การนั่งสมาธิ วิปัสนา กรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย พันตา, 4 มิถุนายน 2009.

  1. พันตา

    พันตา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +60
    ผมสงสัยนะครับว่า การนั่งสมาธิ วิปัสนา กรรมฐาน นั้น เนื้อแท้ก็คงต้องการให้ผู้นั่งนั้นสงบ นิ่งแบบลึก ถ้าจะมีสมาธิก็จะมีแบบสมาธิที่นิ่งและลึกมากๆ ทำให้เราสามารถคิดหรือใช้สมองพิจารณาได้อย่างลึกซึ้ง เพื่อจะหลุดพ้นจากสภาวะของ กรรม และหลุดพันในที่สุด ซึ่งคำว่า หลุดพ้นนั้น คงอธิบายแล้วไม่เหมือนกันและลึกซึ้งมาก

    แต่ผมลองอ่านๆดูหลายๆกระทู้รวมถึงหลายๆคนนั้น จะพูดถึงเรื่อง ถอดจิต ตาทิพย์ บินได้ อะไรพวกนี้ บางคนกระทั่งบินไปบนสวรรค์เห้ฯเทวดาเล่นยิงลำแสงใส่กัน ผมอ่านแล้วถึงกับงง ต่อให้เทวดามีจริงๆ จะมาเล่นยิงแสงยิงพลังใส่กันเหมือนเด็กๆเหรอครับ อันนี้ผมงงจริงๆนะครับ ยิ่งบางท่านบอกเป็นการปลดปล่อยของพวกที่มีฌานขั้นสูง ผมยิ่งงงใหญ่ ถ้านั่งจนมีฌานขั้นสูงแล้ว จะมามัวนั่งเล่นยิงลำแสงใส่กันแบบนี้เหรอ

    ผมเคยคิดเล่นๆว่าการนั่งสมาธิมันสร้างสารบางตัวในสมองอย่างเช่น เซโรโธนิน มากเกินปกติซึ่งทำให้จินตนาการมันไปไกลเกินคนธรรมดาหรือเปล่า แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าอย่างไร

    แต่ผมเชื่อว่าการนั่งสมาธิหรือกรรมฐานนั้นน่าจะเป็นการฝึกจิตที่ดีและทำให้สามัญสำนึกดีและอยากจะเป็นคนดีนะครับ

    ช่วยตอบหน่อยสิครับ โดยเฉพาะในเรื่องของการยิงแสงยิงพลัง
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    จะคุยกันเรื่องนี้จริงๆหรือ

    มันหนักนะ

    ถ้าจะคุย ก็ต้องเริ่มกันที่เรื่องเบาๆ กันก่อน

    แรกเลย คุณเป็นคนชอบดูการตูนหรือเปล่า แต่ละเรื่องจะมีความเด่นที่ทำให้ชอบ
    ไม่เหมือนกัน

    เรื่องดรากอนบอล นี้มีทั้ง หมัด มวย และ แสง มีเรื่องธาตุด้วยตอนที่รบกับ..เซลล์(มั้ง)

    เรื่องสมุดโน๊ต นี้ไม่มีอะไรมาก เป็นเรื่อง เจ้านายบันดาล เพียงเขียนลงไป ก็เป็นอันจบ

    เรื่องยูยูมากูโช ไม่รู้เรียกถุกเปล่า อันนี้ ยิงอย่างเดียว

    เรื่องโปเกมอล ดิจิมอล นี่ก็พวก มีลูกกรอก

    เรื่องโดเรมอนนี้ ถึงแม้จะเป็น อุปกรณ์พิศดาร แต่มุมหลักก็คือ ปัญญา การแก้ปัญหา

    เยอะ...

    สรุป คือ มันจะมีความเด่นในเรื่องที่ชอบใจ ตั้งไว้ และให้คุณค่า ว่าสิ่งนั้นดีที่สุด และ
    เป็นสิ่งที่ใช่ หากมีได้เหมือนในการตูนแล้วย่อมมีความสุข

    อันเป็นที่มา ของตัณหาจริต ที่ฝังรากเอาไว้ เป็นแรงบันดาลใจลึกๆ สุดหยั่ง

    ถามว่า เวลาพวกนี้ คนที่เขาชอบดูการตูนเรื่องเดียวกันเวลาเจอกันทำอย่างไร
    ก็มีตั้งแต่แลกเปลี่ยนของขวัญกัน เสวนากัน บางทีอุปโลกยิงกันกระแด่วๆ เป็น
    ที่พออกพอใจกัน คนเป็นอย่างไร สรรพสัตว์อันมีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ก็มีอย่างนั้น

    ทีนี้กลับมาดู ตัณหา ที่ฝังรากลึก เป็นแรกผลักดันให้ทำสมาธิของบางคน บางพวก
    ก็แน่หละ เวลาทำสมาธิปุ๊ป ด้วยสัญญา สังขาร ความพอใจ(เวทนา) ก็ทำให้เกิด
    มุมมองในเรื่องนั้นๆ ...สมมติว่าเขานั่งได้สำเร็จ ออกเทียวไปในภพ เขาจะไปภพ
    ไหนได้หละ ก็ต้องไปอยู่ในภพที่มีคนชอบแบบเดียวกันมาป้วนเปี้ยนอยู่ เหมือนเรา
    รักสาวคนเดียวกัน เราก็อาจจะเห็นเพทบุตรสุดมารมารอที่หน้าบ้านสาวบ้านเดียว
    กัน เจอกันแล้วทำไง.....ก็แล้วแต่พื้นความชอบ หากเป็นพวกดรากอนบอลมาเจอ
    กันหน้าบ้านสาว ก็อาจจะมีวางมวย วางหมัด หรือ อาจจะจ้องตาเป็นประกาย
    ปิ๊งๆกัน (แต่ไม่ใช่ชอบกันนะ อันนี้ต้องนึกภาพการตูนให้ออก เวลา แต่ละฝ่ายมาเจอกัน
    มันจะมีแสงจากตา หรือ แววตาในแว่น อะไรพรรณนั้น)

    * * * *

    สรุปอีกที คนเรานั้นพอนึกถึงการปฏิบัติธรรม ย่อมนึกถึงสิ่งดีๆ แต่สิ่งดีๆนั้น เมื่อนึก
    ถึง ความยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งไหนดี มันจะมาหลอกหลอน ทำให้เขวไปทางนั้น ก็
    เรียกว่า เลือกที่จะปีนเขาในทางที่ชอบ แต่ก็ถือว่ายังเป็นการปีนเขาสู่จุดสูงสุดอยู่
    ถ้าเขาตั้งใจไว้ตรง(นิพพาน) แต่ถ้าไม่ได้ตั้งใจไว้ตรงก็มักจะเข้าถ้ำเข้าพงไปเสีย
    ส่วนมาก .....ดังนั้น เวลาปฏิบัติธรรม ให้ตามรู้ความรู้สึก ยินดี ยินร้าย ที่ใจไปจับ
    ต้อง ให้ระลึกรู้ดูไป ไม่ต้องห้าม ก็จะพอให้เดินกลับมาทางตรงได้ไม่มากก็น้อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2009
  3. ปัทมินทร์

    ปัทมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +1,393
    การนั่งสมาธิก็เปรียบเสมือนเราชาร์ตแบตเตอรี่มือถือ เพื่อที่จะนำออกไปใช้งานได้จริงยังนอกสถานที่


    นั่งสมาธิก็เพื่อให้มันเห็นทุกข์ อยู่กับทุกข์ และหาวิธีรับมือกับทุกข์ อย่านั่งไปติดสุข อย่านั่งไปอยู่กับสุขนานๆ


    ทำเอง รู้เอง หายสงสัย
     
  4. Prichasamart

    Prichasamart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +671
    ถ้าได้เคยอ่านหนังสือของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
    ท่านจะบอกว่า ที่เขาเห็นนั้น เขาเห็นจริง
    แต่สิ่งที่ถูกเห็นนั้น มันเป็นสิ่งไม่จริง

    สรุปแล้วก็คือเป็นนิมิตเท่านั้นเองนิครับ
     
  5. วรกันต์

    วรกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +257
    คุณ ต้องเข้าใจใหม่นะครับ ว่าสองสิ่งนั้นต่างกัน

    1.สมถกรรมฐาน(สมาธิ) คือ การใช้สมาฺธิแช่นิ่งอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดนานๆ

    2.วิปัสสนากรรมฐาน(สติ) คือ การมีสติ อยู่กับปัจจุบัน จนเกิดปัญญารู้แจ้ง ว่า กาย กับ ใจ นี้ไม่ใช่ของตัวเรา แค่นั้นๆจริงๆครับ แต่เพราะแค่นั้นแหละครับ จึงไม่มีใครทำ และมองข้ามไปไม่สนใจ

    ( การบรรลุอริยมรรค คือ การ มีสติ จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งว่ากายกับใจนี้ไม่ใช่ของตัวเรา ) ไม่ใช่การนั่งสมาธินะครับ อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่เลย

    การนั่งสมาธิจึงไม่ทำให้หลุดพ้น (ยกเว้นบางกรณีทำได้ ไม่ขอพูดถึง เดี๋ยวจะลึกไป)

    แต่การเจริญสติปัฎฐานต่างหาก จึงเป็นการหลุดพ้น

    "เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย, ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺฐาน"


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สติปัฏฐานนี้ เป็นทางสายเดียว เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อระงับความเศร้าโศกและความคร่ำครวญ เพื่อดับทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุอริยมรรค เพื่อรู้แจ้งพระนิพพาน


    พวกที่ได้อภิญญา เหาะเหินได้ มีพลัง ผมเชื่อว่ามีจริง แต่ไม่ทำให้พวกเขาพ้นทุกข์เลยแม้แต่นิดเดียว

    ตั้งใจปฏิบัติ สติปัฎฐาน 4 ดีกว่าครับ

    ลองฟัง หลวงพ่อปราโมทย์ดูก็ได้ เป็นพระอรหันต์ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ

    ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว

    http://www.wimutti.net/pramote/mp.php
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2009
  6. พันตา

    พันตา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +60
    ครับ ผมก็เห็นด้วยกับคุณวรกันต์และทุกท่านนะครับ แต่ผมคิดว่าเรื่องยิงแสงนั้นเจ้าตัวคนที่นั่งนั้นสร้างขึ้นเองหรือเปล่า มันมีจริงหรือ หรือเป็นแค่ มโนภพ เฉพาะของเขาคนนั้น และมันน่ากลัวไหมในแง่ของวิทยาศาสตร์
    บางทีอ่านมากๆแล้วกลัวครับ กลัวว่าถ้าผมนั่งสมาธินานๆแล้วผมจะเห็นอะไรที่ทำให้ผมเพี้ยนไปได้น่ะครับ แต่ยอมรับครับว่านั่งสมาธิแล้วใจจะสงบ อยากเป็นคนดีนี่ผมรู้สึกจริงๆ
     
  7. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    คำของพระท่านฯ เตือนใจดีแท้...

    เหมือนจะถึงแต่ไม่ถึง เหมือนจะจริงแต่ไม่จริง เหมือนจะแจ้งแต่ไม่แจ้ง

    สาธุ ความรู้ที่ถูกต้องที่รู้ก่อนที่เรื่องจริงจะเกิด ก็เหมือนแผนที่อย่างดีเยี่ยม
    แต่คนผู้รู้นั้น มิทันจะปฏิบัติแท้ จะได้ผลของการปฏิบัติได้อย่างไร

    ความรู้นี้ บางครั้งมันมาจากการปรุงแต่งของจิต วิเคราะห์ไปก่อนตามเหตุปัจจัย
    แต่แท้จริงแล้ว กลับยังมิทันเดินในทางจริงเลยก็อาจมีได้

    ความรู้ดังนี้แล...เรียกความรู้จากการปฏิบัติได้ไหมหนอ

    เรื่องนี้นับเป็นเรื่องอันตรายใหญ่หลวงแท้แล้ว

    สาธุ ขออนุโมทนากับทุกท่านที่สั่งสอนธรรมด้วยใจฯ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านวรฯครับ ที่ท่านพูดว่า

    1.สมถกรรมฐาน(สมาธิ) คือ การใช้สมาฺธิแช่นิ่งอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดนานๆ

    สมถะกรรมฐาน คือฐานที่ตั้งอันสมควรแก่การงานทางจิตครับ
    ถ้าไม่รู้จริงๆอย่าเดาสวดครับ ความหมายเสียหายหมด
    สัมมาสมาธิ ก็เช่นกันครับ คือ จิตตั้งมั่นชอบ ไม่ใช่แช่นิ่งเป็นคนเมา(ขาดสติ)ไปได้

    2.วิปัสสนากรรมฐาน(สติ) คือ การมีสติ อยู่กับปัจจุบัน จนเกิดปัญญารู้แจ้ง ว่า กาย กับ ใจ นี้ไม่ใช่ของตัวเรา แค่นั้นๆจริงๆครับ แต่เพราะแค่นั้นแหละครับ จึงไม่มีใครทำ และมองข้ามไปไม่สนใจ

    วิปัสสนากรรมฐาน คือ ฐานที่ตั้งอันวิเศษในการพิจารณาทางจิตครับ
    ท่านไม่รู้จริงๆหรือว่าเพราะไม่เคยอ่านพบเจอมาก่อนว่า
    สมถะและวิปัสสนานั้นแยกกันไม่ได้ ต้องทำงานทางจิตควบคู่กันไป
    โดยมีพุทธพจน์รองรับไว้ครับว่าแยกจากกันไม่ได้

    ท่านครับอันนี้ถามนะครับว่า "รู้แจ้ง ว่า กาย กับ ใจ นี้ไม่ใช่ของตัวเรา"
    เราในที่นี้ เราคืออะไร?
    อย่าบอกนะครับว่ามีแต่สภาวะ โดยไม่มีสิ่งรองรับสภาวะ?
    อ้อ!อีกข้อพอแล้วครับ สติที่พูดถึงตั้งอยู่ที่ไหนครับ?

    ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2009
  9. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    การที่พระอาจารย์ท่านหนึ่งท่านใด..จะให้วงการพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นยอมรับ..

    เทศน์อบรมพระ-เณร ที่วัดธรรมยุติ สายอีสาน เช่น วัดโพธิสมกรณ์ จ.อุดรธานี วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร เป็นต้น

    การเทศน์อบรมฆราวาสยังพิสูจน์ไม่ได้ เพราะฆราวาสการงานทางโลกมาก เวลาในการปฏิบัติภาวนาน้อย..
    ต้องเทศน์อบรมพระ-เณร ที่สำนักปฏิบัติวัดพ่อแม่ครูจารย์ ถึงจะเป็นการพิสูจน์ชัดเจน เพราะบรรดาพระกรรมฐานและพ่อแม่ครูจารย์ท่านฟังการอบรมรู้..ว่า..ธรรมของผู้เทศน์ระดับไหน..
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านพันตาครับ ถ้าท่านต้องการปฏิบัติสัมมาสมาธิ
    ผมขอเสนอแนะว่าควรเริ่มต้นจากอริยมรรคมรองค์๘หรือสติปัฏฐาน๔
    เป็นสิ่งเดียวกันใช้แทนกันได้ครับ

    ในมหาสติปัฏฐาน๔ที่ท่านวรฯยกมาก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเริ่มยังไง

    มหาสติปัฏฐานสูตร

    ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์
    เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์และโทมนัส
    เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
    หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ

    ๔ ประการ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้
    พิจารณาเห็นกายในกาย... เวทนาในเวทนา... จิตในจิต... ธรรมในธรรม อยู่
    มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ...ฯลฯ...

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกายอยู่อย่างไรเล่า

    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี
    นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า
    เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า..........ฯลฯ.....

    สัมมาสมาธิ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่...ฯลฯ...

    สรุป ทรงให้พิจารณากายในกาย เป็นงานแรก
    โดยปฏิบัติอานาปานสติกรรมฐาน (คือ การนั่งสมาธิ)
    เมื่อปฏิบัติอานาฯ จนคุ้นชินแล้ว มีฐานที่ตั้งแห่งการงานทางจิตที่มั่นคงแล้ว
    จากนั้นจึงทำงานทางจิตขั้นต่อไปตามลำดับ...
    ;aa24
     
  11. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    การเปรียบมวย ต้องมวยระดับเดียวกัน น้ำหนักเดียวกัน ชกเวทีมาตราฐาน ถึงจะถูกคู่
    ไม่ใช่มวยโนเนม เวทีงานรำวง ...
    มีแต่นางรำ โฆษก หน้าม้า..
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ก่อนอื่นขอตอบเรื่องลำแสงก่อนนะครับ........ที่เจ้าของกระทู้กล่าวถึง...เทวดาปล่อยแสงใส่กัน....เหมือน การ์ตูนบ้าง....อะไรพวกนั้นหนะ......ไปอ่านเจอที่ใหนเหรอครับ.......อ่านแล้วผมยังตลกเลย.........

    เรื่องสมถะกับวิปัสสนานี่เรื่องยาวครับ....พูดกันไม่รู้จบจริงๆ......พวกฝึกวิปัสสนาแบบฉลาดแต่ไม่เฉลียว.....ก็พูดอยู่นั่นว่าสมถะไม่ช่วยให้หลุดพ้น.....
    ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสไว้อย่างชัดเจน....พระอรหันต์เจ้าก็ตรัสไว้อย่างชัดเจน......จนไม่อยากที่จะเอามาพูดซ้ำแล้ว........เพราะเกิดจากแนวคิดฝังหัวจากครูบาอาจารย์มิจฉาทิฏฐิสอนศิษย์...แล้วก็สอนต่อๆกันมา.....โดยที่ไม่หันไปดูจากรากเหง้าเลยว่าเป็นอย่างไร.......ลำบากที่จะพูดจริง.....ต้องขออภัยหากพูดกันตรงๆ......จริงๆแล้วก็ไม่รู้จะไปอ้อมมันทำไม......เพราะว่าของจริงนั้นก็มีอยู่.......แต่ก็พยายามหลับหูหลับตา....ทำเป็นมองไม่เห็น....แล้วก็พล่ามอยู่นั้น..........น่าสงสารพวกนี้นะ.....ไม่รู้จะหลับหูหลับตาไปถึงใหน....
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ครับ บางสำนักในปัจจุบันชอบแยกสมถะ-วิปัสสนาออกจากกัน
    ทั้งๆที่มีพุทธพจน์รับรองไว้ชัดเจนว่าสมถะ-วิปัสสนาต้องปฏิบัติควบคู่กันไป
    เป็นการทำงานทางจิต

    แต่ทุกวันนี้มีความเพียรพยายามกันอย่างมาก ที่จะให้แยกออกจากกัน
    เพื่อให้เกิดความเด่นดังแตกต่างจากคนอื่น เป็นการตลาดชนิดนึงทางศาสนา
    สำหรับคนมักง่ายเกียจคร้านในการที่จะปฏิบัติอานาปานสติกรรมฐาน

    ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน ครูบาอาจารย์สายปฏิบัติสมาธิกรรมฐานทั้งหลาย
    ล้วนสั่งสอนให้ปฏิบัติสมถะ-วิปัสสนาควบคู่กันไป
    เพราะเป็นอัญญะมัญญะปัจจัย หรือเป็นปัจจัยที่หนุนส่งซึ่งกันและกัน

    อ่านดูที่นี่ครับ

    ;aa24
     
  14. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    ถ้าเป็นฆราวาส การปฏิบัติภาวนายังน้อย สนใจที่จะปฏิบัติกรรมฐาน ไปศึกษาธรรมและขอโอกาสเรียนถวายการปฏิบัติของตนแก่พ่อแม่ครูจารย์ เพื่อให้ท่านชี้หนทางที่ถูกต้องดีกว่าคิดเข้าข้างตนเอง..

    ถ้าท่านมีเวลา แนะนำท่านไปสำนักปฏิบัติกรรมฐานที่เป็นที่ยอมรับ เช่น
    สายพุทโธ..วัดป่าบ้านตาด วัดดอยธรรมเจดีย์ วัดป่าหมู่ใหม่ วัดโพธิสมภรณ์ ฯลฯ
    เพราะมีพ่อแม่ครูจารย์และเพื่อนสหธรรมมิกคอยแนะนำสั่งสอน
    สายยุบหนอ-พองหนอ...วัดอัมพวัน มีพระอาจารย์จรัล ท่านเป็นครูจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิชอบ และเป็นผู้รู้วาระจิต
    สายหลวงพ่อฤาษี...วัดท่าซุง มีพระอาจารย์เล็ก และคำสอนท่านเป็นที่ยอมรับในหมู่วงการกรรมฐาน
    สายหลวงปู่ดู่...วัดสะแก อยุธยา หรือวัดถ้ำเมืองนะ มีหลวงตาม้า เป็นผู้สืบทอดธรรมจากหลวงปู่ดู่

    เจริญในธรรม
     
  15. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    ถ้ารักการปฏิบัติจริง รักการกระทำจริง รักผู้ที่ปฏิบัติถึงธรรมจริง...
    ต้องกล้าเผชิญความจริง..พิสูจน์ตนเอง...

    ผู้ปฏิบัติต้องกล้าเดินทางไปสำนักปฏิบัติธรรมวัดที่พ่อแม่ครูจารย์ท่านพำนักอยู่
    ไปขอโอกาสอยู่ปฏิบัติธรรมกับท่านฯ
    จะให้ดี..ขอโอวาทในการประพฤติปฏิบัติสำหรับตน
    แล้วทีนี้..จะรู้จะเข้าใจตนเอง..ยิ่งขึ้น

    ดีกว่า..มาคิดเข้าข้างตนเอง...ให้คะแนนตนเอง..เต็ม 10

    เจริญในธรรม<!-- google_ad_section_end -->
     
  16. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    นิทานอีสาน..

    ไก่บ้าน...โก่งชูคอขัน... เสียงไพเราะ... โอ้อวดไก่ตัวเมีย
    ไก่ป่า...หลบซุ่มในพุ่มไม้..เก่งแต่จิกตี...ไม่ชอบโก่งคอขัน...เสียงไม่ไพเราะ

    แต่..สุดท้าย ไก่บ้าน..ถูกเชือดสังเวย...ทำแกงไก่
    แต่ไก่ป่า...รอดตาย...เพราะหลบซุ่มในพุ่มไม้...ไม่ถูกเชือด

    55555
     
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    โมทนาสาธุธรรมกับท่าน visutto และ ท่าน ธรรมภูต นะที่เป็นตัวตั้งตัวตีพยายามตามอธิบาย ตามพระไตรและครูบาอาจารย์ท่าน.....ถือว่าเป็นผู้มีเมตตาสูงและขันติสูงมาก..........

    ก็อยากจะบอกทุกท่านว่าจริงๆแล้ว.........ไม่ว่าสายการปฏิบัติในสายใหนนั้น....ล้วนแต่ถูกต้องทั้งหมด....หากอยู่ในกรรมฐานทั้ง 40 กอง และ กรรมฐานในมหาสติปัฏฐานสูตร(ทั้ง สายสติปัฏฐาน 4 ที่เป็นกรรมฐานในพระสูตรนี้)....แต่สำคัญที่ว่าเราจะมีความเข้าใจมากขนาดใหน.........แน่นอนอยู่แล้วไม่ใครที่จะไปฝึกทั้งหมด(ยกเว้นพวกพุทธภูมิ)......แต่การแสดงธรรมโดยกล่าวตีกันไม่ใช่วิสัย........หลายครั้งที่เกิดปัญหาถกเถียงกัน.....ของฉันถูก.....ของฉันดีกว่าเธอ.....ของเธอผิด.....ของเธอไม่ใช่ทาง.......มันเป็นการแสดงซึ่ง อีโก่ และ มานะ ในตัวเองออกมา....ป่าวประกาศ......

    ไม่มีครูบาอาจารย์(ใหญ่) สายกรรมฐานท่านใหนทะเลอะกัน......ชนกัน......ล้วนแต่น่าเคารพกราบไหว้...ทุกสาย.....ลูกศิษย์ตัวดีนี่หละพาป่วง.....ยกครูบาอาจารย์มาเสียชื่อท่านหมด.......บางครั้งสอนเกินไปอีก.....เพราะหวังจะชนะด้วยโวหาร.....แต่ไม่เคยคิดถึงโทษที่จะเกิดขึ้นแก่พระศาสนาเลย....เอาความสะใจเข้าว่ากัน........หลักไม่มี.....ลอยไปลอยมา...เฉไฉ.....ไม่มีประโยชน์.......

    ทองแท้ไม่เคยกลัวไฟเลย........ของจริงนั้นย่อมเป็นของจริงอยู่วันยังค่ำ....

    ทุกสายการปฏิบัตินั้น.....ถ้าเป็นผู้ศึกษามากจริงๆ....รู้จริง....เกือบไม่มีอะไรที่จะพูดกัน........ถามว่าจะรู้ได้ไงว่าไอ่ที่เราคิดนั่นมันถูกใหม....ก็ลองไปเทียบดูสิ......พระไตรปิฏกก็มี......บอกไว้ชัดเจน.......หลังจากนั้นก็ปฏิบัติ......ไอ่คำใหนที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงสอน....ไม่ได้พูดไว้....ไม่ต้องเอามาพูดเลย.....ไม่ต้องตั้งแนวคิดใหม่.........พระธรรมไม่มีคิดใหม่ทำใหม่นะ.......ธรรม....มันมีอยู่ของมัน.....มันตายตัว......

    ศาสนาเราศาสนาเดียวที่ศาสนิกชน ศึกษาจากพระไตรน้อยมาก......ทำให้เกิดแนวคิดที่ผิดมาก........ไม่เหมือนอิสลาม...กับคริสนะ......ยกไว้เลย......
    ถามได้เลยคนที่ไปศึกษาโดยตรงน้อยมากๆในนี้.........ตอบแต่ละครั้งไม่มีหลักเลย......ลอยไปลอยมา........เป็นไรกันนี่.....จนผู้ที่เข้ามาใหม่งงกันไปเลยไม่รู้จะไปฟังใคร.....

    ไม่อายกัยบ้างเหรอครับ......อันนี้มันที่ของผู้ปฏิบัตินะ........ไม่ต่างกับข้างนอกเลย..........เขามาหาความสุขกายเย็นใจ......ไม่ได้ไปเลย...น่าอายนะ....

    ขอร้องพวกที่ยืนกรานทั้งหลายนะ....ถ้ารู้ว่าผิดก็หยุดเถอะ.......ถึงแม้ว่าจะให้เขามาแก้เพื่อกระจ่าง(ถ้าคิดอย่างนั้น).......แต่ผลเสียมันก็มากกว่าอยู่ดี......ท่านเป็นการทำลายพระธรรมโดยไม่รู้ตัวนะ.....กรรมมันย่อมตกแก่ท่าน.....

    ศึกษาให้ดีเถอะครับ....เอาให้รอบ......ถ้ารู้ว่าตัวเองสอนผิด...บอกผิดก็ควรที่จะเงียบ...และหยุดไปซะ........ความเห็นที่ผิดก็ปลับให้ถูกซะ....มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร........ค่อยๆศึกษากันไป......เราทั้งหลายล้วนเป็นเสขะ...ไม่ใช่อเสขะสักหน่อย.....
     
  18. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
  19. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ต้องขออภัยที่ผมต้องพูดตามตรงเพราะจริงๆแล้วเป็นคนที่มีนิสัยที่ตรงไปตรงมา......เข้าใจง่าย......

    ต้องขออภัยอีกครั้งเจ้าของกระทู้ที่เลยเถิดไป........นอกจากคำถามของกระทู้....
     
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ไก่ป่าเสร็จนายพรานซะส่วนใหญ่
     

แชร์หน้านี้

Loading...