ฮือฮาปาฏิหาริย์พระเกจิชื่อดังเมืองกล้วยไข่

ฮือฮาปาฏิหาริย์พระเกจิชื่อดังเมือง'กล้วยไข่'

​

สิ้นพระมหาเถระผู้ใหญ่ พระนักธรรมชื่อดัง ผู้สร้างตำนานโรงเรียนประปริยัติธรรม จนติดอันดับที่1ของประเทศ ล้มป่วยด้วยโรคชรามานานนับปี สิริอายุ 82 ปี 4 เดือน ที่เมืองกล้วยไข่ เกิดเรื่องฮือฮาปาฏิหาริย์ พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ด้านเมตตามหานิยม สิ้นลมด้วยโรคชรา ศพเก็บไว้ในโลงเย็นนาน 6 วัน แต่พอนำศพออกมาใส่โลงแก้ว กลับมีมือเท้าอุ่นอย่างกับคนนอนหลับ ลูกศิษย์ลูกหาพบเห็นถึงกับพากันตื่นตะลึง เชื่อพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง แสดงบารมีปาฏิหาริย์ให้ศิษยานุศิษย์ได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย

​

พระมหาเถระผู้ใหญ่มรณภาพครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากพระครูสิทธิคีรีรักษ์ เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก ว่า พระมุณีนายกหรือหลวงปู่เกษม สุจิตโต เจ้าอาวาสวัดหนองโพธิ์ ต.ศรีนาวา อ.เมือง จ.นครนายก อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครนายก ได้ละสังขารอย่างสงบ ที่ รพ.นครนายก จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าภายในห้องพิเศษ 4 ตึกสงฆ์ พบศพพระมุณีนายกหรือหลวงปู่เกษม มรณภาพนอนอยู่บนเตียงคนไข้อย่างสงบ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของบรรดาศิษยานุศิษย์ที่มารอรับศพของ พระมหาเถระผู้ใหญ่ชื่อดังจำนวนมาก

พระครูสิทธิคีรีรักษ์ กล่าวว่า หลวงปู่เกษม ท่านเป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ เป็นที่เคารพนับถือและศรัทธาของสาธุชนทั่วไป มีลูกศิษย์มากมายทั่วประเทศ โดยก่อนจะละสังขารไปอย่างสงบนั้น หลวงปู่เกษมได้ล้มป่วยด้วยโรค ชรามานานนับปีแล้ว และจะเข้า-ออกรักษาสุขภาพที่ รพ.นครนายก มาตั้งแต่ประมาณปลายปี 2551 กระทั่งต่อมาต้องเข้านอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจนละสังขารอย่างสงบด้วยโรคชราเมื่อเวลา 07.40 น. วันเดียวกันนี้ ที่ห้องพิเศษ 4 ตึกสงฆ์ รพ.นครนายก รวมอายุ 82 ปี 4 เดือน

พระครูสิทธิคีรีรักษ์ กล่าวต่อว่า ใน วันที่ 26 ก.พ. เวลา 16.00 น. พระพรหมสุธี เจ้าคณะภาค 12 กรรมการมหาเถรสมาคมและเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พระมุณีนายกหรือหลวงปู่เกษม สุจิตโต ที่วัดหนองโพธิ์ ต.ศรีนาวา และจะตั้งสวดพระอภิ ธรรม ที่วัดหนองโพธิ์ ทุกคืน แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกำหนดพระราชทานเพลิงศพ เพราะจะต้องรอพระชั้นผู้ใหญ่และคณะกรรมการวัด รวมทั้งลูกหลานและญาติ ๆ ของหลวงปู่เกษมปรึกษากำหนดการที่แน่ชัดอีกครั้ง

สำหรับประวัติพระมุณีนายกหรือหลวงปู่เกษม เดิมชื่อนายเกษม ผิวขาว เกิดที่ ต.นา นวน อ.สนม จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2469 จากนั้นได้บรรพชาเป็นสามเณร จนกระทั่งอายุครบบวช จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุและจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองโพธิ์ ต.ศรีนาวา อ.เมืองนครนายก ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2504 จนถึงปัจจุบัน สำหรับการดำเนินชีวิตส่วนตัว หลวงปู่ เกษมเป็นพระที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีและยึดในหลักธรรมของพระพุทธศาสนามาด้วยดีตลอด มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะนำความเจริญด้านการศึกษาของคณะสงฆ์มาสู่เหล่าศิษยานุศิษย์ จึงได้สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม (ธรรม-บาลี) ใน จ.นครนายก เพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนและประกอบพิธีทางศาสนา จนมีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ของประเทศ

ส่วนที่วัดบ้านไร่พัฒนาเจริญ หมู่ 12 ต.ท่าไม้ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ผู้สื่อ ข่าวรับแจ้งว่า มีพระเกจิอาจารย์มรณภาพ 6 วัน แต่ศพกลับไม่เน่าเปื่อย จึงไปตรวจสอบ พบว่าภายในศาลาการเปรียญ มีพุทธศาสนิกชนเป็นจำนวนมาก เดินทางมาร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับหลวงพ่อน้ำค้าง สัญญโม เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่พัฒนาเจริญ ต.ท่าไม้ อ.พรานกระต่าย พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ในด้านเมตตามหานิยม มีลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพเลื่อมใสศรัทธามากมาย มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา อายุ 79 ปี

แต่ปรากฏว่าพอจะถึงวันมรณภาพครบกำหนด 7 วัน ในวันที่ 26 ก.พ. บรรดาศิษยานุศิษย์จะเคลื่อนย้ายศพหลวงพ่อน้ำค้าง จากโลงเย็นนำมาใส่โลงแก้ว เพื่อทำพิธีบำเพ็ญกุศลครบ 7 วัน แต่เมื่อนำศพออกจากโลงเย็น ทุกคนต่างตกตะลึง เพราะโดยทั่วไปศพน่าจะแข็งหรือเย็น แต่พบว่าศพกลับมือเท้ายังอุ่น เหมือนกับคนนอนหลับ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในโลงเย็นมาเป็นเวลานาน สร้างความประหลาดใจให้กับศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลในครั้งนี้เป็นอย่างมาก หลายคนเชื่อว่าเป็นบารมีของหลวงพ่อ ที่ทำให้ศพไม่เน่าเปื่อยแสดงบารมีปาฏิหาริย์ให้ลูกศิษย์ได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย.


ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์

 

การสร้าง ศรัทธา คือ การเริ่มต้นอย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนา

อย่าลืม คำสอนของพระศาสดา