ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ขอบคุณอาจารย์สุวิมากครับ ที่นำให้ความรู้มาให้เป็นเเรงกำลังใจครับ

 

อาจารย์ครับสงสัยครับ

ในคัมภีร์เส้นสิบพิศดารของอาจารย์ เป็นการเรียงลำดับธาตุของอาจารย์ต่างกับของผมครับ
ธาตุ 4 สัมพันธ์ของผมเป็น ไฟ ลม น้ำ ดิน
ของผมเป็นกระบวนการใช่ไหมครับ ?
เเละคำว่าพิศดารของอาจารย์เเปลว่าละเอียดหรือป่าวครับ?
พอดีไปค้นหนังสือเลยเอาการจับชีพจรมาฝากครับ

ฤาษีลีลาของอาจารย์ล้วนเป็นท่าที่มจากวัดโพธฺิ์หมดเลยไหมครับ มีท่าที่นอกเหนือหรือไม่ครับ ?

;aa8

 

มีครับ
แต่ไม่ได้บรรจุแคปซูล(เป็นยาผง)
เพราะยาตัวนี้ต้องใช้น้ำผึ้งเป็นกระสายยา(เพื่อปั้นเป็นลูกกลอน) จึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

ลองอ่านดูดีๆครับ การเรียงลำดับธาตุ ไม่ต่างกัน เพียงเดินหน้า ถอยหลัง เวียนซ้าย เวียนขวาเท่านั้น

ถูกต้องครับพิศดารของผมหมายถึงละเอียดกว่าของเดิมที่มีอยู่(แต่ยังไม่ครบ ยังไม่สมบูรณ์ครับ

ท่วงท่าที่ ฤๅษีลีที่ลีลาไป เป็นไปตามจิตที่พาไป เราเป็นเพียงผู้เฝ้าดู เฝ้ารับรู้และวางบทศึกษาความเป็นไป ด้วยสติและสัมประชัญญะที่สมบูรณ์พร้อม-จะบังคับก็ได้ไม่บังคับก็ได้
ดังนั้นท่วงท่าจะแปรเปลี่ยนสุดคนานับ
ที่ไห้ไว้เป็นท่าแม่แบบ ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ

พระบิด ที่ทำให้ผู้ถืออยู่ ต้องทำท่าต่างๆ ที่นายเต๊ะจุ้ยกล่าวถึง(ในกระทู้ข้างเคียง)ก็คือ วิชาฤๅษีลีลานี้เอง

 

อาจารย์ ใบบัวบก กับกระชาย และมะนาว อาจารย์อ่ะ รสชาด แหล่มดีค่ะ

 

โรยเกลือสักนิด เติมน้ำตาลทรายแดง(โอวทิ้ง)อีกสักหน่อย หย่อยอย่าบอกใคร

รักษาอาการช้ำใน และกระจายลิ่มเลือดเล็กๆที่แฝงอยู่ในอวัยวะภายในได้
แก้อาการปวดลึกๆในร่างกายได้ดี

 

ขอเรียนถาม ท่านอาจารย์ suwi ถึงวิธีหรือยาที่ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน ครับ....ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

โรคสะเก็ดเงิน แผนปัจจุบันถึอเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง การรักษาจเน้นมุ่งกำจัดเชื้อที่ทำให้เกิดโรค ที่ผิวหนัง
และกล่าวกันว่ารักษาไม่หาย จะเพียงค่อยยังชัว ดีขึ้น แล้วกลับเลวลง ทรงๆทรุดๆอยู่เช่นนั้น

แต่ในแผนไทย ถึอว่า โรคนี้มีกิมิชาติ(เชื้อโรค)หลบซ่อนอยู่ในกาย ทีอวัยวะภายใน
เมื่ออยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ย่อมขับถ่ายของเสียออกมา อยู่ในกระแสเลือดและน้ำเหลือง
ของเสียที่เชื้อเหล่านี้ขับออกมา ร่างกายมนุษย์เราจะขับออกมาที่ผิวหนัง
ทำให้ลักษณะของผิวหนังผู้เป็นโรคจะนูนแข็ง แตกเป็นขุย มีน้ำเหลืองไหล
การักษาต้องกินยาเข้าไปไล่เจ้าเชื้อกิมิชาติที่หลบอยู่ภายในให้เหลือน้อยสุด
และให้ยาที่ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน สามารถขจัดของเสียที่เจ้ากิมิชาติเหล่านี้สร้างไว้ในระบบโลหิตและน้ำเหลือง

ยาที่จะใช้มี ๓ ขนาน

ขนานที่ ๑ ยาต้ม ขจัดกิมิชาติภยใน
ตัวยาประกอบด้วย

ตำรับยา<O</O
๑. รากชุมเห็ดเทศ หนัก ๕ บาท<O</O
๒. รากทองพันชั่ง หนัก ๕ บาท<O</O
๓. ขันทองพยาบาท หนัก ๕ บาท<O</O
๔. หัวหนอนตายอยาก หนัก ๕ บาท<O</O
๕. แก่นปรู หนัก ๕ บาท<O</O
๖. ข้าวเย็นเหนือ หนัก ๕ บาท<O</O
๗. ข้าวเย็นใต้ หนัก ๕ บาท<O</O
๘. กำมะถันเหลืองหนัก๓บาท<O</O
๙. ผักเสี้ยนผีหนัก ๓ บาท<O</O
<O</O

วิธีทำกิน(ยาที่ให้ไว้ต้มกินได้ประมาน ๒-๓วัน) ให้กินติดต่อกัน ๑ อาทิตย์ แล้วเว้น ๑ อาทิตย์ อาทิตย์ต่อไป(อาทิตย์ที่ ๓) ต้มกินอีกครั้ง สลับกันไปเช่นนี้
ต้มกินทั้งหมด ประมาณ ๓-๔ ครั้ง(อาทิตย์เว้นอาทิตย์)<O</O
ล้างฝุนผง ใส่น้ำท่วมตัวยา ต้ม ๓ เอา ๑ (ใส่น้ำ ๓ ส่วนต้มเหลือ ๑ ส่วน)<O</O
กินครั้งละ ๑-๓ ถ้วย ตะไล(ถ้วยชาจีน) ถ่ายมากให้ลดยาลงไม่ถ่ายให้เพิ่มยา
กินวันละ ๓ ครั้ง ก่อนอาหาร


ขนานที่ ๒ ยาชำระน้ำเหลืองแก้ภูมแพ้
ตัวยาประกอบด้วย
๑. ฟ้าทะลายโจร ๒ ส่วน
๒. เหงือกปลาหมอ ๒ ส่วน
๓. ผักเสียนผึ ๑ ส่วน
๔. ใบบัวบก ๑ ส่วน
๕. กระชาย ๑ ส่วน
๖. ดีปลี ๑ ส่วน
๗. พริกไทยร่อน ๑ ส่วน

วิธีทำกิน ตากแห้งบดผง ผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเม็ดในมะยม
กินครั้งละ ๕-๗ เม็ด วันละ ๔ ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน
กินทุกวัน

ขนานที่ ๓ เป็นยาประสะผิวชำระโรคที่ผิวหนัง
ยาประกอบด้วย
๑ น้ำมัมะพร้าว (เวอร์จิ้นออย) ๑ ขวดเล็ก ๒๐๐ ซีซี
๒.ข่าแก่
๓.กระเทียมไทย
๔.ขมิ้นชัน
วิธีทำ ยา ในข้อ ๒ ๓ ๔ เท่าๆกัน พอประมาณ ทุบให้แตก ต้มในน้ำมันมะพราวในข้อ ๑ ด้วยไฟอ่อนมากๆ (ใช้เทียนต้ม)
กะพอให้ตัวยาละลายออกมามากพอควร(สัก ๑/๒-๑ ชัวโมง)
กรองเอาน้ำมันใสๆไว้
ทาบ่อยๆที่ผื่นตามตัว ขุยสะเก็ดแข็งจะค่อยๆล่อนออกมา

<O</O

 

ผู้ที่ต้องการรู้เรื่องเกียวกับ

การอาบ น้ำอุ่น/น้ำร้อน - น้ำเย็น/น้ำแข็ง

เพื่อการรักษาโรค และการเพื่อการฝึกตนให้ก้าวสู่ความเป็นมนุษย์พิเศษ

ให้ฝึก เกสาโลมา (ต้องฝึก) และอ่าน เส้นสิบพิศดาร ให้ศึกษาเตรียมไว้ จึงจะเข้าใจในสิ่งที่สุวิเขียนอย่างท่องแท้
อาทิตย์หน้าจะมาเขียนเล่าให้ฟัง

วันนี้ขอตัวไปทำงานก่อน

 

อ.สุวิท ผมอายุ52มีอาการร้อนๆวูบๆในร่างกายใบหน้าบ้างเท้าบ้างข้างนอกเย็น ทานข้าวลงไปแต่เหมือนติดที่ลำคอๆีมีลมจุกๆอยู่ แล้วจะแน่นๆหลังปวดเหมื่อย ตามแขนขา
บ่าต้อคอ อาการเช่นนี้เป็นเพราะอะไรทานยาอะไรดีครับ อ.ช่วยจัดยาให้ด้วย และสามารถซื้อจากท่านอ.ได้ที่ไหนครับ ที่อ.ทำไว้ขายมีไหมครับ ขอบคุณ

 

ขอถามเป็นความรู้ค่ะอาจารย์ พวกผักเสี้ยนผี หัวหนอนตายยาก อะไรนี่ หน้าตาต้นมันเป็นยังงัยคะ คือหนูตามอ่านหลายรายการ เห็นมี เค๊าหาซื้อกันที่ไหน เวลาขาย หนัก ห้าบาท นี่ คืออะไรคะ พวกนี้หาซื้อตามที่

 

ตามที่ไหนได้บ้าง ตามต่างจังหวัด และในกรุงเทพเค๊าหาซื้อกันที่ไหน

 

ขอบคุณนะครับอาจารย์

 

สวัสดีครับ อาจารย์ Suwinand,

ผมเป็น้องใหม่ เพิ่งจะสมัครเป็นสมาชิก วันนี้ นั่งอ่านหมด ทั้ง 28 หน้า Copied ไว้หลายเรื่อง จะมาอ่านและ Edit เป็นเรื่องๆ ประมาณ 4 เรื่อง เสร็จแล้วจะส่ง Mail ให้อาจารย์ตรวจก่อน จะนำไป เผยแพร่.

 

Attn: Suwi

Anumotana

Thank you for your contributions, kindness and many other knowledges.

 

ขอบพระคุณมากครับ

 

ถ้าให้อธิบาย ลักษณะของพืชสมุนไพร ให้คนไม่รู้จัก ให้นึกภาพออก คงจะยากในการสื่อสารให้นึกรู้นึกเห็นตรงกันได้
เอาเป็นว่า ไอ้ที่คุณถามมา มันเป็นต้นพืช หรือส่วนของต้นพืช ที่ใช้เป็นสมุนไพร
การหาซื้อ คงหาซื้อได้ตามร้านขายยาไทยทั่วไป (ร้านยาจีนบางร้านก็มีขาย)
ที่กรุงเทพฯหาได้ที่ ร้านเจ้ากรมเป๋อ ร้านเวชพงษ์โอสถ อยู่แถววัดสามปลื้ม

น้ำหนัก ห้าบาท คือน้ำหนัก ตามมาตราชั่งตวงวัดของไทย หนัก ห้าบาท(ประมาณ 75 กรัม)

น้ำหนัก ๑ บาท เทียบน้ำหนักสากลได้ประมาณ ๑ บาท = 15 กรัม
ทองคำที่มีขายในบ้านเราก็ขายตามน้ำหนัก เป็นบาทเช่นกัน เช่นทอง หนัก ๑บาท ทองหนัก ๕ บาท

 

ตอนแรกงงๆกับอาการของคุณ
พอเหลือบดูอายุจึงนึกออก
นี่เป็นอาการของคนที่เป็นโรควัยทอง(และมีโรคลมตามวัยผสมด้วย)
ผมจะส่งยาอายุวัฒนะพระนารายณ์(พิเศษ)มาให้ ซึ่งยาตัวนี้จะแก้อาการนี้ได้ดีทั้ง ชายและหญิง และมีตัวยาบำรุงระบบโลหิตบำรุงสมองด้วย
และขอให้หายาหอมแก้ลมบำรุงหัวใจมากินสักพัก โดยกินวันละ ๓-๔ มื้อ ก่อนอาหารและก่อนนอน

อ้อ หลังจากกินยาอายุวัฒนะไปแล้วสัก ๓-๕ วัน ตอนเช้า ให้อาบน้ำเย็นรดหัว แล้วเอาฝ่ามือตบ ที่หลังคอ หลังศีรษะ บ่า ลำตัว บ่อยๆ ร่างกายจะแข็งแรงขึ้น

 

รบกวนวิเคราะห์อาการ

เรียน อาจารย์ Suwi

ขอเล่าอาการก่อนเลยน่ะครับ เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมเริ่มมีอาการใจสั่นหลังจากดื่มกาแฟในตอนบ่าย (ซึ่งปกติจะดื่มประจำวันละ 1 แก้ว) และมีอาการทุกวันหลังจากนั้น และในตอนเย็นหลังเลิกงานจะมีอาการหมดแรง หลังอาบน้ำเสร็จก็หลับได้ทันที อาการใจสั่นเริ่มเป็นบ่อยขึ้น บางครั้งขณะพูดต้องหยุดพักเหมือนจะหายใจไม่ทัน บางครั้งมีอาการเหมือนปวดเสียดที่หัวใจหรือชายโครงด้านข้าง
ผมได้งดกาแฟ และไปพบแพทย์ ตรวจพบว่าหัวใจค่อนข้างเต้นเร็วจึงได้ตรวจอัลตร้าซาวด์ หมอบอกว่าหัวใจแข็งแรงดี และให้ยาเพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งดูเหมือนว่าจะดีขึ้น
แต่สัปดาห์ที่แล้ว ผมเริ่มมีอาการจุกในลำคอ และต้องเรอออกมา เวลากลืนน้ำลายเหมือนมีอะไรพองในจมูก และมีอาการไอเรื้อรัง (บางครั้งไอแห้ง บางครั้งมีเสมหะปนออกมาด้วย)
ปกติผมเป็นโรคภูมิแพ้อากาศซึ่งเป็นหวัดและไอเป็นประจำ
รบกวนอาจารย์ ช่วยแนะนำในการรักษาด้วยครับ

เป็นพระคุณอย่างสูง
สุวิทย์

 

อาการที่คุณเป็น ความจริงมันเริ่มมานานแล้ว แต่คุณไม่ได้สังเกตุ
หลังอาหาร มีอาการท้องอืดแน่นเหมือนกับอาหารไม่ย่อย อึดอัดในอกและมีอาการเหมือนหายใจไม่เต็มปอด
อาจมีเสียงวิ้งๆในหูบ้างในบางเวลา
ณ ปัจจุบันผมว่าคุณน่าจะมีอาการไขมันในเลือดเกิน (ลองไปตรวจดู)

คุณไปหาหมอปัจจุบัน และตรวจดูด้วยอุนตราซาวด์แล้ว พบว่าหัวใจแช็งแรง
น่าจะตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจดูด้วย จะมั่นใจกว่า ว่าการเต้นที่เร็วขึ้น มีการสะดุดหรือสบัดหรือไม่

อย่างไรก็ดี หากหัวใจคุณแข็งแรง อาการของคุณที่เล่ามาเป็นอาการของโรค
"โรคลมดันหัวใจ" อันเป็นอาการข้างเคียงแบบหนึ่งของโรคกรดไหลย้อน

การรักษาแผนไทยที่ผมใช้อยู่ รักษาแบบเดียวกันกับโรคกรดไหลย้อน คือ
๑. กินยาปลูกเตโช(หรือกาลาธิจร)
๒. ยาขมมิ้นทอง (ขมิ้นชัน&บอระเพ็ด)
๓. ยาหอมแก้ลมบำรุงหัวใจ(ครั้งละ ๑ ช้อนชา วันละ ๔ มื้อ)

***และยังให้คงกินยาขยายเส้นเลือดหัวใจและยาลดความดัน/ลดการเต้นของหัวใจ ของหมอแผนปัจจุบันอยู่ อีกสักพัก แล้วจึงค่อยๆเลิก

หรือทำยาไทยกินเองก็ได้ขนานเดียวจบ ได้เคยให้สูตรยาไว้แล้ว ในหัวข้อยาแก้ลมดันหัวใจ จำไม่ได้แล้วอยู่หน้าไหน
ประกอบด้วย ดอกคำฝอย สะเดาอ่อน กระเทียม ขิง ฯลฯ ขอแรงเปิดย้อนดูนะ อยู่หน้าแรกๆนะ