พุทธพานิชย์?-เรืื่องจริงที่เจอมากับตัวเอง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย tatumabcd, 12 กรกฎาคม 2009.

  1. tatumabcd

    tatumabcd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +3,197
    อาจจะยาวสักหน่อย แต่อยากให้ลองอ่านกันดูครับ เป็นเรื่องจริงของตัวผมเองครับ

    ประมาณ ๓ - ๔ ปีที่ผ่านมา ชีวิตผมประสบกับปัญหาที่หนักหนาสาหัสมาก ชนิดที่เรียกว่าเหมือนตายทั้งเป็นทีเดียว (ขอไม่บอกแล้วกันว่าคืออะไร เพราะไม่ใช่ประเด็นหลักที่ต้องการสื่อ)
    หลังจากผ่านพ้นการใช้หนี้กรรมจากปัญหาหลักมาได้ ก็ต้องมาผจญกับปัญหาต่อเนื่องอื่น ๆ อีกมากมาย จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ตอนนั้นชีวิตผมไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไรดี สุดท้ายเท่าที่สติปัญญา ณ ขณะนั้นจะนึกออก คือการหวังพึ่งสิ่งที่เรียกกันว่า " วัตถุมงคล" นั่นเอง

    ตอนนั้นเรียกว่าหาข้อมูลทั้งจากทางเว็บต่าง ๆ เดินสนามพระเป็นว่าเล่น รุ่นไหนที่เขาว่าดี ใช้แล้วเงินทองไหลมาเทมา ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเป็นต้องหาเช่าบูชามาอาราธนาติดตัวไว้ ผลคือปัญหาต่าง ๆ ที่มีอยู่ ถึงจะไม่หายไปหมดเสียทีเดียว แต่ก็ค่อย ๆ คลายตัวขึ้น จนเริ่มมีวัตถุมงคลมากขึ้น ๆ จากหาเช่าบูชาที่หลักร้อย ก็กลายเป็นหลักพัน จนถึงหลายพัน (บอกแล้วว่าเงินมีน้อย ได้แค่ระดับราคานี้แหละ) จนเริ่มคิดที่จะขายวัตถุมงคลเพื่อทำกำไรบ้าง แต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะว่าทำแล้วมันรู้สึกไม่สบายใจมาก ๆ โดยในช่วงแรกนี้วัตถุมงคลที่บูชามาทั้งหมด กว่า ๙๐% จะมาจากสนามพระทั้งสิ้น

    แต่ ณ เวลานั้น ตัวผมมันก็ยังเลวเป็นปกติ ศีล ๕ น่ะรึ ยุงนี่ถ้ามันมากัดจะยังไม่ตบในทันที จะรอให้มันกินจนเลือดเป่งแล้วจึงเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณนั้นให้มันถอนปากไม่ได้ แล้วค่อย ๆ เอานิ้วบี้ให้เลือดกระจายด้วยความสะใจ เห็นการมีกิ๊กเป็นเรื่องสนุกสนาน (ถึงตอนนั้นผมจะยังไม่ได้แต่งงานก็เถอะ) เหล้าก็กินเป็นปกติมาตั้งแต่สมัยเรียน (แต่ผมจะกินตามโอกาสเท่านั้น เช่นงานเลี้ยงรุ่น หรือสังสรรค์ที่ทำงาน) แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเริ่มหาอ่านหนังสือธรรมะ เพราะอยากรู้ว่ามีพระองค์ไหนดี องค์ไหนดังเป็นหลัก ธรรมะเป็นเรื่องรอง และเริ่มสวดมนต์เนื่องจากทราบมาว่าการสวดมนต์ทำให้ชีวิตดีขึ้นได้

    ตอนนั้นยังเป็นลักษณะสะเปะสะปะ เรียกว่าทั้ง สายนิพพานสูญ นิพพานไม่สูญ อุทิศบุญให้เชื้อโรค เบิกบุญมาใช้ก่อน ฯลฯ ผมอ่านมาหมด แต่ก็สักแต่ว่าอ่านไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน สวดมนต์นี่สวดเกือบทุกบท พาหุงฯ ชินบัญชร ไปจนยอดพระกัณไตรปิฎก ธรรมจักรฯ ฯลฯ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกลึกซึ้งกินใจแต่อย่างใด สักแต่ว่าทำตามไป
     
  2. tatumabcd

    tatumabcd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +3,197
    จนในวันหนึ่งเมื่อประมาณ ๒ ปีที่ผ่านมา ผมได้อ่านหนังสือของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ทำให้ผมติดใจในคำสอนของท่าน ทำให้ผมต้องไปหาอ่านคำสอนของท่านที่มีอยู่มากมาย จนพบว่าทุกอย่างที่ผมสงสัย ถูกเฉลยจนหมดสิ้น คำสอนของท่านนั้นอธิบายได้ตรงกับใจเรามากที่สุด แต่เสียดายที่ท่านมรณภาพไปตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ ทำให้ผมเสียดายที่พลาดโอกาสในการไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน จึงทำได้เพียงจุดธูปเทียนบอกกล่าวขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านต่อหน้าโต๊ะหมู่บูชา พร้อมกับอ่านคำสอนของท่านในเรื่องต่าง ๆ (แน่นอนต้องมีเรื่องเกี่ยวกับวัตถุมงคลของท่านด้วย)

    หลังจากนั้นผมได้รู้เรื่องเกี่ยวกับ บาป บุญ ทาน ศีล ภาวนา นรก สวรรค์ นิพพาน ฯลฯ จึงทำให้เริ่มกลัวกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำมา จึงเริ่มพยายามรักษาศีล ๕ ทั้งงดเหล้า เลิกกิ๊ก (อันนี้น่าเสียดายมากกว่าเหล้าอีก ๕๕๕๕) เลือกฆ่าสัตว์ (โดยเจตนา) จนทุกวันนี้พัฒนาขึ้นเป็นพยายามรักษาศีล ๘ มาได้ประมาณครึ่งปีแล้ว (ที่ใช้คำว่าพยายาม เพราะยังต้องคอยโกหกเพื่อหนีภรรยาไปทำบุญ ๕๕๕๕) เริ่มมีการนั่งสมาธิ ทำกรรมฐาน แต่ก็ยังมีการบูชาวัตถุมงคลอยู่ เพียงแต่ผมเลิกบูชาจากสนามพระนานแล้ว บูชาจากวัดแทนเพราะถือว่าเราทำบุญไปด้วยในตัว (ก็คนมันชอบนี่ครับ)

    บางคนบอกว่าวัดทำวัตถุมงคล เป็นเรื่องงมงาย เป็นพุทธพานิชย์ ผมได้ยินเรื่องทำนองนี้ทีไร ก็ได้แต่หัวเราะ หึ ๆ อยู่ในใจนึกถึงตัวเองว่า ก็ไม่ใช่เพราะเริ่มจากชอบในวัตถุมงคลรึ? ถึงได้พัฒนาต่อยอดมาเป็นการรักษาศีลเจริญสมาธิดังทุกวันนี้ และถ้าจะมองการบูชาวัตถุมงคลเป็นการทำบุญ ดูจากกำลังใจเลว ๆ แบบตัวผมนะ ถ้ามีซองมาให้ใส่ทำบุญเฉย ๆ เนี่ย ๑๐๐ บาทก็เต็มที่แล้ว แต่ถ้ามีแบบว่าทำ ๕๐๐ บาทได้วัตถุมงคลเป็นที่ระลึก ก็ควักไปเลยครับ ๕๐๐ บาท แน่นอนว่าถ้าพูดจริง ๆ แล้ว การคิดแบบนี้คือการวางกำลังใจไม่ถูกต้องเพราะมีความอยากได้วัตถุมงคลนำหน้าการทำบุญ แต่จะมากจะน้อยส่วนที่เป็นบุญนั้นต้องได้แน่ ตรงนี้แหละที่จะสะสมกำลังไปเรื่อย ๆ จนช่วยให้ต่อไปเราจะวางกำลังใจได้ดีขึ้นเอง
     
  3. tatumabcd

    tatumabcd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +3,197
    ครูบาอาจารย์ท่านเคยกล่าวทำนองว่า การที่พระทำวัตถุมงคลนั้น
    ๑. เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ คือ ถ้าทำเป็นรูปพระถ้าเรานึกถึงท่านทุก ๆ วันก่อนใส่สร้อยหรือก่อนถอดสร้อย ก็เท่ากับว่าเป็นพุทธานุสติ ถ้านึกถึงพระสงฆ์ผู้สร้างหรือทำเป็นรูปพระสงฆ์ก็กลายเป็นสังฆานุสสติ ถ้าเป็นรูปเทพรูปเทวดา ก็เป็นเทวดานุสติ เวลาสวดมนต์อาราธนาก็เป็นธรรมานุสติ บุญทั้งนั้น
    ๒. การแขวนพระอยู่ที่คอนั้นทำให้เรามีความยับยั้งชั่งใจเวลาจะทำความชั่ว ตัวผมเองครั้งหนึ่งเวลาจะกินเหล้า จะหมุนสร้อยพระไปไว้ด้านหลังเพราะไม่อยากยกแก้วเหล้าข้ามท่าน จนหลัง ๆ ขี้เกียจเลิกกินมันซะเลย ง่ายดี
    ๓. วัตถุมงคลบางสำนักจะมีข้ามห้ามสำหรับผู้ใช้ เช่น ห้ามลักขโมย ห้ามดื่มเหล้า ห้ามผิดผัวผิดเมีย ฯลฯ นั่นเท่ากับบังคับให้รักษาศีลไปในตัว
    ๔. เงินจากการบูชาวัตถุมงคล ส่วนใหญ่ก็เพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา เช่น สร้างโบสถ์ ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ เท่ากับคนที่บูชาวัตถุมงคลไป มีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงพระศาสนา (ไม่นับพวกบูชาจากแผงพระนะ)
    ๕. หากคนนำไปใช้แล้วเกิดประสบการณ์ ก็จะเกิดศรัทธา ทีนี้จะสอนอะไรก็สอนได้ เพราะพอศรัทธาเกิดเสียแล้วเขาก็จะรับธรรมะที่จะให้ ได้อย่างสนิทใจ และพร้อมจะนำไปปฏิบัติ เนื่องจากมีศรัทธา

    และที่สำคัญกำลังใจคนเรานั้นไม่เท่ากัน คนบางคนจู่ ๆ จะเอาธรรมะเพียว ๆ ไปให้เขาเลยนั้น เขารับไม่ได้ ต้องใช้วัตถุมงคลเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจก่อน แล้วค่อย ๆ ตะล่อมเข้าหาธรรมะต่อไป ย้อนเทียบกับประวัติผมที่ผ่านมาก็ได้ ช่วงที่ผมเจอปัญหานั้น ถ้าจู่มีคนเอาหนังสือธรรมะมายื่นให้แล้วบอก เอ้านี่ มหาสติปัฏฐาน ๔ ทำตามนี้แล้วไปนิพพานได้นะ ถามหน่อยว่าอารมณ์คนตอนนั้นมันจะรับได้ไหม? นิพพานมันยังไม่รู้เลยว่าเป็นยังไง แต่ผมจะอดตายอยู่แล้ว แต่อีกคนมาบอก ไอ้น้องพระองค์นี้พี่ใช้มาแล้วมีกินมีใช้ตลอดว่ะ เอ็งลองเอาไปใช้ดู พี่ให้ ..... อ่า น่าลองสักหน่อย

    ดังนั้นคนที่ไม่ยอมรับวัตถุมงคล จะเอาแต่ธรรมะเพียว ๆ ก็เปรียบเสมือนการมองแต่ยอดฉัตรเจดีย์โดยที่ไม่ได้มองที่ฐานของเจดีย์ ไม่ได้คิดว่าการที่ฉัตรยอดเจดีย์จะคงอยู่ได้นั้น ก็ด้วยพื้นฐานขององค์เจดีย์ที่มีอยู่ ธรรมะก็เช่นเดียวกัน มีทั้งระดับสำหรับผู้เริ่มต้นกำลังใจอ่อน ๆ ระดับกลาง ไปจนถึงระดับสูง หรือหากคุณต้องการขึ้นไปห้องชั้นบนของบ้านคุณ คุณก็ต้องเดินขึ้นบันไดไปก่อน แต่พอจะเข้าห้องคุณก็ไม่ได้แบกบันไดเข้าไปด้วยนี่? เปรียบไปก็เหมือนให้ยึดในวัตถุมงคลไปก่อน แล้วค่อย ๆ ให้ธรรมะไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งเขาจะปล่อยวางในวัตถุได้เอง (แต่ทุกวันนี้ที่คอผมมีราว ๆ ๒๐ กว่าองค์เอง ๕๕๕)
     
  4. tatumabcd

    tatumabcd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +3,197
    แต่ร้อยถี่มีหนึ่งห่างฉันใด วัดที่ทำเป็นพุทธพานิชย์จริง ๆ ก็คงมีอยู่ แต่ของแบบนี้ดูได้ง่าย ๆ เช่นบอกว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้สร้างเพื่อเอาเงินไปทำโบสถ์ แต่ผ่านไปสองปีสามปีเสาโบสถ์ก็ยังไม่เห็น คุณก็หาทำบุญที่อื่นเถิด (การเลือกเนื้อนาบุญที่ดีก็สำคัญนะ) เพียงแต่ว่าอย่าไปเหมาหมดทั้ง ๑๐๐% ว่าเป็นพุทธพานิชย์ไปเสียหมด หลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแกท่านเคยกล่าวไว้ว่า "ติดวัตถุมงคล ดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล" นะครับ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวผมคงมีเท่านี้ แต่จะขอแถมตัวอย่างให้อีกสักหน่อย

    ๑. มีวัยรุ่นชายคนหนึ่งเป็นนักเลงประจำพื้นที่เลย มีอยู่วันหนึ่งโดนพวกรุมยิงแต่ปรากฏว่าทั่วทั้งตัวไม่มีรอยกระสุนแม้แต่น้อย โดยเขาพกตะกรุดของพระอาจารย์ท่านหนึ่งเพียงดอกเดียว ทำให้เขาศรัทธาในพระอาจารย์องค์นี้มาก สุดท้ายพระอาจารย์องค์นี้ก็ค่อย ๆ สอนเขา จนทุกวันนี้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีไปแล้ว (ถามว่าถ้าเขาไม่ศรัทธาพระรูปนี้ก่อน จู่ ๆ ท่านไปสอนเลยเขาจะฟังไหม?)

    ๒. มีครอบครัวหนึ่งประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ จนแทบล้มละลายจึงหันหน้าเข้าหาวัด (ถ้าไม่เจอปัญหานี่ไม่ค่อยอยากเข้าวัดกันเนอะ ๕๕๕) อยากทำบุญแต่ไม่มีเงินจึงใช้แรงทำแทน เช่น กวาดลานวัด วันหนึ่งได้อ่านพบคาถาบทหนึ่ง ที่ระบุว่าหากภาวนาเป็นประจำการเงินจะคล่องตัวขึ้น จึงเริ่มภาวนาคาถากันไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้หวังอะไร ถือว่าดีกว่าอยู่เปล่า ๆ ทุกวันนี้ลืมตาอ้าปากได้ กลายเป็นว่ามีเงินบุญที่ไหนจะเจอครอบครัวนี้ไปทำบุญเป็นประจำ เงินทองเริ่มกลับมาสามารถทำบุญเป็นเงินทีละมาก ๆ ได้แล้ว

    ๓. ผู้หญิงคนหนึ่งชอบดูดวงมาก ตระเวณดูดวงไปทั่ว วันหนึ่งไปเจอพระรูปหนึ่งดูดวงแม่นมาก จึงติดใจไม่ไปดูที่อื่นอีก ไปดูแต่กับพระรูปนี้ ทุกครั้งเมื่อไปหาพระเพื่อให้ดูดวงก็จะมีปิ่นโตไปถวายพระด้วย ซึ่งกับข้าวนั้นสามารถให้พระฉันได้หลายรูป จนวันหนึ่งพระท่านบอกว่าเวลาอยู่ที่บ้านให้นึกถึงท่านบ่อย ๆ จะทำให้ดูดวงแม่นขึ้น ผู้หญิงคนนี้จึงระลึกถึงท่านตลอดเวลา ไม่ว่าจะตอนทำงาน กินข้าว ฯลฯ จนเมื่อผู้หญิงคนนี้ตายลงก็ได้ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ เนื่องจากการนำอาหารไปถวายให้พระได้ฉันทีละหลาย ๆ รูปโดยไม่เจาะจงนั้น ถือเป็นสังฆทาน (ซึ่งมีอานิสงส์สูงมาก) การระลึกถึงพระรูปนั้นอยู่เสมอ ถือเป็นสังฆานุสติกรรมฐาน

    จบจ้ะ เหรียญมีสองด้าน มองอะไรมองให้กว้าง ๆ อาจจะเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ก็ได้ ส่วนใครยังจะมองว่าเป็น พุทธพานิชย์ต่อไปก็ตามใจนะจ๊ะ
     
  5. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
  6. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
  7. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เป็นหลักทางเหตุผลแต่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ยังมีผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติดีชอบจำนวนมาก ที่ผมได้สนทนากับท่านทั้งหลาย ก็ได้พูดบ้างเกี่ยวกับวัตถุมงคล การที่มาปฎิบัติธรรมมาด้วยหลายสาเหตุ เป็นต้นว่า ผ่านการรอดตาย ดวงตก เป็นโรคร้ายเช่นมะเร็ง ตามมาเป็นเพื่อนแล้วชอบ ... เป็นต้น บางคนไม่เข้าใจ นำเอาวัตถุมงคลวางปะปนกัน นำเอาพระแม่กวนอิม วางทางซ้าย พระแม่อุมาเทวีไว้ทางขวา ตรงกลางเป็นองค์พระพรหม ยังมีอีกสาระพัด (ที่จริงต้องแยกหิ้ง คนละความเชื่อต่างที่มา) ผู้ที่ให้เช่าวัตถุมงคลบางท่านตอบที่มาที่ไปไม่ได้ พุทธพาณิชย์ ไม่ได้เกิดจากวัตถุมงคล แต่เกิดจากคนมีความคิดที่เป็นแบบพาณิชย์
    ยิ่งมีอุบัติเหตุแล้วห้อยพระ... แล้วรอดพระยิ่งดัง แต่ก็ไม่เคยลงข่าว หากตายแล้วห้อยพระ... อยู่กับคอยังตายเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2009
  8. tatumabcd

    tatumabcd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +3,197
    ไม่เคยมีวัตถุมงคลสำนักไหน ที่ระบุว่าพกติดตัวแล้วจะไม่ตายนะครับ คุณต้องเข้าใจก่อนว่าวัตถุมงคลนั้นช่วยในเรื่องได้ไม่เกินกฎของกรรมเท่านั้น เช่น หากจะบาดเจ็บสาหัสก็อาจจะเหลือแค่แขนหักขาหัก แต่ถ้าจะบาดเจ็บเล็กน้อยก็กลายเป็นไม่เป็นอะไรเลย เป็นต้น เรีกว่าบรรเทากฎแห่งกรรมลง

    แต่ถ้าหากถึงที่ตายจริง ๆ อย่างไรก็ไม่รอด ที่สำคัญผู้พกวัตถุมงคลต้องทำตัวให้เหมาะสมด้วยไอ้ประเภทเช้าเมาเย็นเมา ศีล ๕ ข้าละเมิดหมดแล้วหวังให้พระช่วย แบบนี้ก็คงจะยากสักหน่อย

    ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรีบการพกวัตถุมงคลเหมือนกับการสวมเสื้อเกราะเข้าสนามรบ อย่างน้อยถ้าถูกยิงมาบริเวณที่มีเกราะกันอยู่ก็อาจจะรอด แต่ถ้าโดนแสกหน้าก็ตัวใครตัวมัน ส่วนพวกที่ไม่เอาวัตถุมงคลเลยก็เหมือนเดินตัวเปล่าเข้าสนามรบ เพื่อนยื่นเสื้อเกราะให้ก็ไม่เอาประมาณนั้น ก็เลือกปฏิบัติกันตามสะดวกนะครับ

    ส่วนความเห็นที่ว่าพุทธพานิชย์เป็นเรื่องที่เกิดมาจากคนนั้น ข้อนี้เห็นด้วยครับ ขอบคุณที่ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะครับ

    ป.ล.ส่วนท่านที่เข้ามาปฏิบัติธรรมโดยที่ไม่สนใจในวัตถุมงคลเลยนั้น ก็ขอโมทนาในกำลังใจอันเข้มแข็งของท่านด้วย แต่หากจะเอาส่วนนี้มาตำหนิผู้ที่สนใจในวัตถุมงคลนั้น ก็คงไม่ถูกเท่าไหร่ สาเหตุจากระดับกำลังใจคนเรานั้นต่างกัน ควรยอมรับในความแตกต่างมากกว่า ............. แต่จะอย่างไรผมว่าพกเสื้อเกราะติดตัวสักหน่อยน่าจะดีกว่านะครับ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2009
  9. pangbood

    pangbood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +69
  10. ta_sepia

    ta_sepia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +179
    ดีแล้วชอบแล้วครับ ที่ได้นำประสบการณ์ตรง มาเล่าสู่กันฟัง

    กระทู้นี้ สมควรแก่การปักหมุดครับ

    เชียร์เต็มที่
     
  11. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    หลวงปู่ปาน กับหลวงพ่อฤาษี ท่านย้ำเสมอว่าวัตถุมงคลของท่าน ไม่รับปากว่ากันตายได้
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    กระทู้ที่ดีนะครับ......เป็นไปได้ไมว่าคุณศรัทธาพระอาจารย์ท่านใหน....แล้วทำไมจึงศรัทธาในท่าน....คำถามในใจของคุณที่แก้ไขไปแล้วเป็นอย่างไร.....และธรรมที่คุณได้รับคุณนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ไมครับ.....ขอบคุณครับ..
     
  13. reobam

    reobam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +89
    สาธุ
    เข้าใจถึงความรู้สึกครับ เพราะผมก็คงเหมือนกับคุณ tatumabcd บางช่วงของชีวิตมีปัญหาใหญ่หลวง เราก็จะพบกับทางที่เราไม่เคยเดิน จึงอยากจะบอกว่าหลายคนที่ไม่เผชิญกับปัญหาในปัจจุบัน นั่นเป็นโชคดีที่สุด ขอให้สะสมบุญและบารมี บริจาค ทำทาน เอาไว้เลยครับ ไม่ต้องรอคอยถึงวันที่มีทุกข์เข้ามา
     
  14. tatumabcd

    tatumabcd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +3,197
    ถึงจะอ่านคำถามแล้วงง ๆ ก็จะพยายามตอบดังนี้ครับ

    ๑. พระอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือที่สุด และพยายามปฏิบัติตามคำสอนของท่าน ก็คือ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) วัดท่าซุง ครับ

    ๒. สาเหตุที่ศรัทธาท่านก็เพราะคำสอนของท่านเข้าใจง่าย และตอบข้อสงสัยทุกอย่างในใจผมได้หมด และอื่น ๆ ที่อธิบายไม่ถูกครับ

    ๓. คำถามในใจที่ได้รับการแก้ไขแล้ว รวมถึงธรรมะที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันก็ทำให้ผมพยายามปฏิบัติตัวเพื่อให้ห่างจากปากนรกมากขึ้น และเท่าที่เห็นในชีวิตประจำวันก็ยกตัวอย่างเช่น ใจเย็นขึ้น (มั้ง?) ปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา มากขึ้น

    แถมตอนนี้ลามไปถึงช่วยให้คุณแม่เริ่มรักษาศีล ๕ ด้วย จากที่ในตอนแรกท่านคิดว่าผมบ้า และกลัวว่าจะหลุดโลก อิอิ
     
  15. gftor

    gftor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +217
    จะยึดถือปฎิบัติอย่างไร ขอให้มีศรัทธา แล้วจะเกิดผลดีกับผู้ปฎิบัติครับ
    ขออนุโมทนากับทุกๆความเห็นครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...