กระทู้เผยแพร่การบำเพ็ญพุทธภูมิและปัจเจกภูมิ จากพระสังฆโตปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย เฮ้งตงเอี๊ยง, 14 พฤศจิกายน 2008.

  1. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130

    ถ้าฝนหลงฤดูมาตกหน้าแล้ง
    คุณเกิดไปเห็นฝนเข้า


    คุณจะคิดว่าเป็นหน้าฝนไหม?

    ...............................


    พระพุทธเจ้าจะมาตรัสฯ ช่วงอายุขัยมนุษย์ 100-100,000 ปี
    นี่เรียกว่า "กาล" ของพระพุทธศาสนา ส่วนฝนหลงฤดูมันก็มีกันได้


    ถ้าเราช่วยกันสร้างบ่อรองน้ำฝนนั้นไว้ใช้โปรดสรรพสัตว์
    ก็ต้องไม่หลงไปเอาว่าเป็นหน้าฝน ไม่เอาฝนไปโปรยทั่วโลก
    เพราะมันไม่พอหรอก คนมีบุญถึงพระพุทธศาสนาในยุคนี้
    มันไม่มากหรอก ปัญหาคือ แล้วมนุษย์ที่กรรมมากบุญน้อย
    นี่ละ จะอาศัยอะไรอยู่ถึงจะไม่ฆ่ากันตาย?


    ถ้าบุญไม่พอถึงพุทธศาสนา ก็ต้องพึ่งศาสนาอื่นๆ ด้วย
    เหตุนี้ ฝนหลงฤดูก็ต้องรักษาไว้ แหล่งตาน้ำอื่นก็ต้องสำรวจหา
    แต่ไม่ใช่จะเอาน้ำฝนที่เก็บไว้โปรยทั่วโลกนั้น


    หาได้ไม่
    เข้าใจไหม?
     
  2. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    ลำดับการบำเพ็ญบารมีในทางปฏิบัติ (ไม่ใช่ว่าโดยทฤษฎี)


    1. พระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญให้ได้ "นิตยโพธิสัตว์" ก่อน โดยเอา
    บารมีตัวใดตัวหนึ่งให้ถึง 30 ทัศ คือ ทำถึงสิ้นชีวิต เพียงบารมีเดียว
    ก็ได้ แล้วอธิษฐานปรารถนาพุทธภูมิพร้อมกับการบำเพ็ญนั้น

    2. จากนั้นจึงค่อยมาสะสมบารมีทศบารมี อีก 9 ตัวที่เหลือให้มาก
    เท่าที่จะมากได้ หมายความว่า บารมีบางตัวก็ไม่ถึง 30 ทัศ มีแค่
    ตัวหนึ่งถึง 30 ทัศ ก็อาศัยบารมีตัวนั้นตรัสรู้ได้ ส่วนบารมีตัวอื่น
    เอาแค่ 20 ทัศประกอบกันเข้าก็พอสร้างศาสนาได้เหมือนกัน

    3. จากที่ได้ 30 ทัศ 1 บารมี และเก็บอีก 9 บารมี จนครบทศบารมี
    แล้ว ก็ต้องมานับบารมีเป็นอสงไขยต่อ ถ้าปัญญาถึงรู้แล้วว่าได้แน่
    เลยหยุดบำเพ็ญแล้วนอนรอ อันนี้เรียกว่า "ปัญญาธิกะ" บารมี 4 อ.
    แต่ถ้าพอได้รับคำทำนายแล้วไม่นอนรอเฉย ศรัทธาบำเพ็ญต่อไป
    ก็จะคูณสองทบไปเป็น 8 อสงไขย แต่ถ้าไม่ได้รับคำทำนายหรือ
    ถูกหลอกว่าไม่ได้เป็น แล้วเกิดความฮึกเหิมวิริยะ ก็จะได้บารมีถึง
    16 อ. คือ สูงที่สุด ทั้งนี้ การบำเพ็ญวิริยธิกะนั้น จะผ่านปัญญาธิกะ
    มาก่อน มีปัญญาไม่ต่ำกว่าพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะ แล้วก็อาศัย
    วิริยะบำเพ็ญสูงขึ้นไป ศาสนาก็จะไม่รุ่งริ่งร่องแร่ง จะอลังการมาก


    สรุป การบำเพ็ญไล่จาก 10 ทัศ ไปถึง 30 ทัศจะได้รับคำทำนาย
    แล้วจึงเก็บบารมีตัวที่เหลือในทศบารมี แล้วค่อยมานับอสงไขย
    ว่าจะเอากี่อสงไขย เอามาก ก็อลังการงานสร้าง แต่ก็เหนื่อยหน่อยครับ
     
  3. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    พระโพธิสัตว์ยุคอายุขัยมนุษย์ต่ำกว่าร้อยปี ต้องบำเพ็ญอภิญญา


    หลวงพ่อฤษีลิงดำทำนายว่าอภิญญาจะเป็นสาธารณะ แต่เราอยากให้
    มันสาธารณะในหมู่อสูรและมารหรือไร? ในขณะที่มารและอสูรเอาฤทธิ์
    มาครอบงำประเทศเรา เรานิ่งนอนเฉยอยู่ เป็นโพธิสัตว์ได้อย่างไร?


    ดังนั้น จะบำเพ็ญโพธิญาณ ต้องฝึกอภิญญาเพื่อปราบมารและอสูร
    ซึ่งจะเยอะมากๆ ในยุคหลัง พ.ศ. 2,500 ขึ้นไป ไม่เช่นนั้นก็มานั่ง
    ดูหายนะของมวลมนุษย์กันตาปริบๆ แล้วท่องว่า "ฉันเป็นคนดีที่อุเบกขา"
    แบบนั้น ควรนิพพานไปเสียดีกว่าจะมานั่งแท่นโพธิสัตว์ครับ
     
  4. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    ทำไมต้องยกโลกในยุคนี้ให้คนเลวๆ?


    เพราะโลกนี้ไม่ใช่ของคนดีหรือคนเลวเพียงอย่างเดียว
    โลกมียุคสมัยของมัน บางยุคคนดีมาเกิดมาอายุขัยก็มาก
    บางยุคคนเลวมาเกิดบ้าง อายุขัยก็น้อยลง สลับกันใช้โลกนี้


    หากจะเอาโลกให้คนดีเท่านั้น เอาให้พระพุทธศาสนาเท่านั้น
    สรรพสัตว์มากมายจะทรมานในนรกนานแสนนาน ในขณะที่
    เทพเทวดาดีๆ เวียนตายเวียนเกิดบนโลกและสวรรค์ อยู่สวรรค์
    ก็เสพสุข มาโลกก้ได้บุญบารมีต่อไปไม่สิ้น อย่างนี้พวกที่ทำเลว
    ก็ไม่ได้ผุดได้เกิด ไม่ได้โอกาสกลับตัวกลับใจเท่านั้นเอง


    โพธิสัตว์ที่คิดยึดเอาโลกนี้ไว้ให้แก่คนดีเท่านั้น จึงเห็นแก่ตัวโดยแท้
     
  5. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    โพธิสัตว์ยุคหลัง พ.ศ. 2,500 ต้องมาโปรดคนเลว


    ไม่ใช่สร้างโลกให้คนดีอยู่ แต่เราต้องเสียสละให้คนเลวได้กลับตัวกลับใจ
    ได้อาศัยโลกนี้เพื่อเปลี่ยนภพภูมิไปก่อนเรานี้ยังมีบุญบารมีมากคุ้มอยู่ เรา
    ควรใจเย็นรอก่อนเราไปทีหลัง ให้คนที่ทรมานในนรกได้พ้นจากนรกไปก่อน


    เมื่อมาโปรดคนเลว ก็ต้องมีอภิญญาสู้อสูรได้ มีปัญญาทันเล่ห์มารได้
    ไม่ใช่มานั่งถกกันไปวันๆ แค่เรื่อง "อัตตา อนัตตา"
    ปล่อยประเทศล่มจมไปหน้าตาเฉยอย่างนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2008
  6. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    [​IMG]
    [​IMG]


    หรือจะรอให้ทั้งสองพระองค์นี้สิ้นแรงไปก่อน
    แล้วประเทศนี้ล่มจมตามไป
    ท่านถึงจะรู้ว่าควรทำอย่างไรกัน?
     
  7. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    <TABLE class=tborder id=post1706622 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] เมื่อวานนี้, 08:44 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>โป๊ยเซียน<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1706622", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Sep 2008
    ข้อความ: 20
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1706622 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->นิมิตหลวงพ่อโอภาษี (ช่วยๆกันเผยแพร่ เพื่อประเทศไทย)
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><!-- ads code --><TABLE id=table1 borderColor=#b8ff71 cellSpacing=0 cellPadding=7 width=250 bgColor=#dfffbf border=1><TBODY><TR><TD>จากเว็บมาสเตอร์

    สวัสดีครับ สมาชิกทุกๆคน

    ตอนนี้
    Server เริ่มอืดต่อไป
    คาดว่า จะอืดกว่านี้
    ขอเชิญสมาชิกร่วมใจสามัคคีคนละนิดละหน่อย ช่วยกัน ซื้อ Server ตัวใหม่เพื่อให้เว็บโหลดได้เร็วและไม่ติดขัดก็เพื่อพวกเราเองและสมาชิกที่จะเข้ามาใหม่

    Server คือ เครื่องที่เก็บข้อมูลเว็บในไซต์เป็นที่เก็บข้อมูลทางพุทธมากมายมหาศาล เป็นสุดยอดธรรมทานเผยแผ่พุทธศาสนา

    เป็นสิ่งสำคัญที่เว็บขาดไม่ได้
    สมมุติว่า
    ถ้าเราเอามือกดปุ่มปิด Server เว็บพลังจิตก็จะไม่มีใครเข้าได้เลย กิจกรรมทุกอย่างบนเว็บก็จะไปไม่เกิดขึ้น

    ใครที่สนใจร่วมซื้อ Server
    เผยแผ่พุทธศาสนาและร่วมสนับสุนเว็บพลังจิต

    เชิญกดนี้เลยครับ


    WebSnow
    เว็บมาสเตอร์,
    ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต</TD></TR></TBODY></TABLE>
    *โปรดใช้วิจารณญานค่ะ*

    พอดีเมื่อวานไปถวายเทียนพรรษา
    ที่วัดหลวงพ่อโอภาษีครับ

    คิดว่าเพื่อนๆที่อยู่แถวพระราม2 คงรู้จักกันทุกคน

    เข้าเรื่องเรยนะครับ
    ผมก็ไปกับที่บ้านรวม 5 คน เข้าไปถึงกุฎิที่พ่อผมบอกว่า
    เป็นพี่ชายของเจ้าอาวาส
    เป็นหลวงพ่อ อายุราวๆ 70 ตาซ้ายเสียอ่ะครับ

    เห็นบอกว่าองค์นี้เก่งมากก็เข้าไปถวายเทียนพรรษา

    พร้อมๆกับอีกหลายๆคน ที่มาหาหลวงพ่อเช่นกัน
    พอถวายเทียนเสร็จหลวงพ่อท่านก็เล่าว่าท่านนิมิต(ฝัน)ว่า


    ท่านได้ไปนรกครับไปเจอเท้าเทพสุวรรณ(ยมฑูต)
    ท่านก็เล่าว่า ท่านถามสุวรรณว่าท่านตายแล้วเหรอ?


    สุวรรณบอกว่าท่านยังไม่ตายแต่จะพาไปเที่ยว
    แล้วเค้าก็พาหลวงพ่อเดินไป เดินไปเรื่อยๆ
    จนถึงระยะหนึ่ง หลวงพ่อหยุดเดิน สุวรรณที่เดินนำ

    ก็เดินกลับมาครับ แล้วถามว่า หยุดทำไม?

    ท่านก็ตอบว่า เดินตั้งนานแล้วในนรกไม่เห็นมีอะไรเลย
    ระหว่างนั้นท่านก็บรรยายบรรยกาศของนรกว่า

    นรกมีไฟเพลิงสีส้มแดง แต่ไม่มีควัน แล้วก็ไม่ร้อน

    ที่ท่านไม่ร้อนเพราะท่านมีบุญดีอยู่
    แล้วสุวรรณก็ถามต่อครับว่า อยากเห็นอะไรละ?


    ท่านตอบว่า อยากเห็นต้นงิ้ว และกะทะทองแดง
    สุวรรณบอกว่าไม่มีหรอก มนุษย์อุปโหลกขึ้นมาเองทั้งนั้น

    ในนี้มีแต่ไฟโลกัณฑ์ เดินไปอีกหน่อยแล้วจะรู้เอง

    ท่านก็ได้เดินต่อไป สิ่งที่ท่านเห็นก็คือ เหวที่มีไฟแดงฉาน
    อยู่ข้างล่าง

    สุวรรณบอกว่า ใครทำกรรมชั่วมากก็จะอยู่ข้างล่างสุด
    ทำกรรมชั่วน้อยก็จะอยู่ข้างบน ซึ่งข้างล่างจะร้อนกว่าข้างบน

    คราวนี้เดินต่อไปเรื่อยๆ ท่านก็เห็นทางสามแพร่ง
    มีน้ำกันอยู่ จึงได้ถามสุวรรณว่านี้คืออะไร
    สุวรรณตอบว่านี่คือทางไปนรก สวรรค์ โลกมนุษย์

    ซึ่งมีคนยืนในช่องทางไปโลกเยอะมากๆ
    มีบางคนแอบซุกเพื่อหลบน้ำที่จะต้องผ่าน

    ท่านจึงถามว่าน้ำนี่คืออะไร
    สุวรรณตอบว่าน้ำนี่ใช้ชะล้างจิตใจ ให้ลืมอดีต

    แล้วไปเกิดใหม่ คนที่หลบหลีกน้ำนี้ไปได้จะต้องเป็นทุกข์
    (ที่เข้าใจคือระลึกชาติได้)

    แล้วท่านก็เล่าว่า พวก สส.ที่มันได้ดีเพราะมันกินบุญเก่า

    เหมือนปลูกต้นแอปเปิ้ลไว้ ตัวเองปลูกตัวเองก็ได้กิน
    เมื่อต้นแอปเปิ้ลหมดก็อดกิน ก็เหมือนกับพวก สส.

    ที่กินบุญเก่าอยู่ เราไม่สามารถไปทำอะไรเค้าได้ ต้องรอ
    ให้เค้าหมดบุญไปเอง

    หลวงพ่อท่านก็ถามสุวรรณต่อว่าวิญญาณมนุษย์

    ไปเกิดก็เยอะ แล้ววิญญาณที่ยังอยู่ที่โลกก็เยอะ
    ทำไมไม่จับมาให้หมด สุวรรณก็ตอบว่า
    จับมาไม่ได้เพราะเค้ายังไม่หมดอายุขัย ร่างกายคนเรา

    มี สังขาร (ร่างกาย) และจิตวิญญาณ เมื่อละสังขารแล้ว
    แต่ยังไม่ละจิตวิญญาณ คือยังไม่ถึงที่ตาย เช่นพวก

    ฆ่าตัวตาย หรือถูกรถชนตาย วิญญานก็จะต้องวนเวียนอยู่
    ในโลกไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ละวิญญาณแล้ว
    ถึงจะไปรับมาได้ ท่านจึงถามต่อว่า

    พ่อหลวงจะมีอายุยืนยาวไหม?
    สุวรรณตอบว่า ท่านสิ้นอายุขัยแล้วแต่มีคนต่ออายุขัยให้ท่าน
    ซึ่งก็คือพี่สาวของท่านเอง


    แล้วประเทศไทยละจะเป็นอย่างไรต่อไป?
    สุวรรณตอบว่า บอกไม่ได้

    แล้วหลวงพ่อก็เดินต่อไปอีก
    คราวนี้ไปเจอแอ่งน้ำลักษณะเหมือนเขื่อน

    ซึ่งมองไปที่กำแพงกั้นน้ำ สิ่งที่ท่านเห็นคือ

    ม้าตัวผอมเซียว ซึ่งมี พระเจ้าตาก และ พระปิยะมหาราช ยื่นขวาง
    ลำน้ำอยู่

    ท่านบอกว่า ที่เห็นอยู่คือกษัตริย์เก่าๆ
    ช่วยไม่ให้กรุงเทพฯ ถูกน้ำท่วม

    จริงๆกรุงเทพฯต้องถูกน้ำท่วมไปนานแล้ว

    แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ม้าจะหมดแรง
    จากความหนาวของน้ำ
    และการอดอาหารมานาน

    หลวงพ่อท่านพูดจบ

    น้ำตาท่านก็ไหลออกมา

    แล้วบอกให้ทุกคนที่ได้รับฟัง

    เรื่องราวของท่านว่า เป็นนิมิตของท่าน
    จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ เพราะท่านก็ยังคิดว่า

    เป็นความฝันของท่าน...

    แต่ท่านก็กำชับกับทุกๆคนเอาไว้ว่า

    เวลาไปที่วงเวียนใหญ่ หรือพระบรมรูปทรงม้า
    หรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่มี พระบรมรูป

    ให้กราบไหว้โดยนำ หญ้าที่ม้ากิน
    ล้างให้สะอาดไปถวายด้วย
    เพื่อให้ม้ามีกำลังยืนต่อไปได้


    ผมก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามไปจริงๆ
    เพราะคนส่วนมากเวลาไปไหว้

    ก็จะนำแต่ดอกไม้ไปไหว้เท่านั้น

    สิ่งหนึ่งที่ผมคิดคือมันแปลกมากที่อยู่ๆ
    เข้าไปถวายเทียนแล้วท่านก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง


    ในเมื่อมีโอกาสได้รับรู้ก็ควรเผยแพร่
    แก่ทุกๆคนครับ

    ก็อยากจะฝากเพื่อนๆ แต่อันนี้

    สุดแล้วแต่ความเชื่อครับ

    ขอบคุณครับ

    ;aa14


    <!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1706622")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls -->[​IMG] [​IMG] [​IMG] <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://palungjit.org/showthread.php?t=162487
     
  8. ธาตุ4

    ธาตุ4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +91
    ผมเห็นด้วยกับ ความเห็นของคุณปรมิตร น่ะครับ แต่ก็มิได้หลบหลู่ในเรื่องที่กล่าวของผู้ตั้งกระททุ้ครับ
    เพราะผมจำได้ว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าจะไม่จุติร่วมในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกภพชาติ แต่จะยังเกิดได้เฉพาะพระโพธิอวตาร เช่นเจ้าแม่กวนอิม หรือโพธิสัตว์องค์อื่นๆ

    และปกติพระปัจเจกพุทธเจ้า จะไม่สอนธรรมใดแก่สัตว์โลก เพราะท่านมาเพื่อตรัสรู้เพียงอย่างเดียวมิได้มีหน้าที่มาโปรดสัตว์ดังพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ

    สำหรับผู้ที่มีกายเซียนนั้น ส่วนมากยังไม่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์เพราะกายเซียนนั้น จะเป็นได้ตั้งแต่พระโสดาบัน พระอนาคามี หรือสูงกว่าแต่ไม่อาจจะถึงพระอรหันต์ได้ครับ เนื่องจากการจะเป็นพระอรหันต์ได้ ต้องบำเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา ดังเช่นอริยะสงฆ์ จึงจะสำเร็จพระอรหันต์ได้ครับ
    สำหรับผู้ศึกษาลัทธิเต๋า เช่น ท่านบรรพจารย์เฮ้งเต็งเอี้ยง แห่งสำนักฉวนจิง และศิษย์เจ็ดฉวนจิง ทั้งหมดทุกท่านบรรลุธรรม เทียบเท่ากับอุบาสกอุบาสิกาที่สำเร็จธรรมสูงสุดในพุทธศาสตร์ครับ นอกจากนี้ก็จะมีปรมาจารย์จางซานฟง แห่งสำนักบู้ตึ้ง ก็บรรลุธรรมเช่นเดียวกันครับ
    สาเหตุที่ลัทธิเต๋าไม่อาจบรรลุอรหันต์ได้นั้นก็เป็นเพราะว่า ยังยึดติดในความมีชีวิต อยู่ เพราะเต๋านั้นหมายถึงการศึกษาในรูปแบบของคนเป็นคือยังเกี่ยวข้องกับสังคมความเป็นอยู่ของผู้มีชีวิต แต่พุทธศาสนา ศึกษาเน้นเรื่องของความตายหรือพระนิพพาน อันแปลว่าการหลุดพ้นอย่างแท้จริง

    สำหรับวิชาดัชนีหกสายนั้นผมพอรู้จัก รวมถึงดัชนีเอกสุริยัน ที่ใช้รักษาคน (บางท่านอาจคิดว่าไม่มีจริงเพราะมาจากนิยายเรื่องมังกรหยก) ดังที่ผู้ตั้งกระทู้กล่าวไว้ครับ เป็นการนำกสินมาใช้ตามกำลัง ซึ่งปกติก็ต้องได้ฌาณ4 ก่อน และนอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งวิชาที่สามารถทำให้เกิดดัชนี6 สาย และได้ผลดีกว่า นั่นก็คือ พลังธาตุบริสุทธิ์ ทั้งห้าครับนั่นคือพิจารณากสินธาตุ ดิน นำ ลม ไฟ อากาศ ครับ

    ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยนะครับ เพราะผมก็ยังไม่รุ้จริง
     
  9. ธาตุ4

    ธาตุ4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +91
    เพิ่มเติมครับ
    สายที่หกคือ แสง ครับ
     
  10. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย ตามกรรม
    แม้โลกนี้เองก็มีอายุ เพราะได้เกิดขึ้นตั้งอยู่เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง และย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา

    หากพระโพธิสัตว์มีมหาเมตตาต่อหมู่สัตว์
    โปรดผู้มีจิตใจชั่วหยาบก็เป็นการดี

    หากสัตว์ที่ตกนรก ประสงค์ให้ถึงซึ่งความสุขก็ย่อมต้อง มีจิตใจที่แน่วแน่ที่จะทำตนให้ดีขึ้น ปฏิบัติตามคำสั่งสอนหรือตัวอย่างตามพระโพธิสัตว์นั้นๆนะครับ
    แม้ไม่ถึงซึ่งสวรรค์แต่ย่อมเป็นนิสัย เป็นปัจจัยด้ต่อไป

    ที่ท่านอธิบายนั้น ผมเองก็ไม่เห็นจะเป็นวาระที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเกิดขึ้นได้เลยนี่ครับ

    แต่เอาเถิดครับ หากเชื่อเช่นไรเมื่อพิจารณาโดยปัญญาอย่างแยบคายแล้วก็ทำตามที่เชื่อมั่นว่าอย่างนั้น อย่างนั้น


    มีผู้รู้กล่าวว่า
    ศรัทธาที่ดีควรมีปัญญาเป็นเพื่อน เพราะหากขาดปัญญา ศรัทธานั้นจะแยกได้อยากกับงมงายครับ

    เพราะสิ่งที่ผมแสดงความคิดนี้มิได้เป็นไปเพื่อความหน่าย คลายกำหนัด ไม่ได้เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น

    และผมเองก็ไม่เสียใจที่ได้กล่าวด้วย ความรู้สึกดี วางใจเป็นกลาง และกล่าวตามที่เข้าใจครับ
    จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะโต้เถียงครับ

    อนุโมทนาในความดีที่เกิดขึ้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2008
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    3. การกอบกู้เอกราชย์ เช่น สมเด็จพระนเรศวร การบำเพ็ญแบบนี้ มุ่งเน้นไปทางการ
    บำเพ็ญอิทธิฤทธิ์เพื่อการปราบมารในชาติที่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ในกรณีโพธิสัตว์
    ศรีอาริยเมตรัย ท่านปรารถนาไม่มีมารในศาสนาท่าน ท่านก็ต้องบำเพ็ญภาคปราบมาร
    ค่อนข้างมาก
    สงสัยน่ะครับ.....พระพุทธเจ้า สมณโคดม เท่าที่เรียนรู้มา ไม่เคยปราบมารอะไรเลย มีแต่เมตตา กรุณา ทั้ง มนุษย์ เทวดา พรหม มาร หรือ เปรต เดรัชฉาน หรือ รูป นาม ต่างๆ ...ทำไมต้องปราบมารด้วยล่ะครับในเมื่อ ต้องช่วยทุกรูปนาม...มันผิดวิสัยของผู้ประเสริฐหรือเปล่าครับ แบบว่าสงสัยน่ะครับ...
    สมมุติปราบมารแล้ว...มารไปอยู่ไหนต่อ นรกหรือเปล่า ...
    แล้วมีประโยคนึงที่ว่า สงสาร สัตว์นรก ..เอ๊ะ .. ยังไงอยู่ ... งงน่ะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2008
  12. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    อ่านกันแล้วก็พิจารณากันให้มาก

    ผมพิจารณาแล้ว มัน ไม่ใช่หรอกนะ

    อย่างที่ว่าหละ ปัจเจกจะไม่มีในอายุศาสนา

    ไม่มีข้อยกเว้น

    เหมือนที่จะไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นพร้อมกัน

    การทำความเห็นให้ตรง เป้นสิ่งที่ควร
     
  13. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    >>>>>>>>>>

    งงอะไรหรือเปล่าครับ บารมีตัวใดตัวหนึ่งให้ครบ 30ทัศ อันนี้ทำแบบใหน

    บารมีแต่ละอย่างมีแบบสูง กลาง ต่ำ รวมเป็น 3 ระดับ

    บารมีมี 10 อย่างรวมเป็น 30 (10*3)

    ปริยัติและปฏิบัติ ตรงกันอย่างนี้

    ที่กล่าวมานั้นมาจากใหนครับ
     
  14. emperron

    emperron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +432
    "อัตนา โจทยัตตานัง" จงกล่าวโทษเตือนตนไว้เสมอ
    "สัพพะปาปัสะอกรณัง ละเว้นความชั่ว
    กุสลัสสูปสัมปทา ทำแต่ความดี
    สจิตตะปริโยทปนัง ทำจิตใจให้ผ่องใส
    เอตังพุทธานะสาสะนัง" พระพุทธเจ้าทรงสอนเช่นนี้เหมือนกันหมด
    "อัตตาหิอัตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
    โกหินาโถปโรสิยา ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
    อัตตาหิสุทันเตนะ เมื่อฝึกตนดีแล้ว
    นาถังลภะติทุลภัง" จะได้ที่พึ่งอันบุคคลอื่นหาได้ยาก
     
  15. dumdum

    dumdum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +786
    ? เฮ้งตงเอี๊ยง : แล้วบารมีนี่ ถ้าบำเพ็ญเกิน โอนให้กันได้หรือไม่ ? อย่างไรกันครับ !
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2009
  16. cabin

    cabin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +828
    สมัยนี้มีคนเก่งเกินพระพุทธเจ้า มีเยอะเสียด้วย
    เฮ้อ มนุษย์หนอ อ่านแล้วพิจารณาให้ดี
    คนเผยแพร่ถ้าเป็นสัมมาทิฐิจะมีสุคติเป็นที่ไป
    แต่ถ้าเป็นมิจฉาทิฐิย่อมมีทุคติเป็นที่ไป
    ใครทำกรรมใดไว้ก็จงรับผลแห่งกรรมนั้นไป
    อ่านแล้วหาได้อรรถธรรมที่เป็นไปเพื่อสวรรค์นิพพพาน
    แต่เป็นไปเพื่อความฟุ้งซ่านโดยแท้ อนิจจา
     
  17. ผู้นอบน้อมสุดใจ

    ผู้นอบน้อมสุดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,094
    ปัจจัตตังจริงๆ
     
  18. banfh

    banfh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +144
    กรุณาอย่าหยุดการสนทนาครับ ผมต้องการรู้ความเป็นไป เป็นจริงอยู่ เอาความเป็นจริง เหตุผลมาอ้างหักล้างกันต่อไปเรื่อยๆครับ ผมกำลังรับข้อมูลและพิจารณาตามอยู่ ต่อครับต่อๆๆๆๆ จะติดตามกระทู้ครับ
     
  19. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    คนบ้ามีอยู่มากมาย
     
  20. tee666

    tee666 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +14
    เลอะเทอะ เพี้ยน ทำให้พวกไม่รู้เชื่อตาม จะต้องวนเวียนต่อไปเพราะไปเชื่อท่านนี่หละปาบ พวกแยกนิกายอยากรู้กลับไปอ่านพระไตรปิฏกไป จิตมีดวงเดียวนั่นแหละ ดับอุปปาทานขันฑ์ 5 ก็จบ จะไปละโมบทำไม เข้านิพพานก่อน และกลับมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า คิดไรอ่ะ ถ้าทำอย่างนั้นได้ก็ไม่มีใครตกนรกหละ และมีพระพุทธเจ้าเต็มโลกไปแล้ว แล้วถ้าทำอย่างนั้นได้จะต้องวนเวียนอีกกี่อสงไขกันหละไอ้ที่พูดกันในเวปต้องเกิดเป็นวัว ควาย หมา กว่าจะเป็นคนได้ลืมไปหมดแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...