วิธีทำบุญให้ส่งผลทันที

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 1 มกราคม 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    [​IMG]





    การทำบุญนั้นจะต้องถึงพร้อม 3 ขณะ ตั้งแต่คิด ขณะทำ และหลังจากทำแล้ว ใจต้องผ่องใส อิ่มใจ , สดชื่น ฯลฯ เรียกว่าถึงพร้อม 3 ขณะ บุญชนิดนี้จึงจะมีกำลังในการส่งผล อาจจะสงสัยว่าบุญส่งผลอย่างไร ? เมื่อไหร่ ?



    บุญเริ่มส่งผลตั้งแต่คิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Bintabat.jpg
      Bintabat.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.9 KB
      เปิดดู:
      1,679
  2. cacalot

    cacalot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2006
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +130
    อนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  3. boonlai

    boonlai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +356
    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  4. นันท์นภัส

    นันท์นภัส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2006
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +15
    ขอ อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  5. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    ขออนุโมทนาค่ะ
    ทุกครั่งที่ทำบุญ รู้สึก สบายใจ มากๆๆ
     
  6. p_pand_j

    p_pand_j Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +71
    อนุโมทนาสาธุ
    เปนความรู้ที่ดีมากค่ะ
     
  7. ab

    ab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2004
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +185
    อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ
     
  8. Merin

    Merin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +562
    ขออนุโมธนาครับ
     
  9. tassanai_k

    tassanai_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,518
    โมทนา สาธุ ครับ
     
  10. GAN9

    GAN9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +1,249
    อนุโมทนา ครับ
     
  11. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,921
    โมทนาสาธุด้วย เรื่องนี้รู้สึกค่อยเข้าท่าหน่อย....ไม่อยู่กลางน้ำ

    สวัสดีที่ยังปีใหม่อยู่
    จากคนที่ยังไม่เต็มบาท
     
  12. kiwibird

    kiwibird เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +288
    อนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  13. Fauxhawk

    Fauxhawk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +40
    อนุโมทนา สาธุครับ ต่อไปนี้ก็จะได้เข้าใจอะไรๆถูกๆซะทีเกี่ยวกับการทำบุญ
     
  14. thank you

    thank you เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +1,747
    เข้าใจหามาให้อ่านนะดีจริงฯคะ(ทำบุญแล้วก็อย่าลืมนั่งสมาธิกันต่อละจะได้ครบชุดไปเลย)
     
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    กระทู้นี้ คุณ vachara<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_171154", true); </SCRIPT> เขียนได้สุดยอดเลยครับ....

    ....................................................

    โดยส่วนผมเอง จะคุ้นอยู่กับ คำสอนขององค์หลวงพ่อฯ ที่ว่า....

    อานิสงส์ ของ "ทาน" จะมีมาก มีน้อย ขึ้นอยู่กับ ความบริสุทธิ์ 3 x 3 ประการ คือ....

    3 ประการแรก คือ...

    1. ผู้ให้ทาน เป็นผู้บริสุทธิ์ (จะเห็นว่า ก่อนจะถวายทานนั้น พระจะให้รับศีลเสียก่อน เมื่อเราตั้งใจรับศีลแล้ว ในขณะนั้นเราก็เป็นผู้ที่บริสุทธิ์ ถ้าสักแต่ว่า ให้แบบส่งเดช ก็ยากที่จะบริสุทธิ์)

    2. ผู้รับทาน เป็นผู้บริสุทธิ์ (ผู้รับ ถ้าเป็นพระอริยะ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี ก็บริสุทธิ์ยิ่งเป็นพระอรหันต์ ยิ่งบริสุทธิ์ใหญ่ และถ้าให้ในเขตพระพุทธศาสนา เช่น ทานอริยบุคคล พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระอัครสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า สังฆทาน วิหารทาน อภัยทาน ธรรมทาน ก็ยิ่งบริสุทธิ์สุดยอด)

    3. ทานที่ให้ เป็นทานที่บริสุทธิ์ (ทานที่ถวาย ไม่ได้โกง ไม่ได้ขโมย มีที่มาไม่ผิดศีล ก็เป็น ทานที่บริสุทธิ์)

    ...................................................................................

    3 ประการที่สอง

    ทาน ที่บริสุทธิ์ดีแล้ว ก็ยังแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ ....

    1. สามีทาน คือ สิ่งของอันประณีต เป็นสิ่งของที่จัดเตรียมอย่างดีเยี่ยม เพื่อถวายพระ
    2. สหายทาน คือ สิ่งของที่เรากิน เราใช้อยู่ เป็นปกติ เช่น แบ่งอาหารให้เพื่อนบ้าน
    3. ทาสทาน คือ สิ่งของที่เราไม่กิน เช่นเศษอาหารให้สุนัข ของไม่ใช้ เช่น เสื้อผ้าเก่า

    อานิสงส์ ก็มีมาก น้อย ตามลักษณะของทาน สามีทาน นับเป็นทานที่มีอานิสงส์สูงสุด

    .................................................................................

    ส่วน 3 ประการที่สาทก็คือ "ปีติ 3 กาล" กล่าวคือ....

    1. ก่อนจะทำทาน ก็ปีติ.... นางสาตะกี เห็นดอกบวบขม สีเหลือง มีความปีติ ยินดี อยากนำไปถวายพระธาตุเจดีย์

    2. ขณะทำทาน ก็ปีติ นางฯได้เด็ดดอกบวบขม มีความยินดี เดินทางไปสู่พระธาตุเจดีย์ ไม่ทันถึง ก็ถูกงูกัดตายเสียก่อน

    เมื่อตายไปแล้ว ไปเกิดที่ดาวดึงส์ มีวิมานทองคำสีดอกบวบ มีนางฟ้าเป็นบริวาร 5,000 องค์ ยังไม่ทันเกิดผลของ "กาล" ในข้อที่ 3

    3. หลังจากทำทานไปแล้ว ก็ปีติ

    เคยมีผู้สนใจสอบถาม ในเรื่องอานิสงส์ของการทำบุญ ว่า การทำบุญกับ "วัด ที่รวย" มีความสวยสดงดงาม มีอาคาร วิหาร มากมาย มีเนื้อที่กว้างขวาง

    เมื่อ เปรียบเทียบกับ การทำบุญกับ "วัด ที่จน" มีความทรุดโทรม" มีวิหารเก่าแก่ อยู่ในชนบทที่ห่างไกล นั้น

    อานิสงส์ของการทำบุญ จะแตกต่างกันไหม? อย่างไหนจะมีผลบุญ อย่างไหนจะดีกว่า

    บางคนก็ว่า ทำบุญกับวัดที่จนๆดีกว่า เพราะจะช่วยพัฒนาวัดให้รุ่งเรือง

    บางคนก็ว่า ทำกับวัดที่มีความสวยงาม จะดีกว่า เพราะถ้าจิตใจเราพบแต่สิ่งสวยงาม จิตก็จะได้ฟู มีความชื่นใจในบุญได้ดีกว่า

    บางคนก็ว่า ถ้ามีความตั้งใจจะทำบุญเสียอย่าง ทำที่ไหนๆ ก็เหมือนกันนั่นแหละ ได้บุญเหมือนกันหมด

    ลองตรองดูด้วยตัวเอง ว่า....

    ถ้ามีวัดใดที่ยังค่อนข้างจะยากจน แล้วพวกเรามีความศรัทธา อยากพัฒนาให้เจริญ ให้สวยงาม อย่างนี้ ก็คือ กาล ในข้อ 1 ใจก็เกิดจะปีติยินดี

    กาลในข้อที่ 2 ลงมือทอดผ้าป่า ทอดกฐินทาน ใจก็เกิดปีติ ชุ่มชื่มใจ

    แต่ทว่า ในกาลต่อมา กล่าวคือ

    กาลในข้อ 3 หลังจากการทอดกฐิน ก็แล้ว ทอดผ้าป่า ก็แล้ว ทอดไป ๕ ปี ๑๐ ปี เข้าไปแล้ว โบสถ์ที่มุ่งหวังก็ยังมีเพียงแต่เสาโด่เด่ อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร เราก็อาจจะได้พบ "โจรปล้นพระศาสนา" เข้าให้แล้ว

    อย่างนี้ ปีติ ข้อที่ 3 ก็ไม่ปรากฏ อานิสงส์ แห่งกุศล ก็น้อยลงไป

    ไม่มีความปีติยินดี เมื่อหวนย้อนระลึกถึง มีแต่ความเศร้าหมองของจิตที่โดนหลอกลวง

    อานิสงส์ ของทาน ก็ถูกทอนให้ลดลงไป

    อย่างนี้ ทำบุญกับวัดที่รวย และทำบุญกับวัดที่ยังจน มีผล แตกต่างกันไหม....

    มันก็ต้องขึ้นกับ "ผู้รับ" ในหัวข้อ 3 ประการแรก....
    มันจึงต้องเกี่ยวพันกันหลาย ๆ สื่ง หลาย ๆ ด้าน ....
    ไม่ได้เฉพาะเจาะจง แค่เพียง 3 กาล เท่านั้น....

    จะใช่ไหมหนอ....
    ......................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2006
  16. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    ขออนุโมทนาครับ...

    สุดยอดเลยครับกับบทความนี้...การทำบุญกุศลเพื่อให้ได้บุญจริงๆ


    เพราะฉะนั้นผมขอแนะนำบทความด้านล่างนี้ด้วยครับ...
    --------------------------------------------------------------------


    วิธีสร้างบุญบารมี...ของสมเด็จพระญาณสังวร...

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=19673

    เว็บไซต์ประวัติและธรรมเทศนาหลวงปู่หลวง กตตฺปุญฺโญพระสุปฏิปันโนสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    http://members.thai.net/varanyo/pooluang.asp<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ลักษณะพุทธศาสนา...สมเด็จพระญาณสังวร<O:p</O:p<O:p</O:p

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=168173

    สัพพาสวสังวรสูตร...สมเด็จพระญาณสังวร<O:p</O:p<O:p</O:p

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=168329
     
  17. แพร์

    แพร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +46
    อนุโมทนาค่ะ
     
  18. นักบุญ

    นักบุญ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +66
    สาธุ
     
  19. pong999

    pong999 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +33
    อนุโมทนาสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...