พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    จะว่าไปแล้วก็น่าจะยุคเดียวกันครับ ที่หมู่บ้านผมทั้งหมู่บ้านมีอยู่เครื่องเดียวครับ ช่วงแรกใช้แบตฯรถยนต์ ต่อมาใช้เครื่องปั่นไฟ ... สำหรับเด็กๆ กลางคืน จันทร์-อังคาร นี่หนังจักรๆวงค์ๆ(สุวรรณหงส์,สี่ยอดกุมาร,แหวนมรดก,สิงหไกรภพ etc..), เสาร์-อาทิตย์ หนังการ์ตูนญี่ปุ่น(มด x มดแดง) ช่วงบ่ายก็จะเป็นรอบผู้ใหญ่เชียร์มวยกัน ถ้าเป็นการชกมวยสากลแบบชิงหรือป้องกันแช้มป์ แข่งบอลไทย โอลิมปิค หรือเอเชียนเกมส์ ก็จะมาดูทั้งหมู่บ้านรวมพระสงฆ์-เณรน้อยด้วยครับ เขาจะเป็นบ้านแบบประตูเหล็ก แบบเลื่อนปิด เก็บตังส์ครับ ! คนละ 50 สตางค์ ใครไม่มีก็ใช้ไข่เป็ดไข่ไก่ตนละฟอง ถ้าเป็นหน้าหนาวก็จะใช้ลูกบักนุ่นที่แก่แล้วคนละ 5 ลูกครับ ใครไม่มีก็นั่งฟังเสียงอยู่ข้างนอก+อากาศหนาวๆอีก เห็นมั๊ยหล่ะครับ กว่าพวกเราจะได้ดู TV กัน หุหุ อ่อ..หน้าฝนต้องระวังกันหน่อยเพราะเสาส่งมันสูง บางทีก็รับสัญญาณไม่ได้ หรือฟ้าผ่าเป็นต้น เอวังครับ :)

    เกือบลืม อย่าไปถามหานะ TV สีอ่ะ มี 2 สี มีภาพวิ่งไปวิ่งมา มีคนคุยกันก็สุดจะยอดอยู่แล้ว อิอิ :)
    ขอยืมภาพหน่อยนะท่านเลขาฯ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2009
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ได้ยินคุณnongnooo บอกผมว่า พระปิดตา แรงมากครับ

    ส่วนพระสมเด็จ อกครุฑ และ อรหัง เป็นพระวังหน้าธรรมดา

    ส่วนสี่แบบในเบญจภาคี ไม่มีอะไรครับ

    ผมจะนำไปให้ชมกันในวันประชุมชมรมรักษ์พระวังหน้าครับ
     
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่ะแผนโปรโมตเพื่อนอีกแล้วนาคร๊าบ หุ หุ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมไม่ได้โปรโมตครับ แต่เป็นเรื่องจริงๆ อิอิ

    _Hi__ _Hi__ _Hi__ _Hi__ _Hi__
     
  5. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    ยังไม่ดูเลยครับ ถ้ายังงัยเดี๋ยวโทรหาครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 104 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 99 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, เสียงตามสาย, แหน่ง+, พิมพาภรณ์+, พรสว่าง_2008+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ่า สวัสดีครับทุกท่าน
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเคยเจอผีครั้งแรก ก็เพราะต้องไปดูทีวีบ้านเพื่อนนี่แหละครับ
    กลัวจริงๆ จนมาเจอพระวังหน้า ตอนนี้หายกลัวแล้วครับ

    [​IMG]
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เด็กที่คลอดหลังจากพ่อเสียชีวิต กับสิทธิในการรับมรดก/ทนายข้างบ้าน
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 กันยายน 2552 11:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ท่านผู้อ่านเคยสงสัยกันไหมครับว่า หากคู่สามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เพียงอยู่ด้วยกันเฉย ๆ แล้ววันหนึ่งหากตั้งครรภ์ขึ้นมา ซึ่งในขณะที่ภรรยาตั้งครรภ์ก็เกิดเรื่องเศร้าให้สามีต้องจากโลกนี้ไปก่อน ส่วนภรรยาก็เลือกที่จะแต่งงานใหม่กับชายคนอื่น โดยให้ลูกที่เกิดมาไปใช้นามสกุลของชายคนนั้น คำถามก็มีอยู่ว่า เด็กที่คลอดออกมานั้นจะยังมีสิทธิในมรดกของพ่อแท้ ๆ ของตนอยู่หรือเปล่าหนอ

    คำถามนี้มีคำตอบครับ แต่ก่อนจะไปหาคำตอบ ลองฟังเรื่องราวทั้งหมดดูก่อน

    เรื่องมีอยู่ว่านายป๋องได้อยู่กินฉันสามีภริยากับนางบุญ โดยมิได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย ทั้งสองอยู่กินด้วยกันบนที่ดินของนายป๋องและมีบุตรด้วยกันคือ ด.ช.หวาน ซึ่งขณะที่นางบุญตั้งครรภ์ ด.ช.หวาน นายป๋องได้ถึงแก่ความตาย หลังจากนายป๋องถึงแก่ความตายและคลอด ด.ช. หวานแล้วประมาณปีเศษ นางบุญได้มีสามีใหม่ชื่อนายสัก โดยมิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายเช่นกัน โดยนางบุญให้ ด.ช.หวานใช้นามสกุลของนายสักแทนนามสกุลของนายป๋องเพราะเห็นว่านายป๋องถึงแก่ความตายไปแล้ว

    นอกจาก ด.ช.หวานแล้วนางบุญยังมี ด.ช.โอ๊กเป็นบุตรที่เกิดกับนายสักอีก1คน นางบุญกับนายสักอาศัยทำกินอยู่ในที่ดินของนายป๋องมาโดยตลอด จนลูก ๆ โตเป็นหนุ่ม ต่อมานายสักถึงแก่ความตาย นางบุญซึ่งรักนายโอ๊กมากเห็นว่าตนคงอยู่ได้อีกไม่นานจึงตัดสินใจยกที่ดินให้นายโอ๊กแต่เพียงผู้เดียว โดยยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดโอนที่ดินดังกล่าวให้ในชื่อของนายโอ๊ก

    เมื่อนายหวาน ลูกชายคนโตทราบเรื่องดังนั้นจึงได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้ศาลยกเลิกเพิกถอนการโอนและขอให้ศาลมีคำสั่งให้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของตน โดยให้เหตุผลต่อศาลว่าที่ดินเป็นของนายป๋องซึ่งเป็นบิดาที่แท้จริงของตนแม้ตนจะใช้นามสกุลของนายสักซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงก็ตาม เมื่อนายป๋องถึงแก่ความตายที่ดินจึงควรตกได้แก่ตนโดยทางมรดก นางบุญไม่มีสิทธิโอนที่ดินให้นายโอ๊กแต่อย่างใด

    โดยคดีนี้นายโอ๊กได้ยื่นคำให้การโต้แย้งคัดค้านต่อศาลว่าที่ดินควรเป็นของตนเนื่องจากในขณะที่นายป๋องถึงแก่ความตายนายหวานยังไม่เกิดมีเพียงนางบุญเพียงคนเดียวที่เป็นผู้มีสิทธิรับมรดกของนายป๋อง เมื่อนางบุญโอนยกที่ดินให้แก่ตนแล้วที่ดินจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของตน

    อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงเชียร์นายหวาน ลูกชายคนแรกกันมากพอดูทีเดียว ซึ่งศาลเองก็พิเคราะห์แล้วเห็นว่านางบุญและนายป๋องอยู่กินฉันสามีภริยากันโดยเปิดเผยเป็นที่รับรู้ของบุคคลอื่นทั่ว ๆ ไป และมีบุตรด้วยกันโดยนายป๋องถึงแก่ความตายขณะนางบุญตั้งครรภ์นายหวาน พฤติการณ์ของนายป๋องและนางบุญที่ปฏิบัติต่อกัน แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า นายป๋องยกย่องนางบุญเป็นภริยาและยอมรับว่าเด็กที่เกิดจากนางบุญเป็นบุตรนายป๋อง นางบุญตั้งครรภ์นายหวานขณะที่นายป๋องยังไม่ถึงแก่ความตายและไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นให้เห็นว่านายป๋องปฏิเสธหรือไม่ยอมรับว่าเด็กในครรภ์นางบุญไม่ใช่เป็นบุตรนายป๋อง จึงต้องถือว่านายป๋องได้รับรองว่านายหวานเป็นบุตรนายป๋องและต้องถือว่านายป๋องได้รับรองว่านายหวานเป็นบุตรนายป๋องตั้งแต่อยู่ในครรภ์นางบุญแล้ว แม้นายหวานจะใช้นามสกุลของนายสักซึ่งเป็นบิดาของนายโอ๊ก ก็ไม่ทำให้นายหวานกลายมาเป็นบุตรของนายสักไปได้ และต้องถือว่านายหวานเป็นบุตรนายป๋องตามความเป็นจริง นายหวานจึงอยู่ในฐานะผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายป๋องและเป็นทายาทของนายป๋องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 และมาตรา 1604 แม้ขณะนายป๋องถึงแก่ความตายนายหวานยังไม่มีสภาพบุคคลก็ตาม แต่มาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ให้สิทธิแก่ทารกในครรภ์มารดาสามารถมีสิทธิต่าง ๆ ได้ หากว่าภายหลังคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก นายหวานซึ่งเป็นทารกอยู่ในครรภ์มารดา ขณะนายป๋องถึงแก่ความตายและต่อมาคลอดแล้วรอดอยู่ จึงได้รับประโยชน์จากบทบัญญัติมาตรา 1627เช่นเดียวกันกับเด็กที่คลอดจากครรภ์มารดาแล้วด้วย

    เมื่อนายป๋องถึงแก่ความตายที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์มรดกของนายป๋องที่จะตกทอดไปยังทายาทของนายป๋องตามกฎหมาย นางบุญอยู่กินฉันสามีภริยากับนายป๋องโดยมิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายจึงไม่มีสิทธิได้รับมรดกของนายป๋อง นายหวานจึงเป็นทายาทของนายป๋องแต่เพียงผู้เดียว ที่ดินพิพาทจึงตกได้แก่นายหวาน ซึ่งยังเป็นเด็กเล็กและอาศัยอยู่กับนางบุญมารดา

    ดังนั้น จึงต้องถือว่านางบุญครอบครองดูแลที่ดินพิพาทแทนนายหวานซึ่งเป็นผู้เยาว์มาตลอด แม้ต่อมานางบุญจะได้นายสักเป็นสามีและรับนายสักเข้ามาอยู่ร่วมกันในที่ดินพิพาทก็ตาม แต่ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่านางบุญและนายสักครอบครองที่ดินพิพาทโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนหรือเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าไม่มีเจตนายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทแทนนายหวานอีกต่อไป นางบุญและนายสักจึงไม่เกิดสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทและยังต้องถือว่าบุคคลทั้งสองครอบครองที่ดินพิพาทแทนนายหวานมาตลอด เมื่อนางบุญโอนการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่นายโอ๊ก นายโอ๊กก็ไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทดีไปกว่านางบุญผู้ครอบครองที่ดินแทนนายหวาน นายโอ๊กเป็นเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนนายหวานตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนเท่านั้น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>รู้จัก "ของหวาน" ก่อนป้อนน้ำตาลให้ลูก
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 กันยายน 2552 09:20 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ปัจจุบัน มองไปทางไหน อาหารว่างของเด็กไทยก็หนีไม่พ้น "ของหวาน ๆ" ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมเจ้าอร่อย ขนมหวานน้ำแข็งไสหน้าโรงเรียน น้ำอัดลมแก้วโต ฯลฯ ซึ่งต้นเหตุที่ทำให้เด็กติดอกติดใจในขนมเหล่านั้นก็คือรสหวานนั่นเอง เพราะรสหวานนอกจากจะทำให้เกิดความพึงพอใจในรสอาหารแล้ว ยังมีผลทำให้เด็กอยากรับประทาน เติมได้เรื่อย ๆ ไม่ค่อยรู้สึกอิ่ม

    อย่างไรก็ดี การติดหวาน นำมาซึ่งปัญหาต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง กระดูกผิดปกติ ฟันผุ เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจ ซึ่งเราเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองคงไม่ต้องการให้ลูกต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสุขภาพเหล่านั้นเป็นแน่

    วันนี้เราจึงมองหาข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณน้ำตาลที่พบในอาหารหวานแต่ละชนิด มาบอกเล่าให้ได้ทราบกันค่ะ ส่วนจะมีอาหารชนิดใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลยค่ะ

    น้ำอัดลม 1 ขวด มีน้ำตาล 7 ช้อนชา
    นมหวาน 1 กล่อง มีน้ำตาล 4 ช้อนชา
    ท็อฟฟี่ 1 เม็ด มีน้ำตาล 1 ช้อนชา
    เค้ก 1 ชิ้น มีน้ำตาล 6 ช้อนชา
    ขนมหม้อแกง 1 ชิ้น มีน้ำตาล 5 ช้อนชา
    ทองหยอด 7 เม็ด มีน้ำตาล 10 ช้อนชา
    เต้าส่วน 1 ถ้วย มีน้ำตาล 5 ช้อนชา
    น้ำกระเจี๊ยบ 1 แก้ว มีน้ำตาล 3 ช้อนชา

    แม้ว่าขนมบางส่วนในรายการด้านบนจะสามารถหาซื้อได้ตามหน้าโรงเรียน แต่เมื่อได้ทราบปริมาณน้ำตาลกันแล้วก็เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะมองหาทางเลือกใหม่ให้กับอาหารว่างของลูก ๆ กันมากขึ้นนะคะ และทีมงานก็ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกซื้อขนมสำหรับเด็กมาฝากกันด้วยค่ะ

    หลักในการเลือกซื้อขนมให้เด็ก

    - ไม่ควรให้ทานขนมกรุบกรอบเกิน 1 ซองเล็กต่อวัน
    - พิจารณาสีขนม ไม่ควรฉูดฉาด มองหาขนมที่ใช้สีจากธรรมชาติ
    - เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ไม่ควรให้ทานขนมประเภทลูกอม ลูกกวาด หรือถั่วเป็นเม็ด ๆ เพราะอาจติดคอ เป็นอันตรายได้
    - ไม่ควรเลือกขนมเคลือบน้ำตาลที่เหนียวติดฟันให้เด็กกิน หรือขนมที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ๆ ให้เด็ก
    - การที่พ่อแม่ผู้ปกครองอ่านฉลากก่อนซื้อจะทำให้เด็กได้ซึมซับลักษณะนิสัยที่ดีไปด้วย
    - ไม่ควรอนุญาตให้เด็กเติมน้ำตาล น้ำผึ้งในของว่าง เพราะจะทำให้เด็กติดหวาน

    ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากกลุ่มงานโภชนวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สอนเด็กให้สู้...เมื่อหนูถูกเพื่อนแกล้ง ควรหรือไม่?
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 กันยายน 2552 17:59 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=240 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=240>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เรื่องราวการกลั่นแกล้งกันเองของเด็ก ๆ ในโรงเรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา เชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจหากผู้ปกครองยุคปัจจุบันหลายท่านที่ลงไปสัมผัสแล้วจะเกิดความรู้สึกตกใจ ประหลาดใจ หรือหวาดหวั่นว่าทำไมเด็ก ๆ จึงกลั่นแกล้งกันได้หลากหลายรูปแบบ (แถมบางวิธียังคล้ายคลึงกับการกระทำของตัวร้ายจากละครโทรทัศน์เสียอีก)

    ในสมัยของผู้เขียนเอง เมื่อเกิดเหตุการณ์ถูกเพื่อนแกล้ง และมาเล่าให้ครอบครัวฟัง ก็มักจะได้รับคำแนะนำให้ "บอกคุณครู" เพื่อให้คุณครูเป็นผู้จัดการปัญหาให้ แต่ก็เชื่อว่ามีคุณพ่อคุณแม่ไม่น้อยค่ะ ที่เสนอให้ลูก ๆ "สู้" อย่าไปยอมให้เพื่อนแกล้งแต่เพียงฝ่ายเดียว

    อย่างไรก็ดี สิ่งที่จะเกิดตามมาหลังจากสอนให้ลูกสู้นั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านต้องการก็เป็นได้ค่ะ เพราะมันก็คือการปลูกฝังความรุนแรงชนิดหนึ่งลงในจิตใจของเด็ก ๆ สอนให้เด็กใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา แต่ทางแก้จะเป็นเช่นไรนั้น วันนี้เรามีความเห็นดี ๆ จากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันค่ะ

    เริ่มจากคุณวันชัย บุญประชา ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวถึงทางออกในปัญหาดังกล่าวเอาไว้ว่า "ในการสอนลูก มีสิ่งที่พ่อแมควรยึดไว้ ก็คือไม่ควรสอนให้ลูกตอบโต้ด้วยความรุนแรง คือมีการโต้ตอบได้ แต่เราต้องสอนลูกให้ค้นหาวิธีที่จะจัดการปัญหานั้น ๆ อย่างถูกต้อง ซึ่งจะหาวิธีที่ถูกได้อย่างไร เราคงต้องเอาเรื่องราวมาวิเคราะห์ถึงต้นตอ เช่น ถ้าเพื่อนรังแก หรือเพื่อนคนนี้ชอบเล่นแรง สิ่งที่พ่อแม่ควรจะสอนลูกก็คือว่า เราเลี่ยงที่จะไม่เล่นกับเพื่อนคนนี้ได้ไหม หรือหาผู้ที่มีอำนาจมากกว่ามาคอยจัดการ เช่นคุณครู มันเป็นวิธีที่เด็กจะเรียนรู้ว่า การหาทางออกแบบนี้ไม่ใช่เรายอมแพ้ ไม่ใช่เราอ่อนแอ และเด็กที่มาแกล้งเราก็ได้รับการจัดการจริง ๆ"

    "ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับในความเป็นเด็ก เด็กบางคนอาจไม่ทราบว่าควรจะมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนอย่างไร หรืออยู่ที่บ้านแล้วพ่อแม่ใช้ความรุนแรงจนเคยชิน จึงนำมาแสดงออกกับเพื่อน ๆ"

    ด้านอาจารย์เมธิกา ธนไพศาลกิจ อาจารย์ฝ่ายปกครอง โรงเรียนสวนอนันต์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวว่า "ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน การทะเลาะกันก็ไม่ดีทั้งนั้นค่ะ แต่ในมุมของครู มองว่า เด็กที่ถูกแกล้งควรจะมาบอกให้ครูทราบ ไม่ควรตัดสินใจด้วยตัวเองใช้กำลังโต้ตอบกลับไป หรือกรณีที่มีเพื่อนมาท้า ก็ไม่ต้องไปรับคำท้าก็ได้ ไปบอกคุณครู ให้คุณครูเรียกเพื่อนต้นเหตุมาตักเตือนน่าจะดีกว่า เพราะถ้าเกิดเป็นเหตุทะเลาะกันขึ้นมา ความผิดก็มีเท่า ๆ กัน โดนทำโทษก็โดนเท่า ๆ กัน"

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=271 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=271>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "ในจุดนี้ พ่อแม่และครอบครัวสำคัญที่สุด พ่อแม่ที่ดีไม่ควรจะสอนให้ลูกไปหาเรื่อง หรือทะเลาะกับใคร ส่วนการสอนให้ลูกโต้ตอบเพื่อนที่มาแกล้งก็ไม่ถูกต้องนัก แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่บางท่านเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องสู้บ้าง แต่จริง ๆ แล้ว การหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันนั้นน่าจะเป็นการดีกว่าค่ะ"

    แนวทางแก้ไข เมื่อถูกเพื่อนคุกคาม

    ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวยังได้ให้แนวทางแก่พ่อแม่ในการสอนลูก ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนจอมแกล้งในโรงเรียนด้วยว่า

    "นอกจากการเลี่ยงไม่เล่นกับเพื่อนคนนั้นแล้ว บางครั้ง เด็กก็สามารถแสดงสีหน้า ท่าทาง โดยอาจหยุด ยืนมองหน้าเพื่อนคนนั้น และการใช้เสียงดังตอบกลับไปว่า ไม่ชอบ ก็จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่สามารถคุกคามได้ และการที่เด็กใช้เสียงดัง ก็จะทำให้คนรอบข้างหันมาสนใจ อาจมีคุณครูเข้ามาช่วยแก้ปัญหา"

    "น่าเสียดายที่ทักษะเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่บางท่านไม่ทราบ และสอนให้ลูกใช้กำลังโต้ตอบกลับไป มันจะทำให้เด็กซึมซับเรื่องการใช้ความรุนแรง ใครใช้กำลังได้มากกว่าก็จะกลายเป็นหัวโจก ซึ่งในจุดนี้ก็ต้องถามว่า แล้วพ่อแม่จะอยากให้ลูกโตขึ้นไปเป็นคนแบบนี้หรือ"

    "สำหรับคุณครู เมื่อพบว่าเด็กที่ถูกกระทำพยายามหาวิธีเลี่ยง เช่น มาแจ้งครู ก็ต้องชมเชยเด็กคนนั้น ว่าหนูทำให้เพื่อนได้มีโอกาสแก้ปัญหา เด็กจะได้ภูมิใจ ว่าเขาไม่ได้ใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ และเขาก็ได้รับคำชมว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง"

    ขณะที่สื่อต่าง ๆ เช่น ละครโทรทัศน์หลังข่าว ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เด็กสามารถซึมซับการใช้ความรุนแรงเหล่านั้นจากสื่อด้วยเช่นกัน

    ในจุดนี้ อาจารย์เมธิกากล่าวว่า "ละครโทรทัศน์หลังข่าว เป็นแหล่งในการถ่ายทอดความรุนแรงชั้นดีสู่จิตใจของเด็ก ๆ เลยทีเดียว ปัจจุบันมีเด็กบางคนพยายามหักขาโต๊ะ ขาเก้าอี้เพื่อนำมาเป็นอาวุธเลียนแบบในละคร หรือละครบางเรื่องก็เน้นการตบตี ใช้กำลัง สิ่งเหล่านี้ คนเป็นพ่อแม่ต้องดูแลใกล้ชิด หากยอมให้ลูกดูก็ต้องอธิบายว่านี่มันเป็นละคร แต่ในมุมมองของครูแล้ว ไม่เห็นด้วยที่จะฉายละครเหล่านี้ให้เด็กได้รับชมในช่วงเวลาดังกล่าวค่ะ หากจะฉายก็ควรฉายดึก ๆ ไปเลย ให้เด็กเข้านอนแล้วจะดีกว่า"
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. dhipaya

    dhipaya สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีคะ พระสมเด็จพิมพ์พิเศษ "สมเด็จฝ่ายใน" กรุวังหน้ามีไหมคะ หน้าตาท่านจะเหมือนกับองค์ที่ลงหนังสือ ทีเด็จพระสมเด็จหรือเปล่า รบกวนขอความรู้คะ ขอบคุณคะ
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไอซีทีติวเข้มเว็บมาสเตอร์ สกัดเว็บไซต์ไม่เหมาะสม

    ˹ѧ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ร่วมกับหน่วยงาน อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และสำนักงานตำตำรวจแห่งชาติ สัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต 100 ราย และผู้ให้บริการเก็ตเวย์ถึงข้อพิจารณาการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย ที่ผ่านมาผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตร่วมมือปฏิบัติตามคำสั่งศาลน้อย ให้การปิดเว็บไซต์ไม่เหมาะสมเป็นไปอย่างเคร่งครัด ด้วยการเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะประธานคณะทำงานบูรณาการ ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย กล่าวว่า ขณะนี้พบว่าเว็บไซต์ 3 อันดับแรกที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากที่สุด ได้แก่ เว็บไซต์การพนัน เว็บไซต์ลามกอนาจาร และเว็บไซต์หลอกลวง ส่งผลให้กลุ่มวัยรุ่นติดการพนันทางอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก ก่อให้เกิดปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ ขณะที่การบังคับใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ได้ผลน้อย จึงต้องเข้มงวดกับทางผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต โดยภาครัฐจะเป็นผู้ติดตามเว็บไซต์เหล่านี้ เมื่อพบจะแจ้งให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตปิดกั้นทันที หากสามารถบูรณาการได้ จะทำให้สามารถปิดกั้นเว็บไซต์ดังกล่าวได้ 70-80%

    พ.ต.อ.สุชาติกล่าวว่า ส่วนบทลงโทษที่ผู้ให้บริการจะได้รับ หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง รวมถึงการเพิกถอนใบอนุญาตโดย กทช. ที่ผ่านมาปัญหาของผู้ให้บริการที่ไม่ปิดกั้นเว็บไซต์ตามคำสั่งของศาลเนื่องจากไม่มีเครื่องมือที่เพียงพอ ซึ่งในความเป็นจริงผู้ให้บริการไม่จำเป็นต้องลงทุนจำนวนมาก ขณะที่การกรองเว็บไซต์ไม่เหมาะสมมีความหละหลวม เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปดูแล แต่ปล่อยให้เอกชนและรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ดูแลและปิดกั้น ซึ่งมักจะกล่าวอ้างถึงต้นทุนและผลกำไรอยู่เสมอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2009
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของพระสมเด็จ มีอยู่หลายประเด็นที่สำคัญ

    1.เรื่องของพิมพ์พระ ส่วนใหญ่จะเป็นความเห็นของช่างสิบหมู่ หากท่านใดเห็นว่าพิมพ์ไหนสวย ท่านก็จะทำพิมพ์นั้น

    2.พิมพ์ที่พิเศษ จะมีอยู่ไม่กี่พิมพ์ เช่น พิมพ์ฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว 2408 (ทั้งหมด 8 พิมพ์) หรือ พิมพ์ราชกุมาร ส่วนพิมพ์อื่นผมไม่ทราบนะครับ

    3.การสร้างพระให้กับฝ่ายใน ก็เป็นพิมพ์ปกติครับ ไม่ได้เป็นพิมพ์ที่พิเศษแต่อย่างใด เพราะว่า ฝ่ายในมีทั้งวังหน้า ,วังหลวง และวังหลัง

    4.ส่วนรุ่นที่เป็นพิเศษ ก็เป็นรุ่นที่ บุทอง ,บุเงิน และบุนาค เนื่องจากการสั่งให้สร้าง (พระราชดำรัส หรือพระบัณฑูร) จากองค์ผู้ให้สร้างมีเพียง 2 ท่านก็คือ พระมหากษัตริย์ และ วังหน้า เท่านั้น

    5.ที่สำคัญที่สุด จะมีอยู่อีก 2 เรื่องก็คือ การทราบว่า พิมพ์ไหน พิเศษอย่างไร ต้องใช้วิธีการนั่งสมาธิ (ผมได้เคยอธิบายไว้ในกระทู้นี้บ้างแล้ว) หรือ มีหลักฐานบางอย่างที่เชื่อถือได้ครับ
     
  14. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    ...ห๊า.....มึน..มึนครับ ยังไม่หายมึนเลยอ่ะครับ เจอ รุ่นโมดิไฟล์ จากพี่หนุ่ม...หงายเก๋งเลยครับท่าน...
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กรมการขนส่งทางบก
    ?Á?҃??ʨ??ҧ??

    [​IMG]


    ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ โทร. 1584
    กรมการขนส่งทางบก


    <TABLE height=20 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=688 align=center background="ศูนย์ข้อมูลข่าวสาร บขส_files/bat.jpeg" border=0><TBODY><TR><TD background="ศูนย์ข้อมูลข่าวสาร บขส_files/bat.jpeg" height=8>


    ขั้นตอนวิธีดำเนินงานและการพิจารณาเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ


    กรมการขนส่งทางบก (1584)<O:p</O:p

    <O:p</O:p

    ---------------------------------------<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    1. เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนจากศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ พิจารณาดำเนินการดังนี้
    1.1. คัดแยกเรื่องเพื่อพิจารณาดำเนินการ<O:p</O:p
    1.1.1 กรณีเรื่องร้องเรียนมีข้อมูลเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถ วัน เวลา สถานที่เกิดเหตุ และพฤติการณ์<O:p</O:p
    ในการกระทำความผิดชัดเจน จะดำเนินการ ดังนี้<O:p</O:p
    (1) การร้องเรียนนั้นเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 และพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ.2522 จะทำหนังสือเรียกตัวผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าของรถหรือผู้ขับรถ แล้วแต่กรณีมาชี้แจงข้อเท็จจริง ภายใน 3 วัน<O:p</O:p
    (2) การร้องเรียนนั้นเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ.2522 จะมีหนังสือ<O:p</O:p
    แจ้งเจ้าของรถหรือผู้ขับรถ เพื่อเป็นการปรามและตักเตือน และจัดทำหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องเรียนทราบ<O:p</O:p
    (3) กรณีขอให้ติดตามทรัพย์สินหายหรือลืมไว้บนรถ จะประสานงานไปยังรายการวิทยุเพื่อประชาชน เช่น จ.ส.100, ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อประกาศให้ผู้ขับรถนำทรัพย์สินมาคืน กรณีนี้จะแจ้งให้ผู้ร้องทราบและติดตามคืนด้วยตนเอง<O:p</O:p
    (4) กรณีร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำผิดทางอาญา หรือความผิดที่มีโทษจำคุก เช่น การกระทำอนาจาร ,ทำร้ายร่างกาย จะดำเนินการแจ้งผู้ร้องเรียนให้แจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีด้วยตนเอง<O:p</O:p
    1.1.2 กรณีเรื่องร้องเรียนมีข้อมูลที่ยังไม่ชัดเจน จะส่งผู้ตรวจการไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง<O:p</O:p
    หากพบว่า มีการกระทำความผิดจริงตามข้อร้องเรียน ผู้ตรวจการจะทำการจับกุมและลงโทษผู้กระทำผิด<O:p</O:p
    โดยการเปรียบเทียบปรับ ณ จุดตรวจ หรือออกคำสั่งผู้ตรวจการ ทันที และแจ้งผลการดำเนินการให้ผู้ร้องทราบ<O:p</O:p
    1.1.3 กรณีผู้ตรวจการตรวจสอบพบว่า มีการกระทำผิดจริง แต่ไม่สามารถดำเนินการจับกุมและลงโทษผู้กระทำผิดได้ในทันที จะทำการบันทึกรายละเอียดและถ่ายภาพไว้แล้ว รายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบและจัดทำหนังสือเรียกตัวผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าของรถ หรือผู้ขับรถ แล้วแต่กรณี มาชี้แจงข้อเท็จจริงและดำเนินการลงโทษที่ส่วนตรวจการขนส่ง อาทิ ความผิดที่ตรวจพบเป็นความผิดเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขนายทะเบียน ในส่วนที่เกี่ยวกับสถานที่จอด เก็บ ซ่อม บำรุงรักษารถ <O:p</O:p
    1.1.4 กรณีที่มีหนังสือเรียกตัวผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าของรถหรือผู้ขับรถ จะกำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ขับรถหรือเจ้าของรถ มารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือเรียกตัว<O:p</O:p
    1.1.5 หากผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าของรถหรือผู้ขับรถ ไม่มารายงานตัวภายในกำหนดเวลาตามข้อ 1.1.4 จะอายัดการดำเนินการทางทะเบียน ภายใน 30 วัน นับแต่วันออกหนังสือเรียกตัว<O:p</O:p
    - 2 -<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    2. เมื่อผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ขับรถหรือเจ้าของรถ มาพบเจ้าหน้าที่จะทำการสอบข้อเท็จจริงและพิจารณา
    ดำเนินการดังนี้
    2.1. ผลการสอบข้อเท็จจริงหากผู้ถูกร้องเรียน ยอมรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดตามข้อร้องเรียนจริง จะทำการเปรียบเทียบปรับตามความผิด ทำให้คดีเลิกกันตามกฎหมาย ต่อจากนั้นจะรายงานผลการดำเนินการให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนแจ้งผู้ร้องเพื่อทราบ ภายในระยะเวลา 3 วัน<O:p</O:p
    2.2 ผู้ถูกร้องเรียนยอมรับสารภาพว่า กระทำผิดตามข้อร้องเรียนจริง แต่ไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบหรือ<O:p</O:p
    ไม่ชำระค่าปรับ ภายใน 30 วัน หากเป็นกรณีที่หน่วยงานรัฐเป็นผู้เสียหาย อาทิ ผู้ประกอบการขนส่งจัดการเดินรถไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนด เป็นต้น ก็จะดำเนินการเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ภายในระยะเวลา 5 วัน แต่หากเป็นกรณี ความผิดส่วนตัวซึ่งผู้ร้องเป็น<O:p</O:p
    ผู้เสียหายก็จะแจ้งให้ผู้ร้องทราบเพื่อให้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบโดยตรงต่อไป<O:p</O:p
    2.3. กรณีข้อร้องเรียนนั้น เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ.2522 และผลการสอบข้อเท็จจริงปรากฎว่าผู้ถูกร้องเรียนให้การปฎิเสธความผิดตามข้อร้องเรียน จะดำเนินการ<O:p</O:p
    - ถ้าประชาชนเป็นผู้เสียหายแจ้งผู้ร้องเรียนดำเนินคดีด้วยตนเองภายใน 3 วัน<O:p</O:p
    - ถ้าหน่วยงานของรัฐเป็นผู้เสียหายจะดำเนินการทำหนังสือร้องทุกข์ดำเนินคดีภายใน 5 วัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    3. เมื่อดำเนินการตามข้อ 1.2 แล้ว ผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าของรถ หรือผู้ขับรถ ไม่มาพบเจ้าหน้าที่ภายในกำหนดรายงานตัวเพื่อสอบข้อเท็จจริง
    3.1. กรณีประชาชนเป็นผู้เสียหาย (ความผิดต่อส่วนตัว) แจ้งผู้ร้องเรียนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีด้วยตนเองโดยตรง ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันพ้นกำหนดให้รายงานตัว<O:p</O:p
    3.2. กรณีเป็นความผิดต่อแผ่นดิน (กรมการขนส่งทางบกเป็นผู้เสียหาย) จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานสอบสวน ภายใน 5 วัน<O:p</O:p

    <O:p</O:p

    4. เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมีหนังสือแจ้งผล หรือแจ้งผลทางโทรศัพท์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณีทราบภายใน 5 วัน

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    -----------------------------------------------------<O:p</O:p

    <O:p

    ขั้นตอนระยะเวลาและวิธีดำเนินงานการพิจารณาเรื่องร้องเรียนการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ<O:p</O:p
    2. การดำเนินการภายหลังรับเรื่องร้องเรียน<O:p</O:p
    2.1 กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคำร้องและพิจารณาแล้วเห็นว่าขาดองค์ประกอบของการกระทำความผิดตามพระราช-บัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 หรือข้อมูลไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่อาจติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาพิจารณา โทษได้ จะเสนอความเห็นเพื่อยุติเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนแจ้งให้ผู้ร้องทราบต่อไป<O:p</O:p
    ตัวอย่างเรื่องร้องเรียนที่อาจพิจารณายุติเรื่อง<O:p</O:p
    - ขาดรายละเอียดของวัน เวลา หรือสถานที่เกิดเหตุ<O:p</O:p
    - ขาดรายละเอียดเกี่ยวกับทะเบียนรถหรือหมายเลขข้างรถคันที่เกิดเหตุ<O:p</O:p
    - รายละเอียดพฤติกรรมของผู้ถูกร้องเรียนไม่ชัดเจน เช่น ร้องเรียนว่าผู้ขับรถหรือผู้เก็บค่าโดยสารพูดจาไม่สุภาพกับผู้โดยสารแต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าไม่สุภาพอย่างไร หรือผู้ขับรถขับรถประมาทหวาดเสียวฯ ก็ไม่ได้ระบุพฤติกรรมในการขับขี่รถ เป็นต้น<O:p</O:p
    - พฤติกรรมของผู้ถูกร้องเรียนไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522<O:p</O:p
    อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะพิจารณายุติเรื่อง เจ้าหน้าที่จะดำเนินการติดต่อผู้ร้องอีกครั้งหนึ่ง เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม โดยหากได้ข้อมูลครบถ้วนก็จะดำเนินการต่อไปตามข้อ 2.2<O:p</O:p
    2.2 กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคำร้องและพิจารณาเห็นว่ามีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์จะดำเนินการดังนี้<O:p</O:p
    2.2.1 กรณีที่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน จะแจ้งให้ฝ่ายตรวจการ 1, 2, หรือ 3 ดำเนินการตรวจสอบ ภายในระยะเวลา 7 วัน <O:p</O:p
    2.2.2 แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ประกอบการขนส่งหรือผู้ประจำรถที่ถูกร้องเรียนมาชี้แจงข้อเท็จจริงและเปรียบเทียบปรับภายในระยะเวลา 20 วัน <O:p</O:p
    - 2 -<O:p</O:p

    กรณีผู้ถูกร้องเรียนมารายงานตัวภายในระยะเวลาที่กำหนด<O:p</O:p

    - ผู้ถูกร้องเรียนยอมรับว่ากระทำผิดตามข้อร้องเรียน เจ้าหน้าที่ก็จะทำการเปรียบเทียบปรับบุคคลดังกล่าว มีผลให้คดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา <O:p</O:p
    - <O:p</O:p
    - รายงานผลการดำเนินการตามแต่กรณีดังกล่าว ให้ผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบภายในระยะเวลา 3 วัน<O:p</O:p
    กรณีผู้ถูกร้องเรียนไม่มารายงานตัวภายในระยะเวลาที่กำหนด<O:p</O:p

    - จัดทำหนังสือแจ้งเตือนให้มารายงานตัวภายในระยะเวลา 20 วัน โดยผู้ถูกแจ้งเตือนมีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่ง <O:p</O:p
    - นายทะเบียนเพิ่มขึ้นอีกบทหนึ่ง<O:p</O:p
    - หากผู้ถูกแจ้งเตือนไม่มารายงานตัวภายในระยะเวลาที่กำหนด การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ก็จะเข้าสู่กระบวนการในการแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดี หรือแจ้งผู้ร้องเรียนเพื่อดำเนินการดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น <O:p</O:p
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เสี่ยว์จงซ่งท่าน : มอบถ่านไม้กลางหิมะ
    China - Manager Online

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 กันยายน 2552 18:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>雪中送炭

    雪 (xuě) อ่านว่า เสี่ยว์ แปลว่าหิมะ
    中 (zhōng) อ่านว่า จง แปลว่า ท่ามกลาง
    送 (sòng) อ่านว่า ซ่ง แปลว่า ส่งมอบ
    炭 (tàn) อ่านว่า ท่าน แปลว่า ถ่านไม้



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=262 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=262>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ที่มา ����Ʒ�ղ� Ͷ�� ���� - �ص� </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ในสมัยคริสศตวรรษที่ 976 ราชวงศ์ซ่ง เมื่อฮ่องเต้ไท่จู่ (เจ้า ควงอิ้น) สวรรคตจากอาการประชวร พระอนุชานาม เจ้า กวงอี้ ขึ้นครองราชย์แทนในนามของฮ่องเต้ไท่จง

    ยามที่ ฮ่องเต้ไท่จง อยู่ในราชบังลังค์ ได้ทรงใช้ชีวิตอย่างประหยัด มัธยัสถ์ และปฏิเสธที่จะใช้เงิน หรือทองคำมาประดับตกแต่งราชวังโดยเด็ดขาด

    ครั้งหนึ่ง หลังเสร็จจากการว่าราชการแผ่นดิน ขณะที่กำลังเสด็จผ่านอุทยาน ทรงเห็นขันทีผู้น้อยผู้หนึ่งกำลังโดนว่ากล่าวตบตี จึงได้หยุดสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น หัวหน้าขันทีจึงคุกเข่ากราบทูลว่า “เจ้าคนไร้ประโยชน์ผู้นี้ ได้รดน้ำดอกดอนญ่าเขียว ที่เป็นบรรณาการจากต่างประเทศจนตาย พระเจ้าข้า”

    ฮ่องเต้ไท่จงได้ฟังจึงตรัสว่า “ปล่อยเขาเสีย เพราะเรื่องนี้มิใช่ความผิดของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงเพราะเขาไม่คุ้นเคยกับดอกไม้ต่างแดนประเภทนี้ หาได้ตั้งใจทำให้มันตายไม่ ข้ารู้มาว่าดอกไม้ประเภทนี้เติบโตอยู่ทางแดนใต้ เมื่อย้ายมันมายังภาคกลางย่อมไม่อาจเติบโตได้ดี จากนี้ไปข้าขอตั้งกฎว่า ห้ามให้มีการทุบตีผู้คนเพียงเพราะต้นไม้ใบหญ้าเช่นนี้อีก”

    ขันทีผู้น้อยเมื่อได้ฟัง ก็เกิดความซาบซึ้งกระทั่งหลั่งน้ำตา กล่าวคำสรรเสริญให้ท่านฮ่องเต้อายุยืนหมื่นๆ ปี

    อีกเหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้นในช่วงเดือน 7 ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวยิ่งนัก ฮ่องเต้ไท่จงเสด็จออกมาจากห้องบรรทม พลันรู้สึกคอแห้ง ต้องการดื่มน้ำบ๊วยเย็นๆ สักแก้ว เมื่อยามจะเอ่ยปากกลับนิ่งไป พร้อมทั้งพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเมื่ออยู่ตามลำพัง ขันทีผู้รับใช้ใกล้ชิดจึงเอ่ยถามว่า “เมื่อสักครู่นี้ ท่านฮ่องเต้ทรงต้องการรับสั่งสิ่งใด ข้าน้อยเห็นท่านเหมือนจะเอ่ยปากแต่กลับนิ่งเงียบ ท่านต้องการสิ่งใด ทรงบอกข้าน้อยได้หรือไม่พระเจ้าข้า”

    ยามนี้ฮ่องเต้ไท่จงจึงตรัสว่า “ข้าอยากดื่มน้ำบ๊วยเย็นๆ แต่นึกไปนึกมาข้ารู้ว่าในวังของเราไม่มีของสิ่งนี้ จึงไม่ได้เอ่ยปาก เพราะหากข้าเอ่ยปาก แม้ว่าตอนนี้ไม่มี แต่วันหน้าวันหลังพวกเจ้าคงต้องตระเตรียมน้ำบ๊วยเอาไว้เผื่อข้าเรียกหาทุกๆ วัน แต่ตัวข้าก็คงไม่ได้อยากดื่มมันทุกวันเป็นแน่ ดังนั้นจึงเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ข้าเป็นเจ้าแผ่นดิน ย่อมต้องไตร่ตรองให้จงหนัก ไม่อาจเพิ่มภาระให้ประชาชนเพียงเพื่อตามใจปากตนเอง แม้ว่าจะมีผู้เต็มใจรับใช้ข้ามากเพียงใดก็ตาม”

    ไม่นาน ฤดูหนาวก็มาถึง ลมตะวันตกเฉียงเหนือนำพาพายุหิมะมา ทุกๆ แห่งเปลี่ยนเป็นสีเงินยวง อากาศหนาวเย็นจับใจ ขนาดฮ่องเต้ไท่จงทรงฉลองพระองค์ด้วยหนังสุนัขจิ้งจอกยามเสด็จออกกลางแจ้ง กลับยังรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนต้องรับสั่งให้คนก่อไฟ ทั้งยังทรงดื่มสุราเพื่อไล่ความหนาว ยามนั้นเมื่อความหนาวบรรเทาลง ฮ่องเต้ไท่จงทรงทอดพระเนตรไปยังนอกกำแพงวัง และคิดว่า “หิมะตกหนักเช่นนี้ ทั่วทั้งเมืองคงมีผู้คนที่ขาดแคลนถ่านไม้ ขาดแคลนข้าวปลาอาหารอยู่ไม่น้อย คนพวกนั้นย่อมลำบากกว่าข้าหลายเท่านัก” เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงรับสั่งให้ขุนนางปกครองเมืองหลวงเข้าเฝ้า เพื่อนำถ่านไม้และข้าวสาร อาหารแห้งไปแจกจ่ายให้กับชาวเมืองที่กำลังประสบความยากลำบากเนื่องจากความหนาวเย็นและขาดแคลนอาหาร

    เมื่อความช่วยเหลือไปถึง ผู้คนที่กำลังตกอยู่ในความยากลำบาก ต่างซาบซึ้งในความเมตตาของฮ่องเต้ พากันแซ่ซ้องสรรเสริญทั่วทั้งแผ่นดิน

    “มอบถ่านไม้กลางหิมะ” หมายถึง มอบถ่านไม้ให้ในช่วงเวลาที่หิมะตกเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ขจัดความหนาวเย็น” ใช้เปรียบเปรยกับการให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะในด้านกายภาพหรือด้านจิตใจ กับผู้ที่กำลังตกอยู่ในความยากลำบาก

    สำนวนนี้ใช้ในตำแหน่ง ภาคแสดง(谓语) กรรม(宾语) หรือส่วนขยายนาม(定语)

    ตัวอย่างประโยค
    对于他们,第一步需要还不是“锦上添花”,而是“雪中送炭”。
    สำหรับพวกเขา สิ่งจำเป็นอันดับแรกไม่ใช่การ “ปักลายบนผ้าไหม” แต่เป็นการ ~
    (“ปักลายบนผ้าไหม” หมายถึงเพิ่มสิ่งดีๆ ให้ผู้ที่เพียบพร้อมอยู่แล้ว ได้ดีมากยิ่งขึ้น)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    China - Manager Online
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กรมการขนส่งทางบก
    �����â��觷ҧ��


    [​IMG]


    <TABLE class=st_tbcss id=STM0_0__2___ onmouseover=doitov(event,this,st_menus[0].bodys[0].items[2]); title="" style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px; BORDER-TOP: #ffffff 0px; BACKGROUND: url(bg3.gif); BORDER-LEFT: #ffffff 0px; CURSOR: default; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px" onclick=doitck(event,this,st_menus[0].bodys[0].items[2]); onmouseout=doitou(event,this,st_menus[0].bodys[0].items[2]); height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" VALIGN="MIDDLE"><TBODY><TR><TD class=st_tdcss id=STM0_0__2___MTD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; COLOR: #0000ff; PADDING-TOP: 5px" vAlign=center noWrap align=left height="100%">ร้องเรียนรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2552</TD><TD class=st_tdcss id=STM0_0__2___RRTD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px" width=3>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ร้องเรียนรถตาม พ.ร.บ. การขนส่งทางบก
     
  18. dhipaya

    dhipaya สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    กราบขอบพระคุณ คุณSithipong คะ พิมพ์ฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้ามี 8 พิมพ์นับรวมพิมพ์จุฑามณีด้วยใช่ไหมคะ ไปสอบถามท่านอ.ประถมเรื่องพิมพ์จุฑามณีท่านเลยเมตตามอบให้หนึ่งองค์ คล้ายๆกับตัวเองมีอยู่ก็มาค้นดู องค์ที่ท่านให้มาย่อมกว่าหน่อยแต่สวยงามชัดเจนมาก ส่วนของดิฉันที่มีองค์ใหญ่กว่าแต่ไม่สวยเท่าไร นอกจากนั้นท่าน อ.ประถม ยังมอบพระสมเด็จฝ่ายในองค์จิ๋วอีก 3 องค์ นับว่าดิฉันโชคดีมากเลยคะ ต้องกราบขอบพระคุณท่านอ.ประถมอีกครั้ง แต่ที่ถามมาใหม่เพราะยังสงสัยอีกเพราะไปเห็นพระสมเด็จนางใน (ไม่ใช่ฝ่ายใน)จากหนังสือ อ.พล นิลผึ้ง คะ
     
  19. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    สวัสดีชาวรักษ์พระวังหน้าทุกท่าน วันนี้ว่ากันว่าเป็นวันดีอีกวันหนึ่ง คือตรงกับวันที่ 9 เดือนที่ 9 ปี 2009 ดังนั้นจึงขอบริจาคเงินสบทบทุนสร้าง อาคารสงฆ์อาพาธ-ผู้ป่วยใน รพ.เลย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวนเงิน 500 บาทครับ
    [​IMG]
    โมทนาสาธุครับ :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2009
  20. dhipaya

    dhipaya สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีคะ วันนี้ไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์มาคะ รบกวนขอจองหนังสือ "ปู่เล่าให้ฟัง" จองถุกที่หรือเปล่าคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...