~รู้ไว้ก่อนใส่บาตร (สำคัญมากๆ)~

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Likely, 3 กันยายน 2009.

  1. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821


    5555555+ เอาเรื่องจิงมาพูดเล่นกัน ขำๆ

    ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร


    1. นิมนต์พระ

    หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว

    เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา

    การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า

    เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่

    ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี

    รอซักพัก พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน

    การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า "นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน" แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว

    ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า

    "ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะ

    นิมนต์เจ้าค่ะ" (ใช้คำไฮโซมาก)

    มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า "นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์" (เอ่อ โยม

    อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว)

    การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ

    โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง "นิ โมนน!!" (แง้ ทำไมต้องตะคอกด้วย - -")

    การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย

    ถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่

    ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่

    พรรษา

    มากก็เรียกหลวงตา หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ

    แล้วแต่จะลำดับญาติ

    อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า "นิมนต์ค่ะ

    หลวงลุง" ทำเอาเสีย

    self จนอยากสึกออกไปทำ baby face

    โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร

    เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่า

    กวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์

    หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ



    2. จบ

    อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ

    การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน

    การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป

    เคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอเราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่

    ขอบอกว่านานมากกกกกกก

    นานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า "โยมขออะไรเราน้า?"



    3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า

    จริงๆแล้ว

    จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูงกว่าท่าน



    เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า

    แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้า

    ซึ่ง

    มีหลายประเภทเหมือนกัน เช่น

    บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -" (สูงกว่าเดิมอีก)

    บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท

    พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า)



    เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนนึงยืนใส่บาตรพระ

    พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า

    พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควรถอดรองเท้าใส่บาตรนะ"

    โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า

    โยม : เอ่อ จะดีเหรอคะ

    พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม

    โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า

    โยม : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ

    อิบ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร

    อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านนึงเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล

    (เรื่องขำขันขณะฉันเพล)

    พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่



    4. ใส่บาตร

    อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร

    สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า

    บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตร

    พระฉันไป เข้าห้องน้ำไป

    พวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า

    เห็นแก่ตัว หากินกับพระ



    ก็ฝากด้วยนะครับ เด๋วทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ

    นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า

    เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ

    นำความร้อนได้ดี

    ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป

    เคยมีโยมใส่บาตรด้วย "กล้วย ๓ หวี"

    กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่า

    แต่นี่ใส่ "กล้วยหอม" (อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ)

    คิดดู "กล้วยหอม ๓ หวี" อยู่ในบาตร หนักมากกกก จนอยากบอกโยมว่า "โยม

    อาตมาไม่ใช่ช้าง"

    การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม

    โยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!!

    นึกว่ากาลิเลโอกลับ



    ชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55)

    ขั้นตอนต่อไปคือ



    5. รับพร

    หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร

    เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้

    ก้มหัวแต่พองาม

    เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว

    (ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ

    เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก))

    ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสม

    ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป



    การใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้

    ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆ


    ตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะครับ พี่น้อง




     
  2. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
  3. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ดีค่ะหนูที่ลงเกี่ยวกับเรื่องนี้

    อย่าแหกคอกเหมือนยายผีป่า ขอยกตัวอย่างดังนี้นะคะ



    วันนี้วันโกน ตรงกับวันเปิดสารทด้วยสิคะ (ยายผีป่าไม่รู้หรอกว่าวันไหนวันพระ วันโกน อาศัยจิตมันบอก ที่บ้านไม่มีปฏิทิน เพื่อนส่งมาให้ ลูกๆ เอาไปแจกหมด)


    ทีนี้ยายผีป่่ากับแม่ผัวไปวัดประจำหมู่บ้านด้วยกัน

    คิดว่าไปถวายเพล วันนี้วันดีคนคงแน่นวัด เพราะประเพณีที่อิสาณเขาจะเริ่มโยนกระยาสารทกันที่วัด แต่ที่นี่เงียบ วัดโล่ง ไร้วี่แววคนจะมาเพล

    ที่บ้านอิสาณ แม้จะวันปกติ เพลก็มีชาวบ้านออกวัดถวายเพลกัน อย่างน้อยก็สามสี่บ้านหละ


    เลยบอกแม่แฟนว่า ดีจังมตอนคนไม่มี แสดงว่า พระจะได้ทานของร้อน ไม่ใช่ข้าวตอนเดินบาตรเช้า เหลือฉันเพล ชืดหมด

    พอได้ยินเสียงรถจอด เจ้าอาวาสวัย ๘๗ เดินออกมาชะเง้อ เราสองคนเดินขึ้นไป (อ้อ...๓ สิ อุ้มลูกสองขวบไปด้วย)


    ยายตะโกนทักท่านดังๆ (เพราะรู้ว่าตาท่านฟางและหูตึง)

    ท่านถามว่า วันนี้ไม่ใช่วันพระมาทำไม

    ยายผีป่าถามว่า

    จะรับไหมละเพลหลวงตา

    ท่านตอบว่ารับๆๆ

    ยายผีป่าเลยตะโกนนิมนต์ท่านว่า

    "เอ้ามานี่เลยหลวงตา"

    พอไปในศาลาก็พูดกึ่งตะโกนอีกว่า หลวงตาหาที่ทางได้ยังว่าจะนั่งตรงไหน เดี๋ยวหนูจัดเพลถวาย ฉันองค์เดียวเนาะหลวงตาสบายเลยเพราะพระลูกวัดไม่เห็นลงมาเลยไป กับข้าวห้ามเหลือนะหลวงตา"

    ท่านก็บอกว่า

    "มึงพูดดังๆ กว่านี้ได้ไหม กูขี้เกียจอ่านปากมึง"


    ยายผีป่าเลยคิดว่าขืนพูดดังขึ้น คงคอแตก ท่านหูตึงมาก แต่ท่านก็ทนสวดให้พรค่ะ สงสารท่านเพราะกว่าท่านจะสวดได้แต่ละคำ ท่านแทบจะหมดแรง สงสารท่านเลยบอกท่านว่า

    "หลวงตาไม่ต้อง เดี๋ยวหนูสวดเอง"
     
  4. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    *-*


    black_pigblack_pigblack_pig

     
  5. gold-nippan

    gold-nippan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +45
    เป็น ข้อเขียน ที่ดีมากๆๆเลยครับ
    ขออนุโมทนาด้วย ครับ
     
  6. สน2550

    สน2550 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +280
    รู้สึกขำขำดี แต่ก็มีสาระที่ดี ที่หลายๆคนยังไม่ทราบ
     
  7. panaone99

    panaone99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +292
    เมื่อนึกถึงตอนทำบุญตักบาตร มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อดิฉันอายุประมาณ15 หรือ16 ประมาณนี้ คือมันนานมากแล้ว เป็นวันตรงกับวันเกิด ก็ลุกขึ้นแต่เช้ามากจัดแจงทำอาหารคาว ผลไม้ พร้อมเงิน 20 บาทใส่ซอง เอาโต๊ะตัวเล็ก วางหน้าบ้าน พร้อมอาหารและข้าวสวย เพื่อเตรียมตัวตักบาตร เพราะความที่ตื่นตอนเช้ามาก ก็รอพระมาบิณฑบาต รอแล้วก็ยังไม่มา ดูนาฬิกาเอ้า ตายแล้ว ตี4 กว่าๆเอง เช้าเกินไป ก็เข้าบ้านด้วยความง่วงนอน ก็นอนซักหน่อย กะว่าประมาณตี5เดี๋ยวตื่น แต่ไม่ทราบว่าอย่างไรหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มีเสียงหลานสาวที่อยู่บ้านติดกันมาเรียก อาๆ พระมารอบิณฑบาต เอ้าตายหล่ะว้า รีบลุกขึ้น เห็นท่านยืนรออยู่ ตกใจไม่ทราบว่าท่านรอนานแค่ไหนแล้ว จะเรียกโยมก็ไม่กล้า ดีน่ะที่หลานสาวเห็น เลยกล่าวขอโทษท่าน
     
  8. ภัทรวรรณ

    ภัทรวรรณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +50
    อนุโมทนาสาธุค่ะ ใส่บาตรทีไร ตอนใส่นึกถึงเจ้ากรรมนายเวร กับ ตถาคตได้ไหมคะ......?
     
  9. nutbeauty

    nutbeauty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +272
    ฮากระจายแบบมีสาระมาก ขอบคุณนะคะ(ยังขำไม่เลิกพร้อมกับนึกถึงตัวเองก็ทำแบบนั้นหลายอย่าง)
     

แชร์หน้านี้

Loading...