มหาเถรเล็งให้นาคอยู่วัด 15วัน สกัดพวกเบี่ยงเบนทางเพศบวช

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย สัตบุรุษ, 10 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. สัตบุรุษ

    สัตบุรุษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +840
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>มหาเถรเล็งให้นาคอยู่วัด 15วัน สกัดพวกเบี่ยงเบนทางเพศบวช
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1>ตั้งเจ้าคณะอำเภอเมืองลำพูนลุยสอบขุมทรัพย์ "เจ๊ดาว" สั่งห้ามขนย้าย ด้านเจ้าอาวาสตุ๊ดอีกรูปรับ ข่าวฉาวทำพระกะเทยดีๆ เสียหาย โฆษกมหาเถรเล็งให้นาคอยู่วัดก่อนบวช 15 วัน เช็กพฤติกรรมสกัดเบี่ยงเบนทางเพศห่มเหลือง




    (9ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศในวันมาฆบูชา ที่วัดศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.ลำพูน หลังอดีตพระครูวิจิตรสรการหรือ"เจ๊ดาว"ลาสิกขาพ้นจากวงการสงฆ์ ในช่วงเช้ายังคงมีคนในชุมชนเข้าไปทำบุญตักบาตรแต่บางตากว่าครั้งที่อดีตพระครูยังเป็นเจ้าอาวาส โดยมีพระลูกวัดคอยให้พรเพียงรูปเดียว ส่วนในช่วงเย็นซึ่งปกติจะมีการเวียนเทียน ในปีนี้วัดได้งดพิธีดังกล่าว โดยอ้างว่ากำลังมีการก่อสร้างวิหาร ทำให้ไม่สะดวกในเรื่องของสถานที่ ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบทรัพย์สินของวัด ปรากฏว่ายังมีการทยอยขนของออกไปอย่างต่อเนื่องนั้น ล่าสุดวันเดียวกัน (9 ก.พ.)

    พระราชปัญญาโมลี รองเจ้าคณะจังหวัดลำพูน ระบุว่าได้มอบหมายให้พระครูวิสิฐปัญญากร เจ้าคณะอำเภอเมืองลำพูน เข้าไปดูแลวัดศรีบุญเรืองเป็นการชั่วคราวระหว่างพิจารณาสรรหาเจ้าอาวาสรูปใหม่ พร้อมทั้งสั่งให้ชะลอการขนย้ายทรัพย์สินทุกชนิดออกไปจากวัดเพื่อตรวจสอบให้ชัดเจนว่าส่วนใดเป็นของวัด ส่วนใดเป็นของส่วนตัว ขณะที่ทรัพย์สินที่หายไปจากวัดก็จะต้องติดตามเอาคืน


    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1044823792492543";google_ad_slot = "8122705396";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
    พระราชปัญญาโมลี กล่าวว่า วัดศรีบุญเรืองมีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ วัดนี้ไม่มีผลประโยชน์จากธรณีสงฆ์ หรืออาคารร้านค้า แต่จะได้จากกฐิน ผ้าป่า และการทำบุญของญาติโยม ทำให้ตรวจสอบได้ลำบาก แต่ก็ต้องทำตามระเบียบ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเห็นว่าเงินที่เข้าวัดถูกนำไปใช้บูรณปฏิสังขรณ์วิหาร เจดีย์ และกำแพงวัดมาโดยตลอด

    นายเดชธรรม กรรมสิทธิ์ ปลัดเทศบาสตำบลศรีเตี้ย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน หนึ่งในลูกศิษย์อดีตพระครูวิจิตรสรการ กล่าวว่า หลังจากลาสิกขาที่วัดศรีเตี้ย ก็ไม่พบอดีตพระครูอีก คาดว่าจะพักสงบจิตสงบใจกับคนในครอบครัว ส่วนข่าวเรื่องเงินทองของวัดไม่ทราบว่าจะมีการนำเงินไปใช้เป็นการส่วนตัวจริงหรือไม่ หรือมากน้อยเท่าใด เนื่องจากฐานะทางบ้านของอดีตพระครูมีอาชีพหลักเป็นเกษตรกรปลูกลำไย ก็ไม่ได้ร่ำรวยจากเดิมมากนัก

    วันเดียวกัน นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า การสั่งห้ามขนย้ายทรัพย์สินออกจากวัดศรีบุญเรืองอยู่ในดุลพินิจของคณะสงฆ์จังหวัด แม้คณะสงฆ์จะได้ขอความร่วมมือระงับการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินชั่วคราวไปแล้ว แต่ยอมรับว่าอาจมีการขนกันอยู่ซึ่งจะไปห้ามเด็ดขาดก็คงจะไม่ได้ เพราะอดีตพระครูวิจิตรสรการบวชมาหลายสิบปี ทรัพย์สินส่วนตัวก็คงมีมาก อาจต้องทยอยขนหลายเที่ยว ซึ่งทรัพย์สินที่ขนออกไปยังไม่รู้ว่าเป็นของใคร ตอนนี้ที่ทำได้คือต้องรอให้การตรวจสอบทรัพย์สินของวัดที่ลงทะเบียนไว้แล้วเสร็จ หากพบว่าหายไปก็ต้องทวงคืนตามระเบียบ

    ภายหลัง "คม ชัด ลึก" นำเสนอข้อมูลเรื่องพระตุ๊ดเณรแต๋วไปนั้น นายวัลลภ นามวงศ์พรหม กรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวยอมรับว่า ส่งผลกระทบต่อความศรัทธาของประชาชนเป็นวงกว้างทั้งใน จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน และจังหวัดอื่นๆ ทำให้พระเณรถูกจับตามองด้วยความรู้สึกอื่น ที่ไม่ใช่ความศรัทธาในฐานะสาวกของพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ยอมรับว่าอาจมีภิกษุสามเณรจำนวนหนึ่งที่มีพฤติกรรมดังกล่าวจริง

    แต่ก็เป็นส่วนน้อย แต่การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนทำให้ถูกเหมารวมไปทั้งสถาบัน ส่วนตัวแล้วเห็นว่ามีวิธีแก้ปัญหาที่ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมได้ โดยผู้ที่มีข้อมูล อาจแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาเพื่อชี้เป้าให้พระปกครองเข้าตรวจสอบและแก้ไขเป็นรายๆ ไป วิธีนี้จะเป็นการปกป้องพุทธศาสนาโดยไม่มีผลกระทบ
    "จากนี้ไปหากเป็นไปได้อาจเชิญพระสงฆ์สามเณรที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายดังกล่าว เข้ารับการอบรมเพื่อปรับพฤติกรรม โดยให้ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทยเป็นวิทยากร" นายวัลลภ กล่าว

    สอดคล้องกับนายนที ธีระโรจนพงษ์ เลขานุการกลุ่มเชียงใหม่อารยะ ซึ่งออกมาสนับสนุนแนวคิดเชิญพระตุ๊ดเณรแต๋วใน จ.เชียงใหม่ หรือ จ.ลำพูนเข้ารับการอบรม โดยนายนทีระบุว่า ตนหรือผู้อื่นที่มีองค์ความรู้พร้อมที่จะรับใช้สังคมด้วยการเป็นวิทยากร แต่เชื่อว่าการเชิญภิกษุสามเณรเหล่านี้คงจะยาก เพราะไม่มีใครต้องการเปิดเผยตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่กระแสสังคมกำลังแรง

    อย่างไรก็ตามหลังออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ มีหลายคนที่เข้าใจผิดและโกรธแค้นตน โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ในช่วงนี้ต้องเก็บตัวเพราะเกรงว่าอาจไม่ปลอดภัยได้ แต่ยืนยันว่าการออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ไม่มีผลประโยชน์อะไรให้หวัง เพียงแต่คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นถูกละเลยมานาน และในฐานะอุบาสกคนหนึ่งคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องชำระฝุ่นใต้พรมที่สะสมมานาน เพื่อจรรโลงพุทธศาสนาเป็นสำคัญ

    ส่วนพระครูชั้นโท เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ซึ่งเป็นพระกะเทย กล่าวว่า แม้พระกะเทยจะมีอยู่จนเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ได้สั่นสะเทือนวงการพระกะเทยเป็นอย่างมากเพราะทำให้พระกะเทยดีๆ ต้องเสียหาย อยากให้มองพระกะเทยในมุมมองด้านดีบ้าง โดยต้องยอมรับความจริงว่าพระกะเทยไม่น้อยที่ใช้ความรู้ความสามารถพัฒนาวัด พัฒนาคน หลายรูปเทศน์เก่งจนเป็นที่ยอมรับ พระกลุ่มนี้น่ายกย่องด้วยซ้ำ เพราะแม้จิตใจจะเป็นกะเทยแต่ก็ครองตนในจริยวัตรที่เหมาะสม

    "ข่าวที่ออกมาเป็นการเสนอข่าวในเชิงลบกับพระกะเทยเพียงด้านเดียว จึงอยากให้สื่อไปตรวจสอบวัดที่มีเจ้าอาวาสเป็นกะเทยแต่เป็นที่ยอมรับของคนในชุมชนบ้าง เพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆ" พระครูชั้นโท กล่าว

    ขณะเดียวกัน พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า หลังมีข่าวพฤติกรรมพระเบี่ยงเบนทางเพศ โดยเฉพาะในภาคเหนือ อาตมาเคยให้สัมภาษณ์ตักเตือนผ่านสื่อ แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นมีโทรศัพท์หรือจดหมายมาต่อว่ามากมายจากพระกลุ่มนี้ โดยส่วนใหญ่จะไม่ชอบใจที่ไปว่ากล่าวพวกเขา

    ส่วนแนวทางในการนิมนต์พระที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเข้ารับการอบรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เห็นว่าเป็นแนวทางที่ดีที่จะทำให้พระเหล่านี้ได้รู้สำนึกว่าที่กำลังทำอยู่ได้สร้างความเสื่อมเสียให้แก่พุทธศาสนาและคณะสงฆ์ แต่ในที่สุดแล้วเชื่อว่าคงไม่มีพระรูปใดออกมายอมรับและเข้ารับการอบรม และหากเชิญไปแล้วก็คงไม่มีใครออกมาเพราะมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ "เห็นว่าแนวทางแก้ปัญหาพระที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ มีทางเดียวคือ เน้นไปที่พระปกครองและพระอุปัชฌาย์ที่จะคัดกรองผู้ที่จะเข้ามาบวช โดยในการถวายตัวเป็นนาคก่อนบวชพระอุปัชฌาย์ต้องให้นาคอยู่วัดเพื่อดูความประพฤติเป็นเวลา 15 วัน เพราะที่ผ่านมาบุคคลที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศก่อนบวชมักจะเก็บอาการได้ดี แต่หลังบวชจะออกอาการ แต่ให้ดูพฤติกรรมก่อนจะเป็นการคัดกรองได้ในระดับหนึ่ง เพราะคนกลุ่มนี้จะเก็บอาการได้ไม่กี่วัน โดยแนวทางนี้ มส.จะกำชับไปยังเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ พระผู้ปกครอง และพระอุปัชฌาย์ เป็นลายลักษณ์อักษรตามลำดับ" พระธรรมกิตติเมธี กล่าว
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    http://www.komchadluek.net/2009/02/10/x_main_a001_336291.php?news_id=336291
     
  2. virot05

    virot05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,679
    ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แล้วแต่จะคิดนะผมว่า
     
  3. ปรานต์

    ปรานต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +668
    ขอให้คิดวิธีการแก้ปัญหาให้ถูก และตั้งใจที่จะทำกันจริงๆ ไม่ใช่เกิดปัญหาทีก็แก้ปัญหาล้อมคอกไปที
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ไม่นานเรื่องนี้ก็จะเลือนหายไป.......แล้วก็ไม่มีการแก้ปัญหา...
     
  5. p_pand_j

    p_pand_j Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +71
    จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครเพศใดก็สามารถบวชได้

    นั่นต้องมาจากความศรัทธาอันแรงกล้า มิใช่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์

    สุดท้ายแล้วทุกคนก็คงต้องใช้กรรมที่ตนก่อ

    ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นตอบแทน

    จงเห็นในสิ่งที่ชอบ และทำในสิ่งที่ชอบ ด้วยธรรม..
     
  6. alexsrandrer

    alexsrandrer สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2009
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +18
    Rep บนพูดถูกครับ

    ผมก็บวชเณรมา

    การบวช คือการตัดจากเรื่องเพศ ถ้าไม่ถือเพศ ก็สามารถบวชได้แหละ

    แล้วแต่คนมากกว่าครับ
     
  7. 我是泰国福建人

    我是泰国福建人 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2008
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +306
    ถ้า 15 วัน งั้นผมก็ต้องเสียงาน เสียเรียนสิครับ

    ถูกผีอำไปอีก ซวยไปหลาว

    แต่ก็ดี 15 วัน พอครบกำหนด สึกไม่ได้ ต่อยาวไปอีก

    จะให้ไปบวชตอนแก่หรอครับ
     
  8. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ต้องทำกับแบบจริงจังครับ ทำให้พุทธศาสนามัวหมองหมด หากเห็นต้องดำเนินการทันทีเลย ฆาราวาสอย่างผมจะช่วยด้วยครับ
     
  9. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    15 วันก็ดีนะครับ

    ตอนผมบวชก็มาอยู่วัดก่อน ครึ่งเดือน ใส่ชุดขาว พระห้ามทำอะไร เราก็ห้ามด้วย เหมือนฝึกการเป็นพระมาก่อนบวช

    ดีครับ

    ผมสนับสนุน


    ก่อนบวชอุปชาจะถามเป็นบาลี มีข้อนึงที่ว่าเป็นชายหรือเปล่า

    ตอบ .......^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2009
  10. อารมณ์สุนทรีย์

    อารมณ์สุนทรีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +1,740
    ในสมัยพุทธกาล

    ยังมิได้เรียกว่าพระ

    ใช้คำว่า สมมุติสงฆ์

    กว่าจะได้เป็นพระ นาน
     
  11. สุภิญโญ

    สุภิญโญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +325
    อยู่ที่"ใจ"ของคนครับ
     
  12. 我是泰国福建人

    我是泰国福建人 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2008
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +306
    แล้วตอบว่าอะไรครับ

    ผมก็จะบวชอยุ่ แต่ 15 วันก็ดี
     
  13. ณ.วชิรา

    ณ.วชิรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +422
    ที่นี่วุ่นวายหนอ ในวัดก็วุ่นวายหนอ
     
  14. สามเณรยุทธดนัย

    สามเณรยุทธดนัย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +7
  15. ฉีเทียนต้าเซิ่น

    ฉีเทียนต้าเซิ่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +21
    ชั่วดีอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว บวชไปแล้วก็ไม่บรรลุธรรม เหมือนฝนกระเบื้องให้เป็นกระจก ต้องเริ่มที่ใจ
     
  16. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219

    ตอบ อามะภัณเตครับ

    พระอาจารย์จะสวดกรรมวาจา ให้เอาบาตรคล้องตัวสะพายแล่งทางบ่าซ้ายให้ตัวบาตรอยู่ข้างหลังจากนั้นพระอุปัชฌายะสั่งให้ออกไปข้างนอกด้วยคำว่า "คัจฉะ อะมุมหิ โอภาเส ติฏฐาหิ" ให้ถอยหลังออกไปพอควรแล้วลุกขึ้นเดินไปอยู่ที่ที่กำหนดไว้ แล้วพระอาจาย์ท่านสมมุติเป็นผู้สอนซ้อมแล้วออกไปสวดถามอันตรายิกะธรรม ให้รับว่า "นัตถิ ภันเต" 5 ครั้ง "อามะ ภันเต" 8 ครั้ง ดังนี้
    <center><table border="1" bordercolor="#000000"> <tbody><tr> <td bgcolor="#000080">
    ถาม
    </td> <td bgcolor="#000080">
    ตอบ
    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">กุฎฐัง</td> <td bgcolor="#beb9ff">นัตถิ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">คัณโฑ</td> <td bgcolor="#beb9ff">นัตถิ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">กิลาโส </td> <td bgcolor="#beb9ff">นัตถิ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">โสโส </td> <td bgcolor="#beb9ff">นัตถิ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">อะปะมาโร</td> <td bgcolor="#beb9ff">นัตถิ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">มนุสโสสิ </td> <td bgcolor="#beb9ff">อามะ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">ปุริโสสิ </td> <td bgcolor="#beb9ff">อามะ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">ภุชิโสสิ </td> <td bgcolor="#beb9ff">อามะ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">อะนะโสสิ </td> <td bgcolor="#beb9ff">อามะ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">นะสิ ราชะภะโฏ </td> <td bgcolor="#beb9ff">อามะ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">อะนุญญาโตสิ มาตาปิตูหิ</td> <td bgcolor="#beb9ff">อามะ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ </td> <td bgcolor="#beb9ff">อามะ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง</td> <td bgcolor="#beb9ff">อามะ ภันเต</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">กินนาโมสิ </td> <td bgcolor="#beb9ff">อะหัง ภันเต (ฉายา สีตะจิตโต)นามะ</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#beb9ff">โกนามะ เต อุปัชฌาโย </td> <td bgcolor="#beb9ff">อุปัชฌาโย เม ภันเต (ฉายาพระอุปัฌาย์ สิริโสภโณ) นามะ</td> </tr> </tbody></table> </center>​
     
  17. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    กะเทยบวชได้? <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr> <td height="8">
    </td> </tr> <tr> <td> จากกรณีพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมตุ๊ดแต๋วหรือเป็นชายรักชายที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในพื้นที่ จ.เชียงใหม่

    มาจนถึงกรณี "เจ๊ดาว" พระเถระผู้ใหญ่ใน จ.ลำพูน ที่ถึงขั้นแปลงเพศ ฉีดนม และซื้อบริการทางเพศจากกลุ่มนักศึกษาชาย

    กลายเป็นคำถามถึงคนในวงการพระสงฆ์ ว่า คน ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ เป็นกะเทย หรือเป็นบัณเฑาะก์ นั้น เข้ามาบวชเป็นพระได้อย่างไร หรือพระอุปัชฌาย์ ปล่อยให้คนกลุ่มนี้บวชเป็นพระได้อย่างไร

    และมีผู้เสนอขั้นตอนในการคัดเลือกและตรวจสอบผู้ขอบวชต่างๆ นานา

    ในขณะที่ผู้รู้ในแวดวงพุทธศาสนาเห็นว่าไม่จำเป็น

    ขอให้ทำตามพระธรรมวินัยให้เคร่งครัดเท่านั้น ก็จะครอบคลุมและป้องกันได้

    พิธีการขออุปสมบทเป็นพระภิกษุของชายไทย แบ่งเป็น 2 แบบ คือ พิธีบวชแบบมหานิกาย (อุกาสะ) และพิธีบวชแบบธรรมยุต (เอสาหัง)

    แต่ทั้ง 2 นิกายล้วนมีขั้นตอนที่คล้ายกัน แตกต่างกันในรายละเอียดเพียงปลีกย่อย

    โดยพิธีจะมีลำดับคำขอบรรพชา-อุปสมบท เริ่มจากคำขอขมาโทษ ขอศีล คำขอไตรสรณคมน์ คำขอนิสัย สวดถามอันตรายิกธรรม และคำขออุปสมบท เป็นต้น

    ทั้งนี้ ในขั้นตอนการสวดถามอันตรายิกธรรม พระคู่สวดจะถามและผู้บวชต้องกล่าวรับ มีใจความสำคัญ ดังนี้

    พระคู่สวดว่า...กุฏฐัง (เธอเป็นโรคเรื้อนไหม)

    นาคขานว่า...นัตถิ ภันเต (ไม่เป็น ขอรับ)

    คัณโฑ (เธอเป็นโรคฝีเรื้อรัง อีสุกอีใสไหม) - นัตถิ ภันเต (ไม่เป็น ขอรับ)

    กิลาโส (เธอเป็นกลากเกลื้อนเชื้อโรคติดต่อไหม) - นัตถิ ภันเต (ไม่เป็น ขอรับ)

    โสโส (เธอเป็นหอบหืดไหม) - นัตถิ ภันเต (ไม่เป็น ขอรับ)

    อปมาโร (เธอเป็นโรคลมบ้าหมูไหม) - นัตถิ ภันเต (ไม่เป็น ขอรับ)

    มนุสโสสิ (เธอเป็นมนุษย์ไหม) - อามะ ภันเต (เป็น ขอรับ)

    ปุริโสสิ (เธอเป็นบุรุษไหม) - อามะ ภันเต (เป็น ขอรับ)

    และในพระไตรปิฎก เล่มที่ 4 พระวินัยปิฎก เล่มที่ 4 มหาวรรค ภาค 1 มีความเรื่องห้ามบัณเฑาะก์มิให้อุปสมบท ดังนี้

    ใน สมัยพุทธกาล บัณเฑาะก์คนหนึ่งบวชในสำนักภิกษุ เข้าไปหาภิกษุหนุ่มและสามเณร พูดเชิญชวนให้กระทำมิดีมิร้าย พระภิกษุและสามเณรทั้งหลาย จึงกล่าวว่าติเตียน

    ต่อมา บัณเฑาะก์ได้เข้าไปหาพวกคนเลี้ยงช้างเลี้ยงม้า พูดชวนให้กระทำมิดีมิร้าย พวกคนเลี้ยงช้างเลี้ยงม้า จึงเพ่งโทษติเตียน และกล่าวโพนทะนาว่า พระภิกษุสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นบัณเฑาะก์ ส่วนพระภิกษุที่มิใช่บัณเฑาะก์ ก็ประทุษร้ายบัณเฑาะก์ด้วยกัน ล้วนแต่ไม่ใช่เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์

    ภิกษุทั้งหลายได้ทราบความ จึงกราบทูลพระพุทธเจ้า

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีรับสั่งว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันคือบัณเฑาะก์ ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้วต้องให้สึกเสีย"

    พระธรรมกิตติเมธี กล่าวในเรื่องของการสวดถามอันตรายิกธรรม ว่า ในข้อที่ถามว่า ปุริโสสิ มีความหมายว่า เธอเป็นบุรุษ หรือเธอเป็นชายเต็มร้อยไหม หากรับว่า นัตถิ ภันเต หรือไม่เป็น ขอรับ ก็จะไม่สามารถบวชเป็นพระได้ตามพระธรรมวินัยสงฆ์

    แต่ในปัจจุบัน ในสภาพที่สังคมโลกเปลี่ยนไป ทำให้การขานนาคเป็นเพียงแค่พิธีกรรม ผู้ที่เข้ามาบวชไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสาระสำคัญ

    แต่หลังจากเกิดเหตุพระฉาวหรือพระที่มีพฤติกรรมตุ๊ดแต๋วเพิ่มมากขึ้น มหาเถรสมาคมได้เน้นย้ำให้พระอุปัชฌาย์ เพิ่มความเข้มงวดในการขอบวช

    ใครมีคุณสมบัติไม่ครบตามพระธรรมวินัย จะต้องไม่ให้บวชเด็ดขาด








    ข้อมูลจาก : [​IMG]
    </td></tr></tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...