รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

ราคาถูกดีนะครับ
วันนี้เดินผ่าน บู๊ตของโซโลเองที่ เอาของมาลดราคา
ยังขายเจ้าตัวนี้ 195 บาท

 

รู้สึกว่า Boot ของ Solo ในห้าง ตามชั้นใต้ดิน หรือ ตามที่แต่ละห้าง จัดอีเวนซ์ ผมว่า ไม่น่าจะใช้ boot ของ Solo จริงๆ ครับ ผมก็เคยเห็นในห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เหมือนกัน ราคาแพงมาก จนผมไม่กล้าซื้อครับ

ผมคิดว่าน่าจะเป็นร้านขายอุปกรณ์ประเภทนี้ มาออกบูทเสียเองมากกว่า ต้องระวังไว้ครับ

 

ชุดอุปกรณ์ของคุณ วัสสานะ เยี่ยมเลยครับ อุปกรณ์บางอย่าง ผมก็นึกไม่ถึงจริงๆ ครับ บางอย่าง น่าสนใจ น่าจะเอาใส่ไว้ในเป้ เหมือนกันครับ

สำหรับเชื้อไฟ แนะนำ สำลี จะดีที่สุดครับ ผมซื้อสำลีแบบที่เป็นแผ่นสี่เหลี่ยม มาพับให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ถุงซิบ ได้เยอะ เลยครับ

 

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเป็นวิทยากร อบรมการดำรงชีพในป่า ที่ มหาวิทยาลัยรังสิตมาครับ มีผมเอง คุณ kitcamp , คุณ JOJO (ทีมงานเดิมที่เคยไปสัมมนาที่รพ. วิชัยยุทธ)

การอบรมครั้งนี้ หรือครั้งที่ผ่านๆมา ไม่ได้อัดแน่นเนื้อหามากนัก แต่บางส่วนก็ต้องการให้ นักศึกษาต้องทำ เพราะเท่าที่ผ่านมา ถ้าอัดแน่นทางวิชาการมากนัก เด็กจะเบื่อมาก (เพราะเข้าใจว่า เป็น ม.เอกชน) และบางทีก็จะไม่สนใจ หรือ บางคนเหนื่อยเกินไป ก็สังเกตพฤติกรรมของนักศึกษาแต่ละครั้ง แล้วค่อยปรับไปเรื่อยๆ

แต่สิ่งที่บังคับให้ทำ เช่น การหุงข้าวหม้อสนามเอง การทำกับข้าวเอง

พอนักศึกษาได้ลงมือทำเองแล้ว จะรู้สึกว่า กว่าจะได้กินต้องลำบากแค่ไหน เพราะบางคนไม่เคยทำกับข้าวเองเลย หรือ ไม่เคยลำบากเองเลยครับ

นอกจากนี้ ยังสอนเกี่ยวกับอุปกรณ์ survival อย่างอื่นด้วยครับ เช่น ให้ลองชิม MRE , Seven Ocean Emergency Food , การใช้เม็ดฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ,การจุดไฟด้วยแท่งจุดไฟ

และเสริมเรื่อง การใช้ชีวิตมนุษย์กับธรรมชาติ อย่างมีคุณค่า และเสริมผลที่ตามมา เช่น ภัยพิบัติ ครับ เป็นการปลูกฝังให้รู้จัก รักโลกให้มากยิ่งขึ้น

สำหรับครั้งนี้ ก็หวังว่า นักศึกษา ม.รังสิต ก็คงได้ไม่มากก็น้อยครับ

 

ผมว่าลองหาแป้งที่ไว้ทำโรตีก็ดีนะครับทำไม่ยากแล้วก็อิ่มดีด้วยกินได้กับของเกือบทุกอย่าง

อีกอย่างยาที่ควรพกไว้ควรจะเป็นพวกไหนดีครับขอคำแนะนำ

 

สำหรับยาที่พกติดตัวทุกวัน โดยส่วนตัวผมคิดว่า หลักๆ เวลาที่เจอเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติหรือไม่ อาจจะเกิดจากกิจกรรม Outdoor ส่วนใหญ่แล้ว จะเกิดอาการบาดเจ็บมากกว่า นอกนั้นก็จะจะมี อาการปวด , ท้องเสียจากอาหารเป็นพิษ เป็นต้น

- ยาทาแผลสด ยาแผลไฟไหม้ รวมถึง พลาสเตอรย์ยา ผ้าก๊อซ ผ้าเช็ดทำความสะอาดชุบแอลกอฮอลล์ (Algohol Prep)

- ยาแก้ปวด , พารา , ไอบูโปรเฟน

- ยาแก้ท้องเสีย , เกลือแร่ซอง

และที่ขาดไม่ได้คือ ยาประจำตัวเราเอง อย่างผมมีอาการภูมิแพ้บ่อยๆ ก็จะพกพวกยาแก้แพ้ ครับ

 

ขออนุญาตเสริมคุณก้อง เพิ่มเติมครับ

วันก่อนมานั่งนึกดูว่าหากเราจะพกอาหารแห้งนี่ จะเลือกอะไรดี

ก็พอดีมานึกได้จากความรู้ของชาวจักรยาน ที่จำเป็นต้องคำนวน พลังงานและน้ำหนักในการแบกขน อย่างละเอียดนับเป็น กรัม เลยทีเดียว

จะมีอาหารแห้ง ที่หาง่าย ไม่แพงมากน้ำหนักเบา พอควร และมีพลังงานสูงเมื่อเทียบกับน้ำหนัก

ก็คือ ลูกเกดครับ

มาคิดเล่นๆ ว่าหากต้องติดอยู่ในที่คับขันไม่มีอาหาร พกลูกเกด ซัก 2-3 ขีด เอาไว้ ผ่านไปซัก ครึ่ง ชม. กินซัก เม็ด สองเม็ด อมเอาไว้ให้ค่อยๆละลายพองในปาก ประคองไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป หากแบบนี้น่าจะพออยู่ไปได้หลายวันหน่อย

 

วิธีทำ เชื้อไฟแบบจุดติดเร็ว Tinder-Quik
ลงไว้เป็นข้อมูลนะครับ ลองทำดูแล้วใช้ได้ผลดี

อุปกรณ์
-เทียนไขธรรมดา wax candles ,น้ำมันไฟแชค Shellite (or White Gas, Coleman Fuel, Lighter Fluid) ,กาน้ำร้อน ,ภาชนะโลหะสองใบ ใบใหญ่กับใบเล็ก ,ตะเกียบไม้,กระดาษหนังสือพิมพ์สำหรับรอง



วิธีทำ
-ตัดเทียนไข ยาว 3-4 cm(ในรูปน่าจะขนาดประมาณสองบาท) ไม่เอาใส้แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในภาชนะโลหะใบเล็ก ใส่น้ำมันไฟแชคประมาณ 200ml.
-นำถ้วย-กระป๋องใบเล็กใส่ไว้ในถ้วยภาชนะโลหะใบใหญ่อีกที
-ใส่น้ำร้อนลงไปในถ้วยใบใหญ่ ระวังไม่ให้น้ำลงไปในถ้วยใบเล็ก
-เมื่อเทียนไขกับน้ำมันไฟแชคในถ้วยเล็กละลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้วใช้ตะเกียบคีบก้อนสำลีมาชุบ และบีบน้ำออกหมาดๆ
-ผึ่งให้แห้ง รอประมาณ 1-2 ชั่วโมง ถ้ามีแสงแดด





เสร็จเรียบร้อย สามารถนำไปใช้ก่อไฟ ใช้กับไม้ขีดหรือแท่งจุดไฟ ตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆได้

ระวัง ห้ามทำใกล้เปลวไฟ ระวังการสูดดม และให้ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง
ถ้าใช้ขี้ผึ้งมากเกินไปจะจุดติดยาก

ที่มา
Walk In Country : How to make a Tinder-Quik (Quick) substitute

​

 

ขอบคุณครับ ที่เอาลงให้อ่านครับ

ไอเดียดีครับ แต่ผมว่า แค่สำลี เพียวๆ ก็ติดดีแล้วนะครับ สำหรับใช้แท่งจุดไฟอ่ะ

แต่สูตร ทำเชื้อไฟ ผมจะลองไปทำแน่ๆ แต่คงไม่ใช่สำลี ครับ เพราะว่า สำลี เวลาไหม้ จะหมดเร็วมากเลยครับ

คิดว่าจะลองทำแบบกระทู้นี้ครับ

How to Make Fire Sticks

Homemade Fire Starters

 

ขอบคุณที่เพิ่มเติมข้อมูลครับ
แบบสำลีผมลองจุดติดไฟได้ประมาณ 3-4 นาทีครับ
เห็นบอกว่าใช้วัสดุอื่นมาชุบได้เหมือนกัน

วิธีตามลิงค์คุณ Kongp น่าสนใจตรงที่จุดได้นานและไม่ต้องใช้น้ำมันด้วยครับ

 

วันนี้ไปยืม เสื้อชูชีพ ที่อยู่ในเครื่องบิน จากร้าน คุณ Kitcamp มาครับ

เอาไว้เป็นตัวต้นแบบ เผื่อนำไป "ผลิตเอง"

เคยเห็นในเว็บต่างประเทศแล้ว ราคาต่อ 1 ตัว ประมาณ 5,000 กว่า บาทได้ ครับ หากต้องนำเข้ามา ราคาสูงพอสมควร ครับ

ถ้าผลิตเอง ผมว่า น่าจะราวๆ 1,000 กว่า บาท ครับ ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน กะว่าเอาตัวต้นแบบนี้ ไปให้เพื่อนที่จะให้ทำ ได้ดู และคำนวณราคา ในการทำขึ้นมาก่อนครับ

เวลาพับแล้ว เล็กมากครับ



ขอบเสื้อชูชีพ สะท้อนกับแสงไฟ ด้วยครับ



จุดนี้ เป็นไฟแฟลช (stobe) ครับ ไว้ขอความช่วยเหลือยามค่ำคืน



เชือกไว้รั้งต้นขา เพื่อให้เสื้อชูชีพพยุงตัวเราด้วยครับ เหมือนเสื้อชูชีพ ทั่วไป



ท่อเป่าชูชีพด้วยปาก ครับ



การเติมลมมี 2 ระบบ คือ เป่าด้วยปาก แบบภาพข้างบน กับ เติมลม ด้วย CO2 ครับ เจ้า CO2 ก็หาได้ตามร้านจักรยาน MTB ครับ



ใครขี่จักรยาน MTB ก็เคยเห็น เจ้า CO2 (ซีโอทู) ตัวนี้ ครับ



การใช้งานครับ



ผมคาดว่า จะลองทำมาเอง แต่คงไม่เหมือนแบบตัวต้นแบบนักครับ เนื่องจาก ข้อจำกัดด้านวัสดุอุปกรณ์ที่ทำขึ้นมา

แต่จะเน้นในเรื่องของ
- มีขนาดเล็ก ขณะพับเก็บแล้ว
- เป็นเสื้อชูชีพแบบเป่าลม

 

ขออนุญาตฝากกิจกรรมดีๆ ค่ะ

เอากำลังใจมาให้
ทุกท่านที่ทำงานเพื่อส่วนรวม
ทุกท่านที่ทำงานเพื่อแผ่นดิน
พ่อหลวงท่านทรงรับรู้ในสิ่งที่พวกเราทุกคนทำ



ขอเชิญเข้าไปเยี่ยมชมบล๊อกกับเรื่องราวดีของพระเจ้าองค์แสน

กำเนิดพระเจ้าองค์แสน
http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...roup=2&gblog=1

วัตถุประสงค์โครงการพระเจ้าองค์แสน
http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...roup=2&gblog=3

คุณคือบุคคลสำคัญ
http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...roup=2&gblog=4

ครูบาอาจารย์เมตตา
http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...roup=2&gblog=5

ร่วมเขียนคำอธิษฐาน
http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...roup=2&gblog=2<!-- google_ad_section_end -->

 

มีโครงการดีๆในกระทู้นี้ครับ ขอปรึกษาคุณก้องก่อนครับ เชิญติดตามกันได้ครับ

 

การเรียนรู้และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เป็นสิ่งสำคัญ ครับ

แม้แต่หากเกิดภัยพิบัติ ก็ต้องรู้จักการปรับตัวให้ได้

เตรียมตัวทั้งทางกาย และจิตใจ พร้อมที่จะอยู่กับมันให้ได้ครับ

อย่าให้ธรรมชาติต้องปรับเข้าหาเรา แต่เราต้องปรับให้เข้ากับธรรมชาติ

เมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไปพักผ่อน ที่ อุทยานแห่งชาติพระพุทธฉายครับ ห่างจาก กทม. แค่ 100 กม. เท่านั้นเอง

ที่นี่เงียบสงบ และนักท่องเที่ยวน้อยมาก

แต่ก็มี "มด" เยอะพอสมควรครับ

ตรงลานกางเต็นท์ มีแค่ 2 เต็นท์ เท่านั้น ผม 1 เต็นท์ กับ นักท่องเที่ยวท่านอื่นอีก 1 เต็นท์

ผมก็ไม่ค่อยมีอะไรนัก อุปกรณ์ ก็เตรียมไปแบบพื้นฐาน มีเต็นท์ ถุงนอน ไฟฉาย ปกติ ครับ

แต่เพื่อนข้างเคียงมีแทบทุกอย่าง นึกว่า supermarket

ผมเห็นว่า ลานกางเต็นท์นี้ มดเยอะมากเลยครับ ผมก็เลยทานข้าวเสร็จ พวกกล่องอาหาร ก็ยกไปเก็บไว้ในรถหมด ป้องกันมดขึ้นเต็นท์

ได้ผลนะครับ ตอนนอน ไม่ค่อยมีเท่าไหร่

ส่วนเต็นท์ข้างเคียง มีทั้ง DDT มีทั้งยาจุดกันยุง (ควันมันก็ลอยมาเต็นท์ผม)

ก็ฉีดมันเข้าไป ผมก็ว่าอันตรายมาก มดตาย คนก็อาจตายได้

หากต้องอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ก็น่าจะเรียนรู้ธรรมชาติ

หากเราไม่รบกวนมัน ไม่ตบมัน มันก็ไม่ทำร้ายเรา และไม่ยุ่งกับเรา

ผมเห็นเขาฉีดแล้วฉีดอีก มันก็ขึ้นไม่หยุด บางทีมดก็คงโมโหเป็นเหมือนกัน

ดังนั้น ควรที่จะปรับตัวเข้าหาธรรมชาติครับ

​

 

วิธีทำน้ำสะอาดฆ่าเชื้อโรคด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

เพิ่มเติมข้อมูลวิธีการทำน้ำสะอาด เพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต







วิธีทำ
-ใช้ขวดพลาสติก (ขวดแก้วก็น่าจะได้) ที่สะอาดไม่ใช่ขวดขุ่นหรือมีรอยบุบมากเกินไป ห้ามใช้ขวด pvc ขวดที่มีสีและขวดที่อ้วนมากเกินไป ขวดขนาดยาวปริมาตรไม่เกิน 2-3 ลิตร
-น้ำที่ใช้ผ่านการกรองมาระดับนึงแล้ว
-ใส่น้ำ 3/4 ของขวดเขย่า 20 วินาที และใส่น้ำให้เต็มถึงปากขวด
-นำไปวางรับแสงอาทิตย์บนพื้นผิวที่รับความร้อนและสะท้อนแสงอาทิตย์ได้
-ระวังให้แน่ใจว่าไม่มีเงาต่างๆมาตกบังแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังขวดที่จะฆ่าเชื้อโรค
(ใช้แผ่นอลูมิเนียมฟลอยด์กับตระกร้าทำที่สะท้อนแสงสำหรับทำน้ำสะอาดได้)
-ใช้เฉพาะฆ่าเชื้อโรค ไม่สามารถทำลายสารพิษหรือสารเคมีในน้ำได้
-ใช้เวลา 1 วันที่สภาพอากาศแจ่มใส หรืออย่างน้อยหกชั่วโมงเต็ม (วางตอนเช้าที่สุดเท่าที่ทำได้) 2 วันในสภาพอากาศที่มีเมฆ ท้องฟ้าไม่แจ่มใส
-น้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงอาทิตย์แล้วสะอาดพอที่จะสามารถดื่มได้

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อโรคด้วยพลังงานแสงอาทิตย์









ที่มา
http://www.sodis.ch/methode/anwendung/ausbildungsmaterial/dokumente_material/manual_e.pdf

SODIS: SODIS METHOD
SODIS: Training material

วีดีโอ
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=FnjO-y8-Crw&feature=PlayList&p=1EAAA9A06B496421&index=0"]Link1[/ame] Solar Water Disinfection (SODIS) in the Philippines

 

มีผ้าห่มฉุกเฉิน ที่ร้านไดโซะ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ราคา 60 บาท

เห็นเหลืออยู่ 8 ผืน เวลาที่ดู 18.30 น. 30 ก.ย. 2552

 

ข่าวดี จะมีกิจกรรมการ ประกวด การจัดกระเป๋าฉุกเฉิน(เป็นเป้ประเภทเดย์แพ๊ค สองสามวัน) โดยมีของรางวัลที่ร่วมใจจัดให้เป็นน้ำใจให้กันครับ

หลักในการพิจารณาคือ

-อุปกรณ์ที่จัด มีราคา คุ้มค่า (ระบุราคาอุปกรณ์และราคารวมด้วยครับ)

-ทนทาน ยืดหยุ่นกับสถานะการณ์ภัยพิบัติหลายรูปแบบ

-มีแนวคิดและหรือเทคนิค ที่ประยุกต์ให้ใช้อุปกรณ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

-น้ำหนักเบา ใช้งานได้จริง

-หากนำของที่มีอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ได้ แล้วWork มีคะแนนพิเศษครับ


ตอนนี้ทาบทามกรรมการประมาณ 4-5 ท่านมาช่วยตัดสินครับ

ของรางวัลเตรียมให้แล้ว

ทะยอยลงรูปได้เลยครับ

 

ถ้าผมลงข้อมูลวิธีทำน้ำสะอาดเพิ่มเติมครบแล้วร่วมส่งภาพการจัดกระเป๋าฉุกเฉินด้วยครับ
ท่านไหนจัดกระเป๋าแล้วมีของมากน้อยไม่เป็นไร ส่งภาพมาประกวดและแชร์ข้อมูลกันครับ

 

วิธีทำน้ำสะอาดฆ่าเชื้อโรคด้วยสารละลายคลอรีนเข้มข้น

เพิ่มเติมวิธีการทำน้ำสะอาดอีกทางเลือกครับ



ต่อยอดจากข้อมูลที่มา ของ คุณ เกษม ครับ

ชื่อผลิตภัณฑ์ สารละลายคลอรีนเข้มข้น 2 % หยดทิพย์ ว101

วิธีการใช้
-ใช้สารละลายคลอรีน 2 % หนึ่งหยด(ประมาณ 1 มิลลิลิตร ) ต่อน้ำหนึ่งลิตร สำหรับฆ่าเชื้อโรคในน้ำ -ทิ้งไว้สามสิบนาที ขณะที่ใช้เริ่มต้นควรปิดฝากันระเหยเร็วเกินไป(ใส่ในขวดน้ำหนึ่งลิตร) เขย่า ระวังพยายามอย่าสูดดมไอระเหย เวลาผ่านไปสามสิบนาทีขึ้นไปจนกลิ่นคลอรีนจางแล้วสามารถดื่มได้
-(ทดลองแล้ว สามารถดื่มได้มีกลิ่นคลอรีนจางๆ )
-เวลาใช้และเก็บพยายามให้ขวดโดนแสงแดดน้อยที่สุด
-เก็บได้ประมาณหนึ่งถึงสองปี ขึ้นกับการใช้งาน (จากการบอกของเจ้าหน้าที่)

ราคา ขวดละ 15 บาท สามารถทำน้ำสะอาดได้ถึง 100 ลิตร น่าจะเพียงพอสำหรับหนึ่งครอบครัวในยามเกิดภัยพิบัติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นอีกทางเลือก

ข้อความในฉลาก

หยดทิพย์ (ว 101)

ประกอบด้วย คลอรีน 2 %
วิธีใช้ ใช้หลอดดูดสารละลายหยดทิพย์แล้วหยดใส่น้ำที่ต้องการฆ่าเชื้อโรคในอัตรา ส่วนหยดทิพย์ 1 หยดต่อน้ำ 1 ลิตร

หมายเหตุ
1 การหยดสารละลายหยดทิพย์ในน้ำที่ต้องการฆ่าเชื้อโรคน้ำต้องไม่มีความขุ่น
2 ถ้าน้ำที่ต้องการฆ่าเชือ้โรคมีความขุ่นต้องตั้งทิ้งไว้ให้ตกตะกอนหรือกรองแล้วนำเฉพาะส่วนใสมาฆ่าเชื้อโรคด้วยหยดทิพย์
3 หลอดหยดหลังใช้งานแล้วต้องทำให้สะอาดก่อนเก็บใส่ถุง
4 สามารตรวจสอบค่าคลอรีนอิสระคงเหลือด้วยชุด ว 720 หลังใส่หยดทิพย์แล้วประมาณ 30 นาที

คำเตือน
1 เก็บให้พ้นมือเด็ก
2 อย่าให้เข้าตาและสัมผัสผิวหนัง
3 ห้ามรับประทานโดยตรง
4 หากถูกมือให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาด
5 หากเข้าตาให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้งแล้วรีบไปพบแพทย์
6 เก็บรักษาสารละลายหยดทิพย์ในที่มืด
สารละลายคลอรีนเข้มข้น 2 % ขวดละ 100 มิลลิลิตร

สามารถซื้อได้ที่ ตึกศูนย์ห้องปฏิบัติการกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
โทรศัพท์ 02-968-7069-10
มีการผลิตให้บริษัทเอกชน ไม่ค่อยมีประชาชนคนทั่วไปซื้อมากนัก
จากการสอบถาม เจ้าหน้าที่บอกว่า
สารละลายคลอรีนเข้มข้น สามารถทำได้เอง โดยใช้
คลอรีนผง 60 % ปริมาณจำนวน 33.33 กรัมละลายด้วยน้ำกลั่นเป็น 1 ลิตร แล้วกรองกากออก น้ำที่ได้คือสารละลายคลอรีนน้ำ 2 % มาทำน้ำสะอาดได้เช่นเดียวกัน วิธีเก็บเก็บขวดทึบสีชาไม่โดนแสง
(คลอรีนผง Calcium hypochlorite กิโลกรัมละประมาณ 50 บาท)

ข้อมุลเพิ่มเติม
v101
คลอรีนผงและคลอรีนน้ำ

 

ขอเชิญมาลงรูป และร่วมสนุกเรื่องการจัดกระเป๋าฉุกเฉินกันครับ เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆและส่วนรวม

ตอนนี้เน้น เรื่องแผ่นดินไหว และน้ำท่วมไว้ก็ดีครับ ช่วงนี้มาให้เห็นถี่เหลือเกิน