โพธิสัตว์พันเศียรบำเพ็ญกันอย่างไร?

ปกติกายโพธิสัตว์จะมีเศียรเดียว แต่หากโพธิสัตว์มีบารมีมากๆ
ทำมาแต่หนหลัง ก็สามารถแสดงฤทธิ์ให้เห็นมีหลายเศียรได้
เช่น พระกวนอิม ที่มีปางหลายเศียรอยู่ การบำเพ็ญหลายเศียรนี้
เป็นการบำเพ็ญเพื่อรวมบารมีทุกกายโพธิสัต์ที่เคย
เกิดมา และพร้อมฉุดช่วยสรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่า


การบำเพ็ญนั้นทำอย่างไร มาเฉลยให้วันนี้ครับ

 

ขั้นตอนการบำเพ็ญโพธิสัตว์พันเศียร


1. บำเพ็ญบารมีจนได้กายโพธิสัตว์ไปเรื่อยๆ จนบารมีเต็มในแต่ละกาย
จนครบ 4 กาย กายสุดท้ายจะเปลี่ยนขึ้นเป็น "กายยูไล"

2. แบ่งภาคจิตออกจากกายยูไล เพื่อบำเพ็ญใหม่ในกายใหม่นี้เพียงกายเดียว
แล้วสละละทิ้งความเป็นยูไลไปเสีย เพื่อหวังโปรดสัตวืได้มากขึ้น

3. จากกายใหม่นี้ ให้ทำกิจต่างๆ ตามกายโพธิสัตว์ที่ได้บำเพ็ญมาทั้งหมด
ก็จะขึ้นเศียรต่างๆ สลับกันไปตามกิจต่างๆ เศียรก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ

 

หัวเดียวก็หนักอยู่แล้ว มีหลายหัวโอ้ หนักมาก

 

.......

 

โอ้ หนอ หัวเดียวก็จะแย่อยู่และ 555

 

มีหลายเศียรหลายมื สู้แยกกันไปทำงานไม่ดีกว่าหรา มารวมในร่างเดียวทำมัยเนี่ย

 

อ่อๆ กระเทียมมันลีบ ลีบๆไป มันลีบไป

 

(สำหรับบางท่าน) ที่บารมีล้นมากๆ หากมีเศียรเดียว
ก็จะมีบารมีล้นมากๆ จนคนที่จะเข้าถึงได้ ไม่มีเลย
ต้องอยู่อย่างสงบวิเวกเดียวดาย โปรดสัตวืไหนก็ไม่ได้
บุญบารมีสูงเกินเอื้อม ใครก็เข้าไปไม่ถึง


ถึงเวลานี้แล้วก็ต้องเปลี่ยนวิธีการบำเพ็ญให้บารมีลดลง
แต่ทำกิจโปรดสัตว์ได้หลากหลายอย่าง เช่น การมีเศียร
กวนอิมจะโปรดกุมารได้, มีเศียรกษิติครรภ์ก็โปรดสัตว์
นรกคนมีกรรมมากได้, มีเศียรมัญชูศรีก็โปรดเหล่านักการ
เมืองหรือพวกฉลาดมากๆ ได้ เป็นต้น


การแบ่งบารมีออกหลายเศียรทำให้แต่ละเศียรมีบารมีลดลง
เหมือนกระเทียมมีหลายกลีบก็ลีบลง เหมาะกับมวลสัตว์แต่
ละยุคสมัย คนทั่วไปคิดว่าผู้บำเพ็ญแบบนี้มีบุญบารมีไม่มาก
เพราะอาศัยเศียรปรากฏได้ทีละเศียร แต่หากแสดงบารมีทั้ง
หมด รวมทุกเศียรเมื่อไรบารมีก็จะเพิ่มขึ้นมาก


การบำเพ็ญบารมีนี้จำเป็นเพราะมวลสัตว์ต้องมีผู้นำ ถ้าปล่อยให้
ผู้ไม่เข้าใจ คนไม่ดี เป็นผู้นำ มวลสัตว์ย่อมลุ่มหลง ดังนี้ ผู้บำเพ็ญ
บารมีจึงต้องหาวิธีที่จะฉุดช่วยเวไนยสัตว์ด้วยประการต่างๆ อย่าง
การบำเพ็ญพันเศียรเป็นต้น


วิธีการนี้ปรากฏมาแล้ว เช่น พระกวนอิม ท่านก็มีแบบนี้ คือ แบ่งภาค
จากยูไลแล้วบำเพ็ญบารมีในกายอวโลกิเตศวร เพื่อให้บุญบารมีเหมาะ
กับมวลสัตว์ มวลสัตว์เข้าถึงได้ ไม่เช่นนั้น จะต้องเป็นยูไล นั่งสั่งงาน
ผ่านโพธิสัตว์ผู้มีบุญบารมีอย่างเดียว ซึ่งบางสถานการณ์จะช่วยสัตว์
ได้น้อยและไม่ทันการณ์นั่นเอง

 

การแบ่งบารมีให้ลดลงเพื่อปรับให้เข้ากับมวลสัตว์แบบต่างๆ


โพธิสัตว์แม้บำเพ็ญบารมีได้มาก แต่เมื่อรู้ว่าบุญบารมีที่มากมายของตนไม่มี
ประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อฉุดช่วยสัตว์ได้ หรือเป็นเครื่องกั้นในการโปรดสัตว์
โพธิสัตว์นั้น จะยอมละทิ้ง "บุญบารมี" เพื่อให้ตนสามารถฉุดช่วยเวไนยสัตว์
ได้ วิธีการลดบุญบารมีของตนก็มีหลายวิธี เช่น


1. อธิษฐานยกผลบุญให้พระพุทธเจ้า ทำไปแล้วปรากฏว่าผลบุญกลับสะท้อน
ย้อนกลับมาให้ผู้ถวาย ทำให้บุญบารมีกลับไม่ลดลง แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้

2. แบ่งภาคจิต ออกมากๆ เช่น แบ่งกายเป็นหมื่นโกฏิ เพื่อลดทอนบุญบารมีตน
เอง ให้ลดลงจนสามารถเข้าถึงมวลสัตว์ที่มีบุญบารมีน้อยๆ ได้ แบบนี้มีข้อเสียคือ
ทุกครั้งที่แบ่งภาคจิต มารและอสูรจะเพิ่มขึ้น เพราะจิตทุกดวงที่แบ่งไปติดกรรมมี
เจ้ากรรมนายเวรเป็นมารและอสูรทั้งสิ้น ยิ่งแบ่งภาคมาก มารและอสูรกลับยิ่งเพิ่มขึ้น
มวลสัตว์ไม่อาจพ้นทุกข์ได้ด้วยการแบ่งภาคจิตมากๆ

3. การบำเพ็ญ "พันเศียร" เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าจะช่วยให้บุญบารมีลดในช่วงที่ใช้
บารมีทีละเศียรได้ สามารถเข้าถึงผู้มีบุญบารมีน้อยลงไปได้ แล้วยังรักษาบารมี
ที่บำเพ็ญไว้ได้ กรณีต้องปราบมารและอสูรที่บารมีมากๆ ก็สามารถรวมบารมีเป็น
โพธิสัตว์หลายๆ เศียรแล้วปราบมารหรืออสูรเหล่านั้นๆ ได้ด้วย

 

ทำไมต้องลดทอนบุญบารมีตนเองลง?


มวลสัตว์ก่อกรรมมาก ทำบุญบารมีน้อย
แม้โพธิสัตว์จะช่วยเหลือ หากโพธิสัตว์
นั้นมีบุญบารมีมากเกินกว่าเขาจะรับได้
ก็ไม่สามารถฉุดช่วยได้


เวไนยสัตว์กับผู้ฉุดช่วย ล้วนต้องมีบุญบารมี
ที่เอื้อมได้ถึงกัน เช่น บางช่วงสัตว์มีบุญเข้ามา
ก็ได้พบผู้มีบุญบารมี ช่วงนั้นพอช่วยได้ แต่หาก
บุญลดลงไป กรรมเข้ามาแทน อันนี้ก็ห่างกันไปอีก


อุปมาเหมือน คลื่นชีวิตขึ้นๆ ลงๆ แบบทะเล บางครั้ง
ผู้มีบุญบารมีรอบนกาบเรือที่สูงใหญ่ ต้องรอจังหวะให้
เวไนยสัตว์มี "บุญ" สักระลอกตีตัวให้ถึงโพธิสัตว์นั้น
ทั้งสองก็จะพบกันและสามารถฉุดช่วยกันต่อไปได้


แต่หากหมดวาระบุญช่วงนั้น ก็ต่างคนต่างไป...

 

พระกวนอิม ภาคแบ่งจากองค์ยูไลอามิตาภะ ซึ่งองค์ยูไลมีบุญบารมีมากเกินไป ไม่อาจจุติ
ลงมาช่วยสรรพสัตว์ ได้ด้วยพระองค์เอง (แม้มาเกิด ก็คงไม่มีสัตว์เหล่าใดมีบุญบารมีมาก
พอได้พบเจอท่าน) ดังนั้น ด้วยจิตมหากรุณาของท่าน จึงได้แบ่งภาคลงมาเป็นพระกวนอิม
บำเพ็ญจนสำเร็จพันเศียรพันกร อย่างที่คุ้นเคยกันนี้ครับ

 

พระแม่กวนอิมที่ไหนกัน รูปเคารพบ่งบอกอยู่ชัดๆ ว่า พระอวโลกิเตศวร ปางเอกทศมุข (สิบเอ็ดเศียร) สหัสกร (พันมือ) สหัสเนตร (พันตา)

ประติมากรรมปางนี้นะ เขานิยมสร้างกันที่เนปาลหรือที่ทิเบต ไปบอกว่าเป็นแม่กวนอิม เขาไม่รู้จักกันหรอกครับ

รูปเคารพพระอวโลกิเตศวรปางนี้นะ เป็น ปางบุรุษเพศ (ผู้ชาย) ครับ
ส่วนพระโพธิสัตว์ตารา นั่นแหละที่เขาเรียกว่า พระแม่กวนอิม

ที่สำคัญพุทธวัชรยาน ทั้งพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ เกิดจากอำนาจของพระอาทิพุทธ (พระสยัมภู) ครับ

ให้ข้อมูลยังสับสนอยู่เลยนะครับ

 

ขำ....555+
นิ่!....จขกท.....
ถ้าว่างมากก็เอาเวลา
ที่ไปสนใจ....
เรื่องชาวบ้าน.........
มาอยู่กับ ตัวเองบ้างนะคะ
อิอิอิ......อิ......
เซง......
มีแต่เรื่องชาวบ้าน-*-

 

พันกร หรือพันเศียร มีความหมายถึง มีมากมายสุดประมาณ
ผู้บรรลุถึง พุทธะ แล้วย่อมมี นิรมาณกาย(แบ่งกายทิพย์) ได้มากมายนับไม่ถ้วน
ไม่เช่นนั้น ท่านจะปรากฏกายทิพย์ให้สรรพสัตว์ทั่วโลกเห็นในเวลาเดียวกันได้อย่างไร

 

ล้วนแต่สมมุติ สมมุติ อิอิ

 

เข้ามาอ่านหลายกระทู้แล้วของคุณ ป่าวอันถัง ผมต้องยอมรับว่า ขอโมทนากับความตั้งใจดีของท่านมากๆ.....ท่านต้องอดทนเอามากๆเช่นกันกับคำพูดถากถางของหลายท่าน......
ขอโมทนากับจิตอันดีและความปรารถนาดีของท่านที่มีต่อผู้อื่น...แม้เขาจะไม่ต้องการก็ตาม....ถือว่าบำเพ็ญธรรม.....โมทนาสาธุบุญ......

 

ตกลงว่าผมงง....หลายท่านกล่าวว่า พระอวโลกิเตศวร กับพระกวนอิม องค์เดียวกัน......

 

ในเมื่อท่านยังไม่เข้าใจทั้งประติมากรรม (รูปเคารพ) และปรัชญาศาสนาพุทธวัชรยาน ท่านก็ย่อมเข้าใจแต่เปลือกนอก เพราะสิ่งที่ได้กล่าวมาทั้งหลายกลับกลายเป็นสิ่งสมมุติและปรุงแต่งทั้งสิ้น

 

เพราะฟังแต่เขาเล่ากันมา ลองกลับไปศึกษาพุทธวัชรยาน แล้วท่านจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้มากยิ่งขึ้นครับ

 

สิ่งที่ผมกล่าว มันลึกซึ้งกว่าที่คุณเข้าใจต่างหาก เพราะคุณยังไม่เข้าใจถึง ภาวะแห่งพุทธะ มหาโพธิสัตต์ นั้นดำรงอยู่ในทุกแห่ง แม้นพระองค์ต้องการจะปรากฏพระวรกายให้สรรพสัตว์ทั้งโลกเห็นพร้อมกัน ก็เป็นสิ่งที่กระทำได้