดงอริยสัจทันทีเลย

    คำตอบสำหรับข้อแรก (ทำไมตรัสถึงทางที่ไม่ควรดำเนินก่อน) ก็คือ พระพุทธองค์ต้องการชำระข้อ "คาใจ" ของปัญจวัคคีย์ก่อน ปัญจวัคคีย์นั้นมีความเชื่อฝังใจอยู่ว่า การทรมานตนอย่างอุกฤษฏ์เท่านั้น ทำให้บรรลุความสิ้นกิเลสได้ เมื่อเห็นพระบรมโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา จึงเลื่อมใส คอยมาปรนนิบัติ เพราะเชื่อแน่ว่าพระองค์จะต้องบรรลุสัจธรรมสูงสุดแน่ แต่เมื่อพระองค์เลิกทุกรกิริยา หันมาเสวยพระกระยาหาร ปัญจวัคคีย์จึงผิดหวัง เชื่อแน่ว่าพระองค์ไม่มีทางบรรลุแน่นอน เพราะเหตุนี้ ทันทีที่ปัญจวัคคีย์ยอมนั่งฟังธรรม พระพุทธองค์จึงแก้ข้อสงสัยของปัญจวัคคีย์ให้หมดไปด้วยการตรัสยืนยันว่า การทรมานตัวเองด้วยการอดอาหารไม่ใช่ทางบรรลุ เป็น "ทางตัน" สายหนึ่งในจำนวนทางตันสองสาย คือ อัตตกิลมถานุโยค (การทรมานตน) และกามสุขัลลิกานุโยค (การหมกมุ่นในกาม) ดังลัทธิวัตถุนิยมประพฤติกันอยู่

    เมื่อปฏิเสธทางตันทั้งสองนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงชี้ทางที่ไม่ตัน ทางที่นำไปสู่การรู้แจ้งเห็นจริงคือ "ทางสายกลาง" อันได้แก่ อริยมรรคมีองค์แปด มีสัมมาทิฐิ เป็นต้น มีสัมมาสมาธิ เป็นปริโยสาน (ปริโยสาน เท่ากับคำ อวสาน แปลว่าที่สุดครับ)

    เมื่อชำระข้อค้างคาใจของปัญจวัคคีย์แล้ว พระองค์จึงทรงแสดงอริยสัจสี่ประการ โดยไม่เสียเวลาแสดงอนุบุพพีกถา เป็นการปูทางก่อน

    ถึงตรงนี้มีคำถามว่า อนุบุพพีกถา คืออะไร คำตอบคือ เรื่องที่พึงเข้าใจ และปฏิบัติตามลำดับ 5 เรื่องด้วยกัน คือ (1) ทาน (2) ศีล (3) สวรรค์ (4) กามาทีนวะ (โทษของกาม) และ (5) เนกขัมมะ (การออกจากกามหรือออกบวช) ต้องไม่ลืมว่าปัญจวัคคีย์เป็นนักพรต สละโลกีย์วิสัยมาถือเพศเป็นนักบวชแล้ว เห็นโทษของกามและกำลังฝึกตนเพื่อละกิเลสทั้งหลายแล้ว มีความพร้อม มีพื้นฐานพอที่จะเข้าใจสัจธรรมสูงสุด โดยไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งที่ ทาน ศีล พระพุทธองค์จึงไม่ทรงเสียเวลาแสดงอนุบุพพีกถา ทรงเริ่มแสดงอริยสัจสี่เลยทีเดียว ไม่เหมือนผู้ครองเรือนอย่างเช่น ยสกุมาร บิดามารดาของยสกุมาร หรือคนอื่นๆ ที่ทรงแสดงธรรมโปรดในภายหลัง

    เนื้อหาของอริยสัจสี่เอาไว้พูดคราวหน้า ขอพูดถึงเหตุการณ์หลังแสดงธรรมจบก่อน หลังจากพระพุทธองค์ทรงแสดงอริยสัจสี่จบลง หัวหน้าปัญจวัคคีย์ คือ โกณฑัญญะ ได้ "ดวงตาเห็นธรรม" ภาษาบาลีว่าได้ ธัมมจักขุ คือ ได้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง เข้าใจว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงมีความดับเป็นธรรมดา" (ยงฺกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมํ)

    ท่านว่าการรู้เห็นอย่างนี้เป็นยถาภูตญาณ (การหยั่งรู้ตามเป็นจริง) เป็นความเข้าใจของพระอริยบุคคลระดับโสดาบัน อันเป็นระดับต้นในจำนวนพระอริยบุคคลทั้งสี่ (โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์) พระโสดาบันเป็นผู้มั่นคงในพระรัตนตรัยแล้ว ไม่มีทางหวนกลับหรือกลับกลายเป็นอื่น มีแต่จะเดินหน้าสู่ความหมดกิเลสโดยสิ้นเชิง

    พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระสัพพัญญุตญาณว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงแก่ท่านโกณฑัญญะแล้ว จึงทรงเปล่งพระอุทานว่า อญฺญาสิ วต โภ โกณฺทัญฺโญ (โกณฑัญญะรู้แล้วหนอ) ซ้ำถึงสองครั้ง จากนั้น โกณฑัญญะทูลขอบวช พระพุทธองค์จึงตรัสว่า เอหิ ภิกขุ สวากฺขาโต ธมฺโม จร พรหมฺจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายะ (จงมาเป็นภิกษุเถิด ธรรมเรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดทุกข์เถิด) เพียงแค่นี้การบวชของท่านก็สำเร็จ ไม่มีพิธีรีตองอะไร

    ต่อมาการบวชแบบนี้มีชื่อเรียกว่า บวชแบบเอหิภิกขุ (เอหิกขุอุปสัมปทา) ท่านโกณฑัญญะจึงได้เป็นพระสาวกรูปแรก และเป็นพระอริยสงฆ์องค์แรก พระรัตนตรัยได้ครบจำนวนก็เมื่อคราวนี้ ก่อนหน้านี้มีแต่พระพุทธและพระธรรม คราวนี้มีพระสงฆ์เพิ่มขึ้นเป็นพระรัตนตรัย ชาวพุทธไทย (เน้นพุทธไทย) จึงบัญญัติวันนี้ วันที่ท่านโกณฑัญญะบวชนี้ เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง เรียกว่า วันอาสาฬหบูชา (อ่านว่า อา-สาน-หะ-บู-ชา) จากพระพุทธอุทานว่า อญฺญาสิ นั้นแล คำว่า "อัญญา" จึงมาเป็นคำต้นชื่อท่านว่า อัญญาโกณฑัญญะ ตั้งแต่บัดนั้นมา

    ˹ѧ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แพทย์เตือน...คันเรื้อรังรักษาไม่ตรงจุด โรคทรุดทั้งภายในและภายนอก

    ผู้ป่วยที่มีอาการคันของผิวหนัง พบว่า เป็นโรคทางกายภายใน ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดอาการคันร่วมด้วย .... การรักษาจึงต้องหาต้นตอของโรคภายใน ไม่เช่นนั้น รักษาไม่หายขาด ทั้งยังทำให้โรคภายในทรุดลงเรื่อยๆ

    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>[/FONT]
    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์โรคผิวหนัง ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยในบทความวิชาการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ (วารสารคลินิก) ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2552 นี้ว่า ผู้ป่วยคันเรื้อรังร้อยละ10 – 50 พบว่ามีโรคทางกายภายในที่เป็นสาเหตุของอาการคันร่วมด้วย จึงควรได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการรักษาที่เหมาะสม การตรวจที่อาจทำคือ การตรวจนับเม็ดเลือด ในรายที่สงสัยว่าคันจากโรคโลหิตจางจากการขาดเหล็ก คันจากโรคมะเร็งเม็ดเลือด, ตรวจค่าครีอาตินีนและ BUN ในผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคไต, การตรวจหาเอ็นซัยม์ตับ, ตรวจหาระดับฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์, ตรวจหาระดับน้ำตาล เพื่อหาว่าเป็นเบาหวานร่วมด้วยหรือไม่ ตรวจอุจจาระ ถ้าพบเลือดอาจเป็นมะเร็งระบบทางเดินอาหาร พบไข่พยาธิอาจคันจากการติดเชื้อพยาธิ, การตรวจหา HIV antibody ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นเอดส์ การขูดผิวหนังเพื่อหาเชื้อราหรือหิด และการตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา [/FONT]

    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]ดังนั้นการรักษาอาการคันจากโรคภายในจึงขึ้นกับสาเหตุ หากไม่รักษาสาเหตุต้นตอของโรคภายใน อาการคันก็ไม่หายขาดและโรคภายในก็จะทรุดลงเรื่อยๆ ในผู้ป่วยที่คันจากโรคไตแพทย์อาจพิจารณาฉายแสงยูวีบี, ให้ยาทาลดอาการคันเฉพาะที่, ยากิน, การล้างไตช่วยลดอาการคันลงได้, ในรายที่คันจากโรคตับมียาเฉพาะเช่น cholestyramine, อาการคันจากโรคเลือดจากการขาดเหล็กแก้ไขด้วยการเสริมเหล็ก แพทย์อาจให้ยา aspirin ในผู้ป่วยโรคเลือดข้นผิดปกติที่มีอาการคัน, อาการคันจากต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเป็นผลจากผิวแห้ง รักษาด้วยครีมให้ความชุ่มชื้น และเสริมฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ [/FONT]
    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]นพ.ประวิตร พิศาลบุตร เตือนว่า พบบ่อยว่าผู้ที่คันเรื้อรังอาจหาซื้อยามากินเอง เช่น ยาชุด ยาสมุนไพร ยาหม้อ ยาแผนโบราณ ยาลูกกลอน ยาพระ โดยผู้ที่ใช้ส่วนใหญ่เข้าใจว่าปลอดภัย แท้จริงแล้วอาจมีอันตรายได้เช่นกัน พบว่ายาชุด, ยาสมุนไพรหลายขนานมีการเจือปนสารอันตรายเช่น สเตียรอยด์ และสารหนูลงไป สเตียรอยด์ขนาดสูงทำให้หน้าบวมเป็นดวงจันทร์ คอมีหนอก ผิวแตกลาย ผิวฝ่อ เลือดออกในกระเพาะอาหาร กระดูกผุ, ติดเชื้อง่ายขึ้น,น้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีอาการทรุดลง การใช้สเตียรอยด์อาจทำให้อาการดีขึ้นช่วงแรก แต่เมื่อไม่ได้รักษาตรงจุดในที่สุดโรคจึงทรุดลง และยังมีข้อแทรกซ้อนจากยาอีกมาก [/FONT]

    [FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]ผู้ป่วยที่คันเรื้อรังจึงควรรับการตรวจอย่างละเอียด เพื่อการวินิฉัยและหาสาเหตุร่วมจากโรคภายในอย่างตรงจุด ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางตามความเหมาะสมเช่น ปรึกษาแพทย์โรคผิวหนัง อายุรแพทย์ แพทย์โรคทางเดินอาหาร แพทย์โรคเลือดและโรคมะเร็ง แพทย์โรคต่อมไร้ท่อ จิตแพทย์ และศัลยแพทย์ และแม้จะตรวจไม่พบสาเหตุใดๆ ก็อาจต้องรับการตรวจซ้ำทุกๆ 3-6 เดือน [/FONT]

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1257649133&grpid=01&catid]Matichon Online


    [​IMG]
    เม็ดเลือด พบว่าคันจากเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดเหล็ก

    [​IMG]
    ขูดผิวหนัง พบว่าคันจากการติดเชื้อรา

    [​IMG]
    ขูดผิวหนัง พบว่าคันจากการติดเชื้อหิด

    [​IMG]
    การล้างไต ช่วยลดอาการคันลงได้
     
  13. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    ขออนุโมทนาบุญ
    สวัสดีครับทุกๆคน ที่สุดของที่สุดครับ
    1.ได้พบกับพี่ๆเพื่อนๆที่น่าศรัทธาและเมตตาในการสอนและแนะนำ การดูเนื้อพระที่แท้ถึงแม้เป็นพระสมเด็จที่มีอายุมากกว่า 150ปี
    2.ได้ร่วมบุญกับพระผู้ปฏิบัติดีปฎิบัติชอบและอาจารย์ปู่ประถม
    3.ครูบาอาจารย์มาร่วมอนุโมทนา และให้ศีลให้พรกับพวกเราทุกๆท่าน(ท่านเมตตามากๆ จนผมน้ำตาไหลเล็กๆ)
    4.การมาในครั้งนี้ผมว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยครับ แล้วพี่ๆเพื่อนๆคิดยังงัยครับ
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตามที่พี่บอกเมื่อคืนนี้ครับ

    หลวงปู่อิเกสาโร (หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า)

    ขอกราบในความเมตตาองค์หลวงปู่อิเกสาโรมากครับ

    กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ
    .
     
  16. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 23 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 21 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, sithiphong+ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีครับท่านเลขาฯ
    สบายดีนะครับ ว่าแต่หายเหนื่อยหรือยังครับ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ

    โมทนาสาธุ
     
  17. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    โมทนาสาธุครับ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ได้ประสบการณ์เพิ่มเติมอย่างไร โปรดแจ้งให้ทราบด้วยครับ

    แต่รับรองได้ว่า สุดยอดมาก

    พระกริ่งปวเรศ รุ่นปี พ.ศ.2434

    ดีกว่ารุ่นแรก ที่ใช้ทำน้ำมนต์ได้เพียงอย่างเดียวครับ

    โดยส่วนตัว หากให้เลือกระหว่าง รุ่นแรก กับ รุ่นสุดท้าย ผมเลือกรุ่นสุดท้ายครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ตามที่พี่บอกเมื่อคืนนี้ครับ

    หลวงปู่อิเกสาโร (หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า)

    ขอกราบในความเมตตาองค์หลวงปู่อิเกสาโรมากครับ

    กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ
    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    นอกจากองค์หลวงปู่อิเกสาโร ท่านเมตตาแล้ว หลวงปุ่องค์อื่นๆท่านก็เมตตามาด้วย เพียงแต่ท่านมาโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่มาสรงน้ำหลวงปู่ฯครับ

    แต่ผมไม่ทราบว่า องค์หลวงปู่ท่านมากี่องค์ และองค์ไหนท่านมาบ้างครับ

    ส่วนองค์หลวงปุ่ที่ท่านไม่ได้มา ผมคิดว่า ท่านติดภาระกิจในที่อื่นครับ

    หลวงปู่ทุกๆองค์ท่านเมตตามากๆๆๆๆ

    โมทนาสาธุครับ
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอบคุณครับ

    ตอนนี้หายเหนื่อยแล้วครับ

    รักษาสุขภาพด้วยเช่นกันครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...