การนั่งสมาธิ วิปัสนา กรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย พันตา, 4 มิถุนายน 2009.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    โห ...มุข พวกดูจิตนี่

    ดูถ้วนในจิตตนเอง ก็จะรู้ถ้วนในจิตผู้อื่นด้วย

    เตือนเราเอง ก็เหมือนเตือนผู้อื่นด้วย

    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
  3. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96

    ...อนุโมทนา..

    ...เป็นธรรมที่ดีครับ..
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    กลมาร ย่อมได้รับการฝึกฝนมาดี เพราะมีครูเป็นมาร

    นั่นแหละ ท่าน phanudet เขาเอาท่านเป็น เครื่องมือบ้าง

    เอา คนนั้นคนนี้เป็นเครื่องมือ บ้าง ตีกลองสอดคล้องกันบ้าง

    ซึ่งก็เรื่องปกติ ที่ มารจะทำนิสัยแบบนี้
     
  5. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    หวัดดียามดึก ท่านผู้เจริญ..

    ไม่รู้เจ้าของกระทู้ได้ความเข้าใจ.. จากข้อสงสัยหรือยัง...อิอิ

    น่าจะได้แล้วเนอะ..
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ท่านนัท ก็นอนดึกนะ
     
  8. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    คับ ว่างเลยแวะมาเยี่ยมคับ
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    นะ ก็ดูกันไปว่า ใครพาชักชวนทำสิ่งอะไร

    ชักชวนทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือไม่เป็นประโยชน์

    ชักชวนไปในทางละ หรือ ชักชวนไปในการยึดมั่น

    ชักชวนไปในทางประมาท หรือ ชักชวนให้ระงับความประมาท

    คนเรานะ ถึงแม้ว่าวันนี้จะผิด สมมติว่าผิด แต่ต้องไม่ประมาท
    ไม่ลืมหลักที่ว่า ชั่ว 7 ที ดี 7 หน หากเอาแต่เห็นตอนนี้ แล้ว
    ยึดมั่นว่าเห็น มันก็พลาดทันที

    ทีนี้เราก็ต้องดู หากมีดีกันแล้ว ก็จะหยุดแค่นั้น หากพลั้งไปจริง
     
  10. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    ผมไม่ถนัด คุยทางบอร์ด... เน้นดูว่าตอบในสิ่งที่น่าตอบ..

    เมื่อเห็นว่ามีคนตอบ ชัดเจนดีแล้ว ก็ไม่ต้องตอบอะไรอีก..แวะอ่านๆๆ ดู..อิอิ

    ไม่สนใจคุยกันในห้องแชทเหรอคับ
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จริงๆ เรื่องนี้ผมปล่อยวางไปแล้ว แต่ผมสังเกตุอะไรอยู่อย่างหนึ่ง
    ใครก็ตามที่เอออวยไปกับ กลุ่มดูจิต พวกนี้ต้อนรับกันอบอุ่นยังกับลัทธิหาคนเข้าพวก

    แต่ ครั้น พอใครไม่เห็นด้วย ตำหนิเขา ว่าเขา ต่างๆ นาๆ ผมเห็นว่า วิสุทโธ เข้ามาดีๆ ด้วยเหตุที่วิสุทโธ เห็นพ้องกับนายขันธ์ กลุ่มดูจิตนี่ โดยเฉพาะนายนิวรณ์ นิสัยแย่มากๆ ไปขุดเรื่องเขามาพูด มาจับผิด ทั้งๆที่ตัวเองก็ปลอมชื่อตั้งมากมาย

    ผม ก็ออกมาข่มกิเลสไปตามระเบียบ คือ รับไม่ได้ที่ ไม่มีความเป็นกัลยาณมิตร ให้กับคนอื่นนอกจากพวกตน

    จริงๆ แล้ว กลุ่มดูจิตนั่นแหละครับ มีความอ่อนแอ มากที่สุด เพราะว่าต้องเกาะกลุ่มกันไว้
    คนเดียวมันแข็งแกร่งไม่พอ ทั้งความคิดและจุดยืน

    ผมเสียอีก ที่ใครต่อใครว่า ว่ามีมิจฉาทิฎฐิ แต่ผมไม่เคยให้ใครต้องมาเป็นกลุ่ม ตีกลองสอดคล้องกับตัว

    แต่เอาเถอะครับ ผมออกมาพูดเท่านั้นแหละ ขอตัว
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    นี่ถ้าทางจะเป็นเอามาก ผมว่า ผมอธิบายไปแล้วนะ

    เขาใช้ไอดีอื่นมา อยู่ดีๆ มา จุ๊บๆ ก็แน่หละ เท่ากับ มาเล่นเกมส์ ทายสิใครเอ่ย

    เราก็เล่นไปตามเกมส์นั้น แล้วก็ลองถาม

    ถามเฉยๆ ว่า เป็น คุณ ใช่ไหม ง่ายๆ แค่นั้น

    แต่เขาทึกทักไปเอง ในเรื่อง การสลับไอดีกันใช้ระหว่างพี่น้อง แล้วกลัวว่า
    จะเป็นการเข้าใจผิด ผมก็ไม่รู้เขาไปยกอะไรมาแสดง ซึ่งไม่เกี่ยวเลย ผม
    ไม่ได้พูดถึง

    เพราะ ผมถามแค่ว่า ใช่คุณไหม ก็ตอบมาใช่ หรือ ไม่ใช่ ก็พอแล้ว แต่
    เขาเล่นเกมส์อีกว่า ดูไอพี เฉยๆ ไม่ได้นะ ฉันถือว่า เธอหาไม่เจอฉัน

    อ้าว ...ผมก็เล่นต่อสิ ...แล้วมันผิดตรงไหนหละนั่น

    ซึ่งการหา ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แค่ download vcard จะระบบสมาชิก
    ก็พบ visutto@hotmail.com ผมก็เอา อีเมล์ นี้เซริส์ในกูเกิ้ล ก็แค่นี้เอง
    ง่ายๆ ไม่ใช่ไปล้วงความลับอะไร เพราะข้อมูลที่เขาโพส ล้วนเป็นกระดาน
    สาธารณะ
     
  13. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    สาธุ คับท่านขันธ์ ..

    เราเคยคุยกันแล้ว เรื่องดูจิต กับ การภาวนาแบบพระป่า คือ สมถะนำ วิปัสนา..

    ทั้ง2 ทางมีจุดดีจุดด้อยต่างกัน.. ก็แล้วแต่จริตนิสัยของแต่ละคน ไม่มีทางใหนดีที่สุด

    มีแต่ทางไหนเหมาะกับใคร เท่านั้นเอง..

    วางๆๆๆ เถอะคับ... พูดอะไรแรงออกไป ก็สุ่มเสี่ยง กับการพาตัวเองปรามาสพระเปล่าๆ คับ

    ดูกิเลสตัวความไม่ได้ดั่งใจของเราดีกว่าไหม? คับ

    สาธุ...
     
  14. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    ผมออน อยู่ในห้องพระไตรปิฎก.. สนใจสนทนากัน เชิญคับ..

    อิอิ ฟังเสียงอ่านพระไตรปิฎกไป คุยกันไป
     
  15. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    ที่จริง..ทุกเรื่องเป็นเรื่องส่วนตัวของผม...ผมไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร และไม่ได้หนักกะบาลใคร
    ผมไม่จำเป็นต้องมาอธิบายอะไร..

    มีแต่พวกเปรตทั้งนั้น ที่เที่ยวขุ้ยคุ้ยกินของสกปรก คอยจ้องจับผิดเรื่องคนอื่น....เหมือนหมาบ้าขี้เรื้อนเต็มตัวโดนน้ำร้อนสาด สะบัดขนโดนคนรอบข้าง...

    คอยชิงพื้นที่ ดิสเครดิตคนอื่น ...
    ถ้าเป็นลูกผู้ชาย..เขาไม่ใช้วิธีนี้หรอก...มีแต่พวกปัญญาอ่อนเท่านั้น...

    เสียพื้นที่เจ้าของกระทู้...นัดเจอดีกว่ายกมาทั้งขุมเลยนะ..ไม่ต้องเสียเวลาตอบ-ไปมา เป็นผู้ใหญ่ทั้งคู่มันน่าอาย

    ต่อไปนี้..ผมเองก็ไม่เข้ามาในบอร์ดห้องนี้หรอกนะ...เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2009
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านนัทฯครับ ว่าจะอ่านเท่านั้น
    พอเห็นท่านวิเคราะห์ว่า มีจุดดีจุดด้อยต่างกัน.
    ผมเองอดไม่ได้ ที่ต้องชี้แจงในฐานะพุทธบุตรคนหนึ่ง

    ท่านพูดว่า สายปฏิบัติการภาวนาแบบพระป่าสมถะนำ วิปัสนา..
    เป็นการวิเคราะห์ของท่านเองและพวกเท่านั้นนะครับ

    ผมไม่เห็นเป็นอย่างนั้น
    เพราะครูบาอาจารย์สายปฏิบัติเดินตามรอยพระบาท

    ท่านกลับกล่าวหาว่ามีจุดด้อยนั้นไม่ถูกต้องครับ
    จุดด้อยเกิดจากความด้อยที่ตัวเองไม่เข้าใจการปฏิบัติอย่างลึกซึ้งครับ

    มีพุทธพจน์กล่าวรับรองไว้ชัดเจนโดยไม่ต้องตีความเลยครับว่า
    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงยังสมาธิ(สัมมา)ให้เกิดขึ้นเถิด
    ผู้ที่มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว(สมถะ) ย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง(ปัญญา)"

    ผมขอสรุปว่า
    พระพุทธองค์ทรงเน้นแต่เรื่องปฏิบัติสมาธิภาวนา
    เพื่อให้เกิดปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง
    ไม่ใช่สอนให้เอาวิปัสสนามานำสมถะเพื่อเกิดปัญญา

    ในปัจจุบันนี้ เมื่อเกิดมีการดูจิตขึ้น
    ก็อ้างว่าเป็นคำพูดคำสอนของหลวงปู่ดูลย์
    ผมไม่อาจโต้แย้งได้ เพราะมีคำพูดท่านอาจารย์หลวงปู่
    ถูกเอามาสอดแทรกจริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพียงบางส่วนเล็กน้อยเท่านั้น

    ที่เหลือเป็นของผู้แอบอ้างทั้งสิ้น
    เป็นการหมิ่นเหม่ต่อการขัดแย้งกับพุทธพจน์
    ทำให้หลวงปู่เสียหาย ได้อย่างหน้าชื่นตาบาน

    ก่อนท่านอาจารย์หลวงปู่ดูลย์
    จะมีหนังสือเรื่อง "จิตเป็นหนึ่ง" ไม่ใช่ดูจิตนั้น
    ท่านอาจารย์หลวงปู่ เข้าป่าปลีกวิเวก ๑๙ ปี เพื่อปฏิบัติสมาธิภาวนา
    จนกระทั่งรู้เห็นตามความเป็นจริงแล้วนั่นแหล่ะ
    จึงเข้าเมืองมาอบรมสั่งสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย

    แต่มีคนดันไพล่ไปเอาคำของท่านบางส่วนมาใช้ประโยชน์ให้กับตัวเอง
    อย่าให้การดูจิต กลายเป็นการคิดไม่ซื่อต่อพุทธพจน์และครูบาอาจารย์เข้าให้หละ

    ขอเตือน

    ;aa24
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ไม่จำเป็นต้องออกจากบอร์ดห้องนี้เลยครับ

    คนที่หยาบคาย มีประเด็นร้อนซ่อนเงื่อน
    เค้ายังตีหน้าตายเล่นอยู่จนทุกวันนี้เลยครับ

    บางครั้งยังตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องโกหกได้เป็นฉากๆ...

    ผมจึงไม่เห็นความจำเป็นที่ท่านวิสุทโธ จะไม่เข้ามาแสดงคคห
    ต้องเข้ามาครับ เข้ามาช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาครับ
    ไม่งั้นของแท้จะหมดไป
    จะเหลือแต่พวกดูจิต คิดทรยศไม่ซื่อสัตย์ต่อพุทธพจน์

    ;aa24
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ทางเขามีอยู่แล้ว ดีอยู่แล้วในห้องนี้ ขอเกริ่นก่อนนะครับ ก่อนหน้านี้ ผมอยู่ห้องวิทยาศาสตร์
    คอยดูว่าใครมีสีลพตรปรามาสในทาง ทรงเจ้าเข้าผี หรือ ปฏิบัติผิดๆ ก็จะชี้ให้พิจารณาด้วยปัญญา ก็ปรากฎว่า กลุ่มดูจิตนี้ อวดอุตริ เอาความคิดผิดๆ เข้ามาพูด โดยไม่ได้คำนึงถึงผลเสีย ทั้งๆที่ตนไม่รู้จริง ผมก็ตำหนิไป พอตำหนิไปไม่พอใจ สุดท้ายผมตัดบท คือ ย้ายมาห้องสมาธิ เพราะมีคนบอกว่า อยากให้ผมมาสอนเรื่องสมาธิในห้องนี้ ก็มาสอนห้องสมาธิเผื่อจะแนะนำ ในการทำสมาธิ และ สมาธิที่ถูกทาง

    คนไม่รู้จักกาลเทสะ ก็ยังตามมาห้องสมาธิ ยกโขยงกันมา อวดรู้อวดภูมิกัน ตามมาตำหนินายขันธ์ บ้าง ตามมาแนะนำสมาธิคนแบบผิดๆ ด้วยการดูจิต บ้าง ด้วยการยกยอปอปั้น ด้วยการตีกลองสอดคล้องกันเองบ้าง โดยไม่ได้คำนึงอะไรเลย ครั้นพอตำหนิไป ยิ่งปรากฎว่าไม่ยอมรับ ยิ่งขมวดปม พอสุดท้าย ผมก็พูดแรงๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว

    สำหรับ เรื่องปรามาสพระ ผมแน่ใจแล้วจึงพูดออกไปเพราะมันเป็นความจริงทั้งหมด ว่าพระท่านนั้น เข้าใจผิดประกอบกับอัตตามาก ดังประเด็นต่อไปนี้
    1 กล่าวผิดในเรื่องจิต ว่าจิตเป็นไปเอง ไม่ต้องไปควบคุม เพราะว่า จิตควบคุมไม่ได้ มันจะทำอะไรปล่อยมันไป ไม่ต้องฝืน
    ผลเสีย ทำให้คนทำอะไรตามใจตน ดังเช่นปรากฎแล้วใน สันโดษ ขวัญ นิวรณ์ ที่นึกจะทำอะไรก็ทำไป โดยอ้างว่าเป็นกุศลธรรม
    2 กล่าวให้ละความเพียร อันเป็น สัมมาวายามะ โดยกล่าวว่า การดูเฉยๆ นั่นแหละเป็นสัมมาวายามะที่แท้จริง
    ผลเสีย ปิดทางนิิพพาน โพชฌงค์ พละ มีองค์วิริยะ ที่จะต้องเพียรให้เกิดกำลัง การบอกว่าดูเฉยๆ ไม่ได้เป็นความเพียร นอกเสียจากว่า คนแถจะบอกว่ามันคือความเพียร

    3 กล่าวให้ละความพิจารณา อันเป็นองค์ ธัมมวิจย โดยกล่าวว่า การดูเฉยๆ นั่นแหละเป็นธรรมวิจยในตัว
    ผลเสีย ไม่มีใครพิจารณาตามความจริง ปิดกั้นปัญญาผู้คน
    4 เมื่อหาพระสูตรที่สอดคล้องกับตนไม่ได้ ไปหยิบอภิธรรม ในเรื่องถิรสัญญา ว่าการดูเฉยๆ จะจำ และ เมื่อจำได้ จะมีสติเอง ข้อนี้เป็นมิจฉาทิฎฐิของผู้พูดอย่างมาก เพราะไม่ปรากฎว่า พระศาสดาสอนแบบนี้

    5 มักจะพูดว่า สมาธิ ไม่จำเป็น ให้ดูอย่างเดียว ทั้งๆที่ กำลังสตินั้นจะเกิดจากสมาธิเป็นฐาน
    ผลเสีย ไม่เพียรทำสมาธิ ทั้งๆที่ หลวงพ่อฤาษี หลวงตามหาบัว หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านสอนให้ทำสมาธิทั้งสิ้น

    6 ก้าวมาถึง คนสอนเอง ผมก็ไม่อยากจะพูดหรอกครับ แต่การพูดนี้ เป็นข้อสังเกตุให้ท่านพิจารณากันเอาเอง เพราะว่า หากว่าท่านเชื่อคนผิด ชีวิตท่านก็ปิดทางเดินที่ถูกต้อง ดังเช่นนายนิวรณ์ เป็นอยู่ ก็ทำไมจะต้องเสี่ยงหากว่า เรามีดีอยู่กับตัว ก็ทิ้งทางเลือกที่เสี่ยงไปเลยเสียดีกว่า มันอยู่ที่ว่า เราจะตามกิเลสหันเหออกนอกทางไป เชื่อทางอื่น หรือ จะยอมตามครูบาอาจารย์ เดินทางลำบาก ต่อสู้กิเลสแล้วจะนำไปสู่ แดนสุข ท่านก็เลือกเอาเอง แต่ขอพูดดังนี้

    มีการกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ดูลย์ หลวงพ่อพุธ ดังกับว่า เป็นศิษย์ก้นกุฏิ แต่กลับว่า สอนคนละเรื่องกับ พระอาจารย์ทั้งสอง
    มีการเอา นิกายเซ็น มาอ้างว่าเป็นคำสอนหลวงปู่ดูลย์
    มีการอ้างเอาเทคนิคการทำสมาธิ ของหลวงพ่อพุธ ในส่วนที่ว่า "ถ้ามันจะคิดก็ปล่อยให้มันคิด มาเป็นหลักของตนเอง" ว่าเป็นวิปัสสนา ซึ่งมันคนละเรื่องกัน
    กล่าวสวนทางกับ พระอาจารย์สายพระอาจารย์มั่น
    ผมถามหน่อยครับว่า ถ้ามีคนเอาคำสอนตนเองขึ้นมาแล้วอ้างครูบาอาจารย์ของท่าน แต่เราทราบว่า ครูบาอาจารย์ไม่เคยสอนแบบนั้น พวกคุณจะออกมาพูดไหม หรือว่าจะเงียบเฉย
    ถ้าคุณเงียบเฉย ผมก็ขอตำหนิว่า คุณไม่มีความอาจหาญในธรรมที่จะออกมาพูด คุณไม่ใช่ศิษย์ ตถาคต ที่เมื่อเห็นความผิดกลิ่นแล้วยังอยู่เฉย

    ย้อนกลับมาพิจารณาว่า แล้วคำสอนนั้นจะถูกได้หรือไม่ ตอบว่า ถ้าหากว่าเรายังจะตีความให้มันถูก ให้มันตรง เขาเรียกว่าหลอกตัวเองหรือแถ เพราะว่า สิ่งที่กล่าวออกมาทางวาจา ยิ่งบอกว่าเป็นพระอริยะแล้ว ย่อมสอดคล้องกันหมด การพูดในทางตรงกันข้าม ย่อมไม่มีในหมู่พระอริยะ และหากว่า ไม่สอดคล้องกันแบบนี้ ก็คงไม่ต้องตีความอะไรมากมาย เพราะผมไม่ใช่คนที่ชอบสงสัยว่าทางอื่นจะดีกว่า ทางที่พ่อแม่ครูอาจารย์วางไว้ให้ และ ไม่สงสัยว่าทางอื่นจะดีกว่า สิ่งที่พระสูตรกล่าวไว้ ผมเดินตามพระศาสดาตรงๆ ครูบาอาจารย์สอนตรงๆ นั่นแหละ จะไปถึงฝั่ง

    เรื่องของธรรมภูติ เขาเห็นคนละขั้วกับ นาย นิวรณ์ มาตั้งแต่ ห้องวิทยา ตอนแรกๆ ผมก็ไม่ได้ไปสนใจ เพราะผมเป็นเพื่อนกับ นายนิวรณ์ และ พวกดูจิต พอเห็นว่า ธรรมภูติกล่าวถูก ผมก็เลยบอกว่า ธรรมภูตกล่าวถูก จากนั้นมา กลุ่มดูจิต รวมตัวกัน ตำหนิทุกคนที่ เห็นผิดกับตน
    ใครมาเตือนไม่ฟัง ยังคงพูดธรรมเรื่อยเปื่อย ท่านวิมุตติ ก่อนหน้านี้ไปจับกลุ่มกับ ดูจิต สุดท้ายมาตำหนิผม มาจนถึงวันนี้เลย ลูกผีลูกคน ฟันธงไม่ขาดว่า ตัวเองควรดำเนินปฏิปทาอย่างไร จากนั้นก็มีการดึงคนนั้น คนนี้เป็นพวก มีการยุแยงให้คนนั้นคนนี้ เกลียดกัน มีเล่ห์เพทุบายต่างๆ นาๆ มีการคุยกันนินทาคนนั้นคนนี้ บอกตามตรงครับว่า สกปรก

    ถ้าคิดจะสนทนาธรรม ควรไปสนทนากันในหลักการของคุณกันเองก่อนว่า มันผิดหลักหรือตรงหลักอย่างไร ก่อนที่จะมาสอนคนอื่น

    ผมขอตัว
     
  19. วรกันต์

    วรกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +257

    โทษนะครับ ผม พูดถึงบอกว่า สมถกรรมฐาน (สมาธิ) ในกรรมฐาน 40 นะครับ
    ไม่ได้พูดถึง มรรค 8 ในสัมมาสมาธิ เลย

    มันต่างกันนะครับ สัมมาสมาธิ ชื่อ ก็บอกอยู่แล้ว แปลว่า ความตั้งมั่นชอบ ต่างกับสมาธิ ทั่วๆไป

    เออ ผมเขียนตรงไหน หรือครับ ว่า สัมมาสมาธิ

    ประโยคไม่กี่ประโยค กรุณาอ่านช้าๆ ค่อยๆเข้าใจนะครับ

    สมถกรรมฐาน คือกรรมฐานเป็นอุบายสงบใจ ได้แก่การปฏิบัติธรรมด้วยการบริกรรม

    "สมถะกรรมฐาน คือฐานที่ตั้งอันสมควรแก่การงานทางจิตครับ" อันนี้ มันความหมายของ สัมมาสมาธิ หรือเปล่าครับ สลับกัน

    สัมมา แปลว่า ชอบ นะครับ
    สมถะ แปลว่า ความสงบ นะครับ

    กรุณากลับไปเปิดพจนานุกรมดูใหม่นะครับ

    สมถกรรมฐาน จึงไม่ได้มีความหมาย ว่า สมควร หรือ ชอบ นะครับ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เพราะไม่มี คำไหน ที่แปลว่า สมควร หรือ ชอบ เลย

    1.สมถกรรมฐาน
    คือกรรมฐานเป็นอุบายสงบใจ ได้แก่การปฏิบัติธรรมด้วยการบริกรรม แปลตรงตัวนะครับ

    อย่าสับสน กับ สัมมาสมาธิ



    1. คำว่าสมาธิ กับคำว่า สัมมาสมาธิ มีความแตกต่างกัน สมาธิได้แก่การถือเอา อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง ทำให้แน่วแน่อยู่ในอารมณ์นั้น ถ้าจิตจับที่เรื่องร้าย มาเป็นอารมณ์แน่วแน่อยู่ในเรื่องนั้น สมาธินั้น เป็นสมาธิไม่ชอบไม่ถูก ตามธรรม ส่วนคำสัมมาสมาธิหมายถึงการยึดเรื่องดีมาเป็นอารมณ์แน่วแน่ อยู่ในเรื่องที่เป็นกุศล สมาธินั้นจึงจะยังประโยชน์ให้สำเร็จ
    2. อริยมรรค 8 คือหนทางแห่งการดำรงชีวิตอย่างรู้แจ้ง มีสติเป็นพี้นฐานด้วยการฝึกสติสามารถพัฒนาสมาธิจิตซึ่งจะช่วยให้บรรลุถึง ปัญญา เพราะ สัมมาสมาธิจึงสามารถบรรลุถึงสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ และสัมมาวายามะ ปัญญาความเข้าใจซึ่งพัฒนาขึ้นนั้นสามารถกำจัดความไม่รู้ (อวิชชา) ได้ในที่สุด
    ข้อความ อันนี้คัดลอกมาก ให้อ่าน ไม่ได้คิดเองหรือ เขียนเองนะครับ จะได้หายสงสัย

    2.วิปัสสนากรรมฐาน
    คือ กรรมฐานเป็นอุบายเรืองปัญญา, กรรมฐานทำให้เกิดการรู้แจ้งเห็นจริง หมายถึงการปฏิบัติธรรมที่ใช้ปัญญาพิจารณาเป็นหลัก

    "วิปัสสนากรรมฐาน คือ ฐานที่ตั้งอันวิเศษในการพิจารณาทางจิต"?????

    คำว่า วิปัสสนา ไ่่ม่ได้แปลว่า จิต นะครับ เอามาจากไหน


    3.ส่วนคำว่า เรา ก็คือ ตัวอัตตา เข้าใจไหมครับ แต่ถ้ามีปัญญาเกิด ก็จะเข้าใจ ว่า ไม่มีตัวตน หรือ อนัตตา ไตรลักษณ์

    ไม่ได้อ่านมานะครับ แต่ เป็นภาวนามยปัญญา
    ไม่ใช่ สุตมยปัญญา หรือ จินตมยปัญญา แล้วคุณ ธรรมภูต ล่ะครับ เอามาจากไหน
    คิดเองเหรอ

    เพราะ ที่บอกมา ก็ไ่ม่ตรงความหมายในหนังสือเลยสักความหมายเดียว

    4.สติ ก็ไม่มีที่ตั้งนะครับ ก็พระพุทธองค์ บอกอยู่แล้ว ว่า ทุกสิ่ง ไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง คำว่า ทุกสิ่ง เข้าใจไหมครับ รวมทั้งสติด้วย

    สติจึงไม่มีที่ัตั้ง เพราะเป็นอนิจจัง

    สติ คือ ความระลึกได้ เกิดขึ้น เอง และ ก็ดับเอง

    แล้วสติ เกิดได้อย่างไร เมื่อมีเหตุ จึงเกิดสติ เมื่อหมดเหตุ สติจึงดับ

    ส่วนเหตุให้เกิดสติ คือ จิตจำสภาวะได้ จนเกิดสติ

    การมีสติ จึง ยังไม่เรียกว่า บรรลุมรรค เพราะ ไม่เกิดปัญญา แต่ในวิปัสสนา เราใช้สติ เป็นเครื่องมือ พิจารณา ให้เกิดปัญญา นะครับ
    อีกขั้นหนึ่งครับ

    ที่บอกว่ามีพุทธพจน์ รับรอง กรุณา อ้างอิงด้วยครับ อยากทราบมากๆๆๆ
    สมถกรรมฐาน กับ วิปัสสนากรรมฐาน นี่นะครับแยกจากกันไม่ได้ งง




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2009
  20. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    สาธุ อนุโมทนา ในกุศลจิตที่กล่าวเตือนผมนะคับ...
    ถ้าจะมอง คำว่าจุดดี จุดด้อย ตามความคิดเห็นของท่าน ถูกต้องคับ...ผมอนุโมทนาด้วยคับ ที่กรุณาชี้แจ้ง...ถูกต้องตามที่คุณกล่าวมา คับ

    ...
    ต้องขออภัย ขออโหสิ..และขอขมาต่อพระพุทธ พระธรรม..ด้วยคับ...
    ด้วยเจตนาจะกล่าวว่า การปฏิบัติ แต่ละทางนั้น เหมาะกับคนแต่ละคนต่างกันตามจริตนิสัยของแต่ละคนเท่านั้นเอง...นับว่าผมใช้คำพูดผิดไปจริงๆคับ..

    สาธุ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...