ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    กลับมาแล้วค่ะ พาแม่ไปสักการะรอยพระพุทธบาทที่เขาคิชฌกูฎมา ไปกันสี่คน แต่เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนหลายปีที่แล้วเลย ดูเป็นพาณิชย์ไปซะทุกอย่าง แถมโฆษกก็พูดแต่จะให้คนเสียเงิน (ทำบุญ) ดูแล้วจิตตกไปเยอะ แต่ก็นะ อันนี้เป็นความคิดเรา เพราะเคยไปหลายปีที่แล้ว ดีกว่านี้เยอะ คนอื่นอาจจะไม่คิดเหมือนเราก็ได้ นานาจิตตัง

    ก็เอาบุญที่ขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทมาฝากนะคะ (แต่มองไม่เห็นรอยพระพุทธบาทเลยค่ะ เพราะดอกไม้ธูปเทียนเต็มไปหมดเลย)
     
  2. Jenny_Lee

    Jenny_Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +1,357
    อนุโมทนาด้วยนะคะ ดิฉันก็เคยไปที่เขาคิชฌกูฎกับครอบครัวเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ดีมากเลยค่ะ อากาศดีมาก เด็กๆปีนเขากันสนุกมาก ไปถีงผ้าแดงเลยค่ะ ปีนี้เด็กๆ ก็อยากไปกันอีก แต่เห็นหลายๆคนที่ไปมาบอกในทางไม่ดีคล้ายๆกันเลยค่ะ แล้วคนก็เยอะมากด้วย ก็เลยยังไม่ไปดีกว่า
     
  3. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ดิฉันขึ้นไปวันจันทร์ค่ะ เขาบอกว่า เมื่อวาน (คือเสาร์-อาทิตย์) คนเยอะมาก ขึ้นไปไม่ได้ เพราะเต็มค่ะ ดิฉันก็คิดว่า เสาร์-อาทิตย์ คนต้องเยอะแน่ๆ ก็เลยไม่เคยไปวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ ไปแต่วันธรรมดา แต่คนก็เยอะอยู่ดี

    จะเล่าให้ฟังนะคะ เกี่ยวกับเรื่องที่ชวนให้จิตตก หดหู่น่ะค่ะ

    1 เริ่มตั้งแต่รอรถจะขึ้นไปบนเขา เมื่อก่อน (แปด-เก้าปีที่แล้ว) ยังมีคนคอยจัดคิวให้ เดี๋ยวนี้ไม่มี ให้แย่งกันขึ้นไปเอง คนมายืนรอก่อนตั้งนาน ยังไม่ได้ขึ้น คนมาทีหลัง รีบวิ่งไปแย่งเลย เห็นแล้วหดหู่ใจ พอถามว่า ทำไมไม่จัดคิว เขาบอกว่า ให้ขึ้นไปเลย คนแค่ 20-30 คน จะให้ผมมาจัดคิว จัดทำไม (คนเป็นร้อย บอกมาได้ว่า คนแค่ 20-30 คน)

    2 พอขึ้นไปถึงเขา แล้วต้องเดินเท้าต่อ ตรงลานจะมีพระพุทธรูป แล้วก็พระสีวลี ก็จะมีโฆษกคอยบอกให้ไปไหว้ซะ มาแล้วไม่ไหว้ไม่ได้ พูดในทำนองให้เรารู้สึกว่าจำเป็นต้องไหว้นะ ไม่งั้นจะไม่โชคดี คนก็ต้องไปไหว้ ก็ต้องซื้อดอกไม้ธูปเทียนอีก (แล้วก็มีตู้รับบริจาคอยู่บริเวณนั้น) ก่อนทางขึ้นจะมีรูปปั้นพระแม่ธรณีบีบมวยผม (ซึ่งเมื่อก่อนไม่มี) ก็บอกว่า จะขึ้นไปต้องไหว้พระแม่ธรณีก่อนนะ ขออนุญาต ต้องไหว้ทุกคน ให้ไหว้ด้วยดอกดาวเรืองคนละดอก (ข้างรูปปั้นก็จะมีตู้รับบริจาค)

    3 ทางขึ้นมีไม้เท้าไว้บริการ เมื่อก่อนแล้วแต่จะบริจาค เดี๋ยวนี้ระบุว่า อันละ 5 บาท ดูไม่เยอะ แต่รู้สึกว่า เป็นเงินเป็นทองไปหมด

    4 ระหว่างทางเดินขึ้นไป จะมีจุดที่ให้ไหว้พระแม่ธรณี ท้าวเวชสุวรรณ พระต่างๆ ซึ่งก็จะมีพระสงฆ์อยู่ประจำทุกจุด แล้วก็จะต้องพูดชวนเชิญให้หยุดไหว้แล้วก็ทำบุญ

    ข้อที่พูดๆมา ดิฉันยังไม่สลดใจเท่าข้อที่จะเล่าต่อไปนี้ค่ะ ตอนที่ไปถึงรอยพระพุทธบาทแล้วจะสักการะ โฆษกก็จะให้นั่งรอจนคนเต็มลานเพื่อที่จะได้นำสวดพร้อมๆกัน ระหว่างนั่งรอ โฆษกก็ประกาศว่า เตรียมของมอบถวายครบหรือยัง ต้องมี ดอกไม้ ธูป เทียน ทอง พลอย แล้วก็เงินเท่าอายุบวกเพิ่มไปอีกหนึ่งบาท ทำไมต้องมากะเกณฑ์ด้วยก็ไม่ทราบ เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้

    แล้วทีนี้บางคนเขาไม่รู้ เขาก็ไม่ได้เตรียมเงินไว้แบบพอดี เขามีแบงค์ร้อย โฆษกก็ว่า ไม่ทอนนะ ก็ทำไปทั้งหมดร้อยนึงนั่นเลย แค่ร้อยเดียวไม่เป็นไรมั้ง เงินแค่นี้เอง ทำบุญอย่าขี้เหนียว หมดเลยค่ะ พอได้ยินอย่างนี้ จิตใจเศร้าหมอง หดหู่กับทางวัดมาก จิตไม่เป็นกุศลเลย อยากแค่ให้จบๆ แล้วออกจากตรงนั้น ตัวเองไม่ได้ใส่เงินไปเลย แถมเงินค่าพานครูกับเงินที่สวดมนต์ทุกคืนๆที่เอาไปจากบ้าน ว่าจะเอาไปทำบุญที่โน่น ก็เลยไม่ได้ทำ กลับลงมาทำบุญซื้อหลังคาสร้างโบสถ์ที่วัดข้างล่างแทน

    พอกลับมาบ้านนั่งสมาธิ เลยโดนตถาคตเทศน์สั่งสอน บอกว่าไม่มีพรหมวิหาร 4 ไม่รู้จักวางเฉย อะไรที่ไม่ชอบ ก็ไม่เห็นต้องเอามาเป็นอารมณ์ให้จิตมัวหมอง ฯลฯ ก็จริงของท่าน เลยต้องมาทำจิตตัวเองใหม่อีก
     
  4. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งให้กราบขอพระอรหันต์อนุรุทธะเป็นอาจารย์สอนทำสมาธิ

    เนื่องจากว่าก่อนวันเดินทางไปต่างจังหวัด ได้ฝันเห็นพระธาตุ แล้วในฝันตัวเองก็พูดชื่อพระอรหันต์ขึ้นมาว่า "พระอนุรัทธะ" พูดอยู่สองครั้ง (บอกตรงๆว่า ไม่เคยรู้จักมาก่อน) ตื่นเช้าขึ้นมา เลยรีบไปเปิดดูหนังสือเกี่ยวกับพระธาตุว่ามีชื่อนี้หรือไม่ ผลปรากฎว่า มีชื่อพระอรหันต์ "อนุรุทธะ" ไม่ใช่ "อนุรัทธะ" ก็คิดว่าน่าจะเป็นองค์เดียวกัน ในนั้นก็เขียนแค่ว่า เป็นเลิศในทางทิพย์จักษุฌาญ แต่ไม่มีประวัติท่าน

    หลังจากกลับจากสักการะรอยพระพุทธบาท ได้เข้าสมาธิขึ้นไปพบพระพุทธองค์ แล้วก็เลยได้เล่าความฝันให้พระพุทธเจ้าทราบ แล้วสอบถามว่า มีอะไรเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่อย่างไร ท่านเลยแนะนำให้รู้จักกับพระอรหันต์อนุรุทธะ ท่านบอกว่า เรามีกรรมเกี่ยวเนื่องกับท่าน ท่านอนุรุทธะท่านมีใบหน้าละม้ายคล้ายองค์ตถาคตมาก แถมมีใบหูยาวมากด้วย ซึ่งนอกจากองค์ตถาคตแล้ว ยังไม่เคยเห็นใครมีใบหูยาวเหมือนองค์ท่านเลย

    องค์ตถาคตก็บอกว่าให้กราบขอเป็นลูกศิษย์ของพระอนุรุทธะซะ ให้เป็นอาจารย์สอนดิฉัน ดิฉันก็กราบท่าน ตอนนี้ก็เลยต้องเรียกท่านว่าพระอาจารย์อนุรุทธะค่ะ พระอาจารย์ก็แนะนำวิธีนั่งสมาธิให้ ดิฉันคงต้องฝึกอีกเยอะเลยนะคะเนี่ย รู้สึกว่าตัวเองยังไปไม่ถึงไหนเลย

    วันนี้กลับมาถึงบ้าน รีบเปิดคอมค้นหาประวัติพระอาจารย์ซะหน่อย ถึงได้รู้ว่าท่านเป็นพระอนุชา (เครือญาติ) กับองค์ตถาคต มิน่า หน้าถึงคล้ายกันจัง แถมมีใบหูยาวอีกด้วย เพราะท่านปรินิพพานหลังองค์ตถาคตนี่เอง อืมมม...เจออะไรมหัศจรรย์อีกแล้ว
     
  5. BATIOHM

    BATIOHM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +115
    อนุโมทนาครับ

    กระผมใคร่อยากจะเชิญ พี่ ME MYSELF ไปที่บ้านสายลม เพราะที่นั่นลูกหลานและบุคคลอื่นๆ ที่นับถือหลวงพ่อฤาษีฯ อีกทั้งยังมีครูสอนสมาธิในแนวเดียวกันที่พี่ทำได้อีกด้วยครับ
    กระผมรับรองว่าพี่จะได้เจอกับพรรคพวกที่ได้แบบพี่แน่นอนครับ
     
  6. meepooh69

    meepooh69 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +95
    มาเล่าให้ฟังอีกนะครับ
     
  7. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พบพระโมคคัลลานะ และ สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ดิฉันเป็นคนที่นอนหลับยาก ถ้าไม่ง่วงจริงๆ ให้นอนยังไงก็ไม่หลับ วิธีทำให้หลับของดิฉันคือ จะนอนทำสมาธิคุยกับพระภูมิเจ้าที่บ้าง เทวดาบ้าง ญาติที่เสียชีวิตไปแล้วบ้าง แล้วพอคุยๆไป จิตมันนิ่งมาก มันก็หลับไปเลยระหว่างที่คุยๆอยู่นี่แหละ ไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ ง่ายและไม่เสียสตางค์

    วันนึง เข้านอนแล้วยังไม่ง่วง ก็เหมือนเคยค่ะ คุยกับเจ้าที่ที่บ้าน พอเปิดจิตเท่านั้นแหละ เห็นแต่เปรตเต็มบ้านไปหมด เลยได้ถามท่านว่า ทำไมถึงมีเปรตเยอะแยะไปหมดเนี่ย ท่านก็ว่า เขามาขอส่วนบุญ เราก็ว่า มาได้ยังไง ไม่ใช่วันพระนี่ วันพระพรุ่งนี้ ท่านก็ว่า เขาปล่อยให้มาได้สองวัน วันโกนกับวันพระ เราก็เหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าปล่อยให้มาวันโกนได้ด้วย ก็เลยรับปากว่า พรุ่งนี้จะทำบุญ ใส่บาตรแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ (สมัยนั้น ยังไม่รู้ว่า สามารถเบิกบุญที่ทำแล้ว อุทิศให้ได้เลย)

    พอเช้าก็ตื่นขึ้นทำอาหารใส่บาตร แล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้พวกเปรตทั้งหลาย แล้วก็นั่งรถไปทำงาน ระหว่างทาง ก็นั่งนิ่งๆ พอจิตเริ่มนิ่ง อยู่ๆก็เห็นพระสงฆ์รูปหนึ่ง เหาะลงมาจากสวรรค์ แล้วก็เห็นหมดทั้งสามโลกเลย (เห็นในจิตนะคะ) เห็นเทวดา นางฟ้า มนุษย์ แล้วก็พวกนรก เราก็งงๆ อะไรหว่า ทำไมเห็นอะไรอย่างนี้เนี่ย แล้วก็เห็นพระสงฆ์รูปนั้น นั่งลงตรงแท่นหิน แล้วก็เทศน์โปรดทั้งสามโลก

    อดรนทนไม่ไหว ต้องถามว่า ท่านเป็นใคร กำลังทำอะไร ท่านก็ตอบว่า ท่านคือพระโมคคัลลานะ มาเทศน์โปรดทั้งสามโลก (ขอโทษ ตอนนั้นก็ยังคิดว่า ตัวเองฟั่นเฟือนไปแล้ว เพราะไม่เคยรู้ว่า พระโมคคัลลานะท่านมีฤทธิ์ในการเทศน์เปิดโลกทั้งสาม รู้แค่ว่าที่เรียนมา พระพุทธเจ้าตอนเสด็จกลับจากเทศน์โปรดมารดา แล้วโลกทั้งสามก็เปิด แค่นั้นเอง แล้วอีกอย่าง นิพพานมันสูญนี่ แล้วพระโมคคัลลานะ มาได้ไง สงสัยจิตตรูถ้าจะบ้า)

    ก็ถามท่านว่า ท่านนิพพานไปแล้วนี่ ทำไมยังมีตัวตนอยู่ละ ท่านก็ว่า นิพพานหมายถึงว่า ไม่เกิดอีกแล้ว ไม่ได้แปลว่าสูญ เราก็ อืม อืม ไปงั้นแหละ แบบว่า งงๆ ท่านคงเห็นว่า เราไม่เชื่อ ท่านก็เลยพาขึ้นไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ตอนเห็นองค์ท่าน ก็รู้ว่าเป็นองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เพราะท่านจะมีรัศมีเปล่งจากเศียรท่านตลอดแตกต่างจากคนอื่น แล้วล้อมรอบท่านก็เป็นพระสงฆ์สาวกเต็มไปหมด (คราวนี้ยิ่งงงหนักกว่าเดิมอีก จะว่ามันไม่จริง แล้วมันไปเห็นได้ไงแบบเนี้ย ไม่เคยคิดเคยนึก) พระโมคคัลลานะก็พาไปเฝ้าต่อหน้าองค์ตถาคต เราก็อีกแหละ ถามคำถามเดิมว่า ที่เรียนมานิพพานแปลว่าสูญ แล้วทำไมองค์ตถาคตถึงมีตัวตนอยู่ พระพุทธเจ้าท่านก็ตอบกลับมาว่า นิพพาน จริงๆแล้ว ไม่ได้แปลว่าสูญ นิพพานคือ การที่ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว อีกอย่าง ผู้ใดเห็นธรรมะ ผู้นั้นเห็นตถาคต

    ตอนนั้นก็รับฟังมาแบบขอไปที เพราะคิดว่า วันนี้สงสัยจิตตัวเองน่าจะฟุ้งซ่าน แต่ก็คิดเหมือนกันนะ ไม่เคยนึกนึงพระพุทธเจ้า หรือ พระโมคคัลลานะ หรือนิพพานเลย แล้วทำไมมันต้องมารู้มาเห็นล่ะ ก็ได้แต่สงสัย พูดกับใครไม่ได้ แล้วตอนนั้นก็ยังไม่เคยอ่านพบเรื่องราวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาก่อน กับความรู้เรื่องมโนมยิทธิก็ไม่เคยรู้ ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เห็นพระพุทธเจ้าแล้วก็พระโมคคัลลานะ พร้อมทั้งรู้ว่า นิพพานไม่สูญ
     
  8. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    มีเรื่องของกฎแห่งกรรมมาเตือนสติค่ะ ขอยืนยันคำพูดของหลวงพ่อค่ะว่า เจ้ากรรมนายเวรไม่ใช่คนจองเวร แต่เป็นผลของกฎแห่งกรรมค่ะ

    คือว่ามีเพื่อนคนนึง เขาไปทำแท้ง ก่อนที่จะไปดิฉันก็ไปท้วงเขา ไม่ให้ทำเพราะว่ามันเป็นบาปกรรมก็หนัก เขามีลูกแล้วคนนึงเป็นผู้ชาย แต่ชีวิตความเป็นอยู่ ยังต้องดิ้นรนเขาเลยไม่อยากมีลูกอีก แต่สามีอยากได้ลูกสาวมาก เขาก็ยังยืนยันว่าจะทำดิฉันมีเพื่อนอีกคน ที่สามารถรู้เรื่องราวต่างๆได้ เขาก็บอกว่าลูกในท้องของเพื่อนคนนี้เป็นผู้หญิง ซึ่งที่ดิฉันเห็นก็เป็นผู้หญิงตรงกันดิฉันก็ยืนยันกับเพื่อนแต่เพื่อนก็ไม่ฟังอยู่ดี

    ก่อนหน้าที่เพื่อนจะไปทำแท้ง ลูกในท้องเขามาหาดิฉันบอกว่าช่วยไปบอกแม่เขาหน่อยว่า อย่าได้ทำแท้งเขา แล้วเขาจะทำให้พ่อแม่ร่ำรวยดิฉันก็ว่า ก็บอกแล้ว เขาไม่ฟัง จะให้ทำไง เขาก็ร้องห่มร้องไห้ใหญ่เลยบอกว่าแม่ใจร้าย หลังจากที่เพื่อนไปทำแท้งแล้ว ลูกของเขาก็มาขออาศัยอยู่กับดิฉันดิฉันก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ตลอด แล้วก็พร่ำบอกเขาว่า อย่าไปโกรธแม่เขาเลยเขามีความจำเป็น แรกๆเขาก็โกรธแต่หลังจากนั้นเขาก็อโหสิให้

    แต่ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อน เหมือนจะแย่ลงไปกว่าเดิมดิฉันก็มาถามเขาว่า ไหนว่าอโหสิให้แม่แล้วไง ทำไมแม่ยังแย่อยู่ หนักกว่าเดิมอีกเขาก็บอกว่า หนูไม่ได้อาฆาตแม่นะ อโหสิให้แล้วแต่ว่ามันเป็นผลของกรรมที่แม่ทำแท้งหนู กฎแห่งกรรมมันจะทำงานของมันเองตอนแรกดิฉันก็ยังสงสัย ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเด็ก เพราะคิดว่าถ้าเจ้ากรรมนายเวรไม่เอาเรื่องแล้ว มันก็น่าจะจบ จนตอนหลังมาอ่านเจอที่หลวงพ่อบอกแล้วมันมาตรงกัน ทำให้ดิฉันได้ความรู้ใหม่ แล้วก็เชื่อว่าที่หลวงพ่อบอกต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤษภาคม 2009
  9. zonedd

    zonedd Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +99
    อนุโมทนา
    ติดตามอ่านอยู่เรื่อยๆครับ อ่านแล้วสนุกดี+ได้ความรู้ ว่าจะไปวัดท่าซุมฝึกมโนมยิทธิเร็วๆนี้
    เบื่อชีวิตเหลือเกิน เฮ้อ...
     
  10. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    สวัสดีครับ คุณ Me, myself<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1944740", true); </SCRIPT>

    อย่าลืมมาเล่าอีกน่ะครับ
    คนกิเลสหนาอย่างผมจะได้ หูตาสว่างบ้าง

    โมทนาบุญ ครับ
     
  11. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เมื่อวานไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์มาค่ะ ถวายอาหารกับภิกษุที่อาพาธ จะไปประจำทุกเดือนค่ะ ก็เอาบุญมาฝากนะคะ
     
  12. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    โมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

     
  13. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่ทราบว่ามีใครฝึกแล้ว มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจอะไรบ้าง อยากขอความกรุณาช่วยกันแบ่งปันประสบการณ์บ้าง เพื่อที่จะได้นำมาศึกษาเพิ่มเติมหรือเป็นความรู้

    ดิฉันขอย้ำนะคะว่า ดิฉันมิได้เก่ง หรือ ดีเลิศอะไร ทุกวันนี้ยังคิดว่า ตัวเองยังปฎิบัติได้ไม่ดีพอ บางครั้งก็ยังตัดนิวรณ์ไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็จะทำไปเรื่อยๆ (ไม่อยากลงนรก ไปเห็นแล้ว น่ากลัวอ่ะ)

    เรื่องที่ดิฉันประสบมา ก็ไม่ได้ให้ทุกท่านเชื่อ ขอให้ใช้ปัญญาพิจารณาดูก่อนค่ะ

    ทุกว้นนี้ส่วนใหญ่เวลานั่งสมาธิ ก็มักจะไปสอบถามเรื่องธรรม กับองค์ตถาคตหรือไม่ก็กับพระอาจารย์อนุรุทธะ เมื่อคืนนั่งสนทนากับพระอาจารย์ก็พอประมาณ สอบถามข้อสงสัยบางประการ ท่านก็สอนๆๆๆ ไอ้เราก็นั่งฟังอย่างเดียว ออกจากสมาธิมา ว่าจะมาเขียนลงในไดอารี่ แต่มันเยอะ เลยไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี (ว่าจะไปเรียบเรียงข้อมูลก่อน แหะ แหะ)

    ส่วนใหญ่หลังจากออกจากสมาธิ ก็จะมาจดบันทึกนะ จะได้เอาไว้อ่าน ครั้งล่าสุดหลังที่ออกจากสมาธิแล้วมาจดบันทึก กว่าจะเสร็จสิ้นที่ไปพบไปเห็นมา เล่นเอาไปซะชั่วโมงกว่า กว่าจะเขียนเสร็จ บางครั้งก็ยังไม่ได้บันทึก แต่ก็ยังจำได้ในสิ่งที่องค์ตถาคตสอนมา ก็ว่าจะทยอยเขียนไป ไม่งั้นเดี๋ยวลืม

    จริงๆดิฉันมีปัญหาเยอะ เพราะความรู้บางอย่างมันขัดแย้งกัน เลยไม่รู้ว่าอันไหนมันผิดมันถูก ก็เลยต้องเอาปัญหานี้ไปถาม ทีนี้บางครั้งคำสอนที่ได้มันย๊าวยาว ทำให้เวลามาเขียนบันทึก แล้วอาจจะตกหล่น ไม่ได้ละเอียดเหมือนที่ฟังมา (นี่ ถ้าเอาเทปไปบันทึกได้ก็ดีนะเนี่ย จะได้ไม่ต้องกลับมาเขียน) แต่ว่าเนื้อหาใจความก็ยังอยู่นะคะ

    เอ้อ..พล่ามมากไปแล้ว ใครมีประสบการณ์อะไร ก็มาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ ขออนุโมทนาสำหรับคนที่ปฎิบัติอยู่ด้วยค่ะ
     
  14. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    วันนี้จะเล่าเรื่องพวกวิญญานที่มาขอส่วนบุญนะคะ ถ้าตอนอยู่ในสมาธิเขาก็จะมาให้เราเห็นได้ง่ายๆ แต่ถ้าตอนที่ดิฉันไม่ได้อยู่ในสมาธิ ดิฉันก็ไม่มีทางจะเห็นจะรู้ใช่ไหมคะ แต่ว่าก็มีเหตุทำให้เราต้องรู้ต้องเห็น จะเล่าสักสองตัวอย่าง

    ตัวอย่างแรก ก็หลายปีแล้วแหละค่ะ ระหว่างที่นอนหลับ (ดึกมากแล้ว) ก็มีเสียงเหมือนคนเขวี้ยงก้อนหินใส่กระจกหน้าต่างค่ะ แล้วดิฉันเป็นคนไวต่อเสียงมาก ก็เลยตื่นขึ้นมา แล้วก็มองออกไปตรงหน้าต่าง เห็นเป็นคนผู้ชายยืนจังก้าอยู่นอกหน้าต่าง โบราณเขาว่าไว้ เห็นอะไรตอนกลางคืน ห้ามทัก ใช่ไหมคะ ดิฉันก็ไม่ทักค่ะ แต่ก็ได้ส่งกระแสจิตให้เขาว่า ดิฉันจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ เขาก็คงจะรับรู้ได้ ก็เลยค่อยๆเลือนหายไปค่ะ (เมื่อหลายปีก่อน ดิฉันยังไม่รู้จักวิธีเบิกบุญของเรา แล้วอุทิศให้ได้เลยนะคะ)

    ตัวอย่างที่สอง อันนี้เพิ่งเกิดเมื่อตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เองค่ะ แถมมันแปลกประหลาดดี ก็เลยอยากเล่าให้ฟัง

    เรื่องเกิดตอนที่ดิฉันขับรถจะไปดูบ้านที่บางบ่อ เวลาขับรถดิฉันชอบเปิดวิทยุฟังเพลงค่ะ พอถึงช่วงถนนบางนา-ตราดประมาณ กม.22-23 อยู่ๆเสียงวิทยุก็เงียบไป ตอนแรกดิฉันคิดว่า สถานีส่งคงขัดข้อง แต่สักพักเสียงก็ยังไม่มา ก็เลยสงสัย ก็มองไปที่หน้าปัดวิทยุ โอะโอ มันขึ้นคำว่า เล่นเทปค่ะ มันจะเล่นได้ไงคะ ก็ไม่มีเทปอยู่เลย ปกติมันต้องมีเทปใส่เข้าไป มันถึงจะเล่น แล้วมันก็ไม่มีปุ่มไหนให้กดเล่นเทปได้เลย (โบราณเนอะ เดี๋ยวนี้เขาเป็นพวกเล่นแผ่นกันหมดแล้ว เรายังเป็นเทปอยู่เลย) ก็แค่สงสัย แล้วก็เลยกดปุ่มเปิดเป็นวิทยุต่อ พอเปิดไปสักแป๊ป แน่ะ มันกลับไปเล่นเทปต่อ เริ่มตะหงิดๆในใจแล้วนะ แต่ก็ลองอีกที กดเล่นวิทยุต่อ เปิดได้หน่อยเดียว โอ้..พระเจ้าช่วย มันกลับไปเล่นเทปอีกแล้ว (ซึ่งปกติไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย) เท่านั้นแหละ ดิฉันพูดเลย

    "โอเค..ได้เลย ต้องการจะสื่ออะไร บอกมาได้เลย ไม่ได้กลัวนะ แต่อยากรู้ว่าต้องการอะไร" พร้อมทั้งที่เปิดจิตสัมผัสไปด้วย สิ่งที่ดิฉันเห็นคือ คนหน้าตาดำคล้ำ นั่งตัวแข็งทื่ออยู่เบาะหลัง (ถ้าคนจิตอ่อนๆนี่สงสัยตกใจแน่ๆ ก็ลักษณะพวกวิญญานอ่ะนะ) ความที่เขาดำมืด ตอนแรกก็ยังมองไม่ค่อยชัดว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็เลยถามไปว่า

    ดิฉัน - ผู้หญิงหรือผู้ชาย
    วิญญาน - ผู้ชาย
    ดิฉัน - แล้วที่มานี่ ต้องการอะไร
    วิญญาน - ต้องการขอส่วนบุญ
    ดิฉัน - แล้วเป็นอะไรตาย
    วิญญาน - ถูกรถชนตาย
    ดิฉัน - คันนี้เหรอ (ถามไปงั้นแหละ รู้อยู่ว่าไม่ใช่รถเราหรอก)
    วิญญาน - ไม่ใช่ แต่เผอิญขับผ่านมา แล้วรู้ว่าเรารับรู้ได้
    ดิฉัน - ชื่ออะไรเหรอ
    วิญญาน - สมชาย
    ดิฉัน - นามสกุลล่ะ
    วิญญาน - จำไม่ได้ (นามสกุลตัวเองยังจำไม่ได้อีกแน่ะ)
    ดิฉัน - โอเค เดี๋ยวดิฉันจะอุทิศส่วนกุศลให้ รอแป๊ป

    ดิฉันไม่ได้อุทิศส่วนกุศลให้เขาในทันที เพราะว่า ขับรถมาถึงตลาด ก็กำลังดูว่าจะซื้อของพอดี ก็เลยยังไม่ได้ทำให้เขา ดิฉันก็เปิดวิทยุฟังอีก เขาก็ทำให้ไปเล่นเทปอีก ดิฉันเลยถามว่า อะไรอีกละ เขาก็หาว่า ดิฉันไม่ฟังเขาเลย ดิฉันก็บอกว่า รู้แล้ว แต่ดิฉันต้องทำธุระของดิฉันเหมือนกัน ต้องเกรงใจดิฉันด้วย (แทนที่จะกลัวผี ดันไปว่าผีอีก) แต่สุดท้ายดิฉันก็ยอมอุทิศบุญกุศลให้เขาก่อน โดยการเบิกบุญของดิฉันมาให้ ระหว่างที่อุทิศ ดิฉันก็ยังเปิดวิทยุอีก เขาก็เลยปิดมันไปเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าให้กลับไปเล่นเทปนะคะ เหอ เหอ พออุทิศให้เขาแล้ว เขาก็เปลี่ยนไปเลยทันที จากที่หน้าตาดำคล้ำ เศร้าหมอง ก็สว่างสดใส ยิ้มแย้ม เสื้อผ้าก็เปลี่ยนเป็นชุดใหม่ เขาก็ขอบคุณดิฉัน ดิฉันก็ยินดีที่เขาดีขึ้น

    หลังจากที่ดิฉันทำธุระที่บ้านเสร็จ ตอนขากลับดิฉันก็คิดว่า วิทยุมันช๊อตหรือเปล่า มันอาจตกหลุมแล้วเลยสะเทือนไปเล่นเทปก็ได้ ก็กะว่า เดี๋ยวจะลองดูซิ ตอนขับรถกลับเข้ามากรุงเทพ ก็ลองขับไปตกหลุมก็แล้ว หลายๆครั้งก็แล้ว ไม่เห็นมันเป็นอะไรเลย วิทยุมันก็เล่นเป็นปกติ พอดีเพื่อนโทรมา บอกให้แวะไปหา ดิฉันก็เลยไปหาเพื่อนที่คอนโด แต่ก็คิดว่าจะมีที่จอดรถหรือเปล่า พอใกล้ถึงหน้าร้านเพื่อน วิทยุมันเป็นอีกแล้วค่ะ มันเปลี่ยนไปเล่นเทป ดิฉันกดเล่นวิทยุ ก็กลับไปเล่นเทปอีก แล้วดิฉันก็มองไปเห็นที่ว่างเลยหน้าร้านเพื่อนไป มีที่จอดรถค่ะ ก็เลยคิดว่า เขาคงจะบอกว่า มีที่จอดรถข้างหน้านะ อืมม แปลกดี

    หลังจากคุยธุระกับเพื่อนเสร็จ ดิฉันต้องไปซื้อของ ก็เลยแวะไปที่เสรีเซ็นเตอร์ แต่ในสมองก็ยังคิดถึงเรื่องเทปอยู่นะคะ ก็ว่าเราอุปทานหรือเปล่าหว่า เหมือนเขาจะรู้ว่าดิฉันไม่เชื่อ พอดิฉันกลับจากซื้อของ พอสตาร์ทรถ ก็ได้ยินเสียงเหมือนเครื่องเล่นเทป โอ้..พระเจ้าช่วย ดิฉันยังไม่ได้เปิดอะไรเลย มันขึ้นว่าเล่นเทปอีกแล้ว แล้วขอโทษ มันไม่ได้แค่เล่นอย่างเดียวนะ มีการกรอเทปกลับไปกลับมาด้วย ทั้งๆที่มันไม่มีเทปอยู่ในช่องอ่ะ แล้วอย่างนี้จะให้อธิบายว่ายังไงคะ ดิฉันก็เลยเปิดวิทยุซะเลย หนอย..เปลี่ยนของเราไปเล่นเทปอีก ดิฉันก็เปลี่ยนกลับเป็นวิทยุอีก แล้วก็ขับกลับบ้าน ไม่มีอะไรอีก

    หลังจากนั้นอีกสองวันต่อมา ดิฉันก็ไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์ ก็พาน้องชายกับลูกชายไปด้วย ก็เล่าให้เขาฟัง พวกเขารู้นะคะว่าดิฉันทำอะไรได้ แต่เขาก็ไม่เชื่อว่า วิทยุมันจะเล่นเทปเองได้ เพราะว่า มันไม่มีทางจะเล่นได้ ถ้าไม่มีเทป หรือไม่ก็รถตกหลุมเลยสะเทือน แล้วมันอาจช๊อต (แต่มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนะคร้าบ) ก็ถกกันใหญ่เลย

    พอเสร็จจากทำบุญ ระหว่างที่ดิฉันขับรถกลับ ก็ได้เริ่มทำการอุทิศส่วนกุศลให้กับหลายๆสิ่ง ระหว่างนั้น วิทยุที่เปิดอยู่ ก็กลับเปลี่ยนไปเล่นเทปอีก ดิฉันก็บอกให้น้องกับลูกดู แล้วดิฉันก็เปลี่ยนไปเปิดวิทยุต่อ คราวนี้ปิดไปเลยค่ะ ไม่ได้เล่นทั้งเทปแล้วก็วิทยุ แล้วอยู่ๆก็กลับมาเล่นเทปต่อ เล่นเอาทั้งน้องชายแล้วก็ลูกชายอึ้งไปเลยค่ะ แต่ก็ยังว่า มันอาจตกหลุม วิทยุอาจช๊อต ดิฉันก็ลองขับตกหลุมแรงๆให้ดู วิทยุก็ยังเล่นเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนไป แล้วหลังจากวันนั้นมา จนถึงทุกวันนี้ วิทยุมันก็เล่นปกติ ไม่มีการไปเล่นเทปแบบวันนั้นอีกเลย ถ้าว่าวิทยุมันช๊อต ขับตกหลุมสะเทือนแล้วมันเลื่อน ก็แล้วทำไม นับตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้จึงไม่เป็นอีกเลย มันแปลกดีนะว่าไหม
     
  15. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    สวัสดีครับ คุณ Me, myself<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1944740", true); </SCRIPT>

    มาเล่าอีกน่ะครับ (ติดตามอยู่ เป็นประจำครับ)
    อย่างน้อยก็เป็นประสบการณ์ และ กำลังใจแก่ท่าน อื่นๆ ด้วยครับ

    ขออนุญาตถาม วิธีเบิกบุญ ด้วยครับ ทำอย่างไรครับ
    (เผื่อคนมือใหม่หัดขับ จะได้ปฏิบัติตาม)

    โมทนาบุญ ครับ
    <!-- / message -->
     
  16. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    ไม่รู้ว่าจะเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนหรือเปล่านะคะ บางท่านอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ แต่ที่ดิฉันทำก็คือ การตั้งจิตอธิฐานค่ะ นึกถึงพระรัตนตรัย พ่อแม่แล้วก็ครูบาอาจารย์ ก็จะพูดดังนี้นะคะ

    "ขออำนาจคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดรมารดาและครูบาอาจารย์ทุกท่าน ช่วยดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าที่ทำมาแล้วตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้แก่........(ใครก็ว่าไปค่ะ)"

    ก็เท่านั้นแหละค่ะ ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่อาศัยต้องมีสมาธิในการอุทิศหน่อย การเบิกบุญมาใช้ ไม่ใช่จำเพาะต้องให้แก่คนอื่นอย่างเดียว ให้พยายามเบิกบุญของเรามาให้ตัวเองด้วย ทำบ่อยๆเพื่อให้ชีวิตตัวเองประสบแต่สิ่งที่ดี อันนี้ก็เป็นความเชื่อของแต่ละคน แต่ดิฉันเห็นว่า มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ไม่ได้เบียดเบียนใคร ทำแล้วใจเป็นสุขก็ทำไปเถอะค่ะ แล้วเวลาใครมาขอส่วนบุญก็ใช้วิธีนี้ก็เห็นเขาก็รับได้ทันทีทันใด (สำหรับพวกที่อยู่ในภาวะที่รับได้นะคะ) ก็ใช้ปัญญาพิจารณาด้วยค่ะ
     
  17. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    ขอบคุณมากครับ

    โมทนาบุญครบ


     
  18. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    คืนหนึ่ง ได้ขึ้นไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่มีคำถามค้างคาใจจะไปถามด้วย ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม องค์ตถาคตก็เอ่ยขึ้นก่อน

    ตถาคต - เอ้า ว่าอย่างไร มีอะไรจะถามเรา
    ดิฉัน - เจ้าค่ะ ตถาคต คือมีเรื่องสงสัยน่ะค่ะ จากที่ศึกษาหนังสือที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวไว้ว่า คนที่ใกล้จะตาย ถ้าหากว่าจิตตอนนั้นนึกถึงนิพพาน ก็ไปนิพพานเลย จริงเหรอเจ้าคะ
    ตถาคต - จริง
    ดิฉัน - เพราะบางเรื่อง เห็นมีคนก็ทำชั่วไว้เหมือนกัน แต่พอจะตาย ก็เห็นพระอริยะ แล้วก็เลยได้ปิติ กลายเป็นได้ไปนิพพานเลย ไม่ลงนรก
    ตถาคต - ถูกต้องแล้ว
    ดิฉัน - งั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำดีก็ได้นี่คะ ในเมื่อพอจะตาย ก็นึกถึงพระ นึกถึงนิพพาน เราก็ไปสวรรค์ ไปนิพพานได้เลย อย่างนี้คนก็ต้องคิดว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องทำดี ทำชั่วซะก็ยังได้ไปสวรรค์นิพพาน แล้วจะทำดีไปทำไมละเจ้าคะ
    ตถาคต - ดูก่อน...(ชื่อดิฉัน)....เธอคิดหรือว่า คนที่ไม่เคยฝึกจิตให้นึกถึงแต่นิพพาน ไม่เคยคิดเรื่องทำดี ทำแต่กรรมชั่ว พอท้ายที่สุด จิตจะนึกถึงพระหรือนิพพานได้
    ดิฉัน - ก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เจ้าค่ะ
    ตถาคต - ถูกต้องแล้ว คนที่ทั้งชีวิตทำแต่กรรมชั่ว ไม่เคยทำกรรมดี พอตอนจะตาย จิตก็คิดแต่เรื่องที่ตัวเองทำไม่ดีไว้ อีกทั้งกฎแห่งกรรมก็จะคอยจ้องอยู่ ทำอย่างไร เขาก็ไม่มีทางที่จะเห็นพระหรือนิพพานได้หรอก ดังนั้นหนทางที่จะได้ไปสวรรค์หรือนิพพานจึงไม่มี สำหรับบางคนที่ทำดีบ้าง ทำชั่วบ้าง พอตอนใกล้จะตาย จิตเป็นกุศล ก็ได้ไปสวรรค์หรือนิพพานได้ แต่ถ้าหากจิตเป็นอกุศลก็ต้องลงนรก ตถาคตถึงสอนว่าให้ทำดี ฝึกจิตให้นึกถึงแต่นิพพานเข้าไว้ บุคคลผู้ฝึกจิตให้นึกเห็นแต่นิพพาน ย่อมต้องเป็นผู้อยู่ในศีลในธรรมอยู่แล้ว ดังนั้นการที่จะไปทำกรรมชั่ว ย่อมไม่อาจทำได้ง่าย ดังนั้นเมื่อจิตเป็นกุศล คิดแต่เรื่องดีๆ พอใกล้จะตาย ย่อมได้ขึ้นสวรรค์หรือนิพพานแน่นอน จงจำเอาไว้
    ดิฉัน - สาธุ ลูกได้ความกระจ่างแล้วค่ะ
     
  19. พระกระพี้

    พระกระพี้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +54
    อนุโมทนา ครับผม

    ขอบุญกุศลนี้ แผ่ไพศาลจรดพระนิพพาน กระทั่งถึงนรกขุมสุดท้าย
    กระจายรอบด้านถึงขอบปากจักรวาล สาธุ..สาธุ..สาธุ...
     
  20. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    โมทนาบุญครับ สาธุ สาธุ สาธุ


     

แชร์หน้านี้

Loading...