เออ!...ตามมาทำไม..ถ้าไม่รักยายผีป่า?!!

อย่ากังวลเรื่องวัตถุมงคลที่จะฝากส่งให้น้องรัตนาพรเลยคะ รบกวนคุณยายมาก ๆ เลย อีกอย่างคุณยายก็กำลังคุมงานยุ่ง ๆ อยู่ด้วย พักเรื่องที่จะจัดส่งวัตถุมงคลมาให้น้องรัตนาพรก่อนก็ได้นะคะ เพราะว่าถ้าได้กลับไปเที่ยว จะไปแวะเที่ยวหาคุณยายทีบ้าน และจะได้ไปรับเองกับมือเลยยังไงหล่ะค่ะ อยากจะไปกราบนมัสการหลวงพี่เล็กด้วยนะคะ คือว่าอยากไปมาก ๆ เลยหล่ะคะ ไม่รู้ว่าจะมีบุญ บารมีพอที่จะได้กราบหลวงพี่เล็กบ้างรึป่าวก็ไม่รู้....

 

คืนดาวเกลื่อนฟ้า ตอน เราสี่คน ผจญถ้ำทะลุ

นี่ชมพูนะคะพี่นาง ชมพูมาบวชชีที่วัดท่าซุง 10 วัน วันเสาร์หน้าจะมาหาพี่นาง คิดถึงน้องๆ ค่ะ มีเพื่อชมพูจะมาด้วยค่ะ พี่สันต์ พี่เจษฐ์ จะตามไปวันอาทิตย์ค่ะ เสียงใสๆดังกระดิ่งแก้วของน้องชมพูแจ้งมาตามสาย โห...ดีใจมากเลยที่จะได้พบและร่วมบุญกับน้องๆ อีกครั้ง ยายเลยรีบโทหาคนนั้นคนนี้หวังว่าจะมีใครอยากมาร่วมจอยกันตามแผนลับของยายผีป่าด้วย ไม่ได้บอกน้องชมพูด้วยสิว่าจะพากันขึ้นไปนอนบนถ้ำ จนกระทั่งน้องชมพูและคณะได้ไปนั่งรอที่ท่ารถหมอชิตสอง

เย้...ดีจังเลยค่ะพี่นาง ไปนอนบนถ้ำเหรอคะ ชอบๆค่ะ เย้ สู้ๆค่ะพี่นาง

...............................................................................

ตอนแรกทีมที่จะมานอนที่ถ้ำที่กะจะมาจอยแน่ๆ คือคุณขุนศึก คุณปลาน้อย และน้องเฟิรส คุณตั้มศักดิ์ และคุณ บ.ใบไม้

คุณปลาน้อยโทมาแจ้งว่าไม่สะดวกแล้วครับยาย แล้วพอวันเดินทาง ก่อนตื่นนอน เสียงมากระซิบข้างๆว่า เจ้าขุนอะไรนั่นคงเขว หากล้ามาไม่ มีขัดสำมะคัญ(ติดขัดเรื่องสำคัญ) เจ้าทิดใหม่หามีเบี้ยไม่เฉกเดิม ใจอยากมา อ้ายเหล่าสูขึ้นไปเถิด พ่อท่าทางหน้า(เฝ้ารอรับ)

ยายผีป่าต้องพาช่างรับเหมาไปวัดและวางแผนการก่อสร้างค่ะ เสร็จธุระแล้วจึงบึ่งมาส่งพัสดุ และมาโพสบอกกล่าวก่อนไปกราบหลวงพี่เล็ก คณะน้องชมพูมาไม่ทันรถเที่ยวตีห้า แต่คุณ บ.ใบไม้มาถึงก่อน แฟนยายและลูกๆ จึงไปรับที่ปากทางเข้าน้ำตกผาตาด (ปากทางหินดาด) แล้วพาไปนมัสการหลวงพี่เล็ก แจ้งเรื่องต่างๆ และพังคำสั่งและสอนจากหลวงพี่เล็ก ก่อนที่จะทิ้งลูกๆ ไว้ที่วัดท่าขนุน(เอาลูกไปปล่อยวัด) จึงมากันสามคน คือ เก๋ ยาย และคุณ บ.ใบไม้ค่ะ เข้าอำเภอเพื่อทำธุระและรอรับคณะน้องชมพู มาช้ามาก บ่ายสามรถเทียบท่าที่ร้านอาหารเยื้องธนาคารไทยทะนุ

เราทั้งหมดทักทายกัน น้องชมพูยิ้มทั้งกายและใจ ตื่นเต้นเห็นทรงผมทรงใหม่ของยายผีป่า

ว้าว...พี่นางไปตัดผมใหม่มาหรือคะ น่ารักมาก เหมือนเด็กเลย และได้แนะนำน้องฟ้า เพื่อนสาวคนสวยที่อยากมาตะลอนทุลักทุเลกับน้องชมพูนานแระ

เมื่อครบทุกคน ก้อพากันกลับไปวัดท่าขนุน ไปกราบนมัสการหลวงพี่เล็กรอบสอง น้องชมพูนำพระหล่อองค์เหมือนของหลวงพ่อฤษีฯ หลวงปู่ปาน และพระแก้วพร้อมที่ครอบแก้วมาถวายหลวงพี่เล็ก พร้อมขอธรรมจากหลวงพี่เล็ก แล้วหลวงพี่เล็กได้บอกกล่าวเรื่องการจะจัดพิธีบวงสรวงใหญ่ และจะปลุกเสกตะกุดมหาสะท้อนด้วย ท่านบอกมีเพียง 160 องค์ เท่านั้น ยายผีป่าไม่ติดมจอะไรนัก เราะปิติที่มากันแบบบังเอิญแล้วมาได้ทราบข่าวพิธีมงคล น้องส้ม(เด็กในคาถาหลวงพี่ง่ะ) บอกว่า พี่เอื้อมเดือนรีบๆเลยนะคะ พ่อให้บูชาตะกรุด ดอกล่ะ 1000 ค่ะ บวงสรวงเสร็จพ่อให้บูชาทันที

ด้วยความตื่นเต้นอยากบอกข่าวญาติๆที่เคยร่วมบุญกันมาสม่ำเสมอ รีบกริ๊งไปหาน้องสามพีทันทีค่ะ โพสเลยนะคะน้องเพ็ญ ให้เบอร์ยายด้วยถ้าเขาต้องการข้อมูล 555 ตะแง๊ว...พอวางสายสักพัก เปลี่ยนใจโทไปอีกรอบให้ดีลีทข้อความที่ลงไว้ อ้าว บ่ทันเสียแระ แหะๆ...

คณะของแก๊งค์ตามยายฯ ไปอาบน้ำแร่ร้อนก่อนทานอะไรรองท้องพออิ่ม ไม่อิ่มก้อไม่ได้ เพราะข้าวไม่ได้หุงมาก แม่ของยายคิดว่าเราพากันกินที่ร้านค่ะ แช่ตัวอย่างร่าเริง แต่คุณ บ.ใบไม้แห้ว เพราะเท้าไปเตะโต๊ะไม้ของยาย เลือดซิบเนื้อฉีก ไม่ขอลงอาบ รออาบน้ำเย็นที่บ้านยายดีกว่า 555 เราออกจากบ้านล่าช้าเพราะน้องออมไม่มีคนนอนเป็นเพื่อน แต่ด้วยความเพลียน้องออมเลยผล๋อยหลับเองบนเบาะยาวหน้าโทรทัศน์ แต่น้องเกรซร้องกระซิกอยากไปด้วย น้องเอิรทเข้าไปนอนกับคุณยายเค้ค่ะ รอห่วงที่จะปล่อยเด็กสองคนนอนห้างนอกที่ห้องโทรทัศน์ พ่อเขาไปไหนไม่บอกกล่าว โทรศัพท์ตามตัวไม่ได้ 555..สุดท้ายเกรงจะช้า เลยออกไปอย่างไม่แยแสว่าพ่อเขาจะกลับมาไหม คือลูกยายอึดมั้ง คุณอักขระสัญจรขอเล่นเกมส์คอมที่บ้าน ไม่แจมวงบ้าบิ่นแต่กล้าๆกลัวๆอย่างพวกเราสี่คน

เตรียมสัมภาระเรียบร้อยอย่างตามมีตามเกิด และมงคลวัตถุปลุกใจเพียบ(ขอย้ำว่าเพียบ 555 โดยเฉพาะยาย กลัวพระ กลัวเทพเทวาท่านต่อว่าว่าลืมท่านหรือไร) คุณ บ.ใบไม้ชายหุ่นสันทัดเดินถือกระบอกไฟฉายด้ามใหญ่กว่าใคร(ไม่มากนัก) นำหน้า น้องชมพูเดินถือเทียนที่จุดนำทางตามหลังคนที่แรก ยายถือไฟฉายกระบอกจิ๋วที่น้องชมพูติดตัวมาอย่างไม่ตั้งใจ ส่องไฟไปที่ข้างหลังให้น้องฟ้ามองทางมองหินได้บ้าง น้องฟ้าเก่งมากไม่กลัวอะไรเล๊ย...น้องชมพูร้อง สู้ๆ เย้ๆ...พวกเราคุยกันปลุกใจ พูดกรุยทางง่ะ ...

ยายก้อพูดไป ขอบารมีไป แผ่เมตตาไปตามสไตส์ยายง่ะ บอกท่านเจ้าขาลูกมาดี มาร่วมสร้างบุญถวายพระนะคะ กรุยทางให้ด้วย อย่าปล่อยบริวารท่านมาป้วนเปี้ยนนะเจ้าคะ แล้วก้อคุยกับบังบด กับเทวดา นางฟ้า อากาศสดชื่น ชุดกันหนาวเริ่มไม่ต้องการเพราะเหนื่อยจนเหงื่อออก 555...

..............................................................โปรดติดตามตอนต่อไป(ใครก็ได้ที่ร่วมทีมช่วยต่อบทด้วยจ๊ะถ้าว่าง)

 

ฟังคุณยายเล่าแล้ว แหม มันอยากไปร่วมขบวนกับยายจังเลย แต่เป็นคนขี้กลัว แต่ก็อยากไป แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมมันพวกกิเลสตัณหาเยอะ ไปแล้วคงจะอยู่ไม่ได้ แต่ก็อยากไปอีกนั่นแหละ อยากรู้ตัวเองว่ามันจะทำอย่างคนอื่นเขาได้ไหม เบื่อเต็มทีกับกิเลสตัณหาที่มันเกาะใจอยู่เนี่ย สลัดไม่ออกซ่ะที เฮ้อ พูดแล้วก็กลุ้ม เอาน่ะ สักวันต้องหาโอกาสไปร่วมขบวนกับคุณยายให้ได้ ให้มันรู้ไปสิ สู้ๆ

 

ขอเล่าต่อจากคุณยายนะครับ..... เมื่อเราสี่คนเดินขึ้นไปถึงข้างบนถ้ำ ได้ไหว้พระเจดีย์และพระแม่ธรณีบีบมวยผมก่อน พอเป็นพิธีเพื่อขออนุญาตท่านก่อน คุณยายพาพวกเราให้เดินขึ้นไปยังห้องชั้นบนซึ่งเป้นที่ประดิษฐานสมเด็จองค์ปฐมปางกายเนื้อมนุษย์ พวกเราทั้งสี่คนได้จุดเทียนใหญ่หน้าองค์สมเด็จฯ และจุดธูปเพื่อบูชาท่าน โดยเริ่มจากนะโม 3 จบ ต่อด้วยบทสรรเสริญพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ จากนั้นคุณยายให้พวกเราอธิษฐานจิตบอกกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการมาครั้งนี้ และเพื่อขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดอนุญาต และให้ความคุ้มครองพวกเราด้วยในการมานั่งสมาธิในคืนนี้ที่ถ้ำทะลุ จากนั้นคุณยายให้พวกเราทั้งหมดร่วมกันนั่งสมาธิสักครุ่ประมาณ 10 นาทีได้ หลังจากนั่งสมาธิแล้ว คุณยายก็พาไปที่ห้องว่าง ( หมายถึง ผนังถ้ำด้านหนึ่งมีลักษณะเป็นห้องสามารถพักผ่อนได้) ภายในห้องดังกล่าวมีเสื่อ 2 ผืน มุ้ง 1หลัง ผ้าห่ม 2 ผืน ทางผมได้เสื่อผืนเล็กมานอน ส่วนคุณยาย น้องชมพู และน้องฟ้านอนรวมกันที่เสื่อผืนใหญ่ เราเริ่มจุดเทียนไขที่มีวางอยู่ในห้องนั่น เพื่อให้มีแสงสว่าง และจุดเทียนไขเล่มเล็กที่ขออนุญาตพระท่านที่ศาลาข้างล่างไว้รอบๆทางเข้าเพื่อให้มีแสงสว่างเพิ่ม ( ลืมเล่าไปนิดนึงช่วงที่เดินมายังห้องดังกล่าว ผมเดินเข้ามเป้นคนสุดท้าย ที่ทางเข้ามีโอ่งน้ำใบหนึ่งวางอยุ่ ผมเดินไปชนเข้า ปรากฏว่าโอ่งสั่นกระทบกับพื้น เสียงก้องมากในความเงียบ น้องชมพุตาลุกวาวด้วยความตกใจ....อิอิ )จากนั้น คุณยายก้สอบถามว่าขณะนั่งสมาธิ สังเกตเห็นอะไรบ้าง.... ( ตรงนี้เดี๋ยวให้คุณยายมาอธิบายและเล่าให้ฟังนะครับ ).....พวกเรานั่งคุยกันสักครู่จนเกือบจะเที่ยงคืน คุณยายให้ผมช่วยโทรถามว่าทางคุรตั้ม กับน้องเฟิรส ถึงไหนแล้ว ผมต้องเดินออกไปหาคลื่นโทรศัพท์ทางด้านนอก กว่าจะมีคลื่นต้องเวียนซ้ายเวียนขวาตั้งนานก้เจอคลื่นจนได้ โทรถามน้องเฟริสว่าถึงไหนแล้ว ได้รับคำตอบว่าถึงตัวเมืองกาญนจ์แล้ว เฟิรสได้ถามผมว่านอนที่ไหนกัน เราก็ตอบไปว่า นอนรวมกันที่ห้องใหญ่ น้องเฟิรสบอกว่าให้ผมมานอนข้างนอกคนเดียวเลย ติดกับสมเด็จองค์ปฐม ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่น้องเฟิรส เคยมานอน ผมตอบกลับไปว่าคุณยายจัดให้นอนที่นั่น รวมกัน ( จริงๆๆแล้วยังไม่กล้าแยกมานอน เพราะไปครั้งนี้ผมไม่มีพระเครื่องหรืออะไรติดตัวเลย ) หลังจากคุยเสร็จก็กลับมาบอกว่า น่าจะประมาณตี 1 กว่าๆ คงมาถึงที่ถ้ำทะลุ และน่าจะขึ้นมาข้างบนด้วย พวกเรานั่งอยู่สักพัก คุณยายเลยบอกว่าให้นอนกันก่อน เพราะตี 5 จะต้องรีบลงไปจัดของเตรียมไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดท่าขนุน

เดี๋ยวรอให้คุณยายมาเล่าต่อนะครับ ซึ่งต่อจากนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และน่าตื่นเต้นที่พวกเราประสบกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของถ้ำแห่งนี้.......

 

ขอเล่าต่อจากคุณยายนะครับ..... เมื่อเราสี่คนเดินขึ้นไปถึงข้างบนถ้ำ ได้ไหว้พระเจดีย์และพระแม่ธรณีบีบมวยผมก่อน พอเป็นพิธีเพื่อขออนุญาตท่านก่อน คุณยายพาพวกเราให้เดินขึ้นไปยังห้องชั้นบนซึ่งเป้นที่ประดิษฐานสมเด็จองค์ปฐมปางกายเนื้อมนุษย์ พวกเราทั้งสี่คนได้จุดเทียนใหญ่หน้าองค์สมเด็จฯ และจุดธูปเพื่อบูชาท่าน โดยเริ่มจากนะโม 3 จบ ต่อด้วยบทสรรเสริญพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ จากนั้นคุณยายให้พวกเราอธิษฐานจิตบอกกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการมาครั้งนี้ และเพื่อขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดอนุญาต และให้ความคุ้มครองพวกเราด้วยในการมานั่งสมาธิในคืนนี้ที่ถ้ำทะลุ จากนั้นคุณยายให้พวกเราทั้งหมดร่วมกันนั่งสมาธิสักครุ่ประมาณ 10 นาทีได้ หลังจากนั่งสมาธิแล้ว คุณยายก็พาไปที่ห้องว่าง ( หมายถึง ผนังถ้ำด้านหนึ่งมีลักษณะเป็นห้องสามารถพักผ่อนได้) ภายในห้องดังกล่าวมีเสื่อ 2 ผืน มุ้ง 1หลัง ผ้าห่ม 2 ผืน ทางผมได้เสื่อผืนเล็กมานอน ส่วนคุณยาย น้องชมพู และน้องฟ้านอนรวมกันที่เสื่อผืนใหญ่ เราเริ่มจุดเทียนไขที่มีวางอยู่ในห้องนั่น เพื่อให้มีแสงสว่าง และจุดเทียนไขเล่มเล็กที่ขออนุญาตพระท่านที่ศาลาข้างล่างไว้รอบๆทางเข้าเพื่อให้มีแสงสว่างเพิ่ม ( ลืมเล่าไปนิดนึงช่วงที่เดินมายังห้องดังกล่าว ผมเดินเข้ามเป้นคนสุดท้าย ที่ทางเข้ามีโอ่งน้ำใบหนึ่งวางอยุ่ ผมเดินไปชนเข้า ปรากฏว่าโอ่งสั่นกระทบกับพื้น เสียงก้องมากในความเงียบ น้องชมพุตาลุกวาวด้วยความตกใจ....อิอิ )จากนั้น คุณยายก้สอบถามว่าขณะนั่งสมาธิ สังเกตเห็นอะไรบ้าง.... ( ตรงนี้เดี๋ยวให้คุณยายมาอธิบายและเล่าให้ฟังนะครับ ).....พวกเรานั่งคุยกันสักครู่จนเกือบจะเที่ยงคืน คุณยายให้ผมช่วยโทรถามว่าทางคุรตั้ม กับน้องเฟิรส ถึงไหนแล้ว ผมต้องเดินออกไปหาคลื่นโทรศัพท์ทางด้านนอก กว่าจะมีคลื่นต้องเวียนซ้ายเวียนขวาตั้งนานก้เจอคลื่นจนได้ โทรถามน้องเฟริสว่าถึงไหนแล้ว ได้รับคำตอบว่าถึงตัวเมืองกาญนจ์แล้ว เฟิรสได้ถามผมว่านอนที่ไหนกัน เราก็ตอบไปว่า นอนรวมกันที่ห้องใหญ่ น้องเฟิรสบอกว่าให้ผมมานอนข้างนอกคนเดียวเลย ติดกับสมเด็จองค์ปฐม ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่น้องเฟิรส เคยมานอน ผมตอบกลับไปว่าคุณยายจัดให้นอนที่นั่น รวมกัน ( จริงๆๆแล้วยังไม่กล้าแยกมานอน เพราะไปครั้งนี้ผมไม่มีพระเครื่องหรืออะไรติดตัวเลย ) หลังจากคุยเสร็จก็กลับมาบอกว่า น่าจะประมาณตี 1 กว่าๆ คงมาถึงที่ถ้ำทะลุ และน่าจะขึ้นมาข้างบนด้วย พวกเรานั่งอยู่สักพัก คุณยายเลยบอกว่าให้นอนกันก่อน เพราะตี 5 จะต้องรีบลงไปจัดของเตรียมไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดท่าขนุน

เดี๋ยวรอให้คุณยายมาเล่าต่อนะครับ ซึ่งต่อจากนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และน่าตื่นเต้นที่พวกเราประสบกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของถ้ำแห่งนี้.......

 

มาดัน ๆๆ

 

อืม..เจ๊ดัน

 

ขอเล่าต่อก่อนแล้วกัน พอดีคุณยายยังไม่ว่างวันนี้ คงมาเสริมรายละเอียดในวันพรุ่งนี้นะครับ...........

ผมตื่นขึ้นมาอีกที่ตอนตี 3 ไฟจากเทียนเล่มเล้กที่จุดไว้ตรงทางเข้าดับสนิทไปหมดแล้ว เหลือแต่เทียนเล่มใหญ่ที่จุดตรงปลายท้า แต่ก้เหลือเกือบไม่มาก เพราะคงถูกจุดมาหลายรอบแล้ว เหตุที่จุดตรงปลายเท้าไว้ เพราะทางด้านนี้เป้นทางลาดลงไปข้างล่าง ถ้าไม่สว่าง อาจเผลอตกเขาตายได้.... ผมเลยลุกขึ้นหยิบไฟฉายออกไปดุว่าระหว่างที่พวกเราหลับไป ทางคุณตั้ม และน้องเฟริส ขึ้นมาหรือยัง เมื่อเดินส่องไฟออกไปยังสมเด็จองค์ปฐมก็ไม่มีคนนอนอยุ่ และเทียนเล่มใหญ่ที่จุดไว้หน้าองค์ท่านก็ดับสนิทไปด้วย ก้เลยหันหลังกลับจะมายังที่นอน ยายบอกว่าเทียนหมดหรือยัง ผมเลยบอกว่าขอดุก่อนครับ ก็เหลือ 2 เล่ม เลยจุดเพิ่มตรงทางเข้า จากนั้น ยายบอกว่าสงสัยทั้งสองคนคงนอนกันข้างล่าง คงไม่ขึ้นมา ผมตอบไปว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ช่วงนั้นอากาศเริ่มเย็นลงอีก สองสาวน้อยยังคงนอนหลับอยุ่ ยายเองก้ขยับตัวห่มผ้านอนตะแคงต่อ ผมเห็นว่าที่นี่เงียบดี ก้เลยดึงเสื่อเพื่อให้ชิดผนังถ้ำ เพื่อนั่งสมาธิ เพราะรุ้ตัวว่าเป้นคนปวดหลังบ่อย ขอนั่งพิงผนังถ้ำดีกว่า ผมกำหนดลมหายใจเข้าว่า "พุท" และหายใจออกว่า " โธ" ตามที่ตนเองถนัด ความสงบเงียบของบรรยากาสในป่าทำให้ใจสงบกว่านั่งสมาธิที่บ้านมาก นั่งไปได้สักพักไม่น่าเกิน 10 นาที ผมก็เริ่มได้ยินเสียงดัง "ฟ่อ......ฟ่อ ...... ฟ่อ.....ฟ่อ......ฟ่อ........ฟ่อ......ฟ่อ....." ยาวๆๆหลายครั้ง แต่ละครั้งดังมาก ในความคิดตอนนั้นคิดว่าพญานาคหรือไม่ก็งูยักษ์ ท่านคงมาทดสอบกำลังใจว่าเราจะกลัวหรือไม่ เหมือนอย่างที่เคยนั่งสมาธิที่บ้านแล้วมีความรู้สึกว่ามีงูเลื้อยขึ้นมาตามแผ่นหลังจนถึงไหล่ ซึ่งเคยถามพระท่านบอกว่าเค้ามาทดสอบกำลังใจ เสียงที่ได้ยินนั้นอยุ่ทางซ้ายมือ ซึ่งเป้นบริเวณเดียวกับที่ยายและน้องอีก 2 คนนอนอยู่รวมกัน ขระนั้นผมพยายามตั้งจิตให้เป้นสมาธิ ไม่ให้ตกใจกลัวแล้วลืมตาขึ้น ในใจก็บอกท่านไปว่า พวกผมมาดี ไม่ได้มาคิดร้าย จะเอาทรัพย์สินใดๆ หรือมามาลองของแต่อย่างใด ขอท่านได้โปรดอนุญาตพวกผมด้วยเถิด พร้อมกับกำหนดลมหายใจพุทโธไว้ตลอด สักพักเสียงหายใจเงียบลงพร้อมกับได้ยินเสียงยายขยับตัว พอยายขยับตัว เราเลยเผลอลืมตา หันมาดูยาย เห็นยังขยับตัวอยู่เลยถามยายไปว่า " เมื่อกี้เค้ามาใช่ไหมครับ " ยายไม่ยอมตอบ เพียงแค่พยักหน้ารับนิดนึง แล้วนอนต่อ ใจผมตอนนั้นแป่วเลย ยังดีนะเค้าไม่มาปรากฏกายให้เห็น มาให้ได้ยินเสียง เพื่อให้รุ้ว่าที่นี่มีพญานาคและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง ( ในใจก้คิดว่า ในคอเราไม่มีพระเลยนะ ถ้าเมื่อสักครุ่เราไปนั่งสมาธิหน้าสมเด้จองค์ปฐมหรือด้านนอกคนเดียว จะเกิดไรขึ้นบ้างก้ไม่รู้ แต่อยุ่ที่นี่ ทั้งสามคน คือยาย น้องชมพู และน้องฟ้า มีพระกันทุกคน คิดแล้วใจชื้นขึ้นเยอะ ) ตอนนั้นอยู่ราวๆตี3 ครึ่งได้ ยังมีเวลากว่าจะตี 5 ก้เลยนั่งสมาธิต่อไปอีก สัก 15 นาที ได้ยินเสียงนกบินไปมาหน้าถ้ำในบางครั้ง และมีเสียงดังบ้างเล้กน้อย แต่ไมได้ใส่ใจ สักพักผมรุ้สึกง่วง รุ้ว่านั่งต่อไปไม่ได้แล้วแน่ๆๆเลย ล้มตัวลงนอนอีกครั้งตอนเกือบจะตี 4 และตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนตี 5 ยายเป็นคนเรียกทุกคนให้ตื่นได้แล้ว... ( ไว้รอให้คุณยายผีป่ามาเล่าในรายละเอียดเกี่ยวกับเสียงลึกลับที่ได้ยินเหมือนกันนะครับ )

 

คุณ บ.ใบไม้ เล่าต่อซิครับ อยากฟังอีก...

 

อ่านจบแล้วครับ

มาเล่าต่อเร้ววววววววววววววววววว

 

ชมพูมีรูปค่ะ แต่ไม่ใช่รูปในถ้ำที่นอนอ่ะ เป็นรูปอื่นๆ เดี๋ยวใครโพสรูปเป็นบ้างคะ help please

 

พี่ตั้มดูหน้าตาใจดีมากๆเลยค่ะ ถึงไม่ได้ยิ้ม แต่ชมพูว่าพี่บใบไม้น่ารักดี ใจดีสุดๆๆ สมแล้วที่พี่ๆเป็นเพื่อนก้านนนน

พี่ตั้มคะ โพสรูปเป็นมั้ยคะ ชมพูส่งรูปไปทางอีเมล์ให้พี่โพสได้มั้ยเอ่ยยยย

 

อยากดู ๆ โพสเรย ๆๆๆ
ชมพูจ๋า ....ตามข้องตกลงที่เราคุยกานนะ

 

test ka

 

moreeeeee

 

have to go to sleep laew na ka

be back

 

ว้าวววว ถ้ำสวยจังเลย

 

...เหมือนรูปพ่อแม่ลูกเลย..5555