ยังควรจะคบเป็นเพื่อนต่อไปมั้ย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย kaopong, 9 กรกฎาคม 2009.

  1. kaopong

    kaopong สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    คือว่ามีเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนอยากจะปรึกษาหน่อยค่ะ
    คือว่าหนูมีเพื่อนคนนึง เป็นเพื่อนผู้หญิง เราเรียนด้วยกันก็ค่อนข้างสนิทกันมาก
    เพราะเวลาเรียนก็เรียนด้วยกัน ไปเที่ยวก็ไปด้วยกัน มีอะไรก็คุยกันบ้าง
    เรื่องมันเพิ่งมาเกิดตอนปีสาม เทอมสอง ที่จะต้องจับคู่ทำโปรเจค ที่อยู่ๆเค้าก็มาบอกหนูว่า "เรามีเรื่องจะบอก เราจะไปทำโปรเจคกับเพื่อนอีกคนนะ" ซึ่งมันทำให้หนูรู้สึกเหมือนโดนแฟนบอกเลิกเลย(55+) คือตั้งแต่นั้นมาหนูก็บอกเค้าว่าขออยู่คนเดียวซักพัก ถ้าพร้อมแล้วก็คงกลับไปคุยกัน เรียนด้วยกันเหมือนเดิม แต่มันก็แย่ลงเรื่อยๆ สุดท้ายกลายเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกัน หนูไม่ได้โกรธเค้านะคะ เพราะเค้าก็มีเหตุผลตรงที่ว่ากลัวว่าทำด้วยกันแล้วจะไปไม่รอด เพราะตัวเค้าเองก็มีภาระทางบ้าน เค้ากลัวว่าจะไม่จบ 4 ปี แล้วจะยิ่งทำให้ที่บ้านต้องลำบาก หนูเข้าใจเค้าทุกอย่างเลยค่ะ แต่แค่รู้สึกว่า เพื่อนกันเค้าทำกันอย่างนี้หรอ แล้วเค้าไม่คิดบ้างหรอว่าหนูเองทำคนเดียวจะไปรอดหรอ มาถึงวันนี้ก็มีเพื่อนๆหลายคนอยากให้หนูกับเค้ากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ซึ่งหนูก็พยายามอยู่ค่ะ ก็เริ่มเข้าไปคุย แต่มันไม่สนิทใจเหมือนเมื่อก่อน

    เลยอยากจะรบกวนขอข้อคิดดีๆ ที่พอจะทำให้หนูมองข้ามสิ่งที่เค้าเคยทำไว้กับหนู เื่พื่อที่หนูกับเค้าจะได้กลับมาเป็นเืพื่อนกันได้สนิทใจเหมือนเดิมค่ะ

    ขอขอบคุณทุกข้อคิดดีๆล่วงหน้าเลยนะคะ
    และถ้าหนูมาโพสผิดห้อง ก็ขออภัยด้วยนะคะ^^
     
  2. Markdaddy

    Markdaddy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +171
    ขออนุญาติเสนอแนะตามภาษาของคนมีครอบครัวแล้วนะครับ เพื่อนมีเยอะก็ดีนะครับ แต่เรื่องก็จะเยอะตามด้วย แต่ด้วยวัยของน้องพี่ก็เข้าใจนะว่าเพื่อนมีอิทธิพลอยู่มาก โดยส่วนตัวของพี่ในช่วงวัยรุ่นผิดหวังเรื่องการคบเพื่อนมามาก (คือมีมิตรไม่แท้(มิตรชั่ว)เยอะ) พอโตมาจนถึงวัยทำงาน จนมีครอบครัวแล้วจึงรู้เองโดยอัตโนมัติว่า ทุกคนเมื่อถึงเวลาในการดำเนินชีวิตนั้น ต้องยืนด้วยลำแข้งของตนเอง และแต่ละคนก็ต่างต้องแยกย้ายไปมีครอบครัว ความสัมพันธ์ของเพื่อนในสมัยวัยรุ่นก็จะจางไปตามสายลม / ทุกวันนี้เจอเพื่อนเก่าๆก็จะรู้สึกดีใจมากนะครับ แต่ถ้าถามว่าให้เจอทุกวัน หรือคุยโทรศัพท์กันทุกวันไหม คงต้องตอบว่าไม่ต้องการอย่างแน่นอน เพราะพี่รู้สึกว่าไม่เกิดประโยชน์ (ไม่มีสาระพอ) / ลองสังเกตุดูนะครับว่าผู้ใหญ่ที่น้องรู้จัก หรืออาจจะเป็นคุณพ่อ-คุณแม่ของน้อง เคยพูดให้น้องได้ยินในทุกวันไหมว่า วันนี้เพื่อนคนนี้ของ(ท่าน) เป็นอย่างนั้น+อย่า่งนี้ วันนี้นัดเพื่อนคนนี้ไว้ที่นู่นที่นี่ หรือ อื่นๆ / เพราะชีวิตจริงนั้น สำคัญที่สุดคือการดำเนินชีวิต และนำพาครอบครับให้อยู่รอดโดยอาชีพสุจริต และจะต้องต่อสู้แข่งขันคล้ายไม่มีวันจบสิ้น
    ทั้งหมดนี้เป็นแค่ข้อเสนอแนะนะครับ อย่างไรถ้าพอมีประโยชน์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย ก็ขอให้น้องไปประยุคใช้ และโปรดใช้วิจารณ์ญาณ ให้การอ่านด้วยครับ ขอฝากทิ้งท้ายอีกเรื่องหนึ่งก็คือ อย่าลืมแยกแยะระหว่าง เพื่อน , คนรู้จัก และ คนที่ไม่สมควรแม้แต่จะรู้จัก ด้วยนะครับ (หากมีผิดพลาดประการใด พี่ต้องขออภัยใว้ณ.ที่นี้ด้วยครับ)
     
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    อ่านตามนี้ครับ จขกท ขอให้โชคดีครับ

    เมื่อเราทะเลาะกับเพื่อน

    ต้องโทษตัวเอง…ที่ไปมีปากเสียงกับเพื่อน

    ถ้าวันนั้น…เราเองควบคุมอารมณ์ สติ ความคิด การพูด และการกระทำให้ดีกว่านี้ได้…
    เพื่อนคนนั้นคงไม่สร้างความคับข้อง หมองใจไว้กับตัวเอง…กลายเป็นอารมณ์อันเร่าร้อน
    เร่าร้อนเพราะ…อยากให้เราเร่าร้อนบ้าง (และเขาก็ทำสำเร็จ)
    ถ้ารู้อย่างนี้…ต้องพยายามฝึกควบคุม และรักษาใจของตนเองให้ดี
    อย่าให้อารมณ์มาอยู่เหนือจิตใจ…จริงอยู่ พูดง่ายแต่ทำยาก
    ถึงบอกว่าต้องฝึก ต้องพยายาม และรักษาความสามารถนั้นไว้ให้ดีไง
    ของดี มีค่ามาก เพราะว่ากระทำได้ยากนี่ล่ะ
    เอาธรรมะไปสักหัวข้อหนึ่งนะ…ธรรมอันทำให้งาม

    1.ขันติ ความอดทน อดกลั้น ต่อความยากลำบาก

    ทั้งที่กระทบกับร่างกายก็ดี เช่น เหนื่อย เพลีย หนาว ร้อน ปวด ป่วย เป็นต้น
    อดทนต่อสิ่งที่กระทบกับใจ…ง่าย ๆ ก็เอาแค่อารมณ์ที่ไม่ชอบ ไม่พอใจก่อน
    ความรู้สึกโกรธ เป็นเรื่องปกติ…แต่รู้แล้วให้ทิ้งไว้ตรงนั้น อย่าเก็บไว้
    ถ้าเก็บไว้..จะกลายเป็นอาฆาต พยาบาท ถ้ากลั้นไม่อยู่ผลอาจจะรุนแรงกว่าที่คิด
    เพราะเราเองก็อยากจะทบต้นทบดอก

    2.โสรัจจะ ความเสงี่ยม การรักษามารยาทให้เรียบร้อย

    ไม่ให้อาการอันไม่งามแสดงออกมา ไม่ใช่กลั้นได้ว่าไม่ตอบโต้เขา
    แต่ยังมีอาการแค้นด้วยสายตา เดินกระทืบปึงปัง ทำลายข้างของแทน
    บุคคลหนึ่ง ที่เป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยม คือ ในหลวงของพวกเรา
    พระองค์ ไม่เคยแสดงความท้อแท้ ความเหนื่อยอ่อนให้พวกเราเห็นเลย
    แม้จะเดินป่า ขึ้นเขา ลุยน้ำ แต่ทุกครั้งที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรพสกนิกร
    พระองค์ทรงมีแต่รอยยิ้ม ด้วยความปิติ ความรัก ความเมตตา
    เพราะพระองค์ทรงมีขันติ และโสรัจจะ นี้เป็นคุณธรรมส่วนหนึ่ง
    จึงทรงเป็นผู้สง่างามยิ่ง เป็นที่รักใคร่ของปวงประชาเสมอมา

    ดังนั้น ตัวเราเองถ้ายังทำให้ตัวเองดีไม่ได้ อย่าเพิ่งไปโทษใคร…ให้โทษตัวเอง
    แล้วจะโทษตัวเองอีกนานแค่ไหน…ถ้ารู้ตัวว่าขาดอีกเท่าไหร่
    เราก็ต้องเร่งพัฒนาตนเอง ให้สามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์เหล่านั้นได้อย่างมีสติ
    ก็พอจะรักษาตัวรอด ให้การดำเนินชีวิตนี้มีความสงบในระดับหนึ่ง
    ส่วนที่ทำได้ดีอยู่แล้ว ก็ต้องขวนขวายให้ดียิ่งขึ้นๆไป จะสามารถช่วยคนรอบๆข้างเราได้ด้วย

    ขันติ คือ ความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลส อย่างยิ่ง“…

    ที่มา

    ธรรมะเวลาทะเลาะกับเพื่อน
     
  4. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    เเละอันนี้อีกอันจ้า

    ทะเลาะกับเพื่อนหรือคนรัก


    ก่อนที่ จะโยนความผิดไป ให้เพื่อน คุณแน่ใจหรือว่าคุณเข้าใจเขาถูกต้องแล้ว ได้ยินหรือเห็นชัดเจนเขาพูดและทำอะไรกับคุณไม่ได้ตีค วามไปเอง ถ้าคุณไม่ได้ยินหรือเห็นเอง แต่มีคนมาเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับตัวเขา คุณแน่ใจได้อย่างไรว่านั่นเป็นความจริง ไม่ใช่แค่ความคิดเห็นหรือข้อสรุปของผู้พูด ​
    พึง ยึดหลักกาลามสูตร โดยเฉพาะข้อที่ว่า อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามกันมาหรือด้วยตรรกะและกา รอนุมาน หรือเพราะมองเห็นลักษณะอาการว่าน่าเป็นเช่นนั้น เมื่อตรวจสอบความจริงแน่ชัดแล้ว ก่อนจะสรุปตามความคิดของคุณ ลองมองจากมุมของเขาบ้าง หรือฟังเหตุผลของเขาดูก่อน คุณอาจเห็นความจริงอีกแง่มุมที่ไม่คาดคิดก็ได้ข้อสำค ัญคืออย่ายึดติดถือมั่นกับความเห็นของตนเองจนปิดกั้น ความเห็นหรือเหตุผลของคนอื่น​
    แทนที่จะมองหาความ บกพร่องของอีกฝ่ายลองย้อนกลับมาดูว ่า คุณมีส่วนผิดพลาดตรงไหนบ้าง การเปลี่ยนมุมมองอย่างนี้จะช่วยให้เกิดความเข้าใจ เห็นใจ และให้อภัยซึ่งกันและกัน เมื่อถึงขั้นทะเลาะกันแล้ว ไม่มีฝ่ายใดผิดหมด หรือถูกหมด แต่ทั้งสองฝ่ายมีส่วนถูกและผิดด้วยกันทั้งนั้น เพราะตบมือข้างเดียวย่อมส่งเสียงดัง
    ไม่ได้ ​



    ข้อมูลจาก ....หนังสือ ฉลาดทำใจหนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ ของ เครือข่ายพุทธิกา เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม
     
  5. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,067
    คุณ markdaddy พูดถูกต้องมาก และก้อยเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ
    จากการอ่านที่น้อง kaopong เล่ามา รู้สึกว่าที่น้องเจอนั้น เบากว่าของพี่เยอะ พี่เรียนหมอ เจอเพื่อนมาหลายรูปแบบ ที่สำคัญที่สุด เพื่อนสนิทสองคนที่คบกันมาสี่ห้าปี ตอนนี้กลายเป็นคนแค่รู้จักกันและเดินผ่านก็ยิ้มทักท้ายแค่นั้นไปแล้ว

    ถามว่าเกลียดไหม ไม่เกลียด แต่ทำไมไม่สนิทเหมือนเมื่อก่อน ก็เพราะต่างคนก็ต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง เราเองก็ไม่สามารถไปอธิบายให้ทุกคนเข้าใจถึงเจตนาจริงๆของเราได้ เขาเองก็เช่นกัน เขาก็คงมีอารมณ์และเหตุผลส่วนตัวที่ทำกับเราแบบนี้ ไม่มีใครอยากให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีกับเราหรอก จริงไหม แต่ในเมื่อมันต้องเป็นแบบนี้ไปแล้ว ก็ปล่อยวาง การที่เราเอาจิตไปแขวนอยู่กับสิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์นั้น เหนื่อยมาก โดยเฉพาะกับเพื่อนสนิท หรือแฟน ...

    ตอนนี้พี่สบายใจมาก เพราะตั้งแต่ห่างจากเพื่อนออกมา ก็ได้มีช่องว่างให้สมองได้คิดอะไรมากขึ้น และได้รู้สัจธรรมข้อหนึ่งว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆ ยามท้อ ยามหมดหวัง ตัวเราเองต้องเป็นกำลังใจให้ตัวเอง อย่าคิดแขวนลมหายใจไว้กับคนอื่น

    พี่ฝากไว้แค่นี้ มีอะไร ก็ถามได้นะคะ ขอให้โชคดีค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...