นอนไม่หลับ ช่วยผมทีครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย thirasak_hua, 26 มกราคม 2009.

  1. thirasak_hua

    thirasak_hua สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    นอนไม่หลับครับ อาการนี้ผมเป็นมาร่วมจะสัปดาห์แล้ว ทำยังไงดีครับ
    คือสมัยเรียนก็เป็นคนหลับยากอยู่แล้ว แล้วยิ่งเรียนก็เลยเครียดเหมือนวิตกหวาดกลัว ว่าจะทำงานไม่ทัน ไม่มีงานส่ง และอื่นๆอีกมาก
    โดยเวลาเป็นจะเป็นที 3 วันติดไม่หลับเลย พอเข้าวันที่4 ร่างกายทนไม่ไหวมันก็ผ๋อยหลับของมันเอง
    เวลานอนมันจะกังวลโน่นนี่ เหมือนว่าถ้าไม่นอนมันจะไม่ทัน หรือ ทำสิ่งที่ต้องทำต่อไปไม่ไหวเลยต้องนอน
    พอคิดแบบนี้แล้วมันเลยค้าง พอค้างก็จะค้างติดต่อกันไปเลยตามที่กล่าวมาข้างต้น

    ทำให้พอหลังเรียนจบ ก็จะยังมีอาการอยู่แบบนี้อยู่เรื่อยๆ นานๆมาที แต่การมาแต่ละทีก็ทำให้กังวลไปว่าอาการนี้มันรุนแรงมากขึ้นรึปล่าวน้า
    แต่พอเป็นอีกมันก็เข้าอีร็อปเดิมคือ 3 วันติดวันที่ 4 ก็น็อคหลับไปเอง

    ซึ่งตัวผมเองนั้นรู้ดีว่ามันไม่ใช่ปัญหาเรื่องเวลาอ่านบทความคนนอนไม่หลับ ต้องกินนมอุ่นๆก่อนนอน อาบน้ำให้สบายตัว
    หรือ ออกกำลังกาย จะได้ช่วยให้หลับได้ดี คือปัญหาของผมมันไม่ใช่ปัญหาพวกนั้นน่ะครับ แต่มันเป็นปัญหาทางจิตที่ยึดติด
    คล้ายๆคนเคยมีแผลในใจแบบนี้มาก่อน แล้วพอเรื่องมันกลับมาอีกก็จะกังวล และกลัว พอยิ่งคราวนี้แล้วเป็นติดต่อกันร่วมสัปดาห์แล้ว
    ยิ่งทำให้ผมกลัวกลางคืนมากขึ้น เหมือนตอนแรกๆจิตก็นิ่งไม่ได้คิดอะไรมาก พยายามปล่อยใจให้สบาย แล้วหลับไป
    แต่พอนอนลงไปนานเข้าๆ มันกลับไม่หลับยิ่งทำให้เรารู้สึกร้อนใจ ทุกข์มากขึ้น เหมือนเวลาที่เรามีเรื่องทุกข์ใจจนเอามันออกไปไม่ได้ซะที

    ถ้าถามว่ามีเรื่องให้กังวลเหมือนสมัยเรียนมั้ย ผมก็ตอบว่าก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่กังวลที่ชัดเจนจนเอาไปทำให้นอนไม่หลับ
    มันเป็นเหมือนที่กล่าวมาข้างต้นที่ว่าเหมือนคนมีแผลมาแล้ว กลัวมันจะกลับมาอีก พอกลับมาอีกก็จะกลัว และหยุดคิดถึงมันไม่ได้
    พอพยายามหยุดคิด จิตนิ่งแล้ว แต่พอนอนไปถึงจุดนึงที่นานพอสมควร มันไม่หลับทำให้จิตที่เคยนิ่งมันพลิกกลับเป็นกังวล และหวาดกลัวไปในที่สุด

    ครั้งนี้ที่ผมบอกว่าอาการนี้เป็นมาร่วมสัปดาห์แล้วนั้น ถ้าเป็นเหมือนแต่ก่อนที่ไม่ได้หลับติดต่อกันเลย ผมคงตายไปแล้ว
    พอดีว่าทำงานที่บ้านน่ะครับ ที่บ้านค้าขาย เลยแอบไปนอนกลางวันได้

    แล้วทำไมเวลาตอนกลางวันทำไมผมถึงหลับได้ เพราะมันเหมือนไม่กลัวกลางวันน่ะครับ ต่างจากกลางคืนที่วิเวก
    และอยู่คนเดียวไม่สามารถคุย หรือ ปรึกษากับใครได้
    พอเป็นกลางวัน มีเสียงคนเดินไปมา มีเสียงทีวี มันเหมือนไม่ตั้งใจนอน มันก็เลยเผลอหลับลงไปได้

    ทีนี้เพื่อนๆอาจจะแนะว่า ก็คิดซะว่ากลางคืนมันเหมือนกลางวันซะก็จบ แต่จะบอกว่าผมตัดจิตให้คิดแบบนั้นไม่ได้ซะทีน่ะครับ
    จากนอนจิตสงบๆ ไปเรื่อยๆ พอนานไปไม่หลับมันก็กลับมากลัว และวิตกใจก็เริ่มร้อนรุ่มมากขึ้น จนสุดท้ายก็ไม่หลับทั้งคืน

    พอดีมาเจอเวปบอร์ดที่นี่ ได้มาอ่านบทความดีๆหลายชิ้น ช่วยทำให้ใจสงบลงไปได้บ้าง
    ผมเลยคิดว่า นี่น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้ปรับแก้ความคิด จิต ของตัวเองที่มันไม่สามารถจะสงบลงไปได้
    อยากเปลี่ยนวิกฤษให้เป็นโอกาสน่ะครับ เพราะไม่งั้นแล้วผมคงจะต้องอยู่ภายใต้ความคิด จิต ที่มันเป็นแบบนี้ไปตลอดแน่ๆ

    ปล.ถ้าผมตั้งกระทู้ผิดห้อง ก็ขออภัยด้วยครับ
     
  2. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ไอ้อาการนี้ต้องฝึกสมาธิครับ ทําเป็นประจําอย่างน้อยห้านาที อีกหน่อย หัวถึงหมอนหลับเลยครับ วิธีทํา นั่งขัดสมาธิ หลับตา หายใจเข้า พุท หายใจออก โธครับ พุทโธ คือเราระลึกถึงพระพุทธเจ้าครับ ไม่เชื่อ ลองดู เดือนนึงเห็นผลชะงัดครับ รับรองได้ เเต่ขอให้ตั้งใจทําพอ เวลาทํา ถ้าหัวเรามันคิดอะไรก็ช่างมัน เอาใจจับไว้ที่พุทโธพอครับ ขอให้นอนหลับนะครับ เอาใจช่วยครับพี่ เข้าใจเเละเห็นใจ
     
  3. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    ;aa10

    แป้งก็เห็นด้วยนะคะ เคยทำแล้วได้ผลจริงๆ
    แต่ที่ทำประจำคือ พอตั้งใจจะนอนก็ปิดมือถือ
    ปิดทีวี เครื่องเสียงวิทยุให้เรียบร้อย แล้วพอ
    หัวถึงหมอนก็หลับตา คิดถึงพระ ท่องพุทโธ ๆ
    ๆๆๆๆๆๆๆ ไปเรื่อย ๆ จนหลับไปเลย

    หลับแบบไม่เคยฝันร้ายเลยนะคะ อันนี้เรื่องจริง
    หลับสบายจนเช้า ไม่เคยใช้นาฬิกาปลุกเลยด้วยซ้ำ
    จะตื่นเองทุกๆ วันตามเวลา

    ที่สำคัญอย่านอนกลางวันเด็ดขาด แม้แต่งีบตอนบ่ายก็
    ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้เวลากลางคืนเรานอนไม่หลับค่ะ
     
  4. mybrimstone

    mybrimstone Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +54
    ก่อนนอนหากจะมีเรื่องมากมายผุดขึ้นมาในหัว
    ให้ลองหายใจเข้าลึก ออกยาว สม่ำเสมอ และบอกตัวเองว่า อ่ะมีอะไร ค่อยๆว่ามีทีละเรื่อง สมองก็จะค่อยๆเรียงลำดับว่า พรุ่งนี้เราจะทำอะไรบ้าง ความคิดต่างๆจะค่อยๆเรียงรายออกมาอย่างเป็นระเบียบ หลังจากนั้น ลองบอกตัวเองว่า...มีอะไรค่อยไปทำวันพรุ่งนี้นะ
    ตอนนี้ถึงเวลานอนแล้ว....นิ่งซะแล้วหลับนะ กำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจค่ะ ได้ผลมากๆ
     
  5. sinpet

    sinpet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +396
    คนทั่วไปเป็นกันมาก ผมก็เคยเป็นถึงขั้นต้องกินยานอนหลับมาเรื่อย ตอนหลังมา พอไม่เครียด ไม่ฟุ้งซ่าน ตัดความกังวล หาเพื่อนคุย - คุยกับคนที่มีปัญหาใกล้เคียงกัน สอนตัวเองให้เห็นโลกในเชิงบวก - ความเป็นธรรมดา และ ง่วงเมื่อไหร่ก็นอนไม่รอเวลา..
    อาการที่เคยเป็นก็หาย ไม่ต้องไปทำอะไร สบายๆ คิดเสียว่าชีวิตคนเราก็เท่านี้ คิดไปก็เท่านั้น ไม่มีใครไม่แก่ ไม่ตาย คิดไปไม่รู้จุดจบ คิดมากก็ตาย ไม่คิดก็ตาย อย่าทรมานตัวเองดีกว่า..
     
  6. VKK

    VKK สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +19
    ผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันครับ มีปัญหามานานมาก ยิ่งถ้าไปนอนโรงแรมด้วยแล้วต้องเปิดไฟเปิดทีวีทั้งคืนครับ ขนาดที่บ้านตัวเองยังตื่นผวาตอนดึกๆเลยครับ ผมเลยหาเวลาไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ 10 วัน ตอนนี้ดีขึ้นเยอะเลยครับ เวลานอนก็กำหนดลมหายใจรู้ว่ากำลังนอนหลับแป้บเดียวก็หลับสบายครับ ทุกอย่างที่เคยกลัวผวานั้นส่วนตัวผมคิดว่าเป็นเพราะจิตเรานี่เอง เราไม่เคยควบคุมจิตเราให้อยู่นิ่งได้แล้วมันจิตจะพาเราไปทุกที่ คิดโน่น นี่นั่นตลอด แต่ถ้าเรารู้ทัน ตามทัน มีสติแล้วจะดีขึ้นครับ ขอแนะนำให้ไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิครับ
     
  7. thirasak_hua

    thirasak_hua สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่มาช่วยตอบนะครับ

    ตอนนี้เพื่อนผมเค้าชวนไปวิปัสนาที่วัดครับ เลยว่าจะไปฝึกดูครับ

    ขอบคุณทุกๆมากๆเลยนะครับ ;aa8
     
  8. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    ...เท่าที่ดูมานะคับปัญหาของคุณนั้น คุณก็ดูเหมือนจะเข้าใจอยู่แล้วว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน..

    นี่แหละคับใช่เลย แต่คุณยังไม่เห็นวิธีแก้..เท่านั้นเอง


    วิธี ที่คุณใช้นี่ จิตที่นิ่งนั้น ด้วยการกดข่มไว้จึงรู้สึกเหมือนว่านิ่ง..แต่มันไม่ได้"วาง"คับ ซึ่งพอกำลังในการกดอ่อนแรงลงความกลัวก็กลับขึ้นมาอีก...


    คำตอบว่าทำไม?กลางวันถึงหลับได้ก็ตรงที่คุณบอกเหมือนไม่ตั้งใจนอน แหละคับ คือคำตอบเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า.. จิตที่ไม่ตั้งใจจะทำ ความยึดเกาะไว้จึงไม่มี วิธีปฏิบัติธรรมโดยการดูจิต หรือการทำวิปัสนาให้เกิดปัญญาก็ทำแบบนี้เหมือนกัน. คือ "ทำแบบเหมือนไม่ตั้งใจทำ" เพียงแต่ต้องคอยสังเกตุอาการของจิตอยู่เนื่องๆ..เพื่อให้เห็นธรรมชาติของจิต ..ว่ามันไม่เที่ยง ตั้งอยู่ได้ไม่นาน มันก็ดับไปเองโดยธรรมชาติ
    ...แต่อาการของคุณ ทำไม?เหมือนมันเที่ยง คือตั้งอยู่นาน..เพราะคุณ ยึดไว้ ถือไว้..ยิ่งพยายามแก้ก็เหมือนเราไปเพ่งจ้องมันอยู่โดยไม่รู้ตัว จิตมันเลยไปเกาะไว้ไม่ปล่อยวาง...มันก็เลยเหมือนเล่นชักคะเย่อ โดยคุณไม่รู้ตัว.. คือดึงกันไปดึงกันมาระหว่าง จิตเดิมแท้ที่มีอาการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กับ จิตที่ดึงไว้(ยึดไว้ เกาะไว้)ด้วยความ อยากจะให้มันดับให้มันหายมันก็เลยไม่หายไปสักที่(อาการกลัว-ความกังวล) ผลเลยนอนไม่หลับ
    ..

    วิธีแก้..
    ...ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจธรรมชาติของจิตก่อนนะคับ...
    จิตมีธรรมชาติ ที่บังคับไม่ได้
    จิตมีหน้าที่รับรู้อารมณ์ หรือสิ่งที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

    จิตบังคับไม่ได้..คุณลองสังเกตุ แมวนะคับ ถ้าคุณเจอแมว(แมวจริงๆเลยนะ) คุณลองเอามือจับหัวมันไว้ แล้วดันถอยหลัง มันก็จะดันสวนมือมาข้างหน้า...แต่ถ้าเราดึงมาข้างหน้ามันก็จะดึงถอยหลังหนี เราตลอด..แต่ถ้าคุณ "ปล่อยมือ"...ทำไม่รู้ไม่ชี้ สักพักแมวมันก็จะเข้ามาคลอเคลีย คือเข้ามาหามารวมกับคุณเอง...นี่คือธรรมชาติของจิต...
    ...ที่นี่คุณพอเห็นภาพไหม?คับ แมวก็คือจิตที่กลัว(เพราะไม่รู้จึงกลัว)... จิตที่กังวลว่าจะหลับหรือไม่หลับ(คือความฟุ้งซ่านรำคราญใจ)...ความอยากจะ หลับ(ตัญหาคือความอยาก) นี่คือจิตที่แปรเปลียนตลอดเวลาในอาการต่างๆ...และยิ่งกลางคืนอยู่คนเดียว.. พอมีเสียงนิดนึ่ง จิตก็วิ่งไปรับรู้ทางหูแล้วก็ปรุ่งแต่งไปต่างๆนานา.. ก็กลัวอีกกลัวเพราะ จิตเราสร้างอุปทานขึ้นมา...เสร็จแล้วคุณก็เอามือจับหัวแมวไว้โดนไม่รู้ตัว เพราะความอยากจะหยุดมัน-ดับมัน...จิตมันก็เลยไม่ดับสักที..วิธีแก้ก็แค่ "ปล่อยมือ".. คือไม่สนใจมันซะเด๋วมันก็เปลี่ยนไปเอง...ลงไปนอนแบบไม่ตั้งใจนอนนั่นแหละคับ
    ...คุณอาจจะบอกว่า พูดง่ายเนอะ แต่ทำยาก...คับใช่
    วิธีทำก็คือ..ให้คุณเอาตรงนี้แหละ เป็นแบบฝึกหัดการทำนอนภาวนา หรือ นอนในสมาธิ วิธีคือ...
    เริ่มต้นทำสมาธิ (สมถะกรรมฐาน)ให้เราระลึกรู้ลมหายใจที่เข้า-ออก พร้อม กำกับคำบริกรรม ตามลมหายใจ ...หายใจเข้าว่า พุทธ...หายใจออกว่า โธ
    พอเราทำไปสักพัก...ก็จะเห็นตัวจิตเรา เหมือนแยกเป็น สองดวง...คือ จิตนึ่งก็ บริกรรม พุท-โธ อยู่ แต่อีกจิตนึ่ง ก็คิดๆๆๆๆๆ คิดไปเรื่อย อดีตบ้าง อนาคตบ้าง... ตรงนี้เป็นจุดแรกที่ต้อง ผ่านให้ได้
    วิธี ผ่าน..
    คุณเจอแมว..แล้วคับ (เห็นจิต สองดวงนั้นแหละ) ไม่ต้องไปทำอะไรเขา...ให้เราทำไม่รู้ไม่ชี้.. สักพักแมวก็จะเข้ามา คลอเครียกับเราเอง...
    ดัง นั้นเมื่อเราเห็นจิตนึ่งบริกรรม พุทโธ..จิตนึ่งก็คิดๆๆๆๆ.. ก็ไม่ต้องทำไร ให้เรา ประคอง คำบริกรรมไว้เรื่อยๆ ดูเจ้าตัวคิดไปเรื่อยๆ...อย่าอยากให้หยุดคิดนะคับ.. แค่ระลึกรู้ความคิดไปเรื่อยๆ คำบริกรรมก็อย่าทิ้ง... คุณจะเห็นว่า ความคิดของคุณ มันจะถูก ตัดให้สั้นลง..คือ แทนที่จะนั่งคิดเพลินเป็นเรื่องเป็นราว ยาวววว ไปเรื่อย... เรื่องราวที่คิด จะถูก ตัวจิตที่บริกรรมพุทโธ เข้าไปตัดให้เรื่องนั้นสั้นลง เขาสลับกันเอง อ่ะคับ แต่ไวมาก จนเรารู้สึกเมื่อว่า เกิดพร้อมกัน
    ...เราดูไปเรื่อยๆๆ เด๋วเขาเหนื่อย เขาก็หยุดคิดเอง...ใน ระห่ว่างที่ดูัตัวคิด ก็ให้ สลับมาสำรวจ กาย เป็นระยะ ระยะ เริ่มตั้งแต่ หนังตา...กดปิด(หลับตา)แบบ เกร็งเปลือกตาอยู่ปะ...ถ้ากด อยู่ ก็ให้หายใจเข้า รู้ที่เปลืกตาที่กดนั้น..หายใจออกให้คลาย อาการที่กดลง(ผ่อนคลายตามลมหายใจที่หายใจออก)ให้เปลือกตา ปิดแค่พริ้มตา แบบสบายๆ...แล้วก็ไล่มาที่หัวไหล่... หายใจเข้าระลึกรู้ ว่าหัวไหล่ ยกเกร็งไว้อยู่ปะ...(ส่วนใหญ่จะเกร็งอ่ะนะ) ก็ให้หายใจเข้าระลึกรู้ หัวไหล่ที่เกร็งนั้น...หายใจออก ก็ผ่อนคลายทิ้งหัวไหล่ลงแบบ ทิ้งน้ำหนักลง..
    ทำแบบนี้ไป ตามร่างกายทุกส่วน สำรวจไปเรื่อยๆ ไล่มาที่ แขน..มือ...ขา..สลับกับการท่องพุทโธ...พอเพลินๆ สักพัก ก็กลับมาสำรวจกายอีก... ทำแบบนี้เพื่อให้ร่างกาย (กายเนื้อ) เราได้ผ่อนคลาย จะได้พักผ่อนไปในตัว ตรงนี้มีอานิสงค์นะคับถ้าทำจน ชำนาญ เอามาทำในชีวิตประจำวัน..ก็จะช่วยให้ คลายความเมื่อยล้า ในขณะประกอบการงานได้...
    ...ย้อนกลับมาที่เรื่อง จิต...
    พอ ปฏิบัติ ตามขั้นต้นที่ผม ว่า...สักพัก... ตัวคิดกะ จิตที่ท่องพุทโธอยู่ เขาจะเข้ามารวมกันเอง...โดยคุณไม่รู้สึกตัว...จะมารู้สึกตัวอีกที่ ก็ตอนที่ ...ปิติเกิด ..(อันแรกทางบาลี เรียกว่า วิตก วิจารณ์)
    ตรง ปิติ นี่แหละคับ คือ ด่านที่ 2ที่คุณ ต้องผ่านให้ได้...(สำหรับนอนสมาธิผมว่าไม่ถึงตรงนี้อ่ะนะคับ มักจะหลับไปซะห่อน อิอิ)
    วิธีผ่าน ..ก็วางจิตเหมือนเดียวกะตอนผ่าน ด่านวิตก-วิจารณ์..ใช้วิธีเดียวกันคับ..คือ วางจิตเป็นกลางอย่าไปอยากให้หาย จากอาการที่เป็น..ธรรมชาติของจิตเราวางเฉยต่อสิ่งที่เกิดสิ่งนั้นก็จะ เปลี่ยนไปเอง ตามธรรมะชาติของเขา...เพียงแต่ว่า อาการของปิตินั้น...ไม่ได้มีเพียงอย่างเดียว...มีมากกว่า 10 อย่างที่ตำราบอกไว้.. ซึ่งแต่ละคนก็ เจอไม่เหมือนกัน และคนเดียวกันนั่งแต่ละครั้ง ก็เจอไม่ เหมือนกันด้วย...เพียงแต่ว่า เราจะเจออันไหม่..ก็ต้องผ่านของเก่าให้ได้ก่อน...เหมือนเด็ก อยากได้ของเล่น...พอเราจับไต๋เขาได้ เขาก็จะมีอาการไหม่ๆ มาหรอกล่อเราอีก...มีอาการเดียว ที่เมื่อได้ จะถือว่าดีมาก... คือ อาการ เอิบอาบซ่าน..ไปทั้งตัว ...หรือ ขนลุกซู่ขึ้นมา ด้วยจิตใจที่อิ่มเอิบ...ซึ่งอันนี้ถ้าได้เขาจะอยู๋ไม่นานคับ ... เขาก็จะ ผ่านเข้า สุข ...และเอกัตตาจิตเองเลย

    ถ้าเจอ อะไรแปลกๆ ในขณะนั่งสมาธิ พระธุดงค์สอนผมไว้ว่า ให้ เปลี่ยนจาก คำบริกรรม เป็นสวดบพแผ่เมตตา คับ...
    เหตุผล...
    1.ใน ขณะที่เกิด ปิติในอาการแปลกๆ .. นั่นคือ จิตเข้าไปเกาะ ในอาการนั้นๆแล้ว คือสติ..ผู้รู้ ...เข้าไปไหลรวมกับอาการของจิต...การเปลี่ยนคำบริกรรมมาเป็น บทสวดแผ่เมตตาเท่ากับ เป็นกุศโลบาย เปลี่ยนที่เกาะให้กับจิต.. เพื่อให้ สติ.."ผู้รู้" แยกออกมาจาก อาการของจิต... เมื่อแยกออกมาได้ จิตเขาก็จะ ดำเนินต่อไป ตามธรรมชาติของเขาคับ
    2.บางครั้ง อาการแปลกๆที่เกิด ...ก็ไม่ใช่ ปิติ เสมอไป.. บางที่ก็เป็น เจ้ากรรมนายเวรเขาพยายามจะ ขวาง...ไม่ให้เรา ปฏิบัติต่อ ... หรือ บางครั้งก็เป็น วิญฌาณ สัพเวสี มา เพื่อขอส่วนบุญ ...ดังนั้น การแผ่เมตตา จึงมีอานิสงค์ ให้ สัพพสิ่ง ทั้งเทวดาเจ้าที่เจ้าทาง ได้รับใน บุญนี้ไปด้วย

    อันนี้เรียกว่าการทำ สมถะกรรมฐาน..ผลที่ได้ คือแก้ปัญหาเรื่องนอนไม่หลับเท่านั้น...แต่ถ้าอยากเปลี่ยน วิกฤตให้เป็นโอกาสก็ต้องหัดทำวิปัสนากรรมฐานหรือการเจริญสติในชีวิตประจำวัน ..เพื่อให้เกิดปัญญา ตัดกิเลสที่ผมยกมาแล้วข้างต้นให้ได้อ่ะคับตามไปอ่านกระทู้ตามลิ้งข้างล่าง ได้เลยคับ..

    http://palungjit.org/showthread.php?t=169645
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...