รวมสูตรยาสมุนไพรทั่วไทย

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 16 พฤษภาคม 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    บูชาองค์ชีวกโกมารภัจจ์

    ตั้งนะโม 3 จบ

    โอม นะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กะรุณิโก
    สัพพะสัตตานังโอสะถะ ทิพพะมันตัง ปะภาโส
    สุริยาจันทัง กุมาระภัจโจ
    (กุมาระวัตโต) ปะกาเสสิวันทามิ บัณฑิโต
    สุเมธะโส อะโรคา สุมานะ

    พระคาถานี้ ให้บูชาเป็นประจำ ความป่วยไข้หรือ โรคภัย จะไม่มากล้ำกราย แต่ต้องอยู่ในศีลธรรมพ่อหมอ ชีวกโกมารภัจจ์ เป็นพระโสดาบัน จัดเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ฉะนั้น พึงตั้งจิตสวดบูชาโดยความเคารพโดยเฉพาะ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับศพ หรือ คนป่วย ควรจะสวดเป็นประจำ วิญญาณร้ายจะไม่ตามติดมากรังควาญ


    องค์ชีวกโกมารภัจจ์เป็นแพทย์ประจำพระองค์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเป็นปรมาจารย์ผู้คิดค้นบุกเบิกการใช้สมุนไพร เพื่อเยียวยารักษาโรคภัย
    ไข้เจ็บ หมอชีวกได้บรรลุ ธรรมเป็นพระโสดาบัน และด้วยศรัทธาในพระพุทธเจ้าปรารถนาจะไปเฝ้าวันละ 2-3 ครั้ง เห็นว่าพระเวฬุวันไกลเกินไปจึงสร้าง วัดถวายในสวนมะม่วงของตน เรียกว่าชีวกัมพวัน (อัมพวันของหมอชีวก) เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูเริ่มน้อยพระทัยมาทางศาสนาหมอชีวก ก็เป็นผู้แนะนำให้เสด็จไปพบพระพุทธเจ้า


    หมอชีวกได้รับพระดำรัสยกย่องให้เป็นเอตทัคคะในบรรดาอุบาสกผู้เลื่อมใส อาศัยบารมีพระเมตตา แห่งองค์บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ช่วยปกป้องรักษา ขจัด ปัดเป่าโรคร้าย ภัยเวรให้หายไปจากแผ่นดิน

    ที่มา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2009
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คาถาธาตุเศรษฐี สวดให้ครบ 108 จบ เงินจะใหลนองทองจะใหลมา...

    อิติมะมะ
    มีมะมูล
    พูลมามี
    มามะมะ
    นะมะธะถะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2009
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ตำรายาเบาหวาน กับความดันสูง

    มีสองตำหรับ ได้ผลดี

    ตำหรับแรก หญ้าลูกใต้ใบทั้งห้า (ใบ ผล ราก ดอก ต้น)
    หาได้ง่ายมากตามแถวบริเวณที่รกร้างหรือใต้ถุนบ้าน ล้างให้สะอาด
    ต้มใส้เตยหอมอัตราส่วน หนึ่ง ต่อ หนึ่ง ตอนต้มก็ให้ใส่น้ำสามส่วน เคี่ยวซักหน่อยนะให้ตัวยาข้นๆ ค่อยดื่ม

    ตำหรับสอง หว่านง็อกวันละสามใบ ทานเหมือนผักสด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2009
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    โรคที่เกิดทั้งหมดจะเกี่ยวพันกับธาตุทั้งสี่ของมนุษย์ ความดันสูง เกิดจากความไม่สมดุลย์ของธาตุน้ำกับธาตุดิน
    หรือหมอจีนบอกว่าอวัยวะ หยิน หยาง ไม่สมมูลกัน (ไม่เป็นไปตามกฏ เจ็ด ต่อ หนึ่ง)

    ความดันสูงจะเป็นอยู่คู่เบาหวาน มีอยู่หลายๆ สูตรรักษาให้ทุเลาและหายลงได้ ระวังกินยาหมอปัจจุบันนานๆ ซึ่งจะมีผลต่อไต หันมากินยาสมุนไพรบ้านเราดีกว่า...

    -คึ่นฉ่ายปั่นกับน้ำกินบ่อยๆ ทำเยอะๆ แช่ตู้เย็นไว้ทานสอง สาม วันต่อครั้ง แต่ถ้าเป็นไปได้ให้ทานสดๆ ทุกวันนะ

    -กระเจี๊ยบแดง + พุทราจีน อย่ากินกระเจี๊ยบเดี่ยวๆ เป็นเวลานานๆ เด็ดๆ นะ เพราะจะไปทำลายไต และไม่ควรใส่น้ำตาล
    วิธีทำคือ เอาอย่างละกำมือใส่หม้อ เติมน้ำสองลิตร แล้วต้มให้เดือด ถ้าใช้หม้อดินก็จะดีมากนะ...ทานบ่อยๆ
    ผนังหลอดเลือดจะยืดหยุ่น การบีบขยายตัวก็จะสะดวก และเป็นผลดีต่อการใหลเวียนของกระแสเลือด



    ที่สำคัญคือต้องงดสุรา บุหรี่ ชา กาแฟ และทานอาหารเช้า งดอาหารเย็นที่เป็นแป้งด้วย

    ที่มา http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=konrakpa&id=198
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2009
  5. gatsuja

    gatsuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    837
    ค่าพลัง:
    +876
    หนังสือแบบเป็นเล่ม มีไหมครับ
     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ยากำจัดกลิ่นตัว
    ท่านให้เอาต้นตำลึงสดๆ(เอาทั้งต้นและใบ) นำมาตำให้ละเอียดผสมกับปูนแดงพอสมควร ใช้ทาที่รักแร้ มีสรรพคุณกำจัดกลื่นตัวให้หายไป
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ยากำจัดกลิ่นตัว
    ท่านให้เอาต้นตำลึงสดๆ(เอาทั้งต้นและใบ) นำมาตำให้ละเอียดผสมกับปูนแดงพอสมควร ใช้ทาที่รักแร้ มีสรรพคุณกำจัดกลื่นตัวให้หายไป



    ยากำจัดรังแค
    ท่านให้เอาผลบวบอ่อนๆ ๑ ลูก นำมาปอกเปือกแล้วหั่นเป็นชิ้นใช้ขยี้บนศรีษะให้ทั่ว ทิ้งไว้สักพัก แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด อาการคันศรีษะและรังแคจะหายไป
    ท่านให้เอาผลมะกรูด ๑ ผล นำมาเผาไฟให้ร้อน นำมาคั้นเอาน้ำใช้ขยี้บนศรีษะให้ทั่ว ทิ้งไว้ ๒-๓ นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด มีสรรพคุณขจัดรังแคได้เป็นอย่างดี

    ยาบำรุงผมให้นุ่มสวย
    ท่านให้เอาไข่เป็ดหรือไข่ไก่ ๑ ฟอง ทุบเอาเฉพาะไข่แดง ใช้ขยี้ผมให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ ๒-๓ นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพียง ๒-๓ ครั้ง จะทำให้ผมนุ่มสวย

    ยาแก้ผมแตกปลาย
    ท่านให้เอาต้นตะไคร้ ๓-๔ ต้นนำมาล้างน้ำให้สะอาดตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำมาใช้นวดผม ทิ้งไว้สักครู่ จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดมีสรรพคุณรักษาผมแตกปลาย กำจัดรังแค และทำให้ผมดำได้ภายใน ๒ เดือน
    ยารักษาโรคกระเพาะ
    ท่านให้เอาใบยอ(ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป) พริกไทยร่อน ขิงแห้ง ดีปรี ตัวยาทั้ง ๔ นี้เอาหนักอย่างละ ๔ บาทเท่าๆกัน นำมาตากแดดให้แห้งบดเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนใชัรับประทานหลังอาหาร มีสรรพคุณแก้โรคกะเพาะได้ผลเป็นอย่างดี
    ท่านให้เอากล้วยน้ำหว้าดิบมากพอสมควร นำมาปอกเปลือก แล้วหั่น เป็นชิ้นบางๆตากแดดให้แห้ง บดเป็นผง เก็บรักษาไว้ให้มิดชิด ใช้ผงกล้วยน้ำว้า ๑-๒ ช้อนโต๊ะละลายกับน้ำสุก ๑-๒ ช้อนโต๊ะกวนให้เข้ากันรับประทานวันละ ๒-๓ ครั้งติดต่อกันประมาณ ๑๕ วันโรคกระเพาะจะหายไป

    ยาแก้โรคนอนไม่หลับ
    ท่านให้เอาลูกมะตูมอ่อน บอระเพ็ด พริกไทยร่อน ขมิ้นอ้อย ตัวยาทั้งหมดเอาหนักอย่างละ ๑ บาทเท่ากัน นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้งแท้ ใช้รับประทานแก้โรคนอนไม่หลับได้ผลดีมาก ท่านให้เอาลูกสมอไทย ลูกสมอเทศ รากชะพลู กัญชา ตัวยาทั้ง ๔ นี้เอาอย่างละเท่าไๆกัน นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา แก้โรคนอนไม่หลับได้ดีมาก
    ท่านให้เอาขิงแห้ง ผลมะตูมอ่อน รากหญ้าขัดมอญ หญ้าตีนนก หัวแห้วหมู ลูกผักชีล้อม ตัวยาทั้งหมดเอาอย่างละเท่าๆกันนำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยารัปประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชาเช้า-เย็น มีสรรพคุณแก้โรคนอนไม่หลับได้เป็นอย่างดี

    ยารักษาโรคเท้าแตก
    ท่านให้รับประทานกล้วยหอมแล้วเอาเปลืกกล้วยหอมนั้นมาถูฝ่ามือฝ่าเท้าวันละ ๒-๓ ครั้ง ชั่วเพียง๒-๓ วันเท่านั้นโรคฝ่ามือฝ่าเท้าแตกก็จะหาย

    ยาแก้พิษสัตว์กัดต่อย
    แมลงป่องต่อย ท่านให้เอาหัวหอมแดง กับมะขามเปียก นำมาตำผสมกันใช้ทาบริเวณที่โดนแมลงป่องต่อยอาการปวดจะหายไป
    ท่านให้เอาเหล้าแอมโมเนีย ใช้ทาบริเวณที่โดนแมลกัดต่อยอาการปวดจะหายไป
    ท่านให้เอา ใบมะละกอสดนำมาตำให้ละเอียด ผสมกับปูนแดงใช้พอกบริเวณที่ถูกแมลงต่อยอาการปวดแสบปวดร้อนจะหายไปภายใน ๕ นาที

    รักษาแผลไฟไหม้-น้ำร้อนลวก

    ---ท่านให้เอา เหล้า ๑ น้ำมันมะพร้าว ๑ น้ำปูนใส ๑ สามอย่างนี้เอาอย่างละเท่าๆกัน นำมากวนให้เข้ากันเป็นอย่างดีจนมีลักษณะคล้ายน้ำมันข้น ใช้สำลีพันปลายไม้จุ่มยาทาบริเวณที่ถูกไฟลวกอาการปวดแสบจะหายไปและเป็นยารักษาแผลได้อีกด้วย
    ---ท่านให้เอาเหล้า ๑ น้ำมันมะพร้าว ๑ น้ำฝน ๑ ทั้งสามอย่างเอาเท่าๆกันมาผสมกับปูนแดงเพียงเล็กน้อยกวนให้เข้ากัน ใช้ทาบริเวณที่โดนไฟหรือน้ำร้อนลวก
    ท่านให้เอาผักบุ้งไทย น้ำตาลโตนด พอสมควร นำมาผสมกันให้ละเอียดใช้พอกบริเวณที่ถูกไฟหรือน้ำร้อนลวก

    ยาแก้แผลอักเสบ
    ---ท่านให้เอาหอมแดงกับน้ำตาลกรวดอย่งละพอสมควรตำให้เข้ากันแล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นแผลที่ถูกหนามหรือตาปูตำชึ่งมีอาการปวดบวมจะทำให้แผลหายอักเสบ
    ---ท่านให้เอาเมล็ดถั่วเขียวสดๆนำมาเคี้ยวให้ละเอียด ใช้พอกปากแผลที่ถูกตาปูตำหรือถูกของแหลมคม เป็นยาแก้อักเสบและทำให้แผลหายเร็ว

    ยารักษาแผลเน่าเรื้อรัง
    ---ท่านให้เอากำมะถัน ๑ ขมิ้นผง ๑ ยาสูบ(ยาเส้นที่ใช้มวนกับใบตองหรือใบยาสูบ)๑ ปูนแดง(ปูนกินกับหมาก) ๑ ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้เอาอย่างละเท่าๆกันนำมาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำมะนาวใส่ภาชนะตั้งไฟเคี่ยวให้เดือดใช้ทาบริเวรที่เป็นแผล รักษาแผลเน่าเปื่อยได้ผลเป็นอย่างดี ถ้าเป็นแผลโรคหิดท่านให้ใส่หัวกระเทียมผสมเล็กน้อยจะช่วยรักษาแผลโรคหิดได้เป็นอย่างดี
    ---ท่านให้เอาใบมะละกอสดมาล้างให้สะอาดตำให้ละเอียดนำมาพอกบริเวณที่เป็นแผลเน่าเปื่อยมีสรรพคุณรักษาแผลเน่าเปื่อยได้ดี
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">ยาห้ามเลือด
    ---ท่านให้เอาใบแห้วหมูมากน้อยตามต้องการนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำปูนใสใช้พอกที่บาดแผลให้ทั่วเลือดจะหยุดไหลทันที
    ---ท่านให้เอาน้ำตาลทรายขาว หัวกระเทียม ปูนแดง ใบพลูสด ผักบุ้งไทย ตัวยาทั้ง ๕ นี้อย่างละพอสมควร นำมาตำผสมกันให้ละเอียด ผสมกับน้ำมันมะพร้าว ใช้พอกที่บาดแผล เลือดจะหยุดไหลทันที
    ---ท่านให้เอาหอมแดงจำนวนตามต้องการผสมกับเหล้าใช้พอกบริเวณที่เป็นแผลเลือดจะหยุดไหลทันที

    ยาแก้พิษสัตว์กัดต่อย
    ---แมลงป่องต่อย ท่านให้เอาหัวหอมแดง กับมะขามเปียก นำมาตำผสมกันใช้ทาบริเวณที่โดนแมลงป่องต่อยอาการปวดจะหายไป
    ---ท่านให้เอาเหล้าแอมโมเนีย ใช้ทาบริเวณที่โดนแมลกัดต่อยอาการปวดจะหายไป
    ---ท่านให้เอา ใบมะละกอสดนำมาตำให้ละเอียด ผสมกับปูนแดงใช้พอกบริเวณที่ถูกแมลงต่อยอาการปวดแสบปวดร้อนจะหายไปภายใน ๕ นาที

    กาแฟ
    สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
    เมล็ด-เมล็ดมีคาเฟอีนเป็นยากระตุ้นหัวใจ ยากระตุ้นประสาทส่วนกลาง ทำให้นอนไม่หลับ พบสาร theophylline มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ จากการทดลองพบว่า การดื่มกาแฟทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เพราะมีสาร theobromine อาจทำให้มีอาการปวดแสบที่ลิ้นปี่ นอกจากนี้กาแฟ ยังลดการดูดซึมธาติเหล็กอีกด้วย จึงควรระวังในการดื่มกาแฟ โดยเฉพาะขณะท้องว่าง

    มะละกอ
    สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
    รากและก้านใบ-ขับปัสสาวะ ยางขาวจากผลดิบมีเอ็นไซม์ย่อยโปรตีน ได้แก่ papain และ chymopapain ใช้ย่อยเนื้อสัตว์ให้เปื่อย นำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องในอุตสาหกรรมยาใช้เอ็นไซม์ผลิตเป็นยาเม็ด ลดอาการบวม การอักเสบจากบาดแผลหรือการผ่าตัด

    สับปะรด
    สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยา
    เหง้า-เป็นยาขับปัสสาวะ แก้นิ่ว
    เนื้อผล-เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ
    ลำต้นและผล-มีเอนไซม์ย่อยโปรตีนชื่อ bromelain ซึ่งใช้เป็นยาลดการอักเสบ และบวมจากการถูกกระแทกบาดแผล หรือการผ่าตัดได้

    ยาสมุนไพรแก้อัมพฤกษ์-อัมพาต-ชักกระตุก
    ท่านบอกมาว่าให้คั้นเอาน้ำใบบัวบกเข้มข้น+น้ำยอดขี้เหล็กเข้มข้น+รำจมูกข้าวละเอียด ผสมกันปั้นเป็นลูกกลอนกินก่อนนอน ดีนักแล
    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext align=left width="100%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom align=left></TD><TD class=smalltext vAlign=bottom align=right>[​IMG] บันทึกการเข้า </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยมะขามป้อม

    ชื่อ : มะขามป้อม
    วิธีใช้ :
    1. ใช้ผลมะขามป้อมที่แก่จัด 1 ผล เอาเฉพาะเนื้อตำให้ละเอียดใส่เกลือ
    ใส่น้ำผึ้งพอชุ่ม อม ไว้ แล้วค่อยๆกลืน
    2. ผลมะขามป้อม 1 กำมือ ทุบให้แตกก่อนต้มกับน้ำ 3 แก้ว
    ต้มให้เหลือ 1 แก้ว แล้วจิบในขณะอุ่นๆ
    สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยเหงือกบอระเพ็ด
    ชื่อ : บอระเพ็ด
    วิธีใช้ :
    บอระเพ็ดใช้เถาบอระเพ็ดหั่นตากแล้วบดเป็นผงผสมกับน้ำผึ้งปั้น
    เป็นลูกกลอนกินก่อนนอน วันละ 2-4 เม็ด
    สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยเหงือกปลาหมอ
    ชื่อ : เหงือกปลาหมอ
    วิธีใช้ :
    ใช้เหงือกปลาหมอล้างให้สะอาดตากให้แห้ง
    บดเป็นผงผสมกับพริกไทยป่น 1 ส่วน และใส่น้ำผึ้งอีก 1 ส่วนคลุกให้เข้ากัน
    ปั้นเป็นลูกกลอนกินวันละ 2-4 เม็ด ก่อนนอน
    สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยกล้วยว้า

    ชื่อ : กล้วยน้ำว้า
    วิธีใช้ :
    ใช้กล้วยน้ำว้าสุกงอมปอกเปลือกแช่ในน้ำผึ้งอย่างน้อย 1 สัปดาห์
    กินวันละ 1-2 ผล ทุกวัน

    ที่มา สมุนไพร สูตรยาอายุวัฒนะ | สมุนไพรไทย สมุนไพรจีน สมุนไพรรักษาโรค สมุนไพรเพื่อสุขภาพ สมุนไ�
     
  9. damrong.lap

    damrong.lap เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +124
    ขอบคุณครับ มีอาจอย
     
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สมุนไพรแก้ไข้ ร้อนใน เจ็บคอ

    บอระเพ็ด
    ชื่ออื่น : เครือเขาฮอ จุ่งจิง เจตมูลหนาม เจตมูลยาน เถาหัวด้วน หางหนู
    ลักษณะ : ไม้เถาเลื้อยพัน มีลักษณะคล้ายชิงช้ามาก ต่างกันที่เถามีขนาดใหญ่กว่า มีปุ่มปม
    มากกว่า มีรสขมกว่าและไม่มีปุ่มใกล้ฐานใบ
    สรรพคุณ : ตำรายาไทยใช้เถาเป็นยาแก้ไข้ ขับเหงื่อ แก้กระหายน้ำ แก้ร้อนใน โดยนำเถาสด
    ขนาดยาว 2 คืบครึ่ง (30-40 กรัม) ต้มคั้นเอาน้ำดื่ม หรือต้มเคี่ยวกับน้ำ 3 ส่วน
    จนเหลือ 1 ส่วน ดื่มก่อนอาหารวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น หรือเมื่อมีไข้ นอกจากนี้
    ใช้เป็นยาขมเจริญอาหารด้วย ปัจจุบันองค์การเภสัชกรรมผลิตทิงเจอร์บอระเพ็ด
    เพื่อใช้แทน Tincture Gentian ซึ่งเป็นส่วนผสมของยาธาตุที่ต้องนำเข้า
    จากต่างประเทศ การทดลองในสัตว์พบว่าน้ำสกัดเถาสามารถลดไข้ได้

    ปลาไหลเผือกชื่ออื่น : กรุงบาดาล คะนาง ชะนาง ตรึงบาดาล ตุงสอ แฮพันชั้น เพียก หยิกบ่อถอง
    หยิกไม่ถึง เอียนดอน ไหลเผือก
    ลักษณะ : ไม้ยืนค้น สูง 4-6 เมตร ลำต้นตรง ไม่ค่อยแตกกิ่งก้าน ใบประกอบแบบขนนก
    เรียงสลับ ออกเป็นกระจุกบริเวณปลายกิ่ง ใบย่อยรูปไข่แกมวงรี กว้าง 2-3 ซม.
    ยาว 5-7 ซม. สีเขียวเข้ม ยอดและใบอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดง ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ
    ดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกสีม่วงแดง ผลเป็นผลสด รูปยาวรี
    สรรพคุณ : ตำรายาไทยใช้รากเป็นยาแก้ไข้ทุกชนิดรวมทั้งไข้จับสั่น พบว่าสารที่ออกฤทธิ์
    เป็นสารที่มีรสขมได้แก่ eurycomalactone eurycomanol และ eurycomanone
    สารทั้งสามมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาเลเรียชนิดฟัลซิพารัม
    ในหลอดทดลองได้ จัดเป็นสมุนไพรที่มีศักยภาพ

    ย่านาง
    ลักษณะ : ไม้เถา ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่แกมใบหอก กว้าง 2-4 ซม. ยาว 5-12 ซม.
    ดอกช่อ ออกตามเถาและที่ซอกใบ แยกเพศอยู่คนละต้น ไม่มีกลีบดอก
    ผลเป็นผลกลุ่ม ผลย่อย รูปวงรี
    สรรพคุณ : ตำรายาไทยใช้รากต้มกับน้ำ ดื่มเป็นยาแก้ไข้ทุกชนิด การทดลองพบว่าสารสกัดราก
    มีฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรียชนิดฟัลซิพารัมในหลอดทดลอง

    ฟ้าทะลายโจร
    ชื่ออื่น : คีปังฮี (จีน) ฟ้าทะลายโจร หญ้ากันงู น้ำลายพังพอน
    ลักษณะ : ไม้ล้มลุก สูง30-60 ซม.ทั้งต้นมีรสขม ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม แตกกิ่งออกเป็นพุ่มเล็ก
    ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่หรือรูปใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว4-8 ซม. สีเขียวเข้ม
    เป็นมัน ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่งและซอกใบ ดอกย่อยขนาดเล็กกลีบดอกสีขาว
    โคนกลีบดอกติดกัน ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก ปากบนมี 3 กลีบ มีเส้นสีแดงเข้ม
    พาดตามยาว ปากล่างมี 2 กลีบ ผลเป็นฝักสีเขียวอมน้ำตาล ปลายแหลม เมื่อผลแก่
    จะแตกเป็นสองซีก ดีดเมล็ดออกมา
    สรรพคุณ :
    ชาวจีนใช้ฟ้าทะลายเป็นยามาแต่โบราณ และมาเป็นที่นิยมใช้ในประเทศไทย
    เมื่อไม่นานมานี้ โดยใช้เฉพาะใบหรือทั้งต้นบนดินซึ่งเก็บก่อนที่จะมีดอก
    เป็นยาแก้เจ็บคอ แก้ท้องเสีย แก้ไข้ เป็นยาขมเจริญอาหาร การศึกษาฤทธิ์ลดไข้
    ในสัตว์ทดลองพบว่าสารสกัดแอลกอฮอล์มีแนวโน้มลดไข้ได้ รายงานการใช้รักษา
    โรคอุจจาระร่วงและบิดไม่มีตัว แสดงว่าฟ้าทะลายมีประสิทธิภาพในการรักษา
    เท่ากับเตตราซัยคลินแต่ในการรักษาอาการเจ็บคอนั้นมีรายงานทั้งที่ได้ผลและไม่ได้ผล
    ขนาดที่ใช้คือพืชสด 1-3 กำมือ ต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง หรือ
    ใช้พืชแห้งบดเป็นผงละเอียดปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
    0.8 ซม. กินครั้งละ 3-6 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
    สำหรับผงฟ้าทะลายที่บรรจุแคปซูล ๆ ละ 500 มิลลิกรัม ให้กินครั้งละ 2 เม็ด
    วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าและเย็น อาการข้างเคียงที่อาจพบคือ คลื่นไส้
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    แก้เริม งูสวัด

    พญาปล้องทอง
    ชื่ออื่น : ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด พญาปล้องคำ พญาปล้องดำ พญายอ เสลดพังพอน
    เสลดพังพอนตัวเมีย
    ลักษณะ : ไม้พุ่มรอเลื้อย สูง 1-3 เมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปใบหอก กว้าง 1-3 ซม.
    ยาว 4-12 ซม. สีเขียวเข้ม ดอกช่อ ออกเป็นกะจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีแดงส้ม
    โคนกลีบ สีเขียว ติดกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก ไม่ค่อยออกดอก
    ผลเป็นผลแห้ง แตกได้
    สรรพคุณ : ตำรายาไทยใช้ใบสดรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แมลงกัดต่อย ผื่นคัน
    โดยนำใบสด 5-10 ใบ ตำหรือขยี้ทา การทดลองในสัตว์พบว่าสารสกัดใบสดด้วย
    n-butanol สามารถลดการอักเสบได้ มีการเตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการ
    อักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กก. ปั่นละเอียด เติมแอลกอฮอล์ 70%
    1 ลิตร หมัก 7 วัน กรอง ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ปริมาตรลดลงครึ่งหนึ่ง
    เติมกลีเซอรีนเท่าตัว

     
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สรรพคุณของพืขผักแต่ละชนิดมีคุณประโยชน์ต่อการรักษาโรค ดังนี้ค่ะ

    1. ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด
    น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิง จ ะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง

    2. แพ้ละออง เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว

    3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจำ สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมัน ไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด

    4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้ง เป็น ประจำ สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี

    5. โรคหืดหอบ กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง

    6. โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า
    ( ปลาโอ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง ) น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง

    7. ท้องผูก ท้องอืด ให้กินกล้วย หรือ ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก และขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป

    8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ให้ กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี ( ไม้เมืองหนาว) กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้

    9.. โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่าน
    ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้

    10. โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้

    11. ความจำเสื่อม แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ ซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี

    12. เป็นหวัด กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย

    13. ไอ จาม กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง

    14. มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รำข้าว และกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี
    โดยเฉพาะรำข้าวกะหล่ำปลี ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม
    ข้อสำคัญอย่ากินไก่มาก เพราะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในการเร่งการเจริญเติบโต

    15. มะเร็งปอด กิน ส้ม และ ผักใบเขียว มีวิตามินเอ อยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน

    16 แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กหายขาดได้

    17. โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก ช่วยให้อาการปั่นป่วน ในท้องเมื่อเชื้อโรคบิดเล่นงานทุเลาลง

    18. เส้นเลือดตีบ กินผลอโวคาโด แก้ได้เพราะไขมันดี ' โมโรอันแซตเทอเรต ' ที่มีอยู่ในผลไม้ชนิดนี้ทำลายไขมันเลว ' คลอเลสเตอรอล ' ได้

    19. ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่ายพืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมี ทำให้ระดับความดันเลือดลดลง

    20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโครลี่ และถั่วลิสง ซึ่งมีอินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสมดุลได้

    พืชผักที่กินเป็นอาหารประจำวันนั้นนอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังมีสรรพคุณช่วยสร้างความสมดุลภายในร่างกายช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่างๆได้ถ้าได้เรียนรู้ที่จะรู้จักเลือกกินให้เหมาะกับตนเอง และคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร

    โดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่นอันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานไทย


    ที่มา http://rainbowsee.multiply.com/reviews/item/16
     
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ยาแก้ไข้ทับฤดู(มีฤดูก่อนเป็นไข้) แก้ฤดูทับไข้(เป็นไข้ก่อนมีฤดู) (หายภายในวันเดียว)
    (๑) จันทน์แดง
    (๒) จันทน์ขาว
    (๓) โกฏสอ
    (๔) โกฏหัวบัว
    (๕) ชะลูด
    (๖) หญ้าตีนนก
    (๗) แฝกหอม
    (๘) สมุลแว้ง
    (๙) ชะเอมเทศ
    (๑๐) ลูกผักชี

    ตัวยาทั้ง ๑๐ นี้หนักสิ่งละ ๒ บาท
    ต้มสามเอาหนึ่ง (ใส่น้ำสามส่วนต้มเคี่ยวให้เหลือน้ำยาหนึ่งส่วน)

    กินทุกสามชั่วโมง


    สรรพคุณแก้ฤดูเน่าเหม็น เป็นไข้หนักขนาดเพ้อคลั่ง

     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    วิธีการต้มยาสมุนไพร(Herbs Decoction)เพื่อสกัดตัวยาออกมาใช้ประโยชน์


    วิธีแปรรูปสมุนไพรเป็นการนำเอาสรรพคุณของสมุนไพรมาใช้งาน ซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน พืชสมุนไพรแต่ละชนิดก็มีวิธีแปรรูปที่แตกต่างกันไป วิธีแปรรูปสมุนไพรที่พบเห็นได้บ่อยและนิยมใช้กันมากได้แก่ การต้ม

    วิธีการต้มยาสมุนไพรเป็นหนึ่งในวิธีแปรรูปสมุนไพรที่สามารถสกัดตัวยาที่อยู่ในสมุนไพรให้ออกมาได้ดีกว่าวิธีอื่นๆเพราะต้องใช้ความร้อนมากและเวลาการต้มที่นานกว่า โดยมีน้ำเป็นตัวละลายยาที่อยู่ในต้นพืชสมุนไพร การต้มยาสมุนไพรไม่จำกัดว่าจะเป็นสมุนไพรแห้งหรือสมุนไพรสด โดยมากจะเป็นพืชสมุนไพรจำพวกเปลือกไม้ รากไม้ เมล็ดหรือผลของพืชสมุนไพร

    การต้มยาสมุนไพรมีข้อดีคือ ทำง่ายและสะดวก สามารถสกัดเอาตัวยาออกมาจากพืชสมุนไพรได้มากแต่ก็มีข้อเสียคือยาสมุนไพรที่ได้จากการต้มมักจะมีรสขม ฝาด กลิ่นและรสชาติไม่น่าดื่มและยาสมุนไพรที่ได้จากการต้มไม่ควรเก็บไว้ข้ามคืนเพราะอาจจะขึ้นราและเสียได้ง่าย ควรดื่มยาสมุนไพรที่ได้จากการต้มให้หมดภายในวันนั้น(ต้มกินวันต่อวัน)

    วิธีการต้มยาสมุนไพร ความสะอาดต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง น้ำและภาชนะที่ใช้ในการต้มยาสมุนไพรต้องสะอาดและบริสุทธิ์ ภาชนะที่ใช้ควรเป็นภาชนะที่ทำด้วยดินเผา ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นโลหะเพราะสมุนไพรอาจทำปฏิกิริยากับโลหะทำให้มีผลต่อสรรพคุณของยาสมุนไพร ส่วนปริมาณที่ใช้ต้มให้ใส่พอท่วมตัวสมุนไพรเท่านั้น

    การเตรียมสมุนไพรที่จะต้ม ถ้าสมุนไพรที่นำมาต้มมีขนาดใหญ่ให้หั่นหรือสับให้มีขนาดเล็กลงแต่อย่าหั่นหรือสับสมุนไพรจนเล็กเป็นฝอยเพราะจะทำให้ลำบากเวลาจะแยกกากสมุนไพรออกจากน้ำสมุนไพรที่ต้มได้ หากเป็นสมุนไพรแห้งก่อนต้มให้แช่น้ำทิ้งไว้สัก 20-30 นาที แต่ถ้าเป็นสมุนไพรสดให้ต้มได้เลยไม่ต้องแช่น้ำ

    ความแรงของไฟที่ใช้ต้มยาสมุนไพร ให้ใช้ไฟปานกลางเมื่อต้มยาจนเดือดแล้ว ค่อยๆลดไฟลงให้เป็นไฟอ่อนและขณะต้มยาสมุนไพรต้องคอยคนยาที่ต้มตลอดเวลา ต้มยาสมุนไพรด้วยไฟอ่อนอีก 10-20 นาทีก็ใช้ได้แล้ว การต้มยาสมุนไพรตามสูตรคนไทยที่ใช้กัน มักต้มโดยใส่น้ำลงไป 3 ส่วนแล้วต้มจนน้ำเหลือ 1 ส่วน(ต้ม 3 เอา 1) ยาสมุนไพรที่ได้จากการต้มให้กินวันละ 3 ครั้งและควรกินยาสมุนไพรที่ต้มได้ในวันนั้นให้หมดแบบวันต่อวัน.


    ที่มา http://thai-herbs-for-goodhealth.blogspot.com/2009/03/herbs-decoction.html
     
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ลักษณะอาการที่ไม่ควรใช้ยาสมุนไพร(ข้อยกเว้น)


    ยาสมุนไพรสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ด้วยสรรพคุณที่มีอยู่ในตัวยาสมุนไพรแต่ถึงอย่างไรก็ยังมีข้อยกเว้นที่ไม่ควรใช้ยาสมุนไพรกับลักษณะอาการเจ็บป่วยบางชนิดที่มีระดับความรุนแรงของการเจ็บป่วยอย่างมากดังต่อไปนี้

    อาการไข้ขึ้นสูงมากและขณะหายใจมีเสียงเหมือนมีอะไรติดคอ หน้าซีดเขียวเหมือนขาดออกซิเจน ลักษณะอาการดังกล่าวอาจเป็นโรคคอตีบที่อันตรายมากต้องรีบส่งผู้ป่วยให้ถึงมือแพทย์โดยเร็วที่สุด

    อาการไข้สูง ตัวร้อนจัด ปากด้านในเปื่อย ตาแดง ซึม มีอาการเพ้อ-ละเมอ อาจเป็นลักษณะอาการของโรคปอดบวม ไข้หวัดใหญ่หรือไข้มาลาเรีย
    อาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเจ็บส่วนใดของร่างกายก็ตามเช่น ปวดหัวอย่างรุนแรงอาจเป็นโรคพยาธิในสมอง หรือเจ็บหน้าอกอย่างมากอาจเป็นอาการของโรคหัวใจ

    อาการไอหรืออาเจียนออกมาเป็นเลือด ลักษณะอาการแบบนี้เป็นอาการขั้นรุนแรงอาจมีสาเหตุจากโรคกระเพาะอาหารที่หนักมากจนผนังกระเพาะอาหารทะลุ ต้องให้ผู้ป่วยนอนนิ่งๆแล้วพาไปพบแพทย์ด่วน

    อาการปวดท้องน้อยหรือบริเวณสะดือ ถ้าใช้นิ้วมือกดตรงที่เจ็บแล้วรู้สึกปวดมากขึ้น อาจเป็นอาการของโรคไส้ติ่งอักเสบต้องได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด

    อาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ถ่ายบ่อยจนเกือบตลอดเวลาร่วมกับมีอาการปวดท้องมาก อาการเช่นนี้อาจเป็นอาการของโรคบิดหรืออาการท้องร่วงอย่างรุนแรง ถ่ายบ่อย ถ่ายจนอุจจาระเป็นน้ำสีเหมือนน้ำซาวข้าว ร่างกายสูญเสียน้ำมากจนอ่อนเพลียอาจถึงขั้นช็อคได้ ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด

    อาการมีเลือดออกจากช่องคลอด(ที่ไม่ใช่ประจำเดือน) ถ่ายปัสสาวะเป็นเลือดหรือเลือดออกจากบาดแผลที่ลึก ให้รีบทำการปฐมพยาบาลโดยการห้ามเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลแล้วนำผู้ป่วยส่งแพทย์ให้เร็วที่สุด.



    เขียนโดย Choke Chira ป้ายกำกับ: ข้อควรระวังในการใช้ยาสมุนไพร
     
  16. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ลักษณะอาการที่ไม่ควรใช้ยาสมุนไพร(ข้อยกเว้น)


    ยาสมุนไพรสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ด้วยสรรพคุณที่มีอยู่ในตัวยาสมุนไพรแต่ถึงอย่างไรก็ยังมีข้อยกเว้นที่ไม่ควรใช้ยาสมุนไพรกับลักษณะอาการเจ็บป่วยบางชนิดที่มีระดับความรุนแรงของการเจ็บป่วยอย่างมากดังต่อไปนี้

    อาการไข้ขึ้นสูงมากและขณะหายใจมีเสียงเหมือนมีอะไรติดคอ หน้าซีดเขียวเหมือนขาดออกซิเจน ลักษณะอาการดังกล่าวอาจเป็นโรคคอตีบที่อันตรายมากต้องรีบส่งผู้ป่วยให้ถึงมือแพทย์โดยเร็วที่สุด

    อาการไข้สูง ตัวร้อนจัด ปากด้านในเปื่อย ตาแดง ซึม มีอาการเพ้อ-ละเมอ อาจเป็นลักษณะอาการของโรคปอดบวม ไข้หวัดใหญ่หรือไข้มาลาเรีย
    อาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเจ็บส่วนใดของร่างกายก็ตามเช่น ปวดหัวอย่างรุนแรงอาจเป็นโรคพยาธิในสมอง หรือเจ็บหน้าอกอย่างมากอาจเป็นอาการของโรคหัวใจ

    อาการไอหรืออาเจียนออกมาเป็นเลือด ลักษณะอาการแบบนี้เป็นอาการขั้นรุนแรงอาจมีสาเหตุจากโรคกระเพาะอาหารที่หนักมากจนผนังกระเพาะอาหารทะลุ ต้องให้ผู้ป่วยนอนนิ่งๆแล้วพาไปพบแพทย์ด่วน

    อาการปวดท้องน้อยหรือบริเวณสะดือ ถ้าใช้นิ้วมือกดตรงที่เจ็บแล้วรู้สึกปวดมากขึ้น อาจเป็นอาการของโรคไส้ติ่งอักเสบต้องได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด

    อาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ถ่ายบ่อยจนเกือบตลอดเวลาร่วมกับมีอาการปวดท้องมาก อาการเช่นนี้อาจเป็นอาการของโรคบิดหรืออาการท้องร่วงอย่างรุนแรง ถ่ายบ่อย ถ่ายจนอุจจาระเป็นน้ำสีเหมือนน้ำซาวข้าว ร่างกายสูญเสียน้ำมากจนอ่อนเพลียอาจถึงขั้นช็อคได้ ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด

    อาการมีเลือดออกจากช่องคลอด(ที่ไม่ใช่ประจำเดือน) ถ่ายปัสสาวะเป็นเลือดหรือเลือดออกจากบาดแผลที่ลึก ให้รีบทำการปฐมพยาบาลโดยการห้ามเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลแล้วนำผู้ป่วยส่งแพทย์ให้เร็วที่สุด.



    เขียนโดย Choke Chira ป้ายกำกับ: ข้อควรระวังในการใช้ยาสมุนไพร
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ยาสมุนไพรไทยรักษาโรคหอบหืด(Asthma)


    โรคหอบหืด(Asthma) เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากหลอดลมมีความไวที่ผิดปกติต่อสิ่งที่มากระตุ้นหลอดลม ทำให้เกิดการตีบตันของหลอดลม อาการหืดหอบมักเกิดในตอนกลางคืนจนถึงเช้ามืด มีสาเหตุจากสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคหอบหืดเช่น สารก่อภูมิแพ้ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ การได้รับผลจากยาบางชนิด การแพ้อาหาร ได้รับสารระคายเคือง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เช่น โกรธ เครียด ดีใจ

    ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด เมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นดังที่กล่าวมาแล้ว หลอดลมจะอักเสบเกิดการบวมของเยื่อบุหลอดลมทำให้หลอดลมแคบลงและตีบตัน กล้ามเนื้อหลอดลมหดเกร็งปิดกั้นทางเดินหายใจ อาการของโรคหอบหืดมักเริ่มจากการไอ หายใจลำบากและมีเสียงวี๊ดๆขณะหายใจ เจ็บแน่นบริเวณหน้าอก อาการโรคหอบหืดมักมีอาการเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ อาการจะดีขึ้นเมื่อได้รับยาแต่ถ้าอาการหืดหอบกำเริบขึ้นมาอย่างรุนแรงก็อาจทำให้เสียชีวิตได้

    การรักษาโรคหอบหืดขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค ถ้าเป็นยาแผนปัจจุบันมักเป็นยาที่ฉีดพ่นเพื่อขยายหลอดลมให้หายใจสะดวกขึ้น แต่ยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาอาการหอบหืดมักมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ซึ่งมีอันตรายสูงมาก หากต้องการลดความเสี่ยงต่อการได้รับสารสเตียรอยด์ก็ควรใช้ยาสมุนไพรรักษาอาการหืดหอบควบคู่ไปกับการใช้ยาแผนปัจจุบันก็จะช่วยลดความถี่ของการได้รับสารสเตียรอยด์จากยาแผนปัจจุบันได้

    ยาสมุนไพรไทยที่ใช้บรรเทา-รักษาโรคหอบหืดคือ “ไพล” ที่มีรสเผ็ดร้อนอมฝาด โดยใช้ส่วนเหง้าไพลที่แก่จัด 10 ส่วน ดีปลี 4 ส่วน พริกไทยขาว 4 ส่วน พิมเสน 1 ส่วนและกานพลู 1 ส่วน บดสมุนไพรแต่ละอย่างให้ละเอียดแล้วผสมรวมกัน วิธีใช้ให้นำยาสมุนไพรที่บดผสมกันแล้ว 1 ช้อนชา ชงกับน้ำร้อนดื่มหรือจะทำเป็นยาสมุนไพรชนิดเม็ด(ยาลูกกลอน) โดยนำส่วนผสมที่บดละเอียดแล้วมาผสมกับน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นเม็ดยาลูกกลอน กินครั้งละ 3-4 เม็ด

    ข้อควรระวังของการใช้ยาสมุนไพรรักษาอาการหอบหืด ถึงแม้ว่าไพลจะเป็นพืชสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้บรรเทา-รักษาอาการหอบหืดได้ดี แต่หากร่างกายได้รับไพลเข้าไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจส่งผลต่อการทำงานของตับได้.


    เขียนโดย Choke Chira ป้ายกำกับ: สมุนไพรรักษาโรคทางเดินหายใจ
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พืชสมุนไพรระงับกลิ่นปาก ฝรั่ง กานพลู


    คนที่มีกลิ่นปากมักได้รับการรังเกียจจากคนรอบข้าง(โดยไม่รู้ตัว) การมีกลิ่นปากอย่าเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยแล้วมองข้ามไป ควรหาสาเหตุของกลิ่นปากให้เจอแล้วแก้ไขที่สาเหตุของกลิ่นปากนั้นหรืออาจแก้ไขโดยใช้สมุนไพรที่ช่วยระงับกลิ่นปาก

    ก่อนจะใช้สมุนไพรระงับกลิ่นปาก ควรหาสาเหตุของการเกิดกลิ่นปากให้พบเสียก่อนเพราะการใช้สมุนไพรระงับกลิ่นปากไม่ใช่การแก้ไขที่ต้นเหตุที่แท้จริงเป็นเพียงการแก้ไขที่ปลายเหตุเท่านั้น สาเหตุของการเกิดกลิ่นปากมีหลายสาเหตุเช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ การติดเชื้อในช่องปาก กลิ่นปากที่เกิดจากการมีเศษอาหารติดค้างอยู่ตามซอกฟัน การกินอาหารที่มีกลิ่นแรงเข้าไป การสูบบุหรี่และดื่มกาแฟมากๆ ฯลฯ ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก

    การแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นปากให้แก้ไขที่ต้นเหตุก่อนเช่น กลิ่นปากที่เกิดจากฟันผุก็ให้ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาฟันผุหรือมีกลิ่นปากเพราะเศษอาหารติดตามซอกฟันก็แก้ไขโดยการหมั่นทำความสะอาดฟันหลังกินอาหารอาจใช้วิธีแปรงฟันหลังอาหารหรือใช้ไหมขัดฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปากออกไป
    การใช้สมุนไพรเพื่อระงับกลิ่นปากควรใช้ควบคู่ไปกับการรักษาสุขภาพของช่องปาก ฝรั่งเป็นสมุนไพรที่ใช้ระงับกลิ่นปากที่ให้ผลดี ส่วนที่นำมาใช้คือผลอ่อนหรือใบฝรั่งสดที่แก่หน่อย โดยหลังจากกินอาหารเสร็จแล้วให้ใช้ใบฝรั่งสด 2-3 ใบ เคี้ยวพอละเอียดสักครู่แล้วคายทิ้งหรือจะใช้ผลฝรั่งอ่อนกินสดๆโดยไม่ต้องปอกเปลือกก็ให้ผลในการช่วยระงับกลิ่นปากได้ดีเช่นกัน

    สมุนไพรที่ช่วยระงับกลิ่นปากที่ได้ผลดีอีกชนิดหนึ่งคือ กานพลู ดอกกานพลูมีสรรพคุณแก้ปวดฟัน ช่วยขับลม มีกลิ่นหอมและรสเผ็ดร้อน ส่วนที่นำมาใช้ในการระงับกลิ่นปากคือ ดอกกานพลูแห้งที่ยังไม่ได้สกัดเอาน้ำมันออก โดยใช้ดอกกานพลูแห้ง 2-3 ดอกใส่เข้าไปในปากแล้วอมไว้ 1-2 นาทีจึงคายทิ้งหรือจะเอาดอกกานพลูแห้งตำให้ละเอียดแล้วผสมกับยาสีฟันที่ใช้แปรงฟันเป็นประจำเพื่อระงับกลิ่นปาก

    การใช้สมุนไพรกานพลูหรือฝรั่งในการดับกลิ่นปากควรใช้ร่วมกับการรักษาความสะอาดของสุขภาพในช่องปากโดยการแปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหารจึงจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นปากได้อย่างได้ผล.


    เขียนโดย Choke Chira ป้ายกำกับ: สมุนไพรรักษาโรคทางเดินอาหาร




    12 มีนาคม 2009

    ยาสมุนไพรรักษาโรคกระเพาะอาหาร(Peptic Ulcer)


    โรคกระเพาะอาหารเป็นโรคที่หากเกิดกับใครแล้วจะได้รับความทรมานมาก จะมีอาการปวดท้องบ่อยๆ ถี่ๆ โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกหิวขึ้นมาก็ปวดท้องหรือหลังจากกินอาหารอิ่มแล้วก็ปวดท้อง สาเหตุของโรคกระเพาะอาหารเกิดจากเยื่อบุกระเพาะอาหารอ่อนแอจนเกิดอักเสบเป็นแผลในกระเพาะอาหารหรืออาจเกิดจากความเครียดที่เรียกว่า “เครียดลงกระเพาะ” การพักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป การชอบกินอาหารรสเผ็ดมาก ฯลฯ

    การดูแลรักษาโรคกระเพาะอาหารทำได้โดย การปรับพฤติกรรมการกินอาหารร่วมกับการใช้ยาเสมุนไพร โดยให้กินอาหารจำนวนน้อยๆในแต่ละมื้อแต่ให้กินบ่อยๆ ควรดื่มนมถั่วเหลืองบ่อยๆ เพื่อช่วยเคลีอบกระเพาะอาหาร ส่วนการใช้พืชสมุนไพรช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารเช่น กล้วยน้ำว้า ขมิ้นชัน โดยนำผลกล้วยน้ำว้าดิบมาหั่นทั้งเปลือกแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง หลังจากนั้นนำไปบดให้ละเอียดเป็นผง เก็บไว้ชงกับน้ำร้อนแล้วดื่มอุ่นๆ สรรพคุณของพืชสมุนไพรกล้วนน้ำว้าดิบจะมีรสฝาดช่วยเคลือบและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร

    พืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารคือ ขมิ้นชัน โดยใช้ส่วนที่เป็นเหง้าของขมิ้นชันนำไปตากแดดให้แห้งแล้วบดเป็นผงบรรจุใส่แคปซูลขนาด 500 มิลลิกรัมหรือจะปั้นเป็นยาลูกกลอนโดยผสมกับน้ำผึ้งนิดหน่อย วิธีกินผงขมิ้นชันชนิดแคปซูลหรือผงขมิ้นชันที่เป็นยาลูกกลอนคือ กินหลังอาหารและก่อนนอน ครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง พืชสมุนไพรขมิ้นชันโดยเฉพาะเหง้ามีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย ลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวดท้องเนื่องจากมีลมในกระเพาะอาหารและลำไส้

    ทั้งกล้วยน้ำว้าและผงขมิ้นชันเป็นพืชสมุนไพรที่หาได้ง่ายและสามารถนำมาใช้รักษา-บรรเทาโรคกระเพาะอาหารได้ เนื่องจากเป็นพืชสมุนไพรที่ได้มาจากธรรมชาติจึงไม่มีพิษที่รุนแรงและไม่ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนใดๆ แต่กลับมีประสิทธิภาพดีในการใช้เป็นยาสมุนไพรรักษา-บรรเทาโรคกระเพาะอาหาร.


    เขียนโดย Choke Chira ป้ายกำกับ: สมุนไพรรักษาโรคทางเดินอาหาร
     
  19. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    กระเทียม(Garlic herbs) เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคกลากเกลื้อน


    กลากและเกลื้อน เป็นเป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในประเทศไทยเนื่องจากอยู่ในเขตร้อนตามร่างกายจะมีเหงื่อออกมากในแต่ละวัน โรคกลากเกลื้อนเกิดจากเชื้อราอาจมีอาการคันบ้างเล็กน้อย ทำให้ผิวหนังเป็นวงๆ กลากจะเกิดขึ้นบ่อยกับผู้ที่มีเหงื่อออกมาก ไม่ระวังเรื่องความสะอาดของผิวหนังปล่อยให้ผิวหนังอับชื้นและมีสุขอนามัยไม่ดี เชื้อราที่เป็นสาเหตุของกลากมีหลายชนิดที่ทำให้เกิดโรคตามจุดต่างๆ ของร่างกาย เชื้อราถ้าเกิดที่เล็บมือ-เท้าจะเรียกว่า “ฮ่องกงฟุต” ถ้าเกิดบริเวณขาหนีบจะเรียกว่า “สังคัง” กลากเป็นโรคผิวหนังที่สามารถติดต่อกันได้ง่ายจากการสัมผัสหรือใช้ข้าวของเครื่องใช้ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคกลากอยู่แล้ว

    โรคที่มีสาเหตุมาจากเชื้อราเช่น “กลาก” ต้องใช้เวลาในการรักษานานอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคืออย่าปล่อยให้บริเวณที่เป็นกลากมีความอับชื้นจะทำให้รักษาให้หายขาดได้ยากมาก การรักษาที่ได้ผลดีต้องใช้ยาสมุนไพรทาบริเวณที่เป็นกลากควบคู่ไปกับการกินยาด้วยจึงจะได้ผลดี

    พืชสมุนไพรที่ใช้รักษากลากมีหลายชนิด กระเทียมก็เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่หาได้ง่ายและใช้รักษาโรคกลากเกลื้อนได้ มีกลิ่นฉุนและรสเผ็ดร้อน ส่วนของกระเทียมที่นำมาทำเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคกลากเกลื้อนคือ ส่วนที่เป็นหัวที่อยู่ใต้ดิน โดยนำกลีบกระเทียมมาฝานเป็นชิ้นบางๆหรือจะใช้วิธีตำแค่พอแหลก แล้วเอามาทาบริเวณผิวหนังที่เป็นกลากเกลื้อนทุกวันๆละ 2 ครั้ง เมื่อโรคกลากเกลื้อนมีอาการดีขึ้นแล้วให้ทาต่อเนื่องไปอีก 7-10 วัน

    การใช้กระเทียมเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคกลากเกลื้อนให้ได้ผลเต็มที่ ก่อนจะทากระเทียมให้ทำความสะอาดร่างกายให้ดีก่อนและเน้นพิเศษที่บริเวณที่เป็นกลากเกลื้อนให้ใช้ใบมีดขูดบริเวณผิวหนังที่เป็นกลากเกลื้อนออกบางๆแล้วจึงทาด้วยยาสมุนไพรกระเทียม

    ไม่เฉพาะแต่โรคกลากเกลื้อนเท่านั้น โรคผิวหนังอื่นๆที่มีสาเหตุมาจากเชื้อรา ต้องใช้ความอดทนในการรักษา การใช้ยาสมุนไพร(กระเทียม)ทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อนต้องทาให้ทั่วถึงและสม่ำเสมอ ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างยาวนานและต้องต่อเนื่องกันไป ถึงแม้อาการกลากเกลื้อนจะหายไปแล้วก็ต้องไม่ประมาท ควรใช้ยาสมุนไพรทาอย่างต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง การรักษาโรคกลากเกลื้อนโดยใช้ยาสมุนไพรต้องดูแลรักษาแบบให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเพราะโรคที่เกิดจากเชื้อรามีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายๆ อย่าประมาท.


    เขียนโดย Choke Chira ป้ายกำกับ: สมุนไพรรักษาโรคผิวหนัง
     
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    กระเจี๊ยบแดงพืชสมุนไพรรักษาอาการขัดเบา-ปัสสาวะไม่ค่อยออก(Urinary System)


    อาการขัดเบาคือลักษณะอาการที่ปัสสาวะไม่ค่อยออก ปัสสาวะแบบกะปริบกะปรอยรู้สึกเหมือนปัสสาวะไม่สุด อาการขัดเบามีสาเหตุจากหลายประการเช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคนิ่ว ต่อมลูกหมากโต โรคหนองในหรือดื่มน้ำน้อย ฯลฯ ทำให้การปัสสาวะเป็นไปอย่างยากลำบาก คนที่เป็นโรคขัดเบาจะปัสสาวะบ่อยและแต่ละครั้งที่ปัสสาวะจะมีน้ำปัสสาวะออกมาน้อย ที่แย่ไปกว่านั้นคือปวดอยากจะฉี่แต่ฉี่ไม่ค่อยออก(ไม่ได้ดั่งใจเลย) โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะบางโรคจะมีอาการปวดเสียดท้องน้อยหรือปัสสาวะขุ่นแดงหรือปัสสาวะขุ่นขาวร่วมด้วย

    พืชสมุนไพรที่ช่วยบรรเทา-รักษาอาการขัดเบาได้มีหลายชนิดเช่น กระเจี๊ยบแดง ขลู่ ตะไคร้ หญ้าคา หญ้าหนวดแมว ฯลฯ การใช้พืชสมุนไพรกระเจี๊ยบแดงมารักษาอาการขัดเบาแต่อันที่จริงแล้วสรรพคุณของดอกกระเจี๊ยบแดงสามารถใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะได้หลายโรคเช่น โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ โรคนิ่วในไตและช่วยละลายไขมันในเส้นเลือดด้วย

    ส่วนของพืชสมุนไพรกระเจี๊ยบแดงที่นำมาใช้ทำเป็นยารักษาอาการขัดเบาคือ ส่วนที่เป็นดอก(ได้ทั้งสดและแห้ง)โดยเอากลีบเลี้ยงมาตากแดดให้แห้ง หลังจากนั้นก็บดให้ละเอียดจนเป็นผงเก็บไว้ในขวดโหลแก้วที่แห้ง เวลาจะนำมาใช้ให้แบ่งผงกระเจี๊ยบแดงออกมาใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา นำมาชงกับน้ำร้อนที่เดือด 1 ถ้วย(25 ซีซี) ดื่มวันละ 3 ครั้งติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการขัดเบาจะหายไป

    ดอกกระเจี๊ยบแดงเป็นพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย อาจทำให้คนที่ดื่มน้ำกระเจี๊ยบท้องเสียได้เล็กน้อย คุณค่าและประโยชน์ด้านโภชนาการของพืชสมุนไพรกระเจี๊ยบแดงคือ ส่วนใบของกระเจี๊ยบแดงมีวิตามินเอ จะช่วยบำรุงทางด้านสายตา ส่วนกลีบเลี้ยงและกลีบดอกของพืชสมุนไพรกระเจี๊ยบแดงจะมีสารแคลเซียมที่เป็นประโยชน์ในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

    นอกจากนี้พืชสมุนไพรกระเจี๊ยบแดงในส่วนที่เป็นดอก ยังสามารถนำไปทำเป็นเครื่องดื่มแก้ร้อนในและบรรเทาอาการกระหายน้ำ ช่วยละลายไขมันในเส้นเลือดไม่ให้ไขมันจับตัวเป็นก้อน พืชสมุนไพรกระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณที่สำคัญคือช่วยขับปัสสาวะให้ออกมาในปริมาณที่มากกว่าปกติ อาการขัดเบาหรือโรคระบบทางเดินปัสสาวะ หากรู้ตัวว่าเริ่มเป็น แล้วรีบหาทางรักษาแต่เนิ่นๆ ก็มีโอกาสมากที่จะรักษาโรคระบบทางเดินปัสสาวะให้หายได้โดยใช้พืชสมุนไพรไทย.


    เขียนโดย Choke Chira ป้ายกำกับ: สมุนไพรรักษาโรคระบบขับถ่าย
     

แชร์หน้านี้

Loading...