มีพระอรหันต์ องค์ใดบ้าง ที่บรรลุโดยไม่มีสมถะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 17 ธันวาคม 2008.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ที่นี้คุณวิษณุลองอ่านพระสูตรที่สอนฆารวาส ที่เริ่มด้วยเรื่องศีล5 ดู จะเห็นว่า
    คล้ายๆกัน จะเป็นการเทศน์ที่เอื้อให้เกิดองค์ธรรมของฌาณสลับไปสลับมา

    พอศรัทธาอินทรียเริ่มปรากฏก็จะเทศน์ให้มีศรัทธาอินทรียเพิ่มขึ้นแล้วก็สลับไป
    สลับมาในเรื่องปิติ กับสุข

    แต่ตรงนั้นเมื่อพิจารณาไปกลับไม่ใช่หัวใจ เป็นเพียงบาท หัวใจกลับอยู่ที่สติปัฏฐาน4
    ทั้งสิ้นซึ่งจะพูดให้เห็นโดยมีคำว่า รู้ รู้ชัด หรือ ดับ กำกับ แต่ไม่ได้หมายถึงดับสิ้น มัน
    เป็นเพียงการตั้งมั่นในการเห็นมันพรากออกไปจากการยึดมั่นถือมั่น

    อีกแง่ เรื่องของฌาณนั้นส่งให้มีให้น้อมได้ แต่เรื่องของปัญญานั้นต้องเห็นเองยกเอง
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ดีครับ แบบนี้แจ่ม มีมานะ แต่มันเล่นงานเราไม่ได้

    หากมันเล่นงาน คือ ลากเราไปมีมานะ เราจะไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ

    จะรู้ว่า อาจจะส่งให้ตกนรก หรือ เป็นอสุรกายได้

    พอระลึกดูอยู่ ก็เรียกว่า พอแยกมันออกจากการเห็นเป็นเรา ก็พอมีทางรอด

    แต่น่าหวาดเสียวนะครับ ก็ต้องดูดีๆ บางทีมันซ้อนกลได้นะ

    ถ้าสงสัยเรื่องมานะ อยากให้คนอัดเรื่องมานะ ผมมีสองคนช่วยคุณได้

    1. อ.ขันธ์ 2. k.kwan จะสองลีลา คนหนึ่งอัด คนหนึ่งชี้ตล่อมๆ

    ส่วนผมนั้น จะซ้อนกลไปมา อ่านแล้วมักงงครับ เพราะจะวางหมาก
    เอาไว้เพื่อรอดูสภาวะ ถ้าปรากฏว่ามีตามที่คาดไว้ก็จะชี้ตรงๆ แต่เนื่อง
    จากเป็นกระทู้ มันเลยชี้สดๆไม่ทัน คนอ่านจะต้องระลึกย้อนหลังไปเห็น
    เอาเอง ซึ่งก็ต้องลดมานะลงนิดหน่อย ไม่งั้นทิฏฐิมันนำหน้าก็จะทะเลาะ
    กันให้คนอื่นเขาเห็น (แต่ลึกๆไม่ใช่)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2008
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อันนี้ผมก็เห็นว่าถูก แต่ยังไงเสียก้ต้องตั่งมั่นก่อนหรือสมถะก่อนอยู่ดี .... บางคนไปทำสมาธิมากไปเลยเนิ่นช้า แต่ก้ไปถึงบ้านได้ ถ้าเป็น สัมมาสมาธิ เพราะฉนั้นองค์ รวม ที่จะบรรลุอรหันต์ ก็ต้องมี ความตั้งมั่น มีปีติ ก่อน อันนี้ผมเห็นว่าชัดถ้าว่าในการวิเคราะห์นะครับ....ส่วนปัญญาถูกเลยมันต้องเห็นของมันเลยหรือเห็นเองไม่ได้เป็นการทำหรือคิดเอา
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ขอบคุณครับ...ช่วงนี้ก็อาศัย..อาจารย์มานะ...ในเวปไปก่อน...อิอิ
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เรื่องฌาณ หรือ สมาธิ ก็อย่างที่แจงไปว่าดูที่องค์ประกอบขององค์ฌาณ (วิตก วิจาร
    ปิติ สุข เอกกัคตา) แต่มีอีกมุมหนึ่งก็คือ การไม่มีนิวรณ์ครอบงำ อันนี้ก็ถือว่าเป็น
    สภาวะสมาธิได้

    สภาวะสมาธิจึงเข้าได้ทั้งทางการทำสมถะนำหน้า และวิปัสสนานำหน้า

    ส่วน สัมมาสมาธิ คือ การตั่งมั่นในการรู้อยู่เฉพาะที่กายที่ใจตน ไม่จมในนิมิต และไม่
    ไปดูอะไรอยู่ข้างนอก อยาตนะอะไรกระทบจะพร้อมรู้(รู้ตัวทั่วพร้อม) แต่ไม่ใช่ไปรู้
    เสียทุกๆส่วนจนฝุ้ง(นิวรณ์)

    คนที่ฟังเทศน์แล้วบรรลุก็เพราะ มีการตั่งมั่นดูกายดูใจตนอยู่ แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ
    การมีฌาณอยู่ บางสำนักสอนว่าฌาณต้องเห็นนิมิตเท่านั้นเท่านี้กำลัง ซึ่งนั่นมันส่ง
    จิตออกนอกไปจากกายจากใจตน จะเห็นว่าไม่ใช่สัมมาสมาธิ
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ตัวอย่างนะ

    คำว่า อิอิ ดูดีๆครับ มันมีแสบๆคันๆ แฝง นี่แหละมานะอาการหนึ่ง

    ถ้าเป็นผม เมื่อก่อนก็จะ อิอิ เหมือนกัน แต่ตอนนี้เลื่อนขั้นแล้ว จะใช้

    [​IMG] หนักขึ้นก็จะ [​IMG]
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ที่พึงพระพุทธศาสนา...อนุโมธนานะครับ... จะเรียกว่า สมถะนำ หรือ วิปัสนานำ ก้เป็นเพียงวิธีการเท่านั้นเป็นเช่นนั้นเอง...
     
  8. ผมยังเลวอยู่มาก

    ผมยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +539
    สำหรับพระพาหิยะ..ผมวิเคราะห์แบบนี้ครับ ก่อนที่พระพาหิยะ ได้ข่าวถึงพระพุทธเจ้านั้น ท่านก็รีบเดินทางไปรอพบด้วยใจที่เบิกบาน เป็น สุข ปีติ ก้เกิดขึ้น สลับไปสลับมาระหว่างเดินทางอยู่แล้ว และเมื่อรอพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ยิ่งพอได้เห็นพระพุทธเจ้ายิ่งมีปีติเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สลับกับสุขใจขณะนั้น ซึ่งจะนับแล้ว ก็เป็นองค์ของปฐมฌาน นี่เอง พอได้ฟังพระพุทธเจ้าเพียง สิ่งใดเห้นสักแต่ว่าเห็นเท่านั้น พระพาหิยะ ก็สู่อรหันต์ทันที...จึงเห็นได้ว่า องค์ปฐมฌาน ก็เป็นองค์ฌานส่ง วิปัสนาจนบรรลุอรหันต์ได้.....และด้วยการที่พระพาหิยะได้ทำ วิปัสนาอย่างถูกต้องเป็นตัวช่วยด้วยในชาติปางก่อนแต่ไม่สำเร็จ..เลยมาสำเร็จชาตินี้
    ส่วน พระอรหันต์องค์อื่นๆพระพุทธเจ้าท่านจะเทศให้ฟังก่อนนานกว่าพระพาหิยะ ซึ่งทำให้ผู้ฟังน้อมฟังไปในธรรม สู่องค์ปฐมฌาน มีปีติ สุขสลับ อย่างเช่น พระจูฬปันถก พระพุทธเจ้าท่านให้ผ้าขาวบาง ผืนนึงให้พระจูฬปันถก จับผ้าแล้ว ลูบผ้าไปเรื่อยๆ จนผ้าเริ่มดำ พระพุทธเจ้าท่านก็เทศให้ฟังต่อจนอารมณ์พระจูฬปันถก บรรลุอรหันต์ และยังได้ ยกว่าพระจูฬปันถก เป็นพระอรหันต์ที่เลิศกว่าภิกษุอื่นด้าน..มโนมยิทธิ..อันนี้ก็แปลกนะ ท่านเลิศด้านมโนมยิทธิ แต่ไม่ได้ฝึกมโนมยิทธิ... [/quote]

    คุณจงอย่าลืมว่า สาวกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมีมาอย่งน้อย 1 อสงไขย กับแสนกัป ติดตามพระตถาคตมาก่อน ไม่งั้นบารมีไม่ถึงพอบรรลุธรรมไม่ได้ อย่างพระจูฬปันถก การที่ท่านเป็นเลิศทางมโนมยิทธิ เพราะท่านเคยได้มาก่อนในอดีตชาติ และเคยอธิษฐานมาก่อนว่าให้ได้เป็นสาวกที่เลิศทางด้านนี้
    ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระพุทธเจ้าทรงตรัสเหตุแห่งธรรมนั้น สาธุ
     
  9. krit59

    krit59 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +346
    ดีครับ มีแต่เก่งๆ กันทั้งนั้น ตอบได้ดีมากๆ สาธุ สาธุ
    รู้แต่เรื่องภายนอก แต่ภายในไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ
     
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    การอ่านกระทู้ บางข้อความอ่านแล้ว มันมีกระเพื่อมที่ใจ ชำเรื่องรู้ไปเรื่อยๆ ตามที่มันเกิด ...อย่างนี้เรียกว่ารู้ภายในหรือไม่ครับ แนะนำด้วยครับ ...
     
  11. Skylab

    Skylab Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +60
    มรรค ๘ แปลว่าทางสู่การหลุดพ้น ย่อแล้วเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา ตัวสมาธิก็คือตัวสมถะ ถ้าไม่มีตัวสมถะ จะไปสู่การหลุดพ้นได้อย่างไร...?
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นั้นแหละครับ ชำเลืองเมื่อไหร่ ก็รู้อยู่ที่ฐานของสติ

    การรู้อยู่ที่ฐานของสติ ก็คือ สติปัฏฐาน ทางสายกลางอยู่ตรงนี้

    ส่วนการรู้แบบเราๆ เขาเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องรู้ในๆ เขาก็ถูก

    แต่เราไม่ส่งจิตเข้าใน

    การส่งจิตเข้าในแบบนั้น หลวงตามหาบัว หลวงปู่มั่น หลวงปู่ดูลย์
    เรียกว่า ส่งจิตออกนอก เป็นหนทางของทุกข์(สมุทัย)

    แต่ถ้าจิตมันส่งเข้าในอยู่ แล้วมีจิตชำเลืองดู นี่ก็เป็นทางสายกลาง
    ได้ทั้งที่กำลังทำฌาณ แบบนี้นิมิตก็ดับ แล้วจะเห็นปัสสัทธิได้
    ก็จะเห็นโพชฌงค์ได้ตามพุทธพจน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2008
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    มโนยิทธิ จะไปยากอะไร เรื่องไม่ให้มันออกไปสิยาก หรือมันออกไปแล้วเห็น
    ว่ามันออกไปแล้ว ไปมีทุกข์แล้วนี่สิ เป็นเรื่องยกชำเลืองได้ยาก

    อย่างกรณีผมฟังเทศน์จบ มีครั้งหนึ่ง อยู่ดีๆ ทั้งๆที่ลืมตา นั้นเห็นภาพตัวเอง
    ไปนุ่งขาวห่มขาวก้มกราบพระที่หน้าตัก วิ่งปรู๊ดไปแล้ว ไม่ได้อยากให้ไปเลย

    ส่งออกนอกไปแล้ว ดีนะที่เห็น เลยไปไม่นาน ไม่ต้องไปสัมผัสภาวะหนืด
    เหนียวๆ ให้ติดเป็นอาสวะอีก จะยุ่ง ทุกข์ชัดๆ

    มีสติระลึกรู้กาย ระลึกรู้ใจไว้ ยังมีความสุขปราณีตเสียกว่า
    เพราะอยู่กับ ทางสายกลาง
     
  14. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    อนุโมทนา ครับ
    แต่ผม มันเป็นคนโง่แสนโง่ ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่
    เดี่ยวจะค่อย ๆ ๆ อ่านครับ รู้สึกว่ามีประโยด แต่อย่างที่บอก ผมมันโง่จริง ๆ
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไปเรื่อยๆ นะครับ อ่านผ่านๆ อย่าทำสัญญาให้หนัก

    ธรรมะถ้าตรงไหนมันใช่ ระหว่างปฏิบัติมันจะไปเห็นเอง
    พอเห็นแล้ว เอ๊ะ ถ้าวาสนาตอนอ่านมาก ฟังมาก หาก
    เก็บมาได้อย่างไม่ยึดไม่ถือ(คิดหนัก) ก็จะถ่ายทอดออก
    มาได้

    อาจเป็นเสียง ภาพ หรือ แสง ไม่ว่าจะอะไร ให้ระลึกไว้
    ครับว่า นั่นคือ ส่วนวาสนาที่เราทำเก็บไว้เอง คนเดียวโนเน
    กลางเลขี้ผึ้ง....

    ก็เหมือนกระทู้ http://palungjit.org/showthread.php?t=163099
    สนทนาธรรมภาคปฏิบัติ ปฏิปัตติวิภัชน์ (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)

    ให้อ่านผ่านๆ เช่นกัน ตรงความไม่เข้าใจนั้น ก็ให้ลองทวนตรง เอาสังขารธรรมไป
    แสวงทางพ้นสังขาร มันไม่ใช่ทาง ซึ่ง สังขารธรรม หลวงปู่มั่นกล่าวว่า ก็คือ การ
    ยึดในกองกุศล ไม่ยึดในกองอกุศล นี่คือ การสร้างสังขารธรรม สร้างเอาไว้เพื่อปลด
    ปล่อยสังขาร มันจะเป็นไปได้อย่างไร แล้วทางไหนคือทางปล่อยสังขาร เป็นกลาง
    ต่อสังขารธรรม สังขารุเบกขา(สังขาร+อุเบกขา) ก็ลองอ่านทวนในบทความดังกล่าว
    ดีๆ จะได้มีธรรมเก็บเป็นข่ายของวาสนาเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น


    * * *

    อ้อ แล้วควรงดการพูดว่า โง่ ลงครับ อย่าจับจิตไปขังไว้ในภพโดยไม่จำเป็น ปล่อยๆ
    ไปก็ได้ อ่านๆไปเรื่อยๆ รู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องนั้นธรรมดา เห็นธรรมนั้นมันคนละเรื่อง
    กับการเข้าใจครับ ดังนั้น โง่แต่เห็นธรรม มีเยอะไป เช่น พระ...จำชื่อไม่ได้ ที่ท่าน
    เอาผ้าขาวไปเช็ดถูๆ ไม่รู้กถา มนต์สักคำ จำไม่ได้ ก็บรรลุอรหันต์ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2008
  16. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    ชอบเหรอครับ ? สมมติว่ามีใครหรืออะไรมากระทบทางขันค์ทั้ง5 ขณะนั้นอย่าง ที่เราไม่ทันได้เตรียมตัวไว้ก่อนหรือไม่ได้คิดเผื่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือแม้แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นอีก คือไม่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นอีกเราจะหงุดหงิดไม๊ครับ ?


    อันนี้เค้าเรียกว่าอวดตนหรือเปล่าครับ ? (แซวเล่น)

    อืมม..คืออย่างนี้นะครับผมจะเล่าอะไรให้ฟังให้พิจราณาเอาเองแล้วกันไม่เจอะจงใครหรืออิงใครทั้งนั้น
    ยกตัวอย่างเช่นว่า มีหนังสือเล่มนึงที่เราเฝ้ารอคอยวันที่มันจะวางแผง เมื่อถึงวันนั้นมันก็เป็นไปตามคาดหวังไว้เราดีใจสุดขีด เมื่อเราจะได้เป็นเจ้าของมันแล้วล่ะคราวนี้
    พอได้มาก็ยังไม่อยากเปิดอ่านต้องกอดต้องเก็บไว้ก่อน ยึกยักยึกยัก เปิดไม่เปิด อยู่พักนึง เพื่อยืนยันและเป็นการตอบสนองกิเลส ตอกย้ำมั่นๆว่ามันเป็นของเราจนได้ อย่างชัดเจนแล้ว ประมาณนี้เป็นต้นฯ
    ต่อ..พอเริ่มเปิดอ่านยิ่งสนุกสมกับที่เฝ้ารอมานาน อ่านตรงไหนๆมันก็โดนใจซะไปหมด อิงไปในตัวละคร อ่านตรงไหนๆมันก็ใช่ซะัไปหมด ช๊อบ ชอบ..ไม่อยากให้จบเลย ...

    วันต่อมา...เมื่ออ่านจนจบหน้าสุดท้ายแล้ว เรายังอาลัยอาวรมันอีกอยู่หรือเปล่า ?
    ถ้าไม่..เอาตรงไหนเป็นเกณฑ์วัดว่าปล่อยวางได้แล้วจริงๆ ?

    เท่าที่อ่านๆมามีบทความดีๆหลายอย่างของอริยะบุึคคลและอริยะสงฆ์ หลายๆท่านมีิอุบายที่ดีและแยบคายเหมาะเจาะกับจริตนิสัยของแต่ละคนได้ลงตัวจริงๆ
    คราวนี้เราหันมามองตัวเองไม่ใช่ว่าต้องจะเป็นแบบเขา สำรวจตัวกันครับ ไม่แน่อาจเกิดปัญญาขึ้นขณะลืมตานี่ก็ได้ใครจะบอกได้ อนิจจัง..

    อนุโมทนาครับ (^^)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2008
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ใช่ ต้องมองอุบายกันดีๆ สายมองพระ มโนยิทธิ ครูบาอาจารย์ก็วาง
    อุบายไว้ครบแล้ว

    ส่วนของการ ละสามโลก สะสังขารธรรม ก็ให้อุบายไว้แล้ว แต่มักไม่เอามา
    แสดงควบคู่ในทุกๆ อรรถ ผิดไปจากจรณะของครู

    พอไปเรื่อยๆ ก็หายไป

    พอหายไปก็เหลือเป็น แสงทิพย์บ้าง แก้วทิพย์บ้าง น่าเสียดาย

    อย่างผมนี่หายห่วง พอมันออกไป ก็ไม่ได้ยินดี ยินร้ายก็ไม่มี มีแต่รู้ลูกเดียว
    แล้วมันจะค่อยๆ ห่างจากสังขารธรรมไปเอง

    คนอื่นนะฝึกจะมี แต่เราก็บอกว่า เรากำลังฝึกละ

    กสิณอื่นๆ ก็เหมือนกันหมด ต้องเอามาฝึกละ

    ไปอ่านพระสูตร ก็ชี้ว่าต้องละ

    แต่พอมีใครสอนว่าให้มี แล้วรอตอนตาย อันนี้ก็ต้องแทรกแซงกันนิด
    เพราะมันประมาท สอนกันผิดจุดไปแล้ว ต้องละให้ได้ก่อนตายไม่ใช่เหรอ

    ภาพพระจึงเป็นหลักทางใจ จนวาระจิตสุดท้าย ก็ละวาง ก็พอดี

    ไม่ฝึกละเอาไว้ ก็ไปเป็นเทวดา

    แต่พระท่านก็สอนอีกว่า เป็นโสดาบันกันให้ได้ มีประโยชน์กว่า เพราะชัวร์

    เล่มไหนจำไม่ได้ แต่มีสอนแน่ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2008
  18. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676




    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ...<((_ _))>
     
  19. ผมยังเลวอยู่มาก

    ผมยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +539
    การออกแบบมโนมยิทธิจิง ๆ เขาออกแบบมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมคับ เผลอๆมันจะทำให้เรารู้ตัวทั่วพร้อมมากกว่ามานั่งแบบมหาสติปัฎฐานที่ทำในปัจจุบันเสียอีก เหตุเพราะมโนมยิทธิจริงๆนั้นไปด้วยกำลังของ ฌาน 4 . จะไปไหนก็รู้ เทวโลก ก็รู้ พรหมโลกก็รู้ได้หมด แต่บางท่านก็ไปแบบครึ่งกำลัง อย่างนี้อารมณ์เฝือก็ยังมีเยอะต้องเอาวิปัสนาญาณเข้าควบคุม ฯ
    แต่อย่างที่บอกละคับ สายปฏิบัติมี 4 แบบ ตามแต่จริตของแต่ละบุคคล ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยเป็นคนชอบสงสัยนู่นนี่เหมือนพวกผมคุณก็ตอ้งปฏิบัติแบบ สุขวิปัสโก ไป
    ส่วนพวกที่ชอบสงสัยนู่นนี่นั่น ประเภทเชื่อยาก ชอบโลดโผนโจนทะยาน อย่างพวกผม ก็ต้องฝึกแบบวิชชา 3 ขึ้นไปมันถึงจะชื่นใจ

    แต่ทุกสายก็สรุปลงจุดเดียวกัน คือ บรรลุอรหัตผล ได้เหมือนกัน สรุปก็คือ ผลที่ได้เหมือนกันคือตัดกิเลศได้ แต่วิธีทำต่างกัน คุณวิเศษที่เป็นผลพลอยได้ก็ต่างกันไปด้วย

    สุดแล้วแต่คุณจะชอบแล้วเลือกปฎิบัติเถิดคับ
     
  20. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    รู้ตัวเอง รู้จักจิตใจตัวเอง ..(^^A)

    ขออนุโมทนาในการปฏิบัติครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...