กรรมอะไรนะ ทำให้ไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีแม้ที่จะอยู่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Igiko_L, 2 กรกฎาคม 2009.

  1. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    hello3 ถึงทุกๆท่าน ที่มีใจเมตตา ช่วยแนะนำหนูมาตลอด ครั้งนี้ที่หนูเขียนมาถาม ไม่แน่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ตลอดชีวิตที่จำความได้ ไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่ช่วยใครเลย แม้บางครั้งจะรู้ว่าถูกหลอกก็ยังอดสงสารไม่ได้ ชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งจะมีความสุข แต่ก็ยังทำหน้าเหมือนไม่มีอะไร ไม่คิดอะไร เพื่อคนที่มองจะรู้ว่า ทำบุญแล้วทำให้มีความสุข
    pity_pigวันนี้หนูไม่มีบ้านให้กลับแล้ว อยู่มหาวิทยาลัย ก็เจอแต่คนรู้จัก(ว่าเป็นรุ่นพี่มาเรียนกับรุ่นน้อง) อยากจะคบใครแบบเพื่อน ก็ไม่มี อยากมีรุ่นพี่ไว้ถามเรื่องเรียน ก็ไม่มี แถมต้องคอยหลบหน้าคนรู้จัก(เพราะอาย)
    เหมือนกับว่าโลกนี้กว้างใหญ่ แต่กับไม่มีที่จะให้หนูยืนเลย ที่อุตสาห ลงแรงไป เหมือนสูญเปล่าเลยคะ
    หนูแค่อยากเรียนเท่านั้นเอง แต่ว่าไม่มีคนส่ง ก็ทำงาน งกๆ กว่าจะได้เรียนก็แก่ พอได้มาเรียนก็กลับต้องเดียวดาย แถม พี่ชายก็ขายบ้าน(ลอยแพหนูอีก) หนูไม่เคยรู้เลยว่าหนูทำผิดอะไร???
    หนูไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย หนูทำผิดอะไร ทำไม รุ่นพี่ไม่รับหนู ทำไมเพื่อนไม่รับหนู ทำไมหนูถึงไม่มีบ้านให้กลับ ไม่มีญาติ พี่น้อง พ่อแม่ ที่จะพูดคุย
    หนูมาลาทุกๆคน นะคะ ที่เคยเข้ามาชี้แนะ หนูอาจจะหายไปสักพัก หรืออาจจะหายไปเลย เงินที่เคยได้รับการช่วยเหลือ หนูจะทำบุญให้หมด ไม่เอาไว้ใช้ส่วนตัว ขอบคุณทุกคนนะค่ะ
    หนูอาจจะเคยอธิฐานอะไร หลายอย่าง ไม่เคยสมหวังเลยสักอย่าง แม้แต่"ขอให้ได้ตาย โดยไม่ต้องฆ่าตัวตาย"
    ขอบพระคุณทุกๆท่านนะคะ
     
  2. PUMPIM_PUMPIM

    PUMPIM_PUMPIM สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    hey! I just read ab your dream to b a doctor!! I am here in Japan now and also get a scholarship from University. Do not give up your dream! and If you wanna know more about other scholarships in Japan, you can ask me by sending a massage to me anytime though man! but don't never give up@ Have you ever heard "Keep looking forward". You are my inspire! when I read your comments I turn to look myself and thinking of what I 'd done to our society and my family.
    So :) Before you quit just try your best!!!!
     
  3. pemax2001

    pemax2001 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +22
    ใจเย็นๆน้องพี่เหมือนๆกับน้องเหมือนอยู่คนเดียวในโลกไม่มีใครช่วยเหลือแย่กว่าน้องอีกเงินก็จะหมดแล้ว (ซึ่งคงน้อยกว่าน้องแน่นอน)อย่าทำอะไรประชดชีวิตนะให้รักตัวเอง พี่ตกงานจะออกไปหางานเข้าก็จ้องจะทำร้ายออกหางานก็ไม่ได้ต้องรอซึ่งพี่ก็ไม่้รู้ว่ารออะไร เรื่องเงินอย่าให้ขาดมือนะน้อง ของพี่อับกว่านะ สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติกรรมฐานเท่าที่ทำได้นะน้อง มีทางไปต่อได้น้องยังไม่อับนะ
     
  4. pangbood

    pangbood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +69
    สู้ๆ นะคะ ท้อได้แต่อย่าถอยนะคะ อย่างน้อยก็คิดว่าในเวปนี้ก็ยังมีคนที่คุณสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆได้ พอเข้ามาคลุกคลีอยู่ในนี้ก็เหมือนเป็นอีกสังคมหนึ่งที่เราสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเปิดแสงสว่างให้แก่ชีวิตที่ดูเหมือนมืดมน อย่างน้อยก็มีชั้นคนหนึ่งที่เข้ามาพูดคุยในกระทู้นี้ในขณะที่เราไม่รู้จักกันไม่เคยเจอกันแต่เราก็คุยกันได้นี่นา เป็นกำลังใจให้นะ แก้ไปทีละเปราะทางออกมันต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งขอให้เจอเร็วๆนะ สู้โว้ย...;aa8
     
  5. porrawee

    porrawee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +779
    อย่าเพิ่งท้อนะครับ ทำความดีต่อไปนะครับ เชื่อว่ากรรมดีต้องส่งผลดีแน่นอนครับ
     
  6. tips2513

    tips2513 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +185
    ขอส่งพลังใจให้
     
  7. nangfha

    nangfha สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +6
    ทุกข์สุขหมุนเวียนเปลี่ยนไป เราอย่าไปยึดว่าเราทุกข์ทุกข์มากก กว่าใครๆ อย่างน้อยเราก็มีร่างกายครบสามสิบสอง ได้เกิดเป็นมนุษย์ ความทุกข์ยากหากเรายอมรับมันได้ ไม่ชิงชังตัวเองว่าทำกรรมใดไว้ ไม่ต้องไปรู้หรอก เพียงแต่รู้ว่าเป็นผลของกรรมก็พอแล้ว ตั้งสติเข้มแข็งเข้าไว้ เดี๋ยวเดียวมันก็ผ่านไป คนเรามันก็มีทั้งกรรมดี กรรมไม่ดี ไม่มีใครดีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงยกเว้นพระอรหันต์ นักปฎิบัติ ไม่มีใครชั่วตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ฉะนั้นเราได้เกิดเป็นมนุษย์แสดงว่ามีดีอยู่บ้าง อย่าน้อยใจในโชคชะตา อย่าชิงชังในเวรกรรมตัวเองเลย ตั้งใจทำความดี ดีกว่านะ เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม รักษาใจให้สะอาด
     
  8. sodapang

    sodapang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +36
    เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆเถอะค่ะ ลองมองดูรอบๆนะคะยังมีบางคนที่ลำบากกว่าเราอีกเยอะ
    แต่เขาก็ยังต่อสู้เพื่อความหวัง..สักวันอาจเป็นวันของเราที่ได้ยืนอยู่ที่จุดหมายที่ฝันไว้ ..อย่าคิดสั้นนะคะ
     
  9. somemaybe

    somemaybe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +143
    การที่เรียนช้ากว่าคนอื่น อายุมากกว่าคนอื่น
    แรกๆคนอาจจะทักมาก แต่เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง
    ถ้าเราทำตัวเฉยๆ เป็นปรกติ
    คนเค้าก็จะก็เลิกสนใจไปเอง

    ตั้งใจเรียน ทำตัวดี ทำตัวเองให้สม่ำเสมอ
    สักวันก็จะมีเพื่อนเข้ามาเอง

    ถ้าไม่อดทนวันนี้ วันข้างหน้าจะลำบาก

    สิ่งที่เป็นปมด้อย อาจอยู่ที่ตัวเราเอง
    และถูกตอกย้ำด้วยความคิดของตัวเราเอง

    ทำไมไม่เปลี่ยนสิ่งที่เราคิดว่าเป็นปมด้อย
    ทำให้มันกลายเป็นพลัง

    ฉันอายุมาก ฉันมาเรียนช้า แล้วจะทำไม
    ฉันหาเงินเรียนเองได้ ฉันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

    ท่องไว้.
    ฉันจะตั้งใจเรียน ฉันทำตัวเองให้ดูดี และดีอย่างสม่ำเสมอ..
    ฉันจะทำให้คนที่ว่าฉัน ต้องมองฉันอย่างอิจฉาในวันข้างหน้า

    การเข้ากับคนอื่นไม่ได้ ลองคิดดูว่า
    เราได้ลองพยายามอย่างดีที่สุดแล้วหรือยัง

    แต่หากว่าไม่มีใครดีพอ ก็อยู่เป็นโสดไปเลย

    บ่อยครั้งเราอาจตั้งทนกับสิ่งที่ไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบ
    รวมถึงการกระทำในสิ่งที่ไม่ชอบเป็นบางครั้ง

    ถ้าหากว่าวันนี้คุณยังมีโอกาส
    เข้มแข็ง และฝืนใจทำมันต่อไป
     
  10. somemaybe

    somemaybe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +143
    มีอีกหลายๆคนบนโลก ที่ทนทุกข์ด้วยคำถามเช่นที่ว่านี้
    และหลายคนก็หมดสิ้นโอกาส ที่จะแก้ไขทำชีวิตให้ดีขึ้นได้


    คุณต้องเลือกว่า คุณจะมีชีวิตอยู่โดยมีคำถามเหล่านี้ค้างคาใจ
    หรือว่าคุณจะพยายามลืมมันไปก่อนชั่วคราว เพื่อที่ว่า
    วันข้างหน้า คุณจะได้ไม่ต้องตั้งคำถามนี้อีกต่อไป

    เชื่อมั่นในตัวใจ อย่าใส่ใจในคำพูดของคน
    ถ้าไม่สบายใจ เดือนละครั้ง ลองหาโอกาสเข้าวัดไปสงบสติสัก หลายๆ วัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2009
  11. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
  12. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    [​IMG]
     
  13. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    <TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center>[​IMG]</TD><TD vAlign=center>ผิดนั้นสำคัญไฉน - ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส
    « เมื่อ: วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551, 12:31:40 น. »
    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right>[​IMG]อ้างถึง </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">ผิดนั้นสำคัญไฉน


    - คำว่า “ไม่สบายใจ” อย่าใช้ และอย่าให้มีขึ้นในใจ ต่อไป “ let it go, and get it out ” ก่อนมันจะเกิดต้อง “ let it go ” ปล่อยให้มันผ่านไป อย่ารับเอาความไม่สบายใจไว้ ถ้าเผลอไปมันแอบเข้ามาอยู่ในใจได้ พอมีสติรู้สึกตัวว่า ความไม่สบายใจเข้ามาแอบอยู่ในใจ ต้อง get it out อย่าเลี้ยงเอาความไม่สบายใจไว้ในใจ มันจะเคยตัว ทีหลังจะเป็นคนอ่อนแอ ออดแอด ทำอะไรผิดพลาดนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่สบายใจเคยตัว

    เพราะความไม่สบายใจนี้แหละเป็นศัตรู เป็นมารทำให้ใจไม่สงบ ประสาทสมองไม่ปกติ เป็นเหตุให้ร่างกายผิดปกติ พลอยไม่สงบไม่สบายไปด้วย ทำให้สมองทึบ ไม่ปลอดโปร่งแจ่มใส เป็น habit ความเคยชินที่ไม่ดี เป็นอุปสรรค กีดกั้นขัดขวางสติปัญญาไม่ให้ปลอดโปร่งแจ่มใส

    ต้องฝึกหัดแก้ไขปรับปรุงจิตใจเสียใหม่ ทั้งก่อนที่จะทำอะไรหรือกำลังกระทำอยู่ และเมื่อเวลากระทำเสร็จแล้ว ต้องหัดให้จิตใจแช่มชื่นรื่นเริง เกิดปิติปราโมทย์ เป็นสุขสบายอยู่เสมอ เป็นเหตุให้เกิดกำลังกายกำลังใจ “ enjoy living ” มีชีวิตอยู่ด้วยความเบิกบาน สมองจึงจะเบิกบาน จะศึกษาเล่าเรียนก็เข้าใจง่าย เหมือนดอกไม้ที่แย้มบานต้อนรับหยาดน้ำค้างและอากาศบริสุทธิ์ ฉะนั้น


    * * * * * * * * * * * * * * *

    จงระลึกถึงคติพจน์ว่า ...............


    “ do no wrong is do nothing ”


    ทำอะไรไม่ผิดเลย ก็คือไม่ทำอะไรเลย

    ความผิดนี้แหละเป็นครูอย่างดี ควรจะรู้สึกบุญคุณของตัวเอง ที่ทำอะไรผิดพลาด และควรสบายใจที่ได้พบกับอาจารย์ผู้วิเศษ คือ ความผิด จะได้ตรงกับคำว่า “ เจ็บแล้วต้องจำ “ ตัวทำเอง ผิดเอง นี้แหละ เป็นอาจารย์ผู้วิเศษ เป็น “ good example “ ตัวอย่างที่ดี เพื่อจะได้จดจำไว้สังวรระวังไม่ให้ทำผิดต่อไป แล้วตั้งต้นใหม่ด้วยความไม่เลินเล่อ เผลอประมาท อดีตที่ผิดไปแล้วก็ผ่านล่วงเลยไปแล้ว แต่อาจารย์ผู้วิเศษยังอยู่ คอยกระซิบเตือนใจอยู่เสมอทุกขณะว่า “ ระวัง อย่าประมาทนะ อย่าให้ผิดพลาดเช่นนั้นอีกนะ “


    " ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
    สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก เพื่อนเอย ถึงสี่อีกทีห้า หกซ้ำ อภัยไฉน "

    จงสังเกตพิจารณาดูให้ดีเถิด จะเห็นได้ว่า นักค้นคว้าวิทยาศาสตร์ทางโลกก็ดี และท่านผู้วิเศษที่เป็นศาสดาจารย์ในทางธรรมทั้งหลายก็ดี ล้วนแต่ผ่านพ้นอุปสรรคความผิดพลาด


    * * * * * * * * * * * * * * * *

    ที่จะทำอะไรไม่ผิดนั้น ข้อสำคัญอยู่ที่สติ ถ้ามีสติคุ้มครอง กาย วาจา ใจ อยู่ทุกขณะ จะทำอะไรไม่ผิดพลาดเลย ที่ผิดพลาดเพราะขาดสติ คือ เผลอเหม่อ เลินเล่อ ประมาท ระเริง หลงลืม จึงผิดพลาด

    จงนึกถึงคติพจน์ว่า “ กุมสติต่างโล่ป้อง อาจแกล้วกลางสนาม ”
    ธรรมดาชีวิตทุกชนิดทั้งมนุษย์และสัตว์ ตลอดทั้งพืชพันธุ์พฤกษาชาติเป็นอยู่ได้ด้วยการต่อสู้ ตรงกับคำว่า “ life is fighting ”

    - ชีวิต คือ การต่อสู้ “ เมื่อต่อสู้ไม่ไหวขณะใดก็ต้องถึงที่สุดแห่งชีวิตคือ “ death – ความตาย “เพราะฉะนั้นยังมีสติอยู่ตราบใด ถึงตายก็ตายแต่กาย เช่นกับพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ท่านมีสติไพบูลย์อยู่ทุกขณะจิต ท่านจึงทำอะไรไม่ผิด และถึงซึ่งอมตธรรม คือ ธรรมที่ไม่ตาย ตรงกับคำว่า immortal “ จึงเรียกว่า ปรินิพพาน คือ นาม รูป สังขาร ร่างกาย ที่เรียกว่าเบญจขันธ์ ขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แตกดับไปเท่านั้น ”

    เพราะฉะนั้น ควรฝึกฝนสติสัมปชัญญะ เมื่อทำเสร็จแล้วก็มีสติตรวจตรา พิจารณาดูว่า บกพร่องอย่างไร หรือเรียบร้อยบริบูรณ์ดี ถ้าบกพร่องก็รีบแก้ไขให้สมบูรณ์ต่อไป ถ้าเรียบร้อยดีอยู่ก็พยายามให้เรียบร้อยดียิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึงที่สุด


    (จากธรรมมะสอนใจของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส)

    ขอบคุณที่มา iCafeZone.Net Community - Powered by vBulletin
     
  14. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    ในความมืดขณะจนมุมที่ก้นเหว<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ในความมืดขณะจนมุมที่ก้นเหว

    หลายคนบ่นให้ผมฟัง อารมณ์ประมาณกำลังโดนแชมป์มวยเฮฟวี่เวทรุมสกรัมสัก ๕-๖ คนพร้อมกัน ขนาดมีลงยันต์คงกระพันชาตรียังคางเหลือง ตาเหลือกยกขาชี้ฟ้ากันเป็นแถว คนที่สนิทกับผมบางคนหย่าเมียแถมบริษัทร่อแร่จวนอยู่จวนไป บางคนโดนคดีฉ้อโกงเฉียดคุกเฉียดตาราง บางคนใกล้จะโดนยึดบ้าน เอ้อ! ทำไมช่างประจวบเหมาะพร้อมกันเอาในปีนี้?

    แต่มันจะเป็นปีมืดฟ้ามัวฝนตามเกณฑ์อะไรก็ช่างเถอะ ฝนจะตกเราห้ามไม่ได้ ดวงตกบ้างจะเป็นไรไป ใจทำหน้าที่ดูดวงตกโดยไม่ต้องตกตามดวงก็แล้วกัน

    การเฝ้าดูดวงตัวเองตกในอาการโค้งคำนับรับชะตาโดยดุษณีนั้น เป็นศิลปะของความนิ่งอันงดงาม เมื่อปล่อยให้ตัวเองกระสับกระส่าย คุณจะรู้สึกเป็นไปไม่ได้ที่จะนิ่ง แต่หากรักษาความนิ่งไว้ได้เสียก่อนกระสับกระส่าย คุณจะถามตัวเองว่าทำไมแต่ก่อนถึงต้องดิ้นพล่านอย่างนั้น สถานการณ์เลวร้ายที่สุดแค่ไหนมันก็อยู่นอกจิต ไม่ได้บังคับให้จิตคุณต้องเต้นเร่าๆสักหน่อย แล้วทำไมคุณต้องเต้นเร่าๆไปด้วย?

    ความสงบเงียบของคลื่นความคิดท่ามกลางความฟุ้งซ่านระส่ำระสายของคนรอบตัว และความสว่างโพลงของจิตในท่ามกลางบาปอันมืดมิดของใครต่อใคร คือความสง่างามตามแบบฉบับของพุทธที่เคารพและถือปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ตราบใดที่จิตคุณส่องสว่างอยู่ ตราบนั้นคุณจะไม่เห็นมุมไหนในโลกเป็นจุดอับจนเลย

    สิ่งเดียวที่ทำให้จิตคุณยังสว่างอยู่ได้ภายใต้สถานการณ์บีบเข้าตาจน ก็คือสติ หากคุณไม่รู้จักคำว่า ‘สติ’ เพียงในหน้ากระดาษ ทว่าฝึกให้มีภาวะระลึกได้อยู่กับตัวตลอดเวลา ชีวิตคุณจะไม่มีวันมืดขนาดคิดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าประตูอยู่ตรงไหน แล้วจะก้าวเดินไปถึงประตูกันอย่างไร

    สติเป็นประธานของบุญน้อยใหญ่ทั้งปวง หากสตินั้นปราศจากม่านอคติรู้เห็นตามจริง มีความเพียรแก้ปัญหาด้วยความอิ่มเอมเปรมใจ และด้วยอาการสงบเงียบไม่ฟุ้งซ่านพล่านไป ในที่สุดก็เข้าสู่ความหนักแน่นเป็นสมาธิ ตลอดจนเกิดอาการวางเฉยอันงดงามเสียได้ นั่นแหละความสว่างของจิตที่ฉายขึ้นเต็มดวง ท่ามกลางเส้นทางที่เหมือนพามุ่งสู่ความอับจน

    หากคุณเคยเห็นตัวอย่าง หากคุณเคยได้รับแรงบันดาลใจจากใครสักคนหนึ่งจริงๆ คุณจะเห็นว่าคุ้มค่าน่าจดจำและควรแก่การเอาแบบอย่าง และเหมือนคุณจะทำได้โดยไม่ต้องท่องจำเป็นข้อๆเลยด้วยซ้ำ ว่าความวางเฉยอันงดงามประกอบด้วยอะไรบ้าง

    แต่ถ้าโดยประสบการณ์ตรงคุณยังไม่มีโอกาสพบแรงบันดาลใจเช่นนั้น คุณก็จำเป็นต้องสร้างตัวอย่างขึ้นมาในตนเอง เพราะถ้าคุณเป็นมนุษย์ ก็มีสิทธิ์เกิดคุณสมบัติครบทุกข้อดังที่กล่าวมาทั้งสิ้น

    มีปัญหา ท่องไว้ขึ้นใจ เอาสติชูขึ้นมาเป็นธงรบ อาการที่เกิดสติ ก็คืออาการที่จิตมีความสามารถระลึกได้ ว่าเกิดอะไรขึ้น

    จากนั้นค่อยให้ความคิดทำงานอย่างเป็นระเบียบ เห็นตามจริงว่าสิ่งใดเป็นตัวปัญหา ปัญหาประกอบด้วยชิ้นส่วนใดบ้าง เห็นให้ครบ หรือถ้าไม่ครบก็ให้มากพอจะรู้ต้นตอของปัญหา ขอให้จำไว้อย่างหนึ่ง คือถ้ามีความตระหนักว่ากำลังเกิดปัญหาใด และเห็นตามจริงว่ารายละเอียดของปัญหามี อะไรบ้าง ความฉลาดจะเกิดขึ้นเอง ที่ตรงนั้นเมื่อคุณถามว่า ‘ปัญหาเกิดจากอะไร?’ จิตของคุณจะมีคำตอบให้

    เมื่อทราบว่าปัญหาคืออะไร สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือการโจนเข้าเผชิญกับปัญหาด้วยความกระตือรือร้น หากคุณเฉื่อยชาตั้งแต่นาทีแรกที่รู้จักปัญหา หรือท้อถอยเห็นรายละเอียดของปัญหายุบยิบจนชวนให้มือไม้อ่อน ภายหลังคุณจะปลุกใจตัวเองยาก และลำบากยิ่งที่จะมีกำลังใจสู้กับปัญหาอย่างต่อเนื่อง จำไว้ว่าความต่อเนื่องคือวิริยะ วิริยะคือความเข้มแข็ง คือพลังจิตที่จะพิชิตปัญหาทุกชนิดได้ก่อนสาย

    การมีวิริยะโดยปราศจากความเคร่งเครียดเกินไป จะทำให้คุณรู้สึกมีชีวิตชีวาและสนุกกับภาระ สนุกกับการแก้ปัญหาเป็นเปลาะๆ คุณจะพบว่าตนเองอยู่ท่ามกลางเวลาที่ธรรมชาติให้มาให้แก้ปัญหาได้ทันเสมอ เว้นเสียแต่คุณทอดหุ่ย ไม่รู้สึกสนุก ก็จะไม่อยากทำให้ต่อเนื่อง แล้วบ่นกระปอดกระแปดว่าเวลาไม่พอ
    ศิลปะทางจิตของแต่ละคนมาถึงทางแยกให้เกิดความแตกต่างอย่างสำคัญอีกทีก็ตรงนี้ หากคุณสนุกกับภาระ เพลิดเพลินกับการแก้ปัญหาได้ด้วยอาการไม่กวัดแกว่งระส่ำระสาย ทั้งแขนขาภายนอก และทั้งคลื่นความคิดภายใน ยิ่งแบกภาระนานคุณจะยิ่งนิ่งลงเรื่อยๆ กระทั่งจิตเรียบใสดุจกระจก และปากคุณจะปิดสนิทไร้คำบ่น บังเกิดความหนักแน่นเป็นสมาธิ จิตไม่ซัดส่ายไหวติงแม้กายยังเคลื่อนไหวอย่างฉับไวทันสถานการณ์

    โดยคุณสมบัติที่ทำให้ปรากฏแล้วข้างต้น หากผลของการแก้ปัญหาเป็นสำเร็จ คุณจะไม่กระโดดโลดเต้นแบบพวกสติแตก และหากล้มเหลว คุณก็จะไม่ล้มลงตีอกชกหัวใกล้เป็นใกล้ตาย คุณอาจดีใจบ้างหรือเสียใจบ้าง แต่จิตที่เป็นสมาธิอย่างดีจะไม่ปล่อยให้คุณแสดงอาการขึ้นๆลงๆเหมือนไฟที่วูบหนึ่งสว่าง อีกวูบหนึ่งมืดสลับกัน

    หรือในที่สุดแล้ว แม้ต้องยอมรับว่าปัญหาบางอย่างจำต้องจบลงด้วยการรับบทลงโทษจากกรรมที่คุณก่อขึ้น จิตคุณก็จะไม่ยอมจำนนให้กับความมืดที่โรยตัวลงมาครอบงำเลย นี่แหละ สุดยอดของศิลปะการทำจิตให้สว่างท่ามกลางความมืดรอบด้าน หากคุณไม่เหลืออะไรเลย ขอให้มีเพียงสติตัวเดียว ยอมรับตามจริงให้ได้ ระลึกให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ

    เมื่อจิตไม่มืดตามสิ่งแวดล้อม ในที่สุดสิ่งแวดล้อมก็จะยอมแพ้ด้วยการสว่างตามจิตไม่มากก็น้อยไปเอง


    การตกต่ำถึงที่สุด
    คือการหยุดอยู่กับจิตที่มืดมิด
    แต่ตราบใดยังรักษาจิตให้สว่าง
    ก็ไม่มีทางตกต่ำถึงที่สุด




    http://dungtrin.com/empty2/15.htm<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    สุขทุกข์ในมือเรา<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สุขทุกข์ในมือเรา

    ชีวิตไม่อาจเป็นไปดังหวังได้หมด เปรียบไปก็ไม่ต่างกับเกมกีฬาที่ต้องมีแพ้ชนะ ใครที่หวังชัยชนะไปเสียทุกครั้ง ก็เตรียมตัวทุกข์ใจไว้ได้เลย

    พูดเช่นนี้มิได้หมายความว่าให้เตรียมตัวเป็นผู้แพ้แต่อยู่ในมุ้งหามิได้ ใครที่คิดเช่นนั้น ก็คงงอมืองอเท้าตั้งแต่แรก คนเราควรพากเพียรอย่างเต็มที่ แต่ใครเล่าที่จะกำหนดผลสำเร็จไปได้หมด คนที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ต้องรู้จักแพ้ให้เป็น ฉันใด ในยามที่ชีวิตตกต่ำ บัณฑิตพึงรู้จักทำใจให้เป็นฉันนั้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    แต่คนเรามักทำใจไม่ได้ เพราะคอยหวนคะนึงถึงวันคืนอันชื่นบาน สมัยยังมั่งมีศรีสุข หรือยังมีหน้ามีตา แต่อดีตนั้นมีไว้เพื่อเป็นฐานหนุนส่งให้เกิดปัจจุบัน เพื่อก้าวไปสู่อนาคต ใครที่เอาอดีตมาเหนี่ยวรั้งตนไว้ไม่ให้ไปข้างหน้า ก็เท่ากับเป็นนักโทษในกรงขังของตัวเอง

    ชีวิตนั้นให้รางวัลก็แต่ผู้ที่อยู่กับปัจจุบัน เพราะปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นของจริง จริงอยู่บ่อยครั้งปัจจุบันมีแต่เรื่องระทมทุกข์ อดีตนั้นน่าพิสมัยมากกว่า แต่ถ้าเราจะหวนไปหาอดีตบ้างก็ควรเป็นชั่วครู่ชั่วขณะ เพื่อชุบชูจิตใจให้ชื่นบานจะได้มีกำลังมาฟันฝ่าชีวิตในปัจจุบัน

    อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าชีวิตจะสุขหรือทุกข์นั้น อยู่ที่เราเป็นสำคัญ ไม่ใช่เพราะคนอื่นหรือเหตุอื่น เช่นเดียวกับความจนและความรวยนั้น อยู่ที่มุมมองของเรา คนไทยเป็นอันมากกำลังทุกข์เพราะคิดอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองยากจนลง ตราบใดที่ยังจมอยู่กับความคิดแบบนี้ก็ไม่มีวันคลายทุกข์ไปได้


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=left><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    แต่เราลืมไปแล้วหรือว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของเราตอนนี้ ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าบางช่วงในอดีต ลองมองไปรอบตัว จะพบว่าข้าวของในบ้านหลายชิ้น เคยเป็นของสุดเอื้อมสมัยเรายังเด็ก หรือเป็นหนุ่มเป็นสาว รถยนต์ แก้วแหวนเงินทอง วีดีโอ สเตอริโอ ซีดี ฯลฯ มองในแง่นี้เราไม่ได้จนลงแต่รวยขึ้นต่างหาก ยิ่งถ้าเปรียบกับคนอีกมากมายตอนนี้ ไม่ว่าจะมองลงไปข้างล่างหรือมองขึ้นข้างบน เราก็ยังสบายกว่ามาก คนที่ถูกยึดรถไป สมควรแล้วที่จะคิดว่า ตัวเองโชคดีกว่าคนที่กิจการล้มละลาย ส่วนคนที่กิจการล้มละลาย ก็ยังนับว่าโชคดีกว่านักธุรกิจพันล้าน ที่มีหนี้ท่วมหัว

    แต่ถึงจะเป็นหนี้เป็นสินมากแค่ไหน เราก็ยังมีสิทธิเลือกได้ว่าตัวเองจะทุกข์หรือไม่ทุกข์ เพราะถึงที่สุดสุขหรือทุกข์ไม่ได้อยู่ที่จำนวนทรัพย์หรือหนี้สิน หากอยู่ที่ใจของเรา ถ้าเราคิดอยู่ตลอดเวลาว่าตัวแย่แล้ว ๆ นรกก็เกิดขึ้นทันตาเห็น เรามีสิทธิที่จะคิดว่าตัวเองไม่แย่ แต่สิทธินี้เราจะใช้หรือไม่อยู่ที่ใคร ถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง

    กระนั้นก็ตาม นอกจากวิธีคิดหรือมุมมองแล้ว คุณภาพจิตของเราก็สำคัญ ถ้าเราเป็นคนรู้จักสันโดษ ยินดีในสิ่งที่ตัวเองได้มาหรือมีอยู่ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักแสวงหาความสงบในจิตใจ วิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยที่จะฟันฝ่าไปได้.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#f1e9df><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:
    พระไพศาล วิสาโล

    TeeNee.com : ทันทุกเรื่องhit อัพเดททุกเรื่องhot
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. หนูแอ้

    หนูแอ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +627
    แวะมาให้กำลังใจอีกคนคะ ..สู้ๆนะคะ ..
    ได้อ่านเม้นจากพี่ๆทุกคนแล้ว .. น้องสาวต้องไม่ท้อนะคะ ..
     
  17. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,473
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    อย่าเพิ่งถอดใจสิครับ จขกท ทุกคนมีปัญหากันทั้งนั้นล่ะครับ ไม่ใช่คุณคนเดียว ขอให้อดทนเเละสู้ต่อไปครับ ตอนนี้ผมก็สู้กับจิตใจของตัวเองอยู่ เราต้องชนะใจตัวเองครับ จขกท หมั่นสวดมนต์ นั่งสมาธิ เเผ่เมตตาในทุกๆวันนะครับ เเล้วเราจะเข้าใจความเป็นไปในชีวิตได้เอง เป็นกําลังใจให้ครับ เข้ามาในนี้ก็ได้นี่ครับ ทุกคนในนี้ก็พร้อมเป็นกําลังใจให้อยู่เสมอ ขอให้โชคดีครับ
     
  18. kamineko

    kamineko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +564
    ยังไงท้อได้ แต่อย่าถอยค่ะ ชีวิตคนเราก็แบบนี้ มีขึ้นมีลง เรื่องของกรรมในอดีตอย่าไปนึกถึงมัน ให้ตั้งใจทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า ไม่มีมนุษย์ปุถุชนคนไหนในโลกหรอกค่ะที่ไม่พบเจอความทุกข์ แต่ละคนก็มีทุกข์ในแบบของตัวเอง มากน้อยต่างกันเท่านั้น

    เรื่องต่างๆ อย่าไปคิดน้อยใจ หรืออาย น่าภูมิใจออกค่ะ ที่สามารถทำงานส่งตัวเองเรียนได้ เท่าที่เคยฟังมา คนที่ทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบ หลายๆ คนตั้งตัวได้เร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน

    ยึดมั่นในการทำความดี ทาน ศีล สมาธิ ทำไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นผลเองค่ะ
     
  19. pornsak

    pornsak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +272
    ดีครับที่เห็นหลายๆท่านมีน้ำใจห่วงใยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน..ถึงแม้จะไม่รู้จักกันแต่ก็ยังให้สติกันให้กำลังใจกัน....ดีครับ สาธุสาธุ อนุโมทามิ

    ในส่วนตัวผม...ผมเคยอ่านกระทู้ของคุณมาบ้างพอสมควร..ผมก็เห็นว่าชีวิตคุณต้องผ่านอะไรมามาก
    แต่ผมว่าคุณยอมแพ้เร็วไปหน่อย

    ผมขอเอาเรื่องราวชีวิตของผมในช่วงหนึ่งของชีวิต (ุ6 ปี ) มาเพื่อเป็นวิทยาทานกับคุณ

    เผื่อว่าคุณอ่านแล้ว คุณจะได้กลับมาสู้อีกรอบ เพราะว่าไม่ใช่จะมีแค่คุณคนเดียวที่โดนเรื่องแย่ๆในชีวิต คนที่โดนหนักกว่าคุณบนโลกใบนี้ก็มี
    คำว่า สู้ อะนะ ให้คนอื่นพูดให้ฟัง 10 ครั้ง ยังไม่เท่าเราพูดให้ตัวเราเองครั้งเดียวเลย

    นี้คือช่วงชีวิต สมัยผมอายุ21-27ปี มันควรจะเป็นช่วงที่สนุก สดใส ร่าเริง ของชีวิต....แต่.....

    สมัยเรียนหนังสือ6ปี

    ส่งเสียตัวเองเรียน-ผมก็เคยเป็น ถ้าคุณว่าชีวิตคุณแย่แล้ว ลองดูชีวิตผมตอนนั้นนะ

    -สมัยเรียน (พศ. 2541-2547 ป.ตรี+ป.โท วิศวะ) ผมรับจ้างทำงาน (กุลี) กะดึก รายได้หลังจากหักค่าที่พัก ค่าน้ำค่าไฟ (เด็ก ตจว ต้องอยู่ห้องเช่า) เหลือใช้ประมาณ 3500 บาทต่อเดือน ซึ่ง 3500 บาทคือค่าข้าว ค่ารถ ค่าสมุดหนังสือ ค่าถ่ายเอกสาร ส่วนจะหาใครช่วยอะหรอ เฮอะไม่มี

    -ทำงานอยู่กะเที่ยงคืน เลิก 9 โมงเช้า
    -พอหลังจากเลิกงาน ก็ไปรับงานต่ออีกนิดหน่อย (รับจ้างกวาดบ้านก็เอา รับจ้างตัดหญ้าก็เอา)
    -ได้กลับมานอนประมาณ 11 โมง (แต่หากต้องทำธุระส่วนตัวเช่น ซักผ้า อาจจะล่วงเลย เที่ยงไปแล้วจึงจะได้นอน)
    -ตื่นบ่ายสามไปเรียน (แต่ถ้าวันไหนอาจารย์นัดเรียนเพิ่ม หรือช่วงสอบ อาจจะไม่ได้นอน)
    -เรียน ห้าโมงเย็น เลิกเรียน สองทุ่ม กลับถึงบ้าน สามทุ่มกว่าๆ
    -เปลี่ยนเสื้อผ้าทำโน้นทำนี้ ห้าทุ่มออกไปทำงานอีกแล้ว
    - 6 วันต่อสัปดาห์ วน loop อยู่อย่างนี้ 6 ปี
    แล้วผมเรียนวิศวะ (เน้น Math+Physic) นะ เวลาอ่านหนังสือทบทวนจำเป็นต้องมี ดังนั้นเวลาที่ผมจะใช้อ่านหนังสือได้จริงๆเวลาก่อนเข้าเรียนคือบนรถเมล์และที่ป้ายรถเมล์
    เวลากับ เพื่อนหรอไม่ค่อยมีอะ รุ่นพี่หรอ ฮึ อย่าหวัง... อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ...อย่างเดียวเลย

    คุณอาจจะมองว่า ถ้าเราทำงานด้วยเรียนด้วย แถมงานที่ทำยังต้อยต่ำ เพื่อนหรือรุ่นพี่อาจจะไม่ยอมรับ แต่เชื่อเหอะ คนเราถ้าทำดีซะอย่าง สุดท้ายเด๋วก็มีคนเห็น เด๋วก็มีคนเข้าใจจนได้นั้นแหละ เรื่องสังคมสมัยเรียน ผมว่ามหาลัยที่ผมจบมาก็คง มีจำนวนประชากรไฮโซ ไม่แพ้คณะแพทย์ที่คุณเรียนเท่าไหร่หรอกนะ (ป.ตรีผมจบวิศวะพระจอมเกล้า , ป.โท ผมจบวิศวะจุฬา เพื่อนผมในรุ่นหลายๆคน นั้นเป็น ลูกพ่อเลี้ยง(เมืองเหนือ) ลูกเสี่ย ลูกนายกเทศมนตรี ลูกนายทหารบ้าง สรุป ลูกคนใหญ่คนโตกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรนี้ พวกเค้านอกจากจะยอมรับในตัวผมแล้วด้วยแล้ว เค้ายังนับถือในความเพียรอีกต่างหาก) ่สุดท้ายท้ายสุด ทั้งรุ่นพี่และรุ่นเพื่อนต่างก็เข้าใจ และจบแบบ Happy-ending

    หวังว่าเรื่องราวของผม อาจจะมีประโยชน์สำหรับทำให้คุณลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้ง

    การที่คุณจะท้อนะไม่แปลก
    การที่คุณคิดว่าปัญหาที่คุณเจอมันยิ่งใหญ่เสียนี้กระไร ก็ไม่แปลก
    แต่การที่คุณอยากจะยอมแพ้เร็วขนาดนี้ นี้ซิแปลก (อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ...เส้นทางชีวิตยังอีกไกล...แต่รีบยอมแพ้ซะละ ?)

    ลองมองช่วงชีวิต 6 ปีของผมเป็นบทเรียน แล้วลองถามตัวเองซิว่า

    คุณอยู่ในมีภพภูมิที่ดีกว่าผมมั๊ย
    ชีวิตคุณมีอุปสรรคปัญหาน้อยกว่าผมมั๊ย

    ถ้าคำตอบคือ ใช่ ทั้ง สอง อัน ผมว่าการยอมแพ้ยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับคุณ ลองตัดสินใจใหม่ดีกว่ามั๊ยครับ
    ------------------------------------------------------------------
    ไม่มีชีวิตของใคร ที่ดีที่สุด ต้องมีสะดุด ต้องมีหลงทาง
    ไม่มีชีวิตของใครที่ดี ทุกอย่าง ต้องล้มลงบ้างสักวัน
    มันคือรสชาติความเป็นคน..


    ปล. ไม่รู้ว่าคุณเคยฟังเพลงนี้อะป่าว ลองดูนะอาจจะช่วยคุณได้อีกนิหน่อย
    มาช่า - รสชาติความเป็นคน - Free MP3 Stream on IMEEM Music
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2009
  20. นายชัชฌาณัฏฐ์

    นายชัชฌาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    438
    ค่าพลัง:
    +301
    ข้าพเจ้าขอเป็นกำลังใจให้กับคุณ Igiko L ด้วยนะครับ ขอให้กระทำความดีมากๆนะครับ ผลบุญจะช่วยเราได้ในยามที่เราเดือดร้อนครับ อย่างน้อยก็จากหนักเป็นเบานะครับ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...