คุณไสยนิกายดำ

ในคัมภีร์ไสยศาสตร์ วิชาอาถรรพณ์เวทย์ แยกเป็นสองนิกาย
นิกายขาว ใช้ในทางดี ช่วยเหลือมนุษย์ บำบัดโรคภัย ป้องกันภยันตราย
นิกายดำ ใช้ทางชั่ว ทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น ทำให้เจ็บป่วย ทำให้เป็นบ้า

สมัยโบราณ ความเชื่อเรื่องนี้มีมาก คำว่า ทำคุณ ทำของ ถูกคุณ ถูกของ หรือคำว่า ลองของ ใช้กันทั่วไป
อาจารย์ญาณโชติ ผู้รวบรวมคัมภีร์บอกว่า การกระทำด้วยไสยศาสตร์ มีอยู่สามวิธี
คุณผี ใช้เวทมนตร์บังคับภูตผีเข้าไปสิงสู่คน
คุณไสย ทำด้วยเวทมนตร์ ทำให้คนคนนั้นเป็นไปตามที่ต้องการ
และคุณ...ทำด้วยอาถรรพณ์
คุณ...ทำด้วยอาถรรพณ์ คือวิธีทำร้าย โดยเสกสิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้าไปในตัวคน
การ ฝังรูป ฝังรอย เขียนชื่อใส่อกหุ่นที่ปั้นด้วยสีผึ้งหรือดิน ถ้าเป็นดิน...ก็ต้องไปหาดินที่มีรอยเท้าศัตรูเหยียบ หรือดินที่ศัตรูปัสสาวะรด
เสกบริกรรมเวทมนตร์ เรียกเจตภูตวิญญาณฯศัตรูเข้าไปอยู่ในรูปที่เป็นหุ่นคน
กรึงด้วยเวทมนตร์แล้ว เอารูปหุ่นไปฝังในป่าช้า หรือทางสามแพร่ง ท่านว่า จะทำให้ศัตรูเจ็บป่วย หรือถึงเสียจริตบ้าคลั่ง
แรงถึงขั้นทำให้ตาย...ก็ได้

วิธีต่อมา เสกบริกรรมไม้กลัด เข็ม ตะปู หนังสัตว์ ผมคน หรือกระดูก เข้าไปในตัวคน ทำให้เจ็บป่วย เจ็บปวดถึงตาย
ผม เปิดดูทั้งเล่ม อาจารย์ญาณโชติ เพียงเอ่ยถึงไสยศาสตร์ นิกายดำ ว่าทำแบบไหน แต่ไม่บอกกระบวนการ ว่าทำอย่างไร... พูดง่ายๆ ท่านมีจรรยาบรรณ ท่านไม่สอนให้เรียนผูก
แต่ในคัมภีร์เล่มเดียวกัน ท่านก็สอนให้เรียนแก้
มนต์ถอดคุณไสย มีความยาวถึงสามหน้ากระดาษ ผมขอคัดตัวอย่างวรรคท้ายใกล้จบ...ให้พอเห็นเป็นตัวอย่าง
... ถ้าถึงมิไป นะ กูจะผูก โม กูจะมัด พุทธ กูจะรัด ธา ก็จะรึง ยะ กูจะกรึง ทั่วสรรพางค์กาย เสื่อมสูญหายคลายสูญสิ้น ขอเดชะพระพุทธเจ้า ขับพิษสูหมู่ทั้งหลาย ให้ร้อนรน ให้ กระวนกระวาย ทำให้ระงับให้กระสับกระส่าย ทุรนทุรายต้องพิษสูผู้มีฤทธิ์
ถ้ากูจะระงับ ขับออกไป เสื่อมสูญหายคลายสูญสิ้น วินาสสันติฯ
มนต์ บทนี้ อาจารย์ท่านว่า ใช้ทำน้ำมนต์ให้อาบกิน เสกยา เสกแป้งปิดพอก ทาร่างกายในที่ปวดบวมต่างๆ...หายสิ้น ใช้ในการถอดถอนคุณไสยได้สารพัด
เห็น จะต้องขอร้องกันไว้ล่วงหน้า...ใครที่เชื่อเรื่องคุณไสย ...ไม่ต้องขอคาถาฉบับสมบูรณ์ มานะครับ บอกตรงๆ ก็ได้ว่า ผมไม่เชื่อเรื่องคุณไสย ว่าทำได้จริง
ความเจ็บป่วยมีจริง แต่ก็ถูกเฉไฉให้เป็นเรื่องคุณไสย ที่เจอๆมาด้วยตัวเอง ยืนยันได้ เป็นเรื่องต้มตุ๋นทุกเรื่อง
เมื่อไม่เชื่อว่า เรื่องคุณไสย ทำได้จริง เรื่องแก้คุณไสย ก็ไม่ต้องพูดกัน
รู้ แต่เพียงว่า ยุคสมัยหนึ่ง คนเรามีความเชื่ออย่างนี้ แต่ตอนนี้ เรามีการศึกษาดีขึ้น เราฉลาดมากขึ้น เรื่องโง่ๆ แบบนี้ ไม่ควรมีมาหลอกกันอีกแล้ว.

จากคอลัมน์ ชักธงรบ ​

ข้อมูลจาก : ​

 

หึหึ ลองโดนดึงหนังคนออกจากขาเป็นเส้นๆต่อหน้าต่อตาดูสักครั้งไหมละท่าน จะได้รู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง ทำไมคนที่มันชอบลบหลู่แบบนี้มันไม่เจอจะๆสักทีน๊อ

 

ไม่เอาน่าอย่าคิดมาก

 

ลมเราไม่เห็นตัวแต่เราสัมผัสได้ ทำให้ใบไม้ใหว แกว่งได้

 

"ลมเราไม่เห็นตัวแต่เราสัมผัสได้ ทำให้ใบไม้ใหว แกว่งได้" ชอบคำพูดแบบนี่จังเลย

 

เรื่องนี้เป็นปัจจัตตัง คนไม่เคยเจอกับตัวก็คงไม่เชื่ออย่างแน่นอน ของหลอกก็มีของจริงก็มีเป็นธรรมดา สิ่งที่ไม่เคยพบไม่เคยเจอไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่จริง
แต่ขอบอกว่าของแบบนี้อย่าได้เจอะเจอกับตัวเป็นดี...ฮึฮึฮึ

 

ยนบลบยงวสยบงงยบงวบบงวบยบลงวสนยง ครับ

 

เรื่อง จิต เป็นเรื่องลึกลับ เมื่อจิตนี้คิดทำอะไรแล้ว เป็นไปได้ เหนือ เหตุผล แบบโลกๆ

ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราคิดอะไรไม่ดีขึ้นมา จิตก็บันดาล ตัวเราเองให้ ร้อนรน ให้กระสับกระส่าย ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร ร่างกายเราก็ป่วยขึ้นมาได้

นั่น คือ จิตใจเราควบคุมกาย

ผู้ที่ มีกำลังจิตมาก ก็ปรากฎว่า ทำอะไรเหนือเหตุ เหนือผลต่างๆ ได้มากมาย

เป็นสิ่งลึกลับ อยู่หลังฉากที่มนุษย์จะเห็น

 

พูดถึงไสยดำ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดเพียงมองไว้ให้เห็นเป็นกลาง ว่าวิชาเขาไม่ได้เจตนาเพื่อเอาทำร้ายจนอย่างเดียว เขามีไว้ก็เพื่อช่วยเหลือคนเหมือนกันถ้าคนถูกรังแกเอารัดเอาเปรียบมากๆโดยไร้หนทางสู้เขาจึงมีวิชาเพื่อจะเอาไว้สั่งสอนให้รู้จักจำ วิชาบางอย่างครูอาจารย์ท่านสาปแช่งไว้เลยว่า หากน้ำตาไม่ไหลเป็นสายเลือด ห้ามกระทำ ก็อยากจะให้ลองพิจารณาดูบ้างว่า
ถ้าอยู่กันดีดีปกติ ไม่มีการเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ธรรมชาติของคนเราอยู่ดีดี จะไปทำร้ายเขาก่อนทำไม ที่มีการทำคุณไสยใส่กันนั้น มันต้องสาเหตุมาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียก่อน

 

ไม่เสมอไป ไสยดำ ชอบลองของ ว่ายังคงอยู่กับตัวไหม แล้วจะลองกับใครล่ะ นอกจากไสยขาว เพราะลองกับคนธรรมดา ก็คงไม่รุ้ เอาธรรมชาติของคนปรกติมาใช้ กับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เพราะส่วนมากจะเห็นไสยขาว อยู่เฉยๆ นิ่งๆ ช่วยคนไป แต่โดนส่งของมามากมาย ลองพิจารณาดู

 

คนที่เค้าโดนกันจริงๆก็น่าสงสารนะครับ คนทำบางทีน้ำตามันยังไม่ทันจะไหลก็กะจะเอาให้หนักให้ฝ่ายตรงข้างเดือดร้อน ส่วนคนที่เค้าไม่เคยโดนก็ไม่เชื่ออยู่อย่างนั้น ถ้าได้โดนกะตัวเองซะบ้างคงจะได้ลืมหูลืมตา

 

ดี..................................