ตลาดน้ำ4ภาคเมืองพัทยา แหล่งเที่ยวปีใหม่(ใกล้นิดเดียว)

ตลาดน้ำ4ภาคเมืองพัทยา แหล่งเที่ยวปีใหม่(ใกล้นิดเดียว)

คอลัมน์ บันทึกเดินทาง

โดย ปิติพงษ์ เมืองสง



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
เรือขายผลไม้ไทยโบราณหลากชนิด

แม่ค้าพายเรือปรุงอาหารสดใหม่

</TD></TR></TBODY></TABLE>ใครไม่รู้จัก"พัทยา"ยกมือขึ้น (เงียบ..)

ถูกต้องแล้ว!! เพราะหากใครไม่รู้จักพัทยายุคนี้ถือว่าเชยระเบิด

ชื่อของพัทยาขึ้นชาร์ตติดอันดับเป็นเมืองของโลกไปแล้ว เพราะฉะนั้นแม้แต่ฝรั่งมังค่ามุมไหนของโลกต่างรู้จักพัทยา เมืองที่ยามค่ำคืนคลาคล่ำไปด้วยนักท่องราตรีทั้งไทย-เทศ ที่ผลัดเปลี่ยนเข้ามาสัมผัสความสุข

กลางวันมองหาดทรายเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินอนทอดกายให้เเสงแดดอาบไล้ผิว หันไปท้องทะเลเห็นเครื่องเล่นทางน้ำหลากชนิดให้เลือกสรรเติมพลังความสนุกให้ชีวิตอย่างไม่รู้เบื่อ

"เป็นภาพของพัทยาที่ใครต่อใครคุ้นเคย"

แต่เวลานี้มีสิ่งหนึ่งกำลังเปลี่ยนแปลง ทำให้เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

"ตลาดน้ำ 4 ภาคเมืองพัทยา" คือความเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏให้สัมผัสถึงวิถีชีวิตไทยทั้งสี่ภาคของประเทศ เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมแห่งใหม่ ที่ได้รับการรับรองจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เป็น 1 ใน 30 อันซีนไทยแลนด์

ออกจากกรุงเทพฯขับรถมาตามถนนสุขุมวิท-พัทยา ขับผ่านทางเลี้ยวเข้าพัทยาเหนือ พัทยากลาง เลยทางเข้าพัทยาใต้ไปนิดก็จะเห็นเรือนไทยตั้งโดดเด่นอยู่ทางซ้ายมือ

ภาพที่เห็นจากประตูทางเข้า คือ บึงน้ำจืดธรรมชาติขนาดกว่า 30 ไร่ ได้รับการเนรมิตเป็นที่ตั้งของเรือนไทยนับร้อยหลัง ใช้เส้นทางสัญจรทางน้ำเหมือนในอดีต พร้อมเรือขายสินค้าหัตกรรมพื้นบ้านจากสี่ภูมิภาค พายลอยลำรอต้อนรับผู้มาเยือน แสดงถึงวิถีความเป็นไทยบนผืนน้ำในเมืองพัทยาเป็นครั้งแรก

ทันทีที่เดินเข้าไปภายในเสียงดนตรีไทยทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับแขกเข้าบ้าน ด้วยทำนองสบายหูผสานกับสายลมเย็นจากผืนน้ำรายรอบช่วยลดอุณหภูมิภายในใจให้เย็นลงได้เป็นอย่างดี <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
บรรยากาศตลาดน้ำที่เรือนไทย

ร้านหัตถกรรมทางภาคเหนือ

สินค้าหัตถกรรมราคาถูก

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ด่านแรกก็สัมผัสกับ "พิพิธภัณฑ์ไม้แกะสลัก" ที่มี "พระพิฆเนศ" เเกะสลักไม้องค์ใหญ่อยู่ภายในให้ผู้มาเยือนสักการะบูชา พระพิฆเนศได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งปราชญ์และมีความรอบรู้ในด้านวิชาการต่างๆ ไม่เฉพาะแต่พระพิฆเนศเเกะสลักไม้องค์ใหญ่เท่านั้นที่อยู่ภายใน แต่ยังมีงานเเกะสลักไม้ต่างๆ อีกมากมาย ทุกชิ้นอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี

"เฉลิมพล มหาโคตร" เจ้าของชิ้นงานไม้แกะสลักทั้งหมดที่นำมาจัดแสดง บอกเล่าถึงงานไม้แกะสลักในตลาดน้ำแห่งนี้ว่า ปกติเป็นคนชอบงานไม้แกะสลัก จึงชอบสะสมเป็นการส่วนตัว เมื่อเห็นว่าที่ตลาดน้ำแห่งนี้เน้นเรื่องวัฒนธรรมความเป็นไทย จึงเข้ามาร่วมจัดแสดง เพราะคนรุ่นหลังจะมีโอกาสได้รู้ได้เห็นถึงความสวยงามของไม้แกะสลัก ดีกว่าเก็บไว้ชื่นชมคนเดียว

ถัดจากพิพิธภัณฑ์ไม้แกะสลักลัดเลาะไปตามเส้นทางเดินจะพบกับร้านค้าหัตถกรรมพื้นบ้านของไทยตั้งเรียงรายมากกว่าหนึ่งร้อยร้านค้า แบ่งเป็นภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ มีการออกแบบตามลักษณะสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภาค

ทำให้ได้ความรู้ใหม่ว่า "เรือนไทย" แต่ละภูมิภาคนั้นมีความแตกต่างกันอยู่ที่ "หน้าจั่ว" เช่น ทางภาคเหนือจะเป็น "กาแล" ใช้ไม้ไขว้กันประดับอยู่ที่จั่วหลังคาบ้าน อาจแกะสลักเป็นลวดลายก็ได้ พร้อมกับแป้นน้ำย้อยแกะสลักฉลุเป็นลวดลายงดงามตามชายคาบ้าน ดูแปลกตา

ถ้าเป็นภาคใต้ หลังคาบ้านจะมีทรงสูง มีความลาดชัน ซึ่งมีสามแบบ คือ หลังคาจั่ว หลังคาปั้นหยา และหลังคาจั่วมนิลา ซึ่งจะมีการต่อชายคาออกไปคลุมบันไดเนื่องจากฝนตกชุกมากในภาคใต้ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
ศาลาอเนกประสงค์ให้นักท่องเที่ยวนั่งรับประทานอาหาร

พิพิธภัณฑ์ไม้แกะสลัก

</TD></TR></TBODY></TABLE>

สำหรับสินค้าที่วางจำหน่ายในแต่ละพื้นที่จะแบ่งประเภทไปตามลักษณะของภาค ยกตัวอย่างทางภาคเหนือจะเป็นพวกผ้าฝ้าย ผ้าไหมทอมือ ส่วนเครื่องทองเหลือง เครื่องจักสาน เครื่องเงิน เป็นของภาคอีสาน รวมถึงงานจิตกรรม ฯลฯ

ใครที่ชื่นชอบสินค้าหัตถกรรมฝีมือชาวบ้านล้วนๆ ต้องไม่พลาดสถานที่แห่งนี้

เมื่อเดินจนเหนื่อยถึงเวลาหยุดพักเติมพลัง ก็จะพบร้านอาหารมากมาย ทั้งบนเรือนไทยและส่วนใหญ่ที่พายเรือขายกันขวักไขว่ เป็นอาหารที่นิยมขายบนเรือตามตลาดน้ำที่เคยพบเห็น ตั้งแต่กาแฟโบราณ ผลไม้ไทย ก๋วยเตี๋ยวเรือ ขนมจีน ข้าวแกงต่างๆ ขนมไทยๆ อย่างขนมครก ทองหยิบทองหยอดที่ทำกันสดๆ ฯลฯ

แม่ค้าผัดไทยโบราณในเรือลำหนึ่งที่พายขายอยู่ใกล้ๆ ตลิ่ง ให้ความรู้เกี่ยวกับผัดไทยโบราณ ว่าผัดไทยโบราณจานเด็ดนั้น มีจุดเด่นคือ "ของแท้ต้องไม่ใส่หมู" เพราะเมื่อก่อนที่มีอาหารชื่อผัดไทยเกิดขึ้นคนไทยไม่นิยมฆ่าหมู เพราะเป็นสัตว์ใหญ่ บางคนมองว่าเป็นอาหารของคนจีน จึงกินเฉพาะเวลางานฉลองสำคัญ ส่วนคนไทยนั้นจะกินไก่ กินปลา เป็นหลัก

ที่นั่งรับประทานอาหารสามารถเลือกจับจองได้ตามใจชอบ มีทั้งปูสื่อนั่งริมตลิ่ง หรือซื้อไปนั่งรับประทานที่ศาลาเอนกประสงค์ใจกลางตลาดน้ำที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ บรรยากาศเย็นสบายทุกที่ นอกเหนืออื่นใดบรรยากาศการหยอกล้อเย้าแหย่ระหว่างแม่ค้ากับนักท่องเที่ยวสร้างรอยยิ้มสดใส หาดูได้ยากยิ่งในชีวิตเมืองหลวง

จุดเด่นของตลาดน้ำแห่งนี้อยู่ที่ "เรือ" ที่ใช้ค้าขาย มีความน่าสนใจยิ่ง อย่างแรกทุกลำมีผ้าสีสันต่างๆผูกอยู่หัวเรือ แม่ค้าประจำเรือลำหนึ่งให้คำตอบว่า เรือทุกลำมีเทพอาศัยอยู่ที่โขนเรือ หากให้ความเคารพนับถือ เซ่นไหว้เป็นประจำจะทำให้เจ้าของเรือและลูกเรือมีสวัสดิมงคล มีความสุข ความปลอดภัย

นอกจากพายเรือขายอาหารและสินค้าหลากชนิดแล้ว ที่ตลาดน้ำแห่งนี้ยังมีบริการพายเรือเที่ยวชมตลาดน้ำด้วย โดยจ่ายเงิน 200 บาทต่อเที่ยว นั่งได้ประมาณ 4 คน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็จะได้เห็นบรรยากาศตลาดน้ำทั้งหมด และใครที่ไม่เคยพายเรือมาก่อนจะลองขอฝึก "จ้ำพาย" ด้วยก็ได้ไม่ว่ากัน

ที่ด้านหลังสุดของตลาดน้ำปลูกดอกไม้สีเหลืองสดเป็น "ทุ่งทานตะวัน" ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพากันตั้งท่าถ่ายภาพกลับไปเป็นที่ระลึก ใกล้ๆ กันเป็น แปลงนาเกษตรสาธิต ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำน ตั้งแต่การหว่าน ไถ กระทั่งเก็บเกี่ยว

เจ้าหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยวในตลาดน้ำ เล่าว่ทุกเสาร์-อาทิตย์จะมีการสาธิตเกษตรกรรมรูปแบบต่างๆ รวมถึงลานกิจกรรมจะมีการละเล่นที่บางอย่างคนรุ่นหลังอาจไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น "ลานเถิดเทิง" ของภาคกลาง นักท่องเที่ยวจะได้เห็น "เถิดเทิง" หรือ กลองยาว ซึ่งเป็นกลองชนิดหนึ่งของไทย นิยมตีนำขบวนแห่ต่าง ๆ

"ลานโนราห์" ของภาคใต้ มีการแสดงรำ "มโนราห์" ศิลปะที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน นำมาจัดแสดงเป็นการสืบทอดมรดกชาวใต้ให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เพราะปัจจุบันหาดูยากเต็มที

ไม่อยากเดินทางไกลให้เสียเวลา ปีใหม่นี้แวะเวียนไปได้ "ตลาดน้ำสี่ภาคเมืองพัทยา" เปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน ช่วงกลางคืนจะเปิดบริการในรูปแบบไนท์พลาซ่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวหย่อนใจเชิงวัฒนธรรมแหล่งใหม่ที่ใกล้เมืองหลวงนิดเดียว

[FONT=Tahoma,]หน้า 23[/FONT]


http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01tra01281251&sectionid=0139&day=2008-12-28

 

ได้ยินชื่อมาหลายครั้งแระ ต้องหาโอกาสไปชมซะแล้ว

 

อยู่ใกล้บ้านอุ้มแค่นิดเดียวเองค่ะ ตั้งแต่เปิดมาได้แต่ผ่านๆ ยังไม่เคยเข้าไปเดินเลย แต่ช่วงสุดสัปดาห์ รถจอดกันเต็มไปหมดเลยค่ะ กลางคืนประดับไฟสวยงามมาก ร้านอาหารเขาก็อร่อยเห็นมีคนเล่าให้ฟัง ใกล้ๆแค่นี้เองยังหาโอกาสไปไม่ได้เสียที ใครจะมาพัทยาก็บอกนะค่ะ จะได้ไปพร้อมกันเนาะ

 

เดี๋ยวไปเมื่อไหร่ จะขอเชิญเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ นะเจ้าคะ

 

อยากไปจังค่ะ...
เดือนหน้าไปจันทร์ อาจจะลองแวะชม
ขอบคุณนะคะที่แนะนำสิ่งดีๆๆให้ได้ชม...

^_^

 

น่าไปครับใกล้กรุงเทพแค่นี้เอง

 

น่าไปค่ะ

 

พึ่งย้ายครอบครัวไปอยู่ชลบุรี ไม่นานนี้เอง ยังไม่รู้แหล่งที่เที่ยวดีพอ คุณอุ้มพอจะบอกได้ไม่ค่ะว่า ตลาดที่ว่าอยู่แถวไหน มีที่อยู่แผนที่มั้ยค่ะ?

 

ขอบคุณ จขกท ค่ะที่นำสารดีๆมาฝาก น่าไปเที่ยวจัง ไปเมืองไทยคราวนี้ต้องไปเที่ยวให้ได้

 

แผนที่ครับ และภาพสวย ๆ

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mungkood&month=16-11-2008&group=53&gblog=3

 

น่าไปจังเลยค่ะ

 

คุณเฮียปอแกมาตอบแทนให้แล้ว คงได้ข้อมูลครบแล้วนะค่ะ อยู่ใกล้บ้่านอุ้มมากเลย พรุ่งนี้อุ้มหยุดอุ้มก็ว่าจะแวะเข้าไปเที่ยวช่วงแดดล่มๆค่ะ ไปกลางวันอาจจะร้อนไปหน่อย แต่พรุ่งนี้คนเยอะแน่ๆ เพราะแค่วันนี้รถแน่นเมืองพัทยาเลยค่ะ ถ้าอยากได้สถานที่ืท่องเที่ยวอื่นๆในระแวกนี้อุ้มจะแนะนำให้อีกทีนะค่ะ มีที่ท่องเที่ยวเยอะมากเห็นออกมานอกตัวเมืองพัทยาอย่างนี้เถอะ ชายหาดสวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ

 

บรรยากาศในยามค่ำคืน







เดินชมได้ครึ่งทาง พบร้านกาแฟซึ่งตกแต่งแบบโบราณ ขอนั่งชิมลิ้มรสกาแฟสักนิดได้อรรถรสอีกแบบหนึ่ง

 

เดินผ่านหน้าร้านซึ่งกำลังจะปิดร้านแล้ว เจ้าของร้านใจดีอนุญาตให้เราเข้าไปไหว้พระและเยี่ยมชมภายในร้าน

 

น่าสนุกนะ...ถ้าไปเป็นกลุ่มคงจะหากันยากแน่ ๆเลย ถ้ามีโอกาสจะต้องไปให้ได้

 

ความงามของภาพวาดที่ถ่ายทอดจากจิตวิญญาณของผู้ที่เป็นนักวาดภาพ

 

ขอขอบคุณ คุณจิตต์ ที่นำภาพสวยๆมาลง ทำให้อยากไปบ้าง....

 

สวยงามมาก ๆ เลยครับ ... ขอบคุณครับที่นำภาพสวย ๆ มาให้ชม

นางแบบก็ดูดี สถานที่ก็งดงาม กลางคืนสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง เดี๋ยวต้องไปมั้งดีกว่า

.

 

ดูจากกระทู้แนะนำก็สัมผัสถึงวิถีชีวิตไทยทั้งสี่ภาคของประเทศได้เลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลละเอียดและภาพสวยงามมากค่ะ

 

เด๋วต้องหาโอกาสไปบ้างซะแร้ว ยังไม่เคยได้ไปตรงนี้เลย