อานิสงส์การปิดทองลูกนิมิต

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย paang, 26 สิงหาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    ผู้ถาม หลวงพ่อครับ การปิดทองลูกนิมิต มีอานิสงส์อย่างไรครับ
    หลวงพ่อ โอ๊ะ...อานิสงส์ใหญ่มาก ปิด ๑ ลูก ก็ไปอุดประตูนรก ๑ ประตู...นี่ฉันโกหกนะ
    ผู้ถาม อ้าว...แล้วกัน
    หลวงพ่อ ที่ว่ามีอานิสงส์ใหญ่มาก เพราะว่าช่วยให้ พระสงฆ์มีเขตทำสังฆกรรม อยู่ลืมนะ วัดทั้งวัดส่วนสำคัญที่สุดมันอยู่ที่โบสถ์ โบสถ์มีส่วนสำคัญเพราะเป็นที่ประชุมสงฆ์ ถ้าไม่งั้นสงฆ์ไม่มีที่ประชุมในการทำสังฆกรรม ก็ถือว่ามีอานิสงส์หนักเพราะลูกนิมิตมันหนัก ติด ๑๐ ลูกก็ได้ ๑๐ หนัก แต่ว่าถ้าปิดทองลูกนิมิตนี่ต้องจังหวัด สุพรรณบุรี โอ้โฮ...สมัยก่อนรถเรือมันไม่มี ใช่ไหม...ขนาดนอนค้างคืนยังไปเลยศรัทธามาก ก็มีวัดหนึ่งฉันไปเทศน์ ถามโยมคนหนึ่งว่ามาจากไหน...มาค้างคืนหรือเปล่า...บอกว่าค้างตามทางมา ๒ คืน ถามว่าเพราะอะไร...เขาบอกว่า "ปิดทองลูกนิมิต ๗ วัดไม่ตกนรก"
    ผู้ถาม จริงหรือครับ
    หลวงพ่อ เรื่องนี้จริง ถ้ากำลังปิดอยู่ แม้แต่วัดเดียวก็ไม่ตกนรก มันยังไม่ตายนี่
    ผู้ถาม อ๋อ...(หัวเราะ)
    หลวงพ่อ ความจริงก็ดี ถ้าเขามีเจตนาแบบนั้น เขามีความเชื่อแบบนั้นนะ และก็จงอย่ลืมว่า ถ้าเวลาที่เขาป่วย จิตมันจะคิดอยู่เป็น อนุสติ ก็ลงนรกไม่ได้จริงๆ
    ผู้ถาม สมมุติว่ากำลังจะตายมิตายแหล่ เห็นลูกนิมิตมาลอยแคว้งคว้างล่ะครับ
    หลวงพ่อ ถ้าอย่างนั้นขึ้นสวรรค์ทันที ถึงแม้จะไม่เห็นมาลอยก็ตาม แต่จิตคิดว่าเราเคยปิดทองมาแล้ว ๗ วัด เราไม่ตกนรกแน่ จิตมันเป็นกุศล ใช่ไหม...นี่ถูกของเขา


    (หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๒๗-๒๘)
     
  2. olj

    olj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +2,443
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Image1.jpg
      Image1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.9 KB
      เปิดดู:
      4,708
  3. เด็กอ๊าม

    เด็กอ๊าม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +45
    หลวงพ่อ เขาบอกว่า "ปิดทองลูกนิมิต ๗ วัดไม่ตกนรก"
    ผู้ถาม จริงหรือครับ
    หลวงพ่อ เรื่องนี้จริง ถ้ากำลังปิดอยู่ แม้แต่วัดเดียวก็ไม่ตกนรก มันยังไม่ตายนี่

    แหะ ๆ มีอารมณ์ขันนะคะ หลวงพ่อ
    ขออนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุ ๆ
     
  4. chumpron

    chumpron Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +46
    การปิดทองลูกนิมิตรคือการทำบุญที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่าการทอดกฐินสามัคคี
     
  5. TJ69

    TJ69 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    436
    ค่าพลัง:
    +152
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ
    _________________________

    " ความสุขคือการให้ มิใช่การครอบครอง "
    <!-- / message -->
     
  6. CLUB CHAY

    CLUB CHAY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    507
    ค่าพลัง:
    +1,412
    ขอร่วมอนุโมทนาบุญกุศลกับทุกรูปทุกนามที่ช่วยกันทำนุบำรุงและเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองครับ สาธุ
     
  7. Bhudisaro

    Bhudisaro สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2009
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +19
    พุทธศาสนิกชนที่เข้าไปในวัด ส่วนใหญ่คงจะรู้สึกชินตา กับแท่นหินในซุ้มที่ตั้งอยู่รอบๆ โบสถ์ที่เราเรียกกันว่า “ ใบสีมา ” หรือ “ ใบเสมา ” อยู่ไม่น้อย แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่ทราบว่าใบสีมานี้มีไว้เพื่ออะไร และหากจะบอกต่อว่า ใต้ใบสีมานี้จะมี “ลูกนิมิต” ฝังอยู่ข้างใต้ คงมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่อยากทราบว่า “ลูกนิมิต” คืออะไร และทำไมต้องฝังไว้ใต้ใบสีมาดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อเราเดินทางไปต่างจังหวัด หลายครั้งหลายครา ที่เราเห็นป้ายที่ปักข้างทางเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนไปร่วม “ฝังลูกนิมิต” ตามวัดต่างๆ หลายคนก็คงสงสัยว่า ใช่ลูกนิมิตเดียวกันหรือไม่ ดังนั้น เพื่อเป็นความรู้ในเรื่องดังกล่าว กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอนำเรื่องเกี่ยวกับลูกนิมิตมาเสนอให้ทราบ ดังนี้
    โดยทั่วไป “ลูกนิมิต” ที่เราเห็น มักจะมีลักษณะเป็นลูกหินกลมๆ สีดำ มีทองคำเปลวปิดโดยรอบ ซึ่งตามความหมาย ของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานฯ “ลูกนิมิต” หมายถึง “ ลูกที่ทำกลมๆ ประมาณเท่าบาตร มักทำด้วยหิน ใช้ฝังเป็นเครื่องหมายเขตอุโบสถ ”ส่วนพจนานุกรมฉบับมติชนให้ความหมายว่า“ ก้อนหินที่วางบอกเขตพัทธสีมา ในการทำสังฆกรรม ”สรุปแล้ว ลูกนิมิต ก็คือ ลูกหินกลมๆ ที่ใช้ฝังเพื่อเป็นเครื่องหมายบอกให้ทราบว่า ตรงไหนเป็นเขตอุโบสถหรือโบสถ์ เพื่อให้พระสงฆ์ได้ใช้เป็นที่ประกอบสังฆกรรมนั่นเอง เพราะคำว่า “ นิมิต” แปลว่า “เครื่องหมาย”

    เหตุที่ต้องมี “นิมิต” เป็นเครื่องหมาย บอกว่าตรงไหนเป็นโบสถ์ ก็สืบเนื่องมาจากในสมัยพุทธกาล เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกาศศาสนาแล้ว ภายหลังได้มีผู้เข้ามาบวชเป็นพระภิกษุสาวกมากขึ้น พระองค์จึงได้ส่งพระภิกษุเหล่านี้ ออกไปเผยแผ่พระศาสนาตามที่ต่างๆ ซึ่งการที่พระภิกษุออกไปอยู่ห่างไกล จากพระพุทธองค์นั้น ก็เท่ากับห่างจากการฟังพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ อีกทั้ง พระสงฆ์ที่บวชแล้ว ก็มิใช่ว่าจะบรรลุพระอรหันต์กันทุกองค์ ดังนั้น อาจจะเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งของพระพุทธองค์ ที่ต้องการให้มีการทบทวนพระธรรมคำสั่งสอน ของพระองค์อยู่เสมอ รวมทั้งให้สงฆ์ได้มีการปรึกษาหารือ เพื่อแก้ปัญหาหรือทำกิจบางประการร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงได้กำหนดให้ พระสงฆ์ต้องประชุมร่วมกัน หรือที่เรียกว่า ทำสังฆกรรม ในบางเรื่อง เช่น การสวดปาติโมกข์ การบวชพระ การกรานกฐิน และการปวารณากรรม เป็นต้น โดยกำหนดให้ทำสังฆกรรมในบริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้น เพื่อมิให้ฆราวาสมายุ่งเกี่ยว เนื่องจากเรื่องเหล่านี้ เป็นกิจของสงฆ์ผู้ทรงศีลโดยเฉพาะ แต่เนื่องจากในสมัยแรกๆ พระภิกษุยังไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน
    แม้ว่าต่อมาจะมีผู้ถวายพื้นที่เป็นวัดให้พระอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นป่าตามธรรมชาติ เช่น วัดเวฬุวัน (ป่าไผ่) ดังนั้น เมื่อพระสงฆ์ต้องจาริกไปยังที่ต่างๆ จึงทรงให้หมายเอาวัตถุบางอย่าง เป็นเครื่องกำหนดเขตแดนขึ้น เรียกว่า การผูกสีมา (คำว่า “สีมา” แปลว่า “เขตแดน” ) ซึ่งพระพุทธองค์ได้กำหนดไว้ 8 ประการ ได้แก่ ภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ จอมปลวก หนทาง แม่น้ำ และน้ำนิ่ง และเรียกเครื่องหมายบอกเขตแดนนี้ว่า “นิมิต” แต่นิมิตเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งมีอยู่ตามธรรมชาติ ทำให้การกำหนดเขตแดนที่จะทำสังฆกรรมหรือพูดง่ายๆ ว่า การกำหนดสถานที่ประชุมสงฆ์ทำได้ยาก และมักคลาดเคลื่อน ต่อมาจึงการพัฒนากำหนดนิมิตใหม่ อีกประเภทหนึ่งขึ้นแทน คือ เป็นนิมิตที่จัดสร้างหรือทำขึ้นเฉพาะ เช่น บ่อ คู สระ และก้อนหิน โดยเฉพาะก้อนหินเป็นที่นิยมกันมาก เพราะทนทานและเคลื่อนย้ายได้ยาก ครั้นเมื่อเทคโนโลยี่มีความก้าวหน้ามากขึ้น จึงได้มีการประดิษฐ์ก้อนหินให้เป็นลูกกลมๆ เป็นเครื่องหมายที่ค่อนข้างถาวรขึ้นแทน และเรียกกันว่า “ลูกนิมิต” ดังที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงมีการเรียกเขตแดนที่ใช้ทำสังฆกรรมนี้ว่า “โบสถ์” ซึ่งสมัยก่อนโบสถ์คงมีลักษณะตามธรรมชาติมากกว่า จะเป็นถาวรวัตถุเช่นสมัยนี้ และเมื่อมี “ลูกนิมิต” เป็นเครื่องหมายบอกเขต ต่อๆ มาก็มีพิธีที่เรียกว่าการ “ฝังลูกนิมิต” ขึ้นด้วย

    “การฝังลูกนิมิต” นี้ มีชื่อเรียกเป็นทางการอีกอย่างหนึ่งว่าการ “ผูกพัทธสีมา” (ซึ่งก็แปลว่า เขตทำสังฆกรรมที่กำหนดตามพุทธานุญาต) โดยปัจจุบันจะเริ่มจากพระสงฆ์ ประชุมพร้อมกันในโบสถ์ เพื่อทำพิธี สวดถอน มิให้อาณาบริเวณที่จะกำหนดนี้ ไปทับที่ที่เคยเป็นสีมา หรือเป็นที่ที่มีเจ้าของครอบครองอยู่ก่อน เมื่อพระสงฆ์สวดถอนเป็นแห่งๆ ไปตลอดสถานที่ ที่กำหนดเป็นเขตแดนทำสังฆกรรมแล้วว่า มีอาณาเขตเท่าใด จากนั้นจะต้องไปขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อให้ที่ดินบริเวณนั้นเป็นสิทธิ์ของสงฆ์ ที่เรียกว่าขอ วิสุงคามสีมา (คือเขตที่ได้พระราชทานแก่สงฆ์ เพื่อใช้เป็นที่ทำสังฆกรรม) เป็นการแยกส่วนบ้านออกจากส่วนวัด ( วิสุง แปลว่า ต่างหาก คาม แปลว่า บ้าน)การที่ต้องขอพระบรมราชานุญาตเพราะถือว่า พระมหากษัตริย์เป็นเจ้าของแผ่นดิน การจะกระทำใดบนพื้นแผ่นดินจึงต้องขอพระบรมราชานุญาตก่อน

    โดยทั่วไป ลูกนิมิตที่ใช้ผูกสีมาจะมีจำนวน 9 ลูก โดยฝังตามทิศต่างๆ โดยรอบอุโบสถทั้ง 8 ทิศๆ ละ 1 ลูก และฝังไว้กลางอุโบสถอีก 1 ลูกเป็นลูกเอก เมื่อจะผูกสีมาพระสงฆ์จำนวน 4 รูป ก็จะเดินตรวจลูกนิมิตที่วางไว้ตามทิศต่างๆ โดยเริ่มตั้งแต่ทิศตะวันออกเป็นต้นไป เรียกว่า สวดทักสีมา จนครบทุกทิศและมาจบที่ทิศตะวันออกอีกครั้ง เพื่อให้แนวนิมิตบรรจบกัน เมื่อสวดทักนิมิตจบแล้ว ก็จะกลับเข้าไปประชุมสงฆ์ในอุโบสถ และสวดประกาศสีมาอีกครั้ง หลังจากนั้นก็จะทำการตัดลูกนิมิตลงหลุมเพื่อกลบ แล้วสร้างเป็นซุ้มหรือก่อเป็นฐานตั้งใบสีมาต่อไป ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าปัจจุบันใบสีมานี้ ได้กลายเป็นเครื่องหมายบอกเขตของโบสถ์แทนลูกนิมิต ที่เป็นเครื่องหมายเดิมที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้ไปแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของความสวยงาม หรือการออกแบบในภายหลังก็ได้

    อนึ่ง ลูกนิมิตที่ใช้ฝังตามทิศต่างๆ นี้ มีผู้เปรียบว่าเป็นเสมือนองค์พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์สาวกสำคัญๆ กล่าวคือ ลูกนิมิตที่ฝังทาง ทิศตะวันออก หมายถึง พระอัญญาโกณฑัญญะ ซึ่งได้ชื่อว่า ผู้รู้ราตรีกาลนาน คือ มีความรู้มาก ผ่านโลกมามาก, ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หมายถึง พระมหากัสสปะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทรงธุดงค์คุณ, ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หมายถึง พระราหุล ผู้เป็นเลิศทางการศึกษา, ทิศใต้ หมายถึง พระสารีบุตร ผู้เลิศในทางปัญญา, ทิศเหนือ หมายถึง พระโมคัลลานะ ผู้เลิศทางฤทธิ์, ทิศตะวันตก หมายถึง พระอานนท์ ผู้เลิศในทางพหูสูต, ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึง พระอุบาลี ผู้เลิศในทางวินัย และ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หมายถึง พระควัมปติ ผู้เลิศในทางลาภและรูปงาม ส่วนลูกนิมิต กลางโบสถ์ ก็คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ด้วยเหตุที่ในสมัยก่อน การที่จะสร้างโบสถ์ได้หลังหนึ่งๆ หรือแม้จะซ่อมแซมโบสถ์เก่าให้สวยงามขึ้นมิใช่เรื่องง่าย และต้องใช้ระยะเวลานานมาก ดังนั้น จึงเชื่อกันว่า หากใครได้มีโอกาสทำบุญ “ฝังลูกนิมิต” หรือพูดง่ายๆ ว่าได้ร่วมสร้างโบสถ์ให้พระได้ใช้ทำสังฆกรรมนั้น จะมีอานิสงส์ถึง 6 ประการด้วยกัน คือ

    1. ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บทุกชาติ ปราศจากอุปัททวะ (อุ-ปัด-ทะ-วะ สิ่งอัปมงคล) ทั้งหลาย
    2. ไม่เกิดในตระกูลต่ำ
    3. หากเกิดในมนุษย์โลก ก็จะเกิดเป็นท้าวพระยามหากษัตริย์
    4. หากเกิดในเทวโลก ก็จะเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช
    5. จะสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง มีผิวพรรณผ่องใส และ
    6. มีอายุยืนนาน และมักจะใส่สมุด ดินสอ เข็มและด้ายลงไปในหลุมที่ฝังลูกนิมิตด้วย เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้มีความจำดี มีปัญญาเฉียบแหลมเหมือนเข็ม และมีความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเหมือนความยาวของด้าย

    อันที่จริงแล้ว การ “ฝังลูกนิมิต” เพื่อกำหนดเขตทำสังฆกรรม หรือปัจจุบันก็คือการกำหนดเขตที่เป็นโบสถ์นั้น เป็นกิจของสงฆ์โดยเฉพาะ คือฆราวาสหรือชาวบ้านไม่ได้มีส่วนยุ่งเกี่ยว แต่เนื่องจากปัจจุบัน โบสถ์มิเพียงแต่จะเป็นสถานที่ที่สงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นศาสนสถานที่พุทธศาสนิกชน ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมอื่นๆ ด้วย อีกทั้ง ไม่ว่าสร้างหรือซ่อมแซมโบสถ์ขึ้นใหม่ จำเป็นจะต้องมีการผูกพัทธสีมาใหม่ทุกครั้ง ดังนั้น ทางวัดต่างๆ จึงมักจะประกาศเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชน ได้มาทำบุญสร้างกุศลด้วยกัน โดยการจัดงาน “ ฝังลูกนิมิต” เพื่อสร้างโบสถ์ร่วมกัน ซึ่งชาวพุทธส่วนใหญ่ก็ยินดี เพราะเชื่อกันว่าจะได้อานิสงส์มากดังกล่าว

    อานิสงส์จากการร่วมทำบุญฝังลูกนิมิตนี้ บางคนอาจจะมีข้อกังขาว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องอนาคตอันยาวไกล แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นผลทันตา ก็คือ จิตใจที่อิ่มเอิบ และความปีติที่ได้มีโอกาสทำบุญสร้างกุศลที่ดีแก่ตนเอง ที่สำคัญบุญนี้ก็ได้มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาให้มั่นคงถาวรต่อไปด้วย

    หมายเหตุ : โบสถ์และวิหารจะต่างกันที่ วิหารแม้จะใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเหมือนกัน แต่ไม่สามารถทำสังฆกรรมได้ เนื่องจากไม่มีการกำหนดเขตแดน หรือสีมาไว้เหมือนโบสถ์

    เรียบเรียงจาก บทความการฝังลูกนิมิตของ เบญจมาส แพทอง ในหนังสือนานาสาระทางวัฒนธรรมไทย กรมศิลปากร

    เอามาฝากกัน และลูกนิมิตรทั้งหมดยังเป็นตัวแทนให้ระลึกถึงองพระอรหันต์อีก8รูปด้วย

    สาวกผู้ล้ำเลิศด้วยคุณธรรมที่พระพุทธองค์ทรงยกย่อง ๘ องค์ อยู่ประจำทิศละองค์เรียกว่า "พระอรหันต์ ๘ ทิศ" ดังนี้
    ๑) ลูกทิศตะวันออก เป็นเครื่องหมายพระอัญญาโกญฑัญญะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น เอตทัคคะในทางรอบรู้ราตรี ในทางผู้อาวุโส <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ๒) ลูกทิศอาคเนย์ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระมหากัสสปะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น เอตทัคคะในทางธุดงค์คุณ <o:p></o:p>
    ๓) ลูกทิศทักษิณ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระสารีบุตร อัครสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในทางปัญญารอบรู้ <o:p></o:p>
    ๔) ลูกทิศหรดี เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระอุบาลีเถระ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในทางทรงไว้ซึ่งพระวินัย
    ๕) ลูกทิศปัจฉิม เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระอานนท์ เป็นพุทธอุปัฏฐากของพระพุทธองค์ ผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในคุณธรรม ๕ ประการ มีความทรงจำไม่หลงลืมเป็นต้น
    ๖) ลูกทิศพายัพ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระควัมปติ เป็นพระอรหันต์ที่นับเข้าในจำนวนสาวกผู้ใหญ่รูปหนึ่งในคราวที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงส่งสาวกไปประกาศพระศาสนา ท่านได้ประกาศพระศาสนาในนานาชนบทช่วยสั่งสอนให้กุลบุตรกุลธิดาเกิดความเชื่อความเลื่อมใส
    ๗) ลูกทิศทักษิณ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระโมคคัลลานะ อัครสาวกผู้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในทางมีอิทธิฤทธิ์มาก
    ๘) ลูกทิศอิสาน เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระราหุล ผู้เป็นพุทธชิโนรส ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางการศึกษา
    ๙) ลูกที่อยู่กลางโบสถ์ เป็นเครื่องหมายแทนองค์สมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า
    คัดลอกมาฝากกันจำเว็ปเค้าไม่ได้ ขออภัย อาตมาพิมพ์ไม่เก่ง เจริญพร
     
  8. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    โมทนาสาธุครับ

    เชิญทำบุญซื้อ อิฐ หิน ดิน ทราย เหล็ก ปูน สร้างศาลาแก้วถวายสมเด็จองค์ปฐม

    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระประธานสมเด็จองค์ปฐมและศาลาแก้วพระจุฬามณี ที่ จ.นครศรีธรรมราช (สำนักสงฆ์ธรรมเจริญ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    " บุญกุศลใดที่พึงจะได้รับ ก็ขอให้ทุกท่านได้รับเช่นเดียวกันถ้วนหน้าสถาพร ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ที่สุดถึงซึ่งพระนิพพานด้วยกันเทอญฯ สาธุ"<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->
     
  9. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ปิดลูกนิมิตที่จิตใจเราดีกว่า.......มีสติดูกิเลสที่เกิดขึ้นที่ใจ....ทำให้บ่อยๆ ..กิเลสเกิดขึ้นก็รู้ๆๆๆ....นี้แหละกุศลสูงที่สุด.......
     
  10. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ว่าบางวัดก็เหมาให้กับนายทุนประมูลไปแล้ว
    และนายทุนเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด มีบางท่านเคยเล่าให้ฟัง และจะ
    สังเกตุง่ายๆ วัดที่มีการประมูลไปแล้ว โฆษกจะพูดมาก ชักชวน โน้มน้าว
    ให้ทำบุญโน่น ทำบุญนี่ ทำบุญนั่น สารพัด พูดตลอดเวลา พูดไม่หยุด
    บางทีก็ทำให้ ญาติโยม เสียสมาธิในการ กราบไหว้ อธิฐานอยู่บ่อยๆ
    เราเองก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นเซลล์ ออกต่างจังหวัดไปทั่วทุกภาค มีโอกาส
    ได้ทำบุญแบบนี้บ่อยมาก ปีหนึ่งๆมากกว่า 10 วัด บางปีมากกว่า 20 วัด
    รวมๆแล้ว ขาด 100 วัด ก็ไม่เท่าไหร่หรอก เขาว่ามีอานิสงฆ์มากก็เชื่อ
    จริงอยู่ ไม่เจ็บ ไม่ป่วย แต่ก็ว่างงานมาจะ 2 ปีแล้ว ก็อยู่ได้ตามมี ตามเกิด
    <TABLE class=tborder id=post2724687 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175></TD><TD class=alt1 id=td_post_2724687 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->สาธุ สาธุ ขอโมทนา
    อิทัง ปุญญพลัง อิมินา ปุญญะกัมเมนะ


    ด้วยเดชะบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วด้วยดี
    ตั้งแต่ปฐมชาติ อดีตชาติ ปัจจุบันวันนี้
    ข้าพเจ้าขอตั้งจิตกุศลนี้เป็น มหาธรรมทาน
    เพื่ออบรมหนทางความดับ
    ไม่มีเหลือเชื้อแห่งอาวสะกิเลสตน แด่ผู้ใฝ่ในธรรม
    และผู้เคารพเลื่อมใสองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    <O:p</O:p
    ขอส่งผลบุญกุศล อันเกิดจากการนี้
    อุทิศให้ ครูอุปัชฌาย์อาจารย์สืบๆ ต่อกันมา
    พ่อเกิดแม่เกิด ผู้มีคุณผู้สูงชาติ
    ผู้สงเคราะห์โลกพิทักษ์ธรรม ตลอดจน
    เจ้าบุญนายคุณ เจ้าบ่าวนายใช้ เจ้ากรรมนายเวร
    เจ้าเกณฑ์ชะตา เจ้าการบัญชี ทั้งหลายในทุกภพทุกชาติ
    ที่ข้าพเจ้าได้เคยสบประมาทล่วงเกิน และมีสัมพันธ์เกี่ยวข้อง
    ขอจงได้รับขมากรรม อโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญให้แก่ข้าพเจ้า
    และกรรมอันใดที่ท่านทั้งหลาย ได้ทำไว้กับข้าพเจ้าทุกภพทุกชาตินั้น
    ข้าพเจ้าขอปวารณาให้เป็นอโหสิกรรมเช่นกัน
    พร้อมนี้ขอให้ท่านทั้งหลายพึงปราศจากทุกข์และมีสุข
    เกิดปัญญาญาณยิ่งๆ ขึ้นไป เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าได้รับ
    ณ กาลบัดเดี่ยวนี้ด้วยเทอญ
    <O:p</O:p
    สาธุ สาธุ สาธุ นะ โม พุท ธา ยะ
    นิพพานัง ปะระมัง สุขขัง
    ขอเชิญร่วมสร้างพระอุปคุต หลวงปู่ทวด วัดนาอุดม อุบลฯ (รับของดีหลายครูบาอาจารย์)
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->[​IMG]เต้ากรวดน้ำทองเหลือง<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    http://www.santi-tham.com/th/topic5.php
    ดีมากของเพื่อนสมาชิกในเวบนี้แหละ เขานำมาฝากกัน<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. ปุณณา

    ปุณณา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +555
    ปลายปีนี้มีหลายวัดเลยค่ะ ที่ฝังลูกนิมิตร ขอเชิญชวนทุกท่านไปสร้างบุญกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...