เจ้าแม่กวนอิม คือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จริงหรือ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เอกอิสโร, 29 ตุลาคม 2009.

  1. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เพิ่งจะสิ้นสุดเทศกาล ถือ ศีลกินเจ ผ่านพ้นไป จึงได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อให้ท่านทั้งหลาย ได้ร่วมกันให้ความเห็น ในประเด็นที่มีความเชื่อว่า เจ้าแม่กวนอิม คือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เพราะ เรื่องนี้ดูเหมือนมีข้อมูล ที่น่าสนใจ และน่าเชื่อได้ว่า เจ้าแม่กวนอิม จะไม่ใช่พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เสียแล้ว
    <!--MsgFile=0-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  2. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เนื่องจากเมื่อหลายปีก่อน ได้เคยไปสนทนากับพระสงฆ์ผู้มีปฏิปทาอันดี ตามที่คุณแม่ชีประทุม ซึ่งเป็นลูกศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เคยกล่าวไว้ในบันทึกอัตตชีวประวัติของท่าน จึงได้มีโอกาสสอบถามเรื่องที่สงสัยซึ่งเป็นความเชื่อฝ่ายมหายานว่า "เจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ที่ตรัสรู้แล้วแต่ยังไม่ปรินิพานเพราะจะรอขนถ่ายเวไนยสัตว์จนหมดทั้งโลกก่อน"

    ความสงสัย...ได้เคยทราบมาว่าพระโพธิสัตว์เมื่อได้รับคำพยากรณ์แล้วจะไม่เกิดเป็นผู้หญิง ทำไมเจ้าแม่กวนอิมเป็นผู้หญิงจึงได้รับยกย่องเป็นพระโพธิสัตว์
    ตอบ...ถูกต้องตามพระไตรปิฎก พระโพธิสัตว์ไม่เกิดเป็นผู้หญิง และเมื่ออยู่ในเพศหญิงจะไม่ได้รับพยากรณ์ เหมือนอย่างที่พระสมณโคดม เมื่อเกิดเป็นผู้หญิงในสมัยพระโบราณทีปังกร แม้ตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า แต่พระโบราณทีปังกรก็ไม่พยากรณ์

    ความสงสัย...เจ้าแม่กวนอิมกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เป็นองค์เดียวกันหรือไม่
    ตอบ...เป็นคนละองค์เพราะอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ก็คือ "พระศรีอริยเมตตรัยโพธิสัตว์" ส่วนเจ้าแม่กวนอิมเป็นการแปลงเอา "พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์" จากเพศชายมาเป็นเพศหญิง เพื่อแข่งกับ "พระแม่อุมา" ของพราหมณ์
    <!--MsgFile=1-->
     
  3. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ความสงสัยที่ว่าก็ยังไม่กระจ่าง และยังพยายามที่จะหาคำตอบจากหนังสือต่างๆ จนได้ไปพบหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “ พระโพธิสัตต์อวโลกิเตศวร กวนซิอิมผ่อสัก” จึงได้รับความกระจ่างไม่น้อย และที่เคยคิดว่า "เจ้าแม่กวนอิม หรือ เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน" ไม่มีตัวตนแท้จริงจึงได้กระจ่างขึ้นมาระดับหนึ่ง
    <!--MsgFile=2-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  4. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ข้อสรุปที่ได้กับตัวเอง ถูกผิดอย่างไร จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้ตรวจสอบและให้ความเห็นด้วยนะครับ

    แท้ที่จริงแล้ว เจ้าหญิงเมี่ยวซ่านมีชีวิตอยู่ช่วงปลายราชวงศ์โจว ราว พ.ศ. ๓๐๐ เศษ ท่านได้ออกบวชเป็นภิกษุณี ที่วัดจินกวงหมิง ณ เชิงเขาเยี้ยม้อซาน และในที่สุดได้บรรลุอรหัตตผล เมื่อท่านละสังขารแล้ว "ธรรมกาย" ของท่าน ได้มาอยู่ที่ทะเลใต้ เพื่อที่จะคอยช่วยเหลือผู้คนที่ประสบทุกข์ภัยต่างๆ เหมือนดังพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลหลายองค์ที่ท่านละสังขารไปแล้วแต่ยังคอยสงเคราะห์มนุษย์อยู่ อาทิ พระสิวลี เป็นต้น คนทั้งหลายจึงเข้าใจว่าท่านเป็น "เจ้าแม่" ดังนั้น ที่จริงแล้วควรเรียกท่านว่า "พระแม่เมี่ยวซ่านมหาเถรี" อย่างที่ เมื่อสองพันปีก่อน เรียกท่านว่า "ไต้ซือเมี่ยวซ่าน" ท่านจึงเป็น พระอรหันตเถรี เหมือนพระแม่ปฏาจาราเถรี หรือ พระแม่ปชาบดีโคตมีเถรี เป็นต้น

    ส่วน "พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์" เกิดขึ้น ภายหลัง "ไต้ซือเมี่ยวซ่าน" ซึ่งหากเป็นอย่างที่ท่านพ่อมนัส มันตชาโต ว่า "พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์" คือ "พระเมตตรัยโพธิสัตว์" แล้ว ผมจึงปะติดปะต่อ เรื่องราวที่ว่า ทำไมในภาคใต้ของเรา จึงพบปฏิมากรรม "พระอวโลกิเตศวร" ที่งดงาม และมีความเก่าแก่ มากมาย และอาจจะเป็นต้นกำเนิด ที่กระจายไปสู่ดินแดนอื่นๆ เช่น เขมร และไทยภาคกลาง ภาคอีสาน ในช่วงที่อารยธรรมขอม แผ่อิทธิพล

    ซึ่งผมคิดว่า..ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ดินแดนภาคใต้ เป็นต้นกำเนิด “พระเมตตรัยโพธิสัตว์” หรือ “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร”

    ดังที่มี ผู้ศรัทธาจำนวนมากในปัจจุบัน ที่มีความเชื่อว่า "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" คือ "พระเมตตรัยโพธิสัตว์" ที่ลงมาสร้างบารมี และ ในอดีต เมื่อเกือบสองพันปี "พระเมตตรัยโพธิสัตว์" ก็เคยลงมาสร้างบารมี เป็นกษัตริย์ของลังกา เมื่อราว พ.ศ. ๔๐๐ เศษ และชาวเมืองก็ยกย่องว่าท่านเป็น "พระเมตตรัยโพธิสัตว์" มาเกิด จึงเข้าใจว่าคนในรุ่นต่อๆ มา จึงสร้างรูปเคารพแทนองค์ท่านนั่นก็คือ รูปหล่อ "พระอวโลกิเตศวร" นั่นเอง

    <!--MsgFile=3-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  5. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ข้อสรุปของผม ณ ขณะนี้ก็คือ "พระอวโลกิเตศวร" กับ "พระกวนซิอิมผ่อสัก" คือองค์เดียวกันและเป็นเพศชาย และไม่ใช่องค์เดียวกับ "เจ้าแม่กวนอิม" ซึ่งที่จริงแล้วท่านอาจจะเป็น "พระแม่เมี่ยวซ่านมหาเถรี"

    สิ่งที่ผมจะขอประมวลสรุป จากการตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็คือ มีความเข้าใจที่ไม่ต้องตรงกัน ในหมู่ชาวพุทธทั้งที่ชาวพุทธฝ่ายมหายานกับเถรวาท หรือแม้แต่ในฝ่ายเถรวาทเองก็มีความเข้าใจที่แตกต่างกัน แต่หากเป็นไปตามที่มีผู้ศึกษาการพัฒนารูปแบบในการสร้างรูปเคารพ พระอวโลกิเตศวรที่เริ่มจากเพศชายที่ทรงเมตตา เมื่อถ่ายทอดเข้าไปสู่ทิเบตก็เริ่มมีความอ่อนช้อยงดงามยิ่งขึ้น และเมื่อเข้าไปสู่ประเทศจีนก็แปลงสภาพเป็นเพศหญิง กลายเป็นเจ้าแม่กวนอิม และเผยแพร่ไปตามประเทศต่างๆ ที่นับถือพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เช่น ใต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียตนาม เป็นต้น

    หากเป็นดังที่ผมเข้าใจคือ

    “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” คือ พระชาติหนึ่งของพระเมตตรัยโพธิสัตว์ ผู้จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้า

    “พระนางเมี่ยวซ่าน หรือไต้ซือเมี่ยวซ่าน” คือพระอรหันตมหาเถรี ผู้บรรลุคุณวิเศษในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ “เจ้าแม่กวนอิม” ที่ถูกเสกสรรค์สร้างขึ้น โดยการดัดแปลง เบี่ยงเบน แปลงเพศมาจาก “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร”


    แต่ คำถามก็ยังมีอยู่ว่า แล้วเจ้าแม่กวนอิม เป็นใคร?


    จึงขอให้ท่านทั้งหลาย ได้ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ
     
  6. Jexxy

    Jexxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +437
    อวโลกิเตศวร เป็น ชาย เป็น ภาษาสันสกฤต
    กวนซี่อิม เป็น ภาษาจีน

    พระแม่เป็นเพียง ปาง หนึ่งของ พระองค์


    --*
     
  7. เล่งอ๋อง

    เล่งอ๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +147
    เคยได้ยินว่าท่านแม่ศรีก็คือเจ้าแม่กวนอิมอะครับ
     
  8. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    เจ้าแม่กวนอิม กับพระอวโลกิเตศวร เป็นองค์เดียวกันนะครับ จริงๆๆแล้วท่านเป็นชายครับไม่ได้เป็นหญิง
     
  9. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ไม่ใช่พระศรีอาริย์ องค์หมี่เล่อผ่อสักตั้งหากครับที่เป็นพระศรีอาริย์นะครับ
     
  10. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    เจ้าแม่กวนอิมท่านยังไม่ได้ตรัสรู้ครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจการแปลพระไตรปิฎก หรือแต่งเรื่อง ของนิกายมหายาน หินยาน และวัชรยานนะครับ ( เหมือนจะเกินความเป็นไปได้นะครับ ) แต่นิกายเถรวาท นี้สิครับ พอเข้าใจหน่อย ซึ่งเป็นนิกายที่อยู่ในไทยนะครับ
     
  11. ชาไม่รู้

    ชาไม่รู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    485
    ค่าพลัง:
    +878
    ตำนานเจ้าแม่กวนอิม









    "พระโพธิสัตว์แห่งความการุณย์ ทรงมีวงพักตร์งดงามละมุนเปี่ยมเมตตา
    พระเกศาดำขลับดุจเมฆยามรติกาล พระฉวีผุดผ่องบริสุทธิ์ยิ่งกว่างาช้าง
    พระเนตรงามกว่านัยน์ตาของสตรีใดในโลก
    พัสตราภรณ์เครื่องทรงสีขาวสกาวแสงราวสายฟ้า พระหัตถ์ซ้ายทรงแจกันหยกขาวเปี่ยมน้ำทิพย์แห่งความกรุณา พระหัตถ์ขวาทรงกิ่งหลิว
    พระกรรณคอยสดับฟังเสียงร่ำร้องทุกขเวทนาของสัตว์โลก
    พระเมตตายิ่งใหญ่เป็นที่ประจักษ์แก่เรา
    สมพระนามพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมอวโลกิเตศวร"

    เจ้าแม่กวนอิม
    ผู้ทรงสดับเสียงทุกขเวทนาของของสัตว์โลก





    ตอนที่ ๑
    กำเนิดพระธิดาเมี่ยวซ่าน


    ในสมัยราชวงศ์โจวปีสุดท้าย แผ่นดินจีนนองเลือดด้วยภัยสงครามจากการปราบปรามอาณาจักรใหญ่น้อย สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนทุกหย่อมหญ้า เหตุด้วยจักรวรรดิจีนต้องการรวมอำนาจให้เป็นหนึ่งเดียว

    หากแต่ไกลออกไปทางทิศตะวันตกนับหมื่นลี้ ข้ามอาณาเขตแห่งขุนเขาซีมี่ซานอันเยือกเย็น ปกคลุมไปด้วยหิมะชั่วตาปี กลับมีอาณาจักรอันเจริญรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่นามว่า อาณาจักรซิงหลิง ดำรงอยู่อย่างสันติและเป็นสุขมานานนับร้อยปี

    ในรัชสมัยของพระเจ้าเมี่ยงจวง ผู้ทรงปรีชาสามารถด้านการสงคราม และจัดการระบอบเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ประชาชนภายใต้การปกครองของพระองค์นับแสนคนจึงอยู่ดีกินดี และใฝ่ในทางสันติธรรม พระเจ้าเมี่ยงจวงทรงมีพระมเหสีพระนามว่า พระนางเป้าเต๋อ ผู้งดงามและชาญฉลาด แต่ทว่าทั้งสองพระองค์มีเพียงสองพระธิดาที่งามดั่งนางฟ้าองค์น้อย ๆ พระนามว่า เมี่ยวอิม และ เมี่ยวเวี๋ยน จึงสร้างความกังวลให้กับพระเจ้าเมี่ยงจวงในยามพระชนมายุกว่า ๖๐ พรรษา ผู้ไร้พระโอรสสืบทอดราชบัลลังก์อย่างยิ่ง

    คืนหนึ่งพระนางเป้าเต๋อสุบินว่า ทรงตื่นขึ้นกลางทะเลกว้างเวิ้งว้าง เกลียวคลื่นมหึมาซัด*********อย่างน่ากลัว ฉับพลันก็เกิดเสียงดังสนั่นก้องทั่วท้องทะเล พร้อมดอกบัวทองพุ่งขึ้นมาลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ขนาดของดอกบัวค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นสูงเสียดฟ้า รัศมีสีทองเจิดจ้าจนพระนางต้องหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่ามีภูเขาสูงลิบโผล่ขึ้นมาแทน

    บนยอดเขามีเจดีย์เจ็ดยอดพร้อมแก้วมณีส่องรัศมีไกลหมื่นลี้ประดิษฐานอยู่บนยอดสูงสุด บนฟ้าปรากฎหมู่กระเรียนและมังกรบินพาดผ่าน แก้วมณีบนยอดเจดีย์นั้นค่อย ๆ ลองตรงเข้ามาตกสู่อ้อมอกของพระนางพอดี หากแต่เมื่อจะคว้าไว้ดวงมณีนั้นก็ลอยหายไป พระนางวิ่งไล่ตามอย่างไม่คิดชีวิต จนกระทั่งสะดุ้งองค์ตื่นขึ้น

    พระนางเป้าเต๋อเล่าสุบินนิมิตให้พระเจ้าเมี่ยงจวงฟัง พระองค์ก็เกษมสำราญยิ่งนัก ตรัสว่า "สุบินของน้องหมายถึงพระพุทธศาสนาจักแผ่ไพศาลด้วยผู้มีบุญบารมีจะมาจุติในครรภ์ ซึ่งต้องเป็นพระโอรสอย่างแน่นอน" ครั้นแล้วพระเจ้าเมี่ยวจวงได้ทรงประกาศจัดงานเฉลิมฉลองอย่างมโหฬาร หลังจากนั้นไม่นานพระนางเป้าเต๋อก็ทรงพระครรภ์สมพระทัย ปรากฎอาการแพ้ครรภ์ก็คือ จะทรงเสวยเนื้อสัตว์รวมทั้งผักที่มีกลิ่นเหม็นฉุนชนิดใดมิได้เลย ทั้งที่ยามปกติจะทรงโปรดอาหารประเภทเนื้อเป็นที่สุดก็ตาม เมื่อฝืนเสวยก็จะทรงอาเจียนออกหมด หมอหลวงตรวจแล้วก็ว่าเป็นอาการของหญิงแพ้ท้องตามปกติ ไม่มีใครรู้สึกผิดแปลกถึงความมหัศจรรย์อันสุดวิเศษภายในพระครรภ์ของพระองค์ยามนี้เลย

    เหมันตฤดูผ่านไป วสันตฤดูอันชุ่มชื่นเข้ามาเยือนแทนที่ พร้อมพระครรภ์แก่ใกล้กำหนดประสูติ ครั้นถึง วันที่ ๑๙ เดือน ๒ นางสนมในตำหนักพระนางเป้าเต๋อได้วิ่งมาทูลพระเจ้าเมี่ยวจวงว่า "พระมเหสีประสูติพระธิดาแล้วเพคะ ขอพระราชทานนามเพคะ" พระเจ้าเมี่ยงจวงทรงนิ่งอึ้ง รำพึงอย่างลืมองค์ว่า "ลูกสาวอีกแล้วรึ...พระมเหสีอาการเป็นอย่างไรบ้าง" นางสนมจึงทูลว่า "พระพลานามัยสมบูรณ์ทั้งคู่เพคะ หากเวลาประสูตินั้น นกนานาชนิดส่งเสียงร้องขับขานดั่งดนตรี มีกลิ่นหอมประหลาดอบอวลไปทั่วตำหนัก มวลดอกไม้สดชื่นแจ่มใสกว่าที่เคย และพระธิดามีกระแสเสียงก้องกังวาลกว่าทารกธรรมดาเพคะ" พระเจ้าเมี่ยงจวงฟังแล้วก็ทราบว่าพระธิดาสามต้องเป็นผู้มีบุญญาธิการใหญ่หลวงเป็นแน่ จึงทรงตรัสว่า "ให้ชื่อว่า เมี่ยวซ่าน อันหมายถึง ความดีอันวิเศษยอดยิ่ง !"

     
  12. amm.

    amm. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +613
    พระอาจารย์บอกเราว่าท่านคือโพธิสัตว์...มนุษย์เรียกท่านหลากหลาย...ท่านเป็นได้ทุกอย่างเพียงเพื่อให้เขาเหล่านั้นพ้นทุกข์...เรียกกวนอิมก็ได้...พระอวโลกิเตศวรก็ได้...หรือจะเรียก...พระอรยวโลกิเตศวรก็ได้...เรามีนามเป็นหมื่นพัน...
    คำมนุษย์ล้วนผุดจากกิเลส...หมดกิเลสก็หมดคำพูดพรรณนา....ไร้รูป...ไร้นาม...
     
  13. visanu

    visanu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +197
    นี่ๆ ในหนังเรื่องไซอิ๋วมีประวัติ ของเจ้าแม่กวนอิมนะ


    เดิมทีแล้วเจ้าแม่กวนอิมนี เป็นผู้ชาย


    เจ้าแม่กวนอิมคิดจะออกบวช ตอนนั้น พ่อและแม่ของท่านคัดค้านเป็นอย่างมาก
    เมื่อตอนท่านได้บวชแล้ว เมื่อท่านไปเทศวันไหน พ่อและแม่จะส่งคนไปทำลายวัดนั้น

    ต่อมาก็เลยไม่เทศอีก
    แล้วก็ พอท่านออกบวช พระมเหสีท่านก็จำใจจากไปไม่ได้ ทีนี้ท่านก็เลยแปลงกายเป็นผู้หญิง แล้วก็บอกนางมเหสีว่า ทีนี้ ท่านยังจะรักเราอีกหรือไม่ ทุกสิ่งในโลกล้วนว่างเปล่าอะไรนี้ล่ะ

    จำได้ไม่มากอ้ะ ลองไปหาดูนะ
    เรื่องไซอิ๋วอ้ะ ไปอันเช
     
  14. สมรปราง

    สมรปราง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2008
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +263
    อนุโมทนาข้อความข้างต้น ตามความเห็นพระอวโลกิเตศวรเปน ชาย ไม่ใช่หญิงก็เคยค้านเหมือนกันแต่มี 3..พาไปดูที่วัดไทย วัดญี่ปุ่น และวัดธิเบต แต่ละที่ใช้ศัพท์เรียกไม่เหมือนกันฟังตั้งนานก็ไม่เข้าใจ

    ญี่ปุ่นก็พูดญี่ปุ่น พระธิเบตก็พูดธิเบต ฟังแล้วปวดหัวก็ต้องอาศัยถาม....พูดอะไรก้นเนี่ย...
    ต้องรับรู้ด้วยจิตเพราะพวกเราถูกขวางด้วยความต่างกันด้านภาษา ความคิด นิกายที่แยกออกมา และมากไปกว่านั้นคือต่างศาสนา เช่น ภาษาสันสกฤต ภาษาธิเบต ภาษาจีน ขนาดมนต์เปิดถวายท่านแบบจีนกลาง จีนกวางตุ้ง ยังเรียกชื่อท่านไม่เหมือนกันเลย

    แต่สรุปแล้วก็คือองค์เดียวกัน แต่เนื่องจากการรวมภาคโปรดสัตว์ได้ไม่ทั่วถึง และสร้างบารมีช้าเกินไป และภาคหลัก (ภาคใหญ่) จะไม่ลงมา แต่จะแบ่งภาคไปตามที่ต่างๆ เพื่อโปรดสัตว์ให้ได้มากที่สุด ใครมีศรัทธามากก็มักจะสร้างเทวรูปไว้กราบไหว้หรือบูชาตามที่ได้เห็นได้หรือได้สัมผัส

    ส่วนเถรวาทกับมหายานปกติก็เข้าใจไปคนละทางอยู่แล้ว ไม่มีใครผิดใครถูกแค่ไม่ค่อยเปิดรับความเห็นภายนอกเท่านั้น แต่พระที่ปฏิบัติโดยการ "เดินจิต" จะเข้าใจเหมือนกันว่าทุกอย่างเปนแค่ร่างสมมติตามแต่จิตจะเห็นไปเท่านั้นเอง

    การพัฒนารูปแบบในการสร้างรูปเคารพพระอวโลกิเตศวรก็เกิดจากความศรัทธาและภาคที่โปรดในแต่ละที่ จากเพศชายเปนเพศหญิงเพราะเนื่องด้วยเพศชายในบางอารยธรรมก็ไม่สามารถเข้าถึงบางพวกได้ก็ต้องแบ่งภาคออกไปเปนเพศหญิงเพื่อจะได้เข้าถึงทุกสรรพชีวิต การโปรดครั้งนี้มาในรูปที่จะนำเพศหญิงบรรลุให้ได้มากที่สุด (ไม่ได้เข้าข้างผู้หญิงเพราะเห็นว่าตัวเองก็เปนผู้หญิงหรอกนะ)

    จะเข้าใจว่า “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” คือ พระชาติหนึ่งของพระเมตตรัยโพธิสัตว์ผู้จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้า....ก็ไม่น่าจะผิด

    จะเข้าใจว่า "เจ้าแม่กวนอิม" เปนภาคแบ่งก็ไม่น่าจะผิดเหมือนกัน..

    จะเข้าใจว่า "พระแม่อุมาเทวี" เปนภาคแบ่งก็ไม่น่าจะผิด...

    เพราะท้ายที่สุดแล้วทุก...มาจากที่เดียวกันคือ องค์สูงสุดซึ่งเปน "เอกะ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2009
  15. Jexxy

    Jexxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +437


    พระอวโลกิเตศวร คือ พระอวโลกิเตศวร มิได้ เป็นพระชาติหนึ่งชาติใด ของพระเมตตรัยโพธิสัตว์ พระองค์ ไม่ปรารถนาจะ นิพพาน พระองค์ ไม่ปรารถนาจะเป็นดั่งเช่นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..พระองค์ตรัสรู้ ในสิ่งที่พระองค์ปราถนาจะรู้ พระองค์ทรงวนเวียน อยู่ในโลก เพียงเพื่อ ปรารถนาที่จะช่วยเหลือมวลมนุษยื ที่ยังทุกข์ อยู่เท่านั้นเอง....พระองค์ก็ทรงเคารพ ศรัทธา ในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่นเดียวกับพวกเรา



    --*
     
  16. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ศาสนาพุทธได้เข้าสู่เมืองจีน มาตั้งแต่สมัยพุทธกาล สืบเนื่องจากการที่ฮ่องเต้จีนได้เห็นฉัพพรรณรังสีของพระพุทธองค์ปรากฏบนท้องฟ้าในตอนประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน จึงได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในครั้งนั้น(ปัจจุบันก็มีการค้นพบและยืนยันหลักฐานชิ้นนี้แล้ว ซึ่งเป้นเครื่องยืนยันการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ฮ่องเต้จีนได้รับการพยากรณ์จากโหราจีนจึงทราบว่าพระบรมศาสดาบังเกิดขึ้นในโลก ชาวจีนจึงรู้จักพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่พุทธกาลแต่ไม่รู้จักพระธรรมคำสั่งสอนว่าเป็นอย่างไร ต่อมาก็พอรู้เรื่องศาสนาพุทธจากพ่อค้าที่ไปมาหาสู่กัน จนเมื่อพันปีผ่านไป ฮ่องเต้สมัยถังจึงได้ส่งคณะฑูตไปอัญเชิญพระไตรปิฎกมาจากชมพูทวีป และแปลออกเป็นภาษาจีน และมีการบวชอย่างแพร่หลายขึ้น ศาสนาพุทธในจีนจึงมีครบทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และปักหลักมั่นคงในแผ่นดินจีนมาถึงทุกวันนี้
    แต่ชาวฮั่นมีความถือตัวจัดว่าเป็นชาติที่สูงส่ง ชาติอื่นๆถือว่าเป็นแค่ฮวนนั๊งหรือพวกป่าเถื่อนเท่านั้น นี่คือมูลเหตุ แม้ว่าชาวจีนจะเคารพพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว แต่วัฒนธรรมของจีนมีความแข็ง ไม่ยืดหยุ่นเหมือนวัฒนธรรมไทย การเผยแพร่ศาสนาพุทธในเมืองจีน จึงต้องดัดแปลงให้เข้ากับสังคมจีน มีการแปลพระสูตรเป็นแบบจีนๆ ชื่อเรียกก็ถูกเปลี่ยนแปลงเป็นแบบจีน มีการสร้างพระโพธิสัตว์แบบจีนเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่างชาตินิยมกับความศรัทธา นิทานมากมายจึงเกิดขึ้นตามมา เมื่อผ่านไปหลายร้อยปี นิทานก็กลายเป็นความเชื่อ ความเชื่อก็กลายเป็นความศรัทธา ความศรัทธาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของศาสนา
    อย่างบันทึกการเดินทางของพระภิกาเฮียนจัง หรือที่คนไทยเรียกพระถังซำจั๋ง ก็กลายมาเป็นนิทานเรื่องไซอิ๋ว เค้าโครงเรื่องของตัวเอกอย่างซุนหงอคงก็นำเรื่องที่พญามารที่มาก่อกวนงานพฉลองเจดีย์ของพระเจ้าอโศก และถูกพระอุปคุตปราบและจับมัดไว้กับภูเขาจนกลับใจปรารถนาพุทธภูมิอีกครั้ง เหมือนที่หงอคงไปอาละวาดงานฉลองบนสวรรค์และถูกจับขังไว้ใต้เขาห้านิ้ว ต่อมาก็สำนึกผิดมาเป็นศิษย์เอกของพระถังซำจั๋ง ซึ่งคนสมัยนั้นก็รุ้ว่าเป็นนิทาน แต่ผ่านมานานก็เริ่มเชื่อว่าเป็นจริงจนมีคนบูชาเทพหงอคงมากมาย เชื่อหรือไม่ว่าผ่านไปอีกหลายพันปี เราจะมีการบูชาเจ้าพ่อซุปเปอร์แมน แต่วันนี้ใครบอกว่าบูชาเจ้าพ่อซุปเปอร์แมนรับรองว่าโดนหัวเราะเยาะแน่
     
  17. idontknowitwell

    idontknowitwell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +131
    เจ้าแม่กวนอิมท่านแบ่งภาคมาจากองค์อมิตาภะ ที่ส่งลงมาโปรดสัตว์โลก เป็นคนละองค์กับพระศรีอาริย์ฯอย่างโดยสิ้นเชิง แล้วความจริงแล้ว เจ้าแม่กวนอิมในนั้นเป็นผู้หญิงในตอนที่ท่านเกิดมา แต่ความจิตวิญญาณข้างในและความคิด นั้นเกินคำว่า ชายและหญิงไปแล้ว อาจจะเรียกได้ว่าอยู่เหนือความเป็นชายและหญิงก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่เพศที่สามอย่างแน่นอน คนทุกคนสามารถที่จะบำเพ็ญบารมีจนได้ความเป็นพระโพธิสัตว์ เมื่อเข้าถึงความเป็นพระโพธิสัตว์ในขั้นแรก จะได้กาย(หรือจิตวิญญาณข้างใน)จะเป็นแบบอวโลกิเตศวรก่อน ซึ่งความจริงแล้วเป็นกายแบบมหาบุรุษ ซึ่งความจริงแล้ว เป็นกายที่อยู่เหนือความเป็นชายและหญิง และมีคุณธรรมมากกว่าความเป็นชาย ซึ่งเรียงลำดับมาดังนี้ (กายที่เป้นหญิงอยู่ในระดับล่าง ถ้ามีคุณธรรมมากหน่อยก็จะพัฒนาจนเกิดเป็นผู้ชาย จนได้เกิดเป็นผู้ชายในกายผู้ชาย และถ้าพัฒนามาอีกหน่อยก็จะอาจจะได้กายอวโลกเตศวร หรือกายพรหม ซึ่งอยู่เหนือความเป็นชายหรือหญิงเพราะมีคุณธรรมและบุญบารมีมากกว่า) แต่ในกายอวโลกิเตศวรนี้ สามารถยอมไปเกิดเป็นผู้หญิงในรูปร่างและลักษณะแบบผู้หญิงได้ เพราะส่วนใหญ่ในกายนี้ จะบำเพ็ญบารมีในด้านเมตตา ซึ่งเมื่อไปเกิดเป็นผู้หญิงแล้ว จะเหมาะกว่า และส่วนใหญ่มักจะเกิดเป็นผู้หญิง แต่เมื่อมองลึกไปในด้านของจิตใจนั้น เป็นกาย(หรือจิตวิญญาณ) ที่มีบารมีและคุณธรรมมากกว่ากายผู้ชาย มนุษย์ผู้ชาย หรือเทวดาผู้ชาย โดยทั่วไป
     
  18. idontknowitwell

    idontknowitwell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +131
    เพราะฉะนั้นมันไม่เป็นสาระ และไม่มีสาระอะไรเลยที่จะมาถกเถียงกันว่า พระกวนอิมนั้น ท่านเป็นชายหรือหญิง ดูได้จากปางต่างๆที่อ่านแบ่งภาคมาอีกที ที่มีทั้งชายและหญิง เพราะความเมตตากรุณาของท่านนั่นเอง ความจริงแล้ว กายอวโลกิเตศวรเป็นกายแบบมหาบุรุษ แต่มีความอ่อนช้อย เพราะมีเมตตา จึงมองได้ทั้งสองแบบ (ทวิลักษณ์) และเป็นกายที่มีคุณธรรมและบารมีมากกว่าความเป็นชายเสียอีก
     
  19. idontknowitwell

    idontknowitwell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +131
    ใครก็สามารถที่จะมีจิตวิญญาณข้างในและกายทิพย์แบบอวโลกิเตศวรได้ทั้งนั้น ถ้าคุณบำเพ็ญบารมีแบบอวโลกิเตศวร และพระอวโลกิเตศวรแต่ละองค์ก็มีบารมีไม่เท่ากัน แต่รู้สึกว่าอวโลกิเตศวรที่แบ่งภาคมาจากพระยูไลอมิตาภะ(เจ้าแม่กวนอิมนั้น) รู้สึกว่าท่านจะมีบารมีมากที่สุด ในกายแบบอวโลกิเตศวร
     
  20. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    อยากให้ลอง พิจารณาอีกความเห็นหนึ่ง ครับ


    <TABLE width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width=40>[​IMG]</TD><TD style="min-width: 500px"><!-- Begin Message Box--><TABLE height=36 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top noWrap width="80%">[​IMG] ความคิดเห็นที่ 12</TD><TD vAlign=top noWrap align=right width="50%">[​IMG] <!--InformVote=12--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[12], 12);</SCRIPT>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!--MsgIDBody=12-->ขอตอบ จขกท. ดังนี้นะคะ

    ก่อนอื่น จะต้องเข้าใจก่อนว่า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ กับ พระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์ ในหลักมหายานนั้น เป็นคนละองค์กัน

    พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ บังเกิดจาก พระธยานิพุทธอมิตาภะ ซึ่งเป็นพระธยานิพุทธเจ้าประจำกัปปัจุบันนี้ และความเชื่อของทางมหายาน ก็เชื่อว่าพระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า หรือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในทางเถรวาทของเรา ก็เกิดจากพระธยานิพุทธอมิตาภะองค์นี้ด้วยเช่นกัน

    พระอวโลกิเตศวรฯ จึงเป็นที่นิยมนับถือกันมาก เพราะเกิดจากพระธยานิพุทธเจ้าองค์เดียวกับพระศรีศากยมุนีพุทธ และทรงมีหน้าที่พิทักษ์ศาสนาของพระศรีศากยมุนีพุทธเจ้าไปจนกว่าจะสิ้นกัปนี้ด้วยค่ะ

    คติการนับถือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในอินเดีย ได้รับความนิยมเหนือพระโพธิสัตว์องค์อื่นๆ มาตั้งแต่ก่อนที่ศาสนาพุทธจะเข้าสู่เมืองจีนแล้ว ดังนั้นจีนจึงรับคติดังกล่าวพร้อมกับศาสนาพุทธ

    และมหายานจีนก็ยอมรับนับถือพระอวโลกิเตศวรตามแบบของมหายานอินเดีย คือเป็นเพศชาย มาตั้งแต่แรกรับคติดังกล่าวจากทางอินเดีย ภาพพระอวโลกิเตศวรไม่ว่าจะเป็นประติมากรรม หรือรูปวาดก่อนสมัยราชวงศ์ถัง เช่น ภาพวาดที่ถ้ำตุนหวง แสดงเทวลักษณะเป็นเพศชายทั้งสิ้น

    แต่ในขณะที่ราชสำนักและชนชั้นสูงของจีนรับศาสนาพุทธจากอินเดียนั้น ประชาชนจีนโดยทั่วไปต่างก็มีลัทธิศาสนาพื้นเมืองที่นับถือ "เจ้าแม่" หรือเทพนารีจีนที่มีมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาลแล้วหลายองค์ เช่น เจ้าแม่หนี่วา (Nu Wa) ซึ่งพบหลักฐานการบูชามาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง และเจ้าแม่ซีเทียนหวังหมู่ซึ่งก็เก่าแก่พอๆ กัน

    นอกจากนี้ ยังมีนิทานพื้นบ้านของจีนซึ่งกล่าวถึงสตรีชั้นสูงซึ่งเป็น "ผู้สำเร็จ" อีกองค์หนึ่ง ซึ่งต่อมาก็มีการดัดแปลงปรุงแต่งกลายเป็นเรื่องของเจ้าหญิงเมี่ยวเสียง หรือเมี่ยวซ่าน ซึ่งตำนานส่วนใหญ่ก็มีโครงเรื่องหลักๆ ที่ไม่ผิดกันมากค่ะ จะมีแต่รายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้นที่ผิดกัน

    คติการนับถือเจ้าแม่พื้นเมืองเหล่านี้มีพื้นฐานที่มั่นคงและฝังรากลึกในหมู่ประชาชนจีนมาเป็นเวลานานแล้ว ขณะที่ศาสนาพุทธซึ่งรับมาจากอินเดียนั้น ในระยะแรกๆ จนถึงต้นราชวงศ์ถัง ยังไม่สามารถแพร่ขยายไปได้มากนัก

    จนกระทั่งปราชญ์ฝ่ายมหายานจีนรับคติการนับถือเทพนารีพื้นเมืองของจีนเข้ามาผสมผสานกับองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ โดยเนื้อหาหลักๆ นำมาจากตำนานเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน ซึ่งได้รับการนับถือกันทั่วไปในขณะนั้น

    ส่วนบุคลิกลักษณะ นักเทววิทยาตะวันตกหลายท่านสันนิษฐานว่าอาจนำมาจากพระแม่หนี่วา ซึ่งปกติฉลองพระองค์ขาว และมักปรากฏร่วมกับพญามังกร เพราะเจ้าแม่หนี่วาคือนางพญามังกรองค์แรกในเทววิทยาจีน

    นอกจากนั้นเจ้าแม่หนี่วายังเป็นเจ้าแม่แห่งการสมรสและเจ้าแม่ประทานบุตร ซึ่งเป็นคติความเชื่อเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิมที่คนจีนนิยมกันมาก (แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับพระอวโลกิเตศวร)

    ดังนั้น พระอวโลกิเตศวรจากอินเดียซึ่งเป็นบุรุษเพศ จึงถูกแต่งตำนานใหม่ให้มีภาคที่เป็นหญิง คือเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน (ผสมกับเจ้าแม่หนี่วา) โดยปราชญ์ทางมหายานจีนนั้นมักจะอ้างว่า ๑ ใน ๓๒ นิรมาณกายของพระอวโลกิเตศวรตามหลักมหายานอินเดียนั้น มีปางที่เป็นหญิงสาวอยู่แล้ว

    ทั้งๆ ที่ผู้ศึกษาเรื่องพระอวโลกิเตศวรอินเดียต่างก็รู้กันดีว่า แม้พระองค์จะทรงมีนิรมาณกายที่เป็นหญิงสาวด้วย แต่ก็ไม่เคยมีนิรมาณกายใดที่เป็นเจ้าหญิงเลย

    ส่วนคำว่า กวนอิม นั้น เป็นภาษาไทยที่ออกเสียงเพียนจากภาษาแต้จิ๋วว่า กวงอิม ซึ่งภาษาจีนกลางออกเสียงว่า กวงยิน เดิมออกเสียงเต็มว่า กวงซือยิน คำคำนี้เป็นคำที่คนจีนเรียกพระอวโลกิเตศวรฯ มาแต่เดิม และก็มีความหมายเดิมว่า ผู้สดับฟังเสียงแห่งโลก ซึ่งต่อมาก็มิได้ใช้เฉพาะกับพระอวโลกิเตศวรเท่านั้น ยังใช้กับพระโพธิสัตว์พื้นเมืองของจีนองค์อื่นๆ ด้วย

    สรุปว่า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ดั้งเดิมที่เป็นเพศชาย กับ เจ้าแม่กวนอิม เป็นคนละองค์กัน และถูกนำมาผสมกัน ซึ่งเป็นคติของจีนล้วนๆ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในเนปาล ทิเบต เกาหลี ญี่ปุ่น ล้วนแต่เป็นเพศชายตามคติดั้งเดิม และไม่เคยได้รับการนับถือในฐานะเจ้าแม่เลยค่ะ

    มีแต่ที่เมืองจีน ที่เอาเจ้าแม่พื้นเมืองมาผสม แล้วก็เลยทำให้มีเทวรูปพระอวโลกิเตศวรที่เป็นบุรุษเพศตามคติดั้งเดิมอยู่ตามวัดมหายานต่างๆ และมีเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นสตรีสวมชุดนักพรตสีขาว และทำสิ่งต่างๆ ที่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ไม่ทำ เช่น อุ้มลูก ประทับมังกร แล้วก็มีบริวารเป็นเด็กชายหญิง

    การเพิ่มภาคหญิงให้กับพระอวโลกิเตศวรในเมืองจีน กระทำไปเพื่อให้ศาสนามหายานได้รับการยอมรับในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จ พระอวโลกิเตศวร (โดยเฉพาะภาคสตรีคือเจ้าแม่กวนอิม) ได้รับความนิยมแพร่หลายที่สุดในหมู่ชาวจีนมาจนทุกวันนี้ เหตุเพราะสอดคล้องกับคติการนับถือเจ้าแม่ต่างๆ ในสังคมจีนมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วนั่นเอง

    และการดัดแปลงเหล่านี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพระแม่อุมา เพราะเป็นคติที่เกิดในจีน ไม่ใช่ในอินเดีย และจีนก็ไม่มีการนับถือพระแม่อุมาด้วยค่ะ

    ส่วนพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ไม่เกี่ยวกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เลยค่ะ แม้แต่ในเมืองจีน เทวรูปพระโพธิสัตว์องค์นี้ก็ทำเป็นแบบพระจีนนั่งยิ้มหรือหัวเราะ แยกต่างหากจากพระโพธิสัตว์องค์อื่นๆ ของจีนค่ะ


    [​IMG]


    *แก้คำผิดค่ะ* <!--MsgEdited=12-->

    [SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 52 02:31:22[/SIZE] <!--MsgFile=12--><CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#442244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#442244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><TABLE cellSpacing=1 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top noWrap width=75>จากคุณ</TD><TD>: <!--MsgFrom=12-->หนอนดาวเรือง [​IMG] [​IMG] </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom noWrap width=75>เขียนเมื่อ</TD><TD vAlign=bottom>: <!--MsgTime=12-->30 ต.ค. 52 22:45:37 <!--MsgIP=12-->[​IMG] </TD></TR><TR><TD id=xscore12 vAlign=top noWrap width=75></TD><TD id=score12></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...